#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังอาคารราชวิริยาลังการ วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) จังหวัดนครปฐม เพื่อเข้าร่วมกองตรวจพิเศษในการตรวจใบตอบปัญหานักธรรมชั้นโท (สนามหลวง) ประจำปี ๒๕๖๕ ซึ่งทางพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) รองประธานแม่กองธรรมสนามหลวงหนกลาง ท่านได้เกณฑ์เอาเจ้าคณะพระสังฆาธิการทั้งหมด ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ๒๓ จังหวัด มารวมกันเพื่อช่วยกันทำงานครั้งนี้
ในเมื่อเกณฑ์กันมามากมายขนาดนั้น แล้วการสอบนักธรรมชั้นโท (สนามหลวง) นั้นก็มีไม่มาก เนื่องจากว่าในระยะที่ผ่านมาเป็นช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แพร่ระบาด ดังนั้น..ผู้ที่จะสอบนักธรรมชั้นโท (สนามหลวง) นั้น อย่างน้อยที่สุดก็ต้องสอบนักธรรมชั้นตรีในปีพุทธศักราช ๒๕๖๔ แล้วถึงจะมีสิทธิ์ในการสอบนักธรรมชั้นโทในปี ๒๕๖๕ ถ้าหากว่ามีการสอบตกก็จะเนิ่นนานกว่านั้นไปอีก ในเมื่อมีจำนวนไม่มาก เพราะว่าพระภิกษุที่อุปสมบทในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ มีน้อย แล้วจำนวนคณะกรรมการที่ได้รับการคัดมาอย่างดีก็มีจำนวนมาก จึงทำให้กองตรวจพิเศษ ซึ่งประกอบไปด้วยเจ้าคณะอำเภอและรองเจ้าคณะอำเภอ ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ นั้น กลายเป็นว่างงาน รอเวลาในการเปิดงานอย่างเดียวเท่านั้น กระผม/อาตมภาพจึงได้ไปเดินให้กำลังใจเหล่ากรรมการที่มาตรวจข้อสอบ ซึ่งเป็นพรรคพวกเพื่อนฝูงอยู่ต่างภาคกัน ไม่ว่าจะเป็นของภาค ๑, ภาค ๒, ภาค ๓, ภาค ๑๓, ภาค ๑๕ เป็นต้น ได้เจอบุคคลที่ไม่ได้พบเห็นมานาน อย่างเช่นท่านอาจารย์พระมหาสุรชัย วราสโภ, ดร. ปัจจุบันนี้ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองน้ำขุ่น จังหวัดระยอง ก่อนหน้านี้ท่านก็คือผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์บาฬีศึกษาพุทธโฆส เป็นครูบาอาจารย์ที่สอนกระผม/อาตมภาพมาก่อน เมื่อเจอหน้าท่านก็ยังจำได้แม่นยำและดีอกดีใจ ทักทายขึ้นมาก่อน แล้วก็พรรคพวกเพื่อนฝูง อย่างเช่นพระมหานพพล กนฺตสีโล, ดร. เจ้าอาวาสวัดตะโหนดราย เจ้าคณะตำบลตะโหนดราย ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเรียนปริญญาเอกมาด้วยกัน ยังมานั่งหัวเราะกันเมื่อทวนไปถึงความหลังในสมัยที่เรียนอยู่ว่า "ทำไมท่านลอกผมแท้ ๆ แต่ได้คะแนนมากกว่าผมวะ ?" ท่านอาจารย์พระมหานพพล ตอบแบบไม่ต้องถ่อมตนเลยว่า "ก็ลายมือผมสวยกว่านี่ครับ" ว่าแล้วก็เขียนลายมืองาม ๆ ให้ดูด้วย กระผม/อาตมภาพก็ต้องยอมแพ้ เพราะว่าในเรื่องของลายมือสวยนั้น ไม่เคยคิดที่จะสู้กับใครอยู่แล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-12-2022 เมื่อ 03:53 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
หลังจากนั้นก็รอจนกระทั่งพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) แม่กองธรรมสนามหลวง เลขานุการในองค์สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกมาถึง พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เพิ่งจะไปศาสนกิจเพื่อการเปิดวัดที่ประเทศมาเลเซีย ได้ขึ้นเครื่องบินกลับมายังประเทศไทย ท่านบอกว่าตื่นตั้งแต่ตี ๔ เครื่องมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิตอน ๘ โมงครึ่ง กว่าที่จะฝ่าการจราจรมาถึงวัดไร่ขิงได้ก็ ๑๐ โมงครึ่งพอดี
เมื่อเดินผ่านกระผม/อาตมภาพ ท่านก็ชะงักกึก พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. บอกว่า "วัดท่าขนุนครับ" ท่านก็พยักหน้า เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ากระผม/อาตมภาพได้ถวายการรับใช้ท่านมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโรงทานต้านภัยโควิด ๑๙ ตามพระดำริขององค์สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งท่านได้เป็นองค์แทนขององค์สมเด็จพระสังฆราช มอบข้าวสารให้แก่ทางวัดท่าขนุนมาหลายวาระด้วยกัน ครั้งละ ๕๐๐ กิโลกรัม พร้อมกับเงินสดที่จะใช้ในการซื้อหาสิ่งของมาประกอบอาหาร สำหรับบุคคลผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ นอกจากนั้นแล้ว เมื่อท่านสร้างวัตถุมงคล ก็ยังเน้นพระเกจิอาจารย์สายวัดท่าซุง ได้นิมนต์ท่านเจ้าคุณหลวงตาพระราชภาวนาพัชรญาณ วิ. ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) อาราธนาตุ๊พ่อสิงห์ พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ตลอดจนกระทั่งท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) พร้อมกับกระผม/อาตมภาพ ๔ รูปด้วยกัน นั่งปลุกเสกกันในพระเจดีย์ของวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เมื่อปลุกเสกแล้วก็ยังกำชับกับกระผม/อาตมภาพว่า "หลวงพ่อเล็ก หนึ่งล้านองค์เท่านั้น ต้องขายได้หมดนะครับ..!" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่รับปากไปแบบไม่มีความมั่นใจเลย แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่กี่วัน ท่านได้ส่งข่าวมาบอกว่า "จำหน่ายหมดแล้วครับ" เล่นเอากระผม/อาตมภาพค่อยยิ้มออก ไม่เช่นนั้นก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะทำหน้าอย่างไร เพราะว่าผู้บังคับบัญชาระดับนั้นบอกว่าต้องจำหน่ายได้หมด ก็ถือว่าเป็น "ไฟต์บังคับ" ไปในตัว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-12-2022 เมื่อ 03:55 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
หลังจากที่ทำพิธีเปิดเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพที่กลายเป็นคนตกงาน ไปให้กำลังใจพรรคพวกเพื่อนฝูงที่ตรวจปัญหาจวนจะเสร็จอยู่แล้ว เพราะว่าเป็นเวลาใกล้เพล ก็ได้ออกไป "เดินตลาด" โดยเฉพาะบรรดาร้านจำหน่ายวัตถุมงคลต่าง ๆ เพราะว่ามีโอกาส "ฟลุก" ที่จะได้ของดีราคาถูกอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากว่าบางทีผู้ที่นำมาจำหน่ายก็ไม่รู้จักของ บางทีถึงรู้จักของ แต่ก็ไม่รู้ว่าราคาเท่าไรอีกต่างหาก บางท่านก็บอกว่าไม่แน่ใจว่าจริงหรือปลอมอีกด้วย..!
กระผม/อาตมภาพไปเที่ยวนี้ถือว่า "ฟลุก" มาก แม้ว่าจะหมดเงินไปหมื่นกว่าบาทก็ตาม เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าไปได้ตะกรุดมหาระงับพิสดารของหลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช เป็นตะกรุดพิเศษที่ทำเอาไว้สำหรับประจำตระกูลของลูกศิษย์ที่ท่านรัก และให้การสงเคราะห์เป็นพิเศษ ก็คือตะกรุดดอกนี้ยาว ๓๐ นิ้ว..! กระผม/อาตมภาพเองนั้น มีแบบพิเศษ ยาว ๒๔ นิ้วอยู่แล้ว ทำไมถึงบอกว่าพิเศษ ? ก็เพราะว่าตะกรุดมหาระงับของหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราชนั้น ปกติก็ยาว ๙ นิ้ว แต่ว่าสำหรับลูกศิษย์หลายคนที่ท่านรักมากและให้การสงเคราะห์เป็นพิเศษ ท่านจะทำให้เป็นตะกรุดประจำตระกูล ก็จะมีความยาวพิเศษ อย่างเช่นว่า ๑๖ นิ้ว ๒๐ นิ้ว ๓๐ นิ้ว เป็นต้น กระผม/อาตมภาพแม้ว่าจะเห็นว่าราคาสูง แต่ว่าท่านผู้จำหน่ายบอกว่า ขายแค่ขอทุนคืน เนื่องจากว่าเป็นตะกรุดประจำตระกูลของลูกศิษย์รักคนหนึ่งของหลวงปู่เทียม เมื่อสิ้นพ่อซึ่งเป็นเจ้าของตะกรุดไปแล้ว ลูกที่แม้ว่าจะรู้คุณค่าก็จริง แต่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน จึงนำมาจำนำไว้กับผู้จำหน่ายวัตถุมงคลท่านนี้ แต่ว่าเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาดเป็นระยะยาว ทำให้กิจการงานไม่เป็นไปตามต้องการ ดังนั้น..ท่านเจ้าของตะกรุดจึงได้แจ้งมาว่า "ขอปล่อยขาด" ก็คือจะไม่มาไถ่ตะกรุดดอกนี้อีกแล้ว เมื่อกระผม/อาตมภาพเห็นของครูบาอาจารย์ซึ่งหายากขนาดนั้น แล้วอยู่ในราคาที่รับได้ จึงยอมควักเงินหมื่นกว่าบาทเพื่อที่จะซื้อหามา มีแต่คนที่อยู่ใกล้มองหน้า เหมือนกับว่า "ไอ้นี่ท่าจะบ้า" เพราะว่าวัตถุมงคลในตลาดแบกับดินแบบนี้ ส่วนใหญ่ราคาอยู่ในระดับหลักสิบเท่านั้น ที่จะถึงระดับร้อยหรือหลายร้อยก็ยังยาก อย่าว่าแต่ ๕๐๐ หรือ ๑,๐๐๐ เลย แต่กระผม/อาตมภาพควักกระเป๋าโดยไม่ลังเลสงสัย เหตุเพราะว่ารู้จักตะกรุดของหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราชเป็นอย่างดี ลักษณะตำหนิอะไรใช่หมดทุกอย่าง และโดยเฉพาะในเรื่องของคำร่ำลือกันมา ตั้งแต่สมัยกระผม/อาตมภาพยังเด็ก ก็คือท่านจะทำตะกรุดประจำตระกูลให้เฉพาะลูกศิษย์ที่ให้การอุปถัมภ์อุปัฏฐากที่ท่านรักมากเท่านั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-12-2022 เมื่อ 03:59 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ในเมื่อมีโอกาสเช่นนี้ สิ่งที่ตนต้องการก็อยู่ตรงหน้า ถ้าขืนช้าอาจจะมีคนอื่นคว้าไปเสียก่อน กระผม/อาตมภาพจึงควักกระเป๋าแบบไม่ลังเล เพียงแต่ว่าขอแถมวัตถุมงคลจากเจ้าของร้านสักชิ้นหนึ่ง ซึ่งทางด้านเจ้าของร้านก็ได้ส่งวัตถุมงคลมาให้ ๑ ชิ้น เป็นของที่กระผม/อาตมภาพรู้จักดีอีกต่างหาก เพราะว่าเป็นตุ๊กแกมหาลาภ หลวงปู่ครื้น วัดสังโฆ ที่กระผม/อาตมภาพต้องบอกว่า "มีเป็นกองทัพ" แต่ถึงจะมีเพิ่มขึ้นก็ไม่รังเกียจอะไร ได้แต่รีบคว้าเอาไว้ด้วยความดีใจ
เนื่องเพราะว่าหลังจากสิ้นหลวงปู่ครื้น วัดสังโฆ ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงได้กล่าวถึงอยู่เสมอแล้ว ท่านก็ไม่ได้มีทายาทสืบทอดโดยตรงที่วัดสังโฆ แต่ว่าวิชาทำตุ๊กแกของท่านมาโด่งดังที่หลวงพ่อหล่ำ วัดสามัคคีธรรมแทน แต่ในเมื่อมีของครูบาอาจารย์อยู่ เรื่องวัตถุมงคลของลูกศิษย์ก็ต้องเก็บเอาไว้ทีหลัง เหตุที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านรู้จักหลวงพ่อครื้น วัดสังโฆดี ก็เพราะว่าในสมัยนั้นท่านไปเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถต่าง ๆ หลวงพ่อครื้น วัดสังโฆก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น เพราะว่าวัดสังโฆนั้นอยู่ไม่ไกลจากวัดใหม่พิณสุวรรณ ซึ่งหลวงพ่อเรื่องที่เป็นครูบาอาจารย์สายตรงของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านหนึ่ง เป็นเจ้าตำรับปืนแตก ก็อยู่ใกล้ ๆ กันนั่นเอง หลวงพ่อท่านจึงได้ไปถึงหลวงพ่อครื้น วัดสังโฆด้วย เพราะว่าระยะเดินแค่นิดเดียวเท่านั้น ตอนที่ท่านเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ก็เพราะว่านั่งกันอยู่กันทางหน้าวัดท่าซุงในช่วงเย็น หลังจากที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเดินตรวจวัดเรียบร้อยแล้ว ก็มานั่งพักผ่อนหย่อนใจอยู่บริเวณที่นั่งหน้าซุ้มประตู เยื้อง ๆ กับศาลานวราชบพิตร ซึ่งบริเวณใกล้ ๆ ก็ยังมีหอนาฬิกาอยู่ พอดีกับมีเสียงตุ๊กแกดังมาจากในหอนาฬิกา หลวงพ่อท่านบอกว่า "จำไว้ว่าโบราณเขานับเสียงตุ๊กแกเหมือนกัน ถ้าหากว่าจะให้เป็นมงคลต้องดัง ๗ ครั้งขึ้นไป" แล้วท่านก็เล่าเรื่องตุ๊กแกของหลวงพ่อครื้น วัดสังโฆให้ฟังว่าเป็นตุ๊กแกมหาลาภ ถ้าใครบูชาติดบ้านไว้แล้วได้ยินเสียงตุ๊กแกร้อง แปลว่าช่วงนั้นจะต้องได้ลาภอย่างแน่นอน กระผม/อาตมภาพจดจำเอาไว้ เมื่อถึงเวลามาเล่นเครื่องรางของขลัง ก็ได้เสาะหาเรื่องของตุ๊กแกมหาลาภของหลวงพ่อครื้น วัดสังโฆเอาไว้ด้วย ถ้าหากว่าราคาไม่สูงมากก็เก็บเอาไว้ จนกระทั่งกลายเป็นกองทัพทีเดียว แต่ว่าระยะหลังนี้ก็ได้ทยอยนำออกมาให้บูชาในเว็บไซต์วัดท่าขนุน เพื่อที่จะหาปัจจัยเอาไว้ในการสร้างเสริมสิ่งต่าง ๆ ตามแต่วัตถุประสงค์ของกระทู้นั้น ๆ สำหรับวันนี้ก็ถือว่าเป็นกำไรอย่างที่สุด เพราะว่าไปได้ของหายากของครูบาอาจารย์มา แล้วขณะเดียวกันก็ยังได้กำไรจากของแถมมาอีกด้วย สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-12-2022 เมื่อ 04:02 |
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|