กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 06-10-2015, 07:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ของที่เรานำมากราบไหว้บูชาพระพุทธรูปที่บ้านของเราแล้ว เราสามารถนำอาหาร ขนม ผลไม้เหล่านั้นไปถวายพระภิกษุสงฆ์โดยการใส่บาตรหรือถวายภัตตาหารที่วัดได้หรือไม่คะ ? จะเป็นการสมควรหรือไม่คะ ? จะถือเป็นการถวายของเดิมซ้ำหรือไม่คะ ?
ตอบ : ถวายได้ เป็นการสมควร ถวายซ้ำก็ได้บุญซ้ำอีกรอบหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2015 เมื่อ 17:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 06-10-2015, 07:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กราบนมัสการหลวงพ่อ ขอทราบประวัติครูบาศรีวิชัย ในแบบฉบับของพระอาจารย์ครับ ?
ตอบ : เกิด โต บวช แก่ ตาย จบ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2015 เมื่อ 17:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 06-10-2015, 07:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาเราเดินทางไปต่างจังหวัด กระผมจะเลือกพกและอาราธนาวัตถุมงคลที่มีอานุภาพทางด้านป้องกันเป็นพิเศษ เช่น มีดหมอเพชราวุธหรือตะกรุดมหาสะท้อน กระผมเกรงว่าการอาราธนาวัตถุมงคลของเราจะเป็นการรบกวนเทวดา หรือท่านทั้งหลายที่ประจำอยู่ในสถานที่ซึ่งกระผมเดินทางผ่านหรือไป ซึ่งรวมถึงดวงจิตดวงวิญญาณทั้งหลายในที่นั้น ๆ ด้วย กระผมกราบขอเมตตาพระอาจารย์ ชี้แนะวิธีการอาราธนาวัตถุมงคลให้ไม่เป็นทุกข์โทษเวรภัยกับท่านทั้งหลายด้วยครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องอาราธนา เอาไปถวายพระอาจารย์ซะ..!

ถาม : อย่างนี้พกไปอาราธนาไปเป็นทุกข์เป็นโทษไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเราไม่คิดไปรังแกใครก็ไม่เป็นหรอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2015 เมื่อ 17:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 230 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 06-10-2015, 07:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การถวายปัจจัยเข้าร่วมงานบุญ แต่ไม่มีเวลาและโอกาสในการไปร่วมงานบุญนั้น ๆ กรณีเช่นนี้มีอานิสงส์เป็นอย่างไร ?
ตอบ : คิดจะทำบุญ แค่คิดก็ได้บุญแล้ว

ถาม : แล้วการไปเองกับฝากไปนี่มีผลต่างกันไหมครับ ?
ตอบ : ไปด้วยตัวเอง ถ้าเหนื่อย อารมณ์เสีย บุญจะน้อยกว่าฝากเขาไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2015 เมื่อ 17:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 234 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 06-10-2015, 11:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันก่อนมีโยมคนหนึ่งมากราบขอบพระคุณ พร้อมกับเล่าให้ฟังว่า ขับรถไปพอจอดแล้วเปิดประตู บังเอิญไปกระแทกถูกเจ้าถิ่นก็เลยโดนรุมกระทืบ ก็ไม่มากไม่มายแค่ ๒๐ ตีนเท่านั้น...! แสดงว่าเป็นคนสติดีมาก ขนาดโดนกระทืบยังนับตีนของเขาได้ เจ้าถิ่นทิ้งให้กองอยู่ตรงนั้น พอลุกขึ้นมาได้ สำรวจตัวเองไม่เป็นอะไรเลย มีแต่รอยถลอกนิดหน่อย มาเล่าให้อาตมาฟังว่า ทั้งเนื้อทั้งตัวพกตะกรุดมหาสะท้อนรุ่น ๕ อยู่ดอกเดียว ก็เลยมาถามว่าที่นี่ยังมีอีกหรือไม่ ? จะขอบูชาไปให้ญาติพี่น้องบ้าง ปรากฏว่าในตู้เหลือแต่พระกริ่งปลดหนี้ ๒ แผ่นดินเนื้อเงิน ซึ่งใส่ตะกรุดมหาสะท้อนลงไป ๓๐ ดอก คาดว่าต่อไปอาจจะถึง ๑๒๐ ตีนเป็นอย่างน้อย ขนาดพกดอกเดียวยังโดนไป ๒๐ ตีนเลย...!

ส่วนป้านุชส่งข้อความส่วนตัวมารายงานว่า เมื่อวานซืนออกจากที่นี่ไป ด้วยความที่ทำงานหนัก จึงหลับในไม่รู้ตัว ขับรถไปชนรถคันหน้าที่ติดไฟแดงเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ลงไปดูแล้วรถไม่มีแม้แต่รอยข่วนทั้งของเขาและของเรา ก็เลยต่างคนต่างไปแบบงง ๆ บอกว่าขอบพระคุณหลวงพ่อที่ช่วยคุ้มครอง อาตมาตอบไปว่า ที่คุ้มครองดูท่าว่าไม่ใช่อาตมาแน่ เพราะนั่งรับสังฆทานอยู่ตรงนี้ เพราะฉะนั้น..ไปขอบคุณให้ถูกที่แล้วกัน

เขาใช้คำว่า "เอารถมาเจิมที่นี่" เกิดเหตุอย่างนี้ ๒ ครั้งแล้วคือขับชนคนอื่น รถไม่เป็นอะไรทั้งของตัวเองและอีกฝ่ายหนึ่ง แต่พอคนอื่นขับมาชนกลับบุบไปทั้งแถบเลย ฉะนั้น..ต่อไปให้มีหน้าที่ชนคนอื่น แสดงว่าฝีมือดี ชนเขาแล้วไม่เป็นอะไร คาดว่าอาตมาคงเจิมรถให้เขาได้อีกไม่เกิน ๓-๔ คัน เพราะว่าแผ่นทองที่เข้าพิธีไว้และใช้เจิมมาเรื่อย ๆ บัดนี้จะหมดแล้ว ถ้าหมดเมื่อไรก็เลิกเจิม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2015 เมื่อ 17:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 233 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 06-10-2015, 12:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนนี้มีงานใหญ่ของวัดท่าขนุนอยู่ ๒ งาน คือ งานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร วันที่ ๑๗ ตุลาคม พิธีบวงสรวงเริ่ม ๐๗.๓๐ น. เป่ายันต์รอบแรก ๑๐ โมง รอบสองบ่ายโมง ยังอยู่ในช่วงกินเจหรือเปล่า ? ถ้าอยู่ในช่วงกินเจคงต้องให้โรงทานออกอาหารเจสักโรง แต่กลัวว่าจะหมดก่อนเพื่อน

ส่วนวันที่ ๒๘ ตุลาคม
ช่วงเช้าเป็นงานตักบาตรเทโวฯ แล้วก็ทอดกฐินในช่วงบ่าย พระท่านสั่งให้เข้ากรรมฐานก่อนรับกฐิน ๓ วันเพื่อสงเคราะห์โยม ก็คาดว่าต้องเข้าวันที่ ๒๕-๒๖-๒๗ ตุลาคม แล้วไปออกเช้ามืดของวันที่ ๒๘ ตุลาคม ปกติเขาทำบุญกับพระออกกรรมฐานทั่ว ๆ ไป แต่ของเรานี่ถวายกฐินกับพระออกกรรมฐาน..!

เกรงอยู่อย่างเดียวว่าจะมีแรงเดินรับบาตรหรือเปล่า ? เพราะว่าตักบาตรเทโวฯ เริ่มประมาณ ๐๘.๓๐ น. กว่าจะเลิกก็ราว ๑๐.๓๐ น. ส่วนเรื่องกฐินตอนบ่ายไม่ต้องกังวล เพราะว่าอาตมานั่งเฉย ๆ อายุมาก กายสังขารเสื่อมโทรม ยังไม่รู้ว่าจะรับบาตรไหวไหม ? แต่ถ้าหากว่าพระท่านสั่งก็ต้องทำ อาตมาจะเป็นลมขายหน้าชาวบ้านก็ช่างเถอะ เพราะว่าตอนปกติร่างกายดี ๆ ไม่ได้เข้ากรรมฐาน กว่าจะรับบิณฑบาตเสร็จยังแทบจะเป็นลม

อาตมาเข้ากรรมฐานไม่เหมือนกับชาวบ้านเขาหรอก พอสมาธิทรงตัว รักษาระดับได้ก็ทำงานไปเรื่อยเปื่อย เพียงแต่จำกัดเขตไม่ได้โผล่หน้ามาให้ชาวบ้านเห็นเท่านั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2015 เมื่อ 17:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 242 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 06-10-2015, 20:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"โชคดีที่อาตมาเกิดมาไตรกลีเซอไรด์สูงโดยกรรมพันธุ์ หมอตรวจแล้วบอกว่าไม่มีอะไรดีเลยครับ นอกจากอดข้าวได้นานกว่าคนอื่นเขา ก็คงเอามาใช้ตอนเข้ากรรมฐานนี่แหละ ที่บ้านของอาตมาไตรกลีเซอไรด์เกิน ๒๐๐ ทุกคน เป็นกรรมพันธุ์ คาดว่ารุ่นปู่ย่าตาทวดอดอยากลำบากอยู่ที่ประเทศจีนมาหลายชั่วอายุคน ก็เลยพัฒนาจนกระทั่งดีเอ็นเอสั่งให้ตุนอาหารไว้ในเลือดโดยอัตโนมัติ

โยมพ่อเล่าให้ฟังว่า คุณย่าเอาขี้เถ้ายัดปากลูกไป ๓ คน เกิดมาแล้วเลี้ยงไม่ไหว แล้วคุณย่าเป็นคนเดียวที่ตายแบบไม่สงบ คุณตานอนหลับตายไปเฉย ๆ คุณยายนอนหลับตายไปเฉย ๆ คุณพ่อนอนหลับตายไปเฉย ๆ คุณแม่นอนหลับตายไปเฉย ๆ แต่คุณย่าก่อนตายประมาณ ๔-๕ วัน แกถือไม้เท้าอยู่ ใครเข้าใกล้โดนฟาดกระจายเลย..!

เราควรจะเข้าใจว่าคนจีนสมัยเก่า ๆ โดยเฉพาะพวกที่เป็นต่างด้าว เข้าเมืองไทยมาแบบเสื่อผืนหมอนใบ มักจะบรรลุวิทยายุทธ์ระดับใดระดับหนึ่งเสมอ อาตมาเองเข้าไปเรียกให้ท่านกินข้าว ก็โดนตีกลิ้งไปเหมือนกัน เพราะท่านเห็นว่าจะมีคนมาเอาชีวิต ก็แปลว่าคุณย่าตายไม่ดีอยู่คนเดียว

ส่วนคุณปู่โดนลูกปืนตาย..! ท่านเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับของคนส่วนมาก รับอาสาไปไกล่เกลี่ยข้อพิพาทให้เขา แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอม รู้ว่าคุณปู่ฝึกวิทยายุทธ์มา สู้ไม่ได้แน่ จึงให้มือปืนซุ่มอยู่ชั้นบนของเหลา โดนยิงกลิ้งตั้งแต่ก่อนจะเข้าเหลาไป ฉะนั้น..พวกที่ฝึกวิทยายุทธ์รุ่นเก่า ๆ มักจะดูถูกคนรุ่นใหม่ว่าไม่มีความพากเพียร ไม่มีฝีมือที่แท้จริง อาศัยแต่อาวุธสมัยใหม่

อาตมาเองเกิดทันคนรุ่นนี้ เห็นอยู่หลายคน อย่างอาเจ็กข้างบ้านจะมีกล้องยาสูบ ทำจากเหง้าไม้ไผ่ ยาวประมาณศอกหนึ่ง เหน็บเอวอยู่เสมอ ภาษาจีนเขาเรียกว่า "กล้องยาแดง" สูบยาอยู่ทุกวัน มีพวกบรรดาจิ๊กโก๋เกเรไปรุมทำร้ายแก ๓-๔ คน ไม่เคยทำอะไรแกได้ ถืออาวุธอะไรไปโดนแกตีร่วงหมด ใช้แค่กล้องยาสูบอันเดียว หวดทีไรโดนข้อมือทุกที"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-10-2015 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 07-10-2015, 07:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"โยมพ่อก็สอนให้อาตมาไปไล่จิ้มต้นกล้วย บอกว่าพอนิ้วแทงต้นกล้วยเข้าแล้วก็มาเปลี่ยนเป็นกะลา ทิ่มกะลาทะลุเมื่อไรแล้วค่อยมาเรียนต่อ อาตมาก็ฝึกหัดด้วยความพากเพียรอยู่ระยะหนึ่ง แต่โยมพ่อตายเสียก่อนก็เลยไม่สามารถจะฝึกให้สำเร็จได้ แต่ทุกวันนี้ถ้าโยมรู้จักสังเกตจะเห็นว่า นิ้วชี้กับนิ้วกลางของอาตมาไม่เหมือนกับชาวบ้านเขา ไม่สั้นยาวเหมือนนิ้วคนอื่น แต่จะเท่ากัน..!

แล้วก็มีเฮียลิ้มจือ เฮียลิ้มจือไม่เก่งวิทยายุทธ์แต่เจ๊เหลียนเมียแกเก่งมาก ฝึกวิชาฝ่ามือทรายเหล็ก ถึงเวลาต้องคั่วทรายร้อน ๆ ด้วยมือ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามือ
เจ๊เหลียนแกแข็งขนาดไหน แต่แกตบกระดานแตกได้..! แล้วคนที่โดนตบประจำก็เฮียลิ้มจือนั่นแหละ บางวันเสียงดังโครม ปลิวทะลุข้างฝาออกมาพร้อมกับกระดาน ๓-๔ แผ่น..!

วันหนึ่งก็เห็น
เจ๊เหลียนแกร้องไห้ร้องห่ม ต้มน้ำร้อนลวกมือตัวเอง เอามีดทื่อ ๆ ขูดหนังล่อนออกมาเป็นแผ่น ๆ เลย ถามว่าทำไม แกบอกว่า “เลิกแล้ว ไม่ฝึกอีกแล้ว” ก็คือมีเพื่อนบ้านมาปรึกษาว่าโดนผัวตี ทำร้ายร่างกายอยู่เรื่อย จะทำอย่างไรดี เจ๊เหลียนแกก็สอนวิธีให้ “ลื้อต้องใช้ ๓ นิ้วนี่นะ จิ้มไปตรงจุดนี้ ๆ แล้วผัวลื้อจะยืนแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ได้ ” อาตมาบอกไม่ได้นะ..เพราะถึงตาย ปรากฏว่าเขาไป “เลียะ” ผัวตายเลย..! เพราะด้วยความสงสารผัว กลัวว่าถ้าใช้ ๓ นิ้วผัวจะอาการหนัก เลยใช้นิ้วเดียว...ตายเลย..!

ที่
เจ๊เหลียนให้ใช้ ๓ นิ้ว เพราะว่านิ้วกลางจะยื่นมานิดเดียว ถึงเวลาจิ้มถูกจุด นิ้วชี้กับนิ้วนางจะช่วยค้ำไว้ อาการจะไม่หนัก แกดันไปสงสารผัว จิ้มนิ้วเดียว ต้องบอกว่าคนเราถึงที่ตายจริง ๆ แกก็เลยโทษว่าไปทำให้คนอื่นตายเลยเลิกฝึก ต้มน้ำร้อนเอามือแช่ แล้วก็ใช้มีดขูด ๆ จนมือที่ด้านเหมือนสากกะเบือลอกเป็นแผ่น ๆ เลย เวลาที่แกอัดเฮียลิ้มจือ แกรู้ว่าหนักเบาแค่ไหน ประเภทกระเด็นทะลุข้างฝาไปคือส่วนหนาของร่างกายไปกระทบ คนอื่นอาจจะเห็นว่าน่ากลัว แต่แกรู้ว่าควรจะยั้งไว้เท่าไร แต่คนอื่นไม่รู้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-10-2015 เมื่อ 09:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 07-10-2015, 10:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เรื่องของวิทยายุทธ์แบบจีนก็ดี มวยแบบไทยก็ดี ท้ายสุดก็ต้องมาฝึกจิต ฝึกสมาธิกันทั้งนั้น การฝึกจิตของจีนเขาเรียกว่า วิธีเดินลมปราณ ส่วนของไทยเป็นการตั้งธาตุ ปลุกธาตุ ใช้คาถาอาคมเข้าช่วย ซึ่งต้องฝึกสมาธิภาวนาทั้งนั้น เพียงแต่ว่าแต่ละคนเรียกกันไปคนละอย่าง

อาตมาฝึกเดินลมปราณแบบจีนอยู่ ๓ ปี พอมาฝึกกรรมฐานแล้วมีปัญหาใหญ่มาก เพราะการเดินลมปราณ ก็คือไล่ให้ลมปราณวิ่งไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แต่การฝึกกรรมฐานคือหยุดใจอยู่เฉพาะที่ ด้วยความที่เคยบังคับให้วิ่งทั่วร่างกายแล้ว ต้องมาหยุดเฉพาะที่ก็เป็นอะไรที่สาหัสมาก กว่าจะหยุดได้ แต่พอมาฝึกมโนมยิทธิแล้ว เพิ่งจะรู้ว่าการเดินลมปราณของจีนก็คือมโนมยิทธินั่นเอง เพียงแต่เป็นการเคลื่อนจิตภายในกายตัวเอง ขณะที่มโนมยิทธิเคลื่อนจิตไปข้างนอก ต่างกันแค่นั้นแหละ นอกนั้นเหมือนกันทุกอย่างเลย

ฉะนั้น..ใครที่ฝึกมโนมยิทธิได้ ไปศึกษาวิธีเดินลมปราณแบบจีน จะเอาแบบไหนก็ได้ ตำราเดี๋ยวนี้มีมาก จะสามารถทำได้ง่ายกว่าคนอื่นเขา การเดินลมปราณช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เจ็บไข้ได้ป่วยน้อย แต่ก็อย่างว่า..ไม่ได้ช่วยให้ไม่ตาย ท้ายสุดวาระมาถึงก็ตาย

เสียดายอยู่อย่างว่าคนรุ่นเก่าล่วงลับไป คนรุ่นใหม่ไม่มีความพากเพียรอดทนพอ แม้กระทั่งมวยไทย สมัยอยู่วัดท่าซุงก็มีบรรดานักเรียนโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระมาขอให้สอน พวกเด็กนักเรียนผู้ชายมัธยมก็รู้อยู่ว่ากำลังห้าว มาถึงก็จะให้เข้าท่ามวยเลย อาตมาบอกว่าไม่ได้ ต้องฝึกจากพื้นฐานก่อน วันแรกมา ๔ คน วันที่สองมา ๒๐ กว่าคน วันที่สามมา ๓๐ กว่าคน วันที่สี่หายหัวหมด ไม่มีความอดทนพอ

แต่รายแรกที่มาบอกว่า ต้องขึ้นชกมวยในงานวัดที่อำเภอลานสัก คู่ต่อสู้เป็นมวยมาจากกรุงเทพฯ เคยขึ้นเวทีมาก่อนแล้ว ถามว่าแล้วมึงเสือกไปชกกับเขาทำไม ? เขาบอกว่าเพื่อนยุ เลยเผลอรับปากไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-10-2015 เมื่อ 10:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 07-10-2015, 10:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เขาถามว่า คู่ต่อสู้รัดเอว ตีเข่าเก่งมาก จะแก้ไขอย่างไร ? อาตมาบอกไปว่า ทำไมต้องไปกลัวนักมวยกอดเอวตีเข่า คนรัดเอวเรา กำปั้น ๒ ข้าง ศอก ๒ ข้างก็ใช้งานไม่ได้อยู่แล้ว กลายเป็นลดอาวุธของตัวเอง ก็เอาศอกจามหน้ามันเข้าไปสิ เขาบอกว่าแล้วถ้าจามหน้าแล้วยังดิ้นไม่หลุดล่ะ ? รอบคอบดีเหมือนกัน ก็เลยบอกว่าถ้าเมตตาก็อย่าให้หนักนัก ถ้าไม่เมตตาก็เอาให้แขนหักไปเลย

ให้ใช้ศอกแนบกับซี่โครงตัวเองแล้วรูดตัวกระแทกลงไป สถานเบาแขนจะหมดแรงใช้งานไม่ได้ ถ้าสถานหนักก็หักไปเลย เลือกเอาเอง จุดระหว่างกล้ามเนื้อแขนก่อนถึงข้อศอกสักสามนิ้ว ลองบิดตัวเองดูแขนจะหมดแรงเลย เพราะเป็นช่วงว่างระหว่างกล้ามเนื้อพอดี พวกเราถ้าไม่ได้ศึกษาจุดเส้นมา คลำไม่ค่อยถูกหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-10-2015 เมื่อ 11:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 07-10-2015, 10:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สำเร็จจนเป็นเซียนนี่ได้อภิญญาหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เซียนทุกคนได้อภิญญา แต่บุคคลที่ได้อภิญญาทุกคนไม่ใช่เซียน ฟังเข้าใจไหม ? ที่ว่าเซียนทุกคนได้อภิญญา ก็คือ อภิญญาลาภีบุคคล จะเป็นฌานโลกีย์ก็ดี โลกุตรฌานก็ดี คนจีนเรียกว่าเซียนทั้งนั้น แต่ว่าเซียนในความหมายที่แท้จริงก็คือผู้ที่บรรลุแล้ว ซึ่งในความหมายของเราก็คือบรรลุธรรมเป็นพระอริยเจ้า ถึงได้กล่าวเซียนทุกคนได้อภิญญา แต่ผู้ได้อภิญญาไม่แน่ว่าจะเป็นเซียน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-10-2015 เมื่อ 11:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 07-10-2015, 11:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วิชาการของพวกเราส่วนใหญ่ถดถอยเพราะความอดทนไม่พอ ไม่มีความพากเพียร ไม่มีความอดทน แม้แต่การฝึกกรรมฐานก็ขาดวิริยบารมี ขาดขันติบารมี ก็ไปไม่รอด ดังนั้น..ต้อง "อดทนหนอ พากเพียรหนอ""
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-10-2015 เมื่อ 11:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 07-10-2015, 11:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนที่หลวงพ่อวัดท่าซุงกลับมาจากอเมริกาแล้วบอกว่า ถ้าเกิดสงครามฝรั่งเศสเมื่อไร ก็ให้กลับมาเมืองไทย แล้วฝรั่งเศสก็ไปทิ้งระเบิดไอซิสเมื่อวันสองวันนี้ ผมก็คิดว่าควรจะกลับมาเดือนไหนวันไหนดีครับ ?
ตอบ : ตัดสินใจเอาเอง คนเราถ้าถึงที่ อยู่ที่ไหนก็ตาย อันนี้อาตมาเห็นศพมากับตา เพราะว่าทางบ้านสมัยก่อนมีอาเจ็กอยู่คนหนึ่งดูโหงวเฮ้งเก่งมาก ๆ ถือเป็นอาจารย์คนแรก ๆ ของอาตมาเลย แกดูเก่งถึงขนาดที่ว่าบุคคลนี้ วันนี้ เวลานี้จะตาย แล้วก็ไปเตือนอาเจ็กอีกท่านหนึ่งบอกว่าลื้อจะตายพรุ่งนี้ เวลาเท่านี้ ๆ ก็คือก่อนเพลหน่อยหนึ่ง

อาเจ็กท่านนั้นเชื่อก็จริง แต่แกก็สู้ แกบอกว่าถ้าอั๊วไม่ออกจากบ้านให้รู้ไปว่าจะตาย พอใกล้ถึงเวลาที่เขากำหนดไว้แกก็เข้ามุ้งนอนเลย ให้รู้ไปว่านอนเฉย ๆ แล้วกูจะตาย ปรากฏว่าตำราเขาแม่นหรือกรรมแกแรงก็ไม่รู้ แม่ไก่ออกไข่ พอไข่เสร็จก็กระโดดขึ้นไปบนขื่อ ไปกระต๊ากเพื่อประกาศว่ากูไข่แล้ว เรื่องพวกนี้เป็นธรรมชาติของไก่ เขาจะประกาศให้พรรคพวกรู้ว่าตัวเองไข่แล้ว หลังจากนั้นไม่นานถ้าพาลูกไป พรรคพวกจะได้รับรู้ว่านี่คือลูกของเขา คราวนี้รู้แล้วหรือยังว่าทำไมไก่ไข่แล้วต้องประกาศด้วย ? ถึงเวลาจะได้พาลูกไปเข้าหมู่เข้าพวกได้

ปรากฏว่าอาเจ็กคนนี้แกเอาหลาวพาดไว้บนขื่อ ไก่ก็เจ้ากรรม กระโดดขึ้นไปเหยียบปลายหลาวพอดี พอน้ำหนักถ่วงหลาวก็ไหลปรู๊ดลงไปเสียบอกแกตายคามุ้งเลย สรุปว่าคนเราถ้าจะตายอยู่ที่ไหนก็ตาย ฝรั่งเศสหรือเมืองไทยก็ตายเหมือนกัน เห็นแผ่นดินไหวที่เนปาลไหม ? เด็กอายุ ๒๒ เดือนติดอยู่ในซากตึก ผู้ใหญ่ตายกันเกลี้ยงไม่เห็นเด็กเป็นอะไร ถ้าบอกว่าเด็กอาจจะมีพลังชีวิตแข็งแกร่งอยู่ แล้วคุณปู่อายุ ๑๐๑ ปีก็รอดเหมือนกัน

สรุปว่าถ้าไม่ได้สร้างกรรมเอาไว้ หรือว่าสร้างกรรมไว้แต่วาระยังไม่ถึงไม่เป็นอะไรหรอก ถ้ากลัวมาก ๆ ก็หาวัตถุมงคลของหลวงพ่อวัดท่าซุงติดตัวไว้ ต้องเป็นรุ่นที่ทันท่านด้วยนะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-10-2015 เมื่อ 12:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 07-10-2015, 11:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โบราณบอกว่า “คนขลาดตายหลายครั้ง คนกล้าตายครั้งเดียว” คนที่กลัวก็กลัวจนแทบจะขาดใจตาย เมื่อวันศุกร์มีโยมคนหนึ่งมาถาม บอกว่าเป็นโรคนี้ ก็คือกลัวทุกอย่าง กลัวไปหมด กลัวขนาดนั่งร้องไห้เลย ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นผู้ชายตัวใหญ่ตัวโต มาถามว่าจะแก้ไขอย่างไร ? อาตมาบอกว่าให้ไปฝึกกรรมฐาน ถ้าสมาธิดีขึ้นความกลัวก็จะลดน้อยลงไปตามลำดับ

ในเรื่องของความกลัวเป็นธรรมดาสามัญของมนุษย์และสัตว์ทั้งปวง บาลีว่า อาหารนิทฺทํภยเมถุนญฺจ สามญฺญเปตปฺปสุภีนรานํ การกิน การนอน การกลัวภัย การเสพกาม เป็นเรื่องปกติธรรมดาของบรรดาสัตว์และมนุษย์ทั้งหลาย ที่เราเรียกปศุสัตว์ ปสุเขาแปลว่าสัตว์เลี้ยง ธมฺโมหิ เตสํ อธิโก วิเสโส ธรรมเท่านั้นที่ทำให้เราทั้งหลายต่างไปจากสัตว์ ธมฺเมน วีณา ปสุภิสฺสมานา ธรรมเท่านั้นที่ทำให้แยกคนจากสัตว์ได้ ที่เขาใช้คำพูดง่าย ๆ ว่าคนกับสัตว์มีสภาพเหมือนกันคือกิน ถ่าย นอน สืบพันธุ์

ถ้าสมมุติว่าอยู่ฝรั่งเศสกลัวตายเพราะเขารบกัน มาเมืองไทยอดข้าวตายจะหนักกว่าอีก ช่วงนี้น่ากลัวมาก..ผัดกะเพราจานละ ๑๕๐ บาท ได้ยินแล้วช็อก แต่อาตมาไปเนปาลกินข้าวจานละ ๑๙๕ บาทมาแล้ว เลยรู้สึกว่า ๑๕๐ บาทยังไม่แพงนัก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-10-2015 เมื่อ 12:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 07-10-2015, 17:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อปี ๒๕๒๖ น้ำท่วมกรุงเทพฯ จำได้ว่าท่วมตั้งแต่เดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคมของปี ๒๕๒๗ น้ำท่วมหนักกว่าปี ๒๕๕๔ แต่ทางกทม.จัดการได้เร็วกว่ามาก เพียงแต่ว่าบ้านอาตมาสร้างกรรมเอาไว้เยอะ อยู่ห่างจากแยกศรีนุช ก็คือแยกอ่อนนุชตัดกับถนนศรีนครินทร์แค่ป้ายรถเมล์เดียว ทางกทม.ทำคันกั้นน้ำเอาไว้ที่แยกศรีนุช แล้วสูบน้ำจากข้างในออกมา บ้านอาตมาก็เลยโดนท่วมไปจนถึงเดือนพฤษภาคมของปี ๒๕๒๗

ตอนแรก ๆ ที่ท่วมก็ยังอุตส่าห์ไปซื้ออิฐบล็อกมาก่อเพื่อที่จะกันน้ำไม่ให้เข้าบ้าน พอก่อไปได้ ๓ ชั้นน้ำก็ยังขึ้นมาเรื่อย ๆ ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย แต่คราวนี้อิฐบล็อก ๓ ชั้นนี่ก็สูงเป็นเมตร พอถึงเวลาน้ำลด มีแต่ปลาเต็มบ้าน เข้ามาแล้วออกไม่ได้ กลายเป็นบ่อเลี้ยงปลาไปเลย ต้องเสียเวลาจับไปปล่อยอีก

ในช่วงนั้นวันแรกที่ไปส่งหลวงพ่อวัดท่าซุงที่บ้านบางโพของคุณฉวีวรรณ สรรพกิจ น้ำท่วมสูงมาก ประมาณเลยหัวเข่าแล้ว จำได้ว่าบ้านของคุณฉวีวรรณ สรรพกิจ ที่อยู่ใกล้ ๆ กับห้างบางลำพู น้ำจวนจะถึงบันไดขั้นแรก อาตมาเดินจากบางโพออกมาทางด้านประดิพัทธ์ สะพานควาย เข้าอนุสาวรีย์ชัยฯ ออกไปราชปรารภ จะกลับบ้านที่ซอยอ่อนนุช จึงต้องมาทางด้านสุขุมวิท เดินมาเกือบถึงตลาดพระโขนง น้ำก็ถึงหน้าอกแล้ว รถไม่มีวิ่ง มีแต่เรือพายส่วนตัวลำเล็ก ๆ บางคนก็ต่อแพด้วยยางในรถยนต์ ๒ เส้น เอาไม้พาด ๒-๓ แผ่นแล้วผูกเชือกไว้ ได้เห็นรถกับเรือชนกันก็วันนั้นแหละ

ในเมื่อยัง
ไม่ทันถึงปากซอยเข้าบ้านน้ำก็มาถึงหน้าอกแล้ว ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าที่บ้านจะขนาดไหน จึงตัดสินใจเดินกลับ จากพระโขนงเดินย้อนมาทางสะพานควาย เข้าไปนอนที่บ้านสายลม บ้านสายลมเหลือแต่ชั้นบน ชั้นล่างท่วมหมดเกลี้ยงไปแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2015 เมื่อ 17:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 07-10-2015, 17:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"หลังจากนั้นทุกต้นเดือนก็ไปรับใช้หลวงพ่อวัดท่าซุงที่บ้านสายลมเป็นปกติ ต้องลุยน้ำประมาณขาอ่อนออกจากบ้าน ซึ่งตอนนั้นหนังสือพิมพ์เขาก็แซวกัน ผู้สื่อข่าวชายบอกว่าน้ำท่วมถึงระดับ "หัวเทียน" ผู้สื่อข่าวหญิงบอกว่าน้ำท่วมถึง "จานจ่าย" เห็นคนเป็นรถยนต์ไปได้ พอถึงเวลาไปถวายการรับใช้หลวงพ่อเสร็จสรรพ ก็ต้องลุยน้ำกลับบ้านทุกวันเป็นปกติ ไปวันศุกร์กลับคืนวันจันทร์ เพราะว่าเช้าวันอังคารหลวงพ่อท่านก็เดินทางกลับวัดท่าซุงแล้ว

ที่เล่าให้ฟังก็คือ ภัยธรรมชาติหรืออุปสรรคต่าง ๆ ไม่สามารถที่จะขวางกั้นการปฏิบัติธรรมของเราได้ ไม่ใช่แค่เมฆมืด ๆ ฟ้าร้องหน่อยเดียวเราก็ไม่ไปแล้ว แต่โยมไม่มาก็ดี อาตมาจะได้สบาย และครั้งนั้นเป็นครั้งเดียวในชีวิต ที่อาตมานุ่งกางเกงขาสั้นไปทำบุญ

ปรากฏว่าโดนป้าหมอลัดดา จารุวัฒน์ ตักเตือน ป้าหมอแกดึงหลบเข้าไปห้องใน บอกว่า “ไอ้หนู...หลวงพ่อเรามีคนมาหาทั้งประเทศ คนมาก็อยากถ่ายรูปหลวงพ่อไว้เป็นอนุสติ แกอยู่รับใช้ข้างหลวงพ่อ นุ่งกางเกงขาสั้นดูไม่เรียบร้อย ถ้ารูปถ่ายออกไปบางคนจะหาว่าหลวงพ่อท่านไม่ให้การอบรม” ก็เรียนป้าหมอบอกว่า “บ้านผมน้ำท่วมครับป้า ยันขาอ่อนเลย ถ้าไม่ใส่ขาสั้นนี่ก็ออกจากบ้านไม่ได้”

ท่านบอกว่า “เอากางเกงขายาวใส่ถุงถือมาด้วย พ้นจากที่น้ำท่วมแล้วก็ใส่กางเกงขายาว” นั่นเป็นครั้งเดียวและวันเดียวในชีวิต ที่อาตมาใส่กางเกงขาสั้นไปทำบุญ หลังจากนั้นมาไม่เคยทำอีกเลย เพราะถือว่าผู้ใหญ่ท่านรอบคอบกว่า ท่านเมตตาเตือนแล้ว ดังนั้น..เวลาเห็นญาติโยมทั้งหญิงผู้ชายใส่กางเกงขาสั้นมาทำบุญที่นี่ อาตมาก็พยายามนึกว่าเขาต้องมีความจำเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง พยายามช่วยนึกแต่เรื่องที่ดี ๆ ไว้ เราจะไม่ตำหนิใคร..ใช่ไหม ? ยกเว้นว่าด่าไปเลยให้หมดเรื่องหมดราว..!

ได้เห็นความเมตตาของผู้ใหญ่ และได้เห็นวิธีการที่ท่านแนะนำสั่งสอน ท่านไม่ตำหนิต่อหน้าคนหมู่มาก ดึงเข้าไปในห้องเป็นการส่วนตัวแล้วค่อยบอก นักปราชญ์ท่านถึงได้ว่า ชมคนให้ชมต่อหน้าคนมาก ๆ แต่ถ้าหากว่าจะด่าใครให้ด่าลับหลังคนอื่น เพราะว่าแต่ละคนมีสักกายทิฐิคือตัวกูของกู ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า "อีโก้" ถ้าไปตำหนิต่อว่าต่อหน้าประชาชี เขารับไม่ได้ เพราะฉะนั้น..ให้ช่วยเมตตาเขาหน่อย ไม่จำเป็นจริง ๆ ก็อย่าไปด่าต่อหน้า...(บ่อยนัก)..."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2015 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 07-10-2015, 18:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "โยมเขียนชื่อทศวรรษมาให้ ส่วนชื่อศตวรรษนี้ได้ยินมา ๓ คนแล้ว ทศวรรษเพิ่งได้ยินเป็นคนแรก ถัดไปจะมีสหัสวรรษไหม ?

ทศวรรษ คือ รอบ ๑๐ ปี ศตวรรษรอบ ๑๐๐ ปี สหัสวรรษรอบ ๑,๐๐๐ ปี"


ถาม : ถ้ารอบ ๑๐,๐๐๐ ?
ตอบ : รอบ ๑๐,๐๐๐ ทสสหัสสะ ถ้า ๑๐๐,๐๐๐ สตสหัสสะ แต่ขณะเดียวกันจะใช้ "ลักขัง" ก็ได้

๑๐,๐๐๐ มีศัพท์เฉพาะคำหนึ่ง คือ นหุต (นะ-หุ-ตะ)
๑๐,๐๐๐ ปีใช้นหุตวรรษก็ได้รอบ อย่างกรุงศรีสัตนาคนหุต (สัด-ตะ-นา-คะ-นะ-หุด) สต คือ ๑๐๐ นหุต คือ ๑๐,๐๐๐ เป็นร้อยหมื่นก็คือหนึ่งล้าน นาคะ คำกลางแปลว่าช้าง กรุงศรีสัตนาคนหุต ก็คือ กรุงล้านช้าง

บาลีเขาจะเอาคำศัพท์ไว้ตรงกลาง หลังจากที่แยกตัวเลขออกจากกัน อย่าง ทเวสังวัจฉรสหัสสานิ ทเว = ๒, สังวัจฉร = ปี, สหัสสา = ๑,๐๐๐ , ปัญจสตาธิกานิ = กว่าอีก ๕๐๐ รวมเป็น ๒,๕๐๐ ปี ไล่ไปเรื่อย

อิทานิ ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปรินิพฺพานโต ปฏฺฐาย อัฏฐปัญญาสะ ปัญญาสะ = ๕๐, อัฏฐ = ๘, อัฏฐปัญญาสะ = ๕๘, อัฏฐปัญญาสุตตร ก็คือปัญญาส +อุตตร = ยิ่งไปกว่าอีก ๕๘
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2015 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 07-10-2015, 19:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ท่านพระครูปลัดปิงเป็น 'ว่าที่เจ้าคุณ' เดี๋ยวพอ ๕ ธันวาคมก็เป็น 'เจ้าคุณ' ขอให้ได้เลื่อนขึ้นไปเรื่อย ๆ จนได้ฉลองอย่างเป็นทางการ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2015 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 07-10-2015, 19:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับโยมไปเมืองจีนมาว่า "โยมไปเยี่ยมจิ๋นซีฮ่องเต้มา ที่น่าเวทนาก็คือ ช่างฝีมือที่ทำสุสานจำนวนมากด้วยกัน ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองตายไปแล้ว พวกช่างเขารู้ว่าทำเสร็จก็ตายแน่ แต่ต้องทำ เพราะว่าพ่อแม่ลูกเมียอยู่ในเงื้อมมือของฮ่องเต้หมด พูดง่าย ๆ คือรู้ว่าทำเสร็จก็ตาย แต่ตายเพื่อให้ครอบครัวรอด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2015 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 07-10-2015, 20:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่กำลังนับลูกประคำว่า "ประคำกะลานั้นช่างฟ้อง ถ้าใช้ไปเรื่อย ๆ จะดำเงาสวย ถ้าไม่ใช้ก็ด้านอยู่อย่างนั้นแหละ เส้นที่อาตมาใช้ตอนแรกก็เป็นสีอย่างนี้ ตอนนี้ดำเงาวับ ใช้ไป ๆ ความร้อนจากมือของเรา ทำให้น้ำมันในกะลาออกมา ถูไปถูมาก็ดำจนลื่น แต่ว่ามีกะลาประเภทหนึ่ง เขาเรียกว่า "กะลาเผือก" ก็คือมะพร้าวแก่แล้ว แต่กะลายังไม่ดำ กะลาตาเดียวหายากแล้ว กะลาตาเดียวเผือกจะหายากขึ้นไปอีก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2015 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:01



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว