กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 06-11-2023, 18:23
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,535
ได้ให้อนุโมทนา: 216,765
ได้รับอนุโมทนา 743,888 ครั้ง ใน 36,250 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 07-11-2023, 00:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,575
ได้ให้อนุโมทนา: 151,708
ได้รับอนุโมทนา 4,411,109 ครั้ง ใน 34,165 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ แม้ว่าจะเป็นวันทำงานก็ตาม แต่ว่าญาติโยมทั้งหลายในจังหวัดสงขลาหรือว่าจังหวัดใกล้เคียง ก็พากันมาทำบุญ ทั้งถวายภัตตาหารเช้า-เพล ถวายสังฆทาน และถามปัญหาข้อติดขัดในการปฏิบัติธรรมของตนเอง

ส่วนนี้ทำให้เห็นว่าบุคคลที่ห่างไกลครูบาอาจารย์ หรือว่าห่างไกลที่พึ่งทางใจของตนเองนั้น เปรียบเสมือนบุคคลที่หิวอาหาร เมื่อถึงเวลา มีอาหารมาอยู่ตรงหน้า ก็กอบโกยกินให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ว่าบุคคลที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์อยู่ตรงหน้า บางทีกลับปล่อยปละละเลยให้เวลาผ่านไปอย่างน่าเสียดาย คล้ายกับ "หนูตกถังข้าวสาร" เห็นว่ามีอาหารอุดมสมบูรณ์ ก็ "เอ้อระเหยลอยชาย" ไม่คิดที่จะกอบโกยกินให้เต็มอิ่มของตนเสียที ถ้าประมาทแบบนี้ อาจจะโดนแมวลากไปกินเสียเมื่อไรก็ได้..!

ดังนั้น..ผู้ปฏิบัติธรรมทุกคนจึงควรที่จะระลึกอยู่เสมอว่า "เวลาล่วงไปล่วงไป เราทั้งหลายทำอะไรกันอยู่ ?" หรือระลึกถึงอยู่เสมอว่าความตายอยู่กับเราแค่ชั่วลมหายใจเข้าออก ถ้าหากว่าหายใจเข้า แล้วไม่หายใจออก เราก็ตาย หรือว่าหายใจออก แล้วไม่หายใจเข้า เราก็ตายอีกเช่นกัน ถ้าหากว่าตายแล้ว เราตกสู่อบายภูมิ ก็เรียกว่าเสียชาติเกิด..!

ดังนั้น..เราจึงควรที่จะขวนขวายความดีในทาน ศีล ภาวนา ให้มากเข้าไว้ เพื่อที่ถึงเวลาแล้ว เราจะได้มี "เสบียงบุญ" ที่พร้อมสมบูรณ์สำหรับการเดินทางไกลในโลกหน้า หรือว่าท่านทั้งหลายที่สร้างบุญบารมีมาอย่างสมบูรณ์แล้ว เมื่อได้พบหลักธรรมที่ตรงกับกำลังใจของตนเอง ก็จะได้เร่งรัดปฏิบัติให้เข้าถึงธรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าสามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ ก็ยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่ ๑ หลายสิบใบพร้อมกันเสียอีก..!

ถึงแม้ว่าท่านทั้งหลายไม่สามารถที่จะปล่อยวางจนกระทั่งเข้าสู่พระนิพพานในชาตินี้ได้ แต่ถ้าหากว่ามีหลักธรรมที่เหมาะสมกับกำลังใจ แล้วพยายามขวนขวายไปอย่างเต็มที่ ท่านทั้งหลายก็เท่ากับตัดหนทางการเวียนว่ายตายเกิดของตัวเองให้สั้นลง แม้ว่าจะไม่สั้นถึงขนาดเกิดอีก ๓ ชาติ ๗ ชาติ ก็ขอให้สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-11-2023 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 07-11-2023, 00:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,575
ได้ให้อนุโมทนา: 151,708
ได้รับอนุโมทนา 4,411,109 ครั้ง ใน 34,165 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เนื่องเพราะว่าในส่วนของการเวียนว่ายตายเกิดนั้น ไม่ว่าจะเกิดชาติไหนก็มีแต่ความทุกข์ทั้งสิ้น ความทุกข์นั้นจะมีมาก มีน้อย ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมที่เราทำมา แต่ถ้าหากว่าถึงเราสร้างบุญเอาไว้ดีขนาดไหนก็ตาม นิพัทธทุกข์ คือความทุกข์เนืองนิจอย่างหนึ่ง สภาวทุกข์ คือความทุกข์ตามสภาพของเราอย่างหนึ่ง ต้องมีแก่เราอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บไข้ได้ป่วย หนาวร้อน หิวกระหาย ปวดอุจจาระ ปวดปัสสาวะ ร่างกายสกปรกโสโครก เหล่านี้เป็นต้น จึงเป็นเรื่องที่ ถึงแม้ว่าจะเกิดมาประกอบด้วยบุญบารมีขนาดไหนก็ตาม ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาแล้วไม่ทุกข์นั้นไม่มี..!

เสียดายแต่เพียงว่าญาติโยมทั้งหลายที่อยู่ทางด้านปักษ์ใต้ของเรานั้น ครูบาอาจารย์สายใต้ที่เน้นเรื่องมรรคเรื่องผลมีน้อยมาก ส่วนใหญ่ก็มาทางสายเหนียว คงกระพัน มหาอุด เป็นต้น สำนักที่มีชื่อเสียงโด่งดังยาวนานมานับร้อย ๆ ปี อย่างสำนักวัดเขาอ้อ ก็เป็นที่รู้กันว่าเน้นในเรื่องของคงกระพันมหาอุด ไม่ว่าจะเป็นยุคของหลวงปู่ทองเฒ่า วัดเขาอ้อก็ดี ลงมาถึงหลวงพ่อปาล วัดเขาอ้อก็ตาม

แม้กระทั่งที่แตกออกไปเป็นสาขาอย่างวัดบ้านสวน ซึ่งมีหลวงพ่อคง หรือว่าทางวัดดอนศาลา ที่มีหลวงพ่อเอียดก็ตาม ครูบาอาจารย์เหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่ไปจากวัดเขาอ้อทั้งสิ้น บุคคลที่สืบสายมา ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อพรหม วัดบ้านสวนก็ดี หรือว่าหลวงพ่อนำ วัดดอนศาลาก็ตาม ก็ล้วนแล้วแต่สืบสายมาด้านของคงกระพัน มหาอุด

ถ้าหากว่าจะไปทางด้านเมตตามหานิยม ก็มักจะเป็นสายเสน่ห์เสียมากกว่า ก็คือเน้นในเรื่องของเสน่ห์เล่ห์กลไปเลย จึงทำให้ญาติโยมที่หวังในเรื่องของการปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น หาครูบาอาจารย์ทางนี้ได้ยากอย่างยิ่ง หรือว่าปรมาจารย์ใหญ่อย่างหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ท่านก็มีชื่อเสียงในด้านนิรันตราย คือความปลอดภัยในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ ตามแบบของพระโพธิสัตว์ใหญ่ ซึ่งเป็นหลักชัยให้กับทางด้านปักษ์ใต้มาเนิ่นนานเหลือเกิน

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อมีครูบาอาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับการบรรลุมรรคผลกันในชาตินี้ ญาติโยมส่วนหนึ่ง ซึ่งเปรียบเหมือนดอกบัวพ้นน้ำ เมื่อกระทบแสงแดดแล้ว พร้อมที่จะบานบ้าง หรือว่าจะบานในวันรุ่งขึ้น หรือว่าวันต่อ ๆ ไปบ้าง ก็เหมือนกับว่าตนเองเข้าร้านอาหารที่ไม่ตรงกับกำลังใจของตน ก็คือไม่สามารถที่รับประทานแล้วจะรู้สึกเป็นที่พอใจ จึงต้องแสวงหาร้านอาหารอื่น ๆ ต่อไป

ปรากฏว่าร้านอาหารที่เหมาะใจของตนเองนั้น กลับเป็นครูบาอาจารย์ที่อยู่ต่างภาคต่างดินแดน อย่างเช่นว่าทางสายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ก็เคยส่งครูบาอาจารย์ลงมายังปักษ์ใต้ในยุคแรก ๆ แม้แต่ครูบาอาจารย์ที่เป็นอาจารย์ใหญ่สายอีสานรูปหนึ่ง ก็คือหลวงปู่เทสก์ เทสรํสี ท่านก็ยังมาอยู่ที่ปักษ์ใต้เสียหลายปี ดังนั้น..เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านเดินทางลงใต้ แล้วลูกศิษย์ลูกหาทางด้านนี้ที่ไม่นิยมการเกิด ก็มาอาศัยเกาะกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน เพื่อที่จะรับฟังและปฏิบัติตาม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-11-2023 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 07-11-2023, 01:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,575
ได้ให้อนุโมทนา: 151,708
ได้รับอนุโมทนา 4,411,109 ครั้ง ใน 34,165 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า รุ่นเก่า ๆ ซึ่งเคยเกาะกลุ่มกันกลมเกลียวเหนียวแน่นนั้น มาถึงในยุคปัจจุบันก็เริ่ม "ล้า" กันหมดแล้ว ทำให้ไม่มีคณะศิษย์จังหวัดยะลาที่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ หรือว่าไม่มีคณะศิษย์จังหวัดสงขลาที่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่อย่างสมัยก่อน เนื่องเพราะว่าภาระรัดตัวบ้าง รุ่นเก่า ๆ เสียชีวิต ล้มตายลงไปบ้าง ทำให้รุ่นใหม่ ๆ ไม่ได้เกาะกลุ่มกันแน่นเหนียวเหมือนเดิม เมื่อมีลูกศิษย์สายหลวงพ่อฤๅษีฯ ลงมาปักษ์ใต้ ก็ต่างคนต่างมากันบ้าง เกาะกันมาเป็นกลุ่มเล็ก ๆ มาบ้าง ต้องนับว่าเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

แต่ก็เป็นไปตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือ สัพเพ สังขารา อนิจจา สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนแล้วแต่ไม่เที่ยง สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรแก่การยึดมั่นถือมั่น

ท่านทั้งหลายไม่ว่าจะมาเองก็ดี มาเฉพาะครอบครัวของตนก็ดี หรือยังจับกลุ่มกันเป็นคณะ แม้ว่าจะเล็กลงก็ตาม ก็ยังเป็นผู้ใฝ่ในบุญในกุศล ในขณะที่หลักธรรมขององค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมพุทธเจ้ายังสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ ท่านทั้งหลายก็ยังมีสิทธิ์ที่ปฏิบัติแล้วจะได้มรรคได้ผล อย่างที่ตนเองต้องการ หรือว่าปฏิบัติไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะเข้าไม่ถึงมรรคผลนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ แต่ว่าอย่างน้อยท่านทั้งหลายก็ทำให้เส้นทางการเวียนว่ายตายเกิดของตนนั้นสั้นลงไปอย่างมาก ถือว่าเป็นบุคคลที่ไม่ประมาท

เพียงแต่ว่าการทำบุญนั้นขอให้ใช้ปัญญาประกอบด้วย ไม่ใช่ว่ากระผม/อาตมภาพนั่งเครื่องบินมา แล้วท่านทั้งหลาย ถึงเวลาก็ถวายเครื่องสังฆทาน พระพุทธรูป ผ้าไตร อาหารสด อาหารแห้งไว้มากมาย จนไม่สามารถที่จะขนกลับไปได้

มีอยู่ครั้งหนึ่ง กระผม/อาตมภาพจำได้แม่นยำ ก็คือรับเฉพาะผ้าไตรอย่างเดียวถึง ๒๐๐ กว่าไตรแล้ว..! ต้องอาศัยรถของญาติโยมขนไปเพื่อไล่แจกวัดวาอารามใกล้เคียงแถวนี้ วัดละ ๑๐ ไตรบ้าง ๒๐ ไตรบ้าง กว่าที่จะหมดก็ตระเวนอยู่เป็นวัน เพราะว่าไม่สามารถที่จะขนกลับไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-11-2023 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 07-11-2023, 01:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,575
ได้ให้อนุโมทนา: 151,708
ได้รับอนุโมทนา 4,411,109 ครั้ง ใน 34,165 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การใช้ปัญญานั้นจำเป็นสำหรับที่ทุกสถานและกาลทุกเมื่อ เนื่องเพราะว่าปัญญานั้น ทำให้เราปฏิบัติสิ่งต่าง ๆ ได้ถูกต้องตามกาลเทศะ แล้วขณะเดียวกัน ในเรื่องของทางโลก ถ้ามีปัญหา เราก็สามารถใช้ปัญญาแก้ไขให้ผ่านพ้นไปได้โดยง่าย

ในเรื่องของทางธรรม ถ้าจะยกข้อธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมาพิจารณา ก็สามารถที่จะรู้แจ้งแทงตลอด และยอมรับความเป็นจริงนั้น ทำให้เข้าถึงมรรคผลนิพพานตามที่ตนเองต้องการได้ ปัญญาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ซึ่งในหมวดธรรมต่าง ๆ ถ้าประกอบไปด้วยหลายข้อธรรมแล้ว เราจะเห็นว่าองค์สมเด็จพระประทีปแก้วบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ก็มักจะเอาปัญญาประกอบไว้ตอนท้ายอยู่เสมอ

ท่านทั้งหลายจึงควรที่จะพินิจพิจารณาก่อนที่จะคิด ก่อนที่จะพูด ก่อนที่จะทำ ด้วยปัญญาของเรา ว่าสิ่งที่เราคิด เราพูด เราทำนั้น เป็นไปโดยทำให้หลักธรรมของเราเจริญขึ้น หรือว่าทำให้การปฏิบัติธรรมของเราต้องสะดุดหยุดยั้งลง จึงเป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายต้องหมั่นฝึกฝน มองเห็นให้ชัดเจน จะได้ทำอะไรถูกต้องตามกาลเทศะต่อไป

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-11-2023 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:58



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว