#1
|
||||
|
||||
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด หรือมีความชำนาญมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ ที่ผ่านมา เป็นวันพระใหญ่พระจันทร์เต็มดวง หลังจากที่พระภิกษุสามเณรทำวัตรค่ำและฟังโอวาทแล้ว ก็มีเสียงปืนดังมารอบวัด บวกกับเสียงประทัดเข้าไปด้วย เหมือนกำลังอยู่ในศึกในสงคราม สอบถามดูถึงได้รู้ว่ามีจันทรุปราคา แต่ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่นาน ๆ จะมีแบบนี้สักครั้ง ก็คือเมื่อจันทรุปราคาเกิดขึ้นแรก ๆ จะเป็นสีออกน้ำเงิน ที่พวกฝรั่งเรียกว่า Blue Moon เมื่อกลืนเต็มดวงแล้วก็เป็นสีแดง ที่ฝรั่งเรียกว่า Blood Moon หรือพระจันทร์สีเลือด และเป็นวันที่ดวงจันทร์อยู่ใกล้โลกมาก จนเห็นดวงโตกว่าปกติ ที่เรียกว่า Super Full Moon เป็นต้น คราวนี้จากการที่ชาวบ้านทั้งยิงปืน ทั้งจุดประทัด จุดพลุ เพื่อขับไล่พระราหูตามความเชื่อของเขาก็ดี หรือว่าขับไล่สิ่งอัปมงคลต่าง ๆ ก็ตาม ขอให้ทราบว่านั่นเป็นการกระทำที่ค่อนข้างจะขาดสติ เนื่องจากว่าบุคคลเราถ้ามีความมั่นคงในคุณพระรัตนตรัย ก็จะไม่หวั่นไหวต่อสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้นง่าย ๆ แบบนั้น คำว่า ไม่หวั่นไหวง่าย ๆ เพราะว่ามีความเชื่อมั่น มีความมั่นคงต่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นปกติ มั่นคงด้วยความศรัทธาในคุณพระศรีรัตนตรัย แต่ว่าในส่วนที่ปรากฏก็คือ คนส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น แต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่วิตกกังวล เพราะทางโหราศาสตร์ทำนายว่า จันทรุปราคาเป็นลางที่ไม่ดีต่อบ้านต่อเมือง พระจันทร์สีโศกทำให้เกิดความโศกเศร้าเสียใจ มีเหตุการณ์อันจะทำให้คนส่วนใหญ่เสียน้ำตา พระจันทร์สีเลือดอาจจะมีการรบราฆ่าฟันกันจนเลือดนองแผ่นดิน เป็นต้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-02-2018 เมื่อ 02:36 |
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
เรื่องทั้งหลายเหล่านั้นโหราศาสตร์เขาว่าไปตามตำรา แต่ถ้าเรามั่นคงอยู่ในคุณพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง มีความเชื่อมั่น มีความมั่นใจว่า ทุกหนทุกแห่งไม่ว่าจะโลกนี้หรือโลกไหนก็ตาม ถ้าเรารำลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่เป็นปกติ บารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดี ของพระธรรมก็ดี ของพระสงฆ์ก็ดี สามารถที่จะปกป้องคุ้มครองเราได้
โดยเฉพาะการปกป้องคุ้มครองในส่วนที่ทำให้เราไม่ต้องตกไปสู่ทุคติ หรือไม่ต้องตกไปสู่อบายภูมิ ซึ่งถ้าจะให้เป็นดังนั้น เราก็ต้องมีความมั่นคงในศีล ก็คือรู้จักรักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นกระทำการละเมิดศีล มีความเคารพในพระรัตนตรัยอย่างเที่ยงแท้มั่นคง ไม่หวั่นไหว ไม่ถือมงคลตื่นข่าว ไม่ไปเที่ยวไหว้สิ่งของประหลาด ๆ ที่เกิดจากพืชจากสัตว์ต่าง ๆ เป็นต้น และท้ายสุดมีความรู้ตัวอยู่เสมอว่าเกิดมาแล้วเราต้องตาย จึงวางกำลังใจว่า จุดสุดท้ายในชีวิตของเรา ถ้าตายลงไปเราก็ไปพระนิพพานแห่งเดียว ถ้าท่านทั้งหลายสามารถทำอย่างนี้ได้ เราก็สามารถที่จะปิดอบายภูมิ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าพระจันทร์สีเลือดหรือพระจันทร์สีโศก ไม่เช่นนั้นแล้วเราเองถ้าเกิดมาใหม่เมื่อไร ก็จะตกอยู่ในภาวะของความกลัวอย่างนี้อีก โดยเฉพาะสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารนี้อย่างไม่รู้จบ เพราะว่าต้องมาพบกับสิ่งที่ก่อให้เกิดความทุกข์แบบเดิม ๆ อย่างนี้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะทุกข์ของการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย การพลัดพรากจากของรักของชอบใจ การปรารถนาไม่สมหวัง การกระทบกระทั่งอารมณ์ที่ไม่ชอบใจ เป็นต้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 08-02-2018 เมื่อ 18:33 |
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ในเมื่อเราเห็นแล้วว่าเกิดกี่ชาติก็ทุกข์ ขึ้นชื่อว่าการเกิดซึ่งหาที่สิ้นสุดไม่ได้เช่นนี้ เราไม่พึงปรารถนาอีกแล้ว การเกิดมามีร่างกายที่เต็มไปด้วยความทุกข์เช่นนี้ เราไม่ต้องการอีกแล้ว เราต้องการอย่างเดียวคือพระนิพพาน แล้วก็เอากำลังใจของเราเกาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสัมพุทธเจ้า หรือว่าเกาะพระนิพพานเอาไว้
พยายามทำกำลังใจของเราให้มั่นคงให้ได้อย่างนี้ทุกวัน ถ้ากำลังใจของทุกท่านทรงตัว คติคือที่ไปของท่านก็จะไปในส่วนของสุคติ และถ้าสามารถชำระจิตให้ผ่องใสจากกิเลสได้ ก็จะก้าวเข้าสู่ความเป็นพระอริยเจ้าตามแต่วาสนาบารมี และความขยันหมั่นเพียรของแต่ละคน ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ วันศุกร์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ (ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-02-2018 เมื่อ 19:39 |
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|