กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

กระทู้ถูกปิด
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 12-01-2011, 17:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๔

ขอให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตัว สำคัญที่สุดคือการตั้งกายให้ตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา ถ้าจิตเผลอไปคิดเรื่องอื่นเมื่อไร ให้ดึงกลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออกทันที พยายามรักษาอารมณ์ใจของเราให้อยู่กับลมหายใจเข้าออกให้ได้

สำหรับวันนี้ เป็นวันศุกร์ที่ ๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ เป็นการปฏิบัติธรรมรับปีใหม่วันแรกของเดือนและวันแรกของปีสำหรับพวกเราในที่นี้

ในวาระปีใหม่นั้น ควรจะถือว่าเป็นวาระพิเศษ ที่เราจะได้ทบทวนว่า ในช่วงปีที่ผ่านมานั้น การปฏิบัติของเราเป็นอย่างไร มีความก้าวหน้าขึ้นหรือว่าลดน้อยถอยลง หรือว่าล้าเสียแล้ว หมดกำลังกายหมดกำลังใจที่จะปฏิบัติแล้ว

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้นั้น พระพุทธเจ้าได้มอบหลักธรรมะให้แก่พวกเรา ที่จะใช้ในการตรวจสอบตนเองได้ หลักธรรมหมวดแรก ก็คือ อิทธิบาท ๔

ซึ่งประกอบไปด้วย ฉันทะ คือ ความพอใจ รักที่จะปฏิบัติจริง ๆ ให้ทุกคนทบทวนดูว่า ตั้งแต่เริ่มการปฏิบัติมาก็ดี หรือว่าตั้งแต่ปีที่แล้วที่ผ่านมาก็ดี ตลอดจนถึงปัจจุบันนี้ก็ดี เรายังมีความยินดี มีความพอใจ เต็มอกเต็มใจที่จะปฏิบัติธรรมของเราอยู่หรือไม่ ? เรายังรักในทาน ในศีล ในภาวนา หรือว่ายังรักยังทุ่มเทอยู่กับ ศีล สมาธิ ปัญญา ของเราอยู่หรือไม่ ?

ข้อที่สองคือ วิริยะ ความพากเพียรบากบั่น ไม่ท้อถอย เรายังมีความเพียรในการปฏิบัติทั้งศีล ทั้งสมาธิ ทั้งปัญญาอยู่หรือไม่ ? หรือว่าท้อถอยเสียแล้ว หมดกำลังใจเสียแล้ว ?

เรื่องนี้เป็นเครื่องวัดตนเองได้อย่างชัดเจนที่สุด เพราะว่าถ้าเรามีความพากเพียรบากบั่น ทุ่มเท ไม่ท้อถอย ผลลัพธ์ที่ดีย่อมจะเกิดขึ้นแก่เราอย่างชัดเจน แต่ถ้าความเพียรพยายามไม่พอ ผลที่เกิดขึ้นอาจจะมีเล็กน้อยหรือไม่เกิดขึ้นเลย ทำให้บางคนเบื่อหน่าย หมดอารมณ์ที่จะปฏิบัติไปมากต่อมากด้วยกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2011 เมื่อ 19:40
สมาชิก 91 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 13-01-2011, 10:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ข้อที่ ๓ คือ จิตตะ กำลังใจที่มุ่งมั่นต่อเป้าหมาย อย่างเช่น เมื่อช่วงบ่ายที่ได้กล่าวไว้ว่า เราจะไปพระนิพพาน นั่นคือเป้าหมายของเรา แต่เรารู้จักพระนิพพานจริงแล้วหรือ ? จึงได้วิสัชนากันเสียยาว ว่าสภาพพระนิพพานเป็นอย่างไร

สำหรับตอนนี้ ให้ทุกคนพิจารณาว่า กำลังใจของเรายังแน่วแน่ต่อเป้าหมายคือพระนิพพานเพียงใด ? หรือมีการเปลี่ยนแปลงแปรปรวน สั่นคลอนไปตามสภาพของกิเลสที่ถาโถมเข้ามาหาเราอยู่ตลอดเวลา ?

โดยเฉพาะข้อสุดท้ายของอิทธิบาท ๔ คือ วิมังสา เราจะต้องรู้จักไตร่ตรองทบทวนอยู่เสมอ ๆ ถ้าหากว่าเป็นธุรกิจสมัยนี้ ก็คือการสรุปและประเมินผลงานนั่นเอง

เราจะต้องรู้ตัวว่า เราทำอะไร ? เพื่ออะไร ? ปัจจุบันนี้เรายังมุ่งตรงต่อเป้าหมายนั้นหรือไม่ ? เรามุ่งมาแล้วได้ระยะทางใกล้ไกลเท่าไร ? ยังห่างจากเป้าหมายเท่าไร ? ยังต้องใช้ความเพียรพยายามทุ่มเทอีกเท่าไร ?

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสามารถที่จะนำเอาหลักธรรม คืออิทธิบาท ๔ นี้ มาใช้ในการประเมินโดยที่ไม่เข้าข้างตนเองแล้ว เราก็จะรู้ว่า ในช่วงปี ๒๕๕๓ ที่ผ่านมานั้น การปฏิบัติของเรา ก้าวหน้า คงที่ หรือว่าถอยหลังกันแน่ ?

ถ้าหากว่ามีความก้าวหน้า ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่ายินดี ที่ท่านทั้งหลายสามารถใช้กำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา ในการปฏิบัติธรรมแล้วเกิดผลแก่ตนเองมากขึ้น

ถ้าหากว่าคงที่อยู่ ก็ยังนับว่าใช้ได้ เพราะว่าเราทวนกระแสโลกขนาดอยู่เฉย ๆ ก็ถือว่าถอยหลังแล้ว เพราะโลกหมุนไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา ถ้าเรารักษาระดับคงที่เอาไว้ได้ ก็ถือว่ากำลังใจของเราอยู่ในระดับที่ใช้ได้ ไม่ถึงกับแพ้ให้แก่กิเลส
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2011 เมื่อ 11:32
สมาชิก 82 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 16-01-2011, 15:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ถ้าพิจารณาแล้ว กำลังใจของเราถอยหลัง อย่างนั้นก็แย่แล้ว เพราะว่าเราสู้กิเลสไม่ได้แล้ว จำเป็นที่จะต้องรวบรวมกำลังใจของเราขึ้นมาใหม่ แล้วตั้งหน้าปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา ของเราต่อไป เพื่อที่จะสร้างกำลังใจของเราให้เข้มแข็ง ให้มั่นคง

โดยมีศีลเป็นกรอบ ไม่ให้เราหลุดออกจากเขตของความดี มีสมาธิเป็นกำลัง เพื่อที่จะหักห้ามใจของเราไม่ให้ละเมิดในสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้อง มีปัญญาเป็นเครื่องนำทาง ให้เราก้าวไปในทางที่ถูก หรือถ้าท่านเห็นว่า ในเรื่องของอิทธิบาทนั้น วัดกำลังใจของท่านได้ไม่ชัดเจน เราจะเปลี่ยนจาก อิทธิบาท ๔ มาเป็น สัมมัปปธาน ๔ ก็ได้ สัมมัปปธาน ๔ คือ ความเพียรในด้านที่ถูกต้อง ๔ ประการด้วยกัน

อย่างที่ ๑ เรียกว่า สังวรปธาน ท่านบอกว่า เพียรพยายามระมัดระวัง ไม่ให้ความชั่วเกิดขึ้นในใจของเรา

อย่างที่ ๒ เรียกว่า ปหานปธานพียรพยายามละความชั่วในใจของเราให้หมดสิ้นไป อย่างที่ ๑ ระวังไม่ให้ความชั่วเกิด อย่างที่ ๒ ขับไล่ความชั่วที่เกิดขึ้นแล้ว ให้ออกไปให้หมด นี่จึงเป็นสิ่งที่เพียรพยายามถูกต้องตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้

อย่างที่ ๓ เรียกว่า ภาวนาปธาน คือ เพียรสร้างความดีให้เกิดขึ้นในใจของเรา

อย่างที่ ๔ เรียกว่า อารักขนานุปธาน คือ การเพียรพยายามรักษาความดีในใจของเราให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

จะว่าไปแล้ว สัมมัปปธาน ๔ นี้เป็นเครื่องประกันคุณภาพให้แก่ทุกคน ว่าจิตใจของเรามีคุณภาพดีพอหรือไม่ ถ้าหากว่าเรารู้จักระมัดระวัง ไม่ให้ความชั่วเข้ามาในใจ ถ้ามีความชั่วเข้ามาก็ขับไล่ออกไปโดยเร็ว เพียรพยายามสร้างความดีขึ้นมาในใจ เมื่อมีความดีแล้ว ก็ประคับประคองรักษาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ก็เป็นการประกันคุณภาพได้ว่ากำลังใจของเราจะมีแต่ก้าวหน้าในด้านที่ดีขึ้นเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2011 เมื่อ 17:01
สมาชิก 62 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 17-01-2011, 00:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เราก็มาวัดว่าในช่วงปีที่ผ่านมา ตราบจนมาชนปีใหม่ ๒๕๕๔ นี้ เราสามารถขับไล่ความชั่วในใจของเราออกไปได้เท่าไร ? แล้วขณะเดียวกัน เราสามารถระมัดระวัง ปิดกั้นไม่ให้ความชั่วเข้ามาในใจเราได้เท่าไร ?

เราหนักแน่นไม่คลอนแคลน ความชั่วไม่สามารถแทรกซึมเข้ามาได้ หรือว่าเราหละหลวมผ่อนคลาย ปล่อยให้ความชั่วเข้ามาในใจเราอยู่ตลอดเวลา? แล้วมาดูว่า เราสามารถสร้างความดีขึ้นมาในใจเราได้เท่าไร ? ศีลของเรามีความก้าวหน้าหรือไม่ ? สมาธิของเรามีความก้าวหน้าหรือไม่ ? ปัญญาของเรามีความก้าวหน้าหรือไม่ ?

เมื่อมีความดีเหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว เราสามารถรักษาให้คงที่ทรงตัวเอาไว้ได้หรือไม่ ? หรือเราสามารถสร้างให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปได้หรือไม่ ? สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเป็นตัวประเมินผลการปฏิบัติของเราได้เป็นอย่างดี และในขณะเดียวกัน ก็เป็นเครื่องประกันคุณภาพจิตใจของเราด้วยว่า จิตใจของเรามีคุณภาพพอที่จะผ่านขั้นตอนการประเมินหรือไม่ ?

ถ้าหากว่าไม่ผ่าน ก็อย่าเพิ่งเสียใจ ให้เราเร่งเพียรพยายามเข้าใหม่ การทำความดีไม่มีคำว่าสายเกินไป ไม่มีคำว่าช้าเกินไป ทำเมื่อไร ก็ดีเมื่อนั้น ไม่มีบุคคลใดที่บริสุทธิ์ผุดผ่องมาตั้งแต่กำเนิด ทุกคนจะต้องโดนสภาพของกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ย้อมจิตใจให้ตกต่ำดำมืดอยู่เสมอ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-01-2011 เมื่อ 02:51
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 20-01-2011, 13:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เราก็ตั้งหน้าตั้งตาดูว่า เราในปัจจุบันนี้มีความยินดีพอใจที่จะละกิเลสเพื่อเข้าสู่พระนิพพานหรือไม่ ? เรายังพากเพียรพยายามรักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา ใช้ปัญญาประกอบอยู่หรือไม่ ? เรายังมีกำลังใจที่ปักมั่นแน่วแน่ต่อเป้าหมายไม่คลอนคลายหรือไม่ ? และท้ายสุด เราทำอะไร ? เพื่ออะไร ? ตอนนี้อยู่ตรงจุดไหน ? เหลือเป้าหมายอีกใกล้ไกลเท่าไร ? เรารู้ตัวอยู่หรือไม่ ?

หรือว่าเราระมัดระวังรักษาใจของเราให้ปลอดจากความชั่วได้เท่าไร ? เราขับไล่ความชั่วในจิตใจออกไปได้เท่าไร ? เราสร้างความดีขึ้นในใจของเราได้เท่าไร ? แล้วเรารักษาความดีนั้นให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นได้เท่าไร ?

ถ้าท่านทั้งหลายประเมินตนเองแล้ว ถ้าหากว่าความดีนั้นน้อยอยู่ ก็สามารถที่จะสร้างความดีให้เพิ่มขึ้นได้ ขณะเดียวกันถ้ามีความดีอยู่แล้ว ก็จะได้ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป จึงจะได้ชื่อว่าปีใหม่นี้ ก็คือปีใหม่ที่เป็นมงคล เป็นปีใหม่ที่เป็นสิ่งที่ดีงาม เป็นปีใหม่ที่เป็นความสุขความเจริญของพวกเราอย่างแท้จริง

ในขณะนี้ก็ขอให้ทุกคนทบทวนดูว่า ศีลทุกสิกขาบทของพวกเราสมบูรณ์บริบูรณ์พร้อมหรือไม่ ? สมาธิภาวนาของเราทรงตัวหรือไม่ ? มีปัญญารู้แจ้งเห็นจริงในสามัญลักษณะ คือความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีอะไรเป็นตัวเป็นตนของเราจริงหรือไม่ ? แล้วให้รักษาอารมณ์ภาวนาพิจารณาของเราเอาไว้ดังนี้ จนกว่าจะได้ยินสัญญานบอกว่าหมดเวลา

พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันศุกร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๔
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2011 เมื่อ 14:16
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
กระทู้ถูกปิด


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:42



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว