กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #41  
เก่า 12-06-2009, 12:55
ตัวแสบจำเป็น's Avatar
ตัวแสบจำเป็น ตัวแสบจำเป็น is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
สถานที่: บางกอก
ข้อความ: 119
ได้ให้อนุโมทนา: 18,697
ได้รับอนุโมทนา 24,566 ครั้ง ใน 954 โพสต์
ตัวแสบจำเป็น is on a distinguished road
Default

พระพุทธเจ้าท่านเห็น ก็เลยตรัสพระคาถาว่า

"บุคคลบริโภคอาหารอย่างมีสติ รู้จักประมาณ
ย่อมมีอาพาธน้อย ร่างกายก็แข็งแรง"


พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ยิน ก็เลยคิดว่า เออ.. เป็นคำเตือนสติที่ดี
พอหายเป็นลมก็เลยให้มหาดเล็กคนสนิทคือ สุทัศนมาณพ บอกว่า
ไปขอเรียนคาถาบทนี้ไว้ เวลาที่พระองค์เสวยพระกระยาหารให้ท่อง
คาถานี้ด้วย จะได้เตือนสติได้ สุทัศนมาณพนั้นถือพระแสงขรรค์ชัยศรีอยู่
ก็ถามพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า แล้วจะมอบพระแสงขรรค์ชัยศรีนี้ให้ใครถือ เพราะว่า
เบญจราชกกุธภัณฑ์ ก็คือเครื่องหมายความเป็นพระมหากษัตริย์
มีอยู่ ๕ อย่างด้วยกัน มีพระมหาพิชัยมงกุฎ, ฉลองพระบาท,
พระแสงขรรค์ชัยศรี, วาลวีชนี และก็ แส้จามรี

พระเจ้าปเสนทิโกศลพอบอกแก่สุทัศนมาณพเรื่องให้คนถือพระแสงขรรค์ชัยศรีเสร็จแล้ว
สุทัศนมาณพก็ไปกราบพระพุทธเจ้า ขอเรียนคาถาบทนี้ สุทัศนมาณพนี่
เป็นสุดยอดมหาดเล็กเลย เจ้านายสั่งแค่นั้น ยังถามละเอียดมาก
ถามพระพุทธเจ้าว่าควรจะท่องคาถานี้เวลาไหน เมื่อท่องคาถานี้เสร็จแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
แล้วต้องทำอย่างไรต่อไป เป็นเราคงไม่ถามถึงขนาดนี้หรอก

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-06-2009 เมื่อ 13:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 86 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #42  
เก่า 12-06-2009, 13:00
ตัวแสบจำเป็น's Avatar
ตัวแสบจำเป็น ตัวแสบจำเป็น is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
สถานที่: บางกอก
ข้อความ: 119
ได้ให้อนุโมทนา: 18,697
ได้รับอนุโมทนา 24,566 ครั้ง ใน 954 โพสต์
ตัวแสบจำเป็น is on a distinguished road
Default

พระพุทธเจ้าบอกว่า เวลาเช้า-กลางวันไม่ต้อง ให้ท่องเฉพาะมื้อเย็น
ให้ท่องตอนที่พระเจ้าปเสนทิโกศลกำลังจะเสวยคำสุดท้าย เมื่อพระองค์ได้สติ
จะวางข้าวคำสุดท้ายลง สมัยก่อนเขารับประทานด้วยมือใช่ไหม ให้ดึง
เอาถาดทองนั้นมา แล้วนับดูว่ามีข้าวกี่เมล็ด แล้วรุ่งขึ้นให้ลดข้าวสาร
จำนวนลงเท่านั้น ในมื้อเย็นมื้อเดียว แล้วทำอย่างนั้นไปเรื่อย ๆ ทุกวัน
เท่ากับลดข้าวลงวันละคำเดียว

สุทัศนมาณพก็ไปทำอยู่แบบนั้น พอท่องคาถา พระเจ้าปเสนทิโกศล
ได้สติก็วางข้าวลง สุทัศนมาณพก็นำถาดทองออกไปข้างนอก ไปนับข้าวดู
ว่ามีกี่เม็ด รุ่งเช้าเคยตวงข้าว ๓ ทะนานก็ลดลงเหลือแค่นี้
๒ ทะนานก็ลดลงเหลือแค่นี้ ๑ ทะนานก็ลดลงเหลือแค่นี้ แล้วแต่ว่าเท่าไหร่
ก็ปรากฎว่า พอลดลงไปเรื่อย ๆ อย่างนั้น ก็ไม่ทรมานมาก ก็แค่คำเดียว
วันละคำเดียว ร่างกายมันปรับทัน

พอเวลาผ่านไปหลายเดือน พระเจ้าปเสนทิโกศลก็เริ่มเพรียวลง หุ่นดี
ในวันนั้นพอลูบพุงก็ 'อ้าว.. หายไปแล้ว' พระองค์ท่านก็ตรัสสรรเสริญ
พระพุทธเจ้าว่า

พระตถาคตเจ้า ทรงยังประโยชน์ให้ทั้งในกาลปัจจุบัน และอนาคตเบื้องหน้า

ไอ้คำว่า กาลปัจจุบันก็คือ ตอนนี้เห็นอยู่ว่าตอนนี้ผอมลง แล้วอนาคต
เบื้องหน้าเป็นอย่างไร ไอ้กำลังใจในการละความอยากในอาหาร มันเท่ากับ
กำลังใจที่ห้ามตัวเองไม่ให้ละเมิดศีล ถ้าเราห้ามปากตัวเอง ไม่ให้กินของชอบได้
ไอ้เรื่องห้ามตัวเองไม่ให้ไปทำผิดศีลนั้น กำลังใจมันเท่ากัน
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 87 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #43  
เก่า 12-06-2009, 13:14
ตัวแสบจำเป็น's Avatar
ตัวแสบจำเป็น ตัวแสบจำเป็น is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
สถานที่: บางกอก
ข้อความ: 119
ได้ให้อนุโมทนา: 18,697
ได้รับอนุโมทนา 24,566 ครั้ง ใน 954 โพสต์
ตัวแสบจำเป็น is on a distinguished road
Default

เพราะฉะนั้น หากยังห้ามปากตัวเองไม่ได้นี่
เรื่องศีลมันยังไม่แน่นอน
ต่อให้รักษาได้ก็ไม่แน่ว่าจะขาดเมื่อไหร่


หลังจากท่านเทศน์เรื่องนี้เสร็จ ท่านก็ย้ำอีกถึง ๒ ครั้ง ๒ ครา
ในภายหลัง ว่าให้หยกไปทำแบบพระเจ้าปเสนทิโกศล

แล้วหยกก็พบว่า พี่ป้าน้าอาแถว ๆ บ้านอนุสาวรีย์นั้น ล้วนแต่
เป็นผู้มีเมตตา พากันมาให้กำลังใจหยกใหญ่เลย บางคนก็บอกว่า
"วันละคำเอง" บางคนก็บอกอีกว่า "ค่อย ๆ ทำนะ" และอีก
หลาย ๆ คนก็ให้กำลังใจกันเป็นการใหญ่ ขอบพระคุณค่ะพี่น้อง

แต่พี่น้องค่ะ.. หลังจากนั้นอีก ๒ วัน หยกไปกราบท่านจิตโต
ที่บ้านสบายใจ ท่านบอกว่า ให้รักษาศีล ๘ ค่ะพี่น้อง
(เมื่อเดือนที่แล้วยังบอกอยู่เลย ว่ากินไปเถอะ อยากกินก็กินไป T^T)

หลังจากใคร่ครวญแล้ว ก็พบว่า ทั้งสององค์ ต่างก็บอกให้หยกรักษาศีล ๘
(อันนี้ไปปรึกษากุ๋ยที่หลังไมค์ กุ๋ยก็บอกว่า แบบนี้เหมือนหลวงพ่อเล็ก
สั่งให้ไปรักษาศีล ๘ ได้แล้ว) เพียงแต่หลวงพ่อเล็กใจดีกว่านิดหนึ่ง
ตรงที่ให้หยกค่อย ๆ อดวันละ ๑ คำ

หลังจากนี้นะคะพี่น้อง ใครเห็นหยกกินอะไรหลังบ่ายสอง ช่วยเดินมา
"โบก" หัว (ศัพท์วัยรุ่นน่ะค่ะ แหะ แหะ) เตือนสติด้วยนะคะ
("เอิ่ม.." แต่ช่วยเบา ๆ มือหน่อยนะคะพี่น้อง )

ประกาศมันกลางกระทู้นี่ล่ะ (วะ) จะได้อาย ๆ ถ้ากลับไปกินข้าวเย็น

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวแสบจำเป็น : 16-02-2016 เมื่อ 17:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 89 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #44  
เก่า 22-07-2009, 13:04
ตัวแสบจำเป็น's Avatar
ตัวแสบจำเป็น ตัวแสบจำเป็น is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
สถานที่: บางกอก
ข้อความ: 119
ได้ให้อนุโมทนา: 18,697
ได้รับอนุโมทนา 24,566 ครั้ง ใน 954 โพสต์
ตัวแสบจำเป็น is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลูกอิน อ่านข้อความ
สวัสดีค่ะคุณหยก คือลูกอินก็มีกรรมเป็นคนอ้วนเหมือนกัน และเมื่อปฏิบัติธรรมไประลึกถึงหลวงพ่อจรัญ ก็เห็นกรรมตัวเองคือเคยไปใส่ยาพิษในอาหารให้คนเขาทานแล้วตาย เรากินอะไรก็เป็นพิษกับเรา แต่เมื่อเจ้ากรรมปล่อยเวรกรรมแล้ว ยังมีกรรมต่อเนื่องอีกคือเคยเกิดเป็นหมอทำแท้ง และเอาเขาไปทำลูกกรอก กุมารทอง ก็เลยเป็นอาการบวมทั้งตัว และเมื่อไปรักษาที่โรงพยาบาลพญาไท ๒ หมอบอกว่าเรามีแต่น้ำเยอะมาก หมอก็แนะนำให้ปรึกษานักโภชนาการนะค่ะ คุณหยก ลองทานอาหารแบบลูกอินไหมค่ะคือ
๑ หลีกเลี่ยงอาหารเค็มมี
คุณลูกอินยังเขียนไม่ครบใช่ไหมคะ? ขอบพระคุณมากค่ะ สำหรับคำแนะนำ
เรื่องอ้วน ๆ นี่ หยกปลงไปนานแล้วค่ะ

เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคมที่ผ่านมา ไปวัดพระนอนจักรสีห์ เพื่อร่วมถวายทอง
สำหรับติดที่องค์พระนอน (เอ้า! ขาบุญทั้งหลาย.. เชิญโมทนากันค่ะ )
กับคณะของท่านจิตโต

ในวันนั้น มีพี่ชายท่านหนึ่ง หยกได้ทักพี่เขาว่า
"ผอมลงนะนี่ ไปทำอะไรมา?"

พี่ชายท่านนั้นก็ตอบมาว่า
"ไม่สบาย"

หยกก็บ่น ๆ กับน้องว่า กลับบ้านไปเป็นไข้บ้างดีกว่า เผื่อจะผอม
(ฮ่า ๆ คิดได้อีก เรื่องแบบนี้ )

หลังจากนั้นสักพัก ก็ได้ยินท่านจิตโตถามว่า
"หิวไหม? หิวกันหรือยังล่ะ?" (นี่ท่านถามทุกคนที่ไปนั่งนะคะ ไม่ใช่ถามหยกโดยเฉพาะ)
"คุยกันอีกหน่อยนะ" ท่านพูดต่อ
"เดี๋ยวค่อยไปกินนะ กินให้อร่อย" (ก็ "อะ-หย่อย" นั่นแหละค่ะ )
"กิน ๆ ไปเถอะนะ กินก็ตาย ไม่กินก็ตาย อ้วนก็ตาย ไม่อ้วนก็ตาย
สวยก็ตาย ไม่สวยก็ตาย หิวก็กินไปเถอะนะ"

คิดดูสิคะ แอบคุยท่านยังรู้อีก ว่าคุยแบบนี้ แถมยังย้ำด้วยว่า
กินไปเถอะ! ขันธ์ ๕ นี่ ไม่ต้องไปสนใจมันมากหรอก เดี๋ยวก็ตายแล้ว
ถึงอย่างไร ชาตินี้ก็เป็นชาติสุดท้ายของเราแล้ว ขันธ์ ๕ นี่ ไม่ต้องสน
เมื่อท่านยืนยันแบบนี้แล้ว หยกคงต้องปลงใจแล้วค่ะ ว่าช่างเถิด
เอาแค่มันไม่เป็นภาระในการมีชีวิตอยู่ของเรามากก็พอ

ถ้าใครไปบ้านสบายใจทุกเดือน คงจะเข้าใจหยกดี

หลังจากที่ท่านจิตโตเทศน์เรื่องอาหาเรฯ เมื่อคราวนั้น ท่านก็จะ
"อะ-หย่อย" ออกไมค์ทุกเดือน ๆ ที่เราไปกัน จนมีบางคนถึงกับ
ออกปากถามหยกว่า ทำเรื่อง "อาหาเรฯ" ไปถึงไหนแล้ว

ไม่อยากจะบอกว่า หยกก็ทำถึงตรง "อะ-หย่อย" อย่างไรเล่าคะ ๕๕
ก็ในเมื่อท่านบอกว่า ให้คิดเสมอว่า กินก็ตาย ไม่กินก็ตาย
เราก็เอาแค่นั้น กิน ๆ ๆ เข้าไป ชาติสุดท้ายแล้ว กินไปเถิด..
__________________
ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวแสบจำเป็น : 16-02-2016 เมื่อ 17:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #45  
เก่า 22-07-2009, 14:03
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,674 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Smile

อ่านแล้วคิดถึงที่หลวงตาวัชรชัยท่านเทศน์ให้ฟัง ที่โรงหล่อพรหมรังสี

"เอาจิตเราไปข้างบนอยู่กับสมเด็จพ่อนะ สองมือเราจับเท้าพ่อไว้ อ๊อกติดเลยก็ได้ (หัวเราะ)
แล้วสองเท้าของเราก็เกี่ยวไอ้ตัวเรา(ขันธ์ ๕ ) ไว้ พอเราตาย เราก็ปล่อยมันลงไป แต่เราไปอยู่กับสมเด็จพ่อนะ"
__________________
เสียงธรรมจากพระองค์ที่ ๑๐
ธรรมพระพุทธเจ้า คือธรรมชาติ ธรรมชาติที่ทุกคนก็มีอยู่ในตัวเอง
เพราะฉะนั้นเธอก็มีธรรมะ ฉันก็มีธรรมะ เธอกับฉันมีธรรมเสมอกันคือความตาย
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 89 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #46  
เก่า 06-04-2010, 14:59
คุณ๓ คุณ๓ is offline
สมาชิกใหม่
 
วันที่สมัคร: Feb 2010
ข้อความ: 5
ได้ให้อนุโมทนา: 139
ได้รับอนุโมทนา 610 ครั้ง ใน 10 โพสต์
คุณ๓ is on a distinguished road
Default

อ่านแล้ว.. รู้สึกขอบใจ
ขอบใจนะ..ที่ทำให้เรารู้ทุกข์จากขันธ์
ขอบใจนะ..ที่ทำให้เราเข้าใจว่าขันธ์พร้อมแรงกรรมทำหน้าที่ได้ดียิ่ง
ขอบใจนะ..ที่ทำให้เราแตกต่างกับคนอื่นเฉพาะขันธ์ แต่หาใช่ที่ใจไม่

ขอบใจนะ.. ขอบใจ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คุณ๓ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #47  
เก่า 25-04-2011, 16:53
ชนินทร ชนินทร is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Apr 2011
ข้อความ: 14
ได้ให้อนุโมทนา: 18,501
ได้รับอนุโมทนา 6,787 ครั้ง ใน 186 โพสต์
ชนินทร is on a distinguished road
Default

กราบโมทนากับทุกคำสอนของครูบาอาจารย์ทุกท่านเจ้าค่ะ...

ขอบพระคุณคุณหยก และผู้ร่วมกระทู้ทุกท่านด้วยค่ะ... คุณหยกและทุกท่านเขียนได้สนุกมากเลยค่ะ... และมีสาระมาก ๆ ด้วย... ^___^

กราบโมทนากับความตั้งใจในการสร้างบารมีและตั้งใจที่จะเกิดเป็นชาติสุดท้ายด้วยค่ะ คุณหยกและทุก ๆ ท่าน...

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-05-2011 เมื่อ 17:28 เหตุผล: ช่วยแก้ไขให้ เนื่องจากได้รับการลงโทษไปแล้ว
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชนินทร ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:26



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว