กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 09-11-2023, 19:17
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,535
ได้ให้อนุโมทนา: 216,765
ได้รับอนุโมทนา 743,898 ครั้ง ใน 36,250 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 10-11-2023, 00:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,575
ได้ให้อนุโมทนา: 151,708
ได้รับอนุโมทนา 4,411,118 ครั้ง ใน 34,165 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดโพธิ์ผักไห่ หมู่ที่ ๔ ตำบลผักไห่ อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาตั้งแต่เช้า เพื่อร่วมพิธีสมโภชพระพิชัยสงคราม และปลุกเสกพระพิมพ์สะดุ้งกลับ เนื้อยาวาสนาจินดามณี

การสมโภชพระพิชัยสงครามนั้นเป็นตำราโบราณ ซึ่งความจริงแล้ว เรียกในสมัยนี้ก็ประมาณว่า "พระหนุนดวง" เนื่องเพราะว่าต้องเอาดวงวัน เดือน ปีเกิดของเจ้าของมาบรรจุเอาไว้ในฐานพระ ซึ่งสร้างจาก "ไม้โพธิ์นิพพาน" ก็คือไม้โพธิ์ที่กิ่งหักลงมาเอง และต้องเป็นกิ่งที่อยู่ทางทิศตะวันออกเท่านั้น ซึ่งถ้าหากว่ากิ่งไม่ใหญ่พอที่จะสร้างพระพุทธรูป ก็จะแกะเป็นพระองค์เล็ก ๆ แทน

ถ้าหากว่าเป็นไปตามแบบของพระเกจิอาจารย์โบราณ ถ้าเป็นจังหวัดนครปฐมบ้านเกิดของกระผม/อาตมภาพนั้น พระไม้โพธิ์นิพพานที่โด่งดังที่สุดก็คือของหลวงพ่อเบี้ย วัดโคกพระเจดีย์ รองลงมาก็เป็นหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วนั้น ส่วนใหญ่เขาจะเสาะหาที่แกะเป็นพระพุทธรูป

แม้ว่าจะบรรจุดวงของคนอื่นเอาไว้ก็ตาม ถ้าหากว่าลูกหลานไม่รู้คุณค่า นำออกมาจำหน่าย เมื่อเราบูชาไปแล้ว ก็เปลี่ยนเอาดวงของเราบรรจุเข้าไปแทน เรียกง่าย ๆ ว่า ฝากชีวิตไว้กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือว่าเป็นพุทธานุสติอย่างหนึ่ง ถ้าหมั่นสวดมนต์ ไหว้พระ รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา กุศลผลบุญย่อมส่งผลให้เรามีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตอยู่แล้ว

ส่วนบ้านใกล้เรือนเคียงก็จะมีหลวงพ่อโนรี วัดโพธิ์มอญ จังหวัดราชบุรี ท่านจะสร้างพระปิดตาไม้โพธิ์นิพพาน ซึ่งฐานส่วนใหญ่ก็จะบรรจุดวงของบุคคลที่นำไปให้กับท่าน หรือไม่ก็ที่ทำเป็นการทั่วไป ส่วนใหญ่ก็จะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ แล้วอุดด้วยชันโรง ถ้าหากว่าเป็นทางกรุงเทพฯ ก็จะมีหลวงปู่เอี่ยม วัดโคนอน เป็นต้น ซึ่งพระที่สร้างจากไม้โพธิ์นิพพานนั้น ค่อนข้างจะหายาก และมีอานุภาพในการเสริมดวงโดยเฉพาะ

ส่วนของพระครูปลัดพิจารย์นั้น ถือว่าท่านโชคดีมาก เนื่องเพราะว่าไม่ใช่พบต้นโพธิ์ที่กิ่งหักไปทางตะวันออก หากแต่ว่าเป็นต้นโพธิ์ที่ล้มไปทางตะวันออกทั้งต้นเลย..! ท่านจึงนำมาสร้างเป็นพระพิชัยสงครามองค์ใหญ่ตามตำราโบราณ ให้กับญาติโยมที่ตั้งใจจะฝากชีวิตไว้กับพระพุทธเจ้า เมื่อถึงเวลา สร้างเสร็จแล้วก็มีการสมโภช มีการสวดบูชาเทวดานพเคราะห์อีกด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-11-2023 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 10-11-2023, 00:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,575
ได้ให้อนุโมทนา: 151,708
ได้รับอนุโมทนา 4,411,118 ครั้ง ใน 34,165 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

งานนี้กระผม/อาตมภาพจึงต้องเข้าสมาธิยาว ๆ ๒ ชั่วโมงเต็ม เนื่องเพราะว่าต้องมีการอ่านโองการอัญเชิญเทวดานพเคราะห์ แล้วพระสงฆ์สวดสรรเสริญเทวดานพเคราะห์ทีละองค์ ไล่ตั้งแต่พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระเสาร์ พระพฤหัสบดี พระราหู พระศุกร์ และพระเกตุ ซึ่งผลัดกันเสวยอายุไปตามลำดับ ก็แปลว่าถ้าใครอยู่จนกระทั่งครบเทวดาเสวยอายุ อย่างน้อยก็จะมีอายุ ๑๐๘ ปี ตามกำลังของเทวดานพเคราะห์ เป็นต้น

เมื่อเสร็จพิธีเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัว เพื่อที่จะเดินทางต่อไปจังหวัดมหาสารคาม เนื่องจากว่าได้รับนิมนต์จากทางวัดป่าวังน้ำเย็น เพื่อที่จะให้ไปปลุกเสกวัตถุมงคลรุ่นกฐิน ๒๕๖๖ เอาไว้สำหรับแจกญาติโยมที่มาทำบุญกฐิน ซึ่งวัดป่าวังน้ำเย็นนั้นทำสถิติได้ยอดกฐินสูงสุดของประเทศไทยมาหลายปีแล้ว อย่างปีที่ผ่านมาก็ได้ประมาณ ๑๖๘ ล้านบาท ซึ่งทางด้านพระอาจารย์สุริยันต์ โฆสปัญโญ (พระวชิรญาณวิศิษฏ์ วิ.) ท่านก็นำไปซื้อรถพยาบาล แจกจ่ายให้กับโรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดมหาสารคาม

จังหวัดมหาสารคามนั้นมีสมญานามว่า "ตักศิลาของภาคอีสาน" โดยเฉพาะมีพระบรมธาตุนาดูน ที่มีพระแตกกรุออกมาเป็นจำนวนมาก ส่วนที่นิยมที่สุดก็คือพระพิมพ์นาคปรกกรุพระบรมธาตุนาดูน ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นพระเครื่อง น้อยครั้งที่จะมีพระบูชาหลุดมาสักองค์หนึ่ง

กระผม/อาตมภาพเคยได้พระนาคปรกกรุพระบรมธาตุนาดูน ขนาดหน้าตักประมาณ ๕ นิ้วมา ๑ องค์ ได้นำเอาไปถวายพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร ป.ธ.๙) วัดชนะสงคราม อดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลาง อดีตคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งท่านชอบอกชอบใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดวางไว้บนตู้ข้างอาสนะของท่านเลย ไปกราบท่านกี่ครั้งก็จะพบอยู่เสมอ เนื่องเพราะว่าเป็นของที่หายากมาก ส่วนใหญ่แล้วถ้าไม้แตกหักเสียหาย ก็จะไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์เสียมากกว่า จะหาสวยสมบูรณ์แบบนั้นจึงยากเป็นอย่างยิ่ง

ในส่วนของพระกรุพระบรมธาตุนาดูนนั้น ส่วนหนึ่งก็ได้รับการล้างจนสะอาด เนื่องเพราะว่าบรรดาญาติโยมที่ไปขุดหาพระที่แตกกรุออกมานั้น ไม่ใช่นักสะสมที่มีความเข้าใจในเรื่องของเก่ามากนัก เมื่อได้มาจึงจัดการทำความสะอาดเสียเป็นส่วนใหญ่ เมื่อนำไปจำหน่ายจึงไม่มีราคา คนส่วนใหญ่ก็จะไปแสวงหาที่ยังมีคราบกรุติดอยู่ ปัจจุบันนี้พระบรมธาตุนาดูน อยู่ในส่วนของพุทธมณฑลภาคอีสาน กระผม/อาตมภาพมาครั้งนี้ก็ตั้งใจว่าจะไปกราบสักการะด้วยตนเองอีกสักวาระหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-11-2023 เมื่อ 02:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 10-11-2023, 00:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,575
ได้ให้อนุโมทนา: 151,708
ได้รับอนุโมทนา 4,411,118 ครั้ง ใน 34,165 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับงานนี้ที่มานั้น ก็ทำให้เห็นว่า สมัยก่อนหลวงปู่หลวงพ่อทางภาคอีสาน เดินทางลงไปปลุกเสกวัตถุมงคลทางกรุงเทพ ฯ บ้าง ภาคกลางบ้าง กระผม/อาตมภาพยังเห็นว่าท่านทั้งหลายมีมานะอุตสาหะเหลือเกิน เดินทางเป็นระยะทางไกล ๆ ๖ ชั่วโมงบ้าง ๘ ชั่วโมงบ้าง ตามจังหวัดของท่าน

แต่เมื่อมาระยะหลัง กระผม/อาตมภาพเองก็เริ่มต้องออกมางานทางภาคอีสานบ่อยขึ้น จนดูท่าว่าจะเข้าทำนองเดียวกัน ก็คือสมัยก่อนเห็นว่าหลวงปู่หลวงพ่อท่านยอมเหนื่อยยาก เดินทางไปจนถึงภาคกลาง หรือว่าภาคอื่น ๆ แต่ว่าปัจจุบันนี้ ตนเองต้องมาเหนื่อยยากบ้าง เพราะว่าญาติโยมที่มีจิตศรัทธา หรือว่าวัดวาอารามที่มีจิตศรัทธา เมื่อสร้างวัตถุมงคลเพื่อมอบสมนาคุณให้แก่ผู้ที่ทำบุญก็ดี จำหน่ายเพื่อหารายได้มาในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่าง ๆ ก็ตาม ก็มักจะนิมนต์พระเถระที่ตนเองมั่นใจว่ามีความรู้ความสามารถ อย่างเช่นงานนี้ วัดป่าวังน้ำเย็นก็นิมนต์พระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศถึง ๗๐ รูป จะเรียกว่างานมหาพุทธาภิเษก ก็สามารถที่จะเรียกได้อย่างเต็มปากเต็มคำทีเดียว

แต่ว่างานลักษณะอย่างนี้ กระผม/อาตมภาพก็คงต้องมานั่งเครียดอีกตามเคย เนื่องเพราะว่าพระเกจิอาจารย์มาจากทุกสารทิศ วิชาความรู้ของตนเองศึกษามาแบบไหน ก็ว่าไปตามนั้น ทำให้ต้องมาคอยจัดกระแส ต้องมาแก้ไขปัญหาสารพัดสารเพ เหนื่อยยากเป็นที่สุด

แต่ก็ต้องดูว่าเมื่อไรจะมีพระเถระที่ท่านมีความรู้ความสามารถทางด้านนี้มาเสียที ถ้าหากว่าปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติแล้ว บางทีสิ่งที่พระเถระบางรูปถนัด อย่างเช่นว่าเรื่องของลาภผลเงินทอง แต่ว่าโดนจัดไปอยู่ทางด้านใน เพราะว่าอธิษฐานจิตก่อน ท่านที่ถนัดทางด้านคงกระพัน มหาอุด กลับมาอยู่ทางด้านนอก ก็แปลว่าโดนปิดไปจนกระทั่งเรื่องของลาภผลไม่มีเหลือเลย เหล่านี้เป็นต้น

สมัยก่อนกระผม/อาตมภาพเห็นพระมหาเถระรูปหนึ่ง ก็คือหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เมื่อถึงเวลาออกงาน ในฐานะลูกศิษย์วัดท่าซุง กระผม/อาตมภาพก็มักจะ "แอบดูใจ" ของพระเถระหลายต่อหลายรูป บางท่านรู้ทันก็ปิดไม่ให้ดู บางท่านมีเมตตามาก อย่างหลวงปู่โต๊ะ ท่านก็เปิดให้เห็นทุกอย่าง ว่าท่านกระทำสิ่งหนึ่งประการใดบ้าง

โดยเฉพาะในส่วนของการตั้งธาตุ ปลุกธาตุ เรียกอาการ ๓๒ จัดกระแสทุกอย่างให้ลงตัว เพื่อที่จะได้รับผลของที่บรรดาพระเกจิอาจารย์ท่านถนัด ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จึงกลายเป็นว่าสมัยก่อนนั้น หลวงปู่โต๊ะท่านออกงานไหนก็ตาม ท่านก็ต้องเหนื่อยยากในการที่ต้องไปจัดการในลักษณะแบบนี้เสมอ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-11-2023 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 10-11-2023, 00:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,575
ได้ให้อนุโมทนา: 151,708
ได้รับอนุโมทนา 4,411,118 ครั้ง ใน 34,165 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพถือว่าโชคดีที่ครูบาอาจารย์ ตลอดจนกระทั่งพระ หรือว่าพรหม เทวดา ท่านสงเคราะห์มาตามสายที่ศึกษาความรู้มา ดังนั้น..การจัดการในเรื่องแบบนี้จึงไม่ใช่ภาระที่หนักมากนัก แต่ก็เป็นเรื่องที่น่ารำคาญ คือแทนที่ทำเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วจะจบไปเลย กลับกลายเป็นว่าต้องเสียเวลามาปรับปรุงแก้ไข โดยเฉพาะนิสัยของกระผม/อาตมภาพนั้น ถ้าหากว่าทำอะไรหลาย ๆ คนแล้วยุ่งยาก ต้องมาแก้ไขเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของตนเอง กระผม/อาตมภาพก็มักจะทำเองไปเลย..!

ถ้าหากว่าเป็นการปลุกเสกวัตถุมงคลในลักษณะนี้ ครูบาอาจารย์สมัยก่อนท่านเรียกว่า "สิงห์เดี่ยว" บ้าง หรือว่า "เสือโทน" บ้าง อยู่ในลักษณะว่า "จับเนื้อกินเอง" "ไม่ขอใครกิน" เป็นต้น แต่ความจริงแล้ว
กระผม/อาตมภาพไม่ได้หยิ่งทะนงในลักษณะแบบนั้น หากแต่ว่าไม่อยากเสียเวลาที่จะมาแก้ไขในสิ่งที่คนอื่นเขาทำไปแล้ว ทำให้เราต้องมาเหนื่อยยากทีหลัง จึงมักที่จะบรรเลงเองเสียเป็นส่วนใหญ่..!

แต่ว่าถ้าตามสายของหลวงพ่อวัดท่าซุงแล้ว แม้ว่าจะเป็นการเสกเดี่ยวตามที่คนอื่นเขาเห็น แต่ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นพระ เป็นพรหม เป็นเทวดา เป็นครูบาอาจารย์ บางทีท่านก็มากันมากมายมหาศาล บางทีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังเสด็จมาด้วยตนเอง เป็นต้น จึงกลายเป็น "สิงห์เดี่ยว" ที่ไม่จริง หากแต่ว่าเป็นศิษย์สารพัดครู จึงกลายเป็นว่ามีความสบายค่อนข้างมากกว่าสายอื่นเขา

เมื่อครูบาอาจารย์ที่ท่านจับกระแสวัตถุมงคลได้ จับสัมผัสวัตถุมงคลแล้วก็มักจะตกใจ สมัยที่
กระผม/อาตมภาพทำการปลุกเสกใหม่ ๆ ยังเป็นพระพรรษาน้อยอยู่ ครูบาอาจารย์ใหญ่สายอีสานหลายรูปถึงขนาดปรารภว่า "พระหนุ่มเณรน้อยแบบนี้ ทำไมเสกของได้ขลังนัก ?" ซึ่งความจริงไม่ใช่ความสามารถของกระผม/อาตมภาพเลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนใหญ่ก็ขึ้นไปกราบขอบารมีพระ ขอบารมีพรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ท่านสงเคราะห์ แล้วก็ปฏิบัติตามที่ท่านสั่ง บางทีก็ได้แต่นั่งเฉย ๆ จนท่านบอกว่าเสร็จแล้วก็กราบลาลงมา เป็นต้น

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-11-2023 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:17



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว