กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 14-07-2023, 16:34
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,616
ได้ให้อนุโมทนา: 216,908
ได้รับอนุโมทนา 747,443 ครั้ง ใน 36,395 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 15-07-2023, 00:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,688
ได้ให้อนุโมทนา: 152,000
ได้รับอนุโมทนา 4,417,801 ครั้ง ใน 34,278 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังพุทธมณฑลแต่เช้า เพื่อเข้าร่วมโครงการประชุมสัมมนาพระปริยัตินิเทศก์และผู้เกี่ยวข้องทั่วประเทศ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖

แต่ปรากฏว่าเช้านี้ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น อาจจะเป็นไปได้ว่า ญาติโยมจำนวนมากกลัวว่าจะมีการแสดงพลังประชาธิปไตยบนถนน จึงไม่ได้นำรถออกจากบ้านมาก็เป็นได้ ทำให้ตลอดระยะทางที่วิ่งไปนั้นไม่มีรถติดเลย จึงไปถึงหอประชุมใหญ่พุทธมณฑลยังไม่ทันจะ ๖ โมงเช้าดี ต้องไปนอนภาวนาแผ่เมตตาให้กับเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย จนกระทั่ง ๗ โมงเช้า จึงไปให้แพทย์พยาบาลจากโรงพยาบาลสงฆ์ ทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ด้วยชุดตรวจเร่งด่วน ที่เรียกกันว่า ATK

เมื่อผ่านการตรวจ รับสติ๊กเกอร์มาแล้ว ถึงได้เข้าในหอประชุม ซึ่งท่านเจ้าคุณอาทิตย์ พระโสภณวชิรวาที, ดร. (อาทิตย์ อตฺถเวที ป.ธ. ๓) ท่านมานำไปให้นั่งในที่ของพระเถระ แต่ว่าการนั่งในวันนี้หาความสุขไม่ได้เลย เนื่องเพราะว่าอันดับแรก บรรดาผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ ถ้าไม่ใช่อยู่ในระดับผู้บังคับบัญชาหรือว่าครูบาอาจารย์ ก็จะกลายเป็นเพื่อนสหธรรมิกหรือว่าลูกศิษย์ไปเลย จึงต้องทั้งกราบไหว้และรับไหว้อยู่ตลอดเวลา

เมื่อได้เวลาประมาณ ๘ โมงครึ่ง กระผม/อาตมภาพก็ต้องเข้าระบบซูมออนไลน์ เพื่อเข้าร่วมอบรมในโครงการ Upskills การสอนวิชาพระพุทธศาสนา กลายเป็นว่าจะต้องหรี่เสียง แล้วก็ฟังแบบชนิดตั้งอกตั้งใจ ไม่เช่นนั้นก็อาจจะพลาดข้อมูลที่สำคัญไปได้

หลังจากที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) กรรมการมหาเถรสมาคม เลขานุการในองค์สมเด็จพระสังฆราช ได้ทำพิธีเปิด อ่านสาส์นจากสมเด็จพระสังฆราช และให้โอวาทเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัว เดินทางกลับไปยังวัดอุทยาน

เมื่อไปถึงก็ได้รีบฉันเพล เสร็จเรียบร้อยแล้วมาเข้าโครงการอบรม Upskills การสอนวิชาพระพุทธศาสนาในช่วงบ่าย ซึ่งผู้บรรยายในช่วงบ่ายนี้ก็คือท่านอาจารย์ ศ.ดร.วัชระ งามจิตรเจริญ อีกตามปกติ แล้วก็มีประเด็นขึ้นมาอีก เนื่องเพราะท่านกล่าวถึงทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ แล้วโยงเข้ามาถึงในพระพุทธศาสนา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2023 เมื่อ 18:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 15-07-2023, 00:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,688
ได้ให้อนุโมทนา: 152,000
ได้รับอนุโมทนา 4,417,801 ครั้ง ใน 34,278 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่มีปัญหาตรงที่ว่า การเคลื่อนย้ายสสารหรือวัตถุ ทางพระพุทธศาสนานั้นมีการเคลื่อนย้ายตัวเองด้วยการเหาะ การหายตัว และการย่นระยะทาง แล้วท่านอาจารย์ไม่สามารถที่จะฟันธงลงไปได้ว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้แตกต่างกันอย่างไร แต่ท่านสรุปว่าการหายตัวน่าจะเร็วที่สุด ตรงจุดนี้ กระผม/อาตมภาพค่อนข้างจะชัดเจนกว่า จึงขอบอกกล่าวให้แก่พระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งแม่ชีและฆราวาสหญิงชายที่ฟังอยู่ได้รับรู้ว่า

การเหาะนั้นสามารถทำได้สองสถานด้วยกัน แต่ว่าทั้งสองอย่างนั้นล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของอภิญญา ๕ ก็คือการเหาะโดยใช้วาโยกสิณ อำนาจของวาโยกสิณทำให้เราสามารถลอยไปสู่จุดหมายปลายทางได้ภายในพริบตาเดียว หรือที่ภาษาโบราณเรียกว่า "ลัดนิ้วมือเดียว"

ส่วนการเหาะอีกประการหนึ่งนั้น อยากจะใช้คำว่า "เดินในอากาศ" มากกว่า นั่นเป็นไปโดยอำนาจของปฐวีกสิณ ก็คืออธิษฐานให้อากาศในบริเวณที่ตนเองเหยียบนั้นมีความหนาแน่นเหมือนกับแผ่นดิน แล้วก็เดินไปแบบช้า ๆ


เพียงแต่ว่าในประการแรกนั้น ถ้าหากว่าในระยะทางที่ไม่ไกลนัก อย่างเช่นว่าจากเมืองหนึ่งไปสู่อีกเมืองหนึ่ง จากหมู่บ้านหนึ่งไปสู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง ก็จะถึงในพริบตาเดียว แต่ถ้าหากว่าจากจักรวาลหนึ่งไปสู่อีกจักรวาลหนึ่ง อย่างนี้ระยะทางก็ค่อนข้างที่จะไกลสำหรับมนุษย์ธรรมดาทั่วไป เพราะว่าบางทีก็ต้องเดินทางกันนับเป็นปีแสง ถ้าลักษณะอย่างนั้น แม้ว่าเราจะหายจากสายตาของบุคคลที่จ้องมองอยู่ในพริบตาเดียว แต่ไม่ใช่จะไปถึงปลายทางได้อย่างฉับพลันทันที

ดังนั้น..การเหาะที่จะไปถึงในชั่วลัดนิ้วมือเดียวนั้น ต้องไม่ใช่ระยะทางที่ห่างไกลในระดับอวกาศ ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็ไม่สามารถที่จะไปถึงในพริบตาเดียวได้ เนื่องเพราะว่าแม้ว่าจะเป็นการไปด้วยอำนาจของกสิณอภิญญาก็ตาม ก็ยังมีข้อจำกัดที่ระยะทาง ซึ่งยาวนานจนเกินไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2023 เมื่อ 18:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 15-07-2023, 01:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,688
ได้ให้อนุโมทนา: 152,000
ได้รับอนุโมทนา 4,417,801 ครั้ง ใน 34,278 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับการหายตัวนั้น มีอยู่สองแบบด้วยกัน การหายตัวแบบแรกเกิดจากอำนาจของกสิณเช่นกัน เรียกว่านีลกสิณ ไม่ใช่หายไปจากสถานที่นั้น แต่ว่าหายไปจากสายตาของผู้ที่ดูอยู่ ตัวเรายังอยู่ที่เดิม ดังนั้น..ในจุดที่ว่าการหายตัวน่าจะเร็วกว่าการเหาะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าการหายตัวนั้น อธิษฐานอำนาจของนีลกสิณในการบดบังสายตาผู้อื่น ถ้าหากว่าผู้อื่นมองไม่เห็น ก็เหมือนกับหายไปจากตรงนั้นนั่นเอง

ส่วนอีกประการหนึ่งนั้น เป็นการแสดงสภาวะจิตที่ละเอียดกว่า อย่างเช่นว่า ถ้าเป็นเทวดานางฟ้าแสดงสภาวะจิตที่ละเอียดกว่า ก็จะหายไปจากสายตาของเรา อยู่ในลักษณะของการหายตัวเหมือนกัน หรือว่าพรหมแสดงสภาวะจิตที่ละเอียดกว่า ก็จะหายไปจากสายตาของเทวดานางฟ้า ในลักษณะหายตัวเช่นกัน

หรืออย่างที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงสภาวะจิตของพระนิพพาน ทำให้ท้าวผกาพรหมไม่สามารถที่จะหาพระองค์ท่านเจอ ทั้ง ๆ ที่พระองค์ท่านก็ประทับอยู่ตรงหน้านั่นเอง หรืออย่างที่พญามาร ไม่สามารถที่จะหาดวงจิตของพระโคธิกเถระได้พบ ก็เพราะว่าสภาวะจิตของพระโคธิกเถระนั้น เข้าสู่สภาวะพระนิพพานที่ละเอียดกว่ามารหลายเท่า

ดังนั้น..ในเรื่องของการหายตัวไม่ใช่หายไปจากสถานที่นั้น ยังอยู่ในสถานที่นั้น แต่ว่าบดบังสายตา หรือการรับรู้ของผู้อื่นด้วยอำนาจกสิณอย่างหนึ่ง การแสดงสภาวะของตนที่ละเอียดกว่า จนกระทั่งฝ่ายหยาบไม่สามารถที่จะสัมผัสได้อีกอย่างหนึ่ง จึงทำให้การหายตัวนั้นไม่ใช่การเดินทาง ถ้าหากว่าหายตัวแล้วเราก้าวเดินไป ก็จะทำให้ได้แค่ในระยะทางที่ไม่ไกลเท่านั้น

ส่วนในเรื่องของการย่นระยะทางนั้นก็เป็นไปได้สองสถานเช่นกัน สถานแรกก็คือการภาวนาคาถาย่นระยะทาง ซึ่งการภาวนาคาถานั้น เมื่อกำลังของเราเพียงพอก็จะเกิดอาการที่ภาษาบาลีเรียกว่า มโนมยา คือสำเร็จด้วยใจ เมื่อภาวนาคาถาแล้ว ต้องการไปที่นั่นที่นี่ จะไปได้เร็วกว่าปกติ ดังนั้น..การภาวนาคาถานี้จึงเรียกว่าการย่นระยะทางที่ถูกต้องที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2023 เมื่อ 18:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 15-07-2023, 01:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,688
ได้ให้อนุโมทนา: 152,000
ได้รับอนุโมทนา 4,417,801 ครั้ง ใน 34,278 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่าการย่นระยะทางอย่างที่ครูบาอาจารย์บางท่านได้ทำ อย่างเช่นว่าหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก เดินทางไปยังบ้านงาน โดยที่หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงเอาเรือเร็วไปรับ แล้วท่านยังรับแขกอยู่ ท่านบอกกับหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงว่า "แกไปก่อน เดี๋ยวข้าจะตามไป" แต่เมื่อไปถึงสถานที่จัดงาน ปรากฏว่าหลวงพ่อจงไปนั่งรออยู่แล้ว..!

อย่างนั้นไม่ใช่การย่นระยะทาง แต่เป็นการไปในลักษณะของการเหาะตามแบบของวาโยกสิณ บุคคลที่ไม่เข้าใจ เห็นท่านไปถึงก่อนจึงใช้คำว่าย่นระยะทาง

ส่วนการย่นระยะทางอีกประการหนึ่งนั้นเกิดจากอธิษฐานฤทธิ์ อธิษฐานฤทธิ์นั้นก็คือฤทธิ์ที่เกิดจากการตั้งสัจจะอธิษฐานประการใดประการหนึ่ง แล้วขอไปยังสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง ถ้าหากว่าตนเองมีกำลังสูงพอ มีความมั่นคงต่อสิ่งที่ตนอธิษฐานอย่างเต็มที่ ก็จะเกิดฤทธิ์ที่เรียกว่าอธิษฐานฤทธิ์ เป็น ๑ ในฤทธิ์ ๑๐ อย่าง ทำให้เราสามารถไปถึงสถานที่นั้นได้ จะเรียกว่าการย่นระยะทางก็ได้

แต่ว่าในฐานะของพระภิกษุสามเณรอย่างหนึ่ง ในฐานะของผู้ปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง ควรที่จะรู้มารยาทว่า ไม่ว่าจะเป็นการเหาะก็ดี การหายตัวก็ดี การย่นระยะทางก็ดี ล้วนแล้วแต่ไม่ควรทำให้ผู้อื่นเห็น ถ้าหากว่าผู้อื่นรู้เห็นเมื่อไรก็เตรียมเหนื่อยตายได้เลย เนื่องเพราะว่าบุคคลที่เห็นเราเป็นผู้วิเศษ ก็จะมาหามากวนวันยันค่ำ คืนยังรุ่ง ไม่ได้พักไม่ได้ผ่อน มีสิทธิ์ที่จะเหนื่อยตายในระยะเวลาอันไม่นาน

ขณะเดียวกัน ก็สร้างความเสียหายให้กับบุคคลที่มีโอกาสจะเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า คือการเข้าถึงมรรคถึงผลอย่างแรง เนื่องเพราะว่าการจะเป็นพระอริยเจ้านั้น ต้องมีความเคารพในพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างจริงจัง เพราะเห็นคุณงามความดีของพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง ไม่ใช่เคารพเพราะท่านมีฤทธิ์มีอภิญญา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2023 เมื่อ 18:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 15-07-2023, 01:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,688
ได้ให้อนุโมทนา: 152,000
ได้รับอนุโมทนา 4,417,801 ครั้ง ใน 34,278 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..เราจะเห็นว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงห้ามพระสาวกไม่ให้แสดงฤทธิ์ ผู้ใดแสดงฤทธิ์ทรงปรับอาบัติ และเป็นการปรับอาบัติที่ละไว้ในฐานที่เข้าใจเสียด้วยว่า ไม่ว่าจะปรับอย่างไรก็ได้ ก็คือไม่ได้กำหนดเอาไว้ สูงสุดตั้งแต่ปาราชิก ขาดความเป็นพระไปเลย จนกระทั่งถึงปาจิตตีย์ ไม่เอื้อเฟื้อพระวินัย สามารถปรับได้ทุกอย่าง

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะพระองค์เกรงว่าบุคคลจะไปติดในเรื่องของฤทธิ์เรื่องของอภิญญามาก จนกระทั่งลืมการวางกำลังใจให้เข้าถึงคุณพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นพื้นฐานของการที่จะเข้าถึงมรรคถึงผล โดยเฉพาะเข้าถึงพระนิพพาน

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ กระผม/อาตมภาพ นำมาบอกกล่าว เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้มีความเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การเหาะ การหายตัว การย่นระยะทางนั้น ต่างกันอย่างไร แต่ว่าท่านทั้งหลายอย่าได้สนใจตรงนั้นมากจนเกินไป เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่ามัวเสียเวลาอยู่ตรงนั้น ถ้าเราเองเสียชีวิตลงไปเสียก่อน คุณงามความดีอื่น ๆ ที่จะช่วยให้เส้นทางในวัฏสงสารของเรารวบรัดตัดตรง หรือว่าสั้นลงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงจิตถึงใจของเรา เนื่องเพราะว่าเราไปสนใจผิดที่ผิดทางนั่นเอง

ลำดับถัดจากนี้ไป กระผม/อาตมภาพก็ต้องเดินทางไปยังประเทศศรีลังกา จึงขอสมมติยุติการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนลงแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2023 เมื่อ 18:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:26



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว