กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ > ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ

Notices

ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 14-10-2018, 22:21
นักเดินทางสังสารวัฏ นักเดินทางสังสารวัฏ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2016
ข้อความ: 77
ได้ให้อนุโมทนา: 139
ได้รับอนุโมทนา 2,965 ครั้ง ใน 205 โพสต์
นักเดินทางสังสารวัฏ is on a distinguished road
Default ความต่างของวิปัสสนากับอรูปฌาน

๑.ผมอยากทราบความแตกต่าง ระหว่างอรูปฌานและวิปัสสนาญาณ
เท่าที่ผมศึกษามา อรูปพรหมเห็นว่าอายตนะภายใน และอายตนะภายนอกเป็นโทษ เป็นปัจจัยทำให้กิเลสเกิด ท่านเหล่านั้นเลยทำสมาธิเข้าอรูปฌาน และดับอายตนะไปหมดเลย แต่กิเลสก็ยังมีอยู่ในจิต แล้ววิปัสสนาญาณที่มีหลายระดับที่เป็นความรู้ของพระพุทธศาสนา หนึ่งในนั้นคือการพิจารณาเห็นโทษของร่างกาย ก็คืออายตนะภายใน ซึ่งคล้ายอรูปฌานมาก เลยอยากให้หลวงพ่อช่วยชี้ให้เห็นความแตกต่างการพิจารณาของอรูปฌาน และวิปัสสนาญาณทีครับ

๒.ผมอ่านเรื่องที่หลวงพ่อวัดท่าซุงเล่าว่า มีคนซื้อเต่าและเขียนชื่อที่เต่าและไปปล่อย แต่ตอนที่ชายคนนี้ป่วย ท่านนิรยบาลพาไปสำนักท่านพญายมราช ท่านเลยสอบถามกรรมต่าง ๆ และให้นึกถึงความดี แต่ก็นึกไม่ออกสักที และท่านพญายมราชกำลังจะตัดสินให้พาไปนรก แต่ทันใดในนั้น เต่าที่เคยถูกปล่อยจากชายคนนั้น เดินเข้ามาที่สำนักแล้วบอกว่า ชายคนนั้นเคยช่วยเหลือตนเองไว้ ท่านพญายมเลยไว้ชีวิตคนนั้นและพากลับโลกมนุษย์ และคน ๆ นั้นก็บวชไม่สึก

ผมสงสัยว่า เต่ามีความสามารถถอดกายทิพย์ไปสถานที่ทิพย์ต่าง ๆ ได้ด้วยหรือครับ หรือว่าท่านพญายมท่านรู้และท่านใจดี ท่านเลยสร้างนิมิตขึ้นมาเพื่อช่วยชายคนนั้น

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2019 เมื่อ 12:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นักเดินทางสังสารวัฏ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 05-01-2019, 08:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,234 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เท่าที่ผมศึกษามา อรูปพรหมเห็นว่าอายตนะภายในและอายตนะภายนอกเป็นโทษ เป็นปัจจัยทำให้กิเลสเกิด ท่านเหล่านั้นเลยทำสมาธิเข้าอรูปฌาน และดับอายตนะไปหมดเลย แต่กิเลสก็ยังมีอยู่ในจิต แล้ววิปัสสนาญาณที่มีหลายระดับที่เป็นความรู้ของพระพุทธศาสนา หนึ่งในนั้นคือการพิจารณาเห็นโทษของร่างกาย ก็คืออายตนะภายใน ซึ่งคล้ายอรูปฌานมาก เลยอยากให้หลวงพ่อช่วยชี้ให้เห็นความแตกต่างการพิจารณาของอรูปฌาน และวิปัสสนาญาณครับ ?
ตอบ : อรูปฌานแค่พิจารณาให้จิตสงบ ส่วนวิปัสสนาญาณพิจารณาจนปัญญาเกิด จนสภาพจิตยอมรับ ต่างกันแค่นี้ แต่ห่างกันประมาณ ๘๔,๐๐๐ โยชน์...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 05-01-2019, 08:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,234 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมอ่านเรื่องที่หลวงพ่อวัดท่าซุงเล่าว่า มีคนซื้อเต่าและเขียนชื่อที่เต่าและเอาไปปล่อย แต่ตอนที่ชายคนนี้ป่วย ท่านนิรยบาลพาไปสำนักท่านพญายมราช ท่านเลยสอบถามกรรมต่าง ๆ และให้นึกถึงความดี แต่ก็นึกไม่ออกสักที และท่านพญายมราชกำลังจะตัดสินให้พาไปนรก แต่ทันใดนั้น เต่าที่เคยถูกปล่อยจากชายคนนั้น เดินเข้ามาที่สำนักแล้วบอกว่า ชายคนนั้นเคยช่วยเหลือตนเองไว้ ท่านพญายมเลยไว้ชีวิตคนนั้นและพากลับโลกมนุษย์ และคน ๆ นั้นก็บวชไม่สึก ผมสงสัยว่า เต่ามีความสามารถถอดกายทิพย์ไปสถานที่ทิพย์ต่าง ๆ ได้ด้วยหรือครับ หรือว่าท่านพญายมท่านรู้และท่านใจดี ท่านเลยสร้างนิมิตขึ้นมาเพื่อช่วยชายคนนั้น ?
ตอบ : เขาเรียกว่า กรรมนิมิต คือแรงของผลบุญผลกรรมของเรา ทำให้เกิดภาพทั้งหลายเหล่านั้นขึ้นมา โดยการสงเคราะห์ของเทวดา เขตตำหนักพระยายมเป็นริมเขตของชั้นจาตุมหาราช เทวดาทำงานอยู่เพียบเลย ถึงเวลาเขาก็ช่วย ๆ กันเท่านั้นเอง คุณสงสัยว่าฆ่าไก่เอาไว้ ๕๐๐ ตัว
แทนที่จะไปเวียนว่ายตายเกิด ถึงเวลาเอาไก่มาจากไหนบานเบิกขนาดนั้น เขาเรียกว่ากรรมนิมิต
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:02



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว