กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 10-09-2018, 20:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๑

ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือลมหายใจเข้าออกของเราไว้เฉพาะหน้า หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกของทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ มีญาติโยมมาถามปัญหาเรื่องที่ภาวนาแล้วเกิดอาการปีติ ร่างกายมือไม้ออกท่าออกทางไปหมด ทำให้รู้สึกอายคนอื่นเขา ก็ต้องบังคับให้ตัวเองหยุด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากเพราะว่าเราไปอายในสิ่งที่ไม่ควรละอาย

อย่าลืมว่าการปฏิบัติธรรมนั้น เป็นเรื่องของบุคคลที่เข้าถึงปรมัตถบารมี คือกำลังใจที่เข้มข้นสูงสุดแล้ว เพื่อแลกกับธรรมะแล้วส่วนใหญ่เขายอมตายถวายชีวิต อย่างที่เมื่อครู่เราสมาทานว่า "ข้าพเจ้าทั้งหลายขอมอบกายถวายชีวิตต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า"

คำว่า มอบกายถวายชีวิต ในที่นี้ก็คือแม้แต่ตายลงไปเพื่อแลกกับธรรมะเราก็ยินดี แต่พอมีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้นกับร่างกายเพียงหน่อยเดียว เราก็ไปอาย กลัวขายหน้าคนอื่น ว่าทำอาการเหมือนผีเจ้าเข้าสิง ทำอาการเหมือนกับคนบ้านั่งกรรมฐานแล้วรำอยู่คนเดียว ถ้าเรื่องแค่นี้เรายังอาย เรื่องหนักกว่านี้ถึงกับต้องแลกด้วยชีวิตเราจะทําได้อย่างไร ?

ฉะนั้น..ในเรื่องของการปฏิบัติภาวนา เรามีหน้าที่ภาวนา อะไรจะเกิดขึ้นกับร่างกายนี้ก็ช่างมัน เรากำลังทำความดีอยู่ ต่อให้เราให้ตายลงไปในขณะนี้เราก็ไปดี ถ้าสามารถตัดใจแบบนี้ได้ เราจะทรงสมาธิได้เร็วมาก โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่เข้าถึงอาการปีติ มีร่างกายโยกโคลง สั่น ดิ้น เต้น ออกท่าออกทางก็ดี หรือเห็นแสงเห็นสี ได้ยินเสียงต่าง ๆ ก็ตาม ถ้าเราปล่อยให้เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ เมื่อก้าวพ้นไปได้ จิตของเราจะทรงฌานได้ทันที แต่ถ้าหากว่าเรายังไม่สามารถที่จะปล่อยได้วางได้ สภาพจิตก็ทรงฌานไม่ได้สักทีเหมือนกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-09-2018 เมื่อ 08:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 12-09-2018, 19:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แม้แต่อาตมาที่อยากศึกษาจนกระทั่งรู้ว่าต้องทำอย่างไร ขนาดนั้นก็ยังนั่งภาวนาแล้วดิ้นตึงตังโครมครามอยู่ ๒ เดือนกว่า แล้วท่านทั้งหลายที่ไม่รู้วิธีก็ดี หรือว่ารู้แล้วกลัวอายกลัวตายก็ตาม ท่านอาจจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตติดอยู่แค่ระดับนี้ ไม่สามารถที่จะไปไหนได้

ดังนั้น..ในเรื่องของอาการปีติ ไม่ว่าจะเป็นขนลุก น้ำตาไหล ร่างกายโยกโคลง หรือว่าลอยขึ้นทั้งตัว หรือตัวพองตัวใหญ่ ตัวแตกตัวระเบิดอย่างไรก็ตาม เราต้องปล่อยให้เป็นไปจนเต็มที่ ถ้าหากว่าเต็มที่แล้วจะไม่เป็นอีก ยกเว้นว่าจะต้องเจอกับปีติตัวต่อไป กำลังใจจึงจะลดลงมาให้พบเห็น ซึ่งน้อยคนที่จะเป็นเช่นนั้น

อาตมาเองเรื่องขนลุกน้ำตาไหล ร่างกายโยกโคลงหรือว่าตัวลอย เกิดขึ้นล่วงหน้าไปเป็น ๑๐ ปีแล้ว กว่าที่อาการตัวพอง ตัวใหญ่ ตัวแตก ตัวระเบิด จะตามมา ต้องบอกว่ามาช้าไปเป็น ๑๐ ปีแต่ก็ยังมา เมื่อเป็นเช่นนั้นถ้าหากว่าท่านทั้งหลายมีวิสัยเป็นพุทธภูมิ ตั้งใจที่จะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณมาก่อน ท่านเหล่านี้จะต้องรู้ครบทุกอย่าง เพื่อเอาไปสอนคนอื่นเขาต่อ ถ้าอย่างนั้นท่านก็จะพบกับปีติทั้ง ๕ ตัว

แต่ถ้าสำหรับระดับสาวกภูมิทั่ว ๆ ไปบางคนไม่เคยพบเลยก็มี สภาพจิตทรงเป็นฌานก้าวข้ามปีติไปเลย บางท่านก็พบปีติ ๑ ตัว ๒ ตัว ๓ ตัว ไม่เคยพบครบ ๕ ตัว ขึ้นอยู่กับกำลังความเข้มแข็งของบารมีที่เราสร้างมา

ดังนั้น ขอให้ทุกคนระลึกอยู่เสมอว่า การบำเพ็ญภาวนาหรือการปฏิบัติธรรมนั้น ต้องแลกกันด้วยชีวิตจึงจะประสบความสำเร็จ ถ้าเรื่องแค่นี้เรายังกลัว เรายังอายอยู่ โอกาสที่จะทรงฌานแบบคนอื่นได้ก็ไม่มี อย่าว่าแต่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าเลย

ครั้งหน้าถ้าเกิดอาการทั้งหลายอย่างนี้ จงอย่าไปสนใจ ให้เราอยู่กับลมหายใจเข้าออก มาอยู่กับคำภาวนาของเรา ร่างกายจะเกิดอะไรขึ้นปล่อยให้เกิดขึ้นจนเต็มที่ พอก้าวพ้นไปได้เราจะทรงฌานได้เอง



ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๑

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2018 เมื่อ 20:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:35



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว