ใช้มโนมยิทธิแล้วถูกมารหลอก

[โอรส]

ถาม : ................
ตอบ : ระยะหลัง ๆ มา คนใช้มโนมยิทธิในทางที่ผิดยังไม่พอ คือประเภทที่ว่า แทนที่จะรู้เพื่อละ หรือเพื่อเกาะพระนิพพานโดยตรง กลับเอาไปใช้แล้วก็ไปยึดติด ตรงนี้ถือว่าผิดมาก

ถัดมาจากตรงนี้ก็ยังมีอีก คือ ใช้มโนมยิทธิในการจัดการกับผู้อื่น โดยบอกว่า คนนั้นเป็นอย่างนั้น คนนี้เป็นอย่างนี้ ในลักษณะเป็นศัตรู แล้วก็ขับไล่เขาไป..เก่งมาก..พวกนี้เก่งเกินครูอาจารย์..!

ถาม : ถ้าเกิดเป็นลูกแท้ ๆ อย่างนี้ ตายเลย ?
ตอบ : น่ากลัวไหม ? การเวียนว่ายตายเกิดในโลกนี้น่ากลัวขนาดนี้..!

ขนาดบุคคลที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อการหลุดพ้น ยังเห็นผิดได้ถึงปานนี้ ขึ้นชื่อว่าผู้อื่นที่จะไม่ทุกข์แล้ว จะมีอยู่หรือ ?

ถาม : ผมว่า ...(ไม่ชัด)... แสดงว่าของเก่าเขาต้องทำกันมาไม่ใช่น้อย ๆ ต้องเยอะมากเหมือนกัน ?
ตอบ : มีอยู่วันหนึ่งประชุมกันในโบสถ์ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า "พวกแกยังไม่มีใครได้มโนมยิทธิจริง ๆ หรอก"

พวกเราก็ เอ๋อรับประทาน กติกาข้อแรกก่อนจะบวช ต้องได้มโนมยิทธิก่อน ไม่อย่างนั้นไม่ให้บวช ทำไมไม่มีใครได้เลย ?

หลวงพ่อท่านเฉลยว่า "บุคคลที่จะได้มโนมยิทธิจริง ๆ จะต้องเป็นพระอรหันต์แล้วเท่านั้น" เพราะจิตท่านสะอาดปราศจากกิเลสจริง ๆ นอกนั้นโอกาสโดนมารแทรกมีสูงมาก

หลวงพ่อท่านเคยเล่าให้ฟังว่า ท่านโดนมารหลอก เพียงแต่ว่าท่านรู้ทัน มารเขามาในลักษณะของพระพุทธเจ้า หลอกท่านจนเปื่อยไปครั้งหนึ่ง แล้วพอท่านขึ้นไปอีกครั้ง โดยทำกำลังใจถูกต้องและไปต่อว่า พระท่านบอกไม่ใช่ฉัน ดูสิว่าเป็นใคร... เห็นพระพุทธเจ้าองค์เดิมนั่งยิ้ม ๆ ไป ยิ้ม ๆ มา..เขี้ยวงอก..!

ถาม : แล้วตกลงว่าเป็นใครครับ ?
ตอบ : มารเขาหลอก เขาแปลงเป็นพระพุทธเจ้ามาทดสอบ


สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๔