กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 08-09-2023, 17:42
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,635
ได้ให้อนุโมทนา: 216,838
ได้รับอนุโมทนา 747,043 ครั้ง ใน 36,393 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 09-09-2023, 00:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,629
ได้ให้อนุโมทนา: 151,867
ได้รับอนุโมทนา 4,413,895 ครั้ง ใน 34,219 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดทรงธรรมวรวิหาร ตำบลตลาด อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อร่วมเจริญพระพุทธมนต์ถวายท่านเจ้าคุณหมู ถ้าหากว่าฉายาในวงการพระเกจิอาจารย์ด้วยกัน ก็คือ "เจ้าคุณหมูเขี้ยวแก้ว" ท่านมีสมณศักดิ์ที่พระราชพัฒนสุนทร (ไพโรจน์ ชุติคุโณ) เจ้าคณะอำเภอพระประแดง เจ้าอาวาสวัดทรงธรรมวรวิหาร

ความจริงหลวงพ่อเจ้าคุณหมูท่านเกิดเดือนสิงหาคม แต่เนื่องจากว่าท่านเคยทำหน้าที่ในการตรวจประเมินโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ มาก่อน งานนี้ไม่ได้รับการแต่งตั้งซ้ำ ท่านจึงผันตัวมาเป็นผู้สนับสนุนโครงการ เมื่อได้ยินว่าคณะกรรมขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ หนกลาง จะลงประเมินชุมชน ๔ ส.พัฒนา หมู่ที่ ๑๓ ตำบลบางหัวเสือ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นถิ่นของท่าน ท่านจึงนิมนต์มาทำบุญวันเกิด ซึ่งก็เลยวันเกิดมานานทีเดียว

เมื่อพวกเราไปถึง ปรากฏว่าพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระราชมหาเจติยาภิบาล (ต่อศักดิ์ สุนฺทรวาที ป.ธ.๓) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวรารามเดินมาสะกิด บอกว่า "หลวงพ่อเล็ก..ขอ ๑,๐๐๐ บาท" กระผม/อาตมภาพมองหน้าเป็นคำถาม ท่านเจ้าคุณชี้ไปที่เด็ก ๆ ซึ่งกำลังเล่นดนตรี ก็คือเครื่องดนตรีไทยหรือว่าเครื่องปี่พาทย์มอญนั่นเอง

เมื่อเด็ก ๆ จากโรงเรียนทรงธรรม มีน้ำจิตน้ำใจมาเล่นดนตรีต้อนรับพวกเรา พวกเราก็เลยสะกิดกัน ควักกระเป๋าใส่ซองให้เป็นทุนการศึกษาเด็กด้วยประการฉะนี้ หลังจากนั้นก็ช่วยกันเจริญพระพุทธมนต์วันเกิด ถวายหลวงพ่อเจ้าคุณหมู โดยที่ท่านเองได้ตั้งโต๊ะจีนเอาไว้เสียมากมาย เลี้ยงทั้งพระ เลี้ยงทั้งโยม ฉลองวันเกิดไปในตัว

จะว่าไปแล้ว หลวงพ่อเจ้าคุณหมูท่านเป็นบุคคลผู้ที่ให้ใจกับโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ เป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากว่าปีนี้เป็นปีแรกที่คณะกรรมการโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้องมีมติเถรสมาคมในการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ และต้องรับพระบัญชาจากสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกอีกด้วย จึงทำให้มีการจำกัดจำนวนคณะกรรมการไว้ แต่ละหนมีได้ไม่เกิน ๑๕ รูป จึงทำให้หลายท่านที่เคยเป็นกรรมการเก่าหลุดวงโคจรไป และมีกรรมการหน้าใหม่อย่างกระผม/อาตมภาพเข้ามาสู่วงโคจร

แต่หลวงพ่อเจ้าคุณหมูท่านก็ใจดี และรักโครงการนี้เป็นอย่างมาก จึงสนับสนุนด้วยการนิมนต์มาสวดมนต์ฉันเพล ก่อนที่จะเดินทางไปยังวัดบางหัวเสือ

เมื่อไปถึงวัดบางหัวเสือ พวกเราก็เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการต่าง ๆ ซึ่งทางด้านนี้ "จัดเต็ม" เอาไว้อย่างดีมาก โดยเฉพาะบรรดาเด็ก ๆ ต่างมีความคล่องตัว ตอบปัญหาได้อย่างชัดเจน อาราธนาศีลได้คล่องแคล่วมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2023 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 09-09-2023, 00:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,629
ได้ให้อนุโมทนา: 151,867
ได้รับอนุโมทนา 4,413,895 ครั้ง ใน 34,219 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วัดบางหัวเสือแห่งนี้ต้องบอกว่าเป็นวัดอัศจรรย์มาก เนื่องเพราะว่ามีเจ้าอาวาสที่เป็นพระเกจิอาจารย์สืบเนื่องกันมาไม่ขาดสาย ตั้งแต่ยุคหลวงปู่บัว วัดบางหัวเสือ ซึ่งก็คือหลวงปู่บัว วัดรวก เจ้าของพระปิดตาหนึ่งพันแปดสิบไฟ หรือพระปิดตานั่งยองนั่นเอง หลังจากนั้นก็ยังมีหลวงปู่พิณ วัดบางหัวเสือ หลวงปู่เที่ยง วัดบางหัวเสือ หลวงปู่อยู่ วัดบางหัวเสือ มาถึงองค์ปัจจุบันก็คือหลวงปู่ถวิล (พระครูวิบูลสีลวัฒน์) ท่านเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "จำลอง" หรือว่าอย่างไร กระผม/อาตมภาพก็ไม่แน่ใจ แต่ชาวบ้านก็ยังเรียก "หลวงปู่ถวิล" อยู่ดี ปีนี้อายุกาลพรรษาของท่านก็ถึง ๘๘ ปีแล้ว

ในเรื่องของวัดวาอารามนั้น ที่จะมีพระเกจิอาจารย์อันเป็นที่นับถือของชาวบ้านต่อเนื่องกันมานับร้อย ๆ ปี อย่างวัดบางหัวเสือ ถือว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าวัดบางหัวเสือแห่งนี้ก็ทำได้ โดยเฉพาะการเป็นเจ้าอาวาสนั่น ท่านแย่งกัน "ไม่เป็น" สมัยหลวงปู่เที่ยง หลวงปู่อยู่ วัดบางหัวเสือ ต่างคนต่างก็เกี่ยงให้อีกรูปหนึ่งเป็นเจ้าอาวาส รูปที่เหลือจะอยู่ช่วยเหลืองานวัด เป็นต้น

ดังนั้น..เราจะเห็นว่าท่านทั้งหลายสมกับเป็นผู้ปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง วัดบางหัวเสือจึงไม่ได้อยู่ใน "วงจรอุบาทว์" ซึ่งก็คือวงจรที่ว่า พออดีตเจ้าอาวาสมรณภาพ เจ้าอาวาสใหม่ถ้าเก่งสู้เจ้าอาวาสเก่าไม่ได้ วัดก็โทรมทันตาเห็น ต่อให้เก่งสู้เจ้าอาวาสเก่าได้ ญาติโยมก็ยังนึกถึงแต่เจ้าอาวาสเก่า เพราะว่าเขาอยู่ร่วมกันมานาน กว่าที่จะยอม "เทใจ" ให้กับเจ้าอาวาสใหม่ ซึ่งทุ่มเทพัฒนาวัด ช่วยเหลือญาติโยมต่าง ๆ มา ก็มักจะเป็นวาระสุดท้ายของเจ้าอาวาสรูปนั้นแล้ว เมื่อเจ้าอาวาสรูปนั้นมรณภาพ เจ้าอาวาสรูปใหม่ก็จะตกอยู่ใน "วงจรอุบาทว์" นี้ต่อไป

แต่ว่าวัดบางหัวเสือไม่ได้มีปัญหาเรื่องนี้ เนื่องจากว่าหลวงปู่บัวท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่มาก ทั้งในการสั่งสอนลูกศิษย์ ตลอดจนกระทั่งสมัยนั้น วัดท่านอยู่กลางป่ากลางดง มีเสือปลาเป็นจำนวนมาก หลวงปู่ท่านถึงได้สร้างซุ้มประตูเป็นรูปหัวเสือ จนกระทั่งชาวบ้านเรียกกันว่าวัดบางหัวเสือ แล้วเมื่อชาวบ้านมีมากขึ้น ก็ขยายขึ้นเป็นหมู่บ้านบางหัวเสือ เป็นตำบลบางหัวเสือ ปัจจุบันนี้อยู่ในเขตเทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย

วัดบางหัวเสือจึงมีพระเกจิอาจารย์ในสมัยนั้น ทยอยกันธุดงค์มาอยู่ปฏิบัติธรรม รูปไหนจังหวะเวลาปะเหมาะเคราะห์ร้าย เจ้าอาวาสเก่ามรณภาพ ชาวบ้านเห็นความสามารถิก็นิมนต์ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสรูปใหม่ จนต้องเกี่ยงกันว่า "ท่านเป็นเถอะ..ผมไม่เป็นหรอก" หรือไม่ก็ "ท่านเป็นไปเถอะ..เดี๋ยวผมจะช่วยงานเอง" ซึ่งเรื่องแบบนี้
ในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยได้พบเห็นแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2023 เมื่อ 02:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 09-09-2023, 00:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,629
ได้ให้อนุโมทนา: 151,867
ได้รับอนุโมทนา 4,413,895 ครั้ง ใน 34,219 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อทำการตรวจประเมินโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ แล้ว กระผม/อาตมภาพก็ฝากเอกสารการประเมินไว้กับหลวงพ่อพระมหาประกอบ โชติปุญฺโญ ป.ธ.๗ รองเจ้าคณะจังหวัดราชบุรี เจ้าอาวาสวัดโชติทายการาม ซึ่งท่านเองยังต้องอยู่จนกระทั่งเขาประเมินเสร็จ และยังต้องไปดูงานในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ให้ด้วย

แต่กระผม/อาตมภาพนั้นเป็น "คนบ้านไกล" และวันนี้เป็นวันศุกร์ ถ้าไม่รีบออกจากกรุงเทพฯ มีหวังจะเกิดอาการที่เรียกกันว่า "นรกแตก" แน่นอน จึงได้ขออนุญาตทั้งในกลุ่มไลน์ และบอกกล่าวด้วยวาจา หลังจากนั้นก็หลบแวบออกมา ให้น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) พาฝ่ารถติด ข้ามสะพานภูมิพลออกมาทางด้านถนนพระราม ๒ ทะลุมาถนนวงแหวนอุตสาหกรรม มาถึงถนนกาญจนาภิเษก มาเร็วขนาดนี้แล้ว กว่าจะหลุดมาถึงถนนบรมราชชนนีได้ ก็ติดแล้วติดอีก แต่ยังโชคดีว่าหลุดออกมาได้ก่อน ๔ โมงเย็น จึงทำให้หลังจากนั้นแล้ว รถราก็วิ่งได้ค่อนข้างที่จะสะดวก

แต่เนื่องจากว่าดูเวลาจาก "กูเกิ้ลแม็พ" แล้ว กว่าจะถึงวัดท่าขนุนคืนนี้ก็ทุ่มกว่าเกือบสองทุ่ม กระผม/อาตมภาพจึงต้องบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนตอนนี้บนรถยนต์ตามเคย ซึ่งขณะนี้กำลังวิ่งผ่าน "บ้านแม่" ก็คืออำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี

ถามว่าทำไมวิ่งผ่าน "บ้านแม่" ? เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพตอนอายุประมาณ ๒ ขวบนั้น ได้กินท็อฟฟี่แล้วติดคอ หมดลมหายใจไปถึง ๒ ชั่วโมง..! พ่อแม่ได้บน ยกให้เป็นลูกของเจ้าแม่เบิกไพรที่บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ว่าถ้าฟื้นคืนชีวิตมาได้ จะถวายกระผม/อาตมภาพให้เป็นลูกเจ้าแม่ ๑๐ ปี ปรากฏว่ากระผม/อาตมภาพนั้นฟื้นคืนมาได้จริง ๆ แต่เนื่องจากว่าขาดอากาศหายใจนานมาก จึงทำให้เซลล์สมองตายไปเป็นจำนวนมาก จนป่วยเป็นโรคลมชักอยู่หลายปี..!

แล้วในแต่ละปี โยมแม่ก็ต้องพามาไหว้ท่านเจ้าแม่เบิกไพรที่บ้านโป่ง สมัยก่อนนั้นการเดินทางยากมาก เพราะว่าต้องนั่งรถเมล์ ซึ่งเรียกกันว่ารถหัวแตงโม ก็คือเป็นรถเมล์ที่มีตัวถังเป็นไม้ หัวรถใหญ่มาก แล้วก็ต้องใช้เครื่องมือในการหมุนเพื่อติดเครื่องบริเวณด้านหน้าหัวรถก่อน บางทีปั่นกันจนเหงื่อไหลไคลย้อย รถก็ไม่ติด จนต้องมีการราดน้ำมันเพื่อจะ "เผาหัว" ให้เครื่องร้อนก่อน จึงหลอกล่อให้เครื่องติดจนได้

จากทางด้านบ้านของกระผม/อาตมภาพ ซึ่งอยู่ที่ปากทางสนามบินกำแพงแสน วิ่งมาถึงตัวเมืองนครปฐม แล้วก็มาต่อรถไฟไปยังบ้านโป่ง หลังจากนั้นลงรถไฟแล้วก็ยังต้องข้ามเรือเมล์ เพื่อที่จะไปไหว้ท่านเจ้าแม่เบิกไพรที่ศาล ซึ่งสมัยนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก เพราะว่าอยู่กลางป่ากลางดง แต่ศาลท่านใหญ่โตอลังการเป็นพิเศษ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2023 เมื่อ 02:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 09-09-2023, 00:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,629
ได้ให้อนุโมทนา: 151,867
ได้รับอนุโมทนา 4,413,895 ครั้ง ใน 34,219 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วที่อัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นก็คือ ตลอดทั้ง ๑๐ ปี กระผม/อาตมภาพจะเสี่ยงเซียมซีได้แค่ใบเดียว ก็คือหมายเลข ๑๒ ซึ่งมีข้อความระบุอย่างชัดเจนว่า

"ใบที่ ๑๒ ต้องกันเหมือนจันทร์ฉาย
เปรียบดังต้นพฤกษีคราที่ตาย
แล้วกลับกลายฟื้นเป็นเหมือนเช่นเดิม
ได้ผลิดอกออกใบไสวสว่าง
ถูกน้ำค้าง ต้องลมประสมเสริม
เหมือนกระจกบานเก่าเมื่อคราวเดิม
ต้องเพิ่มเติมขัดถูจึงดูงาม ฯลฯ"

ต้องบอกว่าปีแล้วปีเล่าก็เสี่ยงได้เซียมซีอยู่ใบเดียว อ่านจนขึ้นใจ แต่ที่อัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นก็คือ หลังจากครบ ๑๐ ปี ไม่ได้มาไหว้แม่ ปรากฏว่าเมื่อบวชแล้ว เป็นเวลาถัดจากนั้นมาเกือบ ๓๐ ปี
กระผม/อาตมภาพได้เข้าไปสักการะ "ท่านแม่" อีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้พาคณะญาติโยมไปด้วย แล้วที่เหลือเชื่อก็คือ "เสี่ยงเซียมซีได้ใบที่ ๑๒ เหมือนเดิม..!" ซึ่งจากที่ท่านระบุเอาไว้ชัดก็คือ กระผม/อาตมภาพนั้นตายแล้วฟื้นใหม่ เพราะอย่างที่บอกเอาไว้ว่า "เปรียบดังต้นพฤกษีคราที่ตาย แล้วกลับกลายฟื้นเป็นเหมือนเช่นเดิม"..!

ดังนั้น..เมื่อถึงเวลาผ่านบริเวณสถานที่นี้ กระผม/อาตมภาพจึงสบายใจมาก ถวายกุศลต่าง ๆ ที่ทำมาให้แก่เจ้าแม่เบิกไพรและบริวารทั้งหลาย แล้วขอให้ท่านอำนวยความสะดวกให้ บางทีรถติดมาก ๆ
กระผม/อาตมภาพไม่อยากจะติดด้วย ก็ขอให้ท่านแม่ช่วยสงเคราะห์ให้หน่อย แล้วเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก เพราะว่ามีน้องเล็กเป็นพยานอยู่ทั้งคน ก็คืออยู่ ๆ ถนนทั้งสายที่รถวิ่งแน่นขนัดไปหมด เหมือนอย่างกับว่างโล่งไปเฉย ๆ อย่างกับใครเอาไม้กวาดไปกวาดรถอื่นทิ้งไปทั้งถนน..! ปล่อยให้รถเราวิ่งได้อย่างสบายมาก

แต่ว่าเรื่องพวกนี้ ถ้าไม่จำเป็นแล้วก็อย่าไปขอเลย เพราะเราไม่แน่ใจว่าท่านจะสงเคราะห์ให้ได้มากน้อยเท่าไร เอาไว้ตอนที่จำเป็นจริง ๆ แล้วค่อยว่ากัน ในเมื่อผ่าน "บ้านแม่" ทั้งที ก็เลยเล่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ให้แก่ญาติโยมได้ทราบเอาไว้ด้วย

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเราและบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2023 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:03



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว