กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 09-12-2023, 17:16
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 333
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,273 ครั้ง ใน 806 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม วันพ่อแห่งชาติ วันเสาร์ที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๖ (ช่วงค่ำ)

ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม วันพ่อแห่งชาติ วันเสาร์ที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๖ (ช่วงค่ำ)



แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พิชวัฒน์ : 10-12-2023 เมื่อ 00:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 10-12-2023, 18:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,632 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก่อนทำวัตรเย็น วันเสาร์ที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๖

คนจีนเขาเชื่อว่าก่อนหน้านี้ ในช่วงกำเนิดพิภพ ถ้าหากว่าเป็นฝรั่งก็เรียกช่วงเคออส (Chaos) คือความวุ่นวายสารพัด ความจริงก็คือการที่พลังงานกับสสาร ถึงเวลาหมุนวนมาได้จังหวะ ก็จับกันขึ้นมาเป็นก้อน คล้าย ๆ กับการกำเนิดมนุษย์ แต่ว่าพวกนี้จะเป็นส่วนของดวงดาว ถ้าหลาย ๆ ดวงดาวก็เป็นกาแล็กซี่ หลาย ๆ กาแล็กซี่ก็เป็นยูนิเวิร์ส ฟังให้บ้าไปเลยนะ..!

คนจีนเขาบอกว่าช่วงที่เกิดโลกขึ้นมาใหม่ ๆ มียักษ์ตนหนึ่งชื่อผานกู่ เหมือนกับโลกนี้เป็นฟองไข่แล้วผานกู่เกิดขึ้นมาอยู่ข้างใน ผานกู่นอนไปนอนมารู้สึกอึดอัด ไม่รู้ไปหยิบขวานที่ไหน จามลงไปจนฟองไข่ยักษ์นั้นเป็นสองซีก ส่วนที่เบาลอยขึ้นไปเป็นท้องฟ้า ส่วนที่หนักก็เป็นพื้นดิน ผานกู่ยืนค้ำยกขึ้นไป ก็ต้องใช้กำลังในการค้ำยันไม่ให้ฟ้าดินกลับมาชนกัน พอผ่านไปเป็นหมื่นเป็นแสนปี ผานกู่หมดพลังก็ตาย ดวงตากลายเป็นพระอาทิตย์กับพระจันทร์ เลือดกลายเป็นสายน้ำ เนื้อก็เป็นภูเขาและผืนดิน

แต่ละเชื้อชาติเขาก็มีความเชื่อเรื่องพระเจ้าสร้างโลกเหมือนกันหมด แต่ถ้าวิทยาศาสตร์ก็จะบอกว่าเป็นธรรมชาติของการกำเนิดดาราจักร อย่างของทางประเทศลาว เขาเชื่อว่าคนเราเกิดมาจากลูกน้ำเต้า ถึงเวลาพระเจ้าก็เอาเหล็กแหลมแทงลูกน้ำเต้าเป็นรู คนก็มุดออกมา เพราะใช้เหล็กแหลมเผาไฟแทง คนที่ออกมาจากรูแรกก็เลยตัวดำ ๆ รูที่สองออกมาก็ตัวขาวหน่อย ..(หัวเราะ).. ก็มีเหตุผลเหมือนกันนะ..!

ส่วนทางภาคเหนือของเรามีตำนานปู่แสะย่าแสะ บางตำนานก็เรียกปู่สางสีย่าสางไส้ ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันคือต้องมีหนึ่งคู่ถึงจะเกิดเป็นคนได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-12-2023 เมื่อ 00:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 10-12-2023, 18:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,632 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ตำราจีนเขาบอกว่าพวกพลังงานนอกจากจะเกิดเป็นผานกู่แล้ว ยังมีพวกเทพเจ้าชุดแรก ๆ อย่างฝูซี หนี่ฮัว จู้หลง ก้งกง ไม่มีอะไรทำก็ตีกันเอง หนี่ฮัวค่อนข้างจะมีหัวสร้างสรรค์ นั่งอยู่ริมน้ำเหงา ๆ ไม่รู้จะทำอะไรก็หยิบดินมาปั้นเป็นตุ๊กตา พอวางลงก็กลายเป็นคน จึงเอาเส้นผมหย่อนลงไปในโคลนแล้วสะบัดไป ก็กลายเป็นมนุษย์เยอะแยะไปหมด เท่ากับเป็นลูกหลานของเขาเอง

คราวนี้จู้หลง ก้งกง รบกัน ดันไปชนเสาค้ำฟ้าพังไปหนึ่งต้น ก็เลยทำให้ฟ้า
แตกเป็นรอย ถล่มลงมา น้ำไหลลงมาท่วมโลก หนี่ฮัวก็เลยต้องสกัดหินวิเศษไปอุดรอยต่อ จนทำให้ตัวเองหมดพลัง ตายไปอีกคนหนึ่ง

คนจีนเขาใช้คำว่ายุคสามราชาห้าจักรพรรดิ ก็จะมีเสินหนง ฝูซี ต้าซุ่น รุ่นของพวกเรานี่ใครทันเรียนเรื่องไคเภ็กบ้าง ? ไม่ทันกันใช่ไหม ? สมัยก่อนพอเริ่มขึ้นมัธยม นอกจากสามก๊กก็ยังมีไคเภ็กให้เรียนด้วย ไคเภ็กก็คือเรื่องของผานกู่เบิกฟ้าสร้างโลก มายุคของกษัตริย์ชื่อไต้ซุ่นหรือต้าซุ่น ประเทศไทยเรานิยมแต้จิ๋วก็เลยเรียกไต้ซุ่น เขาบอกว่าไต้ซุ่นเป็นคนมีบุญ มีแก้วตา ๒ คู่ ไม่ใช่มีตาดำ ๒ คู่นะ มีแก้วตา ๒ คู่

ในชีวิตอาตมภาพเจออยู่แค่สองคน ก็คือตาดำจะมีวงซ้อนอยู่ แล้วแยกชัดเจนมาก เห็นชัด ๆ เลยว่าตาดำซ้อนกันอยู่ ๒ ชั้น ต้องถามหมอตาดูว่าเกิดอะไรขึ้นถึงเป็นอย่างนั้น ? สามารถบอกได้ท่านหนึ่งเพราะว่าเป็นฆราวาส คือ พลเรือโทบรรยงก์ ถาวรามร เป็นอดีตแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ที่ภาษาชาวบ้านเรียกโรงพยาบาลทหารเรือ ส่วนอีกท่านหนึ่งเป็นพระบอกไม่ได้ เดี๋ยวพวกเราไปกวนท่าน

ไต้ซุ่นนอกจากมีแก้วตา ๒ คู่แล้ว ถึงเวลาทำงานแดดร้อนก็มีฝูงนกมาบินให้ร่มเงา ก็คือบินเป็นวงเหมือนกับกางร่มให้ ส่วนนั้นเขาสอนเรื่องความกตัญญู ไม่มีอะไรหรอก ตัวเอกนิยายจีนถ้าไม่กตัญญูก็อยู่ไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-12-2023 เมื่อ 00:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 10-12-2023, 18:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,632 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ที่พูดมาจนถึงตรงนี้เพื่อจะบอกว่าตำนานต่าง ๆ มีความเกี่ยวเนื่องกัน เพียงแต่ว่าแต่ละคนที่มีทิพจักขุญาณสามารถที่จะเห็นอดีตบ้าง เห็นอนาคตบ้าง เห็นปัจจุบันบ้าง สามารถเห็นได้ไม่เท่ากัน เรื่องที่ออกมาก็เลยมากน้อยต่างกันไป

ถ้าพวกเรามีโอกาส ใครเรียนภาษาจีนจะดีที่สุด มีคัมภีร์ที่เรียกว่าซานไห่จิง ก็คือคัมภีร์เกี่ยวกับภูผามหานที เขาบอกเอาไว้ถึงสารพัดคนสารพัดสัตว์ว่าอยู่ในทิศไหน ? มีอะไรบ้าง ? ด้านโน้นมีภูเขาเงิน ภูเขาทอง ภูเขาหยก อ่านเสร็จ..ไอ้หอกหลุด มึงเก่งเกิน..! เขามองทะลุเข้าไปยันป่าหิมพานต์..! บรรยายออกมาได้ พออ่านไป..อ่านไป..โอ้โห..อย่างนี้ถ้าคนคิดตามนี่บ้าไปเลย..! เพราะว่าเป็นเรื่องทั้งโลกหยาบและโลกละเอียดปนกัน

คนเขียนเก่งมาก เก่งแต่แยกไม่ออก คือเห็นโลกทิพย์ก็เห็น โลกไม่ใช่ทิพย์ก็เห็น ก็อธิบายไปเรื่อย เช่น ลงไปทางทะเลใต้ ในเกาะที่มีคลื่นลมรุนแรงมาก มีสัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนวัวแต่มีขาเดียว ชอบออกมาเล่นคลื่น คนวาดก็วาดรูปวัวขาเดียวกระโดดโลดเต้นอยู่บนคลื่น ไอ้บ้า..มึงวาดออกมาได้อย่างไร..?!

ที่เขาพูดนั่นหมายถึงแมวน้ำ..! คืออธิบายว่าสัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนวัวแต่ยืนขาเดียว ก็คือยืนบนหางนั่นแหละ คือทุกอย่างที่เขาพูดมีตัวจริง แต่เราตีความออกไหม..? ส่วนคนวาดรูปก็ประมาณว่า "มึงบอกวัวขาเดียว กูก็วาดรูปวัวมีขาเดียว ยืนอยู่บนคลื่น" เออ..บ้าไปเลย..! เพราะฉะนั้น..อย่าไปสนใจภาพประกอบนะ อ่านเอาเนื้อเรื่องอย่างเดียว เอ้า..ทำวัตรเย็นกันก่อน

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม วันพ่อแห่งชาติ
ก่อนทำวัตรเย็น วันเสาร์ที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-12-2023 เมื่อ 00:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:40



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว