กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 18-09-2020, 10:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๓

เจริญพรญาติโยมพุทธบริษัททุกท่าน วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ เป็นวันหยุดยาวที่รัฐบาลโยกเอาวันหยุดช่วงสงกรานต์มาเพิ่มเติมให้ ญาติโยมจำนวนหนึ่งก็เดินทางออกต่างจังหวัดบ้าง กลับภูมิลำเนาบ้าง เพราะว่าได้หยุดหลายวัน

สำหรับพวกเราที่เป็นนักปฏิบัติธรรมแล้ว ส่วนใหญ่มีกำลังใจที่มุ่งตรงต่อความดี ทำให้เราทั้งหลายไม่ค่อยได้ใส่ใจในเรื่องของการเที่ยวเตร่เฮฮา แต่มักจะตั้งอกตั้งใจใช้เวลาที่มีอยู่ ในการเข้าวัดเข้าวา ถือศีลปฏิบัติธรรม เพื่อเสริมสร้างคุณงามความดีให้กับตัวเอง

คราวนี้การที่ญาติโยมส่วนหนึ่งเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือว่าไปเที่ยวเตร่ก็ตาม อย่าทำให้ตัวเองขาดทุน โดยเฉพาะท่านที่ไปยานพาหนะ ถ้าหากว่าเป็นยานพาหนะประจำทาง ไม่ว่าจะทางรถ ทางเรือ ทางเครื่องบินก็ตาม ควรที่จะภาวนาให้เป็นปกติ อันดับแรกเลยก็เพื่อความปลอดภัยของตนเอง อันดับที่สองก็เพื่อเสริมสร้างคุณงามความดีให้เกิดขึ้นแก่ตน

อีกพวกหนึ่งคือ ท่านที่ขับขี่ยวดยานพาหนะด้วยตนเอง ตรงจุดนี้ต้องระมัดระวัง เพราะถ้าหากว่าท่านตั้งใจภาวนา สมาธิเกินเลยไปจากปกติ บางทีอาจจะพาให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ เพราะว่าถ้าสมาธิเริ่มทรงตัว จิตกับประสาทจะแยกออกจากกัน

ท่านที่ไม่มีความชำนาญในการทรงฌานใช้งาน จะไม่สามารถบังคับตนเองได้ บางทีเห็น ๆ อยู่ก็ปล่อยให้ยานพาหนะไปชนคันข้างหน้า เพราะว่าไม่สามารถที่จะบังคับตัวเองให้เบรกหรือว่าให้หลบหลีก เนื่องจากว่าจิตกับประสาทแยกออกจากกัน บังคับร่างกายได้ยากหรือว่าบังคับไม่ได้เลย

ท่านที่ขับรถด้วยตัวเอง ถ้าตั้งใจจะภาวนา ควรที่จะฝึกซ้อมการเข้าออกฌานให้ได้ดั่งใจตัวเองเสียก่อน หรือว่าทำไปถึงระดับฌานใช้งานได้เลยก็ยิ่งดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2020 เมื่อ 17:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 18-09-2020, 10:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าเราฝึกการเข้าออกฌาน จนกระทั่งสามารถเข้าออกได้ตามลำดับที่ตนเองต้องการ เมื่อมีความคล่องตัวแล้ว เราก็รักษากำลังใจไว้ที่ระดับอุปจารสมาธิขั้นปลาย หรือที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง เรียกว่าอุปจารฌาน หรือว่าทรงเอาไว้ที่ปฐมฌานเลย ถ้าทำเช่นนั้นได้ ท่านจะประกอบไปด้วยสติที่แจ่มชัดมาก

ถ้าวิสัยเดิมมีการกระทำในทิพจักขุญาณมา บางทีรถจะเกิดอะไรขึ้น ก็รู้ตัวล่วงหน้าได้ด้วย หรือแม้กระทั่งจะหลบจะแซง ต่อให้เป็นทางโค้ง มองอะไรข้างหน้าไม่เห็น สภาพจิตก็รายงานได้อย่างชัดเจนว่ามีรถสวนมาหรือไม่ ? แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ควรที่จะไปเสี่ยง เพราะว่าถ้าหากว่าพลาด จิตเฝือขึ้นมา เราอาจจะเดือดร้อน บาดเจ็บล้มตาย หรือทรัพย์สินเสียหายมากกว่าที่คิด

ดังนั้น...การเดินทางไม่ว่าจะกลับภูมิลำเนาหรือว่าไปเที่ยวเตร่ก็ตาม ส่วนที่ต้องระมัดระวังอย่างที่สุดก็คืออุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จึงไม่ควรที่จะละทิ้งการภาวนา ถ้าหากว่าไปรถโดยสารประจำทาง ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ร้อน รถปรับอากาศ หรือว่ารถตู้ก็ตาม ตลอดจนกระทั่งการเดินทางทางเรือ หรือว่าทางเครื่องบิน ให้เราตั้งใจภาวนารักษากำลังใจให้สูงสุด อุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าที่เจ้าทางที่รักษาตลอดเส้นทางที่เราเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นอากาสเทวดา รุกขเทวดา ภุมมเทวดาก็ดี ตลอดถึงสัตว์เดรัจฉานมีฤทธิ์ต่าง ๆ ขอให้เขาอนุโมทนาในส่วนกุศลที่เราได้กระทำและอุทิศให้ และขอให้ช่วยรักษาเราให้อยู่รอดปลอดภัยตลอดการเดินทางทั้งไปและกลับ

ส่วนท่านที่ขับขี่ยานพาหนะด้วยตนเอง ให้ภาวนาจนกำลังใจทรงตัวสูงสุด แล้วก็ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นแล้วค่อยคลายออกมาที่อุปจารสมาธิ หรือพูดแบบง่าย ๆ ก็คือ ทิ้งการภาวนาไปเลย เพื่อที่เราจะได้อยู่กับหน้าที่การงาน..คือการขับขี่ยานพาหนะของเรา โดยที่ตั้งกำลังใจเอาไว้ว่า เวลางาน..ใจให้มุ่งอยู่กับงาน เวลาว่างจากงาน..ใจให้มุ่งอยู่กับกรรมฐาน เพื่อที่จะได้ช่วยสร้างสติให้เกิด รู้ระมัดระวัง มีสติว่าตอนนี้เรากำลังบังคับรถอยู่ ถ้าหากว่ามีความประมาทแม้แต่นิดเดียว อาจจะทำให้ตัวเราหรือคนที่เรารักต้องลำบาก เดือดร้อน บาดเจ็บ ล้มตาย แล้วแต่ความหนักเบาของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2020 เมื่อ 17:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 20-09-2020, 08:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ญาติโยมจะเห็นได้ว่า ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ตราบใดที่เราปฏิบัติธรรมแล้วยังไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ยังต้องอาศัยเวลาที่สงบสงัดอย่างแท้จริงในการปฏิบัติ นั่นแปลว่าเราเองยังเข้าไม่ถึงความดีอย่างแท้จริง เพราะว่ายังสามารถทำได้ในเฉพาะบางเวลาเท่านั้น

จึงควรที่จะขวนขวายเร่งรัดตนเองให้มากขึ้น อย่างเช่นว่าฝึกการเข้าสมาธิให้ได้ทุกเวลาที่ต้องการ ออกจากสมาธิให้ได้ทุกเวลาที่ต้องการ เข้าสมาธิระดับใดก็ได้ทุกเวลาที่ต้องการ ออกจากสมาธิระดับใดก็ได้ทุกเวลาที่ต้องการ เข้าสมาธิโดยการตั้งระยะเวลาเอาไว้ว่าต้องการมากน้อยเท่าไร ถึงเวลาให้จิตถอนออกมาตรงตามเวลาที่เราต้องการ หรือว่าการที่บังคับตนเองให้ใช้สมาธิในระดับที่เรียกว่า 'ใช้งาน'...คือสภาพจิตมีความสงบสงัด เหมือนกับที่เราเข้าสมาธิระดับสูงสุดไว้ได้ แต่สามารถบังคับร่างกายให้ทำหน้าที่ต่าง ๆ ได้เหมือนกับอยู่ในระดับอุปจารสมาธิ เป็นต้น

ถ้าท่านทั้งหลายสามารถซักซ้อมได้ในลักษณะนี้ จนมีความคล่องตัว สมาธิของท่านก็จะอยู่ในระดับที่อาศัยได้ ก็คือในเวลาปกติก็สามารถที่จะตั้งสมาธิให้ทรงตัว ไม่ให้ รัก โลภ โกรธ หลง เข้ามากินใจของเราได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2020 เมื่อ 16:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 20-09-2020, 08:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนในระยะเวลาที่เราต้องการกำลังของสมาธิในระดับใดก็ตาม ไม่ว่าจะใช้ในการพิจารณาวิปัสสนาญาณก็ดี ใช้ในการกดกิเลสไม่ให้ รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นก็ตาม หรือว่าใช้เพื่อที่จะให้ตนเองได้รับการพักผ่อนอย่างแท้จริง ก็สามารถที่จะใช้สมาธิทั้งหลายเหล่านี้ในระดับต่าง ๆ ที่ตนเองต้องการได้

และท้ายที่สุดก็คือ ใช้สมาธิระดับนั้นเกาะในอุปสมานุสสติ หรือเกาะพระนิพพานเป็นปกติ ถ้าหากว่าสภาพจิตของเราเคยชินกับอารมณ์พระนิพพาน ว่าเป็นอารมณ์ที่สงบ สงัด ปลอดจากกิเลสทั้งปวง ว่างจากความปรารถนาใด ๆ มีแต่ความสุข สงบ เยือกเย็นอยู่เฉพาะหน้า ถ้าหากเราเคยชินแล้วนำเอาอารมณ์นี้มารักษาไว้ได้ จนกระทั่งสภาพจิตของเราเกาะอยู่ในอารมณ์นี้ได้ตลอดเวลาที่ต้องการ ท่านก็สามารถที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานได้โดยกำลังของสมาธิ ดังที่พระบาลีเรียกว่า เจโตวิมุติ ก็คือการหลุดพ้นโดยการอาศัยกำลังของสมาธิหรือสมถภาวนานั่นเอง

ลำดับต่อไปให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๓

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย นาทามและทะเล)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2020 เมื่อ 16:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:32



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว