กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 26-02-2024, 17:33
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 335
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,305 ครั้ง ใน 808 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 27-02-2024, 00:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,838 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗ งานสำคัญในวันนี้ก็คือ หลังจากบิณฑบาตและฉันเช้าเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพได้นำพระภิกษุและญาติโยมผู้ปฏิบัติธรรม ภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ

เรื่องของการภาวนาพระคาถาเงินล้านนั้น สิ่งที่ต้องการจริง ๆ ก็คือ การฝึกซ้อมทรงฌานทรงสมาบัติตามเวลา ส่วนผลของพระคาถาเงินล้านนั้น ถือว่าเป็นผลพลอยได้เท่านั้นเอง ส่วนท่านอื่นจะมีจุดมุ่งหมายอย่างไรนั้น ก็แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะคิดกันอย่างไร

ส่วนในช่วงสาย ก็มีการแข่งขันจักสาน ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ เพื่อเพิ่มความสนุกสนานในงานทำบุญประจำปีปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน และทำบุญอุทิศอดีต ๗ เจ้าเมืองหน้าด่านจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งผู้ที่ชนะเลิศก็คือเด็กหญิงจิรภิญญา พวงสุวรรณ หลานสาวของลุงโจ (นายสมบุญ พวงสุวรรณ) ครูศิลป์ของแผ่นดิน ซึ่งจักสานจนกระทั่งคิดลายใหม่ ๆ ของตนเองขึ้นมาได้ แล้วก็ถ่ายทอดให้กับลูกหลานแถวบ้านหนองบาง โดยเฉพาะหลานของตนเองก็คือเด็กหญิงจิรภิญญา ที่กระผม/อาตมภาพเห็นจักสานมาตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น..!

ตอนที่วัดท่าขนุนเข้ารับการตรวจประเมิน เพื่อยกเป็นหมู่บ้านศีล ๕ ต้นแบบนั้น พระเดชพระคุณพระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๗ ซึ่งตอนนั้นปฏิบัติหน้าที่ประธานโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา (หมู่บ้านรักษาศีล ๕) เห็นเจ้าหนูตัวน้อยจักสานคล่องแคล่วมาก ก็ชอบอกชอบใจ ควักรางวัลให้ไปหลายใบแดงเลยทีเดียว..!

การที่เด็กมีพื้นฐานดีแล้วมาชนะเลิศก็ไม่เป็นเรื่องผิดปกติ แต่ถ้ากระผม/อาตมภาพเป็นเด็กหญิงจิรภิญญา ก็คงจะเดินสายกวาดรางวัลทั่วประเทศไปแล้ว เนื่องเพราะว่าตาของตนเองนั้นเป็นครูศิลป์ของแผ่นดิน ยายก็เป็นครูศิลป์ของแผ่นดิน แล้วจะไม่ให้ตนเองเก่ง ก็น่าจะเป็นไปไม่ได้

ปัจจุบันนี้ทางลุงโจและป้าลอน พวงสุวรรณนั้น ผันตัวมาเป็นครูสอน และจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ในการจักสานแทน เนื่องเพราะว่าเส้นตอกขนาดต่าง ๆ ทั้งเล็กทั้งใหญ่นั้น จากการที่มีประสบการณ์ในการจักสานมาหลายสิบปี ลุงโจและป้าลอนรู้ดีว่า ไม้ไผ่แบบไหน ? ในอายุประมาณเท่าไร ? จะสามารถจักตอกใช้ในการจักสานได้ดีที่สุด โดยเฉพาะบุคคลที่ไม่มีเวลาที่จะไปหาไม้ไผ่มาจักตอก หรือว่าจักตอกไม่เป็น ก็อาศัยซื้อสำเร็จรูปจากลุงโจไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-02-2024 เมื่อ 03:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 27-02-2024, 00:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,838 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนลุงโจนั้น ว่าง ๆ ก็นั่งสานงานฝีมือไปเรื่อย ซึ่งระยะหลังได้ลดระดับตนเองลงมา เนื่องเพราะว่าถ้าจักสานเต็มฝีมือ ขายใบหนึ่ง ๒,๕๐๐ บาท ๓,๐๐๐ บาท ก็มักจะขายยาก เนื่องเพราะว่าราคาสูง จึงได้จักสานภาชนะทั่วไป โดยไม่ต้องอาศัยฝีมือมาก ราคาถูก แต่ว่าจำหน่ายได้มากกว่า โดยเฉพาะในส่วนของร้านค้าชุมชนคุณธรรมต้นแบบท่าขนุน และที่ตลาดริวแควเมืองท่าขนุน ก็มีการรับเอาตะกร้าของลุงโจมาจำหน่ายต่ออยู่แล้ว

แต่ว่าในส่วนนี้นั้น ต้องบอกว่าเป็นงานที่เพิ่มขึ้นมาเท่านั้นเอง งานหลัก ๆ ก็ยังคงเป็นช่วงเย็น ที่มีการแสดงของเด็กนักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ อย่างของเมื่อวานนี้ เด็ก ๆ ที่มาแสดงก็ร้องไห้เสียก่อนก็มี..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าไม่คุ้นเคยกับการเจอคนมาก ๆ แล้วเด็กจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อายุเต็มที่ก็ไม่เกิน ๓ ขวบ เมื่อเจอสายตาผู้ใหญ่จ้องอยู่เป็นจำนวนมาก ก็ทนแรงกดดันไม่ไหว แทนที่จะเต้นจะรำตามที่ครูบาอาจารย์สอน ก็ไปนั่งร้องไห้แทน เป็นต้น

ส่วนที่น่าเอ็นดูกว่านั้นก็คือ เมื่อรับรางวัลจากหลวงพ่อแล้ว ก็วิ่งไปที่ร้านค้า ซื้อน้ำบ้าง ซื้อขนมบ้าง อย่างที่ตนเองต้องการ เพราะว่าข้าวปลาอาหารที่ทางวัดเตรียมไว้ อาจจะไม่ถูกใจ หรือว่ากินจนชินแล้ว แต่ว่าอาหารต่าง ๆ ตามร้านนั้น ดูแล้วน่ากินมากเป็นพิเศษ จึงหมายตาเอาไว้ ครั้นรับรางวัลจากหลวงพ่อแล้ว ก็วิ่งเข้าร้านค้าไปตาม ๆ กัน กลายเป็นว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวยจากงานนี้ กลายเป็นพ่อค้าแม่ค้าไปเสียแล้ว..!

สำหรับวันนี้นั้นมีเรื่องที่จะบอกจะกล่าวก็คือ มีการลงภาพในสื่อโซเชียลก็ดี ลงบทสัมภาษณ์ก็ดี พระภิกษุรูปหนึ่ง ซึ่งไว้หนวด ไว้เครา และไว้ผมยาว โดยที่ไม่ยอมโกน อาศัยหมวกไหมพรมปิดบังเอาไว้ โดยตัวเองมุ่นมวยผมเอาไว้ยาวเหยียดเลยทีเดียว แล้วก็มีสื่อสำนักดังไปสัมภาษณ์ไปลงยูทูบ อยู่ในลักษณะที่ว่า ทำไมท่านถึงไม่โกนผม ? ปรากฏว่าพระภิกษุรูปนั้นอ้างว่าตนเองเป็นเกจิอาจารย์สายพระฤๅษี ครูบาอาจารย์ที่สอนมาก็สืบสายมาจากสายพระฤๅษี ดังนั้น..จึงไม่โกนผม แต่ว่าไว้ผมมวยตามแบบพระฤๅษีแทน

กระผม/อาตมภาพเห็นแล้วก็ยังรู้สึกว่า เป็นการพูดแบบข้าง ๆ คู ๆ เนื่องเพราะว่าตนเองเป็นพระภิกษุในพระธรรมวินัย ซึ่งองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ได้มีการกำหนดเอาไว้เลยอย่างชัดเจนว่า พระภิกษุของเราต้องปลงผม โกนหนวด ตัดเล็บ โดยที่ไม่ได้กล่าวถึงการโกนคิ้ว

แต่ว่าจารีตประเพณีของคณะสงฆ์ไทยก็คือ เมื่อโกนผมก็ให้โกนคิ้วไปด้วย จึงกลายเป็นว่า ในส่วนของศีลก็คือปลงผม โกนหนวด ตัดเล็บ แปลว่าไม่ให้ไว้ทั้ง ๓ สิ่งนี้ยาว อนุญาตให้ไว้ผมได้ไม่เกิน ๒ เดือนติดต่อกัน หรือถ้าหากว่ายังไม่ถึง ๒ เดือน แต่ว่ายาวได้ ๑ องคุลี ก็ให้โกนได้ เหล่านี้เป็นต้น

ในเมื่อมีระบุเอาไว้ชัดเจนแล้ว แปลว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่านไม่ได้บอกกล่าวสั่งสอน หรือไม่ท่านเองบวชมาแล้วไม่ศึกษาหาความรู้อะไรเลย ซ้ำยังอ้างครูบาอาจารย์สายพระฤๅษีให้เดือดร้อนอีกต่างหาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-02-2024 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 27-02-2024, 00:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,838 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพถือว่าคุ้นเคยกับพ่อปู่พระฤๅษีทั้ง ๑๐๘ รูป ที่คนเขานับถือเป็นครูบาอาจารย์สายวิทยาการต่าง ๆ ซึ่งท่านทั้งหลายเหล่านี้ยืนยันว่า บางท่านก็คืออดีตชาติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บางท่านปัจจุบันนี้ก็เป็นพรหมอยู่ในสุทธาวาสพรหม ก็คืออยู่ในระดับอรหัตมรรคเลยทีเดียว

ก็ไม่เห็นท่านจะแต่งองค์ทรงเครื่องอะไรที่แตกต่างไปแบบนี้ นอกจากต้องการแสดงให้เห็นอดีตชาติที่ท่านเป็นพระฤๅษี จึงได้แสดงภาพเดิม ๆ ขึ้นมาเท่านั้น ดังนั้น..
การที่พระภิกษุรูปนี้อ้างว่าท่านเองสืบสายวิชามาจากพระฤๅษี จึงไม่ปลงผม โกนหนวด ก็แปลว่า ท่านเองต้องอาบัติศีลขาดอยู่ทุกวัน เพราะว่าฝืนคำสั่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..!

ถ้าท่านทั้งหลายเหล่านี้ได้ศึกษาพระไตรปิฎก โดยเฉพาะในอุทุมพริกสูตร ก็จะเห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสถึงการแสดงออกต่าง ๆ ที่เป็นการโอ้อวดตนเอง พูดง่าย ๆ ก็คือ ทำให้เกิดจุดเด่น จนคนเห็นเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นการเอากิเลสมาแสดงต่อคนอื่นชัด ๆ แต่ว่ามีครูบาอาจารย์บางท่าน อย่างเช่นหลวงปู่ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ หรือว่าหลวงปู่รุ่ง เคราเหล็กนั้น นั่นต้องยกให้ท่านเอาไว้

หลวงปู่ทองเฒ่า วัดเขาอ้อนั้น จะมีผมอยู่กระจุกหนึ่งที่ไม่สามารถจะโกนได้ เนื่องเพราะว่าท่านได้ผนึกวิชาความรู้ของตนเองเอาไว้ที่นั่น ในเรื่องของวิชาไสยศาสตร์ต่าง ๆ นั้น ถ้าหากว่าเราทำขึ้นแล้วก็จะเหนียวคงกระพันจริง ๆ จึงทำให้ไม่มีมีดอะไรที่สามารถจะโกนผมของหลวงปู่ทองเฒ่ากระจุกนั้นได้

ส่วนหลวงพ่อรุ่ง เคราเหล็กนั้นหนักกว่าอีก เนื่องเพราะว่าต้องไว้หนวดไว้เคราเลย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าไม่มีใครที่สามารถโกนให้ท่านได้ มีดโกนลากผ่านก็เสียงดังกร่าง เหมือนอย่างกับลากผ่านเส้นลวด โดยเฉพาะวิชาของท่าน ต้องบอกว่าอยู่ยงคงกระพันอย่างสุด ๆ จึงทำให้กลายเป็นบุคคลที่เป็น "ปาปมุต" ก็คือต้องยกว่าเป็นสิ่งพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ต่อให้ท่านอยากโกนแทบขาดใจ ก็ไม่สามารถที่จะโกนออกได้ หลวงปู่ทองเฒ่านั้นยังดีอยู่ เพราะท่านมีแค่กระจุกเดียวเท่านั้นที่โกนไม่ได้ แต่หลวงพ่อรุ่ง เคราเหล็กนั้น ท่านเองไว้หนวดไว้เคราจนเฟิ้มไปหมด เพราะโกนไม่ออกจริง ๆ ก็ต้องให้อภัยท่าน

แต่ไม่ใช่มาอ้างว่าฝึกความสามารถหรือว่าฝึกวิชาสายพระฤๅษีมา ก็เลยต้องไว้หนวดไว้เคราเป็นพระฤๅษี ถ้าลักษณะอย่างนั้น ปัจจุบันนี้มีบุคคลที่ทำตนให้ขลัง แต่งองค์ทรงเครื่องแบบพระฤๅษีเยอะแยะไป ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้น ท่านจะไปบวชเป็นพระฤๅษี ดูท่าจะง่ายกว่า เพราะว่าถือศีลแค่ ๘ ข้อเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-02-2024 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 27-02-2024, 00:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,838 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แม้แต่กระผม/อาตมภาพเอง ก็มีประสบการณ์จากการเดินทางเข้าทุ่งใหญ่ครั้งแรกในชีวิต เห็นมีศาลพ่อปู่พระฤๅษีในทุ่งใหญ่ ก็ลงไปจุดธูปเทียนและนำขนมและน้ำไปถวาย เป็นการบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง ขออนุญาตท่านเข้ามาในพื้นที่นี้ ขอให้ช่วยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยต่าง ๆ ให้ด้วย ปรากฏว่าตอนที่กำลังจุดธูปอยู่นั้น ท่านก็มาปรากฏกายอยู่ข้าง ๆ บอกว่า "ไม่ต้องไหว้รูปผมนะครับ เพราะว่าผมถือแค่ศีล ๘ เท่านั้น" ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านใช้ภาษาอะไร ? แต่เสียงที่ปรากฏนั้นดังให้ได้ยินแบบนี้เลย

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพซึ่งไม่ได้คิดจะไหว้อยู่ตั้งแต่แรกแล้ว เพราะว่าตั้งใจจุดธูปบอกกล่าวเท่านั้น ก็กลายเป็นว่าปักธูป แล้วก็ถวายน้ำและขนม โดยการวางลงอย่างเป็นระเบียบ หลังจากนั้นแล้วก็อธิษฐานขอบอกกล่าวให้ท่านช่วยเหลือในสิ่งต่าง ๆ ตามที่ต้องการ จากนั้นก็นอนในป่าเสือตรงบริเวณนั้น

ปรากฏว่าสัตว์ป่าเดินรอบกลดทั้งคืน ส่องไฟไปทางไหนก็เห็นแต่ดวงตาเขียว ๆ บ้าง แดง ๆ บ้าง แต่ไม่มีใครเข้ามารบกวนในระยะใกล้จนเกินไป ที่เข้ามาใกล้ที่สุดคือบรรดาหมู่ป่า ก็อยู่ห่างไปประมาณ ๕ - ๖ เมตร ส่วนที่จะเข้ามาแทะหัวเลยก็มีเพียงเม่นใหญ่ ๒ ตัว ที่เข้ามาดม ๆ ทางด้านศีรษะนอกกลด เมื่อส่งเสียงกระแอม ก็ทำท่าตกใจ กระทืบเท้าขู่อีกต่างหาก ก่อนที่จะถอยไป มีเสียงขนกระทบกันดังกราวเป็นทางทีเดียว

ดังนั้น..ในส่วนที่ว่ามาทั้งหมดนี้ ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเราว่า การจะเป็นพระภิกษุสามเณรของเรานั้น มีพระวินัย มีศีลเป็นเครื่องกำกับอยู่แล้ว ที่จะทำให้เราท่านนั้นเป็นที่เคารพเลื่อมใสของบุคคลที่พบเห็น ไม่ใช่ไปแสดงออกด้วยการที่ทำอะไรไม่เหมือนคนอื่นเขา แล้วหวังว่าชาวบ้านจะเห็นขลัง บุคคลที่จะเห็นขลังนั้น ก็คงจะเป็นประเภทสร้างบุญร่วมกันมา หรือว่าขาดปัญญาอย่างแรง..! จนไม่คิดจะตั้งคำถามกับเรื่องผิดปกติในพระพุทธศาสนาเลย

แต่ว่าในส่วนที่น่าตำหนิก็คือ สื่อมวลชนที่หวังยอดไลค์ ไปเอาเรื่องท่านมาสัมภาษณ์ แล้วก็ลงออกยูทูบให้คนจำนวนมากได้เห็น ถ้าเกิดมีคนเห็นขลังเลื่อมใส แล้วแห่กันไป ก็กลายเป็นว่าท่านกำลังทำให้คนเป็นมิจฉาทิฏฐิ ซึ่งมีโทษหนักมากในทางพระพุทธศาสนา ส่วนจะหนักขนาดไหน ก็ขอให้ท่านไปศึกษาหาความรู้กันเองก็แล้วกัน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-02-2024 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:46



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว