กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 11-04-2023, 20:11
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 343
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,777 ครั้ง ใน 821 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 12-04-2023, 00:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,629
ได้ให้อนุโมทนา: 151,867
ได้รับอนุโมทนา 4,413,895 ครั้ง ใน 34,219 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพนอกจากไปร่วมงานบวชสามเณรภาคฤดูร้อนของวัดปรังกาสี และเยี่ยมสามเณรภาคฤดูร้อนของวัดเขื่อนวชิราลงกรณแล้ว ก็ยังไปเยี่ยมสามเณรภาคฤดูร้อนของเราเองที่เข้าโรงพยาบาลอยู่ เพราะว่าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A คาดว่าสาเหตุก็มาจากสามเณรรูปหนึ่งที่มีไข้ตั้งแต่วันแรกที่บวช แต่ต้องชมว่าสามเณรของเราแข็งแรงกันมาก เพราะว่าอาการมาออกเอาวันสุดท้าย ตลอดระยะเวลา ๘ - ๙ วัน ผ่านไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ !?

แต่ตอนนี้ทั้งพระพี่เลี้ยง ทั้งญาติโยมที่คอยดูแลติดไข้หวัดไปตาม ๆ กัน กระผม/อาตมภาพเองที่ไปเยี่ยมไม่ได้กลัวติดไข้หวัด เพราะสรุปให้กับตัวเองเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาดหนัก ๆ แล้วว่า การป่วยเป็นมาลาเรียเรื้อรังอย่างเดียว เพียงพอที่เจ้ากรรมนายเวรเขาจะทวง ดังนั้น..โรคอื่นจึงไม่ค่อยจะเป็นกับใคร..!

หลังจากนั้นก็ยังได้ไปเยี่ยมพระครูกาญจนปัญญาวุฒิ รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๑) วัดเขื่อนวชิราลงกรณ ที่เข้าโรงพยาบาลอยู่ ท่านบอกว่าเหนื่อย หายใจไม่ทัน จึงเข้าไปนอนพักให้ออกซิเจน

เรื่องของออกซิเจนนั้นต้องบอกว่า ถ้าเราใช้พอสมควร จะทำให้ร่างกายฟื้นเร็ว ถ้าใช้มากเกินสมควรอาจจะมีโทษมากกว่าที่คิด อันดับแรกเลยก็คือ ร่างกายของเราถ้าได้รับออกซิเจนบริสุทธิ์เข้าไปจนเคยชิน ถ้าให้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ ปอดจะขี้เกียจฟอกอากาศเอง

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือหลวงปู่มหาอำพัน พระเดชพระคุณหลวงปู่พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) วัดเทพศิรินทราวาส ช่วงที่ท่านป่วยหนักอยู่ กระผม/อาตมภาพดูแลมาตลอด ไม่มีปัญหา คือท่านมาป่วยเป็นโรคถุงลมปอดโป่งพองตอนอายุ ๘๐ กว่าเกือบ ๙๐ ปี สาเหตุที่ไม่น่าเชื่อก็คือเกิดจากการจุดธูปบูชาพระ..! เพราะว่ากุฏิของท่านนั้นเล็ก ๆ แคบ ๆ เมื่อจุดธูปแล้วควันก็ตลบอบอวลอยู่ข้างใน แม้จะเป็นธูปเพียง ๓ ดอกในแต่ละครั้งก็ตาม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2023 เมื่อ 01:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 12-04-2023, 00:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,629
ได้ให้อนุโมทนา: 151,867
ได้รับอนุโมทนา 4,413,895 ครั้ง ใน 34,219 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงปู่ท่านขยันทำวัตรเช้าทำวัตรเย็นทุกวัน ดึกดื่นเที่ยงคืนขนาดไหน ต้องทำวัตรก่อนถึงจะเข้านอน ก็แปลว่าจุดธูปทุกวัน ๆ ละ ๒ รอบ หายใจเอาควันธูปเข้าไป เกิดโทษพอ ๆ กับหายใจเอาควันบุหรี่เข้าไป ป่วยเป็นโรคถุงลมปอดโป่งพอง หายใจแล้วออกซิเจนไม่ค่อยจะเพียงพอ หมอจึงต้องให้เอาเครื่องให้ออกซิเจนมาประจำไว้ที่กุฏิ

ช่วงที่กระผม/อาตมภาพดูแลอยู่ ก็จะให้ออกซิเจนท่านครั้งละ ๒ นาที ไม่เกิน ๓ นาที พอเห็นท่านพอหายใจได้สะดวกแล้วก็จะถอดออก ดูแลท่านอยู่เป็นปี ๆ ไม่มีปัญหา พอถึงเวลาทางวัดท่าซุงมีงาน กระผม/อาตมภาพต้องขออนุญาตหลวงปู่กลับไปทำงานที่วัดท่าซุงก่อน ปรากฏว่าพระอื่นท่านดูแลไม่กี่วัน หลวงปู่ท่านก็ถึงแก่มรณภาพ..!

เหตุก็เพราะว่าพระอื่นท่านไม่เข้าใจตรงนี้ ถึงเวลาท่านให้ออกซิเจนยาวไปเลย เมื่อร่างกายรับออกซิเจนจนเคยชิน พอหลวงปู่ลงจากเตียงเข้าห้องน้ำ จึงหายใจไม่ทัน พระที่ดูแลท่านก็มัวแต่ทำความสะอาดเตียง เปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ เปลี่ยนปลอกหมอนใหม่ ไม่ได้ยินเสียงหลวงปู่ท่านเรียก เพราะว่าเสียงท่านเบา หันมาอีกทีหลวงปู่ท่านหน้าเขียวไปแล้ว..! ก็แปลว่าปอดทำงานเองไม่ได้ หลังจากที่ได้รับออกซิเจนบริสุทธิ์มานาน

อีกส่วนหนึ่งก็คือ หลวงพ่อรองเจ้าคณะอำเภอฯ วัดเขื่อนวชิราลงกรณ ท่านบอกว่า หลวงพ่อรูปหนึ่งท่านเปิดออกซิเจนไว้ทั้งห้องเลย อยู่ในลักษณะแบบเดียวกับรถไฟความเร็วสูงสายทิเบต - ชิงไห่ของจีน ที่จะเปิดออกซิเจนไว้ในห้องโดยสาร เพื่อให้ผู้โดยสารหายใจได้ เนื่องจากว่าสถานีทังกูล่าสูงตั้ง ๕,๐๐๐ กว่าเมตร ออกซิเจนเบาบางมาก เรื่องนี้ต้องไปถามน้องมด ไกด์ชาวจีนที่ไปช่วยดูแล น้องมดบ่นว่า "นอกจากหนูจะดูแลพวกหลวงพ่อไม่ได้แล้ว พวกหลวงพ่อยังต้องมาดูแลหนูอีก" เพราะว่าขนาดมีออกซิเจนแบบนั้น น้องมดยังน็อกสนิท หายใจเองไม่ได้..!

พอได้ยินดังนั้น กระผม/อาตมภาพก็บอกกับหลวงพ่อวัดเขื่อนฯ ว่า ถ้าอย่างนั้นต้องระวังเจ็บตา เพราะว่าออกซิเจนทำให้ตาแห้ง ท่านบอกว่าเจ็บแล้ว หมอบอกว่าเป็นเพราะขนตาย้อนไปแทงตา กระผม/อาตมภาพบอกว่าไม่ใช่
เกิดจากออกซิเจนทำให้ตาแห้ง ถึงเวลากระพริบตาแล้วตาฝืด จนกลายเป็นคนตาเจ็บตาแฉะไปเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2023 เมื่อ 01:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 12-04-2023, 00:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,629
ได้ให้อนุโมทนา: 151,867
ได้รับอนุโมทนา 4,413,895 ครั้ง ใน 34,219 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เหตุที่พอจะรู้เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เพราะว่ากระผม/อาตมภาพดูแลพ่อตัวเองมา ๖ ปี ดูแลแม่อยู่ ๓ ปี ดูแลหลวงปู่อีก ๔ ปี เท่ากับเรียนวิชาพยาบาลหลักสูตร ๑๐ กว่าปีที่ไม่มีใครเรียนมาขนาดนี้ เพราะฉะนั้น..นอกจากการฉีดยาเข้าเส้นเข้ากล้ามที่ไม่ได้ลองด้วยตัวเองแล้ว อย่างอื่นทำได้หมด แม้กระทั่งการผ่าขาครั้งนี้ กระผม/อาตมภาพก็เพิ่งจะตัดไหมเอง..!

คราวนี้ตามที่ได้คุยกัน หลวงพ่อวัดเขื่อนท่านก็ "ฝากผีฝากไข้" เพราะว่าท่านอายุ ๗๘ ปีแล้ว
กระผม/อาตมภาพกราบเรียนท่านไปว่า "ถ้าผมเองตายผมก็ไม่ใส่ใจแล้วครับ คนอยู่ข้างหลังจะจัดการอย่างไรก็ตามใจเขา แต่ถ้าหลวงพ่อห่วงว่าวันตายหาเจ้าภาพไม่ได้ ผมจะไปเผาให้เอง..!"

ตรงนี้ต้องชื่นชมตรงที่ว่า หลวงพ่อวัดเขื่อนฯ ท่านไม่ได้กลัวว่าจะตาย ถือว่ากำลังใจอยู่ในด้านดีมาก เพียงแต่ห่วงว่าคนที่อยู่ในวัดจะจัดการเรื่องราวไม่เรียบร้อย จึงมีการฝากฝัง กระผม/อาตมภาพก็รับฝากให้ เพราะว่านอกจากเรื่องของคณะสงฆ์ที่บางทีมีปัญหากัน เพราะว่าการตัดสินใจไม่ตรงกันแล้ว ก็ไม่มีอะไรขัดคอกันมา แล้วกระผม/อาตมภาพเองก็เป็นคนที่
ไม่เก็บความไม่ดีไม่งามของคนอื่นเอาไว้ในใจตัวเอง

แบบเดียวกับหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอฯ วัดหินแหลม สมัยที่ท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอ ประชุมกันเมื่อไรงัดข้อกันแทบจะตีกันตาย..! เพราะว่าอะไรถ้ากระผม/อาตมภาพเห็นว่าไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ก็จะงัดท่านขึ้นมาตรง ๆ ในที่ประชุม หลวงพ่อวัดหินแหลมท่านเป็นคนปากร้าย ถึงเวลาก็ด่าโขมงโฉงเฉง กระผม/อาตมภาพก็ปล่อยให้ท่านด่าไปจนหมดแรง แล้วก็เถียงใหม่ แต่พอท่านมรณภาพ กระผม/อาตมภาพเป็นคนจัดงานศพให้ท่านตั้งแต่ต้นยันจบ จนคนเขาถามว่า "อาจารย์เล็กโกรธใครไม่เป็นหรืออย่างไรวะ ?"
แล้วจะไปโกรธอะไรกับคนตาย..ตายแล้วก็จบกันไป..!

กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ทะเลาะกับท่านเพราะว่าขัดคอกันด้วยเรื่องราวอะไรที่เป็นผลประโยชน์ แต่ที่ทะเลาะกันเพื่อรักษาพระธรรมวินัย หรือรักษาหลักการปกครองเท่านั้น ถึงเวลาประชุมเสร็จก็ลืมไปแล้ว "คนช่างจำ" เขาก็เลยคิดว่ากระผม/อาตมภาพโกรธใครไม่เป็น ความจริงก็โกรธเป็น เพียงแต่ขี้เกียจเก็บความโกรธเอาไว้เท่านั้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2023 เมื่อ 02:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 12-04-2023, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,629
ได้ให้อนุโมทนา: 151,867
ได้รับอนุโมทนา 4,413,895 ครั้ง ใน 34,219 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะบอกกับพวกเราก็คือว่า ระยะนี้กระผม/อาตมภาพยังคงออกบิณฑบาตไม่ได้ เพราะว่าแผลยังไม่ปิดสนิท ถามว่าไม่ปิดสนิทแล้วไปตัดไหมทำไม ? ก็เพราะว่าหมอเขาเย็บไว้เป็นกระจุก พอถึงเวลารอยเย็บก็ดึงขาจนเหยียดไม่ออก เดินไม่ถนัด ก็เลยตัดทิ้งไปจะได้เดินได้ถนัดขึ้น รอยแผลก็ยิ้มเป็นปากเด็กไปเลย..!

คราวนี้ตั้งใจเอาไว้ว่า จะบิณฑบาตวันแรกก็คือวันอาทิตย์นี้ แต่ปรากฏว่าน่าจะต้องทิ้งงานเพื่อไปเยี่ยมการสอบบาลีรอบสอง เพราะว่าเขาสอบวันที่ ๑๕, ๑๖ แล้วก็ ๑๗ คราวนี้พระของเราส่วนใหญ่ก็คือสอบประโยค ๑ - ๒ ที่สอบแค่วันที่ ๑๕ กับ ๑๖ วันที่ ๑๕ เรามีงานแห่พระพุทธรูปทองคำกับสรงน้ำพระ ไปไม่ได้อยู่แล้ว

สงกรานต์ปีนี้งานทุกอย่างจะจัดตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็เพราะว่าการสอบบาลีรอบสองมาตรงกันพอดี การอุ้มพระสรงน้ำก็อาจจะเหลือพระเณรให้อุ้มแค่ไม่กี่รูปเท่านั้น พรุ่งนี้ท่านใดที่ออกบิณฑบาตให้แจ้งงดบิณฑบาตกับญาติโยมสามวัน ก็คือวันที่ ๑๓ - ๑๔ - ๑๕ จัดงานทำบุญสงกรานต์ตามปกติของเรา ก็คือวันที่ ๑๓ ทำบุญเช้าตามปกติ แล้วก็บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม วันที่ ๑๔ ก็เพิ่มงานก่อพระทรายกับบังสุกุลอัฐิเข้ามา วันที่ ๑๕ ก็มีงานแห่พระพุทธรูปทองคำและสรงน้ำพระเพิ่มเข้ามา เวลาที่เหลือพวกเราก็ปฏิบัติธรรมกันไป

ส่วนญาติโยมชุดนี้ที่มาแล้วการลงทะเบียนเข้าพักหมดเวลาลง ให้ไปลงทะเบียนต่อได้เลย อนุญาตให้แค่ชุดนี้เท่านั้น หลังจากนี้แล้วให้ปฏิบัติตามระเบียบเดิม ก็คือครบ ๗ วันต้องออกจากวัด เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าพวกเรามาไม่ตรงจังหวะ เวลาคร่อมกับการปฏิบัติธรรมช่วงสงกรานต์ ในเมื่ออยากอยู่ปฏิบัติธรรม แล้วถ้าต้องกลับบ้านก็คงจะรู้สึกไม่ดี จึงอนุญาตให้ลงทะเบียนใหม่เพื่ออยู่ต่อได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2023 เมื่อ 02:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 12-04-2023, 00:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,629
ได้ให้อนุโมทนา: 151,867
ได้รับอนุโมทนา 4,413,895 ครั้ง ใน 34,219 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกประการหนึ่งก็คือบรรดาญาติโยมที่มาร่วมงาน น่าจะต้องให้ อสม.มาตรวจคัดกรอง ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้ไม่ติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ก็อาจจะเจอไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A เข้าไปอีก แล้วทุกท่านก็คงไม่โชคดีเหมือนกระผม/อาตมภาพ ที่คลุกคลีกับผู้ป่วยเท่าไรก็ไม่ป่วย เพราะว่าที่ป่วยอยู่หนักเกินกว่าอย่างอื่นแล้ว ก็คงจะเหมือนกับรอยเท้าช้าง รอยเท้าสัตว์อื่นมาเหยียบซ้ำลงไปเท่าไรก็ใหญ่เท่ารอยเท้าช้าง จึงเฉย ๆ ไม่ค่อยจะเจ็บจะป่วยกับใคร

ก็แปลว่า หลังจากการบิณฑบาตในวันพรุ่งนี้แล้ว พระของเราก็ไปเริ่มบิณฑบาตวันที่ ๑๖ หลังจากการปฏิบัติธรรมช่วงเช้าวันที่ ๑๗ ก็คือการภาวนาพระคาถาเงินล้านแล้ว กระผม/อาตมภาพก็คงต้องรีบเดินทางขึ้นเชียงใหม่

แต่คราวนี้ทางด้านสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี กำหนดวันประชุมเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรีทั้ง ๔๔ แห่งในวันที่ ๒๐ ในเมื่อกำหนดกันมาโดยที่กระผม/อาตมภาพไม่ว่างพอดี ก็เป็นอันว่าจัดประชุมกันเองไปก็แล้วกัน..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2023 เมื่อ 02:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:36



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว