กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 19-06-2012, 15:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕

ทุกคนขยับตัวนั่งในท่าที่สบายของเรา จะนั่งขัดสมาธิ นั่งซ้อนขา ขัดสมาธิเพชร หรือพับเพียบ ก็แล้วแต่ความถนัดของเรา เอาความรู้สึกทั้งหมดอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ ตามที่เราเคยมีความถนัดมาแต่เดิม

สำหรับวันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๕ ยังอยู่ในช่วงสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าสัปดาห์วันวิสาขบูชา จากที่เมื่อวานได้กล่าวแล้วว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ทรงทรมานพระวรกายอยู่ถึง ๖ ปีเต็ม ๆ กว่าจะตรัสรู้ธรรม แล้วนำเอาธรรมทั้งหลายเหล่านั้น มาสั่งสอนต่อพระเถระในครั้งพุทธกาล จนกระทั่งบรรลุมรรคผลเป็นจำนวนมากต่อมากด้วยกัน แล้วพระเถระทั้งหลายก็ได้สืบทอดหลักธรรมนั้นสืบเนื่องกันมาจนกระทั่งถึงเราในปัจจุบันนี้

ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ต้องทนลำบากแทบล้มประดาตาย เพื่อแสวงหาธรรมมะมาสงเคราะห์พวกเรา พระองค์ท่านบำเพ็ญพุทธกิจตลอด ๔๕ พรรษา ทุกวันไม่เคยว่างเว้น แต่ละคืนบรรทมไม่น่าจะเกิน ๓ ชั่วโมงเท่านั้น พระองค์ทำดังนี้เพราะเห็นประโยชน์ในจุดที่ว่า พวกเราทั้งหลายมีโอกาสที่จะบรรลุมรรคผล องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงยอมตรากตรำพระวรกายเหนื่อยยากอยู่ ๔๕ ปีเต็ม ๆ เผยแผ่ในสิ่งที่พระองค์ท่านได้ตรัสรู้มาสู่พวกเราทั้งหลาย เพราะด้วยความหวังดีปรารถนาดีอย่างแท้จริงว่า ต้องการให้พวกเราทั้งหลายนี้ได้พ้นทุกข์เช่นเดียวกับพระองค์ท่าน

แม้กระทั่งพระมหาเถระทั้งหลายตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบันมาถึงหลวงปู่ หลวงพ่อของเราก็ดี เมื่อเสวยอมตสุขของการสัมผัส เข้าถึง รู้แจ้ง ในพระนิพพานแล้ว ก็อยากให้พวกเราได้มีโอกาสลิ้มรสของความเป็นอิสระ พ้นจากบ่วงของความทุกข์ทั้งปวงด้วย หลวงปู่หลวงพ่อของเรา จึงได้ลำบากตรากตรำ สั่งสอนพวกเราสืบมา

โดยเฉพาะหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้น สุขภาพของหลวงพ่อไม่ดีมาตลอด เพราะในอดีตแทบทุกชาติท่านเป็นทหาร ต้องรบราฆ่าฟันกับข้าศึกอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าการฆ่านั้นจะเป็นไปเพื่อส่วนรวมก็ตาม โทษใหญ่ก็ยังเกิดแก่ตนเสมอ แม้ว่าต้นทุนทั้งหมดได้ชดใช้ไปแล้วในเบื้องล่าง แต่ว่าเศษกรรมนั้นก็ยังคงตามรังควานท่านอยู่ตลอดเวลา พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าไม่มีวันใดที่ท่านจะไม่ป่วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2012 เมื่อ 19:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 20-06-2012, 16:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แทบจะไม่มีใครดูออกเลยว่าหลวงพ่อท่านป่วย เมื่อถึงเวลาท่านก็ลงมาสงเคราะห์ญาติโยมเป็นปกติ ก็ด้วยความหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ญาติโยมทั้งหลายที่ไปหาท่าน ต้องการหลักธรรมในการนำชีวิตของตนเองให้พ้นจากห้วงทุกข์ หลวงพ่อท่านทราบว่า การพ้นจากความทุกข์นั้นมีความสุขเพียงใด ก็อยากให้ทุกคนได้รับความสุขอย่างนั้นด้วย

ดังนั้น..เราจะเห็นได้ว่า องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราก็ดี พระมหาเถระในอดีตตั้งแต่สมัยพุทธกาลมาจนถึงปัจจุบันก็ดี หลวงปู่ หลวงพ่อของเราก็ดี ล้วนแล้วแต่นำเอาธรรมะมาสั่งสอน มาเผยแผ่ให้แก่พวกเรา ก็โดยหวังประโยชน์สุขของเราเท่านั้น แล้วตัวเราทั้งหลายที่สืบสายทายาทธรรม ถ้านับแค่หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อวัดท่าซุงมา เราในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ หลานศิษย์ ได้ใช้ความพากเพียรพยายามในการปฏิบัติธรรมจริง ๆ จัง ๆ สมกับที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ เป็นหลานศิษย์หลวงปู่แล้วหรือยัง ?

เราปล่อยเวลาให้ล่วงผ่านไปในแต่ละวัน ๆ โดยที่ไปฟุ้งซ่านกับ รัก โลภ โกรธ หลง หรือว่าเราเพียรพยายามในการบำเพ็ญภาวนา ประคับประคองรักษากำลังใจของเราให้อยู่ในด้านที่ดี เราถามตัวเองแค่นี้ก็จะเห็นแล้วว่า ที่เราไปกล่าวว่าเราเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง เป็นหลานศิษย์หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หรือแม้กระทั่งปัจจุบันบอกว่าเป็นศิษย์ของพระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน เราทำตัวสมกับที่เป็นลูกศิษย์ หลานศิษย์แล้วหรือไม่ ?

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลำบากตรากตรำถึงปานนั้น หลวงปู่หลวงพ่อของเราลำบากตรากตรำถึงปานนั้น เพื่ออนุเคราะห์สงเคราะห์พวกเรา เราทำตัวได้สมกับที่ท่านทั้งหลาย ได้ให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์หรือไม่ ? ตัวเราถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในพุทธอาณาจักรนี้ ในเมื่อเรามีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นจอมทัพธรรม มีพระธรรมเสนาบดี ก็คือ พระโมคคัลลานะกับพระสารีบุตร มีหลวงปู่หลวงพ่อทั้งหลายเป็นแม่ทัพนายกอง เราที่เป็นทหารของกองทัพธรรม กล้าเผชิญหน้าต่อสู้กับกิเลสอย่างจริง ๆ จัง ๆ หรือไม่ ?

ไม่ใช่ปฏิบัติไปหน่อยหนึ่งก็ไม่ไหวแล้ว ถึงเวลากิเลสชวนให้เลิกก็เลิก ก็แปลว่าเราเป็นทหารที่ใช้การไม่ได้ ยังไม่ทันจะประมือกับข้าศึกก็มืออ่อน ยอมแพ้เสียแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2012 เมื่อ 19:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 22-06-2012, 08:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คำว่า "ทหาร" ต้องเข้มแข็ง ต้องพากเพียร ต้องอดทน ฝึกฝนตนเองเพื่อให้ประสบความสำเร็จ ในเมื่อเป็นอย่างนั้นเราจะไปอ่อนข้อให้กิเลสไม่ได้ มีอย่างเดียวคือประจัญบาญกันให้เลื่องลือไปเลย อย่างพระราชนิพนธ์ของในหลวงรัชกาลที่ ๕ ที่ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ว่า

ทวยหาญจำหื่นเหี้ยม...............หนรณ
บริรักษ์ด้าวแดนตน..................ตราบม้วย
มาดตายท่ามกลางผจญ............จงชื่อ เฉลิมแฮ
ผิว์รอดเรืองยศด้วย....................อยู่ด้าว แดนเกษม


ก็แปลว่า ถ้าตายในสนามรบก็จะปรากฏเกียรติศักดิ์ เกียรติยศเลื่องลือไปไกล แต่ถ้าหากว่ารอดมาได้ก็ได้ลาภได้ยศ มีความสุข เราที่ประสงค์หนทางพ้นทุกข์ ทุกวันนี้เราเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพธรรม เป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส ก็คือเป็นลูกที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโปรดมาก รักมาก เราทำตัวสมกับที่เป็นลูกพระหรือยัง ? หรือว่าพระพุทธเจ้าสั่งสอนอะไรก็สักแต่ว่าผ่านหูไป แต่พอกิเลสบอกอะไรเราก็เชื่อไปเสียทุกอย่าง ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าสิ่งที่เราทำมาใช้ไม่ได้ทั้งนั้น

ในเมื่อช่วงนี้เป็นวโรกาสอันเป็นมหามงคลอย่างยิ่ง ก็คือครบ ๒,๖๐๐ ปีการตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า อยู่ในช่วงสัปดาห์การส่งเสริมพระพุทธศาสนา เราเองควรจะทุ่มเทความพากเพียรของเราปฏิบัติธรรมให้จริง ๆ จัง ๆ ทุ่มเทให้เต็มที่ บุคคลที่ทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่แม้จะไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง แต่ก็ได้ระยะทางที่เป็นที่พอใจ ถ้าหากว่าไม่ได้ทุ่มเทความพยายามเสียก่อน เราก็ไปท้อถอยยอมแพ้เสียแล้ว ชาตินี้อย่าหวังว่าเราจะเดินไปสุดหนทางของพระนิพพานได้

เราควรจะฉวยโอกาส ฉวยจังหวะที่เป็นมงคลนี้ สร้างเสริมความดีให้เกิดแก่เราให้มากที่สุด พากเพียรพยายามให้สูงสุด ห้ำหั่นกับกิเลสให้เลื่องลือไปสักคราวหนึ่งว่า ทหารในกองทัพธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นอย่างนี้ ไปทางไหนให้กิเลสหลบหน้าเรา ไม่ใช่เราคอยหลบหน้ากิเลส และไม่ใช่ทำแค่ในช่วงสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนานี้เท่านั้น กิเลสไม่เคยละเว้นไม่เคยปรานีเรา ต้องทำกันทุกวัน

ถ้าเป็นไปได้ประคับประคองรักษาอารมณ์ใจไว้อยู่ในด้านดีให้ได้ทั้งวัน ถ้าเราทำดังนั้นได้จึงจะสมกับเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส สมกับเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง เป็นหลานศิษย์หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2012 เมื่อ 08:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 65 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 23-06-2012, 11:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..พวกเราทุกคนจึงต้องทวนศีลของเราทุกสิกขาบท ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์อยู่เสมอ ทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแน่นแฟ้นจริงจัง ไม่ล่วงเกินด้วยกาย วาจา หรือใจ และท้ายที่สุดต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตายแน่นอน ตายเมื่อไรเราขอไปอยู่พระนิพพานที่เดียว

เมื่อวางกำลังใจดังนี้ได้ ก็หันมาดูลมหายใจเข้าออกของเรา ถ้าลมหายใจเข้าออกยังมีอยู่ ให้กำหนดรู้พร้อมกับคำภาวนา ถ้าลมหายใจเบาลงหรือหายไป คำภาวนาหายไป ให้กำหนดรู้เอาไว้ อย่าดิ้นรนอยากจะกลับไปหาลมหายใจหรือคำภาวนา และอย่าดิ้นรนอยากให้คำภาวนาหายไป อยากให้ลมหายใจหายไป เรามีหน้าที่ตามดูตามรู้เท่านั้น ให้ประคับประคองรักษาอารมณ์สุดท้ายที่จดจ่อต่อเนื่องอยู่กับพระนิพพานนี้ไปเรื่อย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๕
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2012 เมื่อ 13:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 65 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 21-12-2013, 15:07
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 259
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,227 ครั้ง ใน 1,280 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.ph...ame=2555-06-03

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:51



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว