กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องบูรพาจารย์ > ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน

Notices

ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน รวมประวัติ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์อันเป็นที่เคารพจากทั่วเมืองไทย

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #41  
เก่า 08-02-2010, 20:46
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

๑๐ วัน อันทรหดอดทนทั้งครูบาธรรมชัยที่นั่งเจริญสมาธิภาวนาสงบนิ่ง ชาวบ้านทั้งหลายทั้งปวงผู้ห่วงใยท่านจนบอกไม่ถูก และช้างร้ายที่ลังเลไม่กล้าก้าวข้ามวงล้อมของสายสิญจน์แต่ก็ไม่ยอมผละไปไหน ยังเที่ยวหากินอยู่ในบริเวณนั้น อิ่มหนำสำราญดีแล้วก็ย้อนกลับมาทำกิริยางุ่นง่านฮึดฮัดแถวรอบ ๆ กลด

ครูบาธรรมชัยอาศัยหยดน้ำที่เหลือเศษน้อยนิดในกาเพียงกลั้วปากให้ชุ่มชื่น และเจริญเมตตาภาวนาแผ่ส่วนกุศลให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย รวมถึงช้างตกมันตัวนั้นด้วย คืนแล้ววันเล่าที่ท่านทำอยู่เช่นนั้น

กระทั่ง ๑๕ วันอันยาวนานเหมือนผ่านไปหนึ่งชาติ

ลุถึงเช้าวันที่ ๑๕ นับตั้งแต่ช้างร้ายกักบริเวณครูบาธรรมชัยไว้ในปริมณฑลอันเท่าวงล้อมของสายสิญจน์ ผลที่สุดสิ่งที่เรียกกันว่า "อาการตกมัน" บรรเทาเบาบางจนหายไปจากร่างของช้างร้าย มันละพยศสร่างความคลั่งเหมือนช้างบ้าดีเดือด ควาญช้างผู้เจนจบในเรื่องของช้างทราบดีว่าเข้าใกล้มันได้เมื่อไหร่ จึงเข้าไปพูดจาปลอบโยนประเล้าประโลมและพามันเดินออกไปจากป่าช้า "สันปูเลย" โดยสงบเสงี่ยมน่ารักน่าเอ็นดู ต่างจากตอนเป็นช้างตกมันลิบลับ

ศรัทธาญาติโยมอ่อนระอาแทบไม่มีผู้ใดคอยไปเฝ้าดูสถานการณ์ซึ่งกินระยะเวลายาวนานถึงขั้นเหลือเชื่อคือ ๑๕ วัน เมื่อรู้ข่าวว่าช้างถูกนำตัวกลับออกไปจากป่าช้า จึงรีบพากันแห่แหนเข้าไปดูครูบาธรรมชัยที่กลด สงสัยว่าท่านอาจถูกทำร้ายจนถึงแก่มรณภาพ หรืออดทั้งอาหารและอดน้ำจนมรณภาพไปแล้ว คือธรรมดาของคนเราทั่วไป อดอาหารสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ๗ - ๑๐ วัน แต่อดน้ำนานที่สุดแค่ ๓ วัน ชีวิตก็หลุดออกจากร่าง

สภาพที่ชาวบ้านเห็นประจักษ์กับสายตาตนเองคือ.....

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 09-02-2010 เมื่อ 21:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 100 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #42  
เก่า 09-02-2010, 21:24
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

ครูบาธรรมชัยเดินจงกรมในลักษณะกิริยาสำรวมระวังเป็นปกติ ผิวพรรณวรรณะผ่องใสไม่หมองคล้ำ ท่าทางยังคึกคักกระฉับกระเฉง ไร้วี่แววว่าจะอ่อนเพลียเจียนเป็นเจียนตายเพราะอดข้าวอดน้ำแต่อย่างใดทั้งสิ้น

นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ชาวบ้านไม่ได้เห็นกับตาตนเองจะไม่ยอมเชื่อเป็นอันขาด ว่าพระภิกษุสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึง ๑๕ วัน ไม่ต้องฉันข้าวดื่มน้ำ เหมือนร่างกายทำด้วยเหล็กไหลกระนั้น

ทุกคนก้มลงกราบนมัสการด้วยความเลื่อมใสศรัทธา พร้อมกันนั้นก็โล่งอกไปตาม ๆ กัน เมื่อเห็นท่านยังอยู่ดีเป็นปกติสุข ท่ามกลางความปีติยินดีเป็นล้นพ้นของพวกชาวบ้าน ครูบาธรรมชัยกล่าวกับพวกเขาเหล่านั้นว่า

"เฮาพ้นคอกแล้ว เขาขังเฮาอยู่ในป่าช้า ๑๕ วัน เพราะชาติก่อนเฮาเคยทำเขามา จึงต้องชดใช้หนี้กรรมให้เขาในชาตินี้"

ชาวบ้านพากันนำอาหารใส่ถ้วยจานเข้ามาถวายครูบาธรรมชัย ท่านฉันได้เพียงเล็กน้อย เพราะร่างกายที่อดอาหารมาถึง ๑๕ วัน ยังไม่คุ้นชินกับการดื่มกิน

หลังจากท่านถอนกลดจาริกธุดงค์อำลาไป ป่าช้า "สันปูเลย" ที่เคยอึกทึกครึกโครมตอนมีช้างเข้ามาอาละวาดก็ย้อนกลับเข้าสู่สภาพเดิม คือเริ่มมีวัชพืชกับต้นหญ้าขึ้นรกชัฏ ชาวบ้านคร้ามเกรงไม่กล้าเดินผ่านในเวลากลางวัน ยิ่งเวลากลางคืนแทบไม่ต้องเอ่ยถึง คือไม่มีผู้ใดย่างกรายเฉียดใกล้ป่าช้าเด็ดขาด

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 13-02-2010 เมื่อ 20:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 105 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #43  
เก่า 13-02-2010, 20:54
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

ครูบาธรรมชัยได้รับนิมนต์ให้ไปจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำตับเตา อำเภอฝาง

เนื่องด้วยทางคณะสงฆ์เห็นว่าถ้ำตับเตาชำรุดทรุดโทรมลงมาก สมควรที่จะได้พระภิกษุผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีชื่อเสียงดีงามเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนทุกหมู่เหล่า มาช่วยบูรณะปฏิสังขรณ์ให้ถ้ำตับเตาอันเสื่อมโทรมแข็งแรงคงทนถาวรสืบไป


พิจารณากันรอบคอบถี่ถ้วนแล้ว คณะสงฆ์ทางภาคเหนือลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า "ครูบาธรรมชัย" เหมาะสมที่สุด ในการดำเนินงานพระศาสนาครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี

ถ้ำตับเตาคืออะไร.....

ถ้ำตับเตาเป็นโบราณสถานแห่งชาติอันสำคัญแห่งหนึ่ง อยู่ทางภาคเหนือของแผ่นดินสยาม มีชาวไทยและชาวต่างชาติไปนมัสการเยี่ยมเยียนสม่ำเสมอทุกฤดูกาล ทุกวันนี้เป็นสถานที่เคารพสักการะของเหล่าพุทธศาสนิกชนทั้งหลายทั้งปวง

ก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ หรือที่คนภาคพื้นนี้เรียกกันว่า "สงครามมหาเอเชียบูรพา" พวกชาวไทยใหญ่ (เงี้ยว) และพวกชาวหลวงพระบาง ชาวนครเวียงจันทน์ พากันเดินทางรอนแรมมาถวายสักการะอยู่เนืองนิตย์

รูป
ชนิดของไฟล์: jpg picture_152255210292.jpg (58.4 KB, 813 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-02-2010 เมื่อ 00:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 94 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #44  
เก่า 14-02-2010, 19:22
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

คำว่าถ้ำ "ตับเตา" เดิมเรียกกันว่า "ถ้ำตั๊บเต้า" ตามภาษาเหนือตรงกับภาษากลางว่า "ถ้ำทับเถ้า" หรือ "ถ้ำทับขี้เถ้า"

ผู้คนชนชาวแถบถิ่นเหนือนิยมพูดถ้อยคำให้สั้นเช่น ถ้ำตั๊บขี้เต้า (ถ้ำทับขี้เถ้า) ตัดคำให้สั้นกระชับลงเป็น ถ้ำตั๊บเต้า (ถ้ำทับเถ้า) แต่คนภาคพื้นอื่นเรียกไปอีกอย่างว่า ถ้ำตับเตา

ตำนานความเป็นมาของถ้ำตับเตา มีอยู่ใน "ศิลาจารึก" ที่ถ้ำจำนวน ๓ แผ่น เป็นตัวหนังสือพื้นเมืองเก่าแก่โบราณเนื้อความยาวเหยียด สรุปโดยย่นย่อมีอยู่ว่า

สมัยอดีตกาลอันนานมาแล้ว ยังมีพระอรหันต์ผู้สิ้นอาสวะกิเลสโดยชอบ ตามนัยแห่งองค์พระเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสั่งสอนไว้ พระอรหันต์องค์นั้นเสด็จมาบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ ณ ที่หน้าถ้ำแห่งนี้ อยู่ต่อมาเมื่อสังขารอันไม่เที่ยงแท้แน่นอนเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา พระอรหันต์องค์นั้นเสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพานอันบรมสุขนิจนิรันดร์ ณ หน้าถ้ำแห่งนี้

เทพยดากับเทพเจ้าทุกสรวงสวรรค์ชั้นวิมาน เหล่ารุกขเทวาผู้สถิตอยู่ในป่าเขาเถื่อนถ้ำ ได้พากันเหาะมาถวายเพลิงพระสรีระองค์อรหันต์ตรงหน้าถ้ำแห่งนี้ เพลิงทิพย์ซึ่งเกิดจากอำนาจฤทธาภินิหาริย์ของทวยเทพเทวาทั้งหลายทั้งปวง ที่ร่วมกันเผาธาตุขันธ์พระอรหันต์ ได้ลุกลามไหม้ป่าใหญ่กินบริเวณกว้างไกลไปถึง ๓ กิโลเมตร กว้าง ๒ กิโลเมตร

นอกจากนั้นอำนาจเพลิงทิพย์อันเหนือกว่าไฟธรรมดายังลุกไหม้ลึกลงไปใต้พิภพ มีพลังอำนาจความร้อนแรงกล้าเกินที่จะหาสิ่งใดมายับยั้งอัคคีในคราวนี้ได้ เดือดร้อนไปถึงอาณาจักรใต้บาดาลของพญานาคราช ต้องกะเกณฑ์เหล่านาคากับนาคีหรือนาคหญิงชายให้เร่งรุดไปพ่นน้ำอาถรรพ์จากปากดับพิษไฟที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจของเหล่าเทพยดา

ผลที่สุด ด้วยอิทธิฤทธิ์ที่มีขึ้นเองตามธรรมชาติของผู้ถือกำเนิดในภพพญานาค ทำให้ไฟจากอำนาจของเหล่าเทพยดาที่ลุกลามใกล้จะถึงพิภพพญานาคดับมอดสนิทลง

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 15-02-2010 เมื่อ 21:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 93 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #45  
เก่า 15-02-2010, 21:32
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

ด้วยเหตุอันลี้ลับมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเมื่อสมัยดึกดำบรรพ์อันไกลโพ้น คือบริเวณหน้าถ้ำตับเตา จึงปรากฏเป็นสีเหมือนขี้เถ้ามาตราบถึงทุกวันนี้...

ตำนานเก่าแก่ของคนโบราณ นักปราชญ์โบราณมักซ่อนเงื่อนปมอย่างลึกซึ้งเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังขบคิดตีความกันเอง ข้อเท็จจริงจะอย่างไรก็ต้องเป็นข้อเท็จจริงวันยังค่ำ

เมื่อมาดูแลประจำอยู่ที่ถ้ำตับเตา ซึ่งเก่าแก่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ครูบาธรรมชัยได้ช่วยบูรณปฏิสังขรณ์ ปลูกสร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ อยู่นานถึง ๕ ปีเต็ม สิ้นแรงกายแรงใจไปมากมายมหาศาล สิ้นเงินไปถึง ๑๔๓,๙๐๐ บาท ซึ่งถือเป็นเงินก้อนใหญ่มากในสมัยนั้น

ถ้ำตับเตาที่เคยรกร้างปรักหักพัง ยามค่ำคืนเป็นสถานที่น่าสะพรึงกลัวของศรัทธาสาธุชน จึงเปลี่ยนโฉมเป็นสถานที่น่าท่องเที่ยวชมปูชนียวัตถุและสิ่งแปลกที่มีอยู่ทั่วบริเวณ น่าเคารพกราบไหว้ ไม่มีผู้ใดนึกคร้ามเกรงในการที่จะเดินทางไปถ้ำตับเตาอีกต่อไป

บริเวณหน้าถ้ำร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ปลูกไว้เป็นแถวเป็นแนว มีนกน้อยนานาพันธุ์ส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้วสดใสไพเราะ กระโดดโลดเต้นหาอาหารไม่กลัวผู้คน มีลิงค่างห้อยโหนอยู่ตามคบไม้ มีชะนีห้อยโหนโยนตัวไปมาจากไม้ต้นหนึ่งไปยังต้นไม้อีกต้นหนึ่ง เหมือนธรรมชาติอันแท้จริงที่มีอยู่ในป่าเขาลำเนาไพร

ผู้ได้ไปเยือนถึงถ้ำตับเตาหลังจากการบูรณปฏิสังขรณ์ จะรู้สึกเสมือนได้พบสถานที่พิเศษสุด สงบสงัดประกอบไปด้วยสิ่งเป็นธรรมชาติ งดงาม เจริญหูเจริญตา สามารถบันดาลดลให้จิตใจเกิดความสุขได้เองเหมือนผู้ทรงศีลในทันที

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 16-02-2010 เมื่อ 19:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 91 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #46  
เก่า 16-02-2010, 20:01
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

ถ้ำตับเตาแบ่งออกเป็น ๒ ถ้ำสำคัญ

คือถ้ำแจ้งแห่งหนึ่ง กับถ้ำมืดอีกแห่งหนึ่ง.....

เส้นทางทอดไปสู่ถ้ำแจ้งเป็นบันไดก่ออิฐถือปูน สูงประมาณ ๕๐ ขั้น มีศาลามุงกระเบื้องขึ้นไปถึงบนปากถ้ำแจ้ง มีรูปปั้นของบรมครูทางการแพทย์สมัยพุทธกาล "ท่านชีวกโกมารภัทร" ประดิษฐานอยู่ตรงปากถ้ำ

พระประธานภายในถ้ำแจ้งเป็นพระพุทธรูปหน้าตักกว้าง ๙ วา ๒ ศอก สูง ๑๓ วา ๒ ศอก ถือว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ

หน้าองค์พระพุทธรูปขนาดใหญ่อันเป็นพระประธาน มีพระธาตุแห้ง (เจดีย์) และพระเจ้าทันใจหนึ่งองค์

ด้านหลังของพระประธาน ห่างออกไปเพียงเล็กน้อยมีบันไดสูง ขึ้นไปยัง "ถ้ำปราสาท" และถัดจากองค์พระประธานไปมีพระพุทธไสยาสน์ความยาวประมาณ ๕ วา

หินศิลาจารึกเกี่ยวกับตำนานของถ้ำตับเตา จำนวน ๓ แผ่นก็อยู่ที่นี่





รูป
ชนิดของไฟล์: jpg tour-north-091.jpg (70.0 KB, 816 views)
ชนิดของไฟล์: jpg a3a80402095574929fadfc424fcc3bed.jpg (55.5 KB, 816 views)
ชนิดของไฟล์: jpg tour-north-094.jpg (88.2 KB, 809 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 18-02-2010 เมื่อ 22:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 88 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #47  
เก่า 18-02-2010, 22:27
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

ครูบาธรรมชัยยังบูรณปฏิสังขรณ์ให้ถ้ำแห่งนี้ มีความสวยงามพิสดารอีกมากมายหลายแห่ง

ถ้ำมืดอาถรรพ์.....

ถ้ำมืดอยู่ห่างจากถ้ำแจ้งขึ้นไปทางทิศเหนือประมาณ ๓๐๐ เมตรหน้าถ้ำมีบันไดก่ออิฐถือปูนขึ้นไปเช่นเดียวกัน

ถ้ำมืดแห่งนี้ลึกกว่าถ้ำแจ้งมากมายหลายเท่า ประมาณว่าลึกถึง ๖๐๐ เมตร หรือร่วม ๑ กิโลเมตร เมื่อก้าวเดินไปภายในถ้ำไม่ลึกเท่าใด แสงสว่างจากภายนอกจะถูกหักเหจนมีแต่ความทึมทะมึน ยิ่งเดินลึกเข้าไปประมาณ ๑๐๐ เมตร จะมองไม่เห็นแม้แต่ร่างกายตนเองเหมือนตามืดบอดชั่วคราว

ผู้ที่ก้าวเดินเข้าไปยังส่วนลึกของถ้ำ จำจะต้องมีตะเกียงเจ้าพายุช่วยส่องสว่าง หรือใช้คบเพลิงขนาดเขื่อง ไฟฉายนำมาใช้ไม่ค่อยได้ผลอย่างแปลกประหลาด จะมีแสงเพียงเลือนรางไม่สว่างเท่าที่ควร ภายในถ้ำยังมีเหวลึกเรียงรายอยู่ตามเส้นทางหลายแห่ง ดีไม่ดีผู้ใช้ไฟฉายมีหวังพลัดตกลงไปในเหวลึกเสียชีวิตไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

นอกจากอันตรายตามธรรมชาติคือเหวที่มีอยู่หลายแห่งในถ้ำแล้ว ยังมีงูแอบซุ่มซ่อนอยู่ทั่วไปตามซอกหินหลืบหิน สามารถพบได้ทุกย่างก้าว การเดินเหินต้องระมัดระวังตัวแจ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 19-02-2010 เมื่อ 22:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 85 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #48  
เก่า 19-02-2010, 22:20
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

เมื่อขึ้นไปถึงปากถ้ำมืด ต้องไต่ลงไปตามขั้นบันไดในแนวดิ่ง ลึกประมาณ ๑๒ ขั้น พ้นจากขั้นบันไดจะพบพระพุทธรูปหลายองค์ ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ผ่านจากสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ลึกเข้าไปอีก จะเป็นเส้นทางสูง ๆ ต่ำ ๆ และแคบ ๆ ประกอบไปด้วยเหวลึกอยู่ประชิดทางแคบ ๆ หลายแห่ง หากพลัดตกลงไปในเหวลึก ก็หมดหวังที่จะเอาชีวิตรอดกลับไปจากถ้ำแน่นอน

ครูบาธรรมชัยเล่าว่า ผู้มีจิตสกปรกหยาบช้าหนาไปด้วยกิเลส บังอาจแสดงทีท่าหยาบช้าอนาจารภายในถ้ำ เมื่อผ่านหุบเหวมาได้อย่างหวาดเสียว จะเผชิญหน้ากับฝูงงูลึกลับจำนวนนับไม่ถ้วน มีทั้งงูเห่า งูจงอาง งูเขียวหางไหม้ ขนาดเท่าท่อนแขนผู้ใหญ่เป็นอย่างเล็ก นอกจากนั้นยังมีงูเหลือม งูหลาม ตัวขนาดเท่าโคนขาผู้ใหญ่ขึ้นไป เลื้อยคลานอยู่ยั้วเยี้ยทั่วโพรงถ้ำ ปรากฏมีแม้ซอกมุมที่ไม่นึกจะมี แสดงว่าผู้ทรงอำนาจในแดนอาถรรพ์มีความรังเกียจ ไม่ต้องการให้บุคคลสันดานชั่วช้าสารเลว ผ่านเข้าสู่เขตหวงห้าม

หากกล้าก้าวเข้าไปอีก ฝูงงูจำนวนนับไม่ถ้วนจะทำอันตรายโดยไม่รอช้า ผู้มีสันดานชั่วช้าถึงจะไม่ยอมรับหรือปิดบังคนธรรมดาได้ แต่สิ่งลึกลับผู้ทรงอำนาจภายในถ้ำมีฤทธิ์เดชมหาศาล รู้สันดานมนุษย์ได้ในทันทีที่เหยียบย่างถึงหน้าปากถ้ำ ผู้แอบมีนิสัยเลวทรามอย่างลอบเร้นสายตาคนธรรมดา ต้องรีบเผ่นออกจากบริเวณนั้นโดยด่วน ก่อนที่มหาภัยจะมาถึงตัว

ถ้ำมืดจึงเป็นถ้ำลี้ลับอันแฝงไปด้วยอาถรรพ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น

เมื่อครั้งถ้ำตับเตาโดนเผาผลาญบริเวณหน้าถ้ำด้วยเพลิงทิพย์ของทวยเทพเทวา พญานาคราชแห่งอาณาจักรใต้พื้นพิภพ ตรัสสั่งให้ปวงบริวารทั้งนาคชายและนาคหญิง ขึ้นมาจากเมืองบาดาลเพื่อพ่นน้ำดับไฟทิพย์ของเหล่าเทพยดา เส้นทางของพญานาคเหล่านั้นต้องผ่านมาทางถ้ำมืด งูที่มีอยู่ภายในถ้ำย่อมจะต้องเป็นเหล่าบริวารของพญานาคราชมาเฝ้าคอยระแวดระวัง ผู้ใดไม่มีบุญวาสนาแท้จริง จะผ่านฝูงงูผู้ควบคุมเส้นทางไปไม่ได้เด็ดขาด และเข้าไปแล้วจะกลับออกมาได้หรือเปล่าก็ไม่รู้

แต่ครูบาธรรมชัยผ่านฝูงงูเข้าไปได้โดยปลอดภัยไร้อันตราย ลึกเข้าไปภายในโพรงถ้ำหลังผ่านจากฝูงงู มีประตูเรียกว่า "ประตูลอดบาป" เป็นจุดอาถรรพ์อันตรายที่สุดของถ้ำมืด

รูป
ชนิดของไฟล์: jpg tour-north-105.jpg (58.3 KB, 766 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 20-02-2010 เมื่อ 22:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #49  
เก่า 20-02-2010, 22:37
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

ไม่ว่าผู้ใดก็ตามเมื่อผ่านเข้ามาถึงประตูลอดบาป เป็นต้องเผชิญหน้ากับพญางูใหญ่ ม้วนขนดขดตัวขวางเส้นทางเอาไว้ แค่พบเห็นความมหึมา ผู้ที่เผชิญหน้าก็เข่าอ่อนด้วยความขนพองสยองเกล้า

ตามตำนานระบุไว้ว่า.....

"ปุคคละ..อันว่าบุคคลใด ที่มีจิตไม่เป็นบุญเป็นกุศล พูดจาสกปรกหยาบคายไม่เป็นมงคล ไม่เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง จะมีพญางูน้อยใหญ่มานอนขวางทาง ไม่ยอมให้บุคคลนั้นลอดบาป ผ่านเข้าไปในถ้ำด้านในได้เลย"

ครูบาธรรมชัยผ่านเข้าไปถึงส่วนลึกที่สุดของถ้ำ ซึ่งสงบสงัดวิเวกวังเวง แสงสว่างแม้สักเท่าหัวเข็มหมุดก็ไม่มีให้เห็น บรรยากาศเปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นไอความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์

ที่แห่งนี้อยู่ลึกเข้าไปเกือบถึงใจกลางขุนเขา มีสิ่งมหัศจรรย์อันลี้ลับไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระธาตุน้ำ หรือเจดีย์น้ำอันนุ่มนิ่ม มีบ่อน้ำทิพย์ที่ว่ากันว่า ดื่มกินเข้าไปแล้วล้างบาปล้างกรรมได้(ตามตำนานว่าไว้) มีพระธาตุน้ำผึ้ง ซึ่งถ้าหากเอานิ้วมือแตะดูและกดลงจะเป็นรอยบุ๋มตามแรงกดทันที ครั้นยกนิ้วมือออกก็จะพองกลับขึ้นมาเหมือนดังเดิม


ยังมีพระพุทธรูปปางสมาธิ มีชื่อเรียกขานกันว่า "พระเจ้าเนื้อนิ่ม" ที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีใครเทียม องค์พระพุทธรูปเนื้อนิ่มไปทั้งองค์ เหมือนทำด้วยใยไหมบางเบาเหนียวแน่น แล้วบรรจุน้ำใสบริสุทธิ์ไว้ข้างในกระนั้น ไม่ว่าจะสัมผัสส่วนใดขององค์พระ จะนิ่มนวลเหมือนเนื้อคนจริง ครั้นละมือออกมา ก็จะนูนเต็มขึ้นมาดังเดิมอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่ตามความเป็นจริง องค์พระพุทธรูปก่อขึ้นด้วยสิ่งแข็งแกร่ง เป็นถาวรวัตถุมงคลอันศักดิ์สิทธิ์ มีอานุภาพประหลาดมหัศจรรย์เป็นล้นพ้น
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg tour-north-110.jpg (85.3 KB, 714 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 23-02-2010 เมื่อ 14:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 88 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #50  
เก่า 21-02-2010, 17:30
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

ครูบาธรรมชัยกล่าวว่า หากผู้ใดบุกบั่นเข้ามาถึงองค์พระพุทธรูปเนื้อนิ่มได้สำเร็จ จะอธิษฐานขอสิ่งดีงามประการใด จะสมปรารถนาดังประสงค์แน่นอนสมใจนึก

ที่ผนังถ้ำถัดจากพระพุทธรูปที่เรียกขานพระนามว่า "พระเจ้าเนื้อนิ่ม" มีรูปปั้นเด็กชายกับเด็กหญิง นั่งบ้างยืนบ้าง เรียงรายอยู่คนละแถบของคูหาถ้ำ ลักษณะเป็นรูปปั้นเก่าแก่ดึกดำบรรพ์โบร่ำโบราณ แสดงลักษณะเป็นเหล่าลูกทวยเทพเทวา ถ้าผู้ใดสามารถเข้าไปพบเห็นเด็กชายกับเด็กหญิงเหล่านี้ พึงอาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สะอาดบริสุทธิ์ ทำจิตให้ปลอดโปร่งปราศจากมลทินทางใจ สมาทานศีล ๕ อย่างเคร่งครัดไม่คลอนแคลน

จากนั้นนำดอกไม้ ธูปเทียน มากราบไหว้ถวายสักการะนมัสการองค์พระพุทธรูป "พระเจ้าเนื้อนิ่ม" ตั้งจิตขอลูกเทวดาเหล่านั้นจากท่าน (ถ้าผู้นั้นประสงค์จะมีบุตร) เสร็จแล้วให้ถือดอกไม้เดินไปทางเด็กชายกับเด็กหญิงที่วางเรียงกันอยู่คนละแถบของคูหาถ้ำ ชอบคนไหนรักเด็กลักษณะหน้าตารูปร่างอย่างไร เมื่อถูกตาต้องใจดีแล้ว ให้วางดอกไม้ลงที่เด็กคนนั้น บอกกล่าวเชื้อเชิญให้ไปเป็นบุตรหลานของตน จะสมหวังดังจิตปรารถนาอย่างน่าอัศจรรย์

ครูบาธรรมชัยจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำตับเตาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๒ นานถึง ๕ ปีเต็ม ดูแลบูรณปฏิสังขรณ์สิ่งปรักหักพัง ชำรุดทรุดโทรม จนกระทั่งเปลี่ยนจากสถานที่อันมีบรรยากาศน่าสะพรึงกลัว ให้กลับมาเป็นแหล่งรื่นรมย์ตามธรรมชาติ ท่านได้รับเสียงชื่นชมอนุโมทนาสาธุการทั้งจากฝ่ายคณะสงฆ์ ฝ่ายทางราชการและประชาชนชาวภาคเหนือทุกหมู่เหล่า

จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๗ คณะศรัทธาญาติโยมชาวบ้าน "ทุ่งหลวง" ตำบลแม่แตง ได้พร้อมใจกันเดินทางมาอาราธนานิมนต์ครูบาธรรมชัยให้ไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดทุ่งหลวง ท่านได้รับนิมนต์ด้วยความยินดี ช่วยปรับปรุงวัดทุ่งหลวงที่เคยเป็นสำนักสงฆ์เล็ก ให้เป็นวัดใหญ่โตสวยงามวิจิตรตระการ มีถาวรวัตถุครบถ้วน เป็นหน้าเป็นตาของเมืองเชียงใหม่ขึ้นอีกวัดหนึ่ง

หลวงปู่ครูบาธรรมชัยเป็นพระผู้ทรงอภิญญาสมาบัติยอดเยี่ยม ซึ่งพระอริยสงฆ์องค์สำคัญแห่งยุค เช่น หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี หลวงปู่สิม พุทธจาโร และหลวงปู่หลวงพ่อองค์สำคัญอีกหลายองค์ ยอมรับว่าท่านเป็นพระเถระผู้สูงส่งไปด้วยเมตตาธรรม บำเพ็ญบารมีทางพระโพธิสัตว์ เพื่อไปอุบัติเป็นพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง ในอนาคตอันไกลโพ้น

ดังนั้นท่านจึงเป็นพระทรงอภิญญาผู้แผ่เมตตาบารมีแก่สัตว์โลกทุกหมู่เหล่าไม่เลือกว่าเป็นสัตว์ดีหรือสัตว์ร้าย คนดีหรือคนร้าย คนยากคนจน เศรษฐีร่ำรวยทรัพย์นับพันล้าน หรือคนจนหาเช้ากินเช้า ตอนเย็นยังไม่รู้ว่าจะกินอะไร หลวงปู่ครูบาธรรมชัยจะเมตตาเสมอเหมือนเท่าเทียมกันหมดไม่เลือกที่รักมักที่ชัง

เรื่องราวของหลวงปู่ครูบาธรรมชัยกับความลี้ลับของป่าก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้


ที่มา หนังสือ "พระผู้บรรลุภพพญานาคราช"
เรียบเรียงเรื่องโดย ไชยพงศ์


ภาพประกอบจากเว็บบอร์ดรถไฟไทย
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 96 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #51  
เก่า 22-02-2010, 23:14
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

ประวัติของครูบาธรรมชัย ในเวลาต่อมา จากเว็บประตูธรรม

จากนั้นมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ ชาวคณะบ้านทุ่งหลวง ตำบลแม่แตง อำเภอแม่แตง ได้พร้อมใจกันมาอาราธนานิมนต์ครูบาธรรมชัยให้ไปจำวัด ณ บ้านทุ่งหลวง เพื่อไปเป็นหลักชัยแก่คณะศรัทธาประชาชนในถิ่นลำเนานั้น และได้นมัสการขออนุญาตจากทางการคณะสงฆ์อีกด้านหนึ่งด้วย มีเจ้าคณะอำเภอฝาง เป็นต้น เมื่อครูบาธรรมชัยยอมรับนิมนต์ด้วยความยินดี ทางฝ่ายคณะสงฆ์ก็อนุญาตให้ย้ายไปอยู่วัดทุ่งหลวงได้ไม่ขัดข้อง

ครูบาธรรมชัยเดินทางมาอยู่ทุ่งหลวงเมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๔๙๗ วัดทุ่งหลวงขณะนั้นเป็นเพียงสำนักสงฆ์เล็ก ๆ มีศาลา ๑ หลังเท่านั้น บริเวณวัดเป็นป่าดงพงไพร มีหญ้าแน่นหนา ครูบาธรรมชัยมาอยู่วัดนี้ได้เริ่มลงมือก่อสร้างถาวรวัตถุขึ้นในวัดมาเรื่อย ๆ ด้วยความยากลำบาก

แต่ด้วยความเพียรเสียสละของท่านและประกอบด้วยขันติธรรมอย่างแท้จริง ทำให้สาธุชนให้ความเคารพเลื่อมใสหลั่งไหลมาร่วมงานกุศลกับท่านตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ทำให้วัดทุ่งหลวงซึ่งในอดีตเป็นเพียงสำนักสงฆ์เล็ก ๆ กลายเป็นวัดที่ใหญ่โตสวยงาม มีถาวรวัตถุครบถ้วนในปัจจุบัน

ครูบาธรรมชัยเป็นพระเถระที่ได้เสียสละตั้งใจทำงานในด้านพระศาสนา และด้านสาธารณะอยู่ตลอดเวลาไม่หยุดหย่อน นอกจากวัดทุ่งหลวงแล้วท่านได้มีจิตศรัทธาบำเพ็ญประโยชน์ไปยังวัดอื่น ๆ อยู่เสมอ

เช่น ได้ไปบูรณปฏิสังขรณ์เสริมสร้างองค์พระธาตุแม่ก๊ะ ไปสร้างพระวิหารวัดปางหก สร้างระฆังใหญ่ทองสัมฤทธิ์ถวายวัดศิริมังคลาจารย์ ตำบลแม่เหียะ ถวายวัดแม่ตามานและวัดม่วงชุมแห่งละ ๑ ใบ สร้างพระพุทธรูปพร้อมด้วยระฆังทองและสัตตะภัณฑ์เชิงเทียนไปถวายวัดพระบาทสี่รอย สร้างกุฏิวัดม่วงชุม เป็นต้น

รายการสร้างวัด สร้างโรงเรียนประชาบาล สร้างถาวรวัตถุไว้ในพระศาสนา และ สาธารณสังคมที่ท่านได้ทำไปยังมีอีกมากทั้งส่วนตัวและส่วนรวม ใคร่ขอผ่านไปไม่สามารถจะนำมาลงได้หมด ครูบาธรรมชัยทำประโยชน์แก่ส่วนรวมเจริญรอยตามครูบาเจ้าศรีวิชัย พระปรมาจารย์ทุกประการก็ว่าได้

ตลอดชีวิตของครูบาธรรมชัยเป็นการสร้างสมคุณงามความดี มีผลงานในพระศาสนาและสาธารณสังคมเป็นประจักษ์เลื่องลือมากมาก แม้งานนั้นจะยากปานใด ท่านก็ทำสำเร็จลงได้ ชีวิตของท่านจึงเป็นชีวิตแห่งการงานที่ไม่นิ่งเฉย ประกอบด้วยขันติธรรมอันสูง พยายามบำเพ็ญประโยชน์ตนและผู้อื่นให้ถึงด้วยความไม่ประมาทอยู่เสมอ

ชีวิตสมถะของท่านทรงไว้ซึ่งพรหมวิหาร ถือโอกาสปฏิบัติสมถะ - วิปัสสนากรรมฐานไม่ขาดสาย ได้บำเพ็ญศาสนกิจตามพระธรรมวินัยระเบียบ กติกาสงฆ์ สังฆาณัติ กฎหมาย มาพอสมควร ได้ปกครองอบรมสั่งสอนภิกษุสามเณรศิษย์วัด ให้การศึกษาเล่าเรียน ปฏิบัติกิจประจำวันให้มีระเบียบเรียบร้อย

ทั้งด้านการบูรณปฏิสังขรณ์ปลูกสร้างดังกล่าวมาสงเคราะห์ในสถานที่สมควร ท่านได้เผยแพร่ธรรมะอบรมเทศนาแก่ศรัทธาชาวบ้านสม่ำเสมอ ด้วยความเพียรเสียสละตลอดมา ไม่เคยท้อถอย จึงมีสาธุชนให้ความเคารพเลื่อมใสมากมาย


อนึ่ง ด้วยครูบาธรรมชัยเป็นพระกรรมฐานมีฌานสมาบัติแก่กล้าทรงอภิญญา ในด้านวิทยาคมและแพทยศาตร์สงเคราะห์แผนโบราณนั้น มีความเชี่ยวชาญมากเป็นพิเศษ เมื่อประชาชนได้รับทุกขเวทนาทางเจ็บป่วยพากันหลั่งไหลมาขอความเมตตาพึ่งพาใครผู้ใดได้อีกแล้ว

ครูบาธรรมชัย ก็ได้ประโลมขวัญให้กำลังใจเขาเหล่านั้น ช่วยสงเคราะห์ เมตตารักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ ทำให้พ้นจากโรคภัยไปเป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน สามารถมีชีวิตอยู่รอดไปได้ ตามส่วนกุศลผลบุญมากและน้อยแต่ละบุคคล

การรักษาโรคของครูบาธรรมชัย ท่านรักษาด้วยพลังกระแสฌาน หรือพลังจิตขั้นสูง ยึดเอาอำนาจคุณพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณเป็นสรณะสูงสุด และประกอบด้วยยาสมุนไพร

ครั้นต่อมาท่านได้นำเอาวิธีการฝังเข็มด้วยกระแสไฟฟ้าเข้ามาประยุกต์ใช้ด้วย แสดงว่าท่านค้นคว้าก้าวหน้าอยู่เสมอในทางแพทยศาสตร์สงเคราะห์ การอบตัวด้วยเครื่องยาสมุนไพร ก็เป็นส่วนประกอบอีกแบบหนึ่งในการรักษา ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาที่วัดของท่านในเวลานี้ โดยมีพระเณร แม่ชี และชาวบ้านคอยต้อนรับคนเจ็บป่วยและช่วยดูแลเครื่องต้นสมุนไพร ตลอดจนอำนวยความสะดวกต่าง ๆ บริการอยู่ตลอดเวลา

ตามปกติจะมีคนไข้ด้วยโรคพยาธิต่าง ๆ จากทั่วประเทศ หลั่งไหลไปขอให้ครูบาธรรมชัยรักษาวันละมาก ๆ ที่รักษาค้างคืนเป็นประจำก็มีมาก ที่รักษาอยู่เป็นเดือนก็มีมากเช่นกัน สุดแต่โรคที่เป็นมากและน้อย เรื่องเงินทองอาหารการกินไม่ต้องวิตกกังวลใจ ครูบาธรรมชัยบริการทุกอย่าง

ท่านมีแต่ให้และให้ด้วยความเมตตากรุณาหาที่สุดมิได้ ส่วนใครจะถวายเงินทองท่านหรือไม่ ท่านไม่สนใจ ไม่ใช่เรื่องของท่าน เป็นเรื่องของศรัทธาแต่ละคน แล้วแต่จะถวายกับทางวัด ทางคณะสงฆ์ ท่านให้ทุกคนที่บากหน้าไปหา ได้รับแต่ความชุ่มชื่นสมหวังในสิ่งที่ปรารถนาอย่างเดียวเท่านั้น

ใครบากหน้าไปหาท่านแล้ว จะต้องขนลุกซู่น้ำตาคลอ เกิดความปิติอย่างบอกไม่ถูก ปฏิปทาจริยาวัตรการปฏิบัติของท่านพิเศษจริง ๆ ไม่เหมือนหลวงพ่อหลวงปู่วัดใด ใครไม่เชื่อก็น่าจะลองไปพิสูจน์ดูด้วยตนเอง ท่านไม่ใช่พระเกจิอาจารย์ธรรมดา ๆ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ลงมาเกิดบำเพ็ญบารมี เพื่อหวังพระสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตอันไกลโพ้น แต่จะเป็นองค์ที่เท่าใดไม่อาจทราบได้

จึงกล่าวได้ว่า ครูบาธรรมชัยมีภารกิจในพระศาสนา และ บำเพ็ญประโยชน์สาธารณสังคม เป็นภาระหนักทับถมอยู่ตลอดเวลา แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนหลับนอน เวลาพักผ่อนของท่านก็ได้อาศัยการนั่งสมาธิในตอนดึก ๆ นั่นแล

เรื่องราวของครูบาธรรมชัยที่เล่ามาตั้งแต่ต้นนี้เป็นเพียง "เสี้ยวหนึ่งของชีวิต" ของท่านเท่านั้น ยังมีเรื่องราวอีกมากมายนักที่ไม่ได้เล่า เพราะถ้าเล่าจนหมดก็คงจะลงในหนังสือใช้เวลาเป็นปี ๆ ถึงจะจบ จึงใคร่จะขอรวบรัดตัดตอน นำมาเล่าสู่กันฟังเฉพาะตอนที่ไม่ "หนัก" จนเกินไปในด้านข้ออรรถข้อธรรม




แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-02-2010 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 78 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #52  
เก่า 22-02-2010, 23:15
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

เมื่อคราวพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สมเด็จพระพุทธมหามงคลบพิตร ที่อำเภอหาดใหญ่ ตำบลน้ำน้อย วันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๙

คณะศรัทธาญาติโยมได้นิมนต์พระอริยสงฆ์สำคัญในสมัยนั้นไปร่วมพิธี เท่าที่ประชาชนรู้จักกันเป็นอย่างดีมี หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร และ หลวงปู่ชุ่ม โพธิโก เป็นต้น ในจำนวนพระอริยสงฆ์สำคัญยังมี หลวงปู่ครูบาธรรมชัย รับนิมนต์ไปร่วมในพิธีนี้ด้วย

หลังจากเสร็จพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ คณะศรัทธาญาติโยมได้นิมนต์สงฆ์สำคัญทุกรูปไปเที่ยวชม "น้ำตกทรายขาว" ที่อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี

น้ำตกทรายขาวอยู่ที่ "ภูเขาทรายขาว" อันเป็นเทือกเขาใหญ่สูงสุดที่สำคัญมากในเมืองนั้น สมัยอดีตเคยมีการทำเหมืองแร่ทองคำที่ภูเขาลูกนี้ คณะหลวงปู่และพระภิกษุสงฆ์รูปอื่น ที่ร่วมขบวนไปเที่ยวชมน้ำตกทรายขาว ต่างพึงพอใจและเพลิดเพลินในธรรมชาติอันสงบวิเวก เหมาะอย่างยิ่งในการเจริญธรรมบำเพ็ญตบะฌานให้ชุ่มเย็นตามจริตนิสัย

หลวงปู่หลวงพ่อปรารภกันว่า สถานที่แห่งนี้ หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด เคยมาบำเพ็ญสมณธรรมเมื่อครั้งอดีตกาลอันไกลโพ้น คำปรารภก็คือกล่าวถึงความจริงอันเคยอุบัติขึ้น ที่แต่ละท่านรู้เห็นกระจ่างแจ้ง คณะศรัทธาสาธุชนผู้ได้ยินจึงตื่นเต้นโดยถ้วนหน้า เพราะไม่เคยมีใครทราบมาก่อนว่า หลวงปู่ทวดเคยบำเพ็ญเพียรอยู่ ณ บริเวณน้ำตกทรายขาว

และประมาณ ๖๐ - ๗๐ ปี ที่ล่วงมานี้ (นับถึงปี ๒๕๑๙) เคยมีผู้ขอสัมปทานทำเหมืองแร่ทองคำ ทำให้ย่านน้ำตกทรายขาว คึกคักไปด้วยผู้คนร้านค้า แต่ได้เลิกร้างห่างหายในเวลาต่อมา เนื่องจากสายแร่ทองคำใต้ดินได้สูญสิ้นไปหมด

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 23-02-2010 เมื่อ 20:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 79 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #53  
เก่า 23-02-2010, 20:42
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี เอ่ยเชิงปรารภว่า

"จะเป็นไปได้เชียวหรือที่สายแร่ทองคำจะหมดไปได้ง่ายจากภูเขาทรายขาวลูกนี้ น่าจะลองเพ่งดูใต้พื้นดินลึกลงไปอีกสักหน่อย ว่ายังมีแร่ทองคำหลงเหลืออยู่อีกหรือเปล่า"

ด้วยคำปรารภของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ทั้งหลวงพ่อเองกับหลวงปู่หลวงพ่อรูปอื่น ที่ร่วมอยู่ในขบวนไปเที่ยวชมน้ำตกทรายขาว สงบจิตเป็นสมาธิ ยืนเพ่ง สำรวจใต้ธรณีแบบเปิดมหาปฐพีด้วยทิพจักขุญาณ ดูใต้ผืนแผ่นธรณีในบริเวณนั้น

หลวงปู่ชุ่ม โพธิโก เพ่งดูอยู่อึดใจหนึ่ง ก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า

"บริเวณนี้ลึกลงไปยังมีทองคำ สายแร่ทองคำยังมี แต่อยู่ลึกมาก แลเหลืองอร่ามมากมายหลายสิบหลายร้อยตัน ความสามารถของมนุษย์ปัจจุบันยังขุดลงไปไม่ถึง"

หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ "เพ่ง" เปิดมหาปฐพีเช่นกัน กล่าวว่าเห็นขุมทองคำจำนวนมหาศาลเหมือนหลวงปู่ชุ่ม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 26-02-2010 เมื่อ 22:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #54  
เก่า 26-02-2010, 22:29
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

ครูบาธรรมชัยก็ "เพ่ง" เห็นแหล่งทองคำแผ่เป็นบริเวณกว้างใหญ่ไพศาล

แต่หลวงปู่สิม พุทธาจาโร อริยสงฆ์แห่งถ้ำผาปล่อง อำเภอเชียงดาว "เพ่ง" ดูเช่นเดียวกับหลวงปู่หลวงพ่อองค์อื่น กลับมองไม่เห็นขุมทองมหาศาลแต่อย่างใด หลวงปู่สิมเห็นแต่มือดำทะมึนใหญ่โตมโหฬาร ดูแล้วเป็นมือมีห้านิ้ว คล้ายมือมนุษย์ แต่ใหญ่เท่าภูเขาเลากาอยู่ใต้พื้นพิภพ

หลวงปู่สิมจึงหันไปบอกสหธรรมิกทุกท่านตามตรง ปรากฏว่าหลวงปู่หลวงพ่อทุกองค์ได้ยินแล้วหัวเราะกันถ้วนหน้า ใครว่าพระอรหันต์เป็นพวกเฉยชาจืดชืดไร้อารมณ์ใด ๆ เพราะตัดแล้วซึ่ง รัก โลภ โกรธ หลง ท่านตัดสิ้นหมดอาสวะกิเลสจริง แต่พวกท่านมีอารมณ์เพลิดเพลินสนุก นึกอยากจะหยอกล้อกันก็ทำไปเป็นธรรมชาติไม่ยึดติดนั่นเอง

ครูบาธรรมชัยจึงยกมือขึ้น แล้วบอกให้หลวงปู่สิม "เพ่ง" ดูอีกครั้ง

เมื่อหลวงปู่ทำไปตามน้ำ ใต้พื้นพิภพ มือลึกลับมหายักษ์อันตรธานไปสิ้นเชิง เห็นสายแร่ทองคำจำนวนเหลือคณานับสุกปลั่งเหลืองอร่ามเต็มไปหมด ทราบทันทีว่ามือลึกลับดำทะมึนใหญ่โตมโหฬาร สามารถปิดสายแร่ทองคำได้มิดชิดเมื่อสักครู่ คือฝ่ามือของครูบาธรรมชัยที่แสร้งกระเซ้าหลวงปู่สิม โดยสำแดงฤทธาปาฏิหาริย์บันดาลให้เงาของฝ่ามือไปบดบังทองคำจำนวนมหาศาล ไม่ให้ทิพย์จักษุมองทะลุเข้าไปถึงสายแร่

หลวงปู่สิมเมื่อทราบความจริงก็หัวเราะสนุก กล่าวชมเชยครูบาธรรมชัยเป็นการใหญ่ว่า เก่ง เก่งมาก สามารถใช้ฝ่ามือข้างเดียวปิดขุมทองทั้งขุมจนท่านแลไม่เห็น ครูบาธรรมชัยก็กล่าวขอขมาที่ล้อเล่นเหมือนล่วงเกิน หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ยิ่งหัวเราะชอบใจบอกว่า ไม่ถือ ไม่ถือ ไม่ถือ สนุก สนุกดี

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 06-03-2010 เมื่อ 21:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 82 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #55  
เก่า 06-03-2010, 21:48
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อฤๅษีลิงดำเอ่ยถามหลวงปู่สิม พุทธาจาโร ว่าเหตุใดทองคำมากมายมหาศาลก็ยังมีอยู่ แต่คนกลับขุดไม่พบ จนนึกว่าทองคำหมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทยแถบนี้แล้ว

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร หลับตาใช้อำนาจฌานสมาบัติตรวจสอบความเป็นไปอึดใจหนึ่ง เมื่อหยั่งรู้แน่ชัดจึงลืมตาตอบว่า

"เมื่อถึงเวลาเหมาะสม ทองคำอันมากมายมหาศาลจะปรากฏขึ้นมาเองตามกฏของฟ้าดิน ซึ่งต้องการให้ทรัพย์ในดินผุดขึ้นเป็นของคู่บุญบารมีของพระมหากษัตริย์รัชกาลต่อไป ตอนนี้เทพเจ้าเบื้องบนยังใช้อำนาจสะกดไว้ ไม่ยอมให้ปรากฏต่อสายตาชาวโลก เครื่องมือดีแค่ไหนก็ตรวจสอบแร่ทองคำไม่พบ เพราะยังไม่ถึงเวลาที่เบื้องบนกำหนด"

หลวงปู่ชุ่ม โพธิโก กล่าวสอดคล้องต้องกันกับหลวงปู่สิม พุทธาจาโร

"ทองคำขุมนี้มีจำนวนมหาศาลก็จริง แต่ถือเป็นเพียงส่วนน้อยนิด เมื่อเทียบกับขุมทองที่ยังมีอีกหลายแห่งบนผืนแผ่นดินไทย ภายภาคหน้า อันไม่ใช่ระยะใกล้ เมืองไทยจะร่ำรวยใหญ่ตามกำหนดของเบื้องบน ประชาชนทุกหมู่เหล่าจะร่ำรวยกินอยู่สุขสบาย เป็นไปตามดวงเมืองอันลี้ลับ ซึ่งขึ้นอยู่กับกฏแห่งกรรมประกอบกันจากอดีตถึงปัจจุบัน"

ครูบาธรรมชัยใช้ญาณหยั่งรู้บ้าง หลับตาตรวจสอบสักอีกใจหนึ่งจึงกล่าวว่า

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 08-03-2010 เมื่อ 21:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #56  
เก่า 08-03-2010, 21:19
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

"ทองคำที่น้ำตกทรายขาวแห่งนี้มีอาถรรพ์ลึกลับคุ้มครองอยู่ สาเหตุที่ฝังลึกลงไปมากขนาดนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าศึกศัตรูมาแบ่งแยกเอาแผ่นดินปัตตานีไปครองได้ ข้าศึกศัตรูที่บังอาจล่วงล้ำก้าวข้ามขุมทองอาถรรพ์แห่งนี้เข้ามา จะพบกับความวิบัติฉิบหายในที่สุด"

หลวงพ่อฤๅษีลิงดำเห็นด้วยกับครูบาธรรมชัยและหลวงปู่หลวงพ่อร่วมคณะ มีทองคำนับจำนวนตันไม่ถ้วนอยู่ที่ภูเขาทรายขาวก็จริง ไม่ได้หมดสิ้นไปตามที่นักขุดทองเข้าใจ แต่ใครจะไปขุดก็เอาขึ้นมาไม่ได้ เพราะมีอาถรรพ์ของฟ้าดินคุ้มครอง


เรื่องอำนาจอภิญญาของครูบาธรรมชัย เป็นที่ยอมรับกันในหมู่พระเถรานุเถระผู้เป็นพระกรรมฐานอันถึงขั้นพระอริยะ ต่างกล่าวยกย่องว่าครูบาธรรมชัยมีญาณพิเศษ ตาทิพย์ หูทิพย์ สามารถกำหนดจิตไปท่องสวรรค์ตรวจนรก

รู้ว่าคนเราตายแล้วไปไหน สามารถติดต่อกับวิญญาณที่ละสังขารไปแล้วเหล่านั้นได้ รู้ว่ามนุษย์สัตว์ที่เกิดมาในโลกนี้ชาติก่อนเคยอยู่ที่ไหน อดีตอันไกลโพ้นเคยเสวยชาติเป็นอะไรบ้าง

คนป่วยคนเจ็บจะอยู่จะหายจะเป็นจะตายเมื่อไหร่ รู้ต่อไปอีกด้วยว่าคนลักษณะท่าทางแข็งแรงสมบูรณ์ดีที่มาพบท่านนั้น ต่อไปอีกไม่ช้าก็จะตาย

ครูบาธรรมชัยยังล่วงรู้วาระจิตของมนุษย์และสัตว์ทุกจำพวก ล่วงรู้ว่าในใจกำลังคิดอะไร คิดดีหรือคิดชั่ว เนื่องจากท่านมี "เจโตปริยญาณ คือญาณอันสามารถกำหนดรู้วาระจิตผู้อื่น"

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 10-03-2010 เมื่อ 22:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 82 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #57  
เก่า 10-03-2010, 22:18
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

เรื่องทิพยจักษุ ของครูบาธรรมชัย ตอนตรวจดูขุมทองคำใต้พื้นพิภพ เป็นที่ยอมรับกันไปแล้วในหมู่พระอริยะ แต่เรื่องสำคัญอันเกี่ยวกับโสตทิพย์ มีเรื่องที่น่ากล่าวถึงอยู่เรื่องหนึ่ง

เมื่อคราวมีพิธีบวงสรวงที่พระธาตุจอมกิตติ อำเภอเชียงแสน วันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ หรือ ๓๕ ปีมาแล้วนับถึงปัจจุบัน

ในพิธีมีหลวงปู่หลวงพ่อองค์สำคัญหลายองค์ไปร่วมด้วย เช่น หลวงปู่คำแสน วัดป่าดอนมูล หลวงปู่คำแสน วัดสวนดอก หลวงปู่ชุ่ม โพธิโก

หลวงปู่บุดดา ถาวโร แห่งสำนักสงฆ์สองพี่น้อง อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท หลวงปู่สิม พุทธาจาโร แห่งวัดถ้ำผาปล่อง ครูบาชัยยะวงศ์ แห่งวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี และครูบาธรรมชัย

มีปรากฏการณ์แปลกประหลาด ในพิธีนมัสการบวงสรวงครั้งนั้นมีเรื่องน่าอัศจรรย์หลายอย่าง เช่น ฝูงนกลึกลับสีสันสวยงามหมู่หนึ่ง โบยบินมาทำประทักษิณาวัตรรอบองค์พระธาตุจอมกิตติ ๓ รอบ แล้วพากันบินมาเกาะอยู่บนกิ่งไม้ใกล้กับปะรำพิธีที่หลวงปู่หลวงพ่อองค์สำคัญ ๆ กำลังนั่งปรกพิธีกรรมอยู่

นกประหลาดที่บินมาอย่างลึกลับเหล่านั้น ต่างส่งเสียงร้องขึ้นพร้อมเพรียงกันด้วยน้ำเสียง ลีลา สดใสไพเราะเสนาะโสต ในขณะที่มีพุทธศาสนิกชนจำนวนนับพันคนนั่งพนมมือสงบเงียบอยู่ในบริเวณพิธีกรรม ทุกคนรู้สึกแปลกใจที่เห็นนกสีสันงดงามมาส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว และยังบินทำประทักษิณาวัตรองค์พระธาตุ ๓ รอบ ท่ามกลางเสียงพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2010 เมื่อ 11:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 75 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #58  
เก่า 18-03-2010, 20:35
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

พลอากาศโทหม่อมราชวงศ์เสริม สุขสวัสดิ์ รอกระทั่งหลวงพ่อฤๅษีลิงดำออกจากการนั่งปรกในพิธีกรรม จึงได้นมัสการถามท่านว่า

"ทำไมมีนกลักษณะสวยงามแปลกประหลาดไม่เคยเห็นมาก่อนในโลกนี้ บินมาวนรอบองค์พระธาตุเจดีย์ถึง ๓ รอบ แล้วส่งเสียงขับร้องประสานกันพร้อมเพรียงอย่างไพเราะเสนาะโสต จะมีความหมายเป็นประการใดหรือขอรับ"

หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ยิ้มอารมณ์ดี ตอบกับพลอากาศโทหม่อมราชวงศ์เสริม สุขสวัสดิ์ ว่า "ไปเรียนถามหลวงปู่ชุ่ม โพธิโก ดูซี"

ท่านเจ้ากรมฯ เสริม สุขสวัสดิ์ จึงเขยิบไปนมัสการถาม หลวงปู่ชุ่ม โพธิโก

หลวงปู่ชุ่ม โพธิโก ยิ้มแย้มแจ่มใสอารมณ์ชุ่มเย็น บอกให้ท่านเจ้ากรมฯ ลองไปถาม "หลวงปู่คำแสน" แห่งวัดสวนดอก ดูเถิด

ท่านเจ้ากรมฯ เสริม สุขสวัสดิ์ จึงหันไปนมัสการถามหลวงปู่คำแสน หลวงปู่ก็ยิ้มเมตตาชี้มือไปทาง ครูบาธรรมชัย แล้วกล่าวว่า ลองไปถามครูบาธรรมชัยท่านดูซี
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 75 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #59  
เก่า 19-03-2010, 19:49
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

การที่พระอริยเจ้าทั้ง ๓ องค์ บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบข้อซักถามของท่านเจ้ากรมฯ เสริม ทำให้หลวงปู่สิม พุทธาจาโร หลวงปู่บุดดา ถาวโร หลวงปู่คำแสน แห่งวัดป่าดอนมูล ต่างหัวเราะสนุกและสนับสนุนให้ ครูบาธรรมชัย ช่วยเฉลยข้อสงสัยให้แก่ท่านเจ้ากรมฯ

ครูบาธรรมชัย ทราบว่าหลวงปู่หลวงพ่อทุกองค์ ให้เกียรติยกย่องในอำนาจอภิญญาสมาบัติ จึงถวายนมัสการหลวงปู่หลวงพ่อทุกองค์ด้วยความเคารพ แล้วแจกแจงให้ท่านเจ้ากรมฯ ฟังว่า

"อันนกผู้มีสีสันขนสวยงามลักษณะแปลกประหลาด หาใช่นกจากสถานที่ลึกลับแห่งใดในโลกหล้า เป็นฝูงนกวิเศษมาจากพิภพอื่น คือมาจากโลกทิพย์ซึ่งเป็นโลกที่ใครจะมองดูด้วยตาเปล่าไม่อาจแลเห็น และแท้ที่จริงก็คือเหล่าเทพยดาจำแลงปลอมแปลงร่างมานั่นเอง

เจตนาอันเป็นมหากุศลของปวงเทพยดา ก็เพื่อสำแดงสาธุการอนุโมทนา ชื่นชมยินดีในพิธีกรรมอันเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ เสียงอันไพเราะเพราะพริ้งฟังรื่นหูของนก คือเสียงนกพูดจากันเป็นภาษาธรรมะ และขอร่วมทำพิธีเทิดพระมหาบารมีแห่งองค์พระบรมสารีริกธาตุพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยร่วมสวดพระคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่มีแต่ในโลกทิพย์ เป็นการสรรเสริญพระพุทธคุณนั่นเอง"


คำชี้แจงของครูบาธรรมชัย หลวงปู่หลวงพ่อทุกองค์ในที่นั้น ต่างพยักหน้าสนับสนุน อันแสดงว่าครูบาธรรมชัยมีโสตทิพย์รู้ภาษานก และยังล่วงรู้ไปอีกชั้นหนึ่งด้วยว่าเขาเหล่านั้นมาจากไหน มาเพื่อทำอะไร

เมื่อพิธีบวงสรวงเสร็จสิ้นลง ฝูงนกลึกลับจากมิติอื่นจึงโผผินบินจากกิ่งไม้ จับเป็นหมู่ร่อนวนเวียนไปรอบองค์พระธาตุเจดีย์จอมกิตติ ๓ รอบ แล้วผละออกเหินขึ้นสู่ท้องฟ้า ทะลุหมู่เมฆลับหายไปจากสายตาของผู้คนเรือนพันซึ่งชุมนุมกันอยู่บริเวณนั้น


ขอจบเรื่องราวที่เกี่ยวกับหลวงปู่ครูบาธรรมชัยแต่เพียงเท่านี้
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 94 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ

Tags
ครูบาธรรมชัย


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:53



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว