กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม > ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 30-08-2011, 08:13
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default โลกนี้ทั้งโลกเป็นเรื่องของคนมีความทุกข์

โลกนี้ทั้งโลกเป็นเรื่องของคนมีความทุกข์
หรือคนไม่มีทุกข์ไม่มีในโลก

สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ มีความสำคัญดังนี้

๑. ทรงตรัสว่า “ต่อไปนี้จักไม่สอนละเอียด จักสอนแต่หัวข้อธรรมโดยย่อ แล้วให้ใช้ปัญญาพิจารณาขยายความให้ละเอียดเอาเอง เพื่อจักช่วยทำให้ปัญญาเกิดได้อย่างดี”

๒. “เวลานี้กฎของกรรมกำลังเล่นงานพวกเจ้าอยู่ ให้พยายามตัดกรรมคือข่มใจ อย่าทำอารมณ์ให้ฟุ้งซ่าน ระงับอารมณ์ให้อยู่ในความสงบ ยอมรับและเคารพในกฎของกรรม”

๓. “ผลของการทำจิตให้สงบได้นั่นแหละ คือ การปฏิบัติพระกรรมฐานได้ผลบ้างแล้วหรือไม่ ถ้าไม่มีปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นมา จิตก็จักไม่มีเรื่องเข้ามาทดสอบอารมณ์อย่างหนักอย่างในขณะนี้ คำว่าสอบได้หรือไม่ได้ก็จักไม่รู้เลย”

๔. “ในเรื่องอาหารที่มีผู้นำมาให้ บางครั้งก็มากเกินไป แต่อาหารก็เป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิต จักต้องใช้สติปัญญามองปัจจเวกขณ์ ๔ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่จำเป็นต่อผู้ที่มีร่างกาย มีมากก็เป็นทุกข์ น้อยไปก็เป็นทุกข์ จุดนี้ใคร่ครวญให้ดี เป็นการตัดสักกายทิฏฐิประการหนึ่งเหมือนกัน” (ข้อนี้ทรงตรัสเน้นสอนเพื่อนผมโดยเฉพาะ) ดังนั้น จักเจริญวิปัสนาให้ละเอียด ก็อย่าคิดแต่เรื่องอาหารเพียงอย่างเดียว ให้คิดหมดทั้ง ๔ ประการ คือ ที่อยู่อาศัย-อาหาร-เครื่องนุ่งห่ม-ยารักษาโรค จักได้ปัญญาเกิดขึ้นยิ่ง ๆ ขึ้นไป แต่จงอย่าลืมการพิจารณาให้ใช้หลักมัชฌิมาปฏิปทา ไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นด้วย)

๕. “โลกนี้ทั้งโลกเป็นเรื่องของคนมีความทุกข์ทั้งหมด คนไม่มีทุกข์ไม่มีในโลก มีแต่พระนิพพานเท่านั้นเป็นดินแดนหมดทุกข์ การทำงานก็ทำไปตามหน้าที่ อย่าไปเกาะบุญเพราะเกาะบุญก็ยังต้องเกิด บุญต้องทำ แต่จิตอย่าไปยึดเกาะบุญนั้น”

๖. “ทำทุกอย่างทำไปโดยไม่หวังสิ่งอื่นใด นอกจากพระนิพพานจุดเดียว หากหมั่นตรวจกำลังใจอยู่อย่างนี้ จะทำให้บารมีเต็มได้ทุก ๆ โอกาส เป็นการเตือนจิตตนให้มุ่งหวังพระนิพพานโดยเฉพาะ ไม่หวังแสวงหาสิ่งอื่นใดมาตอบแทน แม้กระทั่งผลของบุญที่ทำให้เกิดเป็นพรหม-เทวดาก็ไม่เอา แม้กระทั่งในยามเจริญพระกรรมฐานก็พึงใช้อารมณ์นี้ด้วย จักได้ผลทรงตัว เพราะมีกำลังใจเตือนตนเองว่าทำเพื่ออะไรอยู่เสมอ”
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 65 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 31-08-2011, 08:31
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๗. “จงอย่าไปสนใจกรรมของผู้อื่น เรื่องของผู้อื่น ให้ทำตัวเป็นเพียงผู้ดู-ผู้รู้ แต่อย่ากระโดดเข้าไปแสดงกับเขาเป็นอันขาด การไปรู้เรื่องของผู้อื่น แล้วไปยึดไปยุ่งกับเรื่องของเขา อย่างน้อยก็ทำให้อารมณ์ไหวขึ้นไหวลง หาความสงบไม่ได้ เมื่อสุขภาพจิตมันไม่ดี ก็ทำให้สุขภาพกายไม่ดี มันเกี่ยวเนื่องกันอย่างนี้”

๘. “ให้สังเกตอารมณ์ที่เกาะยึดมากที่สุดในขณะนี้คือ อารมณ์เกาะกายที่มีทุกขเวทนา แต่ก็นับว่าเป็นของธรรมดานะ เพราะถ้าหากวางได้จริง ๆ นั่นเป็นอารมณ์ของพระอรหันต์ ซึ่งอรหันต์เท่านั้นที่ไม่ห่วงกาย ต่ำกว่านั้นยังไม่มีอารมณ์ตัดได้เด็ดขาด ก็ต้องห่วงบ้าง ปล่อยบ้างเป็นธรรมดา ไม่เชื่อให้ทดลองสอบอารมณ์ของตนเองดู แม้จะเคร่งแค่ไหนก็ยังไม่วายเกาะทุกขเวทนาของกายกันทุกคน”

๙. “การเจริญพระกรรมฐาน จึงต้องใช้หลักสัจจานุโลมิกญาณ ทิ้งไม่ได้ ต้องย้อนไปย้อนมา จึงจักได้ผลดีและเป็นผลทรงตัว ไม่ทำให้เบื่อง่ายด้วย

๑๐. “ในเรื่องโลกธรรม ๘ โดยเฉพาะเรื่องนินทากับสรรเสริญ ให้ดูตัวอย่างพระที่ท่านเป็นพระเต็มทั้งกายและใจแล้ว พูดกับพระที่บวชแล้วยังเป็นสมมติสงฆ์อยู่ ความว่าหากเขามาว่าผมไม่ใช่พระ ผมก็เฉย ๆ เพราะเราใช่พระหรือไม่ เราก็รู้ตัวของเราเองดี ถ้าเราเป็นพระ เขามาด่าเราว่าไม่ใช่พระ ก็ไม่เห็นจะต้องไปเดือดร้อนอย่างใด จุดนี้จักต้องถูกกระทบก่อนจึงจักรู้ได้ ของจริงอยู่ตรงนี้ เราได้ดูตัวอย่างของจริงแล้ว ให้เอามาเป็นครูสอนใจเราได้ สรุปว่ากรรมใครกรรมมัน รู้แล้วอย่าไปยุ่งกับเขา เอาเวลานั้นมาปฏิบัติธรรมดีกว่า

๑๑. “ประโยชน์ที่พวกเจ้าจักได้ ให้จำปฏิปทาของท่านพระองค์นั้นไว้ ท่านวางจิตในกรณีนี้อย่างไร (เรื่องภิกษุพาณิชย์ถูกคณะกรรมการสงฆ์ขับออกจากวัดท่าซุง) ท่านไม่ซ้ำเติมหรือยินดีด้วยกับการกระทำของภิกษุพาณิชย์ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ท่านรักษาอารมณ์จิตของท่านไม่ให้เดือดร้อนไปกับเรื่องเหล่านี้ ท่านถืออารมณ์ปฏิบัติพระกรรมฐานเป็นสำคัญ จึงวางเรื่องเหล่านี้ไปได้ อีกประการหนึ่ง ท่านเป็นแบบฉบับในการตัดกรรม ไม่ต่อกรรมไปทั้งกาย-วาจา-ใจ จิตท่านสงบเป็นสุข ตัวอย่างเลวก็มีอยู่มาก ซึ่งพวกเจ้ามักจักชอบยึดตามแบบฉบับเลวมากกว่าตัวอย่างที่ดี จุดนี้จักต้องพยายามตัดกรรมเลว ๆ ให้ออกจากจิตในขณะที่รู้ตัวอยู่ อย่าได้ท้อถอย เผลอก็ตั้งต้นใหม่ ไม่ละความพยายามเสียอย่างเดียว ความสำเร็จก็ย่อมเป็นของพวกเจ้าแน่”

๑๒. “เรื่องคนไม่มีทุกข์ ไม่มีในโลกนี้ ให้พวกเจ้าไปทบทวนธรรมที่ตรัสสอนไว้ในเดือนมีนาคม ๒๕๓๘ เรื่องมีร่างกาย ก็เหมือนมีลูกอ่อนที่ต้องเลี้ยงดูมันตลอดเวลา แล้วจักเข้าใจดีขึ้น อย่าลืม หากยังไม่เห็นทุกข์ได้ตามความเป็นจริงแล้ว ก็ไม่มีทางพ้นทุกข์ได้


ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๘
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:29



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว