กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 11-09-2018, 20:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยนั้นเขามีเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบแผ่นครั่ง จำได้เลยว่าช่วงนั้นเพลงที่ดังมาก ๆ ก็มี “สาวสวนแตง” ของ สุรพล สมบัติเจริญ เปิดกันสนั่นหวั่นไหวไปหมด ปรากฏว่าพระท่านบวชเข้าไป ท่านเป็นลูกคนรวย ทางบ้านก็เลยยกเครื่องเล่นแผ่นเสียงไปให้ที่กุฏิ ท่านก็ไปเปิดเพลงฟังกัน หลวงปู่อินทร์ไปถึงก็เคาะประตู พอพระท่านเปิดประตูนี่ ท่านไม่ถามแม้แต่คำเดียว หางกระเบนในมือตีอย่างเดียวเลย พระท่านไม่รู้ว่าจะไปทางไหน หลวงปู่ท่านยืนขวางประตูอยู่ ก็ต้องโดดหน้าต่างหนี

ฉะนั้น ถ้าสิ่งที่เราเห็นว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่ฟังเพลง โทษยังหนักขนาดนั้น พระรอบ ๆ บ้านของอาตมาจึงค่อนข้างจะเคร่งครัด แต่ละรูปแต่ละท่านพอเป็นเจ้าอาวาสก็มีความสามารถพิเศษทั้งนั้น ก็เลยทำให้อาตมาคิดว่าพระทุกรูปบวชไปแล้วต้องดี พระทุกรูปบวชไปแล้วต้องเก่งแบบนี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2018 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 11-09-2018, 20:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"หลวงปู่อินทร์ท่านมีปฏิปทาที่ค่อนข้างเคร่งครัด ถ้าท่านรับกิจนิมนต์ ท่านจะเดินไป แต่คราวนี้ถ้าระยะทางไกลอย่าง ๒๐ - ๓๐ กิโลเมตร ญาติโยมเอารถมอเตอร์ไซด์มารับบ้าง เอาม้ามารับบ้าง เอาเกวียนมารับบ้าง สมัยนั้นเขาจูงม้ามาให้พระขี่เลยนะ หลวงปู่ท่านจะจำว่าไปไกลเท่าไร กลับมาท่านจะเดินจงกรมใช้หนี้เป็นระยะทางไกลแค่นั้น

คราวนี้ท่านให้พวกอาตมาทำทางเดินจงกรมไว้ ทางเดินจงกรมก็ยาว ๒๕ วา คือ ๕๐ เมตร ท่านเดินไปกลับได้ ๑๐๐ เมตร ไปกลับ ๑๐ เที่ยวได้ ๑ กิโลเมตร ถ้าหากว่าท่านไปกิจนิมนต์ สมมติว่าต้องนั่งรถมอเตอร์ไซด์หรือขี่ม้าไป หรือนั่งเกวียนไปสัก ๒๐ กิโลเมตร ท่านก็ต้องมาเดินจงกรมใช้หนี้จนครบ

ฉะนั้น...สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นสิ่งที่ปลูกฝังอาตมามาตั้งแต่เด็ก คือว่าถ้าหากว่าเป็นพระจะต้องเคร่งครัด จะต้องเก่งให้ได้แบบนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2018 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 11-09-2018, 20:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เวลาท่านนั่งลงในพิธีพุทธาภิเษกหรือว่างานประจำปี ไม่รู้ว่าโยมรู้จักขันสาครไหม ? ขันที่สมัยก่อนเขาไว้ใช้อาบน้ำเด็ก ใบโตขนาดเราลงไปนั่งได้สบาย ๆ ใส่น้ำเกือบเต็ม พอท่านนั่งลงหลับตา ขันก็ดิ้นทั้งใบเลย

อาตมาเองเห็นอย่างนั้นมาตลอด ก็เลยรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่พระทุกรูปต้องทำได้ และคาดว่าในสมัยนั้นก็น่าจะเป็นอย่างนี้ ก็คือหลวงปู่หลวงพ่อแต่ละท่าน พอถึงเวลาบวชเป็นพระใหม่เข้าไป ก็เห็นว่าครูบาอาจารย์ของตัวเองทำได้ เห็นเพื่อนสหธรรมิกทำได้ ก็คงจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำได้ทุกคน ไม่ใช่เรื่องยาก

เราจะเห็นว่าพระสมัยก่อนส่วนใหญ่แล้วถึงเวลาก็เล่นฤทธิ์เล่นอภิญญากันเป็นปกติ ถ้ายิ่งดูย้อนหลังไปไกล ๆ อย่างในวรรณคดีขุนช้างขุนแผน เมื่อพลายแก้วอยากบวช นางทองประศรีก็หาที่ให้ ท่านบอกว่า

.............................................................................................อันสมภารที่ชำนาญในทางใน
.............................................................................................ท่านขรัววัดส้มใหญ่แลดีครัน
.............................................................................................เจ้าคิดนี้ดีแล้วแก้วแม่อา
.............................................................................................แม่จะพาไปฝากขรัวบุญท่าน
.............................................................................................จะได้รู้การณรงค์คงกระพัน
.............................................................................................ให้เหมือนกันสืบต่อพ่อขุนไกร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2018 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 11-09-2018, 20:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พูดง่าย ๆ ว่าไปฝากแล้วเอ็งต้องจบ ความรู้สึกแบบนี้ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกว่า เรื่องฤทธิ์เรื่องอภิญญาไม่ใช่เรื่องยาก ใครไปก็ฝึกได้ เป็นเรื่องสาธารณะ แต่สมัยนี้ของเราทำไมค่านิยมเปลี่ยนไป รู้สึกเป็นของยาก ? อาตมาก็ไม่รู้ว่าเปลี่ยนตอนไหน เพราะว่าหลังจากเรียนจบชั้นมัธยมแล้ว เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ หลวงปู่หลวงพ่อที่เคารพนับถือแต่ละท่านก็ค่อย ๆ ล่วงลับดับขันธ์ไปเรื่อย รุ่นใหม่ที่มาก็มีความสามารถไม่เท่าท่านเก่า ท้ายที่สุดก็เหมือนอย่างกับว่าค่อย ๆ เสื่อมลงไป

แบบเดียวกับที่มีญาติโยมคณะหนึ่งไปจากวัดพระธรรมกาย ไปอธิษฐานขอให้ถึงพระนิพพานในอนาคตกาล อาตมาได้ยินก็ถามว่า "แล้วทำไมไม่ขอในชาติปัจจุบันนี้ไปเลย ?" โยมคณะนั้นถามว่า "พระนิพพานไปชาตินี้ได้ด้วยหรือ ?" อาตมาถึงได้เข้าใจว่า ในเรื่องของการสร้างบารมีเป็นเรื่องที่ตำหนิกันไม่ได้ ถ้าใครสร้างบารมีมาเพียงพอ ก็จะรู้สึกว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องง่าย เป็นเรื่องปกติ ใคร ๆ เขาก็ทำกันได้ แต่ถ้าสร้างบารมีมาไม่พอ ก็จะกลายเป็นว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องยาก เกินความสามารถ เขาทำกันได้ด้วยหรือ ?

ดังนั้น ในส่วนของการสร้างบุญสร้างบารมี ต้องบอกว่ากำลังบารมีที่สร้างมานั่นแหละ ที่เป็นตัวแบ่งเอง ว่ากำลังบารมีของเราอยู่ในระดับไหน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2018 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 11-09-2018, 20:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีคุณยายมาทำบุญ "เป็นอย่างไรจ๊ะโยม ? ยังแข็งแรงดีไหม ? ไม่ถึง ๙๐ ปีนี่ไม่ได้ตายหรอกนะจ๊ะ ทน ๆ อยู่ไปก่อนนะจ๊ะ เขาเรียกว่าทำบุญไว้ดี เพราะฉะนั้นอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ ถึง ๙๐ ปี ค่อยคิดกันอีกทีว่าจะอยู่หรือจะไป คนอายุมาก ร่างกายไม่แข็งแรงก็อยากไปวันไปพรุ่ง แต่ก็อย่างว่า..บุญเก่ากรรมเก่าสร้างเอาไว้ยังไม่หมดไม่สิ้นสักที ก็ยังไปไหนไม่ได้

อาตมาเองตอนนี้รอเวลาเกษียณ เดือนตุลาคมนี้ก็เขียนใบลาเกษียณอายุแล้ว เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยก็เท่ากับเป็นข้าราชการ ถึงจะเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ก็ใช้ระเบียบเดียวกัน เพียงแต่ว่าเขียนใบลาเสร็จแล้วต้องไม่โผล่หน้าไปเลย เพราะมั่นใจว่าเขาไม่อนุมัติให้ลา ไม่อนุมัติก็ช่าง อาตมาถือว่าลาแล้ว ไม่ไปสอนก็แล้วกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-09-2018 เมื่อ 07:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 12-09-2018, 19:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ระยะหลังนั่งแล้วเห็นเป็นภาพนิมิตไฟต่อหน้า ผมควรเพิกเฉยไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าทำกรรมฐานอย่างอื่นอยู่ก็เฉยไว้ ถ้าไม่ได้ทำอย่างอื่นก็จับกสิณไฟไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2018 เมื่อ 20:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 12-09-2018, 19:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริมหาเถร) ท่านรักและเคารพหลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน เป็นชีวิตจิตใจ ทุกงานต้องให้หลวงพ่อโหน่งเป็นคนให้ฤกษ์ ถึงเวลาท่านก็เสด็จไปนั่งรอ บรรดาสมเด็จพระราชาคณะ รองสมเด็จพระราชาคณะ หงุดหงิดมาก เพราะว่าไปเชื่อหลวงตาแก่ ๆ บ้านนอก แต่บังเอิญว่าหลวงพ่อสมเด็จพระสังฆราชท่านรู้จริง ว่าหลวงพ่อโหน่งเป็นอย่างไร ท่านก็เลยไม่ได้ใส่ใจ

ถึงเวลาท่านก็รอ ถ้าหลวงพ่อโหน่งบอกว่าทำงานไม่ได้ ท่านก็ “นิมนต์ทุกรูปกลับครับ เดี๋ยวผมจะนัดใหม่” ท่านไม่ได้เสียดายเลย งานใหญ่แค่ไหนก็ช่าง ถ้าหลวงพ่อโหน่งบอกว่าทำไม่ได้นี่ ท่านหยิบย่ามลุกกลับเลย

พระที่ท่านถึงกัน ท่านจะรู้ว่าใครดีใครไม่ดีอย่างไร โดยเฉพาะหลวงพ่อโหน่ง ท่านติดต่อพระพุทธเจ้าได้โดยตรง หลวงพ่อสมเด็จพระสังฆราช วัดพระเชตุพนฯ ท่านจึงมอบกายถวายชีวิตเลย เรื่องพวกนี้จะไปว่าท่านงมงายไม่ได้ เพราะว่าท่านพิสูจน์แล้วพิสูจน์อีก จนกระทั่งเชื่อเสียยิ่งกว่าเชื่อ แต่ว่าพระราชาคณะรูปอื่น ๆ ไม่ได้มีความรู้แบบนั้น ไม่ได้พิสูจน์แบบนั้นเลยไม่เชื่อ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2018 เมื่อ 20:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 12-09-2018, 20:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า "เรื่องที่โยมบอกว่าจะจ้างคนมาทำความสะอาดวัดท่าขนุน เป็นเรื่องเหลวไหล โดยเฉพาะวัดท่าขนุนของเรามีพระตั้งมากตั้งมาย ไปจ้างเขามาทำความสะอาดก็ทุเรศชัด ๆ เลย

เรื่องที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นจากบางคนอยากจะอวดว่า ตัวเองอยู่วัดแล้วทำงานมาก แล้วก็ไปบ่นว่าเหนื่อยอย่างนั้น ไม่ไหวอย่างนี้ เขาไม่ได้อยากจะขอความเห็นใจหรอก เขาแค่อยากจะอวดความสำคัญของตัวเอง ก็เลยไปพูดจนกระทั่งโยมเข้าใจผิดว่า งานวัดไม่มีใครช่วยทำ อาตมาเองเคยอยู่คนเดียวทั้งวัดตั้ง ๒ ปี ทำความสะอาดวัดเช้าซีกหนึ่ง บ่ายซีกหนึ่ง ไม่เห็นจะตายเลย คราวนี้พระอยู่ตั้ง ๔๐ กว่ารูป แม่ชีอีกเกือบ ๒๐ คน

บางคนต่อให้อยู่ในวัด พูดจาก็ไม่ได้แปลว่าเชื่อได้ทุกเรื่อง ต้องฟังหูไว้หู อยากจะให้คนอื่นชมว่าตัวเองมีความสามารถอย่างนั้น ดีอย่างนี้ ทำงานหนักอย่างโน้น ก็สักแต่พูดไปเรื่อยโดยไม่ได้ดูว่าวัดจะเสียหายหรือเปล่า คนประเภทนี้โบราณเขาว่า "สักแต่ว่าผีเจาะปากมา" ก็พูดไปเรื่อย

การแก้ปัญหาทุกเรื่องไม่ได้แปลว่ามีเงินแล้วจะจบ เพราะว่าเงินแค่ช่วยอำนวยความสะดวกบางอย่างให้เท่านั้น ถ้าหากเราคิดว่าไม่มีใครทำงาน ถึงเวลาก็จ้าง ๆ ๆ อย่างเดียว จะไปจ้างกันไหวสักเท่าไร ? พระเณรขนาดนั้น ถ้าไม่มีปัญญาทำความสะอาดวัด ก็ปล่อยรกให้เข็ด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-09-2018 เมื่อ 17:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 12-09-2018, 20:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"มีบางวัดของเพื่อนกัน อย่างวัดห้วยมงคล ท่านอาจารย์ไพโรจน์ คือ พระครูปภัสสรวรพินิจ พระเณรเยอะมาก แต่ทุกอย่างต้องจ้าง ฉะนั้น..รายจ่ายจะสูงมาก ถ้าไม่ได้เป็นวัดในแหล่งท่องเที่ยว แล้วมีรายรับชนิดสม่ำเสมอนี่ตายแน่นอน"

ถาม : ทำไมไม่มีใครบ่นให้โยมฟังบ้าง ?
ตอบ : ที่เขาไม่บ่นให้โยมสมศรีฟัง เพราะเขาคิดว่าโยมช่วยอะไรเขาไม่ได้ แต่คนที่เขาบ่นให้ฟัง เพราะเขาหวังว่าเขาจะให้ค่าแรงบ้าง

ส่วนใหญ่คนประเภทหนึ่ง พอไปอยู่วัดนอกจากว่าไม่ได้ให้วัดอาศัยแล้ว ไปอาศัยวัดอย่างเดียวยังไม่พอ ยังมีคำพูด มีความคิด มีการกระทำที่ทำให้วัดเสียหายอยู่เสมอ

ล่าสุดนี่ก็มีแม่ชีหนีไปกลางพรรษา แม่ชีมีปฏิปทาน่าเลื่อมใสมาก ก็คือเดินขึ้นไปกราบรอยพระพุทธบาทเกือบทุกวัน แต่เดินมาแล้วก็บอกว่าเจ็บแข้งเจ็บขา ทำความสะอาดวัดไม่ได้ พอโดนเพื่อนฝูงบ่นมาก ๆ ก็เลยหนีไปอยู่ที่อื่นต่อ พอสืบประวัติย้อนหลังไปก็คือ เขาทำอย่างนี้ในทุกที่ ถ้าที่ไหนมีงานก็จะหนีไปวัดอื่นไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหางานไม่ได้นั่นแหละ วัดไหนว่างเขาถึงจะอยู่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2018 เมื่อ 20:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 12-09-2018, 21:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาที่เราจับภาพพระแล้วเราเอาไม่อยู่ จริง ๆ แล้วการที่เราเอาภาพโครงกระดูกเข้ามา สามารถแก้ปัญหาเรื่องฟุ้งซ่านได้ การที่เราทำกองกรรมฐานกองอื่นกับภาพพระ อย่างไรครับ ?
ตอบ : แปลว่ากำลังใจของคุณยังหาความมั่นคงไม่ได้ ถ้าหากว่ามีความมั่นคงทรงตัวอยู่เฉพาะหน้า ความฟุ้งซ่านจะเข้าไม่ได้ คราวนี้ของคุณพอถึงเวลาตรงหน้าไม่มั่นคง เราจะดึงอย่างอื่นมาเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น ซึ่งมีทั้งภาพพระแล้วก็มีทั้งอสุภกรรมฐาน เมื่อสติของเราระมัดระวังมากขึ้นก็รู้สึกว่าดี แต่ความจริงไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะว่ากลายเป็นว่าห่วงหน้าพะวงหลัง เหยียบเรือสองแคม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2018 เมื่อ 02:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 12-09-2018, 21:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่เรายังดูคนที่ความดีของเขา ไม่ได้ดูที่ฐานะ ถือว่ามีสักกายทิฐิไหมครับ ?
ตอบ : ต้องเรียกว่ายังสักกายทิฐิเต็ม ๆ ทั้งเขาและเรานั่นแหละ ดูคนต้องเห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่ได้เลือกว่าคนนี้ดีเราคบ คนนี้ไม่ดีเราไม่คบ คนนี้สวยเราคบ คนนี้ไม่สวยเราไม่คบ ถ้าหากว่ายังไม่สามารถเห็นเสมอกันว่าเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็แปลว่ากำลังใจยังใช้ไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2018 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 12-09-2018, 21:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำงานเสร็จ เพลียมาก แต่มีสมาธิ ได้ทั้งบรรเทาความเหนื่อยของร่างกาย ได้ภาวนาไปด้วย ?
ตอบ : ซักซ้อมการเข้าฌานให้ได้ทุกวินาทีที่ต้องการ เข้าไปแล้วถอนกำลังใจออกมา ก็หายเพลียแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2018 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 12-09-2018, 21:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำแอพพลิเคชั่นผ่านมือถือถวายครับ จะหาคนมาดีไซน์ แล้วจะมาปรึกษาอีกทีว่ามีอะไรต้องเพิ่มเติมบ้าง ?
ตอบ : อีกอย่างหนึ่งที่อยากให้ทำก็คือ ช่วยตัดต่องานวางผางประทีป เอาเฉพาะช่วงที่มืดแล้ว เห็นภาพของแต่ละงาน แล้วลงรายละเอียดว่าเป็นงานอะไร อาจจะสั้น ๆ งานละ ๒๐ - ๓๐ วินาทีก็ได้ เพียงแต่ว่าให้ต่อเนื่องกัน ให้ได้สัก ๕ - ๖ นาที เพราะว่าเป็นงานที่ทางกระทรวงวัฒนธรรมเขาบันทึกเอาไว้ว่าเป็นมรดกแผ่นดินไปแล้ว

เป็นวีดีโอ เอาเฉพาะตอนวางเสร็จแล้ว เพราะว่าเขาไม่ต้องการดูว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร เขาต้องการดูแค่ความสวย จะเอาไปอวดคนอื่น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2018 เมื่อ 02:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 12-09-2018, 21:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สวดคาถาเงินล้านวันละ ๑๐๘ จบ หรือหลาย ๆ วันทบกัน ?
ตอบ : ได้

ถาม : ผิดสัจจะไหมคะ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วถ้าทีละวันได้ก็ดี เขาต้องการความจริงจังสม่ำเสมอ แต่ถ้าไม่ได้ก็หลาย ๆ วันทบรวมกัน ซึ่งเท่ากับว่าเราไม่ได้ทำงานทุกวัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2018 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 21-09-2018, 17:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กรรมที่ทำให้เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง มาจากอะไรครับ ?
ตอบ : กรรมทุกประเภทที่ทำให้ป่วยเกิดจากปาณาติบาต พวกนั้นเคยเอาน้ำไปกรอกสัตว์ให้ตาย ทำให้เขาโดนน้ำท่วมตาย

ถาม : วิธีแก้ ถวายสังฆทานอุทิศส่วนกุศลจะช่วยในชาตินี้ไหมครับ ?
ตอบ : มาถึงชาตินี้เป็นไปไม่ได้แล้ว มีอยู่อย่างเดียวคือปล่อยชีวิตสัตว์บ่อย ๆ ปล่อยปลาที่เขาจะฆ่าสักเดือนละตัวสองตัว อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร เขาอโหสิกรรมให้เมื่อไรก็เมื่อนั้นแหละ

อาตมาเองก็เป็นอยู่ ๒๐ - ๓๐ ปีกว่าจะหาย ตอนหายก็หายเอาง่าย ๆ คือไปหาหมอจีนคนหนึ่ง ไม่ได้ไปเพื่อรักษาโรคภูมิแพ้ ไปเพื่อรักษาอาการกระดูกคอเคลื่อน เขานวดให้แล้วจ่ายยามา ปรากฏว่ายารักษาโรคภูมิแพ้ไปด้วย บทจะหายก็หายเอาดื้อ ๆ ไม่อย่างนั้นพออากาศเปลี่ยนนิดเดียวเท่านั้นก็จมูกตัน หายใจไม่ออก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-09-2018 เมื่อ 20:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 21-09-2018, 21:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เด็กยังไม่รู้ว่าทำอะไรแล้วต้องเหนื่อย เด็กก็เลยไม่เหนื่อย ส่วนผู้ใหญ่รู้ ถึงเวลาก็เลยเหนื่อย เพราะฉะนั้น...ถ้าทำตัวเหมือนเด็ก กลับไปสู่ความเป็นธรรมชาติ สนใจแต่ภายในของตัวเองก็จะเหนื่อยช้า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2018 เมื่อ 02:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 21-09-2018, 21:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยอาตมาเด็ก ๆ ขนมไหว้พระจันทร์มีอยู่แค่ ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือขนมโก๋สีขาว ๆ ไส้ในเป็นน้ำตาลผสมงา อีกอย่างหนึ่งเป็นขนมโก๋อ่อน ส่วนใหญ่ทำด้วยถั่วเหลือง ซึ่งจะมีลักษณะเป็นพระจันทร์มากกว่า เพราะว่าสีเหลือง ๆ

ในสมัยนั้นการไหว้พระจันทร์มีคติอยู่ ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือฤดูเก็บเกี่ยว มีความอุดมสมบูรณ์ ก็ไหว้พระจันทร์เป็นการขอบคุณ ที่เขาเชื่อกันว่าเจ้าแม่ฉางเอ๋อ ช่วยเทน้ำอมฤตลงมา ทำให้พืชผลบนโลกงอกงาม

อีกอย่างหนึ่งก็คือเขาเชื่อกันว่าจะทำให้อายุขัยยืนยาว เพราะว่าเจ้าแม่ฉางเอ๋อกินน้ำอมฤตเข้าไป แล้วทำให้กลายเป็นเทพธิดา

จำได้ว่าสมัยนั้น บรรยากาศการไหว้พระจันทร์นี่ขลังมาก ศักดิ์สิทธิ์ ทันทีที่ยานอพอลโล ๑๑ เหยียบดวงจันทร์ คนก็เริ่มเสื่อมในเรื่องการไหว้พระจันทร์ หลัง พ.ศ.๒๕๑๒ การไหว้พระจันทร์เสื่อมความนิยมลง เพราะว่าอเมริกันเอารอยตีนไปแปะอยู่บนดวงจันทร์"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2018 เมื่อ 19:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 21-09-2018, 21:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แต่ขนมไหว้พระจันทร์กลับพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด เริ่มพัฒนาครั้งแรกก็คือ จากไส้แค่น้ำตาลทรายกับงาคั่ว กลายเป็นไส้ทุเรียน แล้วก็มาเป็นไส้โหงวยิ้งก็คือเมล็ดธัญพืช ๕ อย่าง อย่างเช่นว่าข้าว ข้าวฟ่าง เม็ดบัว ถั่วเหลือง ถั่วเขียว เหล่านี้เป็นต้น หลังจากนั้นก็มีการใส่ไส้ไข่เค็ม ปัจจุบันนี้ก็เลยเว่อร์วังอลังการอย่างที่เห็นนี่แหละ สารพัดไส้ มีกระทั่งชาเขียว

สรุปว่าการไหว้พระจันทร์เสื่อมความนิยมลง แต่ขนมไหว้พระจันทร์กลับมีแต่เฟื่องฟูขึ้น เพราะว่าเป็นการเล่นกับเทศกาลแล้วขายของได้ ในเมื่อเชิงพาณิชย์ก็คือการค้านำหน้า ต่อให้คุณไม่ไหว้พระจันทร์เลย ขนมไหว้พระจันทร์ก็จะมาถึงบ้านเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2018 เมื่อ 02:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 21-09-2018, 21:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เทศกาลไหว้พระจันทร์ปัจจุบันนี้ เป็นแค่พิธีกรรมและทำแค่บางแห่งเท่านั้น สมัยอาตมาเด็ก ๆ บ้านไหนมีเชื้อสายจีนนี่ไหว้กันทุกบ้าน บรรยากาศก็ดีมาก ๆ เพราะว่าช่วงเดือน ๘ ของจีน หรือเดือน ๑๐ ของไทย ช่วงนั้นเป็นฤดูหนาวแล้ว ช่วงนี้ของเราเดือน ๑๐ เดือน ๑๑ บางทีล่อไปเดือนอ้าย เดือนยี่ก็ยังมีฝนอยู่เลย อากาศเพิ่งจะมาเพี้ยน ๆ แค่ช่วงไม่กี่ปีนี้เอง

ถึงเวลาไหว้พระจันทร์เสร็จ ผู้ใหญ่ก็ให้มานั่งรอ เผื่อว่าเจ้าแม่ฉางเอ๋อลงมาเห็น จะได้ประทานพรให้ นั่งไปนั่งมา จากนั่งรอก็กลายเป็นนอนรอ แล้วก็หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่บนเตียงแล้ว เพราะว่าพ่อแม่อุ้มกลับเข้าไปนอน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2018 เมื่อ 02:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 21-09-2018, 21:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เทศกาลไหว้พระจันทร์สมัยก่อน เกิดจากการที่คนจีนนัดแนะกัน เพื่อที่จะก่อการปฏิวัติยึดแผ่นดินคืนจากมองโกล ไม่รู้ว่าจะอ้างอย่างไร ก็ต้องใช้วิธีอ้างว่าเป็นงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ แต่ความจริงขนมไหว้พระจันทร์ที่ส่งต่อ ๆ กัน มีหนังสือนัดแนะว่าให้ลุกฮือกันเมื่อไรซ่อนอยู่ข้างใน

ช่วงนั้นมองโกลกดขี่คนจีนมาก ประมาณ ๕ ครอบครัว หรือ ๑๐ ครอบครัว ให้มีมีดทำครัวได้แค่เล่มเดียว เขากลัวว่าจะมีอาวุธต่อสู้ แม้กระทั่งเครื่องมือในการทำไร่ไถนาก็ต้องขึ้นทะเบียน คนเราถ้าเหลืออดเหลือทนขึ้นมาก็ต้องมีการแสดงออกบ้าง เพราะฉะนั้น...ถ้าบ้านเรามีการเลือกตั้งเมื่อไร ก็น่าจะมีการแสดงออก ถึงเวลานั้นก็ตัวใครตัวมัน..!

ขนมไหว้พระจันทร์ที่เรียกว่า ขนมโก๋ ความจริงคำนี้เป็นภาษาฮกเกี้ยน อะไรก็ตามที่ออกลักษณะเหนียว ๆ นุ่ม ๆ ยืด ๆ แหยะ ๆ เรียกว่าโก๋หมด ถ้าหากว่าเป็นแต้จิ๋วก็เรียกว่า กอ อย่างชวนป๋วยปี่แป่กอ เหนียว ๆ หนืด ๆ ยืด ๆ แบบนั้นแหละ แม้กระทั่งกาว ก็เรียกแบบเดียวกันหมด

ฉะนั้น...ขนมโก๋สมัยก่อนก็คือขนมโก๋อ่อนที่พวกเรารู้จัก แล้วก็พัฒนาขึ้นมากลายเป็นแบบแห้งและแข็งอีกทีหนึ่ง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2018 เมื่อ 02:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:54



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว