กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 19-12-2023, 22:22
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,535
ได้ให้อนุโมทนา: 216,765
ได้รับอนุโมทนา 743,898 ครั้ง ใน 36,250 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 20-12-2023, 00:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,575
ได้ให้อนุโมทนา: 151,708
ได้รับอนุโมทนา 4,411,115 ครั้ง ใน 34,165 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสบายเป็นอย่างยิ่ง เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าได้นอนเต็มอิ่ม แล้วในขณะเดียวกัน ท่านเจ้าที่สองพี่น้องก็ติดตามดูแลเป็นอย่างดี ชนิดที่ "ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม" อาการเจ็บไข้ได้ป่วย ซึ่งปกติแล้วจะมีไข้ขึ้นทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น ปรากฏว่าเจอเทวานุภาพเข้าไป หายจ้อยไปอยู่ที่ใดก็ไม่ทราบ

กระผม/อาตมภาพเข้าไปตรวจแก้ไขบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือตรวจหาคำผิดอย่างหนึ่ง แล้วขณะเดียวกัน ก็ดูในเรื่องของการเว้นวรรคตอน ตลอดจนกระทั่งคำสันธาน เชื่อมความ ซึ่งบางทีก็ซ้ำซากจนเกินไป

เมื่อตรวจแก้ไขเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว จึงไปล้างหน้า แต่งตัว เก็บข้าวของ ลงไปยังข้างล่าง ปรากฏว่าตะวันกำลังจะขึ้นพอดี แต่ว่าท่านอาจารย์พระมหาสุรชัย วราสโภ, ดร. ป.ธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองน้ำขุ่น รักษาการเจ้าคณะอำเภอเขาชะเมา ได้ออกไปอยู่ที่ริมทะเลก่อนแล้ว คลื่นทะเลซัดแรงมาก

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าไม่ใช่คลื่นทะเลทั่วไป หากแต่นี่คือคลื่นของมหาสมุทรอินเดียเลยทีเดียว บรรดาสัตว์ต่าง ๆ อย่างเช่นนก ทั้งกระแตแต้แว้ด หรือว่าอีแกก็มีมากมาย และไม่กลัวคนเสียด้วย พวกเราจึงหามุมสวย ๆ ถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย

อีกครู่ใหญ่ญาติโยมที่ลงมาเช่นกันเริ่มมากขึ้น กระผม/อาตมภาพจึงเปลี่ยนจากการถ่ายภาพ ไปยังห้องอาหารแทน ปรากฏว่าเขาเปิดแล้ว จึงได้ตักเอาข้าวปลาอาหารมา ๑ จาน วางลงบนโต๊ะ สำหรับรับประทานอาหารที่มองเห็นวิวชายทะเล

ครั้นกลับเข้าไปนำเอาของหวานมาถึง ปรากฏว่าจานหายไปจากที่เสียแล้ว.. เมื่อเดินตามหาถึงได้เห็นว่า ทางด้านเจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์ศรีลังกาที่คอยบริการเรานั้น เอาไปซ่อนไว้ให้ บอกว่านกมาเอาไปกิน..! กระผม/อาตมภาพจึงเห็นว่าไส้กรอกหายไป ๑ ชิ้น พร้อมกับแฮม ๒ ชิ้น..! นกที่ว่านี้ก็คือนกราเวน (Raven) หรือที่คนไทยเรียกว่า "อีแก"นั่นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-12-2023 เมื่อ 04:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 20-12-2023, 00:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,575
ได้ให้อนุโมทนา: 151,708
ได้รับอนุโมทนา 4,411,115 ครั้ง ใน 34,165 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อฉันเช้าเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็มาส่งรูปต่าง ๆ ที่ได้ถ่ายเอาไว้ให้กับไอ้ตัวเล็ก เพื่อที่จะอัพลงเฟซบุ๊ก ให้ผู้ที่ติดตามอยู่ได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ทันเหตุการณ์ อาศัยที่ว่าทำอะไรเร็วกว่า จึงมีเวลาเหลือมาก ทำให้เดินเที่ยวในบริเวณที่พักของเราได้อีกหลายรอบทีเดียว จนกระทั่งรถของเรามาถึง และไม่ได้ยกกระเป๋าขึ้นรถรวดเดียวแบบที่อื่น หากแต่ว่าให้เจ้าของมายืนยันกระเป๋าทีละใบแล้วค่อยยกขึ้นตามนั้น ซึ่งเป็นการทำงานที่รอบคอบดีมาก

เมื่อได้เวลา ๘ โมงตรง พวกเราก็เริ่มออกเดินทาง ตอนแรกกระผม/อาตมภาพคิดว่าจะตรงไปเมืองอนุราธปุระเลยทีเดียว แต่ปรากฏว่าท่านอาจารย์พระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ จังหวัดราชบุรี รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะในงานนี้ บอกว่าให้แวะที่เมืองกุรุแนแกละ ซึ่งมีวัดศักติธรรมของท่านอริยรัตนะ ผู้ติดต่อประสานงานของเรา ซึ่งพระมหานายกะหรือว่าสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายมัลลวัตตะ ได้มีบัญชาให้ท่านอริยรัตนะมาสร้างวัดอยู่ที่บริเวณนั้น เนื่องเพราะว่ามีชาวบ้านอยู่อาศัยถึง ๑๐๐ กว่าหลัง แต่ปรากฏว่าไม่มีวัดเลย ท่านอริยรัตนะจึงได้บอกกล่าวให้ท่านอาจารย์พระมหาสมคิด นำคณะแวะเข้าไปช่วย

พวกเราใช้เวลาในการเดินทางค่อนข้างนานทีเดียว จนกระทั่งเลี้ยวเข้าไปในถนนซอยแคบ ๆ ที่รถแทบจะหลีกกันไม่ได้ วิ่งเข้าไปหลายกิโลเมตร จึงมีคณะชาวบ้านมาดักรออยู่ประมาณกลางทาง พร้อมกับคณะการแสดงที่คล้ายคลึงกับการแสดงโขนบวกกับโนราห์ และมีกายกรรมหกคะเมนตีลังกา ตลอดจนกระทั่งท่าเต้นคล้ายกับบัลเล่ต์อีกด้วย..!

กระผม/อาตมภาพปรารภกับท่านอาจารย์พระมหาสุรชัย ซึ่งชมการแสดงไป เดินตามขบวนไปด้วยกันว่า "เหมือนกับการแสดงที่ถวายพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วเลย" ท่านอาจารย์พระมหาสมคิดพอได้ยินเข้าก็บอกว่า "นักแสดงชุดนี้มาจากวัดพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วนั่นแหละครับ รับเชิญมาเพื่อแสดงในงานนี้โดยเฉพาะ" กระผม/อาตมภาพจึงกลายเป็น "จุดไต้ตำตอ" ไม่คิดว่าตนเองจะมีความจำแม่นขนาดนั้น..!

เมื่อเขานำคณะของเราเข้าไปจนกระทั่งถึงศาลา ซึ่งมีอยู่เพียงหลังเดียวภายในวัด ก็มีอุบาสกมาทำหน้าที่ล้างเท้า เช็ดเท้าให้ แล้วมีเด็กนักเรียนนำเอาถาดใส่ดอกดาวเรือง มาถวายให้กับพระภิกษุทุกรูป เพื่อนำไปสักการะพระประธานภายใน

เมื่อสักการะพระประธานเสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพก็โดนผลักขึ้นเก้าอี้ไฟฟ้า ขออภัย...เก้าอี้ประธาน ต้องบอกว่า "ตกกระไดพลอยโจน" แข้งขาหัก..! งานนี้ท่านอาจารย์พระมหาสมคิดต้องการที่จะทอดผ้าป่า เพื่อช่วยบูรณปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ กระผม/อาตมภาพจึงควักปัจจัยที่สองตายาย ก็คือคุณทิปกร และคุณอาภรณ์ทิพย์ ไชยะวงศ์แสง จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ถวายมาทั้ง ๕๐,๐๐๐ บาท ร่วมไปในกองผ้าป่า ถ้าหากว่าคิดเป็นเงินศรีลังกาก็อยู่ที่ ๔๖๐,๐๐๐ รูปี..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-12-2023 เมื่อ 05:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 20-12-2023, 00:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,575
ได้ให้อนุโมทนา: 151,708
ได้รับอนุโมทนา 4,411,115 ครั้ง ใน 34,165 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อทุกคนรวบรวมปัจจัยกันแล้ว ได้ยอดอยู่ที่ ๘๗๐,๐๐๐ รูปี ท่านอริยรัตนะเป็นผู้ให้ศีล และรับการถวายผ้าป่าจากพวกเรา หลังจากนั้นก็มอบของที่ระลึกให้กับพระสงฆ์ทุกรูป เป็นพระพุทธรูปหน้าตักประมาณ ๗ นิ้ว แกะสลักจากหินทราย พร้อมกับตาลปัตรแบบศรีลังกาคนละ ๑ ด้าม แล้วยังมอบพระพุทธรูปหน้าตักประมาณ ๕ นิ้ว ให้แก่คณะที่มาร่วมงานทุกคน แปลว่าเฉพาะพระพุทธรูปนั้น ก็มีถึง ๓๒ องค์แล้ว..! ทำให้กระผม/อาตมภาพปรารภกับทุกคนว่า ตกลงว่าเงินที่เราถวายท่านไป พอที่จะซื้อของฝากนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ?

หลังจากนั้นแล้วเจ้าภาพเชิญพวกเราไปที่เต็นท์อาหาร ซึ่งเรียกมาจากภัตตาคารอะไรก็ไม่ทราบ รับหน้าที่มาเลี้ยงคณะของเรา ข้าวปลาอาหารก็ค่อนข้างจะอร่อยมากทีเดียว กระผม/อาตมภาพฉันเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว ท่านอาจารย์พระมหาสมคิดเพิ่งจะนำกับข้าวที่นำมาจากเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกนรก น้ำพริกตาแดง น้ำพริกกุ้งเสียบ ตลอดจนกระทั่งปลาทอด เอามาให้พวกเราได้แบ่งปันกัน

กระผม/อาตมภาพเป็นผู้ทำภารกิจจบเร็ว จึงไม่ได้ฉันกับใครอีก หากแต่ว่าไปทำการปลูกต้นไม้เป็นที่ระลึก ส่วนที่ขำที่สุดก็คืออุตส่าห์เลือกเอาต้นที่แข็งแรงที่สุดแล้ว ปรากฏว่าเป็นต้นละมุด ซึ่งบรรดาท่านที่ถือมงคลนั้น จะไม่แตะต้องต้นละมุด มังคุด มะไฟ อะไรเหล่านี้ เพราะถือว่าชื่อไม่เป็นมงคล

แต่กระผม/อาตมภาพดูแล้ว ต้นที่ใกล้เคียงกันก็มีต้นพุทรา มีต้นองุ่น มีกระทั่งต้นชวนชม ก็เลยไม่คิดที่จะปลูก หันมาปลูกต้นละมุดแทน คนอย่างกระผม/อาตมภาพนั้น ถ้าหากว่ามุด ก็คงสามารถที่จะมุดในลักษณะดำดิน หรือดำน้ำไปได้อย่างแน่นอน จึงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับชื่อเสียงที่ไม่ดีไม่งามเหล่านั้น..!

เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ลาญาติโยมทั้งหลายขึ้นรถ วิ่งไปยังเมืองอนุราธปุระ โดยที่มีการจอดแวะเข้าห้องน้ำกลางทางยังไม่พอ ยังมีการจอดแวะเพื่อซื้อข้าวโพดต้มด้วย เนื่องเพราะว่ามีบุคคลในคณะ เห็นแล้วคันไม้คันมือ คันเหงือกคันฟัน อยากที่จะทดสอบดูว่าข้าวโพดต้มของศรีลังกานั้นเป็นอย่างไร แต่ปรากฏว่าไปซื้อได้เอาตอนบ่าย ๓ โมงของประเทศศรีลังกา พระทั้งหลายก็ได้แต่ทำอุเบกขา นั่งดูโยมกินกันไป แล้วรถก็วิ่งฝ่าฝนที่ตกเป็นระยะ ๆ ไปสู่จุดหมายปลายทาง

จนกระทั่งถึงเมืองอนุราธปุระ พวกเราไม่ได้แวะเข้าไปกราบพระมหาเจดีย์สุวรรณมาลิกะ ตามที่ได้ตั้งใจไว้ เพราะว่ากลัวจะไม่ทันเวลา จึงได้ตรงไปยังวัดพระศรีมหาโพธิ์เลยทีเดียว เมื่อเข้าไป ทางด้านเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการติดต่อประสานงานไว้แล้ว เปิดประตูใหญ่ทั้งสองชั้นให้พวกเราผ่านเข้าไปได้โดยสะดวก ครั้นจัดการรวมพลถ่ายรูปหมู่ เพื่อเตรียมความพร้อมแล้ว กระผม/อาตมภาพที่เพิ่งจะมาวัดนี้ไม่นาน เป็นผู้นำทางไปยังกุฏิของท่านมหานายกะ เหมะรัตนะ เจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาโพธิ์แห่งนี้

ท่านมหานายกะ เหมะรัตนะนั้น แม้มีคำว่ามหานายกะ ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้ว คือตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช แต่ว่าท่านไม่ใช่สมเด็จพระสังฆราช ถ้าเทียบกับบ้านเรา ก็ประมาณสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏนั่นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-12-2023 เมื่อ 05:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 20-12-2023, 00:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,575
ได้ให้อนุโมทนา: 151,708
ได้รับอนุโมทนา 4,411,115 ครั้ง ใน 34,165 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อท่านเห็นคณะของเรา ก็ปฏิสันถารทักทายด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส อนุญาตให้พวกเราได้ถวายสังฆทาน แล้วถ่ายรูปกันตามสะดวก จะเป็นรูปหมู่รูปเดี่ยวอย่างไรท่านก็ยินดีทั้งสิ้น พร้อมกับบอกบรรดาสัปปุรุษว่า ให้นำคณะของเราเข้าไปกราบสักการะต้นพระศรีมหาโพธิ์ ยังรั้วภายในอย่างใกล้ชิดได้เลย

เมื่อพวกเราถ่ายรูปเสร็จแล้ว ท่านยังเลี้ยงน้ำชา ซึ่งเป็นชาน้ำผึ้งมะนาว รสชาติดีมากทีเดียว พวกเราเมื่อรบกวนท่านตามสมควรแก่เวลาแล้ว ก็ตรงไปยังต้นพระศรีมหาโพธิ์ แต่ว่าไปถึงตอนประมาณบ่าย ๔ โมงเศษของทางศรีลังกาเท่านั้น ยังมีเวลาเหลืออยู่เกือบชั่วโมง ส่วนหนึ่งตั้งใจว่าจะเดินไปสักการะพระมหาเจดีย์สุวรรณมาลิกะ แต่ปรากฏว่าฝนฟ้าไม่เป็นใจ พรำลงมาเสียก่อน จึงต้องถอยกลับมา ไปร่วมกันสวดมนต์และเจริญพระกรรมฐาน ถวายเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา ที่วิหารข้างต้นพระศรีมหาโพธิ์แทน

เมื่อได้เวลา ทางเจ้าหน้าที่ก็นำพวกเรา เฉพาะพระภิกษุสงฆ์ทั้ง ๘ รูป เข้าไปกราบสักการะต้นพระศรีมหาโพธิ์ด้านใน โดยที่คณะญาติโยมทั้งหลายยืนส่งกำลังใจไปร่วมด้วยอยู่ทางด้านนอก

เมื่อกระผม/อาตมภาพและคณะสวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบ ลงโลกัสสาติ วางเครื่องสักการะลงปุ๊บ เม็ดฝนก็หยดลงมาทันที พร้อม ๆ กับลมที่พัดกรรโชก ใบโพธิ์ใบใหญ่ตกใหญ่ศีรษะกระผม/อาตมภาพเสียงดังป๊อก..! ก็เลยฉวยโอกาสเก็บขึ้นมา พร้อมกับใบอื่น ๆ อีกหลายใบ นำมามอบให้ญาติโยมข้างนอกแบ่งปันกันไปบูชา แล้วฉวยโอกาสที่เจ้าหน้าที่เผลอ จัดการถ่ายรูปต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่เขาห้ามถ่ายภายในออกมาด้วย

จากนั้นพวกเราก็เดินฝ่าฝนกันเปียกโชกอย่างมีความสุขมาขึ้นรถ มุ่งตรงไปยังที่พักของเราคืนนี้ ก็คือ Aliiya Resort & Spa ที่เมืองดัมบุลละ พลขับรีบทำเวลาจนโดนจับความเร็วปรับไปหลายพันรูปี..! วิ่งมาถึงโรงแรมแห่งนี้ ในเวลาประมาณ ๑ ทุ่มของทางประเทศศรีลังกา ต้องเดินขึ้นบันไดสูงลิบ ลักษณะเหมือนขึ้นไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อที่ไปรับ Welcome Drink และกุญแจห้อง

หลังจากที่ได้กุญแจมาแล้ว ก็มีเจ้าหน้าที่หญิงพากระผม/อาตมภาพ และน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ซึ่งพักอยู่ในโซนเดียวกัน เดินไปไกลมาก พร้อมกับแนะนำว่าจะต้องตื่นกี่โมง ? จะต้องไปถึงห้องอาหารกี่โมง ? และจะต้องขึ้นไปห้องอาหารทางเส้นทางไหน ?

เมื่อกระผม/อาตมภาพเข้าห้องพักของตนเองแล้ว ก็มานั่งบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่ในขณะนี้ และหลังจากที่ได้สั่งเอาไว้แล้ว คงจะไม่เหมือนกับเมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องเพราะว่าเมื่อประมาณ ๓ ทุ่มของประเทศศรีลังกา ได้มีนักเลงดีมาทุบประตูเสียงปัง ๆ ๆ เมื่อเปิดออกไปก็เห็นว่ามีพนักงานโรงแรม แบกเอาข้าวปลาอาหารถาดใหญ่มาส่งให้ถึงห้อง เมื่อปฏิเสธไป เขาก็ยังสงสัยว่าทำไมถึงไม่รับประทานอาหารเย็นเหมือนกับคนอื่น ? ขนาดเอามาส่งถึงห้องแล้วก็ไม่รับ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ?

กระผม/อาตมภาพจึงปิดประตูใส่หน้าไปเลย..! กะว่าถ้าเคาะซ้ำอีกเมื่อไร จะออกไปจัดการ "เป่ายัน" รอบพิเศษให้ที่ประเทศศรีลังกา.. ดีที่เขาท่าจะรู้ตัวจึงจากไปแต่โดยดี วันนี้ถ้าหากว่ามีมาอีก ทั้งที่กำชับไว้แล้ว ก็คงจะได้ "เป่ายัน" รอบพิเศษที่ประเทศศรีลังกาเป็นแน่แท้..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเราและบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-12-2023 เมื่อ 05:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:05



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว