กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 14-05-2016, 17:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงพ่อพระครูสุมนสุนทรกิจ เจ้าอาวาสวัดทะเลบก เจ้าคณะตำบลกระตีบ เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ท่านตายไป ๓ ชั่วโมงแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่ บอกว่าไปเจอแต่สิ่งที่ดี ๆ มา ก็เลยไม่กลัวที่จะต้องตายแล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่ท่านบอก ก็คือมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ไม่ใช่มากกว่าครึ่ง ๆ นะ แต่มากกว่าในระดับ ๘ ใน ๑๐ เลย

อาตมาเรียนท่านไปว่า ผู้หญิงชอบทำบุญมากกว่า แต่คราวนี้อีกส่วนหนึ่งที่เป็นข้อเท็จจริงเลย คือในส่วนของการสร้างบุญ กำลังใจของผู้ชายเด็ดเดี่ยวและเด็ดขาดกว่า ไม่ทำก็คือไม่ทำ ถ้าทำก็เป็นบุญใหญ่ไปเลย ในเมื่อเป็นอย่างนั้นจึงไม่ใช่ของแปลกที่ว่าถ้าขึ้นไปอยู่ที่สวรรค์ ส่วนใหญ่เราจะเห็นว่าเทวดามีนางฟ้าเป็นบริวารหลักร้อย

แต่ต้องบอกว่านางฟ้าที่เป็นบริวารนั้นทำบุญเล็กน้อยเกินไป ถ้าเคยสร้างในส่วนของวิหารทานจะมีวิมานเป็นของตัวเอง ไม่ต้องไปอาศัยเขาอยู่ และนอกจากมีวิมานของตัวเองแล้วก็ยังมีบริวารอีกด้วย แต่ส่วนที่แปลกก็คือบริวารก็เป็นผู้หญิงอีก สรุปว่าต่อไปผู้หญิงควรทำบุญใหญ่ ๆ ไว้หน่อยนะ โดยเฉพาะในส่วนของวิหารทาน จะได้มีวิมานเป็นของตัวเอง

หลวงพ่อท่านเล่าว่า เวลาเดินก็ไม่ใช่พื้นดินพื้นหญ้าอย่างของเรา เป็นเงินเป็นแก้ววิบวับไปหมด ต้นไม้ใบหญ้าก็วิบวับเป็นประกาย ข้าวปลาอาหารที่เคยทำบุญไปก็อยู่ครบถ้วน เพียงแต่ว่าไม่ต้องกิน แค่คิดจะกินก็อิ่มเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 14-05-2016, 17:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีคนทักว่ามีวิญญาณผู้หญิงกับเด็กตาม ควรทำอย่างไร ?
ตอบ : ทำบุญทำกุศลแล้วอุทิศให้เขาไปก็เท่านั้นเอง ทำมากกว่านั้นเดี๋ยวต้องไปเสียเงินสะเดาะเคราะห์ให้ยุ่งไปหมด ส่วนใหญ่แล้วพวกเราจิตอ่อน ฟังใครมาแล้วมักจะเชื่อ แล้วก็เป็นเรื่องแปลก มักจะเชื่อในเรื่องแบบนี้แหละ ทีพระท่านเทศน์เท่าไรก็ไม่ยักเชื่อ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 14-05-2016, 19:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูเล่าเรื่องพระที่ท่านมรณภาพแล้วร่างกายไม่เน่าเปื่อยให้ครูฟัง ครูเขาถามว่าที่ตายไม่เน่าเปื่อยเกิดจากอะไร ?
ตอบ : คนตายแล้วไม่เน่ามีหลายสาเหตุด้วยกัน สาเหตุที่ ๑ บริเวณที่ศพอยู่มีแร่ธาตุบางอย่างที่รักษาสภาพศพเอาไว้ไม่ให้เน่าเปื่อย ประเภทที่ ๒ คนผู้ตายกินว่านยาบางอย่างเข้าไป ตายแล้วก็ไม่เน่าเปื่อย ประเภทที่ ๓ ก็คือใช้คาถาอาคมเสกอาหารกินทุกวันตายก็ไม่เน่าเปื่อย ประเภทสุดท้ายก็คือบุคคลที่ตั้งใจอธิษฐานร่างทิ้งเอาไว้เป็นตัวแทนให้ลูกศิษย์ได้กราบไหว้บูชา ถ้าทำถึงระดับนั้นได้อธิษฐานทิ้งเอาไว้ก็ไม่เน่าเปื่อยเหมือนกัน

ต่อไปให้ถามครูนะไม่ใช่ให้ครูถาม เพราะครูมีหน้าที่ตอบ จำได้หมดไหมที่ว่าไป ...(หัวเราะ)... เดี๋ยวไปรอเขาถอดเป็นตัวหนังสือแล้วค่อยไปอ่านซ้ำ


ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : หนูไม่เคยได้ยินเรื่องทำมัมมี่หรือ ? เขาทำทิ้งไว้เป็นร้อยเป็นพัน นั่นแหละฝีมือนักวิทยาศาสตร์ แถมยังเป็นนักวิทยาศาสตร์โบราณด้วย

ถาม : บุคคลที่ตั้งใจอธิษฐานให้ร่างไม่เน่าเปื่อยนี่ต้องเป็นพระอรหันต์ ?
ตอบ : ไม่ใช่ แต่ต้องเป็นผู้ชำนาญในกสิณ ๑๐

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : เยอะแยะไป เพียงแต่เขาไม่หาเรื่องทิ้งไว้เพราะลำบากคนข้างหลัง คนที่ทำได้ระดับนั้นเขามีสติรู้อยู่ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร

ถาม : มัมมี่ที่เขาทำต้องเอาอวัยวะภายในออกมาก่อน ?
ตอบ : ใช่ เพราะว่าวิทยาศาสตร์เขายังไม่สามารถรักษาอวัยวะภายในได้ แต่ในเรื่องของจิตศาสตร์หรือว่าไสยศาสตร์เขาทำได้ อย่าคิดว่าวิทยาศาสตร์เก่งสิ วิทยาศาสตร์ตามหลังอยู่ไม่รู้ตั้งไกลเท่าไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 14-05-2016, 20:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ฝึกให้ลูกเขานั่งสมาธิวันละ ๑๐ นาที ?
ตอบ : ควรจะเอาสักชั่วโมง ๑๐ นาทีนี่ไม่พอกินแล้ว เอาเป็นว่าเช้า กลางวัน เย็นก็ได้ ช่วงละ ๒๐ นาที ไปทำเถอะ เด็กโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยาที่วัดท่าซุง เขาสอบคะแนน PAT ได้สูงสุดเลยนะ ก็ไม่เห็นใช้อะไรมากมายนอกจากนั่งภาวนา อยู่ที่ว่าของเราเองมั่นใจแค่ไหนต่างหาก

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ถ้าไม่อ่านหนังสือเลยถึงเวลาคำตอบมาเราจะขาดความมั่นใจ แต่ถ้าเราอ่านหนังสือไว้ถึงเวลาเราจะนึกไว้ว่าเราเคยอ่านมาแล้ว ฉะนั้น...คนที่ไม่อ่านหนังสือเลยตกมาเยอะแล้ว เพราะขาดความมั่นใจว่าใช่หรือไม่ใช่ อยากเก่งต้องขยัน เคยได้ยินเขาพูดไหม อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน แต่สงสัยว่าน้องพลอยกับแม็กซีมคงไม่ต้องเสียเวลาไปเขย่ง เพราะไม่อยากสูงไปกว่านั้นแล้วละ ตั้ง ๑๙๐ เซ็นติเมตร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-05-2016 เมื่อ 15:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 14-05-2016, 21:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมเป็นคนพูดเร็ว พูดไม่ชัด ทีนี้ถ้าผมประยุกต์การฝึกกสิณลมมาช่วยในการพูดให้ดีขึ้น ช้าลงจะได้ไหมครับ ?
ตอบ : ฝึกอานาปานสติดีที่สุด เพราะว่าเราจะได้มีสติระลึกรู้อยู่ สำหรับเรื่องของการพูดจะมีการเน้นหนัก เบา แล้วก็หยุด เพื่อให้จังหวะคนคิด เรื่องเทคนิคพวกนี้นักพูดเขามีอยู่แล้ว แต่ต้องอาศัยสติ เพราะถ้าขาดสติก็จะขาดตรงจุดนี้ไป ฉะนั้นถ้าต้องการให้ตรงจุดจริง ๆ ฝึกลมหายใจเข้าออกดีที่สุด

ถาม : สาเหตุเป็นเพราะว่าบางทีผมจะไม่ค่อยอ้าปากกว้างเพราะขี้เกียจ ใจนึกไปแล้วพูดแบบปากอ้านิดเดียว เลยพูดไม่ชัด ทีนี้จะใช้กสิณลมที่ผมฝึกก็ต้องควบอานาปานสติ อย่างที่พระอาจารย์สอนไม่ว่าฝึกอะไรต้องมีลมหายใจควบ ทีนี้ถ้าจะจับลมในท้อง ข้างในขึ้นมาเป็นคำพูด จะพูดได้ดีขึ้นไหมครับ ?
ตอบ : หัด...! เดี๋ยวก็รู้ แต่จริง ๆ แล้วก็น่าเหวี่ยง คือรู้ปัญหาทุกอย่างแต่ไม่แก้ รู้กระทั่งว่าตัวเองพูดไม่ชัดเพราะอะไร แต่ก็ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นไปเรื่อย คนรู้ปัญหาก็ต้องแก้สิวะ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 14-05-2016, 21:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขอถามเรื่องการฝึกสัจจบารมีครับ วิธีการฝึกผมคิดว่าสัจจบารมี คือ เวลาเราจะทำอะไร เราก็ต้องคิดก่อนว่าจะทำอะไร เพราะอะไร ทำได้ไหม แล้วเราก็ซอยให้สั้นที่สุด แล้วทำตามนั้น ไม่เปลี่ยนใจ ไม่ต้องลังเล อย่างนี้ถือว่าใช้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : สรุปคือกลับไปหาลมหายใจเข้าออกใหม่ ทุกบารมีถ้าขาดสติไปไม่รอดหรอก เพราะฉะนั้น...ไม่ว่าจะฝึกบารมีไหนก็ตาม ต้องมีสติก่อน

ถาม : ถ้าทรงอานาปานสตินี่คือผมพยายามทรงให้ได้ตลอดเวลา ทีนี้จะมาเพิ่มเติมตรงสัจจบารมี คือให้คิดไว้ว่าจะทำอะไร แล้วก็ทำตามนั้น ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงจะยิ่งดีขึ้นไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าสติดีจะคิดได้ไว คือสติมีความแหลมคม แล้วก็จะตัดสินใจได้โดยมีความผิดพลาดน้อยมาก เพราะฉะนั้น...ถ้าเราต้องการที่จะรักษาในตัวสัจจะ ถ้ามีสติอยู่ อย่างไรก็รักษาได้ ขาดสติเมื่อไรก็อาจจะพลาดอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 14-05-2016, 21:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขอสอบถามเรื่องคาถาพระร่วง เราจะใช้ฝึกในการภาวนาได้ไหมครับ ? โดยที่เราไม่ได้ต้องการผล ?
ตอบ : เรื่องของคาถาเป็น “มโนมยา” คือสำเร็จด้วยใจ ถ้าทำไปถึงระดับนั้นแล้ว คุณต้องการหรือไม่ต้องการก็เป็น

ถาม : เราท่องเพื่อเอาคาถานั้นมาใช้ หรือถ้าเราทำต้นเหตุ ผลก็จะมาเอง ประมาณนี้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เรื่องของคาถาทุกอย่างต้องควบกับลมหายใจเข้าออก เพราะว่าคาถาจะมีผลด้วยอำนาจของสมาธิ สมาธิจะเกิดได้ก็คือลมหายใจเข้าออกของเราทรงตัว

ถาม : ทีนี้พอพระอาจารย์พูดอย่างนี้ ผมยิ่งสงสัยมากว่า แต่ละคาถาจะมีเนื้อหาไม่เหมือนกัน การที่เรามีสมาธิกับเนื้อหานั้นก็จะมีผลตามคาถานั้นใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ใจเราคิดว่าเขาให้ผลแบบไหน เท่ากับเราตั้งโปรแกรมว่าต้องการเป้าหมายตรงนี้ เวลากำลังพอก็จะไปตรงนั้นเอง ถึงได้บอกว่าคาถาเป็น “มโนมยา” คือสำเร็จด้วยใจ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 14-05-2016, 21:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ปกติวิธีอธิษฐานใช้ผลของกสิณต่าง ๆ ผมไม่รู้ว่าทำอย่างไร แต่ถ้าเราเอาสมาธิที่เบา ที่ประกอบด้วยปัญญา เราไม่ต้องตั้งจิตว่าฉันจะเดิน ลมจงมาหอบเท้าฉัน แต่ฉันเคลื่อนลม สมาธินึกถึงลมเคลื่อนลงมาตามร่างกาย จะเป็นการใช้ผลอย่างหนึ่งหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่ทันกิน ถ้าคนที่เขาคล่องจริง ๆ แค่คิดจะไปก็ไปแล้ว คนดูจะเห็นว่าหายจากตรงนี้ไปเลย แต่จะไปปรากฏอยู่อีกที่หนึ่ง ในความรู้สึกของเขาจะคิดว่าเราหายตัวไป แต่ความจริงเราลอยไปด้วยความเร็วสูง

ถาม : ทีนี้ผมสงสัยมากว่าตัวเองเกิดอุปาทานหรือเปล่า คือผมรู้ตัวว่าไม่ได้อิทธิฤทธิ์อะไรเลย ของหยาบก็มองทะลุไม่ได้ว่าข้างในมีอะไร แต่ว่าพอเราทรงสมาธิระหว่างวัน รู้ว่าเราไปในที่สัปปายะอะไรได้หลาย ๆ อย่าง จะเป็นไปได้ไหมครับ คือของหยาบยังทำไม่ได้แล้วจะไปทำของละเอียดได้ ?
ตอบ : ชาตินี้ทำไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าชาติก่อนไม่เคยทำมา อาจจะมีต้นทุนเก่าอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มาชอบของประเภทนี้หรอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 14-05-2016, 21:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมถามแบบเบา ๆ บ้าง เราเคยอยู่บริษัทหนึ่งแล้วออกมาตั้งบริษัทของตัวเอง แล้วดึงลูกค้าเก่ามา ?
ตอบ : ฟังดูเริ่มร้ายขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว..!

ถาม : เราดึงมาแต่ไม่ได้ใช้วิธีใส่ร้ายบริษัทเก่า เราดึงแค่ว่าเรารู้จักกัน ใช้วิธีให้สินค้าหรือบริการที่ดีกว่าเดิม แบบนี้ผิดศีลหรือว่าบาปไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ผิดศีลแต่ผิดมารยาท ถ้าถามว่าควรหรือไม่ ? ก็ถือว่าไม่สมควรที่จะไปทำอย่างนั้น แต่ถ้าถามว่าผิดศีลไหม ? ยังไม่ผิด มารยาทในการค้าไม่ควรที่จะไปทำตัวเป็นคู่แข่งกับบริษัทเก่า แล้วแถมยังไปดึงคนเขามาอีก ถ้ามีความสามารถจริงก็ไปหาลูกค้าใหม่ หรือไม่เดี๋ยวลูกค้าเก่าก็แวะเวียนมาเอง ไม่ต้องเสียเวลาที่จะไปดึง

ถาม : ผมคิดว่า ถ้าเราให้สิ่งที่ดีกว่าและเราอยากให้จริง ๆ ให้มากกว่าที่เดิม ถ้าเราปล่อยให้ลูกค้ารับเอาแต่ของที่เดิม ก็เท่ากับเราปิดโอกาสที่จะให้เขาได้ใช้ของดีสิครับ ?
ตอบ : แล้วทำไมเราไม่ทำให้เขาตั้งแต่บริษัทเก่า ? จะได้หมดเรื่องหมดราว ไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับเรื่องศีลเรื่องธรรม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 14-05-2016, 21:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วกรณีเดิม ถ้าเราดึงลูกค้าเก่ามา ทำให้เจ้านายเก่าไม่พอใจ จองเวร การที่เจ้านายมีปฏิฆะ แบบนี้จะผิดศีลหรือเป็นกรรมหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าสิ่งที่เราทำอาจจะกลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย พูดง่าย ๆ คือแรงกรรมยังไม่เพียงพอที่จะสนองเรา เหมือนอย่างกับกุญแจไขรหัส ถ้าเพิ่มรหัสตัวสุดท้ายเข้าไปพอดีก็ซวยไป แต่ถ้าหากว่ายังไม่ถึงขั้นนั้นก็ถือว่าเสมอตัว

ถาม : ไม่เข้าใจครับ ?
ตอบ : สิ่งที่เราทำเป็นกรรมเล็กน้อย แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเพิ่มฟางเส้นเดียวลงไปแล้วอูฐจะหลังไม่หัก ? อาจจะเป็นจังหวะที่เขารออยู่แค่นั้นนิดเดียว ให้เราลงมือทำแล้วจะได้ใส่ให้เต็ม ๆ เลย..!

ถาม : ปฏิฆะแบบนี้ถือว่าเป็นกรรมแล้วหรือครับ เราไม่ได้ไปทำอะไรเขา แต่เขาไม่พอใจเอง ?
ตอบ : เขาเรียกว่า กตัตตากรรม กรรมที่ทำโดยไม่เจตนา เราไม่ได้หวังผลให้เป็นอย่างนั้น แต่ก็ต้องเป็นอย่างนั้น แม้แต่แค่คิดก็จัดเป็นมโนกรรมแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 14-05-2016, 21:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อย่างนี้การที่เราจะเจริญทางโลกกับทางธรรมไปพร้อม ๆ กันแบบสุด ๆ เลย ไม่ต้องประนีประนอมจะได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าทำตัวอย่างนั้นก็แปลว่าขาดหลักธรรมเป็นอย่างยิ่ง ไปศึกษาในสัปปุริสธรรม ๗ ประการ ให้ชัดเจนด้วย ที่ท่านบอกว่าต้องรู้เหตุ รู้ผล รู้ตน รู้ประมาณ รู้กาล รู้บุคคล รู้ชุมชน ถ้าเราไม่เอาเหตุไม่เอาผล ก็ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องอื่นเลย

ถาม : หมายถึงว่าถ้ามีคน ๆ หนึ่งต้องการสร้างธุรกิจใหญ่โตแบบที่ไม่ได้มีมาก่อน และต้องการจะลดทุกข์ เห็นอริยสัจ ๔ ให้มากขึ้นเรื่อย ๆ ทำไปคู่กันเป็นไปได้ไหมครับ หรือขัดกันครับ ?
ตอบ : ถ้าต้องการหลุดพ้นจริง ๆ ต้องเป็นอนาคาริกะ คือ ผู้ไม่ครองเรือนเท่านั้น บรรดาอาคาริกะคือผู้ครองเรือน ท่านบอกว่าหนทางนั้นแคบ อย่างเช่นเราต้องการจะตั้งหน้าตั้งตาจะนั่งภาวนา แต่เมียที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ยินดีด้วย ก็ทะเลาะกันบ้านแตก

ฉะนั้น...โอกาสที่จะหลุดพ้นจริง ๆ ตามที่ต้องการ ส่วนใหญ่คือต้องสละทิ้งไปเลย ไม่ได้ขัดกับทางโลกหรอก แต่ว่าที่จะทำได้พอดีจริง ๆ นั้นยาก แค่คุณตั้งหน้าตั้งตารักษาศีล ๘ ก็เดือดร้อนแล้ว เพราะเข้ากับชาวบ้านเขาไม่ได้ ถึงเวลาเขาชวนกินข้าวเย็นก็ไปไม่ได้แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 14-05-2016, 21:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทีนี้ในเรื่องอริยสัจ ๔ ถ้าหากจะมาพิจารณาตรงนี้กับการภาวนา การที่เราจะเห็นกายในกาย จิตในจิตเกี่ยวกับ... ?
ตอบ : อย่าเพิ่งสับสนกับชีวิต กายในกาย จิตในจิต ธรรมในธรรม นั่นเป็นส่วนของมหาสติ อริยสัจ ๔ ก็คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เอาเป็นว่าถ้าคุณภาวนาอยู่ ถ้าเห็นว่าแม้แต่การหายใจยังเหนื่อย ยังลำบาก เป็นทุกข์ ก็เป็นอันว่าจบแล้ว

ถาม : ถ้าเห็นว่าตรงข้ามละครับ เห็นว่าเราโชคดีจังเลยที่มีขันธ์ ๕ ได้มาปฏิบัติธรรม ?
ตอบ : นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง คือ เป็นการสร้างกำลังใจเพื่อหนุนเสริมในการปฏิบัติ แต่การปฏิบัติไม่ใช่ว่าแค่เราโชคดี แต่การปฏิบัติเราต้องหวังผลเพื่อหลุดพ้นด้วย การที่จะหลุดพ้นได้ ถ้าไม่เห็นทุกข์อย่างชัดเจนก็จะไม่เกิดความเบื่อหน่าย ในเมื่อไม่เกิดความเบื่อหน่ายที่เป็นต้นเหตุของการหลุดพ้น ก็อย่าไปหวังเลยว่าจะหลุดพ้นได้

ถาม : ถ้าเราตั้งเป้าว่าเรามีกิจอันหนึ่ง ถ้าไม่มีกิจอันนี้เราจะตั้งเป้าไปพระนิพพานโดยตรง แต่กิจอันนี้เราต้องสะสมบุญปฏิบัติธรรมให้เยอะ ๆ เพื่อสะสมบารมีถูกไหมครับ ?
ตอบ : ถูก...แต่คราวนี้การปฏิบัติธรรมเราต้องให้มีส่วนของทาน ส่วนของศีล ส่วนของภาวนา ซึ่งอานิสงส์ก็มากขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้น...ท้ายที่สุดก็ไปลงในส่วนของภาวนา ก็คือจะต้องภาวนาแล้วพิจารณาอยู่ดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 14-05-2016, 21:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทีนี้เวลาที่พระอาจารย์เริ่มสอนกสิณมา ถ้าตอนที่เราทำ เรารู้สึกกำลังใจเพิ่มเป็นเท่าทวีคูณ อย่างนี้ถือว่าได้ผลไหมครับ ?
ตอบ : อันนั้นเป็นกำลังใจของเรา เกิดปีติในธรรมขึ้นมา ก็อยากปฏิบัติไม่รู้เบื่อไม่รู้หน่าย แต่ถ้ารักษาไว้ในระดับนั้นไม่ได้ เกิดกำลังตกขึ้นมาก็จะหายไปอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 14-05-2016, 21:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เห็นรูปเพื่อนไปไหว้เทพเจ้าทางด้านปัญญา เทพเจ้ามั่งคั่ง ที่ฮ่องกง อยากถามว่าเทพเจ้าด้านต่าง ๆ นั้นมีจริงไหมครับ ?
ตอบ : มี

ถาม : แต่ละประเทศมี แต่ว่าแยกกันหรือองค์เดียวกัน ?
ตอบ : องค์เดียวกัน แต่เรียกไปคนละอย่างกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 06:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 15-05-2016, 21:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันอังคารนี้อาตมานัดผู้ออกแบบไปดูเรื่องการสร้างพิพิธภัณฑ์ถวายหลวงพ่อวัดท่าซุง จะแบ่งเป็นส่วนของเครื่องรางของขลังส่วนหนึ่ง และพวกงานฝีมืออีกส่วนหนึ่ง และอยากจะได้นิทรรศการเกี่ยวกับพุทธศาสนา เช่น วันสำคัญ พุทธประวัติ ไว้เป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชน เด็ก ๆ เข้าไปจะได้ความรู้ด้วย

ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดจะทำ ก็เลยไปใส่หน้าต่างจนรอบชั้นสองของศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ทำให้ช่างออกแบบยาก เพราะคุมแสงได้ยาก พื้นที่ ๑,๖๐๐ ตารางเมตร บอกเขาว่ายกให้ทั้งชั้นเลย

พวกเครื่องเงิน เครื่องทอง เครื่องถม บางชิ้นราคาเกือบล้าน เข็มขัดถักมือเส้นหนึ่งราคาหลายแสนบาท ช่างฝีมือส่วนใหญ่ก็ไปหมดแล้ว รุ่นเก่า ๆ สายตาไม่ไหวแล้ว ฝีมือมีแต่สายตาไม่ไหว รุ่นหลัง ๆ ก็ยังฝีมือไม่ถึง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 06:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 15-05-2016, 22:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปกติถังประปาตามแบบของการประปาส่วนภูมิภาค ขนาด ๑๒๐ คิวบิกเมตรเขาใช้กันทั้งอำเภอ แต่นี่ของเราใช้ในวัดเดียว พอดีรองผู้ว่าการประปาฯ ท่านไปทำบุญ เลยถามท่านว่าขอแบบได้ไหม ? ทางวัดอยากจะทำหอจ่ายน้ำประปาแบบนี้ ท่านบอกว่าเดี๋ยวจัดการให้ พอรุ่งขึ้นเท่านั้นแหละ เจ้าหน้าที่จากการประปาส่วนภูมิภาค เขต ๓ ที่บ้านโป่ง โทรมาหาที่วัด แจ้งว่าเจ้านายบอกว่าหลวงพ่ออยากได้แบบ ให้ไปรับได้เลย นอกจากแบบแล้วยังคำนวณวัสดุมาให้เสร็จสรรพ ไม่อย่างนั้นอาตมาคงจะหมดค่าเขียนแบบไปอีกเป็นแสน

ประปาอำเภอทุกอำเภอทั้งประเทศจะใช้แบบนี้ ตอนแรกอาตมาว่าจะสร้าง ๒ ใบ กะว่าจะให้อยู่หน้าวัดอีกใบหนึ่ง เอาไว้หลังองค์พระใหญ่ ปรากฏว่าโดนหลวงพ่อวัดท่าซุงด่า ท่านว่าน้ำแรงขนาดนี้ยังจะเอาตั้งสองใบ อาตมาก็ไม่รู้ว่าจะแรงขนาดไหน พอสร้างเสร็จแล้วไปลองเปิดดู ถึงได้รู้ว่าน้ำอัดแรงมาก แรงขนาดปิดเร็ว ๆ แล้วหัวก๊อกหลุดกระเด็นเลย ต้องค่อย ๆ ปิดช้า ๆ ไม่อย่างนั้นหัวก๊อกจะทนแรงดันน้ำไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 06:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 18-05-2016, 11:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนที่หลับอยู่หลังห้อง ได้ยินว่าหัวใจจะเต้นเบาเมื่อมีสมาธิ ถ้าโดนกิเลสจะเต้นแรง ทำไมเป็นอย่างนั้นคะ ?
ตอบ : แรงไปกิเลสจะเล่นงานเอา เพราะว่าสมาธิหลุดออกมา ไม่มีกำลังพอจะไปต่อต้านกิเลสแล้ว ถ้าหากว่าชีพจรเต้นแรง ก็แปลว่าสมาธิกดไม่อยู่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-05-2016 เมื่อ 13:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 18-05-2016, 11:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาที่เราตัดสินใจอะไรผิดพลาดไป ใจหนึ่งก็รู้สึกเฉย ๆ นิ่ง ๆ ส่วนอีกใจหนึ่งก็ว่า ทำไมไม่ทุกข์ร้อน ต้องรู้สึกทุกข์ร้อนสิ จึงจะหลาบจำ ไม่ไปทำอย่างนั้นอีก... ที่ถูกคือ ต้องนิ่ง ๆ ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ต้องถามซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) มี Self-consciousness จิตสำนึกที่คุยกับตัวเอง หากว่าเป็นภาษาเราเขาเรียกว่าเป็นตัวมโนธรรม มโนธรรมเหมือนอย่างกับเทวดา ส่วนสภาพจิตที่ย้อมด้วยกิเลสก็คือ Devil ก็ย่อมทะเลาะกันเป็นปกติ

ถาม : แล้วที่นิ่ง ๆ ไม่ไปสนใจ นี่ถูกไหมคะ ?
ตอบ : จะว่านิ่ง ๆ ก็ใช่ แต่ไม่ควรนิ่งเฉย ๆ ควรจะเก็บไว้เป็นบทเรียนในครั้งหน้า ที่นิ่ง ๆ นั้น อยู่ในลักษณะของการให้อภัยตัวเอง ประเภทไม่กล้าซ้ำเติมตัวเอง กลัวว่าตัวเองจะเจ็บ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2016 เมื่อ 15:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 18-05-2016, 11:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อครู่หลับแล้วฟังเรื่องผิดไป ตอนหลับยังได้ยินอยู่ต่อเนื่อง แต่ก่อนจะหลับกลับไม่ค่อยรู้ตัว อย่างนี้เรียกว่า สติพร่องไหมคะ?
ตอบ : ถ้าฝึกฝนมากพอ ก่อนจะหลับก็รู้ว่ากำลังจะหลับ หลับแล้วก็รู้ว่าหลับ

ถาม : เคยนอนพักแล้วไม่ตัดหลับ จะรู้สึกว่านอนหลับ แต่ได้ยินและทำอะไรได้เหมือนตื่นอยู่ ?
ตอบ : เหลืออีกนิดเดียวก็หลับแล้ว แต่เป็นการหลับแบบมีสติควบคุมอยู่ ก็เลยเหมือนกับตื่นอยู่ตลอดเวลา เวลาจะตื่นยังต้องถามตัวเองว่า สมควรจะตื่นหรือยัง ? ถ้าสมควรจะตื่น สติก็จะขยายกว้างออกไป จนกระทั่งร่างกายตื่นขึ้นมาเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-05-2016 เมื่อ 13:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 19-05-2016, 11:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,067 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน เป็นวันเทศบาล เทศบาลตำบลท่าขนุน โดยท่านนายกเทศมนตรีประเทศ บุญยงค์ นิมนต์พระวัดท่าขนุน มีอาตมาเป็นหัวแถวไปเจริญพุทธมนต์และทำบุญ ปรากฏว่าเขาจัดโต๊ะหมู่ แล้วก็มีโต๊ะเล็กสำหรับกราบ อาตมาบอกให้เอาโต๊ะสำหรับกราบออก มีหลายคนตีหน้างง ๆ ว่าทำไมต้องเอาออกด้วย ?

ไทยเรานิยมกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ มีองค์ ๕ คือ ๑ ศีรษะ ๒ ศอก ๒ เข่า ต้องสัมผัสพื้น ถ้าไปกราบบนโต๊ะก็จะได้ไม่ครบองค์ เพราะฉะนั้น...จำไว้แม่น ๆ ว่า ถ้างานไหนมีโต๊ะกราบให้เอาออกเสีย ถ้าจะให้ดูดีหน่อยก็เอาพรมปูพื้นแทน ประธานจะได้กราบตรงนั้น แต่ถ้าประธานคนไหนถามหาโต๊ะกราบ ถ้าโง่ขนาดนั้นก็ทิ้งไว้ให้เขาก็แล้วกัน...!

การกราบเบญจางคประดิษฐ์ สองมือต้องลงพร้อมกัน อาตมาเห็นที่นี่ยังลงทีละข้าง การที่เรากราบแล้วลงทีละข้างเกิดจากหลวงพ่อรูปหนึ่ง ท่านเป็นโปลิโอ ขาสองข้างยาวไม่เท่ากัน ท่านกราบพร้อมกันไม่ได้ ต้องลงทีละข้าง ลูกศิษย์เห็นก็ดันคิดว่าเท่ แล้วไปเลียนแบบและสอนตาม ๆ กันไป พวกเราไม่ได้เป็นโปลิโอ กราบลงไปพร้อม ๆ กันได้เลย

บางอย่างครูบาอาจารย์ทำ ลูกศิษย์ก็ทำตาม แต่ไม่ได้ดูเหตุผลว่าทำไมท่านทำอย่างนั้น โบราณเขาเรียกว่า “เถรส่องบาตร” สมัยโบราณบาตรเป็นดินเผา ถ้าหากว่ามีรอยร้าวถึงสองนิ้ว หรือแตกจนนิ้วมือลอดได้ พระพุทธเจ้าท่านจึงอนุญาตให้เปลี่ยนได้ ทีนี้บาตรของหลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านเป็นรอยร้าว ถึงเวลาฉันเสร็จ ล้างเสร็จ ท่านก็ส่องดูว่าถึงสองนิ้วหรือยัง ท่านจะได้เปลี่ยน ลูกศิษย์เห็นดังนั้นก็ยกบาตรส่องบ้าง เห็นว่าเท่ดีก็ส่องตาม ๆ กัน ไม่รู้หรอกว่าอาจารย์ส่องเพราะอะไร ถึงได้บอกว่าทำแบบเถรส่องบาตร คือทำตามไปโดยไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย"


__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-05-2016 เมื่อ 12:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:45



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว