กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 24-01-2024, 17:38
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 341
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,704 ครั้ง ใน 819 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 25-01-2024, 00:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,592
ได้ให้อนุโมทนา: 151,767
ได้รับอนุโมทนา 4,411,868 ครั้ง ใน 34,182 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพแทบจะต้องคลานขึ้นมาจากที่นอน เนื่องเพราะว่าอากาศกระชากแรงมาก จากประมาณ ๑๔ - ๑๕ องศาเซลเซียส โดดขึ้นมาที่ ๒๑ องศาเซลเซียส..! โดยเฉพาะบุคคลที่มีเชื้อมาลาเรียอยู่ในร่างกายนั้น เมื่อถึงเวลาอากาศเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยก็แย่แล้ว ถ้าเปลี่ยนถึง ๒ องศาเซลเซียส ก็แปลว่าไข้จับอย่างแน่นอน แล้วนี่กระโดดพรวดพราดขึ้นมาทีเดียวเกือบ ๑๐ องศาเซลเซียส ต้องบอกว่า "ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต"..!

จากที่เมื่อวานที่ไปบรรยายให้กับพระนิสิตประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ซึ่งเข้าปฏิบัติธรรมประจำปีที่วัดปรังกาสี ก็มีท่านอาจารย์โทน สุญาโณ เจ้าอาวาสวัดองธิ ซึ่งท่านห่มคลุมอยู่ตลอดเวลา กระผม/อาตมภาพจึงได้ถามว่า "ท่านอาจารย์โทนรู้สึกว่าหนาว เป็นไข้อยู่ตลอดเวลาใช่หรือไม่ ?" ท่านก็ยอมรับว่าใช่ แล้วก็บ่นว่าท่านอายุเริ่มมากแล้ว สุขภาพไม่ดี

กระผม/อาตมภาพเรียนท่านไปว่า "ไม่ใช่ว่าท่านสุขภาพไม่ดี แต่ว่าท่านเป็นมาลาเรีย..!" ท่านยืนยันว่าท่านเคยเป็นมาลาเรีย แต่ว่ารักษาหายแล้ว ทำให้กระผม/อาตมภาพก็ขำเช่นกัน เนื่องเพราะมีประสบการณ์ตรงนี้มา จึงได้บอกกับท่านไปว่า "ที่ท่านรักษานั้นไม่ได้หาย แต่ว่าเชื้อมาลาเรียหลบไปอยู่ภายในตับ รอจนเราร่างกายอ่อนแอ แล้วก็จะออกมาอาละวาดใหม่ เพราะว่าปัจจุบันนี้มาลาเรียเป็นเชื้อดื้อยา ไม่ว่ายาตัวไหนก็เอาไม่อยู่ทั้งนั้น..!

ถ้าหากว่าร่างกายเราไม่แข็งแรงเมื่อไร ช่วงเช้า ๆ เย็น ๆ ก็จะมีอาการไข้ขึ้นมาก่อน ถ้าไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ ถึงเวลาจากอาการไข้ที่รู้สึกปวดหลังอยู่ ๒ - ๓ ข้อ เหมือนอย่างกับว่ากระดูกจะหลุดเป็นชิ้น ๆ ก็จะแผ่กว้างออกไปทั่วร่างกาย คราวนี้ก็จะปวดไปทั้งเนื้อทั้งตัว เมื่อถึงเวลาถ้าไปให้หมอรักษา อาจจะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น "โรคชิคุนกุนยา" ไปกันคนละทิศคนละทางกับสิ่งที่เราเป็น

ก็ได้แต่ต้องยอมรับว่า พวกเรานั้นมีเวรมีกรรมที่ทำมาหนักตั้งแต่อดีต เมื่อมาถึงปัจจุบันนี้จึงต้องมาเจอกับโรคภัยไข้เจ็บแบบนี้ แต่ถ้าหากว่าเรารักษาสุขภาพของตนเอง พักผ่อนเพียงพอ อาการเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะไม่หนักมากนัก"


เมื่อท่านได้ทราบดังนั้น ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ท่านเป็นอยู่นั้น ตรงกับที่กระผม/อาตมภาพว่ามาทั้งหมด เพียงแต่ว่าเมื่อเช้านี้ กระผม/อาตมภาพไม่ได้แวะเข้าไปดูการปฏิบัติธรรมที่วัดปรังกาสี จึงไม่ทราบว่าท่านมีอาการแย่พอกันหรือไม่ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2024 เมื่อ 01:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 25-01-2024, 00:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,592
ได้ให้อนุโมทนา: 151,767
ได้รับอนุโมทนา 4,411,868 ครั้ง ใน 34,182 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเดินทางมาจนกระทั่งถึงที่พักวัดอุทยานแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้นำรถเข้าไปซ่อมระบบแก๊สซึ่งเสียหาย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าตัวจ่ายแก๊สตัวใหม่ที่ใส่เข้าไปนั้น มีความไวมากจนเกินไป ถ้าหากว่าแก๊สสะดุดแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะขึ้นไอคอนว่าเครื่องมีปัญหา แล้วถ้าหากว่าขึ้นมาเฉย ๆ เปิดโอกาสให้เราไปถึงอู่ซ่อมก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่บางทีพอขึ้นมาปุ๊บ ระบบก็ตัดการทำงานทันที..! เครื่องไม่ส่งกำลัง ทำให้ไม่สามารถที่จะขับรถต่อไปได้ ต้องหาสารพัดวิธีมาแก้ไขหลอกล่อ กว่าจะเอารถเข้าอู่ได้ก็ถึงกับเหงื่อตก..!

เมื่อฉันเพลเรียบร้อยแล้ว กำลังจะนอนสลบไสล ก็ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงาน ซึ่งดูแลในการสร้างเหรียญเสริมปัญญาและเหรียญนาคปรกเสาร์ ๕ ตรีวัน ของวัดท่าขนุน เดินทางมาปรึกษาหารือเกี่ยวกับจำนวนในการสร้าง เนื่องเพราะว่าถ้าเป็นเฉพาะเหรียญเสริมปัญญานั้น เสร็จทันอย่างแน่นอน แต่ก็ต้องขอลดจำนวนในบางเนื้อลงมา เพราะว่าเราทำเป็นเหรียญขัดเงาเพื่อความสวยงาม ทำให้การสร้างเป็นไปได้ช้ามาก

กระผม/อาตมภาพถือคติว่า การสร้างวัตถุมงคลนั้นต้องสวย ถ้าหากว่าเราทำวัตถุมงคลสวย แค่คนเห็นก็ชอบแล้ว เป็นอนุสติที่ดีมาก เพราะว่าสวยถูกใจผู้ที่นำไปใช้งาน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงต้องลดจำนวนบางเนื้อลง ตามที่ทางผู้ประสานงานให้คำแนะนำ ส่วนเหรียญนาคปรกเสาร์ ๕ ตรีวัน นั้น กระผม/อาตมภาพเสียดายวันเสาร์ ๕ ตรีวัน ซึ่งกว่าจะมีอีกครั้งหนึ่งก็ประมาณ ๖๐ ปีข้างหน้า จึงได้เตรียมสร้างเอาไว้เผื่ออีกรุ่นหนึ่ง เพราะว่าไม่อยากให้วันดี ๆ แบบนี้เสียเปล่าไปเฉย ๆ

แต่เนื่องจากว่าระยะนี้ทางด้านวงการวัตถุมงคลน่าจะมีการเริ่มฟื้นคืนมา หลังจากที่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาด ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แต่ละโรงงานจึงรับงานกันเต็มมือ ไม่สามารถที่จะทำให้ได้ทัน กระผม/อาตมภาพจึงต้องจำกัดจำนวนไปเช่นกัน โดยที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เมื่อถึงเวลาแล้วให้รีบนำมาส่ง ทันแค่ไหนก็เอาแค่นั้น..!

เนื่องเพราะว่าในวันพิเศษแบบนี้ นอกจากสิ่งที่เป็นไปตามอานุภาพของเหรียญปกติแล้ว กระผม/อาตมภาพยังจะกราบขออนุญาตจากพระ พรหม เทวดา หรือว่าครูบาอาจารย์ ขออานุภาพในการป้องกันบรรดาท่านทั้งหลาย จากสงครามใหญ่ที่กำลังปะทุขึ้นมา เพื่อที่อย่างน้อย ๆ ให้ลูกศิษย์กลุ่มหนึ่ง ก็มีความปลอดภัยในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2024 เมื่อ 01:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 25-01-2024, 00:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,592
ได้ให้อนุโมทนา: 151,767
ได้รับอนุโมทนา 4,411,868 ครั้ง ใน 34,182 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จึงขออาศัยโอกาสนี้ตักเตือนแก่ท่านทั้งหลายว่า ในเรื่องของภาวะสงครามนั้น จะส่งผลกระทบหลายเรื่อง อันดับแรกเลยก็คือเรื่องของแก๊ส ไม่ว่าจะเป็นแก๊สหุงต้ม หรือว่าแก๊สรถยนต์ จะต้องขึ้นราคาไปในเวลาอีกไม่นาน แม้กระทั่งน้ำมันเชื้อเพลิงก็เช่นกัน ถ้าหากว่าเป็นไปได้ เราก็เตรียมเอาไว้สักถังสองถัง อย่างน้อยก็จะได้ใช้ในราคาเดิม ก่อนที่จะขึ้นราคาไปอีก

อีกส่วนหนึ่งก็คือเรื่องของข้าวปลาอาหาร ถ้าเรามีพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือว่าปลากระป๋อง ข้าวสาร ติดบ้านเอาไว้สักเล็กน้อย เมื่อถึงเวลาก็ไม่ต้องไปเดือดร้อนกับคนอื่น เพราะว่าต่อให้ข้าวของขึ้นราคาไป เราก็ยังกินยังใช้ของที่อยู่ในราคาเดิม โดยเฉพาะอย่าลืมในเรื่องของปัจจัย ๔ ก็คือ
อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ทั้ง ๔ ประการนี้

ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คืออาหาร ส่วนเครื่องนุ่งห่มนั้น มั่นใจว่าทุกท่าน ถ้าใส่โดยไม่ซ้ำเลย อาจจะอยู่ได้เป็นเดือนก็มี..! ส่วนที่อยู่อาศัย ท่านที่เช่าเขาอยู่ก็อาจจะต้องลำบากหน่อย เพราะว่าถึงเวลาแล้ว ก็ต้องมีการขึ้นค่าเช่า แต่ถ้าท่านที่เป็นเจ้าของอยู่แล้วก็ค่อยสบายหน่อย เนื่องเพราะว่าที่อยู่อาศัยนั้น เมื่อมีแล้ว ก็อยู่ไปได้หลายสิบปี

มาสำคัญอีกทีคือยารักษาโรค ท่านทั้งหลายคงไม่ได้โชคดีเหมือนกระผม/อาตมภาพ ที่เจ็บไข้ได้ป่วยจนไม่มียาอะไรรักษาได้ นอกจากอาศัย "อธิวาสนขันติ" ในการที่บังคับตนเองให้ไปทำการทำงาน จนกระทั่งเสร็จงานแล้ว ค่อยมานอนจับไข้อยู่คนเดียว ยาอะไรก็ไม่มีประโยชน์ ฉันไปเท่าไรก็ไม่เกิดผล เนื่องเพราะว่าสร้างเวรสร้างกรรมเอาไว้มาก

ท่านทั้งหลายที่ไม่ได้สร้างเวรกรรมเอาไว้ขนาดนี้ ก็ดูยารักษาโรคของตนเองสักส่วนหนึ่งเอาไว้ เนื่องเพราะว่ายานั้น ส่วนใหญ่จะมีอายุอยู่ที่ ๓ - ๔ ปี แต่จากที่
กระผม/อาตมภาพได้ศึกษามา ยานั้นไม่มีการหมดอายุ เพียงแต่ว่าเป็นเทคนิคในการค้าอย่างหนึ่ง ถ้าบอกว่ายาไม่หมดอายุ เขาก็ขายของใหม่ไม่ได้ จึงต้องมีการติดวันที่หมดอายุมาให้ เมื่อท่านทั้งหลายเห็นว่ายาหมดอายุแล้ว ก็จะได้ไปซื้อของใหม่ ไม่อย่างนั้นแล้วเขาก็ขายไม่ได้อีก ก็แปลว่าเราเองก็ควรที่จะเก็บยารักษาโรคเฉพาะตนเอาไว้สักส่วนหนึ่ง อาจจะให้เพียงพอใช้งานในระยะ ๓ เดือน ๖ เดือนก็ได้ แล้วเราก็จะลอยตัวอยู่เหนือปัญหา

เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือเรื่องน้ำเรื่องไฟ ที่ท่านทั้งหลายคงจะรู้วิธีแก้ปัญหาเองแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาให้กระผม/อาตมภาพแนะนำ โดยเฉพาะวัดท่าขนุนนั้น ตุนน้ำเอาไว้ ๖๐๐ ลูกบาศก์เมตร ไม่กลัวว่าน้ำจะหมด เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าพระท่านสั่ง และได้ทำเสร็จมาตั้งแต่ ๒ ปีที่แล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2024 เมื่อ 01:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 25-01-2024, 00:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,592
ได้ให้อนุโมทนา: 151,767
ได้รับอนุโมทนา 4,411,868 ครั้ง ใน 34,182 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งใดก็ตามที่พระท่านสั่ง ตอนแรกกระผม/อาตมภาพก็ยังแคลงใจอยู่ แต่ในปัจจุบันนี้มอบกายถวายชีวิตให้เลย เนื่องเพราะสมัยก่อนก็เห็นว่า บางทีพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านพูดอะไรมา ก็ไม่ได้เป็นตามนั้น หากแต่เมื่อพิจารณาแล้วก็จะเห็นชัดว่า สิ่งที่ท่านเตือนนั้น ก็คือให้เราไม่ประมาท แล้วขณะเดียวกัน สิ่งหนึ่งประการใดที่พระท่านบอกมา ด้วยความเคารพ หลวงพ่อท่านก็บอกต่อไปโดยปราศจากความสงสัยอย่างสิ้นเชิง

ตอนแรกกระผม/อาตมภาพก็ลังเลสังสัย แต่เมื่อพบในสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มากขึ้น ๆ และเข้าใจหลักการและเหตุผลแล้ว ความสงสัยเหล่านั้นก็หมดไป เนื่องเพราะว่าสิ่งที่พระท่านบอกก็คือ สิ่งที่จะเป็นไปตามปัจจุบันขณะตอนนั้น แต่เมื่อนานไปแล้ว มีตัวแปรเข้ามา คำตอบก็จะกลายเป็นอีกอย่างหนึ่ง

อย่างเช่นถ้าบอกว่า ถ้าเดินทางด้วยความเร็ว ๑๐๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง กระผม/อาตมภาพจะเดินทางจากวัดท่าขนุนมาถึงวัดอุทยานภายใน ๓ ชั่วโมงครึ่ง นี่คือสิ่งที่เป็นไปตามความเร็วรถในปัจจุบันขณะนั้น แต่ถ้ากระผม/อาตมภาพเพิ่มความเร็วรถเป็น ๑๒๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือว่าลดความเร็วลงไปเป็น ๙๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง คำทำนายว่าจะไปถึงวัดอุทยานเวลา ๓ ชั่วโมงครึ่งก็จะเปลี่ยนไป ก็คือเมื่อเพิ่มความเร็วก็ถึงเร็วขึ้น เมื่อลดความเร็วลงก็ถึงช้าลง แต่ว่าอาจจะมีสิ่งแปรที่หนักกว่านั้นมา ก็คือเมื่อเพิ่มความเร็วขึ้น อาจจะเกิดอุบัติเหตุ หรือว่าลดความเร็วลง แล้วไปเจอวาระกรรมที่ทำให้เจอกับอุบัติเหตุเข้าพอดี เป็นต้น
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เราต้องพยายามไตร่ตรองและใช้ปัญญาด้วย สิ่งหนึ่งประการใดที่ทำตามคำแนะนำไปแล้ว ไม่ทำให้ท่านทั้งหลายลำบากมาก ด้วยความไม่ประมาท ก็จงเตรียมพร้อมเอาไว้บางส่วน ถ้าสิ่งหนึ่งประการใดที่เห็นว่าทำไปแล้ว สร้างความลำบากให้กับเรา ก็กัดฟันสู้ในลักษณะที่ว่า ถ้าจำเป็นเราก็ยอมรับกฎของกรรม..! เหล่านี้เป็นต้น

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2024 เมื่อ 01:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:37



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว