กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 07-05-2012, 21:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,669 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เก็บตกวันมาฆบูชา วันพุธที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๕

วันพรุ่งนี้คือ วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๔ จะมีการเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกตเป็นเครื่องทรงชุดฤดูร้อน

บ้านเรามี ๓ ฤดู ก็คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว แต่ระยะหลังนี้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปมาก บางทีตอนเช้าหนาว กลางวันร้อน เย็นฝนตก ดินฟ้าอากาศที่แปรเปลี่ยนไปมาก ทำให้บุคคลที่สภาพจิตใจไม่เข้มแข็งพอ มีอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ได้เช่นกัน ต้องบอกว่าสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อชีวิต

ดังนั้น..ท่านใดที่เป็นนักปฏิบัติธรรมพึงระมัดระวังให้จงหนัก เพราะว่าร่างกายของเราเกี่ยวพันอยู่กับโลกนี้ อยู่กับจักรวาลนี้ อยู่กับดวงดาวต่าง ๆ เป็นอย่างมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2012 เมื่อ 02:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 96 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 07-05-2012, 21:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,669 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ที่ญาติโยมเห็นกันบนศาลานี้คือพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว ซึ่งทางวัดจะนำออกมาให้ญาติโยมสักการะบูชาปีละ ๔ ครั้ง ที่วัดนี้ ๓ ครั้ง คือ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา ส่วนที่กรุงเทพฯ จะเป็นช่วงปีใหม่ จึงมีญาติโยมถวายทองคำเพื่อบูชาพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วเป็นจำนวนมากทุกครั้ง ระยะหลังนี้ญาติโยมบางท่านก็ไม่อยากรอให้ถึงวาระ เจอหน้าอาตมาก็ถวายทองไว้ก่อน ส่วนบางรายมาถึงวัดก็ถวายทองร่วมหล่อพระ ไป ๆ มา ๆ ทองปนกันมั่วไปหมด อาตมาเลยรวมกันเป็นที่เดียวเลย เดี๋ยวจะหล่อพระแล้วค่อยหาทองคำใหม่

ในเรื่องของการบูชาพระบรมสารีริกธาตุนั้น ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงได้รับความรู้จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามา พระองค์ท่านตรัสว่า บุคคลที่บูชาพระบรมสารีริกธาตุส่วนใดก็ตาม ถ้าหากว่าบูชาด้วยทองคำนั้น พระยายมราชท่านจะขึ้นบัญชีทองคำให้ (ในเมื่อบูชาด้วยทองคำก็ขึ้นบัญชีทองคำให้เช่นกัน) บุคคลที่มีชื่ออยู่ในบัญชีทองคำนั้น ถ้าไม่ใช่สร้างกรรมหนักจริง ๆ ท่านว่าห้ามตกนรก

ที่บอกว่ากรรมหนักจริง ๆ นั้นหนักขนาดไหน ? ก็ขนาดเป็นกรรมประเภทฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อพระโลหิต ยุสงฆ์ให้แตกกัน หรือว่าท่านที่สร้างอาจิณกรรม อย่างเช่น ฆ่าสัตว์ทุกวัน พวกที่มีอาชีพฆ่าสัตว์ในโรงฆ่าสัตว์ หรือไม่ก็อาจจะเป็นแม่ค้าขายปลา ขายไก่ เลยต้องทุบปลา ต้องเชือดไก่กันอยู่ทุกวัน อย่างนั้นเขาเรียกว่าอาจิณกรรม คือกรรมที่ทำอย่างสม่ำเสมอ แรงกรรมนั้นจะหนักมาก ผลบุญอื่นไม่สามารถที่จะแทรกเข้ามาให้ผลได้ จึงต้องรับกรรมนั้นไปก่อน

ญาติโยมที่ถวายทองเป็นพุทธบูชา จึงถือว่ามีหลักประกันความเสี่ยง ถ้าท่านไม่ได้ทำอาจิณกรรมหรือทำอนันตริยกรรมจริง ๆ พระยายมราชท่านพยายามประคับประคอง ให้วาระสุดท้ายของชีวิตจิตเราเกาะความดีได้ แต่ว่าอย่าปล่อยให้เป็นภาระของพระยายมราชท่านฝ่ายเดียว เราควรที่จะทำความดีให้เคยชินเข้าไว้ เมื่อถึงวาระเราจะได้มีกำลังใจเกาะความดีเสียก่อน ไม่ต้องโดนท่านบังคับให้เกาะดี

วิธีบังคับให้เกาะดีของท่าน บางทีเราก็เจ็บมากหน่อย ร้องโอดโอยสักสามวันสามคืน กว่าจะนึกได้ว่าควรนึกถึงพระ เพราะฉะนั้น..เราควรเกาะพระให้เป็นปกติ เมื่อถึงเวลาเราจะได้ไปตามทางของเราที่เรียกว่าสุคคติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 10-05-2012 เมื่อ 14:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 96 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 07-05-2012, 21:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,669 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อคืนมีการเทศน์สอนนาค อาตมาก็อยากให้พระรุ่นใหม่ ๆ ได้ฝึกหัดการเทศน์บ้าง ปรากฏว่าพระท่านเทศน์เร็วมาก ขนาดอาตมาตั้งใจฟังยังฟังไม่ทันเลย เรื่องของการเทศน์นั้น โดยสากลจะใช้ทำนองธรรมวัตร หรือบางคนเรียกว่าทำนองลมพัดชายเขา เทศน์ไปเรื่อย ๆ รอคนฟังให้มีเวลาคิดบ้าง ถ้าเอาแต่จ้ำ ๆ ไปอย่างเดียวจะฟังกันไม่ทัน

แต่เด็กรุ่นใหม่ ๆ มีจำนวนมากด้วยกันที่พูดเร็วจนอาตมาฟังไม่ทัน อาตมาก็เลยกลายเป็นคนแก่ ทำอะไรช้า แต่ความจริงแล้วการที่อาตมาพูดช้า ทำให้ญาติโยมมีเวลาที่จะคิดในสิ่งที่พูดไป แล้วจะได้ประโยชน์มากกว่า แต่ก็มีคนแก่หลายท่านบอกอาตมาว่า "ท่าน..พูดช้ากว่านี้อีกนิดหนึ่ง ฟังไม่ทัน" ตายล่ะ..ถ้าอย่างนั้นคุณปู่คุณย่า คุณตา คุณยายที่ฟังอาตมาพูดเร็ว เจอเด็กรุ่นใหม่เข้ามีหวังเป็นลมตาย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2012 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 90 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 07-05-2012, 22:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,669 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ปกติงานประจำปีของวัดท่าขนุน จะมีมหรสพรื่นเริงต่าง ๆ อาตมาสั่งเลิกไปตอนปี ๒๕๔๔ เมื่อ ๑๑ ปีที่แล้ว เหตุที่สั่งเลิกไปเพราะเวลามีละครพม่า มีหนังกลางแปลง บรรดาพระเณรเดินกันสลอนเลย ปีถัดมาอาตมาก็สั่งพระเณรว่า ทำวัตรเย็นเสร็จแล้วห้ามออกจากกุฏิ ปรากฏว่าพระภิกษุสามเณรใช้วิธีเปิดหน้าต่างแทน เพราะทางด้านกุฏิพระกับสนามซึ่งมีมหรสพนั้นอยู่ด้านเดียวกัน ก็เลยตัดใจว่า ในเมื่อทำให้พระเณรฟุ้งซ่านมากก็อย่าไปมีเลย

ดังนั้น..งานประจำปีวัดท่าขนุนจึงกลายเป็นงานที่เงียบ ๆ ปล่อยให้เจ้าอาวาสพูดอยู่คนเดียว ต้องบอกว่าสมน้ำหน้า มีของเบาแรงได้ดันไม่ให้มี..!

ในเรื่องของงานรื่นเริงต่าง ๆ ความจริงก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ว่าผลเสียนั้นมีมากกว่า เพราะว่ากำลังใจของเราเข้าวัดมาเพราะต้องการความสงบ ความร่มเย็น สำหรับคนอื่นเป็นอย่างไรไม่รู้ เวลาอาตมามาเจอหนัง เจอละคร เจอดนตรีเสียงดัง ๆ เข้า รู้สึกจะตายเอาให้ได้ โดยเฉพาะวัดไหนเปิดดนตรีดัง ๆ เสียงต่ำกระแทกตึง ๆ อาตมารู้สึกเหมือนโดนใครรุมชกอยู่รอบข้าง ตับไตไส้พุงคลอนหมด จึงทำให้เชื่อว่า ถ้าหากว่าเปิดผิดเวลา เปิดดังเกินไป มีสิทธิ์ทำให้บางคนถึงตายได้เหมือนกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2012 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 91 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 08-05-2012, 07:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,669 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีอยู่ครั้งหนึ่ง อาตมาเดินทางกลับจากพม่า โดยข้ามมาตรงด่านเจดีย์สามองค์ นั่งรถสองแถวสายด่านเจดีย์สามองค์-สังขละบุรี ปรากฏว่าคนขับรถมีดนตรีในหัวใจ ติดลำโพงรอบคันเลย โดยเฉพาะบนหัวคนนั่งมีลำโพง ๔ ตัว..! เปิดดนตรีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

กว่าจะถึงที่หมายอาตมาคงสิ้นชีวิตแน่ ก็เลยใช้วิธีว่า เมื่อเขาลงจากรถไปเพื่อเก็บค่าโดยสาร หรือช่วยผู้โดยสารยกข้าวยกของขึ้นหรือลง อาตมาค่อยหรี่เสียงลงมานิดหนึ่ง หรี่นิดเดียวเพราะไม่ต้องการให้เขาผิดสังเกต แต่เขาสุดยอดเลย ขึ้นมาปุ๊บก็บิดดังขึ้นทันที เขารู้ได้อย่างไรเพราะอาตมาบิดเบาลงนิดเดียว ลักษณะนั้นน่าจะเป็นขาร็อกที่เขาเรียกว่า "หูเหล็ก" สามารถทนเสียงสนั่นขนาดนั้นได้

ดังนั้น..บรรดาเสียงดนตรีประเภท heavy metal เหมาะกับพวกหูเหล็กมากกว่า ถ้าพวกเราไปฟังอาจจะถึงขนาดสิ้นสติหรือว่าประสาทกลับ ฟังดนตรีจบแล้วเพี้ยนไปเลย แต่ว่าดนตรีสมัยใหม่ก็มักจะไปแนว ๆ นั้น โดยเฉพาะเพลงดนตรีใต้ดินที่ดุเดือดเลือดพล่าน บางทีก็เกี่ยวข้องกับพวกยาเสพติดบ้าง เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายบ้าง พวกนี้ต่างประเทศจะมีมาก บ้านเราทำท่าจะเริ่มมีเหมือนกัน

ดนตรีพวกนี้จะอยู่ในลักษณะที่ต้องหาสนามแสดงออกกันเอง เพราะไม่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป แต่ก็ยังดี..อย่างน้อย ๆ ก็ได้ระบายความบ้าของตนเอง..! อาตมาถึงได้เชื่อที่โบราณเขาบอกว่า คนบ้ามีอยู่ ๕๐๐ จำพวก อาตมาเองก็เป็นหนึ่งในห้าร้อยจำพวกนั่นแหละ อีก ๔๙๙ ญาติโยมเอาไปเลือกกันเองว่าจะเอาแบบไหน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2012 เมื่อ 08:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 87 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 08-05-2012, 09:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,669 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับวันที่ ๒๔ และ ๒๕ มีนาคมนี้ จะมีการปฏิบัติธรรมเฉลิมเกียรติในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ ๘๕ พรรษา เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชินีนาถในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๘๐ พรรษา และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมงกุฎราชกุมาร ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถของเรานั้น มีพระชนมายุ ๘๐ พรรษาแล้ว แต่จากการที่ได้พบพระองค์ท่าน เมื่องานพระราชทานเพลิงหลวงพ่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ อดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ปรากฏว่าพระองค์ท่านแข็งแรงผิดกับคนอายุ ๘๐ ทั่วไป ทรงพระราชดำเนินรวดเร็ว ดูแข็งแรงมาก และทรงพระราชดำเนินก้าวยาวมาก ยาวจนไม่อยากจะเชื่อว่าคนแก่อายุ ๘๐ จะเดินได้คล่องขนาดนี้

งานนั้นนอกจากจะได้เห็นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แล้วก็ยังได้เห็นท่านนายกรัฐมนตรี ก็คือคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตรด้วย อาตมาเป็นคนที่ไม่ดูโทรทัศน์ รวมระยะเวลาได้ ๒๘ ปีกว่า ๆ แล้ว พูดง่าย ๆ ว่า พอตั้งใจบวชก็ทิ้งหมดเลย เพราะฉะนั้น..เวลาคนมาบอกว่าท่านนายกฯยิ่งลักษณ์สวยอย่างนั้น สง่าอย่างนี้ อาตมาไม่รู้เรื่อง เพราะไม่ได้ดูโทรทัศน์ ตัวจริงก็ไม่ได้เห็น ได้เห็นรูปในหนังสือพิมพ์บ้าง ในนิตยสารบ้าง ก็ไม่สามารถที่จะยืนยันได้

แต่ปรากฏว่างานนี้ได้เห็นท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ใกล้ ๆ ถึงได้ยอมรับว่า ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงที่สวยสง่าจริง ๆ สามารถอวดเขาได้ทั่วโลกไม่ต้องอายใคร จะบอกท่านว่าเป็นคนสวยในสายตาอาตมาก็ไม่ใช่ แต่ว่าท่านสง่ามาก ลักษณะของความสวยสง่านั้นต่างกับความสวยทั่ว ๆ ไป สวยสง่านี่เกิดจากแรงบุญ เป็นปุพเพกตปุญญตา ใครสร้างบุญมาลักษณะแบบนี้ โบราณเรียกว่าบุญราศี คือจะมีรัศมีของบุญอยู่ ถ้าหากว่าคนที่กำลังใจต่ำมาก ๆ จะรับไม่ได้เลย เพราะเหมือนเขาเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับตน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2012 เมื่อ 10:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 08-05-2012, 10:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,669 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มณฑปปรากฏอยู่ข้างโบสถ์ที่เป็นทรงแบบมอญนั้น ไม่ได้รดน้ำแล้วงอกขึ้นมานะจ๊ะ บางคนเขาว่าวัดนี้ทำอะไรเหมือนอย่างกับงอกขึ้นมาเอง อยู่ดี ๆ ก็โผล่ขึ้นมาหลังหนึ่ง มณฑปหลังนี้เมื่อปี ๒๔๙๓ ปีที่หลวงพ่ออุตตมะเข้าเมืองไทยเป็นครั้งแรก ท่านมาพักที่วัดท่าขนุนแห่งนี้ ได้พบกับหลวงปู่เต๊อะเน็ง เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนในช่วงนั้น หรือที่หลายคนเรียกว่าหลวงปู่ไตแนมนั่นแหละ ท่านได้ช่วยกันสร้างมณฑปหลังนี้ขึ้นมา เพื่อประดิษฐานพระพุทธบาทสี่รอยจำลอง แล้วก็เสื่อมโทรมไปตามระยะเวลา

จนกระทั่งมาถึงสมัยท่านอาจารย์สมเด็จเป็นเจ้าอาวาส ท่านเห็นว่าเกินที่จะเยียวยาได้แล้วจึงจัดการรื้อทิ้งเสีย อาตมาเสียดายมาก ยังโชคดีที่มีระยะหนึ่งอาตมาไปกราบหลวงปู่สาย ก็ได้ถ่ายรูปไว้ทุกซอกทุกมุม จึงสามารถที่จะทำกลับมาหน้าตาเหมือนเดิมทุกประการ ยกเว้นหลังคาที่ใหม่ไปหน่อย ต้องรอให้ฝนตกสักสองปี พอตะไคร่เริ่มขึ้นเขียว ๆ ก็จะเหมือนเดิมทุกอย่าง

สำหรับมณฑปนี้ประดิษฐานพุทธบาท ๔ รอยจำลองอยู่ ญาติโยมสามารถขึ้นไปไหว้ได้ แต่วันนี้เขานำรอยพุทธบาทไปให้ปิดทองที่หน้าโบสถ์ เราไม่ต้องขึ้นไปไหว้บนมณฑป หรืออยากรู้ว่าสมัยนั้นหลวงพ่ออุตตมะกับหลวงพ่อเต๊อะเน็ง ท่านสร้างไว้หน้าตาเป็นอย่างไร ก็ขึ้นไปดูได้จ้ะ อาตมาใช้เวลาหาไม้เก่าอยู่สองปี กว่าจะได้ไม้เก่ามามากพอที่จะทำ แล้วยังต้องเสียเวลาติดต่อช่างอีกปีกว่า กว่าที่จะได้ช่างมอญฝีมือดีมา เพราะถ้าเอาคนอื่นมาทำ ก็อาจจะหน้าตาไม่เหมือนเดิม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2012 เมื่อ 17:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 79 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 08-05-2012, 10:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,669 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนทางด้านหน้าวัดกำลังปิดทองพระชำระหนี้สงฆ์ ๓๖ องค์ และกำลังทำฐานพระใหญ่ อาตมาจะสร้างพระประธานหน้าตัก ๒๑ ศอก หรือหน้าตักประมาณ ๑๐ เมตรครึ่ง องค์ใหญ่กว่าหลวงพ่อ ภปร. วัดทองผาภูมิเยอะ

ความจริงแล้วช่างยังไม่พร้อม เนื่องจากว่าติดงานรับสร้างพระใหญ่ทั่วประเทศ แต่อาจจะเป็นเพราะความต้องการของอาตมาแรงเป็นพิเศษก็ได้ ทำให้วัดทางอุดรธานีที่จองคิวอยู่บอกยกเลิกการจองไป อาตมาก็เลยเสียบแทน

ช่างเขากำหนดเทแบบวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๕ นี้ อาตมาได้ยินก็สะดุ้งโหยง เพราะว่าวันที่ ๙ มิถุนายน ตั้งใจจัดงานฉลองสัญญาบัตรพัดยศของตนเอง ท่านอาจารย์พระครูไพโรจน์ภัทรคุณบอกว่า "ไม่เป็นไรอาจารย์..เราทำบวงสรวงแต่เช้าแล้วให้ญาติโยมเทปูนไป ส่วนอาจารย์ก็ฉลองของตนเองไปก็แล้วกัน" เพราะฉะนั้น..ใครอยากได้บุญใหญ่ให้เตรียมตัวไว้นะจ๊ะ ระหว่างวันที่ ๙-๑๗ มิถุนายน จะมีการเทปูนพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ต้องบอกว่าเป็นองค์ใหญ่ที่สุดของทองผาภูมิ


หมายเหตุ : การเทปูนหล่อสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก ของวัดท่าขนุน เลื่อนเป็นวันที่ ๗ - ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๕
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2012 เมื่อ 17:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 86 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 08-05-2012, 11:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,669 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ยังโชคดีที่ตอนนี้พระภิกษุสามเณรของเราเดินทางไปปฏิบัติธรรมเนื่องในวันมาฆบูชาที่พุทธมณฑล เดินทางไปวัดหนองบัวที่ประเทศพม่า และไปอยู่ปริวาส ไม่ได้นับท่านที่ไปเรียนอยู่ที่วัดสามพระยาและวัดปากน้ำ ไม่อย่างนั้นจะปวดหัวกว่านี้เยอะ เพราะว่าพออยู่รวมกันมาก ๆ เข้าก็หลายคนหลายความคิด มักจะคิดว่าที่ตัวเองคิดนั่นดีแล้ว สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ทำมา ถ้าหากเป็นรูปแบบที่ดีต้องรักษาเอาไว้ ไม่ใช่นึกอยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนตามใจของตนเอง

สำหรับพระจำเป็นต้องมีพระวินัย ก็คือศีลพระ จำเป็นต้องมีระเบียบวัด เพราะถ้าเปรียบว่าหลายคนหลายจิตใจเหมือนดอกไม้นานาพรรณ การต่างคนต่างอยู่แม้จะงดงามแต่ก็หาระเบียบไม่ได้ จึงต้องมีพระวินัยหรือระเบียบวัดที่จะร้อยดอกไม้เหล่านั้นรวมกัน เพื่อให้ออกมาเป็นพวงมาลัยที่สวยงาม เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ใครเห็นจะได้ชื่นชมในความงดงามเป็นระเบียบนั้น

ฉะนั้น..ญาติโยมอาจจะเห็นว่าอาตมาดุพระเณรเกินไป ขอบอกว่านี่เบามากแล้ว ต่อหน้าโยมนี่เกรงใจ ใส่เบา ๆ เท่านั้น ลับหลังโยมเมื่อไรหนักกว่านี้หลายเท่า ใครจะเอาลูกเอาหลานมาบวชวัดนี้ เอาไปให้หมอตรวจเสียก่อนว่าเป็นโรคหัวใจหรือเปล่า ? ไม่ใช่โดนดุทีหนึ่งขาดใจตายไปเลย แต่ถึงเป็นอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร เพราะวัดเรามีเมรุ ทางวัดเต็มใจที่จะเผาให้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2012 เมื่อ 17:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 81 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:34



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว