กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 10-03-2017, 09:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ยาจินดามณีรักษาโรคที่หาสาเหตุไม่ได้เกือบทุกโรค บางคนสงสัยว่าสร้างเป็นรูปพระแล้วจะทำเป็นยาอย่างไร ? ถ้าคิดว่ากลืนทั้งองค์ได้ก็เอา...! โบราณเขาใช้ฝนกับฝาละมี ยาจินดามณีใช้น้ำมะนาวเป็นกระสาย ฝนกับฝาละมี อาตมาก็สงสัยว่าที่ฝนออกมานั่นเป็นยาหรือว่าเป็นผงจากฝาละมี ฝาละมีก็คือฝาหม้อดิน สมัยนี้ไม่ได้หุงข้าวด้วยหม้อดินกันแล้ว ก็เหลือแต่ฝาหม้อยาเท่านั้น

ใช้อธิษฐานรักษาโรค ถ้าไม่ใช่เพราะหมดอายุขัยจริง ๆ เท่าที่พบมาก็สามารถอยู่รอดมาได้จนหมอเองก็ยังงง เพราะส่วนใหญ่หมอมักจะบอกว่าอยู่ได้อีกไม่กี่วัน แต่พอเจอยาจินดามณีเข้าไปกลับอยู่ต่อมาได้อีกเป็น ๑๐ ปี แต่ที่อาตมาเจออย่างหลวงพี่มหาทรงกลด ฉันยาจินดามณีไปเป็นกำก็ยังมรณภาพ แสดงว่าหมดอายุจริง ๆ

เนื่องจากส่วนผสมต่าง ๆ หายาก โอกาสที่จะทำได้จึงมีน้อย โดยเฉพาะว่าสมัยนี้ที่ทำได้เต็มสูตรจริง ๆ หาได้ยากมาก สมุนไพรหลายชนิดก็หายากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่าป่าหมดไปทุกวัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2017 เมื่อ 16:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 10-03-2017, 09:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ในส่วนของอำพันทองนี่ได้จากลูกศิษย์ คือ พระครูสมุห์อานนท์ อานนฺโท วัดบึงลาดสวาย ท่านอุตส่าห์เสาะหามาได้ ท้ายสุดอาตมาเองก็จ่ายสตางค์น้อย เพราะลูกศิษย์บอกว่าที่เหลือจะทำถวาย จึงบอกว่าพยายามเอาให้ได้มากที่สุดเท่าที่ส่วนผสมจะอำนวยให้ ท่านคำนวณมาให้แล้วว่าน่าจะได้สัก ๖,๐๐๐ องค์ แต่ ๖,๐๐๐ องค์นี้ ถ้าคนรู้คุณค่าจริง ๆ อาตมาเชื่อเลยว่าไม่พอ

คิดว่าตัวอาตมาเองก็ต้องเก็บเอาไว้บ้าง เพราะสุขภาพชำรุดไปเรื่อย ๆ ถึงเวลาหมอสมัยใหม่รักษาไม่ได้ก็ต้องอาศัยยาจินดามณี สมัยก่อนเขารักษาด้วยตัวยาและคุณพระ
อย่าลืมคำว่า "คุณพระ" อำนาจของพลังจิตบวกกับบารมีครูบาอาจารย์ ตลอดจน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทำให้สามารถรักษาโรคที่หาสาเหตุไม่ได้

แต่จะว่าหาสาเหตุไม่ได้ก็ไม่ใช่หรอก สาเหตุใหญ่คือเราสร้างกรรมปาณาติบาตเอาไว้ แต่คราวนี้หมอสมัยใหม่หาสาเหตุไม่ได้ ก็บอกว่าโรคไม่มีสาเหตุ โดยเฉพาะสมัยนี้เชื้อโรคพัฒนาเร็วมาก พัฒนาจนกระทั่งยาสมัยใหม่เอาไม่อยู่ สมัยก่อนเรามีเพนิซิลินก็มั่นใจว่าเอาอยู่ทุกโรค ที่ไหนได้...ปัจจุบันนี้เพนิซิลินอาศัยไม่ได้เลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2017 เมื่อ 16:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 10-03-2017, 09:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ส่วนกำไลนวหรคุณ คำว่า นวหรคุณ ก็คือ คุณอันยิ่งใหญ่ ๙ ประการ หมายถึง คุณของพระพุทธเจ้า ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ?

๑. อะระหัง ๒. สัมมาสัมพุทโธ ๓. วิชชาจะระณะสัมปันโน ๔. สุคะโต ๕. โลกะวิทู ๖. อะนุตตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ ๗. สัตถา เทวะมะนุสสานัง ๘. พุทโธ ๙. ภะคะวา

คุณพระพุทธเจ้า ๙ ประการ
อะระหัง เป็นผู้ไกลจากกิเลส คือสามารถละกิเลสได้โดยสิ้นเชิง
สัมมาสัมพุทโธ ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
วิชชาจะระณะสัมปันโน ถึงพร้อมด้วยความรู้และความประพฤติที่ดีงามทั้งปวง
สุคะโต เสด็จไปไหนก็นำความสุขความเจริญไปให้เขา และโดยเฉพาะมีสุคติคือพระนิพพานเป็นที่ไป
โลกะวิทู เป็นผู้รู้แจ้งโลก โลกในที่นี้หมายถึงโลกภายในร่างกายของเรา โลกคือสรรพสัตว์ทั้งปวง และโลกคือดวงดาวต่าง ๆ พระองค์ท่านรู้แจ้งทุกอย่าง
อะนุตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ เป็นสารถีคือผู้ฝึกสอนที่ไม่มีใครเหนือกว่า บุคคลถ้าหากว่าไปถึงพระองค์ท่านที่สอนไม่ได้นั้นไม่มี
สัตถา เทวะมะนุสสานัง เป็นครูของทั้งมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
พุทโธ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้วจากกิเลสทั้งปวง
ภะคะวา เป็นผู้จำแนกแจกธรรม สั่งสอนสรรพสัตว์"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2017 เมื่อ 16:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 10-03-2017, 09:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ในส่วนที่เป็นอัตตหิตสมบัติ คือคุณเฉพาะของพระองค์เอง คือ อะระหัง เป็นผู้ไกลจากกิเลส สัมมาสัมพุทโธ เป็นผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง วิชชาจะระณะสัมปันโน เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้และความประพฤติที่ดีงามทั้งปวง สุคะโต เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว นำความสุขความเจริญไปทุกที่ โดยเฉพาะมีพระนิพพานเป็นที่ไป โลกะวิทู เป็นผู้รู้แจ้งโลก ทั้งโลกภายในคือร่างกาย โลกภายนอกคือหมู่สัตว์ โลกคือดวงดาวต่าง ๆ อะนุตตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ เป็นผู้ฝึกสอนที่ไม่มีใครเหนือไปกว่านี้อีกแล้ว

ในส่วนของปรหิตสมบัติ คือคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ก็คือ สัตถา เทวะมะนุสสานัง เป็นครูของทั้งมนุษย์และเทวดา ส่วน พุทโธ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน สอนผู้อื่นเพื่อให้รู้ตามได้ ภะคะวา เป็นผู้จำแนกแจกธรรม ไปไหนก็นำเอาโชคคือความดีใหญ่ไปให้เขาในที่นั้น

ส่วนนี้ทั้งพุทโธและภะคะวา เป็นทั้งอัตตหิตสมบัติ คือคุณเฉพาะตน และปรหิตสมบัติ คือคุณสำหรับบุคคลอื่นด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2017 เมื่อ 16:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 10-03-2017, 09:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"กำไลนวหรคุณ อาตมาสร้างขึ้นมาตามตำราของหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม) พุทธสรมหาเถระ วัดอนงคาราม ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง

หลวงปู่ท่านทำเป็นแหวน ส่วนอาตมาทำเป็นกำไล อาจารย์ปู่ท่านทำเป็นแหวน ใส่ง่ายดี มารุ่นลูกศิษย์ถ้าทำเป็นแหวนซ้ำไป เดี๋ยวจะกลายเป็นซ้ำรอยครูบาอาจารย์ จึงดัดแปลงเป็นกำไลแทน โดยเฉพาะว่ามีการถือเคล็ดว่า คำว่า “กำไร” คือ ไม่มีขาดทุน

กำไลนี้ทำเฉพาะเนื้อเงินเนื้อเดียว ใครที่ประเภทยักกระสายรออยู่ว่าจะมีเนื้อทองคำหรือเนื้ออื่น ๆ ไหม ? ไม่มีนะ แค่ทำเนื้อเดียว ควักเงินค่าเม็ดเงินไปแล้ว ๙๐ กิโลกรัม ถามว่ากิโลกรัมละเท่าไร ? ๒๐,๔๐๐ บาท คูณเอาเองก็แล้วกัน ถ้าหากว่านับเฉพาะน้ำหนักเงิน กำไลวงเดียวก็เกือบ ๒ บาทไปแล้ว อย่าบอกให้ทำมากกว่านั้น ไม่มีสตางค์...ทำแค่นั้นแหละ...ไปแบ่งกัน ถ้าไม่พอก็ไปตีกันเอาเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2017 เมื่อ 16:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 10-03-2017, 20:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ท่านที่ได้พระโสดาบันตั้งแต่สมัยพุทธกาลที่ยังไม่เข้าพระนิพพาน เป็นเพราะกำลังท่านยังไม่พอ หรือเพราะอะไรครับ ?
ตอบ : สงสัยแล้วได้อะไร ?

ถาม : จะมาเทียบกับกำลังใจตัวเองครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องเทียบหรอก ทำตัวเป็นพระโสดาบันให้ได้ก่อน

คนสมัยพุทธกาลบรรลุมรรคผล เพราะส่วนใหญ่แล้วแลกกันด้วยชีวิต คนสมัยเราลำบากหน่อยก็ถอยหลัง แล้วจะไปสู้เขาได้อย่างไร ?

คนสมัยพุทธกาลที่ได้พระโสดาบันแล้วปัจจุบันยังไม่เข้าพระนิพพาน มาจากหลายสาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกก็คือขึ้นไปเป็นเทวดานางฟ้าอยู่ข้างบน ระยะเวลาข้างบนกับข้างล่างต่างกันมาก เรารู้สึกว่านาน ๒,๐๐๐ กว่าปี แต่เวลาข้างบนไม่กี่วัน ประการที่ ๒ คือยังมีภารกิจที่ตัวเองจะต้องกระทำอยู่ ติดอยู่ด้วยภารกิจ ต้องลงมาเกิดใหม่ ถ้าหากว่าสูงไปกว่านั้นไม่สามารถที่จะเกิดได้ ก็จำเป็นที่จะต้องอยู่แค่พระโสดาบันเพื่อทำภารกิจของตัวเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2017 เมื่อ 03:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 10-03-2017, 20:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นธรรมดา เห็นการเจ็บป่วยเป็นทุกขลาภก็แล้วกัน คือทำให้เราเห็นชัดว่าร่างกายนี้ไม่มีอะไรดีเลย ถ้ายังอยากจะเกิดอีกก็แปลว่ายังอยากจะเจ็บป่วยอย่างนี้อีก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2017 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 10-03-2017, 20:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ทางคณะกรรมการดูแลบ้านเติมบุญอยากจะทำบุญบ้านที่นี่ อาตมายังสงสัยว่าพื้นที่พอให้ทำบุญไหม ? ถ้าจะทำบุญบ้านก็คงจะเป็นเดือนพฤษภาคม น่าจะเป็นวันเสาร์ เพราะว่าญาติโยมหยุดงานมาร่วมบุญกันได้ มีวันอาทิตย์ให้อาตมาฟื้นตัววันหนึ่ง ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดทำบุญวันอาทิตย์ อาตมาก็คงจะต้องคลานไปสอนหนังสือ..!

โดยเฉพาะเทอมนี้โหดมาก
เฉพาะที่วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาฯ อาตมาเจอไป ๕ ห้องด้วยกัน มีปริญญาตรีรัฐประศาสนศาสตร์ ปี ๑ พุทธศาสนา ปี ๑ การจัดการเชิงพุทธ ปี ๒ รัฐประศาสนศาสตร์ ปี ๒ และ การจัดการเชิงพุทธ ปี ๓ รวมทั้งหมด ๕ ห้อง ของปี ๓ นี่ ๓ หน่วยกิต คูณเข้าไปแล้วกันว่าใช้เวลากี่ชั่วโมงต่อวัน วันอังคารต้องสอนที่วัดใต้ วันพุธเผื่อไว้สำหรับวัดป่าเลไลยก์ที่มาแบบไม่ได้นัดหมายอยู่เรื่อย

หลังจากที่ใคร ๆ เขาบอกกันว่าพระอาจารย์เล็กใจดี...ปล่อยเกรด เจอปล่อยเกรด F ไป ๒๐ กว่าคน เข็ดไปตาม ๆ กัน วันก่อนยังเดินหน้าเหี่ยว ๆ มาถามว่า “แล้วผมจะแก้ F อย่างไร ?” “อ๋อ...ไม่ยาก ถ้าปีหน้ามีวิชานี้ก็มาลงเรียนใหม่” เกรด F ที่ไหนเขาแก้กันวะ ? เรียนด้วยกัน ๑๖ อาทิตย์ ๓๒ ชั่วโมง ได้เห็นหน้าไม่ถึง ๑ ชั่วโมง แล้วจะปล่อยให้สอบได้อย่างไร ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2017 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 10-03-2017, 20:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมาสอนวิทยาลัยสงฆ์ ส่วนที่สบายใจที่สุดก็คือการเรียนของพระภิกษุสามเณร พระภิกษุสามเณรที่ไปเรียนวิทยาลัยสงฆ์ส่วนใหญ่อยากเรียน ถึงขนาดต้องลงทุนบวชเข้ามาเพื่อจะได้มีโอกาสเรียน เพราะฉะนั้น...แต่ละท่านจะตั้งใจเรียนกันมาก

แต่ขณะเดียวกันบรรดาฆราวาสที่มาเรียนรัฐประศาสนศาสตร์บ้าง บริหารรัฐกิจบ้าง มาเรียนเพราะสภาพสังคมบังคับ ทางบ้านบังคับให้เรียนบ้าง การทำงานต้องใช้วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปบ้าง ในเมื่อไม่ได้ตั้งใจมาเรียนก็ใช้วิธีนั้นแหละ ก็คือมาเรียนบ้าง ไม่มาเรียนบ้าง อาตมาก็แจกเกรดไปตามความประพฤติ ถือว่า กมฺมํ สตฺเต วิภชฺชติ กรรมย่อมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้นแหละ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2017 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 15-03-2017, 08:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์สนทนากับพระที่เรียนบาลี "เรียนให้รู้ไว้ว่าที่ผมบอกว่ายากก็คือยากจริง ๆ ผมยืนยันว่าใครจบประโยค ๙ นี่จบด็อกเตอร์ได้ ๓ ใบเลย แต่ส่วนใหญ่พอผมบอกแล้วมักจะไม่ค่อยเชื่อ ต้องไปเจอเองแบบนี้แหละ

ไปเรียนทั้งทีก็เอาคำว่า "มหา" ติดมือมาหน่อย อย่างน้อย ๆ ก็ยังเป็นคำที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ อย่าลืมว่านั่นเป็นสมณศักดิ์พระราชทาน ถ้าหากว่าจบประโยค ๙ ถึงขนาดมีรถยนต์หลวงรับไปส่งถึงวัด ไหน ๆ ไปเรียนแล้ว เอาให้ได้สัก ๓ ประโยคก็ยังดี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2017 เมื่อ 11:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 15-03-2017, 09:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อยากทราบประวัติแม่นางกวักครับ
ตอบ : ไปค้นเอาในอินเทอร์เน็ต มีเยอะแยะไป

ถาม : มีที่เชื่อถือได้ไหมครับ ?
ตอบ :ถ้าไม่เชื่อเสียอย่าง จะมีอะไรเชื่อถือได้วะ ?

ไปหาหนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ ของหลวงปู่อ่ำ (พระราชกวี) วัดโสมนัสวรวิหาร มาอ่านดู จะมีประวัติของนางกวักที่ละเอียดมาก อาตมาเคยมีอยู่หลายเล่ม หนังสือเล่มใหญ่ ๆ นึกว่าไม่มีคนสนใจ ปรากฏว่าโดนเขาหยิบไปเกลี้ยงเลย อ่านแล้วจะได้รู้ต้นกำเนิดลายสือไทย ความเป็นมาของชนชาติไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน สรุปแล้วนางกวักเป็นคนไทยด้วยนะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2017 เมื่อ 11:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 15-03-2017, 09:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับโยมชาวภูเก็ตว่า "อาตมาจะหาเวลาไปภูเก็ตยังปลีกตัวไม่ออกเลย เจ้านายเรียกใช้หูดับ วันนี้ยังอุตส่าห์โทรมาทวง สำคัญตรงที่ว่าท่านสั่งอาตมาแล้วงานเสร็จ สั่งคนอื่นแล้วงานไม่เสร็จ ในเมื่อสั่งแล้วเสร็จท่านก็ใช้อาตมาไปเรื่อย

เมื่อครู่ที่ท่านโตโต้ถามว่าดันทุรังกับพยายามต่างกันอย่างไร ? ก็คือ เวลาเจองานยาก อาตมาสู้จนกว่าจะจบ แต่คนอื่นเจองานยากก็จะตีลูกมึน ทำไม่รู้ไม่ชี้...ไม่ทำ ความพยายามจึงต่างกัน ส่วนใหญ่พอถึงเวลาเขามักจะทำไม่สำเร็จ ส่วนของอาตมาเท่าที่ผ่านมาก็คือสำเร็จ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ก็เลยกลายเป็นว่าท่านเรียกใช้แต่อาตมา

เจอหลวงพ่อพระพรหมดิลก วัดสามพระยา ท่านถามว่า "เป็นอย่างไรบ้างวะเล็ก ?" "เหนื่อยฉิบหา..เลยครับหลวงพ่อ ขออภัยที่พูดคำหยาบ ตอนหลวงพ่อเป็นเจ้าคณะภาค ผมไม่เห็นจะเหนื่อยอย่างนี้เลย มาสมัยนี้คำสั่งไม่ผ่านจังหวัด ไม่ผ่านอำเภอหรอก ยิงมาลงตรงที่วัดเลย” ท่านก็อุตส่าห์ปลอบใจว่า “ดี...เจ้านายเรียกใช้แสดงว่าเขาเห็นความสามารถ” โอ้โฮ...ขอได้ไหมครับเรื่องนี้ ไม่ต้องเห็นความสามารถของผมหรอก

พวกเราส่วนใหญ่กว่าจะหนีงานมาถึงบ้านเติมบุญนี่ได้ก็สาย ต้องเข้าที่ทำงาน ต้องเซ็นชื่อ ต้องอยู่ให้เจ้านายเห็นหน้า พอเจ้านายเผลอแล้วค่อยแวบมา ก็เลยมาสายกันแทบทั้งนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-03-2017 เมื่อ 19:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 15-03-2017, 09:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ปีนี้ทางอำเภอทำประวัติเพื่อเลื่อนสมณศักดิ์ให้ ถ้าเป็นไปตามที่ท่านให้ ก็แปลว่าได้เลื่อน ๖ ขั้น โอ้โฮ...๖ ขั้นนี่ถ้าเป็นเงินเดือนราชการก็รวยตายเลย แต่ขอโทษ...ของพระเลื่อน ๖ ขั้นได้เงินเพิ่ม ๒๐๐ บาท..! ถามว่าประวัติหนาเท่าไหร่ ? ๒๗๘ หน้า เฉพาะเซ็นรับรองประวัติอย่างเดียวก็มือหงิกแล้ว แล้วต้องเซ็นตั้ง ๓ เล่มอีกด้วย

ถามว่าทำไมมากขนาดนั้น ? ก็แค่เรื่องการให้ทุนการศึกษานักเรียนอย่างเดียว อาตมาให้ทุน ๘ โรงเรียน โรงเรียนละ ๒๐ ทุน ๒๐ ทุนนี้ต้องใช้กระดาษ ๒ หน้าเพื่อทำรายชื่อ ๘ โรงเรียนเท่ากับ ๑๖ หน้า แล้ว ๕ ปี เป็น ๘๐ หน้า..! ยังไม่ต้องคิดถึงอย่างอื่น นี่แค่ทุนนักเรียนอย่างเดียว ยังไม่นับทุนอุดมศึกษา ทุนของพระภิกษุสามเณร แล้วไหนจะงานก่อสร้าง งานบูรณปฏิสังขรณ์งานสาธารณสงเคราะห์
อะไรอีก ทำโน่นทำนี่ให้ประโยชน์แก่ข้างนอกเขาอีกเยอะแยะ

ส่วนใหญ่แล้วญาติโยมจะคิดว่าพระฉันแล้วนอน นับเป็นภาพพจน์ที่แย่มาก ความจริงแล้วพระเราทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติแต่ละปี ๆ มากมายมหาศาล แต่ไม่มีหน่วยงานที่ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ ก็เลยกลายเป็นว่าทำดีไม่มีคนชม แต่ถ้าหากว่ามีไอ้พวกชั่วโผล่มาหน่อยนี่โดนด่าเช็ดไปเลย แล้วก็เหมารวมกันไปทั้งหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2017 เมื่อ 11:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 15-03-2017, 09:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"โดยเฉพาะสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน วันก่อนท่านบอกกับญาติโยมที่ไปหาว่า อย่าไปถวายเงินพระ เพราะว่าจะทำให้พระศีลขาดต้องอาบัติ ท่านพูดถูก แต่ว่าต้องไปใช้สำหรับสมัยพุทธกาล เพราะว่าสมัยก่อนไม่ว่าจะที่อยู่ ที่อาศัย ปัจจัยต่าง ๆ ญาติโยมให้การสงเคราะห์พระทั้งหมด แต่พอมาถึงยุคพัฒนาประเทศของเรา ญาติโยมมัวแต่ทำมาหากินเพื่อสร้างบ้านแปลงเมือง ให้เจริญรุ่งเรืองทัดเทียมนานาอารยประเทศ ก็ทิ้งภาระให้พระดูแลบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามด้วยตัวเอง ก็คือถวายเป็นปัจจัยไปให้พระท่านจัดการเอง

สมัยนี้ไม่ว่าจะขึ้นรถ ลงเรือ เข้าร้านอาหาร ก็ต้องใช้เงินใช้ทองทั้งหมด น้อยคันที่จะถวายพระให้ขึ้นฟรี ปัจจุบันนี้คงจะหาไม่ได้แล้ว ร้านอาหารก็น้อยแห่งที่จะถวายพระฟรี เพราะฉะนั้น...เรื่องของเงินทองก็เลยกลายเป็นว่า ปัจจุบันนี้แม้เป็นพระก็ต้องรับ เพียงแต่ว่ารับแล้วอย่าให้เงินทองมีอำนาจอิทธิพลเหนือเรา หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า เมื่อใช้ให้สมควรแก่สมณสารูปแล้ว ส่วนที่เหลือให้ผลักลงในกองบุญการกุศล จะเป็นสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทานก็ได้ เพื่อเพิ่มอานิสงส์ให้แก่ผู้ถวาย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2017 เมื่อ 11:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 15-03-2017, 09:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถ้าเราสังเกตดูจะเห็นว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เป็นสมเด็จพระสังฆราชที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดคือ ๒๔ ปี พระองค์ท่านไม่เคยตรัสเรื่องอย่างนี้ เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องจำเป็น แต่ว่าสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ท่านเคร่งครัดในเรื่องของศีลมาก....เรื่องเงินนี่ท่านไม่แตะเลย

อาตมาเองก็อยากจะกราบทูลว่า อาตมาไม่ใช่สมเด็จพระราชาคณะ ไม่ใช่สมเด็จพระสังฆราช ไปไหนจะได้มีรถยนต์หลวงมารับ ไม่ว่าเสด็จไปไหนจะได้มีลูกศิษย์หิ้วย่ามตามคอยจ่ายแทน พระองค์ท่านตรัสอย่างนั้นถูกต้อง แต่ว่าต้องย้อนหลังไปสมัยโน้น สมัยที่อาตมายังแก้ผ้าวิ่ง ไม่ใช่บริบทของสังคมสมัยนี้ที่เปลี่ยนไป

ฉะนั้น...บางอย่างต้องดูด้วย ถ้าหากว่าญาติโยมไม่ให้การสนับสนุนสงเคราะห์ด้วยปัจจัย ๔ วัดวาอารามอยู่ไม่ได้ พระเราก็มีความผิดทั้งทางโลกทั้งทางธรรม ก็คือไม่ได้ดูแลพัฒนาวัดให้สะอาด สว่าง สงบ และคู่ควรแก่การที่ญาติโยมจะเข้าไปทำบุญ จะพัฒนาอย่างไรก็ในเมื่อปัจจัยไม่อำนวยให้ จะให้ไปอยู่กระต๊อบแบบสมัยก่อนก็ได้ แต่ว่าญาติโยมก็คงไม่เข้าวัดเข้าวา ศาสนาอยู่ไม่ได้ คงจะสูญพันธุ์ไปในระยะเวลาอันรวดเร็ว

ได้ยินว่าลูกศิษย์สายวัดป่า ซึ่งก็คือสายของสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน ออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องกฎหมายใหม่นี้แล้ว บอกว่าเป็นการทำลายพระธรรมวินัยในการที่จะเอาฆราวาสมาควบคุมพระ อาตมาขอฝากเฉพาะเรื่องห้ามพระรับเงินรับทอง ให้ปฏิบัติธรรมอย่างเดียว คนคิดออกมานั่นบ้าชัด ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2017 เมื่อ 11:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 15-03-2017, 20:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องเก็บลายมือครูบาอาจารย์ อาตมาก็เคยเก็บลายมือหลวงพ่อวัดท่าซุง มีอยู่ฉบับหนึ่งที่หลวงตาวัชรชัยอยากได้มากเลย

วันหนึ่งอาตมาเข้าเวรอยู่ หลวงพ่อท่านก็เรียก แล้วก็ส่งกระดาษให้แผ่นหนึ่ง บอกว่า "ไปตามตัวมา" มีเขียนรายชื่อพระอยู่ ๓-๔ รูป รวมทั้งชื่อหลวงตาวัชรชัยด้วย อาตมาก็ไปตามตัวมา

หลวงตาวัชรชัยก็นั่งใจเต้นแล้วเต้นอีก "เรื่องอะไรวะ ?" ปรากฏว่าพอได้เวลาหลวงพ่อท่านก็ออกมา “เฮ้ย...ไม่ใช่ไอ้นี่ ช่างไฟน่ะ..ช่างไฟ” “อ๋อ...หลวงพี่ธวัชชัยครับ” “เออ...นั่นแหละ” ชื่อคล้าย ๆ กันท่านเขียนเป็นวัชรชัย ...(หัวเราะ)... ลองคิดดู คนที่งานก็ไม่มี ทำอะไรผิดก็ไม่ได้ทำ ทำไมอยู่ ๆ โดนเรียก ? หลวงตาวัชรชัยบอก "หัวใจจะวายตาย นั่งรออยู่ ๑๕ นาที กูคิดแล้วคิดอีกว่าจะโดนอะไรวะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-03-2017 เมื่อ 01:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 15-03-2017, 20:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนนี้พยายามไม่ให้คิดไม่ดี หรือทำไม่ดี พยายามไม่ "พอใจ" หรือถ้า "ไม่พอใจ" ก็พยายามรักษาไม่ให้ "ไม่พอใจ" รักษาใจไว้ตรงกลาง อย่างนี้ทำถูกต้องหรือไม่ และควรทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : รักษาศีล ทำสมาธิ ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นถึงความไม่ดีของร่างกายนี้และโลกนี้ อารมณ์ใจต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ เกิดขึ้นแล้วรับรู้ รับรู้แล้วปล่อยวาง สิ่งที่ดีเกิดขึ้นก็รักษาไว้ สิ่งไม่ดีเกิดขึ้นก็ขับไล่ออกไป มีเท่านั้นแหละ

ถาม : พอหลังจากประคองอย่างนี้แล้ว กลายเป็นคนโกรธง่ายครับ พอตั้งใจว่าจะทำแบบนี้ทีไรก็เป็นครับ ?
ตอบ : การปฏิบัติจะมีสิ่งที่มาทดลองเสมอ เราตั้งใจจะละสิ่งไหนสิ่งนั้นจะมาลอง ถือเป็นเรื่องปกติ ถ้าชนะได้ก็จดจำไว้ว่าชนะได้ด้วยวิธีไหน ถ้าหากว่าแพ้ก็ตัดสินใจว่าเราจะเริ่มต้นใหม่ ก็เท่านั้นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-03-2017 เมื่อ 01:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 15-03-2017, 20:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนก่อนรัฐบาลบอกว่าอัตราการเกิดตายของเราเท่ากัน ในเมื่ออัตราการเกิดกับตายเท่ากัน จำนวนประชากรจะลดลง เขาขอร้องให้มีลูกเพิ่มขึ้น แต่รู้สึกว่าแต่ละคนจะขวัญหนีดีฝ่อ ไม่อยากมีลูกกันทั้งนั้น

การมีลูกสมัยโบราณของเราบอกว่า “มีลูกหนึ่งคนจนไป ๗ ปี” สมัยโบราณนั่นในน้ำมีปลาในนามีข้าว สมัยนี้ “มีลูกหนึ่งคนจนไป ๒๒ ปี” กว่าลูกจะเรียนจบปริญญามาทำงาน
ถ้า ๒๒ ปีแล้วลูกไม่ทำงานก็จนต่อไป

อาตมาเป็นคนไม่เคยตกงาน ที่ไม่เคยตกงานเพราะว่าไม่เคยเลือกงาน ถ้ามีงานให้เลือกจะเลือกทำอย่างที่ยากเสมอ เพราะว่างานนั้นไม่มีใครแย่งกับเรา ในเมื่อเป็นอย่างนั้นพอถึงเวลาแล้วก็มีงานทำอยู่เรื่อยแหละ คนอื่นเขาเลือกงาน ลำบากเขาไม่เอา เขาก็ตกงาน ส่วนอาตมาชอบ
ลำบากจึงกลายเป็นไม่ค่อยตกงาน

ปัจจุบันนี้เวลาของตัวเองแทบจะไม่มี วิ่งไปวิ่งมาเรื่องงานหลวงงานราษฎร์อยู่ตลอด วันก่อนเพิ่งจะไปส่งพระอุปัชฌาย์รุ่นน้อง บริจาคเงินสนับสนุนงานอบรมกรรมฐาน เขาบอกว่าเพื่อนร่วมรุ่นไม่ไปก็ได้ แต่อาตมาไม่ไปไม่ได้ คนอื่นไม่ไปไม่เป็นไร อาตมาเป็นประธานรุ่นไม่ไปไม่ได้

ในรุ่นที่ไปอบรมมาด้วยกันมีเจ้าคุณหลายรูป มีรองเจ้าคณะภาค ๔ รูป แต่เขานึกอย่างไรก็ไม่รู้เลือกให้อาตมาเป็นประธาน ก็คือเกิดจากการที่ทำงานโดยไม่เกี่ยง ช่วงระยะเวลาที่อบรมอยู่ด้วยกัน ๑๗ วัน ปฏิบัติธรรมด้วยกันอีก ๑๕ วัน มีงานอะไรหนักเบาอาตมาทำหมด อาจจะเป็นเพราะเขาเห็นว่าใช้ง่ายกระมัง ? เขาก็เลยช่วยกันเลือกให้เป็นประธานรุ่น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-03-2017 เมื่อ 01:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 15-03-2017, 20:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"การทำงานมีแต่กำไรไม่มีขาดทุน เป็นการสั่งสมประสบการณ์ เมื่อสั่งสมประสบการณ์ มีความชำนาญ มีความคล่องตัว ต่อไปงานระดับเดียวกันก็ไม่มีอะไรที่เราต้องหนักใจ

พวกเราสมัยนี้ส่วนใหญ่แล้วก็คือ ถ้าตั้งหน้าตั้งตาทำงานก็หวังว่าเขาจะเห็นผลงาน พอคนอื่นได้เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนขั้นเงินเดือนแล้วเราไม่ได้ ก็เฉาหมดสภาพ ไม่คิดที่จะทำต่อ

เราลองมานึกถึงในหลวง ร.๙ ทรงงานสิ พระองค์ท่านทุ่มเททำงานเพื่อประชาชนมาตลอด ๗๐ ปีที่ครองราชย์ แม้กระทั่งเคลื่อนไหวลำบากก็ยังทรงงาน คิดงาน มีพระราชดำริให้คนอื่นไปทำแทน ระดับของพระองค์ท่านไม่ต้องทำก็ได้ แต่ก็ยังคงทำอยู่เป็นปกติ เราลองมานึกดูว่าการทำงานอย่างไม่เห็นแก่เหนื่อยยากตลอด ๗๐ ปี ไม่มีวันพักผ่อน หรือมีวันพักผ่อนน้อยมาก ถ้าไม่ใช่หัวใจที่ทุ่มเทให้กับประเทศชาติและประชากร แล้วใครจะทำได้ ?

เราจะเห็นว่าสมัยนี้พอไปถึงระดับหนึ่งก็ทำเพื่อพวกพ้องหรือตัวเอง แต่ในหลวง ร.๙ ของเราไม่เคยทำอย่างนั้น ในเมื่อเป็นเช่นนั้นต่างประเทศเขาถึงไม่เข้าใจเรา ถ้าพูดในสายตาของเขาก็คือคนตายไปคนหนึ่ง ทำไมต้องร้องไห้กันทั้งประเทศ ? เพราะว่าเขาไม่มีโอกาสที่จะมีในหลวงอย่างนี้ ส่วนใหญ่ราชวงศ์ของต่างประเทศครองราชย์ก็อยู่ในลักษณะของการเสวยสุข โอกาสที่จะทำเพื่อประชาชนมีน้อยมาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-03-2017 เมื่อ 01:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 15-03-2017, 20:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เมื่อเช้ามีโยมถามว่า ทำไมบุคคลที่บรรลุโสดาบันตั้งแต่สมัยพุทธกาลยังไม่เข้าพระนิพพานยังมีอยู่เยอะแยะ ? ส่วนหนึ่งก็คือติดสุข เป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหมอยู่ ติดอยู่กับความสุขในทิพยสมบัติ ก็เลยไม่ได้ขวนขวายหาความก้าวหน้า

แต่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นได้เปรียบพวกเราตรงที่ว่า อบายภูมิปิดสำหรับท่านแล้ว โอกาสพลาดลงต่ำไม่มีแล้ว มีแต่เจริญขึ้น ช้าอย่างไรก็ก้าวไปข้างหน้า
ส่วนพวกเรานี้โอกาสถอยหลังมีเยอะ ต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง

เราต้องไปดูว่าสิ่งที่เราทำ ถ้าเรารู้สึกว่าเหนื่อย รู้สึกว่าท้อ ต้องนึกถึงว่าสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทำคืออะไร ? หลายอย่างพระองค์ท่านไม่มีโอกาสเห็นตอนที่ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นจะเกิดดอกออกผลในรัชกาลนี้ แล้วคำทำนายโบราณที่บอกว่า "ชาววิไล" ก็คือช่วงรัชกาลที่ ๑๐ เกิดจากดอกผลที่พระองค์ท่านทุ่มเทเงินต้นด้วยกำลังกายกำลังใจตลอด ๗๐ ปีที่ผ่านมา

อาตมาถือว่าโชคดีเป็นคน ๒ แผ่นดิน ในเมื่อเหยียบแผ่นดินเก่าด้วย แผ่นดินใหม่ด้วย ก็จะเห็นชัดเจนถึงความแตกต่าง ถ้าคนไม่ได้อยู่ในรุ่นเก่านานพออาจจะมองความต่างไม่เห็น สมัยก่อนทางบ้านของอาตมาเป็นทางลูกรัง ไม่มีคลองชลประทาน ไม่มีสาธารณูปโภค โครงการพระราชดำริต่าง ๆ เกิดขึ้นทำให้ชาวบ้านเห็นว่าสิ่งที่พระองค์ท่านทำ พระองค์ท่านสอน เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดผล
ได้จริง ๆ "
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-03-2017 เมื่อ 01:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:48



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว