กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-10-2019, 19:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๒

ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกทั้งหมดของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ดังที่ได้กล่าวไว้ในช่วงสนทนาธรรมกับญาติโยมว่า พวกเราทั้งหลายในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เน้นการทำบุญ ซึ่งการทำบุญก็คือทานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสังฆทาน วิหารทาน หรือธรรมทานก็ตาม โดยเฉพาะช่วงนี้ก็คือถวายร่วมทำบุญกฐินวัดท่าขนุน และร่วมสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี

ถ้าถามว่ากฐินวัดท่าขนุนได้อานิสงส์อะไรบ้าง ? การถวายกฐินนั้นก็คือเราถวายผ้าเป็นทาน ถ้าหากว่าได้เกิดชาติใหม่เป็นผู้ชาย ถ้าได้รับการบวชโดยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เรียกว่าบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทา ก็จะมีจีวรสำเร็จด้วยฤทธิ์ปรากฏขึ้นให้นุ่งห่มพร้อมสรรพ ถ้าไปเกิดเป็นผู้หญิงก็จะมีเครื่องประดับที่เรียกว่า มหาลดาปสาธน์ เป็นเครื่องประดับที่งดงามอลังการมาก ราคาในสมัยพุทธกาลของเราคือ ๙ โกฏิ ถ้าเทียบกันตามมาตราส่วนปัจจุบันก็น่าจะประมาณ ๙๐ ล้านบาท

ในส่วนของการสร้างวิทยาลัยสงฆ์นั้น เป็นทั้งวิหารทานคือสร้างอาคาร เป็นทั้งธรรมทาน เพราะว่าเป็นอาคารสำหรับพระภิกษุสามเณรเล่าเรียนหนังสือ จึงเป็นวิหารทานและธรรมทานพิเศษ เพราะไม่ว่าพระภิกษุสามเณรใช้ในการเล่าเรียนกี่ครั้ง อานิสงส์ก็จะเกิดขึ้นแก่เราเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2019 เมื่อ 04:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 22-10-2019, 19:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่คราวนี้ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วว่า นี่เป็นแค่ทานเท่านั้น สิ่งที่ก่อให้เกิดบุญกุศลที่สูงกว่าทานยังมีการรักษาศีล ไม่ว่าจะศีล ๕ ศีล ๘ หรือกรรมบถ ๑๐ ก็ตาม ศีล ๕ เป็นคุณสมบัติของพระอริยเจ้าระดับพระโสดาบัน กรรมบถ ๑๐ เป็นคุณสมบัติของพระอริยเจ้าระดับสกทาคามี ศีล ๘ เป็นคุณสมบัติของพระอริยเจ้าระดับอนาคามี ศีล ๑๐ เป็นคุณสมบัติของพระอริยเจ้าระดับพระอรหันต์

ถามว่าพระท่านต้องมีศีล ๒๒๗ ข้อไม่ใช่หรือ ? ใช่...แต่ว่าศีลส่วนใหญ่นั้น พระพุทธเจ้าท่านสั่งห้ามไว้เพื่อเป็นการเอาใจชาวบ้าน เพราะชาวบ้านไปคิดว่าถ้าพระทำอย่งนั้นแล้วผิด ในเมื่อชาวบ้านมีความคิดความเชื่ออย่างนั้น ถ้าพระไปทำเข้า เขาก็จะตำหนิติเตียนและจะเกิดโทษกับตัวเขาเองได้

ถามว่าแล้วศีล ๑๐ แค่นั้นทำให้เข้าถึงพระอริยเจ้าในระดับพระอรหันต์ได้หรือ ? ก็ต้องดูสามเณรต่าง ๆ ในสมัยพุทธกาล สามเณรถือศีล ๑๐ ข้อ ทำไมเป็นพระอรหันต์กันมากมาย ?

การรักษาศีลนั้นมีอานิสงส์มากกว่าการให้ทานเป็นร้อยเท่า ดังนั้น ถ้าการให้ทานมีผลเป็นร้อย การรักษาศีลคูณร้อยก็มีผลเป็นหมื่น แต่สำคัญที่สุดก็ยังคงเป็นการภาวนา คือการที่เรามาปฏิบัติสมาธิกันอยู่ในปัจจุบันนี้ เป็นการควบคุมกาย วาจา และใจของเรา ให้สงบระงับ ไม่กระทำสิ่งอันเป็นเหตุที่ก่อให้เกิด รัก โลภ โกรธ หลง มหากุศลใหญ่จึงเกิดขึ้น และมีผลสูงกว่าการรักษาศีลเป็นร้อยเท่า

ก็แปลว่าการรักษาศีล ถ้าเปรียบกับทานแล้วมีผลเป็นหมื่น การเจริญภาวนาถ้าเปรียบกับทานแล้วก็มีผลเป็นล้าน แต่เราก็มักจะไปเน้นการให้ทาน โดยที่ลืมไปว่าถ้าเราต้องการอานิสงส์กันจริง ๆ แล้ว การรักษาศีลหรือการภาวนา มีอานิสงส์มากกว่ามหาศาล
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2019 เมื่อ 04:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 30-11-2019, 01:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ครูบาอาจารย์ท่านก็เตือนไว้ว่า ควรจะทำให้ครบทุกอย่าง เพราะว่าทานมีผลทำให้เกิดมาร่ำรวย ศีลมีผลทำให้เกิดมามีรูปสวย มีจิตใจดีงาม ภาวนาทำให้เกิดมามีปัญญาฉลาดมาก ถ้าเรามีทรัพย์ มีความร่ำรวย แต่ไม่มีความฉลาด ทรัพย์สินก็อาจจะสูญหาย..เสียหายไปได้ แต่ถ้าหากว่าเราเกิดมาร่ำรวย แต่หน้าตาไม่เอาไหน แถมยังไม่มีปัญญาอีก คุณสมบัติของเราย่อมมีข้อด้อยใหญ่หลวงปรากฏขึ้น

หรือว่าเราเกิดมาฉลาดแต่ไม่มีสตางค์ และซ้ำยังหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่อีกต่างหาก ก็คงไม่มีใครอยากจะคบหาด้วย ครูบาอาจารย์ท่านถึงได้ตักเตือนว่า
ถ้ายังต้องการอานิสงส์อยู่ ให้ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาไปด้วยกัน เพื่อที่ถึงเวลาแล้ว เมื่ออานิสงส์นั้นส่งผล เราจะได้มีทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์

จึงเตือนท่านทั้งหลายที่ส่วนใหญ่แล้วทำบุญเพื่อหวังให้เกิดสิ่งดีงามขึ้นในชีวิต การทำบุญเป็นเพียงทานเท่านั้น ต่อให้เป็นวิหารทานหรือธรรมทานก็ยังจัดอยู่ในระดับของทาน ถ้าเราหวังผลการเปลี่ยนแปลงในชีวิตอย่างแท้จริง ก็ให้รักษาศีลและเจริญภาวนาควบคู่ไปด้วย จึงจะบังเกิดผลตามที่เราต้องการ

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-11-2019 เมื่อ 02:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:21



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว