กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 21-08-2010, 12:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default สี่คนหาม สามคนแห่..?

ถาม : จริง ๆ แล้วชีวิตคนเรา อยู่ที่เรากำหนดเองหรืออยู่ที่กรรมกำหนด ?
ตอบ : เราทำกรรม แล้วกรรมนั้นเป็นตัวบังคับให้เป็นไป เคยได้ยินโบราณเขาว่าไหม ? สี่คนหาม สามคนแห่ หนึ่งคนนั่งแคร่ สองคนนำทาง

สี่คนหาม
ก็คือสภาพร่างกายของเรา ที่ประกอบด้วยธาตุ ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม สามคนแห่ คือ สภาพของความปกติธรรมดา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่ต้องมีกันทุกคน คนหนึ่งนั่งแคร่ คือตัวเราที่เป็นจิตอาศัยอยู่ในร่างกายนี้ สองคนนำทาง ก็คือ ความดีความชั่ว หรือบุญบาปที่เราทำสร้างเอาไว้ ถึงเวลาก็จะนำเราไป

ฉะนั้น..เราเป็นคนทำ ในเมื่อเราทำ ถึงเวลาผลดีผลชั่วส่งผลขึ้นมา เรากลับไปยินดีรับแต่ผลดี แล้วไม่ยินดีรับในสิ่งที่ไม่ดี ก็เลยทำให้สภาพจิตของเราดิ้นรน จนเกิดความทุกข์มากเป็นพิเศษ กลายเป็นว่าทุกข์เพราะเราไปดิ้นรนเอง

แต่ถ้าสภาพจิตเรายอมรับได้ว่า เราทำเราก็ต้องรับ ถ้าสภาพจิตยอมรับอย่างนั้น เห็นเป็นธรรมดา ความดิ้นรนมีน้อย ความทุกข์ก็จะน้อยไปด้วย

ฉะนั้น..ตอบคำถามของโยมตรง ๆ ก็คือ เราทำ แต่สิ่งที่เราทำนั้นส่งผลให้เราเป็น อย่างพรหมลิขิตก็คือตัวเราทำให้เป็นไปเอง

อยากจะได้ในสิ่งที่ดี ๆ แต่ไม่ทำสิ่งที่ดี ๆ ให้ต่อเนื่อง ไปทำดีบ้าง ทำชั่วบ้าง ถึงเวลาความดีมาสนองก็ยินดีรื่นเริงบันเทิงใจ ถึงเวลาความชั่วเข้ามาก็เดือดร้อนทุกข์ใจ รำคาญใจ กลายเป็นว่าสภาพจิตหาความเที่ยงไม่ได้ เดี๋ยวก็ฟูด้วยความยินดี เดี๋ยวก็ฟุบด้วยความยินร้าย ก็เท่ากับว่าเราสร้างทุกข์ให้แก่ตัวเองอยู่ตลอดเวลา

ถ้าหากสภาพจิตของเราเป็นกลาง มั่นคง ไม่ยินดียินร้ายตามอารมณ์ต่าง ๆ ได้ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็ไม่สามารถที่จะทำให้เราหวั่นไหวได้ พระพุทธเจ้าท่านเปรียบว่า เหมือนกับภูเขาหินที่เป็นแท่งทึบ แรงลมพัดมาเท่าไรก็ไม่หวั่นไหว ถ้าอย่างนั้นเราเองก็ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะบรรดาโลกธรรมและสุขทุกข์ต่าง ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2015 เมื่อ 12:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 114 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 21-08-2010, 12:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อฤๅษีท่านเคยเล่าเอาไว้ในปฏิปทาท่านผู้เฒ่าว่า เห็นคนจำนวนมากเดินทวนน้ำที่ไหลแรง แล้วทำท่าหมดแรงทวนน้ำไม่ไหว จะตายเสียให้ได้ ไปบอกเขาว่าให้เดินตามน้ำสบายกว่า แต่เขาก็ไม่ฟัง

ฉะนั้น..ในส่วนของบุคคลที่มั่นคงแล้ว มั่นคงในระดับต้นก็เหมือนหินใหญ่กลางน้ำ น้ำพัดมาก็ไม่หวั่นไหว ไม่ไหลตามน้ำไป น้ำแตกกระจายออกสองฟากข้างไปเอง

มั่นคงอีกระดับหนึ่งก็เหมือนกับมีตัวเองเป็นเกาะ ก็คือ ใหญ่ขึ้นมากกว่าหินทั่ว ๆ ไป สามารถที่เป็นพึ่งของคนหมู่มากให้อาศัยได้ แต่ก็ยังคงอยู่กลางน้ำ

มั่นคงในระดับที่พระพุทธเจ้าท่านต้องการ ก็คือขึ้นถึงฝั่ง แปลว่าพ้นจากน้ำโดยสิ้นเชิง ท่านทั้งสามประเภทนี้ไม่ว่าจะเป็นท่านที่เป็นหินใหญ่ก็ดี เป็นเกาะกลางน้ำก็ดี เป็นฝั่งก็ดี ถึงเวลาถ้าหากท่านเห็นเรายังเดือดร้อนอยู่ในกระแสน้ำ ก็พยายามที่จะช่วย

เพียงแต่ว่าพอท่านบอกวิธีการให้ เรามักจะไม่ค่อยทำกัน อาจจะเป็นเพราะว่าอันดับแรก ไม่รู้ตัวว่าตัวเองไหลอยู่กลางกระแสเชี่ยว ประการที่สอง รู้ตัว..แต่ไม่มีกำลังใจที่จะต่อสู้ดิ้นรนให้พ้นไป ส่วนประการสุดท้าย งอมืองอเท้ารอการช่วยเหลืออย่างเดียว ซึ่งอย่างนั้นเป็นไปไม่ได้

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่า สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ นาญฺโญ อญฺญํ วิโสธเย คนเราจะบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ต้องประพฤติปฏิบัติเอง บุคคลอื่่นจะทำให้อีกคนบริสุทธิ์นั้นไม่ได้ บอกวิธีให้ได้ แต่ไม่สามารถจะสวด จะเสกให้ได้ ต้องใช้ความพยายามพากเพียรด้วยของเราตัวเอง

แรก ๆ ก็ต้องเหนื่อยสาหัสเพราะว่าทวนกระแสโลก แต่พอเราสามารถที่จะต้านกระแสได้ ตัดกระแสผ่าน ข้ามกระแสพ้น เราก็จะไปสุขสบายอยู่บนฝั่ง ไม่ต้องไปดิ้นรนทวนกระแสจะเป็นจะตายอย่างคนอื่นเขา คราวนี้ก็คอยชี้ทางให้เขา บอกเขาว่ามาทางไหนจึงจะรอด แต่ส่วนใหญ่บอกแล้วก็ไม่ค่อยฟัง หรือฟังเหมือนกันแต่ไปทำอีกอย่างหนึ่ง..!


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงบ่าย ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๓
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2015 เมื่อ 12:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 112 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ

Tags
กรรม, สามคนแห่, สี่คนหาม


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:14



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว