กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 27-11-2017, 18:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าไม่ใช่เซียนบาลีจริง ๆ ไม่รู้หรอกว่าพระองค์ท่านเอามาจากไหน นั่นคือ หลักฆราวาสธรรม ธรรมะของฆราวาสทั่วไป ที่มี สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ๔ อย่างด้วยกัน เราไปอ่านแล้วจะไม่เห็นเค้าเลย

ส่วนอันที่เขียนสรรเสริญคุณของพระองค์ท่านด้วยตัวเอง อาตมาให้หันเข้าหาข้างฝา ใครอยากอ่านก็ไปมุดดูเอา แต่พระบรมราโชวาทของพระองค์นี้ตั้งใจโชว์ให้ทุกคนได้เห็น จะได้เป็นข้อเตือนใจแล้วนำไปปฏิบัติตาม

ปัจจุบันนี้เวลาเห็นคนใส่เสื้อหรือว่าสติ๊กเกอร์ติดรถว่า เรารักในหลวง ถ้าเป็นรัชกาลที่ ๑๐ คงจะภูมิใจว่าชาวบ้านรักเราจริง ๆ ติดกันไว้เพียบเลย

ที่น่าห่วงใยก็คือสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพราะว่าสุขภาพของพระองค์ท่านชำรุดมาก เป็นเราอายุ ๘๕-๘๖ ปี ก็แทบจะคลานไม่ไหวแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-11-2017 เมื่อ 10:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 27-11-2017, 18:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

๔,๖๘๕ โครงการใน ๗๐ ปี ๓๕ ปี ๒,๓๐๐ กว่าโครงการ ๑๗ ปีประมาณ ๑,๑๗๐ กว่าโครงการ หั่นครึ่งลงไปอีก ๖ ปีครึ่งประมาณ ๖๐๐ โครงการ เพราะฉะนั้นถ้า ๖ ปีครึ่งประมาณ ๖๐๐ โครงการ ปีหนึ่งเท่ากับพระองค์ท่านทำไปประมาณ ๑๐๐ โครงการ นี่คือโครงการที่ประสบความสำเร็จ แล้วที่ไม่ประสบความสำเร็จไม่รู้อีกเท่าไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2017 เมื่อ 19:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 27-11-2017, 18:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูไปวัดท่าซุงเมื่อไม่กี่วัน แล้วลืมใส่ซองที่นั่น มาทำที่นี่ได้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจทำควรจะทำที่นั่น พระเรามีราคาแค่บาทเดียวยังไม่พอ ยังมีศีลอีกข้อหนึ่งที่ห้ามไว้ต่างหาก เมื่อภิกษุน้อมลาภที่เขาถวายสงฆ์มาเพื่อตน...ก็โดนอีก เพราะฉะนั้น...โยมตั้งใจถวายที่วัดท่าซุงก็ควรจะไปที่วัดท่าซุง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-11-2017 เมื่อ 10:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 27-11-2017, 18:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "งานที่แล้วมีโยมเขียนหน้าซองถวาย ๔,๐๐๐ บาท มีแต่ซองเปล่า ๆ คือโยมเขียนเสร็จแล้วถวายเลย อาตมาก็ไม่ทวงด้วย ปล่อยเลยตามเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2017 เมื่อ 19:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 27-11-2017, 18:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานนี้ตอนคุมสอบธรรมศึกษามีทั้งหมด ๑๔ ห้อง เฉพาะของโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา โรงเรียนอนุบาลทองผาภูมิอีก ๑๒ ห้อง โรงเรียนวัชรวิทย์อีก ๔ ห้อง พูดง่าย ๆ ว่าแทบจะต้องแบ่งภาคเอา แล้วมีปัญหาก็คือ พระของเราไม่เก่งบาลี พอถึงเวลาขึ้นกระทู้ ซึ่งก็คือหัวข้อเทศน์เพื่อให้เด็กได้เขียน เหมือนอย่างกับเทศน์บนหน้ากระดาษ

อาตมาเข้าไปถึงมองปุ๊บชี้ว่าตรงนี้ผิด พระท่านก็สงสัย เขาคิดว่าหลวงพ่อจำกระทู้ได้ทุกกระทู้เลยหรือ ? ไม่ใช่หรอก...บาลีผิด ถ้าเราแม่นในเรื่องวรรค

วรรคกะ เป็น กะ ขะ คะ ฆะ งะ
วรรคจะ เป็น จะ ฉะ ชะ ฌะ ญะ
วรรคตะ เป็น ตะ ถะ ทะ ธะ นะ
วรรคฏะ เป็น ฏะ ฐะ ฑะ ฒะ ณะ

ตัวสะกดกับตัวตามต้องอยู่วรรคเดียวกัน ถ้าอยู่ผิดวรรคก็ผิดทันทีเลย อย่างเช่น อัตถะ ที่แปลว่า ประโยชน์ ต้อง ต.เต่าสะกด ถ.ถุงตาม เพราะว่าเป็นวรรค ตะ อัจฉรา ที่แปลว่านางฟ้า ก็ต้อง จ.จานสะกด ฉ.ฉิ่งตาม ถ้าหากว่าเป็น สัทธา ก็ต้อง ท.ทหารสะกด ธ.ธงตาม เพราะว่าอยู่ในวรรคเดียวกัน อย่างอัฏฐิ ฏ.ปฏักสะกด ต้อง ฐ.ฐานตาม คราวนี้มองปุ๊บก็รู้แล้วว่าผิด ชี้ให้ท่านดูแล้วก็ให้ไปแก้

พระท่านสงสัยว่าอาตมาจำกระทู้ธรรมได้หมด ๓-๔ เล่มเลยหรือ ? บอกว่าไม่ใช่หรอก เขียนผิดแค่มองก็รู้ว่าผิด เพราะว่าผิดหลักภาษา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2017 เมื่อ 19:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 27-11-2017, 20:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เวลาท่านเรียนบางทีก็จับจุดไม่ได้ ในเมื่อจับจุดไม่ได้ก็จะไม่เข้าใจว่าผิด โดยเฉพาะบาลีเขามีเสียงสั้น เสียงยาว มีเสียงหนัก เสียงเบา พอถึงเวลาสมาสหรือสนธิ จะต้องแก้ตัวไหนเป็นเสียงสั้น ตัวไหนเป็นเสียงยาวให้ยุ่งไปหมด

ไปถึงก็ให้เขาดู ชีวิตัง ไม่ใช่ชีวีตัง ให้แก้ใหม่ คนเรามีเผลอ คิดว่าภาษาไทยชีวีใช่ไหม ? แต่ถ้าจะเอาบาลีเป็นชีวีไม่ได้ ต้องชีวิ แล้วถ้าเป็นเอกวจนะเสียงสั้น พหุวจนะเสียงยาว อย่างเช่นเอกวจนะคือบุคคลเดียว เสฏฐิ แต่ว่าถ้าหากเป็นพหุวจนะก็คือเศรษฐีหลายคน ก็จะเป็นเสฏฐีเลย เพราะฉะนั้นเสฏฐิกับเสฏฐี ใช้คนละที่ คนละรูปประโยคกัน

ถ้าจับหลักได้ก็จะได้เลย ถ้าจับไม่ได้ก็เมาอยู่นั่นแหละ ไม่รู้ว่าอาจารย์สอนอะไร ก็สักแต่ว่าไล่จำเอา วันนั้นต้องเดินไปแก้ให้เขา ๓-๔ ห้อง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2017 เมื่อ 21:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 27-11-2017, 20:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนช่วงที่ไปบรรยายในงานอบรมก่อนสอบ ท่านพระครูปริยัติชัยกาญจน์เข้ามาถึงก็ “โอ๊ย...หลวงพ่อเล็กยังต้องบรรยายเองอีกหรือ ? ใคร ๆ เขาก็ให้ลูกศิษย์ทำทั้งนั้นแหละ” ก็เลยเกิดปัญหาตรงที่ว่า พอทดสอบแล้วนักเรียนเขียนบาลีไม่ได้

จะเรียกว่าเด็กก็ไม่ได้หรอก บางรูปก็ ๖๐ กว่าปีแล้วค่อยมาบวช พอเรียนมาถึงระดับนักธรรมโท นักธรรมเอก ต้องใช้บาลีเยอะมาก เอาหนังสือส่งไปให้เปิดหาก็ไม่เจออีก พอดีว่าบรรยายพระวินัยนักธรรมเอกเกี่ยวกับเรื่องสังฆกรรมสีมาอะไรพวกนั้น ท่านถาม "อาจารย์ครับ...ช่วยเขียนการทักนิมิตสีมาให้หน่อยได้ไหมครับ ?" ก็เลยบอกว่า อ้าว...พวกคุณไม่ได้เรียนมาใช่ไหม ? ในหนังสือไม่มีหรือ ? เขาบอกในหนังสือทักแค่ทิศเดียวครับ

เขายกตัวอย่างแค่ทิศตะวันออกทิศเดียว ปุรัตถิมายะ ทิสายะ กิง นิมิตตัง ทางด้านทิศตะวันออกจะมีอะไรเป็นเครื่องหมายหรือ ? ปาสาโณ ภันเต มีก้อนหินเป็นเครื่องหมายครับ รุกโข ภันเต มีต้นไม้เป็นเครื่องหมายครับ ปัพพะโต ภันเต มีภูเขาเป็นเครื่องหมายครับ วัมมิโก ภันเต มีจอมปลวกเป็นเครื่องหมายครับ ก็ว่าไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2017 เมื่อ 21:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 27-11-2017, 20:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอไปทิศตะวันออกเฉียงใต้ ก็พูดว่า ปุริมัตถิมายะ อะนุทิสายะ กิง นิมิตตัง เขาก็งงอีก ว่าทำไมไม่ใช้ อคาเณยยะ ทิสายะ คือทิศอาคเณย์มี แต่บาลีเขาไม่ใช้ เขาใช้ อะนุทิสายะ ก็คือทิศเล็ก บ้าเข้าไปอีก ก็เลยต้องไปไล่เขียนให้เขาทีละทิศ ๆ จนหมด

เขาก็สงสัยว่าทำไมต้องเริ่มที่ทิศตะวันออก ทำไมไม่เริ่มทิศเหนือ ? ถ้าเราให้ลูกศิษย์ไปบรรยาย ลูกศิษย์จะตอบได้ไหม ? เขาเรียกบูรพาทิศ ทิศแรกเริ่ม เป็นทิศที่ตะวันขึ้นก่อน พุทธเจ้าเองตอนตรัสรู้ก็หันไปทางทิศตะวันออก เขาก็เลยถือมงคลว่าเป็นทิศแรกเริ่ม เพราะฉะนั้น...ทางด้านซ้ายของพระพุทธเจ้าก็คือทิศเหนือ ทางด้านขวาคือทิศใต้

ถ้าบอกว่าทักขิเณยยะทิศ เขาถึงใช้คำว่าทิศเบื้องขวา ซึ่งหมายถึงพระสารีบุตรที่นั่งอยู่ด้านขวาของพระพุทธเจ้า เป็นพระอัครสาวกฝ่ายขวา พอไปถึงพระโมคคัลลานะ ก็อุตตรทิศ ทิศเบื้องซ้าย ต้องอธิบายให้เขาได้ว่ามีที่มาจากไหน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2017 เมื่อ 21:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 27-11-2017, 20:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอบรรยาย ๓ ชั่วโมงเสร็จ ถามพระว่า “ตอนคุณเรียนอาจารย์คุณสอนแบบนี้ไหม ?” ท่านบอก “ไม่มีเลยครับ อาจารย์แค่มาอ่านตำราให้ฟังเท่านั้น” ก็คือตำรามีแค่ไหนบอกแค่นั้น รายละเอียดอื่นไม่มี ก็เลยเป็นวิธีสอนที่ลูกศิษย์เบื่อหน่ายมาก เพราะว่าชวนให้หลับ ไม่ได้อะไรเลย อ่านตำราเองก็ได้ ทำไมต้องไปนั่งตูดด้านฟังอาจารย์เป็นวัน ๆ

มานึกถึงที่ท่านเจ้าอาวาสวัดถ้ำเขาปูนบอก “หลวงพ่อเล็ก...ยังต้องบรรยายเองอีกหรือ ?” มานึกในใจว่าถ้าตูไม่บรรยายเองเขาจะตกกันเยอะกว่านี้ แต่ว่ายอมรับว่าแก่ เพราะว่าโดยปกติแล้วจะไม่นั่งบรรยาย จะยืนกับเดินเพื่อให้ความสนใจทั่วทั้งห้อง ปรากฏว่าพอครบ ๓ ชั่วโมงนี่นั่งไม่ลงเลย เข่าระบมไปหมด แล้วก็อย่างนั้นแหละ วันละ ๓ ชั่วโมง จนกว่าจะหมดการอบรม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2017 เมื่อ 21:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 27-11-2017, 20:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อย่างในพระราชพิธีพระบรมศพ เวียนอุตราวรรต ?
ตอบ : อุตราวรรต ก็คือเวียนซ้าย

ถาม : ถ้าในชีวิตประจำวัน ?
ตอบ : ชีวิตประจำวันเป็นทักษิณาวรรต ในเมื่อเป็นทักษิณาวรรตให้รู้ว่าเราเวียนขวา คำว่าเวียนขวาคือเอาตัวเราเป็นหลัก แล้วสิ่งที่เราเวียนจะอยู่ทางด้านขวา ก็คือวนไปโดยที่ให้แขนขวาของเราอยู่ด้านใน

แต่ถ้าอุตราวรรต อย่างเวียนศพนี่เขาเวียนซ้าย ก็คือเอาตัวเราเป็นหลัก ให้สิ่งที่เราเวียนอยู่ทางซ้าย อย่างเช่นเมรุอยู่ทางซ้ายมือแล้วเราก็เวียนไปเรื่อย คราวนี้ถ้าเรารู้ละเอียดอย่างนี้ ต่อไปเขาว่าอย่างไรเราก็ทำถูก

ถึงเวลาข้อสอบออกอะไรมาอาตมาสามารถเฉลยปากเปล่าได้ เขาก็งงกัน ก็บอกเขาว่า ถ้าคุณทวนอยู่ทุกปี ๓๐ กว่าปีผ่านไป ถึงอยู่บรรทัดไหนก็ต้องจำได้แล้ว ในส่วนหนึ่งก็คือการเรียนการสอน ยิ่งสอนมากอาจารย์ยิ่งเก่ง เพราะว่าทวนอยู่บ่อย ๆ ส่วนลูกศิษย์นะหรือ ? ใหม่ล้วน ๆ ถึงเวลาสอนผ่านไปปีหนึ่ง ปีหน้ามาลูกศิษย์ชุดใหม่มาอีกแล้ว ก็ไม่รู้เรื่องกันต่อไป ส่วนอาจารย์ก็ย้ำแล้วย้ำอีก ๆ ย้ำจนจำได้หมดแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2017 เมื่อ 21:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 28-11-2017, 09:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เขาถามว่าธรรมมุทเทศ คืออะไร ? ใครแสดงกับใคร ? คำถามนี้มี ๒ คำตอบ คำตอบแรกคือ ธรรมมุทเทศก็คือลักษณะของการยกหัวข้อธรรมขึ้นมา ซึ่งมีเนื้อหาใจความว่า

๑.โลกคือหมู่สัตว์อันชรานำไปไม่ยั่งยืน
๒.โลกคือหมู่สัตว์ ไม่มีผู้ป้องกัน ไม่เป็นใหญ่เฉพาะตน
๓.โลกคือหมู่สัตว์ไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง จำต้องละในสิ่งทั้งปวง
๔.โลกคือหมู่สัตว์พร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา

พระรัฐบาลเถระแสดงแก่พระเจ้าโกรัพยะ ไปเปิดตำราดูได้เลยไม่ผิดสักคำ เหตุที่จำได้ก็เพราะว่าทวนอยู่บ่อย ๆ แต่ขณะเดียวกันลูกศิษย์เขาเพิ่งเรียน อาจารย์ท่านอื่น ๆ พอสอบผ่านแล้ววางเลยไม่ได้ไปดูอีก หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านย้ำนักย้ำหนา ท่านบอก “เรื่องพระไตรปิฎกให้ขยันเปิดอ่านไว้ ข้าเองพยายามอ่านให้ได้ปีละจบ” มีใครใฝ่รู้ขนาดหลวงพ่อวัดท่าซุงบ้าง ? ท่านเรียนจนจบแล้วท่านยังทวนอยู่ตลอด ส่วนอาตมาเอง ๔-๕ ปีได้สักจบก็ดีตายชักแล้ว พออ่านไปถึงส่วนสุดท้ายก็...หลับ

พระสูตร พระวินัย สนุก สามารถอ่านได้ตลอดต่อเนื่อง พอไปถึงพระอภิธรรมนี่อ่าน ๆ ไปแล้วง่วง มีแต่กระดูกล้วน ๆ ขบไม่เข้าเลย กว่าจะจบได้แต่ละที จบแบบไม่รู้เรื่องอีกต่างหากนะ เพราะว่าเรื่องของพระอภิธรรมพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนมนุษย์ทั่วไป แต่ไปสอนพรหม สอนเทวดาที่เป็นอุคฆฏิตัญญู ฟังแค่หัวข้อก็เข้าใจแล้ว

กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา อัพยากะตา ธัมมาฯ เป็นอย่างไร ? กุสะลา ธัมมา ธรรมที่เป็นกุศล ก็คือทำแล้วดีด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ก็คือส่วนที่เรียกว่า กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2017 เมื่อ 13:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 28-11-2017, 09:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พอมา อะกุสะลา ธัมมา ธรรมที่เป็นอกุศล ก็คือทำแล้วชั่ว ชั่วทางกาย ชั่วทางวาจา ชั่วทางใจ ก็เป็น กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ก็ต้องไปอธิบายอีกว่า กายทุจริตมีอะไรบ้าง ? มีฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม ดื่มสุราเมรัย วจีทุจริตมีอะไร ? พูดโกหก พูดคำหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ มโนทุจริตมีอะไร ? เป็นมิจฉาทิฏฐิ โลภอยากได้ของเขา ยิ่งอธิบายจะยิ่งกว้างออก แต่ถ้าบอกหัวข้อสั้นนิดเดียว

อัพยากะตา ธัมมา ธรรมที่เป็นกลาง ๆ กลางอย่างไร ? เหมือนอย่างกับคนนอนหลับ ไม่คิดดี ไม่คิดชั่ว อย่างนั้นไม่กลางก็ไม่ได้ แต่ว่าเป็นกลางแบบไม่มีกุศล เพราะว่าสภาพจิตไม่ได้ตั้งอยู่ในความเป็นกลางด้วยปัญญาอย่างแท้จริง ฉะนั้นอ่านแล้วทำความเข้าใจไปด้วย บอกว่า ๔-๕ ปีได้จบหนึ่งนี่อาตมาก็ว่าตัวเองเก่งตายชักแล้ว แต่หลวงพ่อวัดท่าซุงบอก ท่านพยายามอ่านให้ได้ปีละจบ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 18-02-2019 เมื่อ 01:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 28-11-2017, 09:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาตมาจะมีพระไตรปิฎก ๒ ชุดอยู่ในห้องนอน ก็คือชุดอรรถกถา ๙๑ เล่มของมหามกุฎราชวิทยาลัย กับชุดแปล ๔๕ เล่มของมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และยังมีฉบับประชาชน ฉบับแก่นธรรม ฯลฯ อะไรกันให้ยุ่งไปหมด รายละเอียดเยอะ

เราจำเป็นต้องศึกษาอยู่ตลอด แล้วจะเห็นว่าความลึกซึ้งของพระพุทธเจ้านั้นมีขนาดไหน ตรัสหลักธรรมทั้งหมด ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ไม่มีขัดกันเลย ทุกบทหนุนเสริมกันได้หมด ถึงได้บอกพระว่าเวลาบรรยายให้พระใหม่ ในส่วนของธรรมวิภาคพยายามโยงเนื้อหาเข้าหากันด้วย อย่างเช่นว่า ธรรมอันเป็นโลกบาลธรรม คือ ธรรมคุ้มครองโลก ได้แก่ หิริ โอตัปปะ ละอายชั่ว กลัวบาป ธรรมมีอุปการะมาก คือ สติ สัมปชัญญะ ดูแล้วคนละเรื่องคนละราวกัน แต่ถ้าคุณมีสติสัมปชัญญะ คุณจะมีหิริโอตัปปะ คนมีหิริโอตัปปะ ต้องมีสติสัมปชัญญะ แล้วเสร็จแล้วต่อไปไปที่ไหน ?

ถ้าหากว่าสมมุติว่าเราไปเรื่องของพระรัตนตรัย บุคคลที่มีสติสัมปชัญญะย่อมรู้ว่าพระรัตนตรัยดีอย่างไร บุคคลที่มีหิริโอตัปปะย่อมเคารพพระรัตนตรัย ไม่ฝืนคำสอนของท่าน ไปด้วยกันได้หมด อยู่ที่เราอธิบายอย่างไร ถึงได้พยายามย้ำกับพระที่ยกหน้าที่ครูสอนให้ท่านว่า พยายามอธิบายความเชื่อมโยงให้เห็นด้วยว่า พระพุทธเจ้าของเราเป็นอัจฉริยะมนุษย์อัศจรรย์ขนาดไหน ว่าหลักธรรมที่พระองค์ท่านเทศน์ไม่มีขัดกันเลย มีแต่หนุนเสริมกันทั้งหมด ไม่มีใครทำได้หรอก...เชื่อเถอะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 28-11-2017, 09:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "งานถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของอำเภอทองผาภูมิประชาชนไป ๘,๐๐๐ กว่าคนเท่านั้น แต่ว่ากันเช้ายันค่ำเหมือนกัน โดยเฉพาะพระวัดท่าขนุนที่บวชถวายพระราชกุศล ๙๙ รูป เขาจัดให้เข้าวางดอกไม้จันทน์ตอนเที่ยง ก็เลยไปยืนตากแดด พอตอนค่ำอาตมาทำพิธีสึกให้ ก็สงสัยว่าเขาไปทำอะไรมาวะ ไหล่ไหม้กันทุกคนเลย นึกไปนึกมา อ๋อ...ไปตากแดดกันมา

ที่เรารู้ว่าคนไป ๘,๐๐๐ กว่าคน เพราะว่านับจากดอกไม้จันทน์ คือดอกไม้จันทน์ของเราเตรียมไว้เท่าไรรู้ นับที่เหลือ ที่หายไปก็คือที่เผานั่นแหละ เพราะฉะนั้นรายงานยอดของทองผาภูมิจะเป็นยอดตามความเป็นจริง ก็คือมีเศษ แต่ของที่อื่นส่วนใหญ่เขาก็คงจะประมาณ ๆ เอา

อาตมาโดนไป ๒ วันเต็ม ๆ เนื่องจากว่าวันแรกที่ถวายพระเพลิงก็จะมีการสวดธรรมนิยาม อันนี้เขากำหนดมาเลยว่าสวดกี่บท อาตมาเองก็นั่งเป็นองค์ที่ ๓ จากทางท้าย ก็เลยต้องขัดบทธรรมนิยามให้เขา ปกติต้ององค์ที่ ๓ จากข้างหน้า แต่จากข้างหน้ามาทั้งหมดนี่ไม่มีใครสามารถ องค์ที่ ๓ จากข้างท้ายก็ต้องขัดแทน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-11-2017 เมื่อ 12:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 28-11-2017, 09:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สวดธรรมนิยามแล้วพอรุ่งขึ้นก็สวดพุทธมนต์ ถ้าเป็นชาวบ้านเขาเรียกฉลองอัฐิ ถ้าเป็นของพิธีหลวงเขาเรียกพิธีสามหาบ พิธีสามหาบอะไร ? หาบทอง หาบนาก หาบเงินใช่ไหม ?

พิธีกรรมเกี่ยวเนื่องด้วยเรื่องงานอวมงคล คือ ผู้ตาย ผู้วายชนม์ เขาพยายามหาคำที่เป็นมงคลมาใช้แทน กลายเป็นพิธีสามหาบ ชาวบ้านเขาเรียกพิธีเก็บกระดูก หมดเรื่องหมดราว

โดนอยู่ ๒ วัน ก่อนหน้านั้นช่วงจัดงานที่เหนื่อยที่สุดก็คือเจ้าคณะอำเภอ อาตมาเองก็ติดงานยาวเลย พี่ชายตาย ติดงานพิธีถวายพระเพลิง ต่อมาน้าสะใภ้ตาย จนกระทั่งหลวงพ่อพระครูใบฎีกาจำนง สัทธิโก เจ้าอาวาสวัดตลุงใต้มรณภาพ ท่านเป็นพ่อของท่านเจ้าคุณพระวิสุทธิพงษ์เมธี มรณภาพจัดงานศพอยู่ ๑๕ วัน ปลีกตัวไปไม่ได้เลย ไปได้วันเผา ก็ยังดีได้ไปเผาให้หน่อย แล้วช่วงที่จัดงานศพอยู่ก็ฝากเงินให้พระท่านไปเป็นเจ้าภาพสวดศพแทน

บางทีพรรคพวกเพื่อนฝูงแม้ว่าจะสำคัญ แต่คราวนี้งานพิธีหลวงก็ถือว่าสำคัญที่สุด โดยเฉพาะงานพิธีเดียวกันกับของในหลวงนี่ห้ามประชาชนจัดงานทับ อย่างเช่นว่า ถ้าเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษานี่ห้ามสวดศพ ถือว่าไม่เป็นมงคล ถ้าเป็นอาตมานี่ให้สวดเลย เพราะถือว่าเป็นมงคลใหญ่ เป็นการสวดพระอภิธรรม

พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์เป็นหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าเทศน์แล้วมีผู้บรรลุมรรคผลมากที่สุด ต้องบอกว่าพรหมเทวดา ๘๐ โกฏิ บรรลุมรรคผลเมื่อฟังพร้อมกับพระพุทธมารดา โบราณก็เลยใช้บทนี้ในการสวดขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน งานมงคลต่าง ๆ ใช้หมด มาถึงสมัยในหลวงรัชกาลที่ ๕ เขาเอามาสวดในงานของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2017 เมื่อ 19:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 28-11-2017, 09:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยนั้นตำแหน่งพระบรมราชเทวีเป็นตำแหน่งมเหสีเอก ตอนหลังถึงจะขยับขยายกันใหม่ ของเราก็คล้าย ๆ ประเทศจีน ที่มีตั้งมเหสีพระชายาเป็นชั้น ๆ ลงไป ของเราก่อนหน้านี้ก็มีพระบรมราชเทวี มีพระมเหสี มีพระราชชายา พระวรชายา ไล่ลงไป สมัยหลังก็นิยมที่จะทำตามแบบตะวันตก ก็คือมีคนเดียว ในสมัยในหลวงรัชกาลที่ ๖ ท่านก็เลยมีพระชายาหรือว่าพระมเหสีองค์เดียว เมื่อถึงเวลาไม่สามารถจะมีรัชทายาทให้ พระองค์ท่านก็หย่าแล้วจดทะเบียนใหม่

ฉะนั้น...เราจะเห็นว่าในหลวงรัชกาลที่ ๖ มีแค่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ราชสุดาพระองค์เดียว แล้วก็ต้องบอกว่าเป็นลูกที่พ่อไม่ได้เห็นหน้า พอได้ยินว่ามีพระประสูติกาลแต่ไม่มีเสียงประโคม แปลว่าเป็นลูกผู้หญิง เป็นเจ้าฟ้าหญิง พระองค์ท่านก็ เออ...ลูกผู้หญิงก็ดีเหมือนกัน เสร็จแล้วก็สวรรคตไปเลย ไม่ได้เห็นหน้า ลูกไม่ได้เห็นหน้าพ่อ พ่อก็ไม่ได้เห็นหน้าลูก

พอมานิยมผัวเดียวเมียเดียวตามแบบของทางตะวันตก ก็ถัด ๆ มาเราก็จะเห็นว่าในหลวงรัชกาลที่ ๗ ที่ ๙ ก็อยู่ลักษณะนั้น ก็คือมีพระบรมราชินีพระองค์เดียว อย่างสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีพระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗ แล้วก็มาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ตอนนี้ชาวบ้านก็คงใจจดใจจ่อว่าพระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๑๐ จะเป็นผู้ใด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 28-11-2017, 09:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เรื่องในรั้วในวังแต่โบราณมีกฎมณเฑียรบาลบังคับอยู่ ในปัจจุบันก็ยังมีกฎหมายเพิ่มเติมอย่างมาตรา ๑๑๒ เป็นอะไรที่ต้องระมัดระวังเพราะฝรั่งไม่เข้าใจ ที่เราไปเห็นคลิปหนึ่งที่ฝรั่งมีภรรยาเป็นคนไทย แล้วคุณภรรยาเธอแต่งตัวหรูหราฟู่ฟ่ามาก แกเข้าไปถวายบังคมพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ เจ้าหน้าที่กันไว้ คุณเธอก็ทะเลาะเบาะแว้งขึ้นเสียงกัน ขนาดคุณสามีพยายามจะดึงไว้แกก็ยังไม่ยอม แกก็เถียงฉอด ๆ

ต้องบอกว่าไม่รู้กาลเทศะ ไปอ้างสิทธิส่วนบุคคลซึ่งเป็นเรื่องของฝรั่งที่ไม่มีสถาบันที่เป็นที่เคารพอย่างของบ้านเรา อาตมาเองไปเข้าแถวรอ ไปเคารพศพประธานเหมา ยืนเข้าแถวยาวเป็นกิโลเป็นชั่วโมงได้ เจ้าหน้าที่เขาเดินมาถึงเขาชี้ที่เท้าแล้วก็ดึงออกไปเลย เพราะใส่รองเท้าแตะ ปล่อยให้เสียเวลาเข้าแถวอยู่ตั้งนาน อยากจะไปดูว่าผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นผู้นำของประชาชนเป็นพันล้าน เขาเก็บรักษาไว้อย่างไร

ปัจจุบันนี้เขายกท่านประธานาธิบดีสีจิ้นผิงเทียบเท่าประธานเหมากับท่านเติ้งเสี่ยวผิง เพราะว่ามีระบุเอาไว้ชัด เอ่ยนามอยู่ในกฎหมายหรือธรรมนูญของเขา ก็ต้องบอกว่าจริง ๆ ท่านประธานาธิบดีหรือจิ้นผิงเป็นผู้ที่มีความอดทนอดกลั้นมาก โดนอเมริกายั่วยุเท่าไรก็ไม่ออกทะเล แล้วคนยั่วยุก็ออกทะเลเสียเอง

โลกเราปัจจุบันนี้ทุกคนใจคอไม่ค่อยจะดี เพราะประธานาธิบดีอเมริกาเป็นคนปากไวและจุดเดือดต่ำมาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 29-11-2017, 08:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ได้ยินเสียงเรียก แต่ไม่เห็นตัวคนเรียก)
ตอบ : แล้วได้ขานไหม ? ถ้าไม่ก็แล้วไป เป็นอันว่าจบ เราถวายสังฆทานแล้วตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้าของเสียงหรือเจ้ากรรมนายเวร ได้ยินอย่างนั้นอย่าไปขานรับเชียวนะ ถ้าไม่ขานรับก็เป็นอันว่ารอดไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2017 เมื่อ 10:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 29-11-2017, 08:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ต้องเปลี่ยนชื่อไหมคะ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น เปลี่ยนชื่อมากี่คน ๆ ก็เห็นแย่เหมือนเดิม เพราะว่าไม่ยอมเปลี่ยนความประพฤติ ฉะนั้น...เรื่องเปลี่ยนชื่อจึงไม่จำเป็น ถ้าให้เกิดผลดีต้องเปลี่ยนการกระทำของเราเอง ทำแต่เรื่องดี ๆ แล้วทุกอย่างก็จะดีเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2017 เมื่อ 10:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 29-11-2017, 09:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่เขาโพสต์จองวัตถุมงคลหลายรายการ เขาเอาหมดจริง ๆ หรือคะ ?
ตอบ : เขาเอาจริง ๆ แต่พอแจ้งราคาไปเดี๋ยวก็รู้ว่าจะทำท่าอย่างไร อย่างบางคนจะเอาตะโพนหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ ของหลวงพ่อภักตร์นี่คนมีเงินยังหาไม่ได้เลย คราวที่แล้วออกไปลูกหนึ่ง ใครจะไปคิดว่าลูกแค่ปลายนิ้วก้อย คนกล้าสู้เป็นแสน ต่อให้มีเงินก็หาของไม่ได้

แต่ละคนที่ลงรายการขอบูชาไปได้คิดถึงราคาบ้างหรือเปล่า ? อาตมายังสงสัยอยู่ว่าพอแจ้งราคาแล้วจะสลบกันไหม ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2017 เมื่อ 10:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:30



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว