กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ > ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ

Notices

ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 19-06-2019, 20:41
นักเดินทางสังสารวัฏ นักเดินทางสังสารวัฏ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2016
ข้อความ: 77
ได้ให้อนุโมทนา: 139
ได้รับอนุโมทนา 2,965 ครั้ง ใน 205 โพสต์
นักเดินทางสังสารวัฏ is on a distinguished road
Default ฝากถามหลวงพ่อด้วยครับ

๑. สมัยที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ท่านได้เสวยวิมุตติสุข ๗ สัปดาห์และใน google อธิบายว่าวิมุตติสุข คือความสุขที่เกิดจากการหลุดพ้น ผมอยากทราบว่า วิมุตติสุขจริง ๆ คือนิโรธสมาบัติหรือเปล่าครับ และการที่ได้มโนมยิทธิและถอดจิตไปพระนิพพาน จัดว่าเป็นวิมุตติสุขหรือเปล่าครับ

๑.๑ ผมอ่านมาว่าพระโพธิสัตว์บางท่านได้ถวายมหาทานด้วยการเผาตัวเอง หรือตัดหัวตนเองเพื่อเป็นพุทธบูชา อานิสงส์นี้ทำให้พอตรัสรู้แล้วจะเป็นพระพุทธเจ้าอายุยืนเป็นหมื่น ๆ ปี แต่พระพุทธเจ้าของเราสมัยที่เป็นพระโพธิสัตว์ ท่านได้สละชีวิตตนเองให้เสือกิน เพราะกลัวว่าเสือจะกินลูกเสือ คำถามคืออานิสงส์ที่ถวายที่ชีวิตตนเองให้กับพระพุทธเจ้ากับเสือ ไม่เหมือนกันใช่ไหมครับถึงแม้ว่าตนเองจะเสียชีวิต

๒. การที่เราทำผิดกฎหมายในบางประเทศแต่ไม่ได้ผิดศีล ถือว่าเป็นความชั่วเป็นบาปไหมครับ เช่นการปลูกกัญชาในไทย ถือว่าผิด แต่บางประเทศไม่ผิด

๒.๑ การที่บ้านเมืองเราได้นักการเมืองมาโดยที่ไม่ยุติธรรม หรือเรียกง่าย ๆ ว่าด้วยวิธีการโกง อยากทราบว่าเป็นเพราะบาปกรรมของประเทศไทยในอดีต ที่ไปตีเมืองอื่น ๆ ทำให้ประเทศอื่นเสียหาย หรือเป็นแค่เพราะเขาพวกนี้มีอำนาจมากกว่าพวกเราครับ

๓. จุดประสงค์ของการบวชคือการที่จะเข้าถึงพระนิพพาน แต่ผมอยากทราบว่าถ้าบวชมาเพื่ออยากให้คนกราบไหว้ และเรียนเพื่อที่จะได้เปรียญสูง ๆ เพื่อจะได้รับความสรรเสริญ แต่ก็ไม่ได้ผิดศีล แต่ผิดด้านอริยมรรคอยากทราบว่าจะลงนรกสถานเดียวไหมครับ

๓.๑ ในเรื่องของพุทธภูมิและอริยมรรค ที่พระพุทธเจ้าท่านนำสัมมาทิฏฐิขึ้นก่อนเป็นอันดับแรก ผมอยากทราบว่าการที่เรามีความเห็นว่าถ้าเราเป็นพระพุทธเจ้า เราก็จะมีพระญาณต่าง ๆ ที่สามารถนำพาดวงจิตไปแดนพระนิพพานได้ เพื่อเจอความสุขที่แท้จริง เราก็เลยอยากเป็นพระพุทธเจ้า และอีกกรณีหนึ่งถ้าอยากเป็นพระพุทธเจ้าเพราะคิดว่าเท่ดี พรหม เทวดา บูชาสรรเสริญเรา อยากทราบว่าความตั้งใจทั้ง ๒ นี้สามารถทำให้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้าได้เหมือนกันเปล่าครับ

๓.๒ เหตุใดพระบางรูปที่ได้ฌานสมาบัติ อภิญญา หรือได้เป็นพระอริยเจ้า ท่านก็เข้าป่าไม่สนใจที่จะช่วยสั่งสอนพุทธบริษัท แต่บางท่านบรรลุแล้วก็ทำทุกอย่างที่จะช่วยเหลือพุทธบริษัท อย่างหลวงพ่อวัดท่าซุงที่เขียนหนังสือ อัดเทปสอนธรรมทั้ง ๆ ที่ตนเองป่วยมาก เป็นเพราะว่าท่านรู้ว่าญาติโยมจำนวนมากหวังจะขอหวยอย่างเดียวหรือเปล่าครับ ท่านเลยเข้าป่าเลยไม่อยากสร้างบาปกรรม

๔. ผมปรารถนาพุทธภูมิ และดูจากจากบารมีตนเองตอนนี้คิดว่าต้องเกิดอีกหลายอสงไขย แต่อยากถามเรื่องด้านวิปัสสนา ในด้านการเข้าถึงสังขารุเปกขาญาณอย่างแท้จริง คือการหยุดปรุงแต่งทั้งดีทั้งชั่วทุกอย่าง ผมขอยกตัวอย่างว่าถ้าเราไม่เก็บอายตนภายนอกหรือการกระทบจาก รูป รส กลิ่น เสียง เข้ามาคิดได้แบบอัตโนมัติ กิเลสจะเกิดไม่ได้ใช่ไหมครับ ยกตัวอย่างจากชีวิตจริงเช่น ผมเดิน ๆ อยู่แล้วเห็นรูป ถ้าผมหยุดที่ตาเห็นรูป ไม่ได้ไปคิดว่าคนที่เดินมาเป็นใคร ราคะจะไม่เกิดใช่ไหมครับ แต่ในทางตรงข้าม ถ้าตาเห็นรูป แล้วคิดว่าคนที่เดินมาเป็นผู้หญิง มีผิวขาว หน้าตาดี เราอยากจะได้เธอมาเป็นแฟน ตอนนี้ก็ราคะจะเกิด หรืออีกตัวอย่าง มีคนมาด่าผม ถ้าผมคิดด่าในใจ ตอนนั้นโทสะก็เกิด แต่ถ้าผมทำเหมือนสักแต่ว่าได้ยิน ไม่ได้เก็บมาคิด โทสะก็เกิดไม่ได้ คำถามคือตามที่ยกตัวอย่างมาอาการแบบนี้เป็นสังขารุเปกขาญาณ หรือเป็นอย่างอื่นแทนครับ และพระโพธิสัตว์ท่านสามารถทรงสังขารุเปกขาญาณได้ แต่ไม่สามารถทำได้ตลอดเวลา ๒๔ ชั่วโมงแบบพระอรหันต์ใช่หรือไม่ครับ ยกเว้นว่าพระโพธิสัตว์ท่านทรงฌานสมาบัติด้วย

๔.๑ ถ้าคนที่ไม่ได้เป็นพระอรหันต์แต่อยากจะทรงสังขารุเปกขาญาณต้องใช้ฌานสมาบัติ หรือสมาธิมาช่วยหรือเปล่าครับ เพราะเท่าที่ผมสังเกตเวลาสติ สมาธิไม่ดี หรือนอนน้อย หรือเจ็บป่วยมาก ๆ บางทีไม่รู้ตัวและเผลอคิดไปไกล ยกตัวอย่าง เวลาผมนอนน้อย มักจะหงุดหงิดง่าย ใครทำอะไรก็รู้สึกจะโกรธ บางทีเจออะไรที่น่ารำคาญ เช่นเสียงดัง ๆ ก็รู้สึกโกรธได้ง่ายมาก

๔.๒ คนที่เข้าถึงสังขารุเปกขาญาณแบบจริง ๆ พอทำถึงแล้ว เวลาเจออายตนภายนอก จิตจะรับทราบและไม่เก็บพวกนี้มาคิดให้เกิดกิเลสเป็นแบบนี้อัตโนมัติตลอดเวลาใช่ไหมครับ เพราะเท่าที่ผมฝึกมา ผมจะพิจารณาให้เห็นโทษของอายตนภายนอก พอรู้ว่านี่เป็นโทษ เป็นไฟ จิตจะไม่ยุ่ง และก็จะอยู่กับปัจจุบันอย่างเดียว และพอเวลาเจอเหตุการณ์จริง เช่นกำลังเล่น Facebook แล้วดันไปอ่านข่าวเกี่ยวกับนักการเมืองที่โกงบ้านโกงเมือง ถ้าผมสักแต่ว่าอ่าน ผมก็ไม่ไปคิดด่าอะไร แต่ในทางตรงกันข้าม
ถ้าพอผมไปคิดว่าคนนี้โกงการเลือกตั้ง บริหารไม่ดี ทำให้ประเทศเดือดร้อน ตอนนี้โทสะก็เกิดและก็ด่าเละ สรุปง่าย ๆ คนที่เข้าถึงสังขารุเปกขาญาณจริง ๆ สติ สมาธิ
ปัญญา เขาสูงมาก เห็นสิ่งใดที่เป็นโทษ ก็ไม่เก็บเอามาคิดโดยทันที โดยที่ไม่ต้องตั้งท่าพิจารณาในลักษณะที่ว่า พอเราเห็นรูปแล้วและบอกกับตัวเองว่าจงอย่าปรุงแต่งคิด แต่จิตจะรู้แจ้งทันทีแล้วก็ไม่เก็บมาคิด และเป็นแบบนี้ตลอดเวลาใช่ไหมครับ ถ้าไม่ใช่หลวงพ่อช่วยอธิบายทีครับ

๕. ในด้านสิทธิของมนุษย์ ทุกคนมีสิทธิที่จะรวมกลุ่มประท้วงในเรื่องต่าง ๆ เช่นในต่างประเทศส่วนใหญ่จะประท้วงเรื่องโลกร้อนหรือเพศที่ ๓ และในปัจจุบันที่ประเทศไทยเท่าที่ผมติดตามข่าวมา ไม่แน่อาจจะมีการประท้วงในด้านการเมือง ตัวผมอยากทราบว่า ถ้าการที่คนเราไปเข้าร่วมการประท้วงเพื่อจะช่วยเหลือประเทศชาติ จะเป็นบุญหรือไม่ครับ

๕.๑ จากข้อก่อนหน้านี้พระสงฆ์ในศาสนาพุทธสามารถรวมกลุ่มประท้วง เพื่อประเทศชาติหรือศาสนาได้หรือไม่ครับ และจะเป็นการขัดพระวินัยหรือเปล่าครับ

๖. ที่หลวงพ่อบอกกล่าวเตือนผมว่า "ยังไม่เบื่อที่จะถามใช่ไหม ? จำไว้ว่ายิ่งถามยิ่งฟุ้งซ่าน มีแต่โทษมากกว่าประโยชน์ ถ้ายังไม่เห็นโทษก็ถามมาได้เรื่อย ๆ แต่ถ้าเห็นโทษเมื่อไรก็บอกด้วย" ผมพิจารณาดูแล้วถ้าว่ากันตรง ๆ การที่ผมถามมากสามารถทำให้ผมฟุ้งซ่านได้ พอผมฟุ้งซ่านจิตใจจะไม่สงบ ผมที่จิตใจไม่สงบฌานสมาบัติที่เสื่อมก็เกิดไม่ได้ พอฌานสมาบัติเกิดไม่ได้ ญาณที่เป็นเครื่องรู้ ที่มีอำนาจในการหาเหตุหาผลอย่างไม่น่าเชื่อ ก็ไม่สามารถเกิดได้ พอญาณเกิดไม่ได้ ผมก็ไม่สามารถเอาความสามารถด้านนี้มาใช้ประโยชน์เพื่อช่วยตนเองได้และช่วยคนอื่นไม่ได้อีกด้วย สรุปแล้วกำลังใจผมยังอ่อนแออยู่มาก ๆ อยากถามความเห็นของหลวงพ่อ ว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นักเดินทางสังสารวัฏ : 25-06-2019 เมื่อ 10:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นักเดินทางสังสารวัฏ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 02-08-2019, 18:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สมัยที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ท่านได้เสวยวิมุตติสุข ๗ สัปดาห์ และใน google อธิบายว่าวิมุตติสุขคือความสุขที่เกิดจากการหลุดพ้น ผมอยากทราบว่า วิมุตติสุขจริง ๆ คือนิโรธสมาบัติหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : คนละเรื่องกัน วิมุตติสุขเป็นความสุขที่ตนเองพ้นจากกิเลสทั้งปวง ส่วนนิโรธสมาบัตินั้นเป็นการใช้กำลังฌานทำให้สภาพจิตของตนเองเป็นกลาง ไม่ปรุงแต่งทั้งดีและชั่ว

ถาม : การที่ได้มโนมยิทธิและถอดจิตไปพระนิพพาน จัดว่าเป็นวิมุตติสุขหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่หมดกิเลสไม่มีทางเป็นวิมุตติสุขได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
เผือกน้อย (03-08-2019), พรรวินท์ (18-12-2023), สุธรรม (02-08-2019)
  #3  
เก่า 02-08-2019, 18:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมอ่านมาว่า พระโพธิสัตว์บางท่านได้ถวายมหาทานด้วยการเผาตัวเอง หรือตัดหัวตนเองเพื่อเป็นพุทธบูชา อานิสงส์นี้ทำให้พอตรัสรู้แล้วจะเป็นพระพุทธเจ้าอายุยืนเป็นหมื่น ๆ ปี แต่พระพุทธเจ้าของเราสมัยที่เป็นพระโพธิสัตว์ ท่านได้สละชีวิตตนเองให้เสือกิน เพราะกลัวว่าเสือจะกินลูกเสือ คำถามคืออานิสงส์ที่ถวายชีวิตตนเองให้กับพระพุทธเจ้ากับเสือ ไม่เหมือนกันใช่ไหมครับ ถึงแม้ว่าตนเองจะเสียชีวิต ?
ตอบ : เสือเป็นสัตว์เดรัจฉาน ส่วนพระพุทธเจ้าเป็นสุดยอดของพระอริยเจ้า ถ้าเทียบอานิสงส์ก็คงจะห่างกันชนิดมองไม่เห็น แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะว่าพระพุทธเจ้าของเราจะมีความต่างกันนั้น ต่างกันด้วยขนาดรูปร่าง ต่างกันด้วยฉัพพรรณรังสี ต่างกันด้วยพาหนะที่ออกมหาภิเนษกรมณ์ ต่างกันด้วยต้นไม้ที่ตรัสรู้ เป็นต้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไปศึกษาเอาในพุทธวงศ์ ขุททกนิกาย พระสุตตันตปิฎก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
เผือกน้อย (03-08-2019), สุธรรม (02-08-2019)
  #4  
เก่า 02-08-2019, 18:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่เราทำผิดกฎหมายในบางประเทศ แต่ไม่ได้ผิดศีล ถือว่าเป็นความชั่วเป็นบาปไหมครับ ? เช่น การปลูกกัญชาในไทยถือว่าผิด แต่บางประเทศไม่ผิด ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจฝืนแปลว่าทำชั่วทั้งนั้น ดังนั้น..ถึงที่อื่นเขาไม่ห้าม แต่ในบ้านเราห้าม ถ้าทำเมื่อไรก็ผิด ก็ชั่วทั้งนั้น แปลว่าถ้าตั้งใจฝืนก็เป็นบาป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
เผือกน้อย (03-08-2019), สุธรรม (02-08-2019)
  #5  
เก่า 02-08-2019, 18:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่บ้านเมืองเราได้นักการเมืองมาโดยที่ไม่ยุติธรรม หรือเรียกง่าย ๆ ว่าด้วยวิธีการโกง อยากทราบว่าเป็นเพราะบาปกรรมของประเทศไทยในอดีตที่ไปตีเมืองอื่น ๆ ทำให้ประเทศอื่นเสียหาย หรือเป็นแค่เพราะเขาพวกนี้มีอำนาจมากกว่าพวกเราครับ ?
ตอบ : รู้จัก "จ่านิว" ไหม ? ถ้ารู้จัก
"จ่านิว" ก็เก็บคำถามนี้กลับไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
เผือกน้อย (03-08-2019), สุธรรม (02-08-2019)
  #6  
เก่า 02-08-2019, 18:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จุดประสงค์ของการบวชคือการที่จะเข้าถึงพระนิพพาน แต่ผมอยากทราบว่า ถ้าบวชมาเพื่ออยากให้คนกราบไหว้ และเรียนเพื่อที่จะได้เปรียญสูง ๆ เพื่อจะได้รับความสรรเสริญ แต่ก็ไม่ได้ผิดศีล แต่ผิดด้านอริยมรรค อยากทราบว่าจะลงนรกสถานเดียวไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าศีลสมบูรณ์ก็ไม่แน่ว่าจะต้องไปนรก เพียงแต่ว่าตอนตายถ้ากำลังใจไปเกาะในสิ่งที่เศร้าหมอง ก็อาจจะลำบากหน่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
เผือกน้อย (03-08-2019), สุธรรม (02-08-2019)
  #7  
เก่า 02-08-2019, 18:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมอยากทราบว่าการที่เรามีความเห็นว่า ถ้าเราเป็นพระพุทธเจ้า เราก็จะมีพระญาณต่าง ๆ ที่สามารถนำพาดวงจิตไปแดนพระนิพพานได้ เพื่อเจอความสุขที่แท้จริง เราก็เลยอยากเป็นพระพุทธเจ้า และอีกกรณีหนึ่งถ้าอยากเป็นพระพุทธเจ้าเพราะคิดว่าเท่ดี พรหม เทวดา บูชาสรรเสริญเรา อยากทราบว่าความตั้งใจทั้ง ๒ นี้สามารถทำให้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้าได้เหมือนกันเปล่าครับ ?
ตอบ : ความตั้งใจไม่ได้ทำให้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้า แต่ความเพียรพยายามในการสร้างบารมีด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทำให้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น..ถึงเราจะตั้งใจอย่างไร ถ้ามีความเพียรอย่างแท้จริงก็บรรลุได้ทั้งนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
เผือกน้อย (03-08-2019), สุธรรม (02-08-2019)
  #8  
เก่า 02-08-2019, 18:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมเดิน ๆ อยู่แล้วเห็นรูป ถ้าผมหยุดที่ตาเห็นรูป ไม่ได้ไปคิดว่าคนที่เดินมาเป็นใคร ราคะจะไม่เกิดใช่ไหมครับ ?
ตอบ : แค่เห็นเป็นผู้หญิงกับผู้ชายก็แย่แล้ว แสดงว่าสภาพจิตปรุงแต่งไปแล้ว ราคะพร้อมที่จะเกิดแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
  #9  
เก่า 02-08-2019, 18:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าคนที่ไม่ได้เป็นพระอรหันต์แต่อยากจะทรงสังขารุเปกขาญาณต้องใช้ฌานสมาบัติ หรือสมาธิมาช่วยหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จะเป็นระดับไหนก็ใช้สมาธิทั้งนั้น แต่ยิ่งระดับสูง ด้วยความที่สติปัญญาของท่านแหลมคมว่องไวมาก มีความชำนาญในการตัดละกิเลสหรือป้องกันไม่ให้กิเลสเกิดขึ้นมากกว่า มีความคล่องตัวมากกว่า บางทีการกระทำของท่านก็เหมือนกับไม่ได้ตั้งท่าอะไรเลย หรือบางท่านใช้สมาธิเข้าช่วยโดยไม่รู้ตัว

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้วก็คือ ศีลเป็นพื้นฐานของสมาธิ สมาธิเป็นพื้นฐานของปัญญา ปัญญาไปคุมศีลและสมาธิอีกทีหนึ่งทั้งหมด ผูกพันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ว่าเราจะไปในแง่ไหนมุมไหนก็มีส่วนของสมาธิรวมอยู่ด้วยทั้งนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
เผือกน้อย (03-08-2019), พรรวินท์ (18-12-2023), สุธรรม (02-08-2019)
  #10  
เก่า 02-08-2019, 18:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในด้านสิทธิของมนุษย์ ทุกคนมีสิทธิที่จะรวมกลุ่มประท้วงในเรื่องต่าง ๆ เช่น ในต่างประเทศส่วนใหญ่จะประท้วงเรื่องโลกร้อนหรือเพศที่ ๓ และในปัจจุบันที่ประเทศไทยเท่าที่ผมติดตามข่าวมา ไม่แน่อาจจะมีการประท้วงในด้านการเมือง ตัวผมอยากทราบว่า ถ้าการที่คนเราไปเข้าร่วมการประท้วงเพื่อจะช่วยเหลือประเทศชาติ จะเป็นบุญหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าไปด้วยใจที่ประกอบไปด้วยโทสะ คิดเบียดเบียนเขา โอกาสที่จะรับบาปมีมากกว่าเยอะ

ถาม : พระสงฆ์ในศาสนาพุทธสามารถรวมกลุ่มประท้วง เพื่อประเทศชาติหรือศาสนาได้หรือไม่ครับ และจะเป็นการขัดพระวินัยหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าในเรื่องของพระวินัยไม่ได้กล่าวเอาไว้ แต่มีห้ามการกระทำประหนึ่งฆราวาส และขณะเดียวกันท่านก็ให้คล้อยตามพระราชา (กฎหมาย) ถ้ากฎหมายมีห้ามเอาไว้ก็แปลว่าทำไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 6 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
เผือกน้อย (03-08-2019), สุธรรม (02-08-2019)
  #11  
เก่า 02-08-2019, 18:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่หลวงพ่อบอกกล่าวเตือนผมว่า "ยังไม่เบื่อที่จะถามใช่ไหม ? จำไว้ว่ายิ่งถามยิ่งฟุ้งซ่าน มีแต่โทษมากกว่าประโยชน์ ถ้ายังไม่เห็นโทษก็ถามมาได้เรื่อย ๆ แต่ถ้าเห็นโทษเมื่อไรก็บอกด้วย" ผมพิจารณาดูแล้วถ้าว่ากันตรง ๆ การที่ผมถามมากสามารถทำให้ผมฟุ้งซ่านได้ พอผมฟุ้งซ่านจิตใจจะไม่สงบ ผมที่จิตใจไม่สงบฌานสมาบัติที่เสื่อมก็เกิดไม่ได้ พอฌานสมาบัติเกิดไม่ได้ ญาณที่เป็นเครื่องรู้ ที่มีอำนาจในการหาเหตุหาผลอย่างไม่น่าเชื่อ ก็ไม่สามารถเกิดได้ พอญาณเกิดไม่ได้ ผมก็ไม่สามารถเอาความสามารถด้านนี้มาใช้ประโยชน์เพื่อช่วยตนเองได้และช่วยคนอื่นไม่ได้อีกด้วย สรุปแล้วกำลังใจผมยังอ่อนแออยู่มาก ๆ อยากถามความเห็นของหลวงพ่อ ว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าดีชั่วรู้หมด แต่อดไม่ได้ ออกแนวปทปรมะเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
เผือกน้อย (03-08-2019), พรรวินท์ (18-12-2023), สุธรรม (02-08-2019)
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:57



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว