PDA

View Full Version : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๖๐


เถรี
02-10-2017, 09:12
ถาม : อยากทราบว่าบุคคลที่สักรูปพระพุทธเจ้าที่หลังหรือที่แขน จะถือว่าเป็นการปรามาส หรือเป็นพุทธานุสติอย่างหนึ่งครับ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับเขาว่าคิดอะไร ถ้าสักเพื่อความสวยงามก็เป็นการปรามาสพระรัตนตรัย แต่ถ้าสักแล้วคิดเสมอว่าเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวในชีวิตก็เป็นพุทธานุสติ

ถาม : แล้วบุคคลที่สักรูปพระพุทธเจ้าเพราะเห็นว่าพระพุทธเจ้าท่านมีรูปงาม กับบุคคลที่รูปสักพระพุทธเจ้าเพราะนับถือ อานิสงส์จะต่างกันมากน้อยแค่ไหนครับ ?
ตอบ : คนสักเพราะสวยอาจจะได้อานิสงส์ลงข้างล่าง ส่วนคนที่สักเพราะนับถืออาจจะขึ้นข้างบน "อาจจะ" ทั้งคู่ ขึ้นอยู่กับดวงใจสุดท้ายว่าเขาเกาะอะไร

เถรี
02-10-2017, 09:15
ถาม : ผมสงสัยพวกผู้ก่อการร้ายที่ยอมฆ่าตัวเองตายเพื่อสังหารหมู่เพราะความเชื่อหรืออะไรก็ตาม แบบเหตุการณ์ที่ผู้ก่อการร้ายขโมยเครื่องบินแล้วพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดที่อเมริกาหลายปีก่อน ผมสงสัยว่าถ้าบุคคลแม้แต่ความตายก็ยังไม่กลัวเพราะศรัทธากับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาก ๆ โอกาสจะบรรลุธรรมจะสูงมาก ๆ ด้วยใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าใช้ศรัทธาขนาดนั้นมาปฏิบัติธรรม โอกาสบรรลุธรรมจะมีสูงมาก แต่บังเอิญว่าเป็นศรัทธาในทางที่ผิด เป็นลักษณะของมิจฉาทิฏฐิ ก็มีแต่จะสร้างความเสียหายให้แก่ตนเองและบุคคลรอบข้าง

เถรี
02-10-2017, 09:20
ถาม : ในวันงานบวงสรวงไหว้ครูและพุทธาภิเษก วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา ขอถามว่าในช่วงการพุทธาภิเษก หลวงพ่อได้อธิษฐานขอบารมีพระด้านใดบ้างครับ ?
ตอบ : นานไป...ลืมไปแล้ว

ถาม : พระกริ่งทรงเครื่องจักรพรรดิ วัดท่าขนุน บารมีพระท่านเมตตาให้มีอานุภาพอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : บอกแล้วว่าลืมไปแล้ว

ถาม : พระกริ่งทรงเครื่องจักรพรรดิ วัดท่าขนุน มีคาถาอะไรใช้กำกับพระกริ่งรุ่นนี้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : คราวหน้าจะถามก็ให้รีบ ๆ ถามตอนนั้น ยังพอที่จะจำได้อยู่ มาถามเอาตอนผ่านมาถึงเดือนที่สองที่สามแล้ว ก็อย่าหวังเลยว่าจะจำ..!

เถรี
02-10-2017, 09:25
ถาม : กระผมอยากทราบว่า การจดจำภาพดินในการฝึกกสิณดินนั้น ควรที่จะจดจำทุกรายละเอียดของดินที่นำมาเป็นกสิณเลยหรือไม่ครับ หรือจดจำเฉพาะรูปทรงของดินกับสีของดินแค่นั้นครับ ?
ตอบ : เอาแค่ลักษณะรูปทรงก็พอ การไปสนใจรายละเอียดอื่น ๆ จัด เป็นกสิณโทษทั้งนั้น แค่จดจำว่ารูปทรงเป็นอย่างไร วัสดุเป็นอะไร แค่นั้นก็พอแล้ว

เถรี
02-10-2017, 09:29
ถาม : กระผมได้เข้าร่วมโครงการอุปสมบทเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ กับกองทัพบก ระหว่างวันที่ ๑๖ ถึง ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ เนื่องจากได้อ่านเก็บตกจากบ้านเติมบุญต้นเดือน กันยายน ๒๕๖๐ เห็นว่าฤกษ์ดีที่สุดเป็นวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ ( กระผมเข้าใจว่าเป็นฤกษ์สึก ) ฉะนั้นกระผมจึงขอความเมตตาจากพระอาจารย์ต้องการจะทราบฤกษ์สึกที่ดีที่สุดในเดือนพฤศจิกายน เพื่อที่จะสึก ?
ตอบ : ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

เถรี
02-10-2017, 09:30
ถาม : อยากทราบว่าเวลาที่เราไปเช่าบูชาพระพุทธรูปที่เขาทำสำเร็จมาแล้วตามร้านสังฆภัณฑ์ เราควรตั้งกำลังใจไว้อย่างไร เวลาที่เรานำพระพุทธรูปนั้นมาถวายวัดครับ ?
ตอบ : ตั้งใจว่าจะถวายแน่ ๆ ห้ามเปลี่ยนใจเด็ดขาด..!

เถรี
03-10-2017, 01:34
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงวันที่ ๓-๔-๕ ตุลาคม ๒๕๖๐ อาตมาจะเข้ากรรมฐานสามวัน แล้ววันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ จะออกมาเพื่อรับบาตรเทโวและรับกฐิน ส่วนที่อยากจะกล่าวก็คือ ทุกคนอย่าหวังพึ่งอาตมาอย่างเดียว ไม่ใช่รอพระอาจารย์เข้ากรรมฐานแล้วเราจะไปทำบุญ หากแต่ว่าตัวเราควรที่จะภาวนา โดยเฉพาะพระคาถาเงินล้านให้เป็นปกติ จะได้ช่วยให้สภาพความเป็นอยู่ของเราคล่องตัวขึ้น

ถ้ามัวแต่ไปรอว่าเมื่อไรพระอาจารย์จะเข้ากรรมฐาน การที่คนไปเป็นร้อยเป็นพัน สมมติว่าท่านเข้ากรรมฐานเท่ากับได้เงินหนึ่งล้านบาท ถ้าคนไปหนึ่งคนก็จะได้หนึ่งล้านบาท ถ้าไปสองคนแบ่งกันเหลือคนละห้าแสนบาท ถ้าไปสี่คนเหลือคนละสองแสนห้าหมื่นบาท ถ้าไปร้อยคนก็เหลือคนละหมื่นเดียว ถ้าไปพันคนก็เหลือคนละพันเท่านั้น

ส่วนที่ควรจะทำเสริมก็คือ ต้องภาวนาให้กำลังใจของเราทรงตัวเป็นปกติ อยู่ในลักษณะที่ว่าผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์ ถึงเวลาอานิสงส์จะได้มากกว่าคนอื่นเขา แต่ถ้าเจตนาไม่บริสุทธิ์ วัตถุทานไม่บริสุทธิ์ ผู้ให้ไม่บริสุทธิ์ ถึงผู้รับบริสุทธิ์ ก็จะโดนตัดไปถึงสามส่วน จึงเป็นเรื่องที่พวกเราพึงสังวรว่า อย่ามัวแต่พึ่งผู้อื่น พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่า อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน"

เถรี
03-10-2017, 01:36
"ถ้าเราทำพระคาถาเงินล้านจนขึ้นเป็นปกติ ได้ผลเป็นปกติ ก็ไม่ต้องไปรอหลวงปู่หลวงพ่อท่านใดเข้ากรรมฐาน แล้วเราค่อยไปทำบุญเพื่อรับอานิสงส์นั้น ๆ และจะเป็นอานิสงส์ที่ยั่งยืนแก่ตัวเราด้วย

การที่เราพึ่งพาคนอื่นนั้น ก็เป็นที่พึ่งได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้น...บุคคลที่ไม่ประมาท ก็จึงต้องทำเองด้วย คนอื่นทำเราก็ขอมีส่วนร่วมบุญด้วย เรียกว่าทำแบบคนมีปัญญา ทำแบบคนฉลาด แต่ถ้าหากว่าทำแบบคนไม่มีปัญญาก็คือ รอว่าเมื่อไรที่ไหนมีการเข้ากรรมฐานสามวัน ห้าวัน เจ็ดวัน แล้วเราค่อยแห่ไปทำบุญที่นั่น

อย่าลืมว่าการไปต้องเดินทางไกล การเดินทางไกลโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุก็มีได้ การพึ่งพาอาศัยคนอื่นก็ไม่ใช่ที่พึ่งที่ยั่งยืน จึงควรที่จะปรับที่จะเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่ ให้ตัวเราเป็นที่พึ่งของเรา ให้ผู้อื่นเป็นส่วนเสริมในความเจริญนั้น ๆ จึงจะเรียกว่าปฏิบัติได้ถูกต้องจริง ๆ"

เถรี
03-10-2017, 01:39
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้พระพุทธศาสนาของเราค่อนข้างจะสั่นคลอน เพราะว่าสื่อสังคมต่าง ๆ ทำให้ข่าวไปถึงได้เร็วแล้วก็ง่าย แต่การรับข่าวของพวกเราก็ควรที่จะรับอย่างมีสติ คำว่ามีสติในที่นี้ก็คือ อย่าไปใส่อารมณ์ตามเนื้อข่าว ไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่เป็นจริงก็ตาม ถ้าเราไปใส่อารมณ์ตามเนื้อข่าวเมื่อไร โอกาสที่เราจะขาดทุนมีสูงมาก

โดยเฉพาะบรรดาท่านทั้งหลายที่ไปลงความเห็นในลักษณะของการตำหนิติเตียนหรือด่าว่าพระสงฆ์ การที่เราตำหนิติเตียนหรือด่าว่าพระสงฆ์ ท่านยิ่งบริสุทธิ์เท่าไร โทษก็ยิ่งหนักเท่านั้น

ถ้าหากว่าจะดูตัวอย่างในพระธรรมบท ซึ่งเศรษฐีไปด่าพระที่ต้องอาบัติปาราชิก ขาดความเป็นพระไปแล้ว ปรากฏว่าเศรษฐีต้องไปเกิดเป็นเปรตอยู่ในหลุมขี้ ก็เพราะว่าคนอื่นทำผิดทำชั่วก็จริง แต่พอเราไปด่าว่า เราก็ทำชั่วไปด้วย ก็คือทำชั่วด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจนั่นเอง การไปจ้องจับผิดผู้อื่นเป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำอยู่แล้ว การด่าว่าจิตก็ต้องประกอบไปด้วยโทสะ โมหะ

ดังนั้น...เมื่อตายไปเศรษฐีก็เลยกลายเป็นเปรต เหมือนอย่างกับว่าคนอื่นหาทางลงอบายภูมิ เราเห็นเข้าเราก็โดดตามลงไปด้วย ทั้ง ๆ ที่ตัวเราไม่จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น"

เถรี
03-10-2017, 01:43
"ถ้านึกเอาตามพุทธภาษิต ก็คือ อกตํ ทุกฺกฏํ เสยฺโย ความชั่วไม่ทำเสียเลยดีกว่า คนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง อย่างที่โบราณว่า ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ เพราะว่าสิ่งที่เราทำมีแต่จะเกิดโทษมากกว่าจะก่อประโยชน์

ข่าวบางข่าวก็เป็นข่าวในลักษณะที่ไม่เป็นความจริง ถ้าหากว่าพระท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้ผิด แต่ว่าโดนสังคมตราหน้าไปแล้วว่าผิด เราไปด่าว่าเข้าก็เกิดโทษมาก แต่ต่อให้ท่านผิด ก็มีพระธรรมวินัย มีวิธีการต่าง ๆ ที่จะแก้ไข ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประทานให้ ดังนั้น...จึงไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะไปด่าไปว่าในลักษณะอย่างนั้น

เรื่องของพระเรื่องของนักบวชต้องบอกว่ามีคุณอนันต์ ขณะเดียวกันก็มีโทษมหันต์ ปฏิบัติดีทำได้ถูกต้อง ก็เกิดคุณประโยชน์มหาศาลอย่างคาดไม่ถึง เพราะว่าท่านเป็นปูชนียบุคคล เป็นทักขิเณยบุคคล แต่ถ้าหากว่าทำไม่ดีทำไม่ถูกต้อง ก็จะเกิดโทษมหันต์

จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะ ต้องสำรวมกาย สำรวมวาจา สำรวมใจ ใช้หลักสาราณียธรรม ๖ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ เมื่อจะคิดก็คิดด้วยเมตตา เมื่อจะพูดก็พูดด้วยเมตตา เมื่อจะทำก็ทำด้วยเมตตา หวังประโยชน์ต่อพระศาสนาจริง ๆ ไม่เช่นนั้นแล้วตัวเราก็จะเป็นทุกข์เป็นโทษเอง ต้องลงอบายภูมิไปเอง

ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ต้องบอกว่า "เสียทีที่เกิดมา" เพราะว่าการที่เราเกิดมานั้น มีโอกาสแม้แต่ความหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน แต่เรากลับเลือกเอาทางลงสู่อบายภูมิไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก"

เถรี
03-10-2017, 01:46
พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนตุลาคมนี้ งานใหญ่ของวัดท่าขนุนก็คือ ออกพรรษา ตักบาตรเทโวและทอดกฐิน ซึ่งงานที่ว่านี้อยู่ในช่วงวันที่ ๕ ออกพรรษา ช่วงวันที่ ๖ ตักบาตรเทโวและทอดกฐิน หลังจากนั้นก็เป็นวันที่ ๒๑ บวชพระ ๙๙ รูปถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ ต่อไปก็เป็นงานข้างนอกก็คือ กฐินปลดหนี้ที่อาศรมศรีชัยรัตนโคตร จังหวัดสกลนคร

ส่วนอีกงานหนึ่งที่ทางมหาเถรสมาคมมีมติให้ทุกวัดทั่วโลกจัด ก็คือสวดมนต์ถวายกุศลในวันที่ในหลวง รัชกาลที่ ๙ สวรรคต ๑๓ ตุลาคม ใครอยู่ใกล้วัดไหนก็ไปร่วมงานที่วัดนั้นก็แล้วกัน

ส่วนงานสำคัญของปีหน้าที่กำหนดไปแล้วก็คือ งานหล่อหลวงพ่อนาก ในวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ที่ไม่ได้อยู่ในใกล้เคียงกับวันมาฆบูชา ก็เพราะว่าปีหน้าเป็นอธิกมาส มีเดือนแปดสองหน วันมาฆบูชาจึงเลื่อนไปอยู่วันที่ ๑ เดือนมีนาคม ซึ่งเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๔ คราวนี้ถ้ารอให้ถึงมีนาคมก็อาจจะช้าไป ช่างอาจจะแต่งองค์พระไม่ทันตามที่ต้องการ จึงต้องหล่อตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เหมือนกับปีที่แล้ว เอาไว้ใกล้ ๆ แล้วจะบอกบุญพวกเรา

ในเรื่องของเม็ดเงินเพื่อหล่อพระ งวดนี้คงจะใช้ประมาณ ๕๐ กิโลกรัมเท่านั้น เพราะว่าส่วนผสมของนาก หลัก ๆ แล้วจะเป็นทองแดงนอก ส่วนผสมที่น้อยที่สุดก็คือทองคำ ซึ่งทองคำนั้นเรามีเหลือเฟืออยู่แล้ว ปีนี้เราหล่อหลวงพ่อเงินไปแล้ว โดยใช้เม็ดเงิน ๑๕๐ กิโลกรัม เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าจะหล่อหลวงพ่อนาก ซึ่งใช้ทอง นาก เงิน รวมกันประมาณ ๑๖๐ กิโลกรัม แล้วปีถัดไปถึงจะเป็นการหล่อหลวงพ่อทองคำ ซึ่งใช้ทองคำประมาณ ๑๔๐ กิโลกรัม

ตอนนี้ท่านใดจะร่วมหล่อหลวงพ่อทองคำ ยังสามารถบริจาคได้เรื่อย ๆ ถ้าหากว่าท่านใดบริจาคทองคำถึง ๓ บาทให้แจ้งอาตมาด้วย เพราะว่าทางวัดจะมีเหรียญรัชกาลที่ ๕ เนื้อทองคำ น้ำหนักสองบาทกว่า มอบให้แก่ท่านที่บริจาคทองคำแท่ง ๓ บาท"

เถรี
03-10-2017, 01:48
"ต้องบอกว่าเป็นเหรียญรัชกาลที่ ๕ ที่สวยที่สุดในประเทศไทย เพราะว่าออกแบบโดยนายช่างปัทม์ บุณยรังค ซึ่งปั้นรูปนารายณ์กวนเกษียรสมุทรที่สนามบินสุวรรณภูมิ ช่างปัทม์บอกว่ามอบแบบให้ฟรี ๆ โดยไม่คิดค่าแบบแม้แต่บาทเดียว ของเราไปเสียแค่ค่าแกะบล็อกห้าหมื่นบาท ไม่ต้องเสียค่าออกแบบ ส่วนที่เหลือก็คือค่าวัสดุในการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นทองคำ เป็นเงิน หรือว่าเป็นทองแดง ตะกั่ว

ท่านที่จะทำบุญกฐินปีนี้ ถ้าหากว่าจองกฐินกองละ ๓,๐๐๐ บาท ก็มีเหรียญเงินให้ ๑ เหรียญ ถ้าหากว่าทำบุญ ๕๐๐ บาท มีเหรียญเนื้อชิน คือเนื้อตะกั่ว คำว่า ชิน เป็นภาษาบาลี หมายถึงตะกั่ว ถ้าหากว่า ๕๐๐ บาทจะมีเหรียญเนื้อชินให้ ๑ เหรียญ พวกเราสามารถไปทำบุญเพื่อรับเหรียญได้ ในวันทอดกฐิน วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๐

ส่วนเนื้อเงินนั้นท่านสามารถจองได้ในเว็บวัดท่าขนุน จนกว่าเขาจะปิดจอง ปิดจองแล้วก็ไปทำบุญเอาที่วัดในวันเดียวกัน"

เถรี
03-10-2017, 01:50
"ประเทศไทยเราต้องบอกว่าโชคดีมาก ๆ ที่มีพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นมหาราช มีคุณูปการยิ่งใหญ่ต่อประเทศชาติ ซึ่งพระองค์ท่านจะมาในระยะเวลาที่เหมาะสม อย่างเช่นว่าสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ซึ่งปราบดาภิเษกตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ปี ๒๓๒๕ ถัดจากนั้นมาเราก็มีพระมหากษัตริย์ ที่บำเพ็ญกรณียกิจเพื่อชาติเพื่อประชาชนสืบเนื่องกันมา

จนกระทั่งมาปรากฏโดดเด่นในสมัยของสมเด็จพระปิยมหาราช คือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ซึ่งขึ้นครองราชย์ปี พ.ศ.๒๔๑๑ ถึงปี ๒๔๕๓ แล้วหลังจากนั้นก็มีในหลวงซึ่งบำเพ็ญกรณียกิจเหมาะสมกับสถานการณ์สืบมา จนมาปรากฏเด่นในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชของเรา ซึ่งครองราชย์นานที่สุดในโลก คือ ๗๐ ปีเศษ ๆ

คงจะไม่มีพระมหากษัตริย์พระองค์ไหนครองราชย์นานไปกว่านี้อีกแล้ว ถือว่าเป็นการสูญเสียพระมหากษัตริย์ที่มีคุณูปการยิ่งใหญ่ต่อประเทศชาติแล้วก็ต่อโลกด้วย"

เถรี
04-10-2017, 09:23
ถาม : ถ้ามีกุฏิที่ล็อกกุญแจได้มิดชิด พระสามารถเก็บผ้าครองไว้ในห้องแล้วออกไปก่อนอรุณได้โดยไม่อาบัติใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ใช่ครับ

เถรี
04-10-2017, 09:25
ถาม :พระคุยกันเรื่องวินัยต้องรุนแรงขนาดไหนถึงเป็นจะวิวาทาธิกรณ์ แล้วต้องเอาอธิกรณสมถะมาจบปัญหาครับ ?
ตอบ : คำว่า วิวาทะ ไม่ได้แปลว่าทะเลาะกัน แต่เป็นการถกเถียงแล้วตกลงกันไม่ได้ในเรื่องนั้น ๆ ถ้าตกลงกันได้ก็จบ ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ต้องใช้อธิกรณสมถะมาใช้ในการระงับ

เถรี
04-10-2017, 09:26
ถาม : ในศีลพระห้ามพระน้อมลาภของสงฆ์มาเพื่อตน แล้วถ้าพระน้อมลาภของตนไปให้สงฆ์ก็ต้องอาบัติด้วยหรือครับ ?
ตอบ : ท่านห้ามแค่ไหนก็แค่นั้น อย่าทะลึ่งไปห้ามในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ..!

เถรี
04-10-2017, 09:30
ถาม : ในเรื่องการฉันกัดคำข้าว ถ้ากัดผลไม้ที่ชิ้นใหญ่ ๆ แทะข้าวโพด กัดขนมปังหรือกัดเส้นก๋วยเตี๋ยว ต้องอาบัติด้วยหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นผลไม้หรือขนมชิ้นใหญ่ โดนอาบัติฉันกัดคำข้าวทั้งหมด แต่ในเรื่องของเส้นก๋วยเตี๋ยว ถ้าไม่มีปัญญาจะใส่ปากได้ทั้งหมดก็จำเป็นต้องกัดอยู่แล้ว แต่เวลาพระฉัน ท่านจะใช้วิธีเอาส้อมหรือช้อนแบ่งเส้นให้สั้นลง

เถรี
04-10-2017, 09:31
ถาม : ภิกษุได้จีวรใหม่มาต้องทำพินทุก่อน ขนาดจุดเล็กเท่าหลังตัวเรือด จุดใหญ่เท่าตานกยูง หมายถึงตานกจริง ๆ หรือที่ตาตรงหางครับ ?
ตอบ : คำว่าตาในที่นี้คือแววหางนกยูง

เถรี
04-10-2017, 09:31
ถาม : ไข่ยางมะตูม, ไข่ดาวแบบไข่แดงไม่สุก, เนื้อย่างแบบข้างในยังไม่สุก ยังถือว่าเป็นของดิบที่ผิดวินัยหรือไม่ครับ ?
ตอบ : อะไรที่ไม่สุกฉันไม่ได้ทั้งนั้น

เถรี
04-10-2017, 09:32
ถาม : สังฆาฏิถ้าจะเอามาหนุนหัวต่างหมอน โดยที่ไม่มีผ้าปูลาดก่อนต้องอาบัติหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่โดนอาบัติ แต่ต้องขยันซักหน่อย ไม่อย่างนั้นก็เละเป็นคราบเลย

เถรี
04-10-2017, 09:33
ถาม : อาหารต่าง ๆ ที่พระซื้อมาด้วยปัจจัยส่วนตัว มีขาดประเคนหรือไม่ครับ ?
ตอบ : นับอายุตามที่ระบุไว้ในกาลิก มีข้อยกเว้นอยู่อย่างเดียวคือเป็นของเรา จึงไม่ต้องให้ใครประเคน

เถรี
04-10-2017, 09:34
ถาม : พระวินัยต่าง ๆ ภิกษุต้องเพราะสงสัย กับต้องโดยไม่รู้ เพราะไม่คิดมาก อันไหนโทษมากกว่ากันครับ ?
ตอบ : ลงนรกทั้งคู่..!

เถรี
04-10-2017, 09:36
ถาม : ขอความเมตตาหลวงพ่อช่วยอธิบายสิกขาบทที่ ๔ แห่งปาฏิเทสนียะ ห้ามรับอาหารที่เขาไม่ได้จัดไว้ก่อนเมื่ออยู่ป่าด้วยครับ ?
ตอบ : ในเรื่องของอาหาร ถ้าเจ้าภาพไม่ได้ตั้งใจถวาย โดนอาบัติทั้งนั้น ไม่เห็นจะต้องไปเสียเวลาอธิบายอะไรมากมาย พูดง่าย ๆ ว่าถ้าเขาไม่แสดงอาการว่าให้ ไปแตะต้องเข้า ดีไม่ดีถ้าราคาเกินบาทก็ขาดความเป็นพระไปเลย

เถรี
04-10-2017, 09:38
ถาม : ถ้าผมจะนำน้ำมนต์เสาร์ห้าวัดท่าขนุน มาใช้เพื่อขอให้ภรรยาคลอดบุตรได้ง่าย ไม่เจ็บปวด จะใช้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : คลอดบุตรง่ายก็พอจะได้ แต่ถ้าไม่เจ็บปวดนั้นคงจะยาก

เถรี
04-10-2017, 09:44
ถาม : หากบุคคลหนึ่งเขียนแจกแจงรายละเอียดการอุทิศผลบุญ และตั้งความปรารถนาในอานิสงส์ของบุญนั้นไว้ก่อน จากนั้นตั้งจิตอธิษฐานว่า การบุญใด ๆ นับจากนี้เป็นต้นไปตราบกระทั่งเข้าถึงพระนิพพาน ขออุทิศและขออานิสงส์ของบุญเหล่านั้นจงเป็นไปตามที่บุคคลนั้นได้อธิษฐานนี้ไว้โดยอัตโนมัติ

การบุญใด ๆ หลังจากนั้น หากบุคคลนั้นไม่ได้นึกอุทิศส่วนบุญ และไม่ได้ตั้งความปรารถนาไว้ จะถือว่าบุคคลนั้นได้อุทิศส่วนบุญ และได้ตั้งความปรารถนาไว้ตามที่อธิษฐานไว้ก่อนหรือไม่ครับ ?

ตอบ : เขาเรียกว่า โทษของการใช้คอมพิวเตอร์มากเกินไป ก็เลยคิดว่าอย่างอื่นสามารถ set program ให้ทำงานได้เหมือนคอมพิวเตอร์

อธิษฐานบารมี แปลว่า การตั้งใจมั่น การที่เราจะตั้งใจมั่นได้ต้องตอกย้ำบ่อย ๆ การตอกย้ำบ่อย ๆ แปลว่า ควรที่จะอธิษฐานทุกครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างก็ควรที่จะเป็นปัจจุบันธรรมจึงจะเป็นผล ไม่ใช่ไปอ้างถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

เถรี
04-10-2017, 18:39
ถาม : โยมใช้การตรึกนึกถึงพระแก้วใสในการภาวนา สามารถนึกได้ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง ในบางครั้งเมื่อสวดมนต์หรือท่องคาถา ก็จะใช้การตรึกนึกเป็นตัวอักษรไทยบ้าง อักขระขอมบ้าง และมีข้อสงสัยดังนี้

เมื่อโยมนึกพระคาถาเป็นอักษรไทย บางครั้งจะนึกเห็นประเภทตัวอักษร (ฟอนต์) ไม่ซ้ำกับที่เคยนึกเห็นและไม่ได้ตั้งใจนึกมาก่อน เช่น เดิมเคยนึกเห็นอักษรฟอนต์คอร์เดียก็กลายเป็นฟอนต์อังสนา เช่นนี้แล้ว โยมควรจะนึกเห็นไปตามนั้น หรือว่าควรนึกย้อนกลับไปหาฟอนต์เดิมที่เคยเห็นครับ ?
ตอบ : ควรจะเปลี่ยนเป็นไทยสารบรรณ เพราะเดี๋ยวนี้บังคับใช้แล้ว...!

ถาม :บางครั้งการนึกเห็นตัวอักษรฟอนต์ใหม่ก็ไม่ชัดเจน เหมือนกับอ่านหนังสือในที่มืดมีแสงเลือนราง แต่มีความรู้สึกว่าตัวสระพยัญชนะมีการโค้งอย่างนั้น มีการหยักอย่างนี้ ฯลฯ นี่เกิดจากความทรงจำหรือเกิดจากการนึกเห็นจริงครับ ?
ตอบ : การนึกเห็นก็รู้อยู่แล้วว่านึกเห็น ถ้าเราไม่ได้นึกแล้วเห็นได้จึงจะเป็นความทรงจำ แต่คราวนี้เรานึกแล้วถึงจะเห็นคือการนึกของเราในปัจจุบันตอนนั้น

เถรี
04-10-2017, 18:39
ถาม : เส้นลมปราณตามตำราฝึกชี่กงนั้น มีลักษณะที่เป็นรูปธรรมอย่างเส้นเลือดเส้นประสาท หรือเป็นนามธรรมเช่นเดียวกับลมปราณครับ ?
ตอบ : ก็คือเส้นเลือด เส้นเอ็น เส้นประสาท และต่อมบางประเภทที่ผลิตฮอร์โมนต่าง ๆ สำหรับร่างกาย

เถรี
04-10-2017, 18:40
ถาม : หากนำน้ำผึ้งเข้าพิธีพุทธาภิเษกเสาร์ห้า งานเป่ายันต์เกราะเพชร ไม่ทราบว่าจะมีอานุภาพเหมือนน้ำมนต์เสาร์ห้า วัดท่าขนุนหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่เหมือน น้ำผึ้งหวานกว่า...!

ถาม : สามารถเติมขยายเพิ่มจำนวนได้เหมือนน้ำมนต์หรือไม่ครับ และวิธีเติมขยายอย่างไรครับ ?
ตอบ : เหมือนกัน เพียงแต่เอาน้ำผึ้งที่เข้าพิธีเทใส่น้ำผึ้งที่ไม่ได้เข้าพิธี ลักษณะของน้ำมนต์ก็เช่นเดียวกัน อย่าเอาของใหม่เททับของเก่า แต่ให้เอาของเก่าเททับของใหม่เสมอ

เถรี
04-10-2017, 18:41
ถาม : พระนิพพานนั้นมีอยู่ก่อนที่สมเด็จองค์ปฐมพุทธเจ้าจะตรัสรู้ หรือเพิ่งจะเกิดขึ้นใหม่ตอนที่องค์ปฐมพุทธเจ้าตรัสรู้เพื่อรองรับพระองค์ครับ ?
ตอบ : ตราบใดที่ไม่มีบุคคลหลุดพ้น สถานที่นั้นก็ไม่มี เพราะไม่จำเป็นต้องรองรับอะไร หลุดพ้นเมื่อไรสถานที่นั้นก็มีเพื่อรับการหลุดพ้นนั้น ๆ

เถรี
04-10-2017, 18:44
ถาม : การทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าให้สวยงามมากขึ้นเป็นการฝืนกรรม โดยเฉพาะในเรื่องของหน้าตารูปร่างถูกต้องหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถูกต้องครับ

ถาม : ถ้าต้องการทำศัลยกรรมตกแต่ง ควรทำบุญอะไรเพิ่มเติมเพื่อหลีกเลี่ยงผลเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ครับ ?
ตอบ : ไปเกิดใหม่จะดีกว่า..!

ถาม : เหตุใดคนจำนวนไม่น้อยที่ทำศัลยกรรมตกแต่งแล้วชีวิตพวกเขาหันเหไปในทางที่ดีขึ้นได้ครับ ?
ตอบ : จะดีขึ้นแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น เพราะว่านรลักษณ์หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าโหงวเฮ้งที่แก้ไขไป บังเอิญว่าไปตกในจุดที่ดีพอดี แต่หลังจากเลยส่วนนั้นไปก็จะรับเละอย่างเดียว..!

เถรี
04-10-2017, 18:57
ถาม : เมื่อเราเกิดปัญหาขึ้นในการเรียนหรือการทำงาน และเป็นปัญหาที่หาทางออกที่ดีไม่ได้ จนทำให้เกิดทุกข์ทุกครั้งที่นึกถึง แม้จะทำสมาธิก็ช่วยบรรเทาทุกข์ได้แต่เพียงชั่วครู่ จึงสงสัยว่าจะมีวิธีใดบ้างที่ช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหานั้น ๆ ได้ หรือพบคนที่จะมาช่วยเหลือได้ ?
ตอบ : เอาให้ดีนะ คำถามสับสนเอง ตกลงจะแก้ไขปัญหาหรือแก้ไขทุกข์ ?

ถาม : มีวิธีใดบ้างที่จะระงับทุกข์ในช่วงที่ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ?
ตอบ : มีนักธุรกิจใหญ่ท่านหนึ่งบอกว่า ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ ไม่ถือว่าเป็นปัญหา เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องไปสนใจ แต่ถ้าเป็นปัญหา ปัญหานั้นต้องแก้ได้

ถาม : แล้วมีวิธีอธิษฐานเพื่อให้พบเจอคนที่จะมาช่วยเหลือบ้างได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้...แต่อธิษฐานแล้วจะได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับบุญเก่าที่เราทำไว้ด้วย

ถาม : แล้วต้องทำอย่างไรจะเจอเร็ว ๆ คะ ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าไปเกิดใหม่..!

เถรี
04-10-2017, 18:59
ถาม : เพื่อนผมได้กินน้ำสลัดซึ่งทำจากน้ำส้มสายชู แต่น้ำส้มสายชูได้ผ่านกระบวนการหมักซึ่งมีขั้นตอนที่แปรสภาพจากแอลกอฮอล์มาเป็นกรด ผมจึงสงสัยว่า ถ้ากินเข้าไปแล้วจะทำให้ยันต์เกราะเพชรหลุดหรือไม่ครับ ?
ตอบ : กรดไม่ใช่แอลกอฮอล์

ถาม : ผมสงสัยว่าจะมีวิธีใดที่สามารถตรวจสอบด้วยตนเองได้ว่า ยันต์เกราะเพชรยังอยู่ในตัวเราแบบที่ไม่ใช่ต้องรอให้ตาย หรือไปให้งูพิษกัดครับ ?
ตอบ : ไปโดดขวาง ๑๘ ล้อหรือรถไฟก็ได้ ถ้ารอดมาได้แสดงว่ายันต์ยังอยู่...!

ถาม : หากเรานั่งร่วมวงกินข้าวกับเพื่อนที่ดื่มเหล้าโดยไม่ใช้ช้อนกลางในการตักอาหาร เมื่อเพื่อนดื่มเหล้า ตักกับข้าวเข้าปาก แล้วใช้ช้อนคันเดียวกันตักอาหารอย่างอื่น เราไปตักกับข้าวกินต่อจากเพื่อนคนนั้น ยันต์เกราะเพชรที่รับมาจะหายไปหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ได้เจตนาดื่มเหล้าไม่เป็นไร แต่ไม่ควรที่จะทำเช่นนั้น

เถรี
04-10-2017, 19:01
ถาม : เมื่อคืนฝันว่ามีเสียงคนมาพูดข้างหูว่า ให้ตัวข้าพเจ้าร่วมทำบุญถวายกฐินหลวงพระราชทานกับพระเจ้าอยู่หัว แล้วจะได้พระพุทธรูปปางที่ชอบ แล้วพระพุทธรูปก็ลอยมาใกล้ ๆ เป็นพระพุทธรูปที่ใส ๆ เหมือนแก้ว ลอยเข้ามาวนข้าง ๆ ไม่ทราบว่าฝันนี้จะบอกเหตุอย่างไรได้บ้างคะ ?
ตอบ : บอกว่าให้ไปทำบุญกฐินโดยเสด็จพระราชกุศล

ถาม : ตัวคนฝันอยากจะร่วมสบทบกฐินหลวงให้ครบทุกจังหวัด มีวิธีไหนบ้างคะที่จะได้ร่วมถวายให้ครบทุกจังหวัดโดยที่ไม่ต้องเดินทางไป ?
ตอบ : ติดต่อสำนักพระราชวัง

เถรี
04-10-2017, 19:02
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในเรื่องของปัญหาต่าง ๆ ที่ถามมา อย่างปัญหาสุดท้ายขอถามปัญหาธรรมะ แต่ไปถามเกี่ยวกับความฝัน ก็เลยสงสัยว่าคนสมัยนี้สับสนในชีวิตขนาดไหน อีกส่วนหนึ่งก็คือพอถึงเวลาก็ถามเกี่ยวกับกฐินหลวง สรุปว่าคนฟังได้ธรรมะแต่คนถามไม่ได้ถามธรรมะ ที่คนฟังได้ธรรมะก็คือทุกอย่างไม่เที่ยง ถามไม่อยู่กับร่องกับรอย..!"

เถรี
04-10-2017, 19:36
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องวัตถุมงคลของหลวงพ่อวัดท่าซุง ที่อาตมาพบเห็นอานุภาพมามากที่สุดคือ ธงมหาพิชัยสงคราม อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงที่อยู่ชายแดนพกธงมหาพิชัยสงครามกับเหรียญผู้ชนะสองอย่างเท่านั้น ในเหตุการณ์ปะทะใหญ่ ๆ เล็ก ๆ ๒๐ กว่าครั้ง ล้วนแล้วแต่มีธงมหาพิชัยสงครามอยู่กับตัว ก็เลยไม่มีอันตราย

แต่เพื่อนฝูงตายไปหลายคน รุ่นนั้นนักเรียนนายสิบที่จบมาติดสิบเอกขึ้นชายแดนใหม่ ๆ ตายไป ๘ คน ร้อยตรี ๑ คน ร้อยเอก ๑ คน พลทหารอีกรวม ๆ แล้ว ๒๖ ศพ เฉพาะหน่วยเดียวนะ ครั้งนั้นเหตุการณ์ยังรุนแรงมาก หลังการปะทะใหญ่ที่โนนหมากมุ่นจบลงใหม่ ๆ ตอนนั้นโนนหมากมุ่นที่เดียวตายไป ๓๐๐ กว่าศพ..!

ตอนนั้นอาตมาพกไปด้วยความมั่นใจ เพราะหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ผืนเดียวคุ้มได้ทั้งฐาน เหตุการณ์ที่หนักที่สุดก็คือไปโดนเขมรแดงซึ่งสนับสนุนโดยทหารญวน กระหน่ำด้วยปืนใหญ่ ๔๐๐ กว่านัด อย่างกับนอนไกวเปลอย่างนั้นแหละ ปกติของปืนใหญ่ไม่เกิน ๓ นัดเขาก็ปรับเข้าเป้าแล้ว เพราะรัศมีฉกรรจ์ที่โดนแล้วตายแน่คือครึ่งกิโลเมตร งวดนั้นคนปรับปืนที่เขาเรียก ผตน. (ผู้ตรวจการหน้า) ไม่รู้ตาถั่วอีท่าไหน ? ปรับอยู่ ๑๕ นาที ๓ กระบอก ๔๐๐ กว่านัด ข้ามฐานยังข้ามไม่ได้เลย ตกอยู่แค่หน้าฐานเท่านั้น ผืนเดียวคุ้มได้ทั้งฐานจริง ๆ

เพราะฉะนั้น...ธงมหาพิชัยสงครามจึงเป็นวัตถุมงคลที่อาตมามั่นใจที่สุด แล้วที่ชอบมากที่สุดก็คือยิงออก ชอบตรงยิงออกเพราะว่าเป็นคนชอบเสียงดัง ฟังแล้วมันดี พอได้ยินเสียงปืนเท่านั้นจะวิ่งสวนท่าเดียว พวกต้องคอยดึงเอาไว้ ถ้ายิงไม่ออกแล้วรู้สึกว่าหารสชาติของชีวิตไม่ได้ อะไรเงียบ ๆ ก็ไม่รู้

โดยปกติคือ "ทหารออกรบ ๑ กองร้อย หลวงพ่อไปด้วย ๑ กองพล" คือแต่ละคนพกเต็มคอไปหมด ที่พกไปแค่ ๒ ชิ้นอย่างอาตมานี่ถือว่านอกเหตุเหนือผลมาก"

เถรี
04-10-2017, 19:46
"พออยู่ในที่อันตรายจะดีตรงที่ว่า กำลังใจเกาะพระดีมาก เพราะไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไร ? ในเมื่อไม่รู้ก็มีทางเดียวคือ อยู่กับพระ กินกับพระ นอนกับพระ คาถามีกี่บทภาวนาหมด

จะเห็นได้ว่าพระธุดงค์ที่ออกธุดงค์ สาเหตุหนึ่งก็คืออันตรายมีมาก พออันตรายมีมาก สามารถฝ่าฟันผ่านไปได้เป็นลำดับ โดยไม่มีอะไรนอกจากความยึดมั่นในคุณพระศรีรัตนตรัย เมื่อผ่านไปได้ ความมั่นคงของกำลังใจจะมีมากขึ้น ๆ ในที่สุดก็เกิดความเคารพในคุณ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแน่นแฟ้นเต็มจิตเต็มใจ ชนิดที่เรียกว่า ด่าก็ไม่ไป ไล่ก็ไม่หนี

ระดับนั้นก็คือกำลังใจแรก ๆ ของความเป็นพระอริยเจ้า เพราะกติกามีว่า ต้องเคารพ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เมื่อมีประสบการณ์เกิดขึ้น ทำให้ความมั่นใจมั่นคงฝังลึกจริง ๆ ลึกอย่างชนิดไม่มีทางคลาย

ลองเดินไปเจอเสือตัวเท่าม้าอยู่ข้างหน้า แทนที่เสือจะกินเรา จะฆ่าเรา กลายเป็นว่าหนีเราแทน จะเกิดความมั่นใจเป็นพิเศษ แต่ว่าอาตมาเองสัตว์ไม่ค่อยจะหนี...แปลกจริง ๆ ขนาดเดินบิณฑบาต เก้งแม่ลูกเดินตามมาเป็นกิโลฯ เลย จนกระทั่งต้องบอกว่า "ใกล้บ้านคนแล้ว กลับไปเถอะ เดี๋ยวจะมีอันตราย" เขาถึงได้เดินหลีกเข้าป่าไป คงเห็นเป็นสีเดียวกันหรืออย่างไรก็ไม่รู้ เดินตามมาเรื่อย ๆ อาตมาก็เห็นว่าน่ารักดีก็ปล่อยให้เดินตาม

เวลานอนในป่าหรือในถ้ำ อย่างหนึ่งที่เจอประจำคืองู ชอบมานอนบนอก ตื่นขึ้นมาคลำนี่ ตัวอย่างกับขวดเบียร์ ต้องแตะ ๆ ให้เขารู้ตัวก่อนแล้วค่อยดึง เขาก็จะลงไปเอง ถ้าไปปุบปับคว้าเลยนี่เดี๋ยวจะโดนกัดเอา งูเป็นสัตว์เลือดเย็น มักจะหาที่อุ่น พอเจอที่อุ่น ๆ ก็ขึ้นมายึดเป็นที่นอนเลย"

เถรี
09-10-2017, 20:50
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของตะกรุดหนังควาย ไม่ว่าจะพอกครั่งหรือไม่พอกครั่ง ทางเหนือเขาถนัด โดยเฉพาะหลวงปู่ครูบาชุ่ม วัดวังมุย ท่านจะใช้หนังลูกควายตายในท้องมาทำตะกรุด"

เถรี
09-10-2017, 21:24
ถาม : แร่บางไผ่ ?
ตอบ : แร่บางไผ่ไม่ต้องดูมาก ดูรอยพรุนกับเสี้ยนก็พอ แร่บางไผ่ออกสีสนิมเหล็กทั้งองค์ เอาไว้มีเวลาจะเอาลูกอมมาลงให้ดู มีอยู่ ๓-๔ ลูก ของหายาก ขืนลงจำหน่ายเดี๋ยวได้ฆ่ากันตาย อย่าลืมว่าแร่บางไผ่เป็นหนึ่งในเครื่องรางในตำนานเลยนะ

‘หมากดีที่วัดหนัง’ อาตมามีอยู่ลูกเดียว ‘เบี้ยขลังวัดนายโรง’ ก็มีอยู่ลูกเดียว ‘ไม้ครูคู่วัดอินทร์’ ก็มีอันเดียว ‘มีดบินวัดหนองโพธิ์’ นี่มีหลายเล่มหน่อย บางเล่มนี่ใหญ่เหลือเกิน ‘ราหูคู่วัดศีรษะ’ นี่มีเยอะหน่อย ‘แหวนอักขระวัดหนองบัว’ นี่ก็เยอะหน่อย ‘พิสมรวัดพวงมาลัย’ มีอยู่ ๗-๘ อัน แล้วก็ ‘ครั่งเหลือร้ายวัดโตนดหลวง’ อันนี้มีเยอะ ที่เยอะเพราะว่าหลวงปู่ทองศุขนี่ ต้องบอกว่าอายุราชการน้อยกว่าเขา แล้วก็มา‘ลูกแร่ที่บางไผ่’ มีอยู่แค่ ๓-๔ องค์ ทั้ง ๙ อย่างนี่เป็นเครื่องรางในตำนานเลย

เถรี
10-10-2017, 19:36
ถาม : ของครูบานันตา ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ของท่านจะเคลือบรักสีแดง ทางด้านเหนือถ้าเป็นครูบานันตาจะเคลือบสีแดง ถ้าเป็นครูบาอโนชัยท่านจะลงหลายสี หรือไม่ก็ไม่มีสีเลย

วัตถุมงคลของครูบานันตา อาตมามีทั้งราหู มีทั้งวัวธนู แต่ขอโทษ...ผ้ายันต์ม้าเสพนางนี่ไม่ต้องไปหา ใครมีก็หวงมาก ตื๊อเท่าไรก็ไม่ให้ เพราะของท่านเมตตาสุด ๆ จริง ๆ

เถรี
10-10-2017, 19:40
ตะกรุดหนังควายพอกครั่ง คำว่า "ครั่ง" เขาถือเคล็ดเหมือนกับคำว่า "คลั่ง" คนเจอจะต้องคลั่งไคล้หลงใหลประมาณนั้น

เรื่องของไสยศาสตร์ที่เรียนยากเพราะว่าติดด้วยวัสดุ ติดด้วยฤกษ์ยาม ติดด้วยพิธีการ แต่ละอย่างยากสาหัส อย่างไม้ครูหลวงปู่ภู ถ้าท่านอายุไม่ถึง ๑๐๐ กว่าปี ท่านจะมีโอกาสทำไหม ? เพราะว่าต้องหาต้นไผ่ที่โดนฟ้าผ่า ต้องล้มพาดไปทางทิศตะวันออก แล้วโขลงช้างเดินข้ามโดยไม่ได้ดึงไปกิน ท่านธุดงค์อยู่ ๓๐ กว่าปี ได้เจอแค่ครั้งเดียว

ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ารุ่นหลังจะมีใครได้ทำไหม ? รุ่นหลังนี่ต่อให้มีฟ้าผ่าล้มไปทางตะวันออก ก็คงไม่มีช้างไปข้ามแล้ว เพราะว่าช้างป่าจะหมดแล้ว

เรื่องของไสยศาสตร์มีรายละเอียดมาก คนที่จะเต็มใจศึกษานี่ยาก เนื่องจากว่าไม่มีโอกาสศึกษาได้ครบทุกอย่างหรอก บางอย่างที่ศึกษามาอย่างเรื่องการผูกหุ่นพยนต์ ต้องใช้วันพฤหัสเดือน ๙ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีวอก กว่าจะหาฤกษ์เสกได้วัสดุคงเปื่อยไปหมดแล้ว ปี ๒๕๘๓ อาตมาจะอยู่ถึงหรือเปล่า ? ตอนนั้นก็อายุ ๘๐ กว่าปีเข้าไปแล้ว

เถรี
10-10-2017, 19:45
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อคืนเห็นอาวุธสมัยใหม่ จะเรียกว่าสมัยใหม่ก็ไม่ใช่ เขาพัฒนามานานแล้ว เป็นเลเซอร์ใช้ยิงอากาศยาน ยิงขีปนาวุธ ความเร็วเท่าความเร็วแสง ขีปนาวุธข้ามทวีปของคุณเร็วแค่ไหนก็หนีไม่พ้น แล้วยังไม่ติดด้วยสภาพอากาศ คิดว่าถ้ามีการรบใหญ่อีกครั้งหนึ่งจะต้องมีใช้อย่างแน่นอนเลย"

ถาม : ใช้ยิงทิ้ง ?
ตอบ : ใช่...ยิงทิ้ง สมมติว่าถ้าเครื่องบินมาเป็นฝูง ก็กวาดหมด ไม่ต้องขนพวกลูกกระสุนไปหรอก มีแต่กระบอกอย่างเดียว ขอให้ต่อไฟฟ้าและต่อคอมพิวเตอร์ได้เท่านั้นเอง ยกง่ายอย่างบอกไม่ถูก

เขาพัฒนาเสร็จแล้ว เมื่อคืนเห็นชัดมากเลย น่าจะประจำการเร็ว ๆ นี้แหละ ของบางอย่างพระไม่ควรจะรู้ก็ดันไปรู้

คิดว่าเกาหลีเหนือกำลังจะหาเรื่องเดือดร้อน ถือว่ามีขีปนาวุธยิงถึงเกาะกวม อีกฝ่ายหนึ่งตั้งไอ้นี่เตรียมไว้รอสอยขีปนาวุธอยู่บนเรือรบกลางทะเล

เถรี
10-10-2017, 20:06
ถาม : พระที่เราห้อยคอ มีตำหนิ มีสนิม เราต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : แสดงว่าเป็นโลหะใช่ไหม ?

ถาม : หลวงพ่อวัดท่าซุงรุ่นก่อน ?
ตอบ : ถ้าเราไม่คิดจะจำหน่าย สามารถที่จะทำความสะอาดแล้วปิดทองถวาย เอาให้อร่ามไปเลย แต่ถ้าจะจำหน่าย พวกสนิมเป็นส่วนที่เขาพิจารณา ของอาตมาเองถ้าองค์ไหนจะใช้เองก็ไม่ฟังเสียงใครหรอก ปิดทองหมด

ถาม : ตอนแรกไม่แน่ใจว่าจะเป็นการปรามาสหรือเปล่า ถ้าเราจะทำความสะอาด ?
ตอบ : ทำได้เลย อาตมาเองทำความสะอาดพระมาตั้งแต่ก่อนบวช คือพี่ชายเขาสร้างบ้านแล้วไม่ได้กั้นตรงหน้าจั่ว เป็น ๒ ห้องติดกัน ทางด้านหนึ่งดันทำห้องครัว อีกด้านหนึ่งทำห้องพระ น้ำมันทำกับข้าวจากห้องครัว ไปเกาะองค์พระอยู่เป็นประจำ ประมาณ ๖ เดือน ๑ ปีอาตมาก็ต้องเอามาล้างทีหนึ่ง อุ้มพระสรงน้ำมาตั้งแต่ตอนนั้นแหละ

ถึงเวลาก็ละลายน้ำผงซักฟอกหนึ่งกะละมัง อุ้มพระลงได้ก็เอาแปรงขนอ่อนขัดเลย ทำความสะอาดเสร็จก็เช็ดแห้งเอาไปตากแดด เสร็จเรียบร้อยค่อยนิมนต์ขึ้นหิ้งใหม่ ไม่อย่างนั้นแล้วทนดูไม่ได้

ถาม : ไม่ต้องเอาไปเข้าพิธีใหม่ ?
ตอบ : ไม่ต้อง เราตั้งใจทำเป็นพุทธบูชา ไม่ต้องไปเข้าพิธีใหม่

เถรี
11-10-2017, 09:15
ถาม : รอยพระพุทธบาทที่พระอาจารย์กำลังสร้างบันไดขึ้นไป มีมาแต่ดั้งเดิมหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : อาตมาเองได้รับคำแนะนำจากหลวงปู่สาย อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน บอกให้ขึ้นไปกราบ ท่านบอกว่านั่นของจริง ก็เลยขึ้นไปตั้งแต่สมัยเจ้าอาวาสคนก่อน คือ ท่านอาจารย์สมพงษ์ยังบวชไม่ถึง ๒ เดือนเต็ม หลังจากนั้นก็นำคนขึ้นไปบ่อย จนกระทั่งภาระเยอะก็ปล่อยให้พระที่ท่านเคยไปนำขึ้นไปแทน

ตั้งใจไว้เหมือนกันว่า ถ้างานส่วนอื่น ๆ เบาลงก็จะทำบันไดขึ้น นี่พอเบา ๆ ลงก็เริ่มแล้ว เดี๋ยวจะดูว่าถ้าลักษณะออกมาแข็งแรงสมใจนึก ก็ว่าจะทำบันไดขึ้นทางด้านพระพุทธเจติยคีรีวัดท่าขนุนแบบนั้นอีกอันหนึ่ง

ถาม : รอยอยู่ที่วัดท่าขนุนหรือครับ ?
ตอบ : อยู่ยอดเขาฝั่งตรงข้ามกับวัด ความจริงก็เป็นที่วัดเก่า แต่ช่วงท่านอาจารย์สมเด็จ เจ้าอาวาสรูปถัดจากหลวงปู่สาย ท่านไม่ได้สนใจเรื่องการบริหารวัด ทางราชการบอกให้ไปออกเอกสารสิทธิ์ ท่านก็ไม่ไป เลยโดนเขาออกเอกสารสิทธิ์ทับไปหมด จากที่วัดกลายเป็นที่ของเขา สร้างบันไดขึ้นไปยังเห็นเสาปูนที่ปักไว้ว่าเขตวัดท่าขนุนอยู่เลย

ถาม : แล้วเขายอมให้เราหรือครับ ?
ตอบ : โฉนดเป็นของเขาหมดแล้ว เราเองก็ไม่ได้ใส่ใจหรอก เจาะช่องกว้างให้บันไดขึ้นได้ก็ไปเลย จะได้ไม่ต้องไปทำลายป่า ถ้าไม่ใช่คนรู้แนวเอาอากาศยานไปถ่ายกันจริง ๆ ก็ไม่เห็นหรอกว่ามีบันได

ถาม : เป็นของแท้หรือครับ ?
ตอบ : รอยพระบาทผมไม่สงสัยหรอก ผมสงสัยตรงรอยที่ไม่ใช่พระบาท เป็นรอยขนาดประมาณรอยเท้าของพวกเรา เหยียบลึกเป็นนิ้วเลย ถัดจากรอยพระบาทไปหน่อยเป็นช่วงต่ำลงไปตระพักหนึ่ง เหยียบทิ้งเอาไว้ตั้งรอยหนึ่ง ไปมอง ๆ ดูแล้ว สุดยอดจริง ๆ เลย รอยเท้าประมาณของเราเอง

เถรี
11-10-2017, 09:34
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันก่อนหลวงพ่อเจ้าคุณสุธีวราภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดชัยนาท ส่งฎีกาให้ไปพุทธาภิเษกวัตถุมงคลรุ่น ๑๑๒ ปีหลวงพ่อกวย ที่วัดโฆสิตารามปีหน้า ท่านจองตัวแต่เนิ่น ๆ เลย...กลัวว่าจะไม่ได้

ถามว่านิมนต์ใครบ้าง ? ท่านก็บอกว่านิมนต์หลวงพ่อพร้า วัดโคกดอกไม้ อาตมาบอกว่า "นั่นแหละครับ ถ้าไม่นิมนต์ท่าน ผมไม่ไปเลยนะ" ตอนแรกเขาจะเอาหลวงพ่อแป๋ว วัดดาวเรืองด้วย แต่หลวงพ่อแป๋วมรณภาพไปแล้ว วันที่หลวงพ่อแป๋วมรณภาพ เช้านั้นท่านก็ไปถึงวัด บอกว่าไม่ทันแล้ว...หลวงปู่แป๋วไปแล้ว

ท่านบอกว่านิมนต์ได้ ๑๖ รูป ก็บอกว่า "ถ้ามีหลวงพ่อพร้าผมจะไปให้ แต่ถ้าไม่มีหลวงพ่อพร้าผมไม่ไปหรอก ถ้าสายตรงไม่อยู่...งานหนักจะตกที่ผม"

เถรี
11-10-2017, 09:37
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีข่าวคนร้ายฆ่าทุบหัวหลวงพ่อบู่ กิตฺติญาโณ แบบนั้นถ้าจับได้ต้องตั้งข้อหาเจตนาฆ่าเลยนะ เพราะว่าเขาเตรียมการไปพร้อม เนื่องจากว่าหลวงปู่ท่านทำวัตถุมงคลแล้วเหนียว ยิงไม่ออก คนร้ายจึงเอาค้อนปอนด์พันผ้าอนามัยไปทุบ เตรียมการพร้อมขนาดนั้นตั้งใจฆ่าร้อยเปอร์เซ็นต์เลย

เพราะฉะนั้น...ถ้าไปทำสำนวนประเภทพลั้งมือฆ่านี่ไม่ใช่แน่ ต้องตั้งใจเลย เพราะเขากลัวว่าท่านเหนียวแล้วทำอะไรไม่ได้ จึงต้องล้างอาถรรพณ์ก่อน

หลวงปู่ท่านพกเงินเยอะ ต้องบอกว่าบางทีถึง ๔-๕ แสนบาท เป็นเรื่องที่อันตรายนะ เพราะว่าคนที่โลภก็มี ตามข่าวที่หนังสือพิมพ์ลงบอกว่าบางทีในย่ามท่านมีตั้ง ๔-๕ แสน โยมคงไปถวายหรือไม่ก็บูชาวัตถุมงคล แล้วพวกนี้ไปคลุกคลีจนกระทั่งรู้ช่องทางเข้าออก แล้วก็เตรียมตัวไปทุบท่านเพื่อชิงเงิน"

เถรี
12-10-2017, 19:16
ถาม : อย่างหลวงปู่บู่ ที่ท่านทำได้เป็นเดรัจฉานวิชาหรือเปล่า ?
ตอบ : ใครจะไปรู้ว่าที่ท่านใช้เป็นพุทธศาสตร์หรือไสยศาสตร์ ? ถ้าเป็นไสยศาสตร์อย่างไรก็เสร็จเขา ถ้าเป็นสายของหลวงพ่อวัดท่าซุงนี้ไม่กลัว เพราะว่าไม่เสื่อม

แบบเดียวกับที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเล่าให้ฟัง ทางด้านตลิ่งชันฝั่งธนบุรี แถววัดเรไร มีนักเลงใหญ่อยู่ท่านหนึ่ง ชื่อ ปาน พี่ปานแกหนังเหนียว นักเลงสมัยก่อนไม่ใช่พวกเกเรตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก แต่ส่วนใหญ่เป็นคนจริง

วันนั้นดวงพี่ปานแกจะเฮง ไปเที่ยวกลางคืนมาแล้วขากลับหิวน้ำ เดินผ่านสวนอ้อยก็เลยหักอ้อยเขามากินลำหนึ่ง ปรากฏว่าพวกเจ้าของไร่กรูออกมาทั้งบ้านเลย ทั้งทุบ ทั้งตี ทั้งฟัน ฟันเท่าไรก็ไม่เข้า ให้ผู้หญิงนั่งคร่อมหัวเอาไว้ก็ฟันไม่เข้า จนกระทั่งเขาสงสัยว่าใคร

พอจุดไฟส่องหน้า ถึงกับมือไม้อ่อน ประเภทมีดไม้หลุดจากมือไปเลย ไปเล่นเจ้าพ่อเสียแล้ว พี่ปานก็เลยถามเจ้าของไร่ที่เป็นคนจีนว่า เจ๊กทำไมทำอย่างนี้ ? กินอ้อยลำเดียวนี่เอาถึงตายเลยหรือ ? เขาบอกว่าไม่ใช่แค่ลำเดียว มีมาขโมยอยู่ทุกคืน จนกระทั่งแกเองแทบจะไม่เหลือเอาไว้ขาย แกก็เลยตั้งใจเรียกลูกเรียกหลานมาพร้อมใจกัน วันนี้ถ้ามาขโมยต้องเอากันให้ตายไปข้างหนึ่ง พี่ปานแกซวย...โผล่มาพอดี

นั่นถ้าไม่ใช่ของดีจริงนี่ตายจริง ๆ นะ ขนาดรู้ว่าฟันไม่เข้าแทงไม่เข้า เขาให้ผู้หญิงนั่งคร่อมหัวแกก็ยังไม่เป็นไร พี่ปานบอกว่า "เออ...ถ้าเข้าใจผิดก็ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน" นั่นเขานักเลงจริง

เถรี
12-10-2017, 22:17
พระอาจารย์กล่าวว่า "โบราณเขาบอกว่า อยู่ใต้ฟ้าไม่ต้องกลัวฝน พูดง่าย ๆ คือเป็นธรรมชาติ

อะไรที่เป็นธรรมชาติ ถ้าเราเห็นเป็นธรรมดา จิตใจก็ไม่ดิ้นรน ไม่ต่อต้าน ปล่อยได้ วางได้ ก็จะมีความสุข แต่ส่วนใหญ่ที่เรามีความทุกข์ เพราะถ้าไม่ไปดิ้นรนต่อต้านในสิ่งที่เราไม่ชอบ ก็จะไปอยากได้ใคร่มีในสิ่งที่เราชอบ ก็จะมีแต่ความทุกข์"

เถรี
12-10-2017, 22:30
ถาม : ถ้าคุณพ่อคุณแม่เสียชีวิต แล้วเราทำบุญในนามชื่อคุณพ่อคุณแม่ ?
ตอบ : ทำได้...แต่ทำแล้วตั้งใจบอกกล่าวให้ท่านโมทนาด้วย ไม่อย่างนั้นก็จะได้แต่ชื่อ

เถรี
12-10-2017, 22:37
พระอาจารย์กล่าวว่า "งานทอดกฐิน ๓ วัด แต่โยมทำบุญมาส่วนใหญ่จะระบุว่ากฐินวัดท่าขนุน ยอดเงินกฐินวัดท่าขนุนน่าจะนำโด่งเลย เดี๋ยวต้องรอตอนออกกรรมฐาน เดินบิณฑบาตแล้วเทลงไปรวมแบบปีที่แล้ว ไม่อย่างนั้นเดี๋ยววัดพุทธบริษัทกับเกาะพระฤๅษียอดเงินจะน้อย

ส่วนวัดพุทธมณฑลฯ ต้องไม่มีกฐินสัก ๗-๘ ปี เพราะว่าหลวงพ่อมณฑลท่านยังอยู่ ท่านถามพระครูบ่าวอยู่ตลอดเวลาว่า มีเงินมาให้ท่านทำนั่นทำนี่บ้างไหม ? ทั้งที่คุยกันตอนแรก ท่านบอกว่าเรื่องของการก่อสร้างท่านขอจัดการเอง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ควรที่จะให้ท่านหากฐินเอง"

เถรี
12-10-2017, 22:39
"ปีนี้กฐินวัดไหนยอดได้ล้านขึ้นถือว่าสุดยอดมาก เพราะว่าเศรษฐกิจไม่ดีเลย บรรดาเจ้าภาพกฐินที่เคยปวารณาเป็นเจ้าภาพวัดต่าง ๆ อยู่ส่วนใหญ่จะรับกันไม่ไหว

เห็นรัฐบาลบอกว่าเศรษฐกิจดีอย่างนั้น GDP ขึ้นอย่างนี้ เพราะฉะนั้น...ต้องให้รัฐบาลรับเป็นเจ้าภาพกฐินทุกวัด...! ดีอยู่ที่เดียว คนอื่นทั้งประเทศเขาไม่ได้ดีด้วย ในเมื่อรัฐบาลดีก็ควรที่จะให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพ

ออกไปข้างนอกชาวบ้านจะอดตาย วันก่อนอาตมาไปกินก๋วยเตี๋ยวซึ่งอร่อยที่สุดในโลก พวกเราลงไป ๔ คน ทั้งร้านมีลูกค้า ๔ คน แล้วมีคนในร้าน ๔ คนช่วยกันดูแลพวกเรา เป็นก๋วยเตี๋ยวอร่อยที่สุดที่อาตมาเคยฉันมา ยังมีลูกค้าอยู่แค่นั้นเอง"

เถรี
12-10-2017, 23:03
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อคืนที่นี่ฝนกระหน่ำกระจาย พอไฟฟ้าดับอาตมาก็อธิษฐานธงมหาพิชัยสงครามครอบบ้านเอาไว้ ปรากฏว่ารุ่งเช้าเขาบอกว่าสถานีรถไฟฟ้าบางรักใหญ่ โดนพายุฝนเปิดเปิงหมดแล้ว ลืมนึกถึงสถานีรถไฟฟ้า เอาแต่บ้านหลังนี้หลังเดียว พวกวัสดุก่อสร้างที่ปลิวลมได้นี่อันตรายมาก โดยเฉพาะพวกโลหะต่าง ๆ ตัดคอคนได้ง่าย ๆ เลย"

เถรี
13-10-2017, 22:32
ถาม : ถ้าต้องการได้พระโสดาบัน พระสกิทาคา เรื่องอารมณ์พระกรรมฐานต้องทำอย่างไรบ้าง โยมพยายามหา ?
ตอบ : ไม่ต้องไปหา เป็นอารมณ์ใจที่พูดเป็นภาษาคนได้ยาก แต่ให้รู้ว่าเราจะมีความรักในพระนิพพานอย่างจับจิตจับใจ ชนิดที่ไม่เคลื่อนคลายไปไหน แล้วก็ตัวตายดีกว่าศีลขาด

ถาม : นั่งไปแล้วมีอาการปวดหัว แน่นตรงจมูก ก็ให้ตามดูตามรู้หรือคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจเลย คิดว่าเรามีหน้าที่ภาวนา ถึงตายลงไปตอนนี้เราก็ไปดีแน่ ส่วนใหญ่แล้วเป็นขันธมารที่มาขวาง พวกนี้กลัวคนบ้า พอเราสู้จริง ๆ ก็จะถอย

เถรี
13-10-2017, 22:33
ถาม : ตอง นี่คือ สามหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ตองตัวนี้มาจากภาษาพม่า พม่าออกเสียงว่าตง ‘ติ๊ด นิด ตง เล งา’ คือ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า คราวนี้คนไทยออกเสียงไม่ถนัด ออกเสียงเป็นตอง ถ้าตองของพม่าคือภูเขา

เถรี
13-10-2017, 22:37
พระอาจารย์เล่าว่า "หลวงพ่อสมเด็จพระสังฆราชวัดโพธิ์ ท่านเคารพหลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน สุดชีวิตจิตใจ หลวงพ่อโหน่งบอกอย่างไรท่านก็ทำอย่างนั้น ไม่ฟังใครอื่นอีกด้วย

บางทีหลวงพ่อโหน่งบอกว่ายังไม่ได้ฤกษ์ พระอื่นนั่งรออยู่เป็นพัน ๆ ท่านก็รอหลวงพ่อโหน่ง เล่นเอาพวกที่ไม่เลื่อมใสหลวงพ่อโหน่งโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปเยอะแล้ว แต่ท่านไม่สนใจ เพราะรู้ว่าหลวงพ่อโหน่งดีแค่ไหน"

เถรี
13-10-2017, 22:42
"สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ด้วยบารมีของท่าน ทุกวันนี้วัดโพธิ์มีเจ้าคุณฟรี ๆ ๓ ตำแหน่ง เขาเรียกเจ้าคุณปลัดกลาง เจ้าคุณปลัดซ้าย เจ้าคุณปลัดขวา มีหน้าที่ดูแลพระอัฐิของพระองค์ท่าน

เป็นเจ้าคุณ ๓ รูปเพื่อเฝ้าดูแลอัฐิท่านอย่างเดียว ก็คือ พระทักษิณคณิสร พระอุดรคณารักษ์ และพระสมุหวรคณิสสรสิทธิการ ๓ ตำแหน่งนี้จะเป็นที่อื่นไม่ได้ เพราะว่าเป็นตำแหน่งฐานานุกรมเฉพาะของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส

ถ้าสงสัยว่าท่านเป็นใคร ก็คือผู้แต่งปฐมสมโพธิกถาที่พวกเราเรียนกันแทบเป็นแทบตายทั้ง ๒๙ ปริเฉทนั่นแหละ"

เถรี
13-10-2017, 22:50
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวานนี้ไปพุทธาภิเษกที่กองทุนหลวงปู่ปาน (ธุดงคสถานสุทธาวงศ์มงคลราชพรหมปัญโญอนุสรณ์) อำเภอบางปลาม้า พอดีว่าทางนั้นเขาช่วยทำพระพุทธรูปแกะจากไม้โพธิ์นิพพาน บรรจุดวงมหาพิชัยสงครามให้ คราวนี้ทุกอย่างเขาลงไว้หมดแล้ว ยกเว้นเลขดวงให้เจ้าของลงเอง แล้วพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา อาตมาก็ทิ้งดวงอีแปะมาเสียนาน แต่เป็นเรื่องอัศจรรย์ว่า ทุกครั้งจะมีเหตุให้ต้องใช้ก่อนล่วงหน้าประมาณ ๒-๓ วัน แล้วเหตุการณ์จริงจะเกิดขึ้น

พอดีว่าต้องไปพุทธาภิเษกที่วัดบึงลาดสวาย ทางด้านเจ้าภาพท่านทำเทียนหนุนดวงให้ ก็เลยลงแผ่นดวงเอาไว้ก่อน อีกไม่กี่วันให้มาจารดวงพิชัยสงคราม จึงกลายเป็นเรื่องง่าย ก็ตัวเลขเก่านั่นแหละ วันเดือนปีเกิดของเราเอง ทิ้งมาตั้ง ๓๐ ปีได้แล้ว ไม่ได้ใช้เลย พวกลงเลข ลงยันต์ หาราศีเกิด

เขาเปิดตำราคำนวณจากคอมพิวเตอร์ที่วัดบึงลาดสวาย ปรากฏว่าลงผิด เมื่อเห็นว่าลงผิดก็เลยทักท้วงเขา บอกว่าดวงของอาตมาลัคนา ๒๓ องศาราศีตุลย์ ของคุณออกมาเป็นราศีกันย์ คอมพิวเตอร์คำนวณผิด แสดงว่าคอมพิวเตอร์คำนวณได้เฉพาะส่วนใหญ่เท่านั้น ไม่ได้ดูประเภท ๑๐ ลัคนา พอเขาไม่ได้ดูละเอียด ก็ได้แค่รายส่วนหยาบ ๆ เท่านั้น ลงไปไม่ถึงเหมือนกับที่คำนวณเอง"

เถรี
13-10-2017, 22:52
"ถ้าอย่าง ๑๐ ลัคนาของโหรอรุณ เทศถมทรัพย์ ถ้ารู้ที่เกิดได้ยิ่งดี จะแม่นสุด ๆ เลย โหรอรุณท่านถอดดวงให้อาตมาสมัยโน้นเสร็จ ท่านบอกดวงไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขา ปกติดวงคนมีขึ้น ๆ ลง ๆ ของอาตมาพอถึงอายุ ๕๔ แล้วขึ้นฉิว ขึ้นไปเฉย ๆ ไม่มีลง แต่ท่านบอกว่าดาวอาทิตย์ดีมาก อายุยืน...น่าจะถึงเลข ๘ แต่มีสิทธิ์เป็นอัมพาต ท่านว่าอย่างนั้น

ไม่เป็นไร...สมัยนี้เก้าอี้ไฟฟ้ามีเยอะแยะ อาตมาหากังวลไม่ พระที่วัดมีตั้ง ๓๐-๔๐ รูป ผลัดเวรกันเข็นคนละวันยังเกินเดือนเลย...!"

เถรี
13-10-2017, 22:59
พระอาจารย์เล่าว่า "วันที่ ๑๐ กันยายน ความจริงแล้วพระครูพิสุทธิ์กาญจนาภรณ์ เจ้าคณะตำบลท่าขนุน เขต ๑ ท่านนิมนต์ไปงานฉลองสัญญาบัตรพัดยศ พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นโทของท่าน ไปถึงในงานเจอหลวงพ่อเจ้าคุณปัญญา เจ้าคณะจังหวัด ท่านผลักตัวขึ้นเวทีไปเลย กราบเรียนท่านว่า เขานิมนต์ผมมาเจริญชัยมงคลคาถาครับ ท่านบอกว่า นั่นแหละ...แต่ว่าให้ขึ้นไปพุทธาภิเษกแทนเจ้าคณะจังหวัดที ท่านรู้ตัวว่าสู้เขาไม่ไหว ผลักอาจารย์เล็กไปขึ้นแท่นแทน

ในนั้นก็มีหลวงพ่อเสงี่ยม วัดบ้านทวน หลวงพ่อชุบ วัดวังกระแจะ หลวงพ่อสนองชาติ วัดเย็นสนิทธรรมาราม ไปนั่งตรงข้ามกับหลวงพ่อเสงี่ยม เจ้าประคุณเอ๋ย...ท่านกระแทกมาแต่ละทีอย่างกับคลื่นทะเล สงสารท่าน ลักษณะนี้เป็นกำลังส่วนตัว ลักษณะการพุทธาภิเษกแบบกำลังส่วนตัว ถ้าทุ่มแบบหลวงพ่อเสงี่ยม รับประกันว่ากลับวัดไปนี่ต้องนอนพักเป็นวันเลย

ยังชอบใจว่าหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านสอนให้ใช้วิธีขอบารมีพระ ขอพรหม ขอเทวดาช่วย พวกเราจึงไม่เหนื่อยมากเหมือนกับที่อื่นเขา ผลที่ได้ก็ยั่งยืนอีกต่างหาก"

เถรี
13-10-2017, 23:01
"ส่วนใหญ่แล้วสายอื่นมามักจะใช้กำลังสมาธิตัวเอง บางท่านนี่ประเภทอัดมาตูม ๆ แบบไม่เลี้ยง ถ้าใครอยู่ในวงกำลังไม่ดีนี่ก็หงายผลึ่งไปเลย แต่เห็นใจว่าท่านอายุมากแล้ว กะว่ากลับวัดไปก็คงนอนเป็นวันกว่าจะฟื้น

ส่วนหลวงพ่อชุบ วัดวังกระแจะ ต้องให้ลูกศิษย์ตัวโต ๆ อยู่ใกล้ ๆ เวลาปีติขึ้นแล้วท่านจะโยก ลูกศิษย์ต้องคอยกดเอาไว้ ก็ยังเป็นห่วงท่านอยู่ว่าเมื่อไรจะข้ามได้เสียที ลูกศิษย์ก็กลัวพระอาจารย์จะเป็นอันตราย ไม่ได้รู้ว่าเรื่องของปีติไม่มีอันตราย เพราะว่ากำลังของสมาธิคุ้มได้ ถ้าไม่ปล่อยให้ท่านผ่านตรงนั้น ก็ไม่ต้องทรงฌานได้กันเสียที

แต่ว่าในเรื่องของเวทมนตร์คาถา แค่ปีตินี่กำลังก็เหลือเฟือแล้ว พอใช้งานได้เลย พอถึงเวลาท่านโยกลูกศิษย์ก็กด จึงไม่ต้องผ่านกันเสียที"

เถรี
13-10-2017, 23:10
ถาม : ถ้าไม่กดไว้ท่านจะลอยขึ้นหรือคะ ?
ตอบ : ท่านก็คงเด้งดึ๋ง ๆ กระโดดโลดเต้นแบบอุเพ็งคาปีติ แบบเดียวกับหลวงพ่อแขก วัดสุนทรประดิษฐ์ ที่พิษณุโลก อยู่ ๆ ก็เด้งจากธรรมาสน์ลงบนพื้นดังตุ้บ..! ส่วนใหญ่ทางไสยศาสตร์จะได้เปรียบตรงที่ไม่ต้องใช้กำลังสมาธิสูง เพราะจะเห็นผลง่าย แต่ถ้าเป็นเรื่องของการตัดกิเลสตามแบบของพุทธศาสตร์อย่างต่ำสุดต้องเป็นปฐมฌานละเอียดขึ้นไป จึงจะเข้าถึงความเป็นพระโสดาบันได้ ไม่อย่างนั้นกำลังจะไม่พอสู้กิเลส

เขาเลี้ยวไปหาไสยศาสตร์กันเยอะเพราะง่ายกว่า พอถึงเวลาเรื่องของ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เข้ามาง่ายกว่า แล้วส่วนใหญ่ก็ติดอยู่แค่นั้น ไม่ต้องไปไหนกัน แต่ว่าหลวงปู่หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์หลายท่านต่อยอดไปได้อีก อย่างหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกอาตมาแรก ๆ ว่า “ไอ้ที่สอนไปนั่นไสยศาสตร์ล้วน ๆ คนอื่นเขาว่าอย่างนั้นนะ เรื่องเวทมนตร์คาถาถือเป็นไสยศาสตร์หมด แต่สำคัญที่ว่าเอ็งนึกถึงใคร นึกถึงพระพุทธเจ้าก็เป็นพุทธศาสตร์”

เถรี
17-10-2017, 09:03
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวานนี้ตั้งแต่ตี ๔ ยันบ่าย ๒ โมง หลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอแม่ทะท่านโทรมา จนอาตมาไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนเลย เพราะว่าพระที่วัดรูปหนึ่งก่อเรื่อง ท่านชื่อภูผา ตอนที่ภูผาเป็นนาคอยู่เก็บอาการดีมาก พอบวชเสร็จก็ไปกะหลีกะหลอกับสามเณร อาตมาก็เลยเตือนเข้าไปแรง ๆ หวังจะให้ท่านเปลี่ยนความประพฤติ ปรากฏว่าเตือนไม่ได้ ท่านหนีออกจากวัดทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะเข้าพรรษา คราวนี้ไปก่อกวนที่อำเภอแม่ทะ

พอเขาถามได้ความ เจ้าคณะอำเภอท่านเลยโทรมา อาตมาบอกว่า “หลวงพ่อจับสึกไปเลยครับ ผมจะจับสึก ท่านรู้ตัว...หนีออกจากวัดทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะเข้าพรรษา” ปรากฏว่าท่านก็จับสึก บังคับให้เขาลบ Facebook ที่เอารูปพวกเณรอะไรต่อมิอะไรลงไว้เยอะแยะ เพราะว่าเขาเห็นสามเณรคนไหนหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูก็ไปถ่ายรูปเอาไว้

ปรากฏว่าภูผาทำตามโดยดีทุกอย่าง แต่หลังจากนั้น ๑ ชั่วโมงต่อมา หลวงพ่อท่านโมโหไฟแลบเลย ท่านบอกให้ลูกศิษย์ไปดู ภูผาลงรูปใหม่อีกแล้ว ท่านก็เลยโทรเช็คว่าภูผาไปทางด้านไหน ปรากฏนั่งรถทัวร์ลงมาทางแพร่ ท่านจึงบอกให้ด่านตำรวจทางหลวงที่เด่นชัยกักตัวไว้ จะไปเจรจากับเขาหน่อย ท่านถามว่า "ผมจะเล่นงานอย่างไรดี ?" ก็กราบเรียนว่า "หลวงพ่อเล่นได้เต็มที่เลยครับ เขาทำผิด พรบ. คอมพิวเตอร์แล้ว"

ท่านบอกว่าเกิดมาไม่เคยเจอใครดื้อด้านขนาดนี้ ท่านจะใช้คำว่าหน้าด้านก็ไม่ได้ ท่านใช้ภาษาแบบพระว่าดื้อด้าน ก็ขนาดอาตมาเตือนแรง ๆ ท่ามกลางสงฆ์ เขาบอกว่าหลวงพ่อประจานผม ผมจะฟ้องสำนักพุทธฯ อาตมาบอกว่า "เอ็งรีบไปฟ้องเลย สำนักพุทธฯ เขาจะได้ซ้ำอีกดอกหนึ่ง เพราะนี่เป็นหน้าที่เจ้าอาวาส"

เรื่องพวกนี้พระเราไม่สามารถที่จะคัดกรองได้ เนื่องจากว่าตอนเป็นนาคเขาเก็บอาการดีมาก แต่พอบวชพระแล้ว เห็นว่าตัวเองผ่านด่านแล้วก็ปล่อยอาการเลย"

เถรี
17-10-2017, 09:06
"ยังไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้ท่านจะโทรมาอีกหรือเปล่า ? สงสารหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอจริง ๆ ท่านเพิ่งจะเกิดเรื่องไปหมาด ๆ แต่ว่าเป็นในเขตปกครอง ก็คือเลขานุการเจ้าคณะตำบลท่านหนึ่ง ไปเมาแอ่นอยู่ในตลาด เมาชนิดหลับคาโต๊ะ แล้วมีคนถ่ายรูปไปลงหนังสือพิมพ์ คราวนี้เจ้าคณะตำบลท่านซื่อมาก บอกว่าการที่กินเหล้าเป็นโลกวัชชะ เป็นแค่อาบัติปาจิตตีย์ ปลงอาบัติก็จบแล้ว คราวนี้ก็แย่เลยสิ...สื่อก็ตีตายเลย เพราะเรื่องนี้เป็นโลกวัชชะที่โลกติเตียน ในสายตาชาวบ้านหนักกว่าอาบัติปาราชิกอีก

เจ้าคณะตำบลท่านก็ว่าตามพระธรรมวินัย คนก็หาว่าไปปกป้องพวกเดียวกันเอง เจ้าคณะอำเภอท่านเลยซวยไปด้วย คราวนี้พอมาเจอเรื่องทิดภูผาไปก่อกวนงานของท่านเข้า ท่านจัดงานประจำปีอยู่ แล้วสามเณรเป็นร้อยเลย ท่านเองก็เห็นเขาเอารูปไปลงลักษณะล่อแหลม ทำให้ท่านเสียหาย จึงสั่งให้ลบ ลบเสร็จพอพ้นวัดไปก็เอาลงใหม่อีก

ท่านเพิ่งจะโดนหนังสือพิมพ์ถล่มมา เจอเรื่องนี้เข้าไปอีกก็เลยโมโหใหญ่ ตอนแรกท่านบอกว่าท่านอยู่วัดศรีอ้วน อาตมาก็คิดว่าตูฟังผิดหรือเปล่าวะ ? ตอนหลังเลยไปหาในอินเตอร์เน็ตดู อ๋อ...อยู่วัดศรีอ้วนจริง ๆ วัดชื่อประหลาดดีเหมือนกัน"

เถรี
17-10-2017, 09:08
"เพิ่งจะโดนไปดอกหนึ่งเต็ม ๆ อยู่ ๆ ก็มาโดนอีกเรื่อง เป็นเราก็คงคิดว่าปีนี้ตูพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกหรือเปล่าวะ ? โบราณเขาว่า ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก

แต่เรื่องของสื่อมวลชนเราเสียอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ตอนลงข่าวถล่มเขาเสียเต็มที่ แต่พอท่านจับเลขานุการเจ้าคณะตำบลสึก เขาไม่ลงข่าวให้ ก็กลายเป็นเสียอยู่ฝ่ายเดียวว่าพระสงฆ์ปกป้องกันเอง แล้วส่วนใหญ่แล้วพระเราก็เกรงใจเพื่อนพระด้วยกัน ว่าเขาเป็นพระอุปัชฌาย์บวชมา ก็อุตส่าห์โทรมาถามว่าจะให้จัดการอย่างไร ? อาตมาบอกว่าหลวงพ่อไม่ต้องห่วง ใส่ได้เต็มที่เลย ผมก็จะสึกแต่ดันหนีมาก่อน ตอนเช้าออกไม่บิณฑบาต ประเภทหอบของหนีไปเลย เรียกว่าไปแบบขาดพรรษา ออกจากวัดยังไม่ทันจะได้อรุณเลย"

เถรี
17-10-2017, 09:11
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลานของอาตมาคนหนึ่ง อายุขวบกว่าแล้วไม่ยอมพูด แม่เลยแนะนำให้พี่เขาเอาเขียดไปตบปาก โอ้โฮ...คราวนี้พูดไม่หยุด ไม่รู้ว่าแก้กันได้อย่างไร แสดงว่าโบราณเขาก็ช่างสังเกต ว่าเขียดร้องแอ๊ด ๆ ๆ อยู่ตลอดเวลา

แต่ว่าเรื่องหนึ่งที่หาเหตุหาผลไม่ได้ก็คือ หลานคนหนึ่งเป็นประเภทโคลิก ร้องร้อยวันพวกนั้น ร้องแล้วเบ่งท้องจนสะดือโป่งขึ้นมาเป็นลูกใสแหน็ว แม่เขาก็ตกใจ แต่คุณยายเฉยมากเลย คุณยายบอกให้ไปกลั้นใจเด็ดมะเขือเปราะมาลูกหนึ่ง มาถึงก็มาวนซ้าย ๓ รอบ แล้วก็เอาไปวางทิ้งไว้ พอมะเขือเหี่ยวสะดือก็ยุบ ที่ว่าตลกก็คือ ไม่มีเหตุไม่มีผลรองรับเลย แต่เป็นไปได้ สะดือโป่งอย่างกับลูกปิงปอง ไม่น่าที่จะยุบได้"

เถรี
17-10-2017, 09:17
"มีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ถ้าอยู่ ๆ เด็กเจ็บไข้โดยไม่มีสาเหตุ สมัยอาตมาผู้ใหญ่เขาจะทำกระทงไปส่งที่ทางสามแพร่ง เขาบอกว่าโดนผีเกาะมา เพราะฉะนั้น...ต้องเอาข้าวปลาอาหารไปให้ผีกิน แล้วก็ขอให้ไปเสีย แปลกมากเลยทำวันนั้นก็หายวันนั้น ไม่อย่างนั้นก็หมอรักษาไปเถอะ ฉีดยากินยาเท่าไรไม่หายสักที เป็นไข้อยู่ตลอดเวลา

อาตมาเจอกับตัวเองมา ๒-๓ ครั้ง ท่านบอกว่าเด็ก ๆ รับกระแสพวกนี้ง่าย แล้วไปเล่นบริเวณที่มีพวกนี้อยู่ เขาจึงถือโอกาสทำเอา อาตมาเคยส่งกระทงหลายครั้ง ยังคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้แต่ก็เป็นไปแล้ว เพราะว่าส่งเสร็จก็หายทันที"

เถรี
17-10-2017, 20:48
พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนไปอยู่ที่เกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ มีอยู่คืนหนึ่งได้ยินเสียงปลา ก็สงสัยว่าพ้นยุคพ้นสมัยแล้วยังมีอีกหรือ ? ปรากฏว่าพอลงไปส่องไฟดู ปลากระสูบขีดมาเต็มลำห้วยเลย จะขึ้นมาวางไข่ เบียดกันขึ้นมาแน่นไปหมด อาตมาเห็นก็เลยเอาอาหารมาเลี้ยง ปลากระสูบเขาจะมารวมกันตอนที่วางไข่ เลิกวางไข่แล้วก็ตัวใครตัวมัน

คราวนี้พวกแก่นแก้วในหมู่บ้านสะพานลาวมาถึงก็ “อาจารย์ครับ...ขอดำปลาวันหนึ่ง” อาตมาก็ว่า "อะไรวะ ? ลำห้วยยาวตั้งหลาย ๑๐ กิโลเมตร ต้องจำเพาะเจาะจงมาขอดำปลาหน้าวัด" เขาบอกว่า “ที่อื่นผมหาหมดแล้วครับ เหลือแต่ตรงนี้” อาตมาเลยก็ให้มะเหงกไปแทน เพราะว่าเราซื้ออาหารปลาเลี้ยงทีเป็นกระสอบ ๆ จนตัวยาวเป็นแขนเลย

เวลาตัวโตมาก ๆ เกล็ดเขาจะเป็นสีเขียวอมฟ้า ก็ยังมีคนมาแนะนำอีก บอกว่าปลาพลวง ปลากระสูบ ถ้าทำกินอย่าทิ้งเกล็ดนะ เอาเกล็ดมาทอดกิน อร่อยอย่าบอกใครเลย ช่างเข้าใจหากินนะ มุ่งร้ายหมายขวัญเฉพาะที่พระเลี้ยงเอาไว้เสียด้วย"

เถรี
18-10-2017, 09:22
พระอาจารย์ถามโยม "รู้ไหมว่าบรรพบุรุษแต่เดิมของเราแซ่อะไร ? (อยานนท์ค่ะ) นั่นเป็นแซ่ น่าจะเป็นแซ่เถี่ยในภาษาจีนกลาง หรือแซ่ทิในภาษาแต้จิ๋ว อย (อะ-ยะ) แปลว่าเหล็ก อานนท์คือความพอใจ ความยินดี แสดงว่ามาจากแซ่เถี่ย ที่แต้จิ๋วเรียกแซ่ทิ แปลว่าเหล็ก อย่าลืมว่า เงิน ทอง นาก เหล็ก จีนเขาเอามาเป็นแซ่หมด พอไม่มีแซ่ก็เอาประเภทช้าง ม้า ไก่ ห่าน มาเป็นแซ่

อย แปลว่า เหล็ก ที่กลอนเขาว่า ‘ผาณิตผิชิดมด ฤ จะอดบ่อาจจะมี แม่เหล็ก ฤ เหล็กดี อยยั่วก็พัวก็พัน’ (อิลราชคำฉันท์) โบราณเขาเก่ง เขารวยศัพท์ อย แปลว่า เหล็ก แม่เหล็กกับเหล็กก็ประเภทดูดติดกันเอง

อย เหล็ก, ปย น้ำนม, วย วัย, สิร หัว พวกนี้เป็นคำศัพท์ชุดเดียวกัน"

เถรี
18-10-2017, 09:36
พระอาจารย์กล่าวว่า "โรงเรียนทองผาภูมิวิทยาขอความช่วยเหลือมา เนื่องจากเป็นงานใหญ่ พูดง่าย ๆ ว่าต้องปรับปรุงทั้งโรงเรียน ก็ค่อย ๆ เก็บเงินไป แล้วก็โดนโรงเรียนบ้านจันเดย์ตัดหน้าไปด้วยห้องสมุด ๑ หลัง จากโรงเรียนบ้านจันเดย์มา โรงเรียนวัดป่าถ้ำภูเตยก็มาขอห้องน้ำ ๑ ชุด ก็คิดว่าหมดแล้ว อยู่ ๆ กศน. ทองผาภูมิ ขออาคาร ๑ หลัง แล้ววันทอดผ้าป่าของ กศน. ผอ.โรงเรียนทองผาภูมิดันไป แกคงช้ำใจเป็นบ้า ขอก่อนได้ทีหลัง แล้วไม่รู้ว่าคิวไหนด้วย..!

งานใหญ่ก็ต้องรอ...ใช่ไหม ? รอกว่าเงินจะครบ งานเล็กถือว่าของเขาใช้งบน้อยกว่าก็โฉบไปเลย ตอนนี้ทางด้านโรงเรียนบ้านอู่ล่องต้องการห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติ ๑ หลัง

อาตมาละเหนื่อยใจแทน โครงการเขาใหญ่เกิน ทำให้อาตมาต้องเสียเวลาสะสมเงิน แต่ช่วงที่สะสมเงินของเขาไม่พอ ที่อื่นเขาเห็นว่าพอ เขาก็เอาก่อนเลย"

เถรี
18-10-2017, 19:09
ถาม : ช่วงกฐินผมโดนบังคับให้ไปเที่ยว ไม่ทราบว่าผมจะฝากเงินไปทำบุญดี หรือว่าควรจะมาถวายที่นี่ดีครับ ?
ตอบ : ตัดสินใจเอาเอง ทำไมไม่มีใครบังคับอาตมาไปเที่ยวบ้างวะ...!

เถรี
18-10-2017, 19:38
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของสภาพร่างกาย เป็นไปตามหลักอนิจจังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ก็คือ เกิดขึ้น แปรปรวน แล้วก็สลายไป ยิ่งอายุมากการแปรปรวนของธาตุขันธ์ก็ยิ่งมาก ธาตุ ๔ บกพร่องไปตามอายุ

ปีที่ผ่านมาของอาตมาธาตุดินเหลือศูนย์ ปกติขาดขนาดนั้นน่าจะตายแล้ว ยังอุตส่าห์อยู่ได้ หมอไปทำยาคูณธาตุมาให้ ฉันลงไปแล้วรู้สึกแข็งแรงขึ้นมาหน่อยหนึ่ง ปีนี้ยังไม่รู้ว่าขาดอะไรบ้าง

เดี๋ยวนี้สมุนไพรใบยาก็หายาก ป่าเขาไม่ได้เพียงลดน้อยลงเท่านั้น แม้กระทั่งพืชพรรณต่าง ๆ ก็ลดน้อยลง หายากขึ้น เมื่อวันก่อนมาถึงแวะร้านก๋วยเตี๋ยวฉันเพล ไปเจอหญ้าเกล็ดหอย ยังแปลกใจว่าร้านนี้รู้จักของดีหรือเปล่า ? ขึ้นอยู่หน้าร้านเขาเอง แล้วก็ไปหาหญ้าแพรกไว้ทำยา แถววัดกว่าจะดึงได้สักกำมือหนึ่งก็ครึ่งค่อนวัน แต่ตรงหน้าร้านตรงนั้นขยุ้มไปทีเดียวได้หนึ่งกำมือเลย"

เถรี
18-10-2017, 19:44
ถาม : ควายชอบกินหญ้าแพรกหรือเปล่า ?
ตอบ : ไม่ค่อยกิน ควายอยากกินที่สุดก็คือข้าว แต่โดนห้ามทุกที ถ้าเป็นพวกหญ้าขนนี่ควายจะชอบ ลองเอาเมล็ดข้าวโพดหรือข้าวเปลือกให้ควายกินดูสิ ทุกตัวกินจนลืมตายเลย แล้วยิ่งถ้าเอาแช่น้ำเกลือสักหน่อยแล้วค่อยไปให้กิน จะยืนกินอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหนจนกว่าจะหมด

ถาม : ม้าละคะ ?
ตอบ : ม้าก็ชอบ สมัยก่อนเวลาเขาจะเอาม้าไปแข่ง ก่อนหน้านั้น ๒ วัน เขาจะเอารากระย่อมหมักกับข้าวเปลือกแล้วก็ให้ม้ากิน ระย่อมเป็นยาพิษ ถ้าคนกินแล้วถึงตาย แต่ถ้าม้ากินจะเป็นยาถ่าย ถ่ายหมดแล้วตัวเบา ม้าจะวิ่งเร็วกว่าปกติ

ถาม : ม้ากินผลไม้ไหมคะ ?
ตอบ : กินผลไม้เกือบทุกชนิด

เถรี
18-10-2017, 19:49
มีอยู่วันหนึ่งไปกราบหลวงปู่วัดเขื่อนท่าทุ่งนา ท่านมีวัวอยู่ตัวหนึ่ง ชาวบ้านเขาเอามาปล่อย ท่านก็เลี้ยงเสียอ้วน เจ้าวัวก็คงเบื่อ กินนั่นกินนี่แล้วแต่เขาจะให้ วันนั้นอาตมาไปถึง พอดีได้มะม่วงสุกไปถุงใหญ่ วัวแทบจะกินถุงลงไปด้วย แม้แต่เมล็ดก็กลืนลงไปด้วย ไม่ยอมคายเลย

ส่วนลูกวัวจามรีที่ทิเบตนั่นอาตมาเอาผัดผักไปให้กิน อาตมากินแล้วเหลือ คนทิเบตติดนิสัยคนจีนอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ทำอาหารเลี้ยงแขกนี่จะใส่กับข้าวเต็มที่เลย ๑๐ กว่าอย่าง ไม่ใช่ว่าไม่อร่อยนะ แต่ไม่มีปัญญาจะกิน ก็เลยเอาผัดผักที่เหลือไปเลี้ยงลูกวัว กระทั่งมือลูกวัวยังจะกินลงไปด้วยเลย

พวกสัตว์เขาต้องการพวกธาตุเกลือ แต่ไม่ค่อยมีให้ ถ้าโดยธรรมชาติก็ต้องไปกินดินโป่ง คราวนี้ที่เขาอยู่กับคน ถ้าเรารู้ หาให้เขาได้ เขาก็ได้กิน ถ้าหากไม่รู้เขาก็ไม่ได้กิน คราวนี้ผัดผักมีรสเค็ม ๆ เขากินกระจายเลย เพราะฉะนั้น...ถ้าเลี้ยงวัว เลี้ยงควาย เลี้ยงกวาง เลี้ยงอะไรก็ตาม ถึงเวลาเอาเกลือละลายน้ำให้เขากินบ้าง ใส่ลงไปสัก ๔-๕ ช้อนก็ได้ ละลายน้ำสักถังหนึ่ง ส่งไปเถอะ...เขาดูดหมดถังเลย

เถรี
18-10-2017, 20:01
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่องานนิโรธกรรมครูบาวิฑูรย์เกิดอุบัติเหตุ หลวงปู่ครูบาบุญยังตกเสลี่ยง ทหารชุดนี้ต้องบอกว่าไม่เคยแบกเสลี่ยง ยืน ขึ้นไม่พร้อมกัน พอขึ้นไม่พร้อมกันก็เอียงไปข้างหนึ่ง อาตมาเองมือไวหน่อย คว้าด้านข้างติด แต่หลวงปู่ท่านอายุมากแล้ว ปฏิกิริยาช้าหน่อยก็เลยตก แล้วที่เจ้ากรรมจริง ๆ ก็คือ เสลี่ยงของอาตมาขึ้นมาครึ่งทางแล้ว ก็เลยทำให้หลวงปู่ท่านหัวฟาดกับเสลี่ยงก่อนที่จะร่วงลงไป ต้องส่งไปโรงพยาบาล ทำ CT สแกนแล้วไม่มีอันตรายอะไร แต่หัวโนเท่าซาลาเปาลูกหนึ่ง แตกก็ไม่แตก ฉีกก็ไม่ฉีก มีแค่รอยถลอกหน่อยหนึ่ง

อาตมาก็คิดว่า เออ...เรารอดแล้ว ที่ไหนได้...กลับไปวัดล้มข้างเดียวกันเลย ขึ้นไปบนดาดฟ้าที่เป็นหมู่เรือนไทย เขาเอาสีลงไว้แทนการปูกระเบื้อง แล้วสีพวกนี้เวลาโดนน้ำฝนจะลื่นมาก ไถลล้มฟาดลงด้านเดียวกัน แต่ยังโชคดีว่าล้มเป็นก็เลยไม่เจ็บ"

เถรี
18-10-2017, 20:13
"สรุปว่าถ้าเวลากรรมมาหานี่...ไม่ต้องห่วง...เขาเอาจนได้แหละ เลี่ยงอย่างไรก็เลี่ยงไม่พ้น พอดีหลวงพ่อเจ้าคุณพระสุธีวราภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดชัยนาท ท่านมาส่งฎีกานิมนต์ให้ไปพุทธาภิเษกวัตถุมงคลรุ่น ๑๑๒ ปี หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ช่วงเดือนมกราคม อาตมาก็เลยออกไปต้อนรับท่าน ปรากฏว่าท่านขอขึ้นไปดูหมู่เรือนไทยข้างบน พอเดินตามขึ้นไปก็ลื่นพรืด ล้มต่อหน้าต่อตา ก็ไม่มีอะไรนอกจากจีวรเปียกเพราะว่าฝนเพิ่งตกใหม่ ๆ

ยังดีว่างานของท่านวันที่ ๒๑ มกราคม แล้วงานของครูบาเหนือชัยวันที่ ๒๐ มกราคม ลงจากเชียงรายมาก็เข้าสรรค์บุรี มหาฐิติวัตร ลูกศิษย์ท่านเจ้าคุณถามว่า จะพักที่วัดพระบรมธาตุหรือว่าจะไปพักที่วัดโฆสิตาราม ท่านจะได้เตรียมที่พักไว้ให้ ก็แจ้งท่านไปว่าไม่รบกวนหรอก เพราะว่าโดยปกติแล้วแถวนั้นที่พักเยอะ ไปตรงไหนสะดวกก็พักตรงนั้นแหละ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะเสียเวลาเจ้าของถิ่นต้องมานั่งรอ

พระมหาฐิติวัตรจบปริญญาเอกหลังอาตมา ๒ รุ่น ก่อนหน้านี้ก็สอนอยู่ที่วัดป่าเลไลยก์ สอนอยู่ ๕ ปี จบปริญญาเอกแล้วไม่ได้สอนต่อ กลับไปทำงานรับใช้เจ้านาย"

เถรี
18-10-2017, 20:33
โยมจะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น "ประเทศที่ไม่น่าไปที่สุดคือญี่ปุ่น...ของแพง...เป็นระเบียบ ข้าวปลาอาหารสั่งมากินไม่อิ่มสักอย่าง ต้องบอกว่าคนญี่ปุ่นกินเหมือนแมวดม

ที่ทางเลี่ยงเมืองกาญจนบุรี มีร้านเปิดใหม่ชื่อร้านของแปลกแปลก เอาของเก่ามาวางขายเยอะแยะ จะเรียกว่าเก่าก็ไม่ใช่ แต่เป็นของที่เจ้าของสละแล้ว เดินเข้าไปดู...เกือบครึ่งร้านเป็นของที่ระลึกจากญี่ปุ่น คาดว่าเจ้าของร้านคงไปบ่อย ซื้อบ่อย จนกระทั่งในที่สุดก็สละเอามาขาย ลองนึกว่าของครึ่งร้านเป็นของจากญี่ปุ่น ถ้าเป็นเจ้าของคนเดียว ก็น่าคิดมากเลย สะสมเข้าไปได้ขนาดนั้น"

ถาม : ผมไปญี่ปุ่น บนอะไรจะให้ความคล่องตัวดีครับ ?
ตอบ : ปีนไปไหว้บนยอดภูเขาไฟฟูจิจะคล่องตัวที่สุด โดยเฉพาะต้องปีนขึ้นให้ได้ก่อนตะวันขึ้น...!

เถรี
18-10-2017, 20:37
อาตมาได้ "ตุ๊กเข้" มาตัวหนึ่ง ดูหุ่นแล้วน่าจะเป็นมังกรโคโมโดมากกว่า บังเอิญว่านิ้วหายไปนิ้วหนึ่งก็เลยต่อราคาเขาจาก ๑,๕๐๐ บาท เหลือ ๑,๐๐๐ บาท แกะด้วยไม้ละเอียดดี ต้องมานั่งเสกด้วยคาถาหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง "อะอิอะมะ อะมะอะอิ อะอิจะหัง อะมะสวาหะ นะมะพะทะ ปิยะธิตา มานี่มามะ" แล้วต่อด้วยเสียงจิ้งจก "จุ๊..จุ๊...จุ๊...จุ๊"

พวกเรารู้กันไหมว่าเครื่องรางยอดฮิตอย่างหนึ่งของประเทศไทย ก็คือจิ้งจกหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง มีทั้งแกะจากงา แกะจากกะลาตาเดียว ท่านเสกจิ้งจก ส่วนอาตมาเสกมังกรโคโมโด ต้นตระกูลจิ้งจก..!

ถาม : จิ้งจกให้คุณด้านไหน ?
ตอบ : จิ้งจกของท่านเป็นมหาเสน่ห์ ใครเห็นใครรัก ไม่เชื่อก็ลองไปพกจิ้งจกหลวงพ่อหน่าย รับประกันว่าสละโสดไม่รู้ตัว..!

เถรี
18-10-2017, 20:47
มีจิ้งจกอยู่ตัวหนึ่งที่อาตมาได้มานานที่สุด ตัวนั้นเล็กขนาดวางบนเหรียญ ๕๐ สตางค์สมัยนั้นได้ สงสัยว่าช่างแกะเกิดอารมณ์ศิลปินขึ้นมาก็เลยค่อย ๆ แกะ ยังไม่เคยเจอตัวเล็กอย่างนี้อีกเลย ใหญ่เต็มที่น่าจะประมาณแค่นี้ (ทำมือให้ดู) แต่เป็นงาแผ่นแกะ ๒ ตัวบ้าง ๓ ตัวบ้าง รุ่นหลัง ๆ มีตาฝังพลอยด้วย

ตอนช่วงนั้นก็มีหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช ไปอยุธยาทีหนึ่งต้องแวะจนครบทุกสำนัก

หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช ทำตะกรุด อิสลามรอบวัดแขวนตะกรุดหลวงพ่อเทียมกันทุกคน เขาถือว่าไม่ใช่รูปพระเขาใช้ได้ พวกนี้รู้จักของดี คืออะไรที่สร้างประโยชน์ให้ได้มุสลิมเอาหมด..!

หลวงพ่อพระเทพศีลวิสุทธิ์ ที่เราไปงานกฐินปลดหนี้ที่วัดรัตนานุภาพ (โคกโก) ท่านเองอยู่กลางชุมชนมุสลิม ถึงเวลาจัดงานวัด มุสลิมเต็มวัดเลย เขามาช่วยงาน มาทำบุญกันเป็นปกติ"

เถรี
18-10-2017, 20:49
ปักษ์ใต้ของเราสมัยก่อน มุสลิมกับไทยสนิทสนมคบหาสมาคมกันเป็นเพื่อนตาย ยิ่งกว่าพี่กว่าน้องอีก เพิ่งจะมีระยะหลังที่พวกไปเรียนจบจากต่างประเทศมา แล้วมาปลุกปั่นยุยง ทำให้วัยรุ่นสมัยใหม่เกิดนึกอยากจะแยกตัวออกไปต่างหาก ก็เลยทำให้มีปัญหามาจนทุกวันนี้

อาตมาเองช่วงวัยรุ่นอยู่ตรงท้ายซอยอ่อนนุชแถว ๆ ประเวศ นั่นก็อิสลามทั้งดง ตอนที่ไปอยู่ใหม่ ๆ มีบ้านไทยแค่ ๒ หลัง คือ บ้านของพี่ชายกับบ้านของนาวาเอกจุรินทร์ที่เป็นทหารเรือ ก็อยู่กันมีความสุขดี ถึงเวลาเดือน ๔ เพื่อนอิสลามก็พาอาตมาก็ไล่กินบุญทุกบ้านเลย ชอบไปงานอิสลาม ไปแล้วเขาให้สตางค์กลับมาด้วย ไม่ต้องเอาไปช่วยเขานะ

งานกินบุญก็คือเขาตั้งใจทำบุญกันจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างวันนี้ มีโยมถวายกุรุหม่าขาแกะมา อาตมากินกระจายด้วยความเคยชิน สมัยนั้นเจอกุรุหม่าแพะบ้าง กุรุหม่าวัวบ้าง ซุปหางวัวบ้าง ข้าวหมกไก่บ้าง กินจนชินกับอาหารแขกไปแล้ว

เถรี
19-10-2017, 20:51
พูดถึงอานิสงส์การเป็นเจ้าภาพบวชพระ "ใครที่เป็นผู้หญิงบวชพระไม่ได้แล้วน้อยใจ เขาเรียกว่าคิดผิด

คนบวชถ้าทำดี ได้อานิสงส์เป็นเทวดาหรือนางฟ้า ๖๐ กัป พ่อแม่ได้ ๓๐ กัป เจ้าภาพบวชได้ ๑๕ กัป ถ้าเราเป็นเจ้าภาพบวชพระสัก ๔ รูปก็ได้เท่ากับบวชเองแล้ว งานนี้เราเป็นเจ้าภาพบวชตั้ง ๙๙ รูป

เจ้าภาพบวชพระ ๔ รูป เท่ากับคนบวชเอง คือ ๖๐ กัป ถ้า ๔๐ รูปก็ได้มากกว่า ๑๐ เท่า ๘๐ รูปได้มากกว่า ๒๐ เท่า นี่ตั้ง ๙๙ รูป ให้คูณกันเข้าไปก็จะรู้เอง"

เถรี
19-10-2017, 21:01
ถาม : ทำไมอยู่ดี ๆ ก็มีความรู้สึกว่าการกระทำทุกอย่างในโลกนี้เป็นเรื่องรุนแรง แม้กระทั่งการใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ ก็รู้สึกว่ารุนแรงเปรียบกับการฆ่ากันตายอย่างนั้น ก็เลยคิดใหม่ว่า นี่เป็นธรรมดาของโลก โลกนี้น่ากลัว ?
ตอบ : เป็นธรรมสังเวช เห็นทุกข์เห็นโทษว่าเกิดมาก็ต้องเจอแบบนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาเจอเหตุการณ์แบบนี้จะไม่มีสำหรับเราอีกแล้ว

ถาม : ความจริงบนโลกก็คืออย่างนี้นี่เอง ?
ตอบ : ทุกอย่างเป็นของจริง แต่เพียงแต่ว่าหลักธรรมของพระพุทธเจ้าเห็นได้จริงแท้ เขาเรียกว่า ปรมัตถสัจจะ อย่างเช่นว่า ทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกอย่างเป็นทุกข์ ทุกอย่างไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนได้ อันนี้ไม่มีใครเถียงได้

นอกนั้นเป็นจริงโดยสมมติ เรียกว่า สมมติสัจจะ อย่างเช่นว่าบุคคลนี้ชื่อว่า นางสาววินิตา มณฑลโสภณ คนที่รู้จักก็ยอมรับว่า นี่คือนางสาววินิตา ก็เป็นความจริงโดยสมมติขึ้นมา แต่ถ้าตั้งชื่ออื่นก็จะสมมติเป็นชื่ออื่นไปอีก มีการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ก็เป็นที่ยอมรับเช่นเดียวกัน

เถรี
19-10-2017, 21:09
พระอาจารย์กล่าวถึงบทกลอน

"ชายข้าวเปลือก หญิงข้าวสาร โบราณว่า
น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า อัชฌาสัย
เราก็จิต คิดดูเล่า เขาก็ใจ
ผูกอะไร ผูกไมตรี ดีกว่าพาล

ชายข้าวเปลือก หญิงข้าวสาร ความหมาย ก็คือ ผู้ชายอยู่ที่ไหนก็แพร่พันธุ์ไปเรื่อย ผู้หญิงหุงเสร็จก็จบเลย"

เถรี
19-10-2017, 21:11
พระอาจารย์กล่าวว่า "คนจีนจะมีหลานนอก มีหลานใน ก็คือ ลูกของลูกชาย เรียกว่า หลานใน ลูกของลูกสาว เรียกว่า หลานนอก บางคนรับไม่ได้ โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง ก็หลานเหมือนกัน ทำไมต้องมีหลานนอกหลานในด้วย"

เถรี
22-10-2017, 23:53
ถาม : การใช้ชื่อแซ่ การนับญาติกัน ทำให้คนจีนเหนียวแน่นเช่นเดียวกับการที่มุสลิมเขานับถือกันเป็นพี่น้อง ?
ตอบ : ความเหนียวแน่นที่ว่ายังสู้มุสลิมไม่ได้ ที่คนจีนเหนียวแน่นกันมากโดยเฉพาะในบ้านเรา เพราะเขาพลัดบ้านพลัดเมืองมา ถ้าไม่รักกัน ไม่ช่วยเหลือกัน ก็อยู่ไม่รอด จึงต้องมีสมาคม มีตระกูลแซ่ มีมาจากบ้านโน้นบ้านนี้ ไปรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน

แบบเดียวกันคนมอญกับคนกะเหรี่ยง ดูแค่ทองผาภูมิของเราเวลาจัดงาน คนมอญแห่กันไปมืดฟ้ามัวดิน สำนึกในความเป็นคนมอญรุนแรงและสูงมาก เพราะคนมอญรู้สึกว่าตัวเองพลัดบ้านพลัดถิ่นมา ถ้าไม่สามัคคีเหนียวแน่นกันไว้ อาจจะโดนคนอื่นเบียดเบียนเอาได้

แต่คนกะเหรี่ยงไม่ใช่อย่างนั้น คนกะเหรี่ยงอยู่ในประเทศไทยเรามา ๒๐๐ - ๓๐๐ ปีแล้ว ได้รับการยอมรับ มีบัตรประชาชน เขาไม่รู้สึกว่าเขาเป็นคนกะเหรี่ยงด้วยซ้ำไป บางที่เขาคิดว่าเขาเป็นคนไทยแล้ว ในเมื่อเป็นอย่างนั้น สำนึกในความเป็นชาติพันธุ์จึงไม่ได้เหนียวแน่นรุนแรงเหมือนกับทางมอญเขา เพราะรู้สึกว่าเป็นเจ้าของประเทศ ไม่ได้รู้สึกว่าพลัดบ้านพลัดเมืองมา

สำหรับมุสลิม ใครเป็นมุสลิมก็เป็นลูกพระอัลเลาะห์เหมือนกัน ดังนั้น...มุสลิมเขาเหนียวแน่น ต้องบอกว่าเป็นโดยธรรมชาติของเขาเลย คนจีนที่เหนียวแน่นกันเพราะพลัดบ้านพลัดเมืองมา สู้มุสลิมเขาไม่ได้ มุสลิมเขาแข็งแกร่ง เข้มแข็งกว่า

เถรี
23-10-2017, 08:51
ถาม : หลักการที่ว่า เป็นลูกหลานของหลวงพ่อวัดท่าซุงเหมือนกันละคะ ?
ตอบ : อยู่ในลักษณะของการยึดว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเดียวกัน ก็ยังมีการแบ่งเป็นกลุ่ม เป็นก้อน ไม่ได้เหนียวแน่นอะไรมากมายหรอก ถ้ามีอะไรแทรกกลางเข้ามาเมื่อไรก็แตกกระจายไปตาม ๆ กัน

เถรี
23-10-2017, 20:59
ถาม : โลกวัชชะ ตีความได้ว่าอย่างไรครับ ?
ตอบ : โลกวัชชะ ก็คือการที่พระทำผิดพระวินัย อาจจะมีโทษทางโลกด้วย อย่างเช่นอาจจะโดนกฎหมายทางโลกลงโทษได้ และชาวบ้านก็ติเตียน เช่น ถ้าภิกษุไปเสพยาเสพติด นอกจากเป็นโลกวัชชะคือชาวบ้านติเตียนแล้ว ยังมีโทษทางโลกทางกฎหมายเล่นงานได้อีก กินความกว้างไปถึงโน่น ถ้าตีความแค่ว่าโลกติเตียนอย่างเดียวก็จะเบาไป

ถาม : กรณีในสิทธิทางโลก .....อย่างนี้เราจะตีในโลกวัชชะได้อย่างไร ?
ตอบ : ไม่ใช่ โลกวัชชะต้องมีการทำผิดพระวินัย คือ ศีลของพระพุทธเจ้า ทำผิดแล้วมีการติเตียนจากส่วนรวม

ถาม : แล้วคนทั่วไป ?
ตอบ : ไม่ใช่พระ ไม่มีโลกวัชชะ เพียงแต่ว่าคนบางคนถ้าทำผิด อย่างคุณลุงที่ขับรถแล้วทับหมา อันนั้นก็คือนอกจากทางกฎหมายจะมีความผิดในข้อหาทารุณสัตว์แล้ว คนทั่วไปเขายังตำหนิติเตียนเอา ชัดเลยว่านั่นคือโลกวัชชะ ไม่มีอะไรจะทำ หมานอนอยู่ก็ไปไล่ทับ

เถรี
23-10-2017, 21:06
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้กฐินปลดหนี้ไปอีสาน ปีหน้าจะไปภาคไหนดี ? ...(ตะวันออกค่ะ)... ตะวันออกเรายังไม่เคยไป ได้เลย...วัดหนองน้ำขุ่น จังหวัดระยอง เตรียมตัวเอาไว้"

เถรี
23-10-2017, 21:50
ถาม : (พระร่วง)
ตอบ : คำว่า ร่วง แปลว่า เจริญรุ่งเรือง รุ้งร่วงธำมรงค์เรือนครุฑ ต้องบอกว่าแหวนเป็นประกายสว่างรุ่งเรืองมาก

คำว่า ร่วง ของโบราณ ก็คือรุ่ง ฉะนั้น...พระร่วงก็คือผู้ที่รุ่งเรืองยิ่ง พอมาสมัยของเรา คำว่า ร่วง ความหมายเริ่มผิดไป ตอนนี้ถ้าร่วงก็คือหล่นเลย

เถรี
23-10-2017, 22:42
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่นี้โยมถวายสมเด็จองค์ปฐมวัดท่าซุงมา เขียนว่า "ถวายหลวงพ่อ" คนอื่นอดไปเลย

ความจริงสมเด็จองค์ปฐม วัดท่าซุง รุ่น ๑ อาตมาจะต้องมีมากกว่าใครเพื่อน เพราะว่าจองไว้ ๑๐๐ องค์ แต่คราวนี้หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสั่งสร้าง ๓๐,๐๐๐ องค์ ช่างทำได้แค่ ๓,๐๐๐ องค์ เพราะว่าส่วนใหญ่พอถอดแบบแล้วซุ้มจะหัก กลายเป็นชำรุด...ใช้งานไม่ได้ จาก ๓๐,๐๐๐ องค์ เหลือ ๓,๐๐๐ องค์ ก็อนาถแล้ว สรุปว่าพุทธาภิเษกเสร็จ หลวงพ่อวิรัชโดนญาติโยมทึ้งจนกะรุ่งกะริ่งไปหมด

ส่วนของอาตมาเองพอพุทธาภิเษกเสร็จก็เบิกมา ๑๐๐ องค์ เพราะว่าจ่ายเงินล่วงหน้าไปหลายวันแล้ว แต่เวลายัดใส่ย่ามดันมีคนเห็น สรุปก็คือโดนทึ้งเหมือนกัน

ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก เพราะว่าโยมไม่ฟังเสียงเลย สารวัตรทหาร ๔-๕ คน ช่วยกันกั้นก็ไม่อยู่ เป่านกหวีดเท่าไรก็ไม่ฟัง โยมจะเอาให้ได้ ถึงขนาดโดดข้ามโต๊ะขายของเข้าไปเลย"

ถาม : รุ่นที่เขาทุบกระจกเอาไปละคะ ?
ตอบ : รุ่นที่เขาทุบกระจกเอาไปนั่นเป็นแบบแขวนหน้ารถ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็คือของตลาด ท่านไปสั่งของในตลาดมาเข้าพิธี คราวนี้คนสั่งก็สั่งได้แค่ ๕๐๐ องค์ แล้วก็หาไม่ได้อีก คนที่ได้ไปดันไปแขวนให้เขาเห็น ก็เลยมีรายการทุบกระจกแล้วเอาเงินวางไว้ให้ ขอพระไปโดยไม่บอกไม่กล่าว

เถรี
24-10-2017, 14:35
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันศุกร์พระที่ท่านเรียนปริญญาเอกมาสัมภาษณ์ มีปัญหาก็คือคำถาม ไม่รู้ผ่านอาจารย์ที่ปรึกษามาได้อย่างไร ถ้าในสายตาอาตมาแล้วจัดเป็นคำถามที่ไม่ใช่ แต่ในเมื่ออาจารย์ที่ปรึกษาเขาให้ผ่านมา ก็ต้องว่ากันไปตามเพลง จึงตอบไปด้วย แล้วก็ชี้แจงเขาไปด้วยว่าตรงไหนที่บกพร่อง ควรที่จะปรับแก้คำถามเสียใหม่

ส่วนอีกท่านหนึ่งที่มานั้น ต้องบอกว่าความรู้ยังไม่กว้างพอ ในเมื่อจะสรุปก็เลยไม่มีอะไรให้สรุป ความรู้ต้องกว้างขวางพอถึงจะสรุปได้

ในเรื่องของการเรียนระดับปริญญาโท ปริญญาเอกนั้น ทางมหาวิทยาลัยจึงมักจะให้ทำงานไประยะหนึ่งก่อนแล้วค่อยมาเรียน เพื่อที่จะได้มีประสบการณ์ พอมาเรียนแล้วสามารถวิเคราะห์จับจุดแล้วก็สรุปได้แม่นยำขึ้น เพราะฉะนั้น...ถ้าจบตรีต่อโทเลย บางทีประสบการณ์ไม่มี ความรู้ไม่กว้างพอ ถึงเวลาจะสรุป ไม่รู้ว่าจะจับตรงไหนมา อุตสาห์ทำวิจัยจะเป็นจะตาย ไม่รู้หรอกว่าผลทำวิจัยหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วจะไปเอาองค์ความรู้ใหม่มาจากไหน ?

แบบเดียวกับที่พระครูหน่อยท่านมาปรึกษาว่า การปกครองคณะสงฆ์ ๖ ด้าน ต้องใช้หลักธรรมอะไรประกอบ อาตมาก็บอกว่าหลักธรรมบางข้อใช้ได้ทุกด้าน แต่อยู่ที่เราเขียนอธิบายโยงไปให้ถึง สมมติว่าพรหมวิหาร ๔ ด้านการปกครอง คุณต้องมีความเมตตา แต่เมตตาต้องยึดถือกฎระเบียบเป็นหลัก ผ่อนผันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ไม่ใช่เสียหลักการ

แต่พอมาด้านการศึกษา ความเมตตาของคุณ ก็คือ ทุ่มเทให้ทุกอย่าง ต่อไปเรื่องของการเผยแผ่ก็คือทำด้วยใจรัก อธิบายไปคนละทิศคนละทาง แต่ก็คือหลักธรรมข้อเดียวกัน"

เถรี
24-10-2017, 14:40
"พอไปสาธารณูปการ คือ การก่อสร้างบูรณปฏิสังขรณ์ จะเมตตาอย่างไร ? ก็คือทำเพื่อประโยชน์คนอื่น ไม่ใช่ประโยชน์ตัวเอง ไม่ใช่เราทำกุฏิทรงสเปนติดแอร์ ขณะที่พระหรือเณรลูกวัดต้องไปนอนศาลา อยู่ที่เราจะเขียนอธิบาย

ฉะนั้น...ถ้าประสบการณ์หรือความรู้ยังไม่กว้างพอ การเรียนระดับปริญญาโท ปริญญาเอกจะไปไม่ได้ แบบเดียวกับรุ่นพี่ของอาตมาที่เรียนรุ่น ๑ อาตมาเรียนรุ่น ๒ แล้วไปจบก่อน เวลาเข้าหาอาจารย์ที่ปรึกษาอาตมาไปทีหลัง นั่งดูอาจารย์อธิบายให้ท่านฟัง ๗-๘ รอบ อธิบายจนกระทั่งอาตมาจับเคล็ด จับจุดได้หมด ไม่มีอะไรสงสัยแล้ว แต่หลวงพ่อไม่รู้เรื่องเลย ยังบอกว่าอาจารย์ช่วยอธิบายอีกครั้งหนึ่ง อาจารย์ต้องผลักโครงร่างหนีเลย บอกว่า "ผมอธิบายมา ๗-๘ ครั้ง เหนื่อยเต็มทีแล้วครับ"

ทำด้วยความรัก ทำด้วยความเมตตา คือทำเพื่อประโยชน์ผู้อื่น ไม่ใช่ประโยชน์ตัวเอง สาธารณสงเคราะห์นี่ชัดเลย เมตตากรุณาถึงได้ไปสงเคราะห์เขา ศึกษาสงเคราะห์ก็ชัดเจน เพราะฉะนั้น...หลักธรรมบางอย่างหัวข้อเดียวกันก็ใช้ได้ แต่ขึ้นอยู่กับการอธิบาย เขาถึงได้บอกว่า หลักธรรมของพระพุทธเจ้าต้องประยุกต์ใช้ได้จึงจะถือว่าเข้าถึง ถ้าประยุกต์ใช้ไม่ได้ก็กลายเป็นแค่รู้เฉย ๆ รู้ไว้แล้วไม่ก่อประโยชน์"

เถรี
24-10-2017, 14:46
ถาม : พรหมวิหารตรงอุเบกขา บางคนเข้าใจว่าไปเพิกเฉย ?
ตอบ : เราต้องเข้าใจด้วย ถ้าเราไม่เข้าใจจริง ๆ อธิบายไปไม่ได้ อย่างอุเบกขา วางเฉย กูไม่ยุ่งกับมึง แต่จริง ๆ กูไม่ยุ่งกับมึงนั้นแฝงความไม่พอใจเอาไว้ ไม่ใช่อุเบกขาในเมตตา ไม่ใช่อุเบกขาในกรุณา กลายเป็นปล่อยวางแบบวางใส่หัวคนอื่น

เถรี
24-10-2017, 14:51
ถาม : คนเรียนหมออย่างไรก็ได้หลักธรรมอยู่แล้ว ?
ตอบ : เป็นหมอ ถ้าปฏิบัติธรรมจะเห็นได้ง่าย เพราะว่าอยู่กับกองทุกข์ตลอด นอกจากเราแล้วคนที่มาก็ป่วย ก็ทุกข์ทุกคน

เถรี
24-10-2017, 14:54
มีโยมมาถวายสังฆทาน หมาเพิ่งตายไป "เป็นอย่างไร เจอฝนไล่ลูกค้าหมดหรือเปล่า ? ไอ้สิงห์มาอยู่ข้างหลัง มาเอาบุญด้วย ต้องบอกว่าเลี้ยงหมาเก่ง หมาตายแล้วไปดี

พวกนี้ชอบตอนเราเผลอ ถ้าเราตั้งใจดูบางทีก็ไม่เจอ พอเราเผลอก็มานั่งด้วยทันทีเลย"

เถรี
24-10-2017, 15:00
ถาม : (เห็นกุมารทองในลักษณะห่มจีวร)
ตอบ : น่าจะไม่ถึงขนาดนั้น ถ้าเป็นพระคงไม่มีใครเชิญมาเป็นกุมารทองได้ อาจจะแสดงให้เห็นในลักษณะว่าเขาถือศีล แต่ส่วนใหญ่ถ้าถือศีลจะมาชุดขาวมากกว่า อยู่ที่เราเห็นผ้าขาวเป็นผ้าเหลืองหรือเปล่า ?

บ้านเราต้นตำรับกุมารทองจริง ๆ แล้วต้องหลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม จากนั้นมาก็เป็นหลวงปู่แย้ม หลวงปู่แย้มก็เพิ่งมรณภาพไปไม่กี่วัน อายุ ๑๐๒ ปี อยู่นานจริง ๆ กุมารทองของสำนักอื่น ๆ ทำมาก็ไม่เด่นเหมือนของหลวงพ่อเต๋

อย่างของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วก็ทำกุมารทอง ทั้งไม้แกะ ทั้งงาแกะ หลวงปู่รอด วัดบางน้ำวนก็มี แม้กระทั่งสายใต้อย่างวัดเขาอ้อก็มี เพราะว่าวิชาการพวกนี้มีแต่โบร่ำโบราณมา สำคัญที่ว่าใครทำ เพียงแต่ว่าหลวงพ่อเต๋ท่านเน้นตะกรุดกับกุมารทอง ท่านก็เลยดัง อย่างของหลวงปู่บุญท่านทำได้ทุกอย่าง แต่เบี้ยแก้ดัง กดทุกอย่างเงียบไปเลย

เถรี
24-10-2017, 15:04
ถาม : ของหลวงพ่อกวยล่ะคะ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วของหลวงพ่อกวย ถ้าไม่ใช่รุ่นแรก ที่เหลือเป็นของตลาด แต่ท่านเสกให้ก็เหมือนกัน ของตลาดนี่ต้องระวัง ถ้าที่มาไม่ดีเจอของปลอมเลย เพราะว่าเขาทำมาขายเป็นร้อยเป็นพัน ที่มาต้องเชื่อถือได้ด้วย

เดี๋ยวปีหน้าอาตมาไปเสกให้ ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง เพราะว่าท่านเจ้าคุณสุธีวราภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดชัยนาท ส่งฎีกาไปให้วันก่อน กว่าจะถึง ๒๑ มกราคม ไม่รู้ว่าหลวงปู่หลวงพ่อบางท่านที่นิมนต์ไว้ จะไปเสียก่อนหรือเปล่า ?

เถรี
25-10-2017, 01:52
ถาม : พระอาจารย์ครับ ?
ตอบ : ตกลงว่าไม่มีอะไรก้าวหน้าเลยใช่ไหม ?

ถาม : มีอยู่ครับ แต่ต้องปรับหน่อย ?
ตอบ : ถ้าก้าวหน้าขึ้นจะไม่มาถาม

ถาม : ถ้าเรามีอารมณ์ เราไม่มีขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ไม่มีในเรา กับที่รู้สึกแค่ว่าขันธ์ ๕ ไม่สบาย อย่างนี้ก้าวหน้าไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ได้ก้าวหน้าไปไหนเลย ก็อยู่แค่นั้นแหละ การที่เรารู้สึกกับการที่เราเห็น ต่างกันไหม ?

ถาม : ต่างครับ ?
ตอบ : ของเรายังแค่รู้สึก การเห็นเป็นการเห็นด้วยปัญญา ถ้าหากว่าเห็นด้วยปัญญา สภาพจิตยอมรับ เราก็ไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ? เห็นคือปัญญา จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ

เถรี
25-10-2017, 02:06
ถาม : การที่เรารักษาจิตให้ผ่องใส เป็นวิปัสสนาหรือเป็นสมาธิครับ ?
ตอบ : การปล่อยวาง รักษากำลังใจให้ผ่องใสขั้นต้น ต้องอาศัยกำลังสมาธิ แต่เป็นไปลักษณะของวิกขัมภนวิมุตติ ผ่องใสได้เพราะว่าโดนกำลังสมาธิกดกิเลสเอาไว้ หลังจากนั้นเราต้องค่อย ๆ พิจารณา ค่อย ๆ ปลด ค่อย ๆ ปล่อย ค่อย ๆ วางไปทีละส่วน ก็จะผ่องใสไปตามลำดับจนเราละได้ แล้วกระทั่งท้ายสุด ไม่เอาอะไร ไม่เหลืออะไร ถึงจะจบ

ถาม : หมายถึงว่าตอนวิปัสสนา...(ไม่ชัด)... ?
ตอบ : การยอมรับไม่ใช่วิปัสสนา เพราะว่าบางทีเราเองไม่ใช่รับได้ แต่ใช้กำลังใจกดเอาไว้ คือ ทุกข์ยังไม่เกินกำลังที่เราจะแบก ตัวที่เป็นวิปัสสนาจริง ๆ คือเห็นชัดว่าทุกข์เป็นอะไร ในเมื่อสภาพของทุกข์เกิดขึ้นจากไหน ถ้าเราไม่ไปแตะต้องสาเหตุของทุกข์ ทุกข์นั้นก็เกิดไม่ได้ ในเมื่อเห็นชัดขนาดนั้นแล้ว ถ้าไม่สร้างเหตุ ทุกข์ก็ไม่เกิด

ถาม : เหมือนเราไปเอาจิตรับเข้ามาเอง ก็รับทุกข์ไว้เอง ?
ตอบ : เราอยากได้ไอโฟน ๘ เราก็เลยต้องตะเกียกตะกายหาเงิน เหนื่อย ลำบาก ทุกข์ สาเหตุคือความอยากได้ ทำอย่างไรที่เราจะเลิกอยาก ก็ไม่ต้องทุกข์ เพราะฉะนั้น...ในส่วนของวิปัสสนาจริง ๆ เป็นความถึงพร้อมด้วยสติ สมาธิ และปัญญา

ถาม : ทุกข์แบบนี้ต้องไปเจอเองหรือคะ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าสภาวทุกข์ เกิดมาแล้วต้องแก่ เกิดมาแล้วต้องเจ็บไข้ได้ป่วย เกิดมาแล้วตายแน่ ๆ

ถาม : แต่จริง ๆ เราก็พลาดอยู่ดี เพราะกรรมก็ทำให้เราเกิด ?
ตอบ : ไม่ต้องมองไกลขนาดนั้น พูดง่าย ๆ ว่าถ้าสภาวทุกข์มีอยู่พร้อมกับร่างกายนี้อยู่แล้ว นิพัทธทุกข์ มีอยู่พร้อมกับร่างกายนี้อยู่แล้ว สันตาปทุกข์ คือ ทุกข์ที่แผดเผาเรา สามารถเบาบางลงได้ ถ้าเรายอมรับแล้วไม่ไปสร้างเหตุ

เถรี
25-10-2017, 02:09
ถาม : ถ้าเราสร้างเหตุแล้วก็ยอมรับ ?
ตอบ : ก็แสดงว่ายังโง่อยู่ รู้อยู่ว่าตัวเองจะเดือดร้อนแล้วยังพยายามไปทำ รู้ว่าผัดกะเพราพริกกะเหรี่ยงเผ็ดมากก็ยังจะกิน แค่การดิ้นรนจะให้คนอื่นยอมรับว่ากูดีก็ทุกข์ตายห่...แล้ว

ถาม : ถ้าเป็นอย่างนี้ ปัญญาผมก็ไม่ก้าวหน้าขึ้นเลย ?
ตอบ : บอกแล้วว่ายังห่วยแตกอยู่เหมือนเดิม ถ้าก้าวหน้าขึ้นจะไม่เสียเวลามาถามหรอก มีแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำไปแล้ว

ของเราเป็นแค่ "คิดว่า คาดว่า" เป็นแค่ "จำได้ ไม่ใช่ทำได้" อะไรที่ยังคิดว่าเป็นอย่างนั้น คาดว่าเป็นอย่างนั้น เห็นว่าเป็นอย่างนั้น แสดงว่าเป็นอย่างนั้น ใช้ได้ไหม ? ก็ใช้ไม่ได้ทั้งนั้น เป็นแค่ความจำ เป็นแค่สัญญา ยังไม่ใช่ปัญญาจริง ๆ

เถรี
25-10-2017, 10:14
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมากำหนดวันหล่อหลวงพ่อนากไว้แล้ว คือ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ถ้าหากว่านับไปก็อีกประมาณ ๔ เดือนครึ่ง สามารถมาถึงได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว"

เถรี
25-10-2017, 23:53
ถาม : ท่านที่สงเคราะห์คนแบบเซียนแปะโรงสี ถือว่าเป็นสายพระโพธิสัตว์ไหมคะ ?
ตอบ :ใครที่ทำงานลักษณะนั้น ก็คืองานของพระโพธิสัตว์ทั้งนั้น

เถรี
25-10-2017, 23:53
ถาม : ถ้าไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ในขณะที่ยังมีคนเคารพ เวลาสงเคราะห์คนจะทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ใครอยู่ข้างบนก็สงเคราะห์ได้ทั้งนั้น

ถาม : คล้ายกับในหลวง ร. ๙ หมายถึงท่านจะต้องไปสร้างบารมีต่อ ?
ตอบ : ถ้าไปเกิดใหม่ก็จะมีเทวดามารับหน้าที่แทน

ถาม : เทวดาที่จะรับหน้าที่แทน ก็ต้องเนื่องกันกับท่านใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ก็ต้องมีความสามารถใกล้เคียงกัน

เถรี
26-10-2017, 00:09
ถาม : (อธิษฐานในเรื่องคู่)
ตอบ : โง่ตั้งแต่คิดจะมีคู่แล้ว กี่ชาติก็เหมือนกันนั่นแหละ

ถาม : ถ้าเกิดมีคู่แล้วก็ช่วยเหลือกันได้ ?
ตอบ : ตัวเราทุกข์ก็พอแล้ว เอาคนอื่นมาก็มีแต่เพิ่มทุกข์ไปอย่างน้อยเท่าตัวหนึ่ง พระพุทธเจ้าตรัสว่า เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา หนทางที่จะนำสัตว์ไปสู่ความบริสุทธิ์ได้ เป็นหนทางของคนเพียงคนเดียว

การประคับประคองช่วยเหลือกันก็ช่วยเหลือตามสภาพ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างตาย ต่างคนต่างไป มีใครเกิดพร้อมกัน อยู่ด้วยกัน ตายพร้อมกันบ้างไหม ?

ถาม : แต่ทางโลก การอยู่คนเดียวทำไม่ได้นี่ครับ ?
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นก็จงอยู่กับโลกต่อไป ยังไม่เห็นทุกข์อย่างแท้จริง ยังไม่เข็ดทุกข์อย่างแท้จริง ก็ยังปรารถนาที่จะเกิดอีก

เถรี
26-10-2017, 00:11
ถาม : การที่เรามีความรู้สึกว่า หนึ่งสมองสองมือเหมือนกัน ถือว่าเป็น...?
ตอบ : จัดเป็นทิฏฐิมานะอย่างหนึ่ง แต่ถ้ามานะในการตั้งใจทำความดี เรียกว่าธรรมฉันทะ

เถรี
26-10-2017, 00:15
ถาม : นายจุนทะในบทสวดโพชฌงค์ ?
ตอบ : อันนั้นคือพระจุนทะที่เป็นน้องชายพระสารีบุตร ไม่ใช่นายจุนทสูกริกที่ฆ่าหมูเป็นอาชีพ และไม่ใช่นายจุนทกัมมารบุตรที่ถวายอาหารมื้อสุดท้ายกับพระพุทธเจ้า เพียงแต่ชื่อซ้ำกันเท่านั้น

ถาม : แล้วทำไมถึงมีชื่ออยู่ใน...?
ตอบ : ท่านไม่สบาย

ถาม : พระพุทธเจ้าไม่สบายหรือว่านายจุนทะไม่สบายคะ ?
ตอบ : พระจุนทะไม่สบาย พระพุทธเจ้าให้พระอานนท์ไปสวดโพชฌงค์ถวาย ท่านพิจารณาตามไป สภาพจิตยินดีกับธรรมะ ก็เลยละทิ้งอาการเจ็บไข้ได้ป่วยจนหายจากการป่วยไปเลย

เหมือนอย่างกับว่าความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเสื้อผ้าชุดหนึ่ง บทโพชฌงค์เป็นหลักธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นเสื้อผ้าอีกชุดหนึ่ง ท่านสลัดชุดเก่าออกมาใส่ชุดใหม่ ชุดเก่าก็ไม่สามารถที่จะส่งผลอะไรให้ได้ จึงเท่ากับว่าหายป่วยไปโดยปริยาย

เถรี
26-10-2017, 00:17
ถาม : เส้นทางที่จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิจะต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : พระเจ้าจักรพรรดิ อันดับแรกก็คือสร้างพระองค์ใหญ่ ๆ หรือทำบุญใหญ่ ๆ แล้วอธิษฐานขอเป็น

ถาม : แล้วมีอะไรอีกครับ ?
ตอบ : ถวายสังฆทานก็พอแล้ว ตั้งใจอธิษฐานขอเป็นพระเจ้าจักรพรรรดิ เป็นอย่างน้อย ๕๐๐ ชาติ เดี๋ยวก็เข็ดไปเอง..!

เถรี
26-10-2017, 00:23
ถาม : การที่บ้านเราตั้งศาลพระภูมิ แล้วศาลเก่า ?
ตอบ : การตั้งศาลพระภูมิเป็นการแสดงออกว่าเรายอมรับนับถือต่อเจ้าที่ซึ่งเป็นเจ้าของหรือดูแลสถานที่นั้น ไม่ใช่ตั้งให้ท่านอาศัยอยู่ เพราะฉะนั้น...จะเก่าแก่คร่ำคร่าขนาดไหนก็ไม่ได้เกี่ยวกับท่าน แต่ถ้าเราไม่สบายใจ จะปรับปรุงใหม่ ทำความสะอาด ทาสีใหม่ เปลี่ยนหลังใหม่ ก็จุดธูปบอกกล่าวท่านก่อน

ถาม : ไม่เกี่ยวกับเทวดาเลือกศาล ?
ตอบ : เทวดาไม่ได้กิเลสมากเหมือนเรา เห็นเทวดาเป็นผีตองเหลืองไปได้ ประเภทใบกล้วยเหลืองกูก็ย้ายแล้ว อันนี้ไปคิดว่าศาลเก่าหน่อยกูก็จะไปแล้ว

เถรี
26-10-2017, 00:27
ถาม : มีการเรียกร้องว่าให้พยายามทำบุญกับโรงพยาบาลด้วย ไม่ใช่ทำบุญให้วัดอย่างเดียว จริง ๆ อย่างไรครับ ?
ตอบ : วัตถุทานบริสุทธิ์ เจตนาบริสุทธิ์ ผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์ ได้อานิสงส์เต็ม ๑๐๐ ส่วน บุคคลที่มีปัญญาย่อมรู้จักเลือกเนื้อนาบุญ

การจะทำบุญกับโรงพยาบาลก็ทำได้ แต่อานิสงส์จะมีน้อยกว่า ฉะนั้น...ก็อยู่ที่ความยินดีพอใจของเราว่าจะทำอะไร

ถาม : อย่างนี้ทำบุญกับพระที่ป่วยละคะ ถ้าท่านศีลไม่ครบ ?
ตอบ : ต้องดูว่าพระที่ป่วยเป็นใคร ถ้าพระที่ป่วยเป็นพระอริยเจ้า เราทำบุญด้วยก็บุญมหาศาล แต่ถ้าป่วยแล้วสักแต่ว่าเป็นพวกห่มผ้าเหลืองขึ้นมาเฉย ๆ อานิสงส์บางทีสู้ชาวบ้านทั่วไปไม่ได้ด้วยซ้ำไป

เถรี
26-10-2017, 00:30
ถาม : ในเรื่องของการทำงาน คุณค่าของงานที่เราทำคืออะไรครับ ?
ตอบ : งานก็คืองาน สำคัญอยู่ตรงความรับผิดชอบของเรา ถ้าเรามีความรับผิดชอบทุ่มเทให้กับงาน ก็แปลว่าเราปฏิบัติธรรมอยู่เช่นกัน เพราะว่าต้องประกอบด้วยสมาธิจดจ่ออยู่กับงาน มีความพากเพียรในงานนั้น ๆ

คราวนี้ในส่วนของงาน พอเราทำแล้วผลตอบแทนที่ได้มาต่างหาก ว่าเราจะเอาไปทำอะไร ถ้าเป็นอย่างของโบราณก็คือ ได้มาแล้วท่านก็แบ่งปัน

เอเกน โภเค ภุญฺเชยฺย
ส่วนที่หนึ่งก็อาศัยกินอาศัยใช้ตามปกติ

ทฺวีหิ กมฺมํ ปโยชเย
อีกสองส่วนก็ใช้ในการลงทุนทำการทำงาน

จตุตฺถญฺจ นิธาเปยฺย
ส่วนที่สี่ ก็ทำบุญสร้างกุศลเพื่อเก็บเอาไว้ใช้ในชาติหน้า

ฉะนั้น...เรื่องคุณค่าของงานอยู่ที่ตัวเราว่า ถึงเวลาผลตอบแทนได้มาแล้วเราจะทำอย่างไร สร้างบุญสร้างกุศลให้แก่เรา สร้างคุณงามความดีให้แก่เรา สร้างความสุขความสบายให้แก่ตัวเองและคนรอบข้าง

เถรี
26-10-2017, 00:34
อันนี้ที่กล่าวไปนั้นเป็นการทำงานของบุคคลทั่ว ๆ ไป ส่วนการทำงานอีกสายหนึ่งนั้นเป็นของพระโพธิสัตว์ ท่านทั้งหลายเหล่านี้จะเสียสละตัวเองทำเพื่อส่วนรวมเสมอ ก็คืองานอะไรที่ก่อประโยชน์สุขแก่คนหมู่มาก ท่านก็จะทำงานนั้น ไม่ค่อยจะเห็นแก่ประโยชน์สุขส่วนตัวของตนเอง

ฉะนั้น...คุณค่าของท่านตรงจุดนั้นก็คือว่า ทำงานเพื่อผู้อื่น เพื่อประโยชน์สุขของเขา ในส่วนนั้นนอกจากท่านเองจะได้อานิสงส์ที่คนเห็นแล้วเลื่อมใสศรัทธา อยากจะทำตามแนวทางนั้น ตัวท่านเองก็ได้ความสุขใจที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ตัวเองชอบ เพราะฉะนั้น...คุณค่าจึงต่างกันระหว่างปุถุชนทำงานที่อธิบายไปตอนต้น กับพระโพธิสัตว์ทำงานที่พูดในตอนหลัง

เถรี
26-10-2017, 08:32
ถาม : ผมต้องปฏิบัติอย่างไรครับ ?
ตอบ : ศีล สมาธิ ปัญญา ทำให้มากกว่าพูด

เรื่องของการปฏิบัติธรรมไม่ใช่เรื่องที่เอาไปคุยอวดชาวบ้าน คนที่ปฏิบัติธรรมถ้าทรงอารมณ์ได้จริง ๆ จะกลายเป็นคนใบ้ไปเกือบทั้งนั้นแหละ จนกว่าจะรักษาอารมณ์นั้นทรงตัวได้เป็นของตนจริง ๆ ถึงจะกลับมาเป็นคนปกติอีกครั้งหนึ่ง

เถรี
26-10-2017, 08:37
ถาม : มีครั้งหนึ่งผมเกือบขับรถชน สิ่งที่เกิดขึ้นผมยังงงเลยว่าผมรอดได้อย่างไร ?
ตอบ : ขนาดเกิดขึ้นอย่างไรก็ยังไม่รู้เลย แสดงว่าไร้สติ..!

ก็แปลว่าบุญยังรักษา เทวดาปกป้องอยู่ ถ้าอกุศลกรรมเข้าก็สวัสดีมีชัยไปแล้ว

ถาม : พอจะแซง รถที่อยู่คันหน้าเป็นรถใหญ่ผมมองไม่เห็น แซงไปเจออีกคันสวนมา ผมก็เลยเบียด รถก็ส่ายไปมา ?
ตอบ : ไม่น่ารอด

ถาม : ไม่น่ารอดใช่ไหมครับ ? ผมก็งงว่าไม่น่ารอด
ตอบ : ที่ว่าไม่น่ารอดก็คือเสือกรอดมาได้ กูก็เลยต้องมานั่งตอบคำถามมึงอีก...!

เถรี
26-10-2017, 08:41
ถาม : ทำไมคนเราเจริญทางโลกหรือทางธรรมพร้อมกันไม่ได้ครับ ?
ตอบ : แล้วใครบอกเอ็งว่าเจริญพร้อมกันไม่ได้ ?

ถาม : ถ้าเราพอรักษาใจให้กระเตื้องได้บ้าง จะด้วยการกด เราก็จะมีความสามารถทางโลกมากขึ้นใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ก็ใช่...แต่ก็ยังอยู่กับกองกิเลสนั่นแหละ

ถาม : แต่เราก็สามารถเรียนรู้ไปพร้อมกันได้ ?
ตอบ : ได้...ก็อีกหลายชาติหน่อย

เถรี
26-10-2017, 08:49
ถาม : ถ้าเราอธิษฐานบวช ต่อมามีเหตุการณ์ที่ถ้าเราบวชแล้วเกิดความเสี่ยงต่อการผิดศีล เราควรจะเลี่ยงไม่บวชไหมครับ ?
ตอบ : เป็นความคิดของไอ้ขี้แพ้ คนปฏิบัติธรรมเขาตัวตายดีกว่าศีลขาด

ถาม : พระอาจารย์เคยบอกว่าควรดูกำลังตัวเองว่าแค่ไหน ถ้าเราไม่พร้อมรบ เราก็หลบมาในสิ่งที่เราทำได้ ไม่ดีหรือครับ ? ๑. ผมยังไม่สามารถขนาดนั้น ๒. ผมยังมีความเสี่ยง หน้าตาผมก็ไม่ได้แย่ พ่อแม่ผมบอกเองนะครับ
ตอบ : ก็ไหนบอกว่า ๑๐ นิ้วเท่ากัน ในเมื่อ ๑๐ นิ้วเท่ากัน คนอื่นบวชได้ ทำไมเราบวชไม่ได้วะ ?

เถรี
27-10-2017, 08:58
ถาม : มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งแขวนพระแล้วห้อยยาว ไปอยู่ตรงหน้าอก ไม่บาปใช่ไหมครับ ?
ตอบ : กลัวพระที่แขวนอยู่จะโดนอาบัติ ?

ถาม : จริง ๆ ไม่ต้องกลัวใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าพระท่านโวยก็เอาออก ถ้าท่านไม่โวยก็แล้วไป...!

ถาม : ถ้าเป็นยันต์เกราะเพชรกับแหนบหลวงพ่อฤๅษี แขวนได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : อะไรก็ได้แขวนไปเถอะ อาตมาเจอผู้หญิงบางคนยัดไว้จนกระทั่งยกทรงใหญ่ขึ้นมาเป็นคัพเลย..!

เถรี
27-10-2017, 09:07
ถาม : มีคนหนึ่งมีสิ่งที่มองไม่เห็นติดตามอยู่เรื่อย ๆ ต่างเพศ ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไรกับเรามาก่อนหรือเปล่า ?
ตอบ : ฟันธงได้เลย คนรับใช้ของเรา จะทำอะไรสั่งงานเขาไปเลย ถ้าไม่ยอมช่วย อย่าเสือกมาเชียวนะ...!

เถรี
27-10-2017, 09:14
ถาม : เคยได้ยิน ถ้าเราไปฝากลูกกับพระที่วัด คือ เด็กไปอยู่วัด จะดีขึ้น ?
ตอบ : ถ้าเด็กไม่เอา ไปก็ไม่มีประโยชน์

ถาม : ถ้าเด็กเลือกไม่ได้ ไปอยู่วัดแล้วดื้อ เป็นกรรมหรือเปล่า ?
ตอบ : เป็นมโนกรรม คือถ้าเขาคิดไม่ดี ก็คือเราไปสร้างมโนกรรมให้เกิดกับเขา ถ้าเขาพูดไม่ดี ก็คือเราเป็นต้นเหตุให้เขาทำวจีกรรม ถ้าเขาแสดงออกไม่ดี ก็ซวยหนักเลย เป็นกายกรรมด้วย

ถาม : การที่เขาไม่ชอบไปวัด เราเอาเขาไปอยู่ ผลนั้นกลับกลายให้เขาดื้อ เราซวยด้วยหรือครับ ?
ตอบ : เขาเองซวยเป็นคนแรก ส่วนเราเองเป็นต้นเหตุให้เขาเป็นอย่างนั้น

เถรี
27-10-2017, 09:20
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีคำสั่งจากสำนักพุทธ ฯ ไม่ให้ออกโมทนาบัตรสำหรับงานกฐิน แต่ญาติโยมทำไปเถอะ วัดท่าขนุนจะออกให้ เขาบอกว่างานกฐินส่วนใหญ่แล้วเป็นเงินส่วนรวม จะไปออกให้เฉพาะคนใดคนหนึ่งไม่ได้ แสดงว่าคนพูดปัญญาอ่อน..! ก็คนที่ถวายมาจำนวนที่แน่นอนเขามีอยู่ เราสามารถที่จะออกได้

แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ ห้ามออกโมทนาบัตรให้กับสิ่งของที่ไม่ใช่เงิน เอาของไปวัดท่าขนุนก็แล้วกัน อาตมาจะออกให้ ถ้าเขาอยากมีหลักฐานก็ให้ทางด้านสำนักพุทธ ฯ เขาบอกว่า ธนาคารไหนรับฝากขนมปังซีพี อาตมาจะไปฝากให้เป็นหลักฐาน...!"

ถาม : เกิดจากอะไรคะ ?
ตอบ : สาเหตุก็คือ เขาบอกว่าตรวจสอบได้ยาก แต่อาตมามั่นใจว่าตรวจสอบได้ เพราะเวลาวัดของเรามีงาน รูปถ่ายก็มี เขาบริจาคเป็นสิ่งของ คุณจะมาบังคับให้เขาบริจาคเป็นเงินอย่างเดียว ก็ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

เถรี
27-10-2017, 09:24
ถาม : เขาบอกว่า พระห้ามรับเงิน ?
ตอบ : ตอนนี้กำลังมีคำสั่งไปทั่วประเทศไทย ให้ตำรวจจับตาดูว่าพระภิกษุสามเณรรูปใดรับเงินบ้าง

อาตมาเองว่าเดี๋ยวจะพาพระทั้งวัดไปหาคนสั่ง ให้เขาเป็นคนจ่ายเงินให้ เวลาเราจะทำอะไรก็ต้องจ่ายแทน ไม่อย่างนั้นแล้วพระทำอะไรไม่ได้ สมมติว่าปีนี้จะพาพระไปสอบ ๑๗ รูป ถ้าห้ามพระรับเงิน อาตมาไม่มีค่ารถ จะไปเอาเงินกับคนสั่ง

ทำอะไรไม่ได้ดูว่าบริบทของสังคมเปลี่ยนไปแล้ว แต่เป็นการเจตนาเอาศีลของพระพุทธเจ้ามาบีบคั้น เพื่อไม่ให้พระในพระพุทธศาสนาอยู่ได้ ศาสนาอื่นจะได้โตขึ้นมาแทน

ถาม : เขามีความพยายามอย่างนั้นจริง ๆ หรือครับ ?
ตอบ : อีกไม่กี่ปีบ้านเราอาจจะมีศาสนาอื่นเป็นศาสนาประจำชาติ

เถรี
27-10-2017, 09:32
ถาม : คนที่เป็นฆราวาสได้สมาบัติก็มี ปัญหานี้ก็ไม่น่าห่วงนะครับ ?
ตอบ : อย่าลืมว่าคนที่ได้อภิญญาสมาบัติส่วนใหญ่จะเคารพกฎของกรรม ในเมื่อเคารพกฎของกรรม เห็นว่าวาระมาถึง เขาก็ไม่ยุ่ง

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไปถามเขาสิ อาตมายืนยันว่าตัวเองเคารพกฎของกรรม แต่บางทีก็จะช่วยทำให้กฎของกรรมสนองมาเร็วขึ้นหน่อย...!

ถาม : จริง ๆ ก็ไม่ต่างกับที่เราให้โอกาสเขา ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับเราว่ายอมสละตนเองเพื่อรับผลกรรมนั้นไหม ? ถ้ายอมสละตนเองก็ทำไปเลย

เถรี
27-10-2017, 09:36
ถาม : ถ้ามีคนทำไม่ดีกับเรา ถ้าเราสวดสัมปะจิตฉามิ เรานึกถึงหน้าเขา เราจะได้รับผลกรรมไหมครับ ?
ตอบ : เริ่มตั้งแต่มโนกรรม คิดไม่ดีกับเขาจนกระทั่งลงมือทำก็เป็นกายกรรม พูดง่าย ๆ ว่าครบถ้วนแล้วในเจตนาเลย

ถาม : แต่เราไม่เจตนาจะให้ร้าย เจตนาให้เขาทำตัวของเขาเอง ?
ตอบ : ถ้าหากว่าไม่เจตนา ทำไมเอ็งไม่ สัพเพ สัตตาฯ ทะลึ่งไปภาวนาคาถามหาสะท้อนทำไม...! แสดงว่าเจตนาเหี้..มาตั้งแต่ต้น..!

ถาม : ต้องการให้เขาหยุดครับ ?
ตอบ : เราต้องหยุดเอง

ถาม : เราหยุด เขาไม่หยุดครับ ?
ตอบ : เรื่องของเขา เราก็ทนเอาสิ ไปดูขันติวาทีดาบส โดนพระเจ้าแผ่นดินสั่งตัดแขน ตัดขา ผ่าหน้าอก ก็ปล่อยเขาทำไป คุณอยากสร้างกรรมคุณก็สร้างของคุณไปฝ่ายเดียว อาตมาไม่สน

เถรี
27-10-2017, 21:10
พระอาจารย์กล่าวว่า "ทุกวันนี้ที่ภัยธรรมชาติคุกคามหนัก ต้องบอกว่าเป็นไปโดยสภาพปกติ เพราะว่าคนไปคุกคามธรรมชาติก่อน ปัจจุบันโลกเราแทบจะไม่มีลมหายใจเหลืออยู่แล้ว เพราะว่าผืนป่าที่เป็นตัวผลิตออกซิเจน โดนทำลายไปเกือบหมด อากาศจึงแปรปรวนมาก

แค่นั้นยังไม่พอ ผืนป่าที่เคยช่วยกันเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์ก็ลดน้อยถอยลง จนเปลี่ยนไม่ทัน คาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นไปจับตัวเป็นเกราะอยู่ข้างบน สะท้อนความร้อนกลับลงมา กลายเป็นภาวะเรือนกระจก ที่เรียกว่า Greenhouse Effect ทำให้อากาศร้อนผิดปกติ

น้ำแข็งขั้วโลกละลาย แต่ว่าต่อให้น้ำแข็งทั่วโลกละลาย น้ำก็ยังไม่ท่วมโลกมาก แต่ที่น้ำจะท่วมโลกมาก เหมือนกับเรามีน้ำอยู่กะละมังหนึ่ง แล้วเราไปทำกะละมังนั้นล้ม น้ำสาดโครมไปรอบด้าน ไม่ว่าจะมดแดงแมลงน้อยก็เดือดร้อนกันหมด

โลกเราที่กำลังเสียสมดุลเพราะว่าศูนย์ถ่วงเสีย อย่างเช่นว่าสายน้ำไหลลงสู่มหาสมุทร โดนแดดเผากลายเป็นไอ ลอยขึ้นไปข้างบน จับตัวควบแน่นตกลงมาเป็นฝน แต่ตอนนี้ปัจจุบันมีการปิดกั้นเส้นทางไหลของน้ำ โดยเฉพาะบรรดาเขื่อนใหญ่ ๆ

เมื่อเขื่อนกักน้ำมาก ๆ ทำให้จุดศูนย์ถ่วงเสีย เหมือนอย่างกับล้อรถ ถ้าศูนย์ถ่วงเสียก็วิ่งตุปัดตุเป๋ คราวนี้ถ้ายังวิ่งได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าผิดจังหวะวิ่งไม่ได้ รถคันนั้นจะหยุด เราลองนึกถึงว่ารถที่วิ่ง ๆ ไปแล้วอยู่ ๆ หยุดลง เหมือนอย่างกับรถเบรกกะทันหัน คนในรถจะเกิดอะไรขึ้น ? สถานเบาก็หัวทิ่ม สถานหนักก็ทะลุกระจกปลิวไปไหนก็ไม่รู้ !!?

คราวนี้ถ้าหากว่าศูนย์ถ่วงโลกเสีย ถึงขนาดหยุดหมุนชั่วคราว เราลองนึกถึงแรงเฉื่อยที่เหวี่ยงอยู่ตลอดเวลา ทำให้น้ำในทะเลหรือมหาสมุทรรักษาสมดุลเอาไว้ได้ อยู่ ๆ ก็หยุดกึก แต่น้ำยังเหวี่ยงไปตามแรงเดิม ก็ตูมเดียวทะลักขึ้นไปครึ่งโลก คราวนี้รู้หรือยังว่าถ้าน้ำท่วมโลกเกิดจากอะไร ? ของบางอย่างฟุ้งซ่านมากก็ไม่ดี ฟังแล้วก็ลืมไปเถอะ"

เถรี
27-10-2017, 21:20
"สรุปว่าที่เล่าเรื่องน้ำท่วมโลกเมื่อครู่นี้ ไม่ได้แปลว่าน้ำเพิ่มขึ้นมาก แต่เป็นน้ำที่โดนสาดไปเพราะศูนย์ถ่วงของโลกเสีย คราวนี้เราลองนึกถึงตอนน้ำสาดไป ก็กวาดทุกอย่างราบเป็นหน้ากลองไปเลย...ใช่ไหม ? พวกเราก็คิดว่าพอน้ำผ่านไปก็โล่งอก ที่ไหนได้...พอไหลไปแล้วก็ต้องต้องกลับมาที่เดิมใหม่ ก็เท่ากับอีกตูมหนึ่ง...เฮ้อ...! ไม่อยากนึกถึงอนาคตเลย ตูรีบตายก่อนดีกว่า..! น้ำขึ้นไป ไม่ใช่ทิศทางที่ควรจะอยู่ พอขึ้นไปสุดกำลังก็เทกลับ ใครสร้างเวรสร้างกรรมไว้มากก็โดนหลายเด้งหน่อย

คราวนี้ในช่วงปัจจุบันที่มั่นใจว่าศูนย์ถ่วงโลกเสีย เพราะว่าแผ่นดินไหวถี่มาก เกิดจากน้ำหนักที่กดลงบนผิวโลก การเคลื่อนที่ของแผ่นพื้นโลกผิดปกติ เขาเตือนเราแล้ว ที่เม็กซิโกซวยมาก เดือนเดียวเจอ ๓ ครั้ง ระดับ ๘ ระดับ ๗ ทั้งนั้นเลย ที่โดนน่าจะเป็นสหรัฐ แต่ทำไมไปโดนเม็กซิโกแทนก็ไม่รู้ ไม่เป็นไร...ช่วงที่ผ่านมาสหรัฐเจอน้ำท่วมไป ๒ ยกก็ปางตายแล้ว"

เถรี
27-10-2017, 21:28
ถาม : มีความคิดว่า สิ้นปีจะไปสังเวชนียสถาน แต่รู้สึกว่าที่นั่นสถานการณ์ไม่ค่อยดี ?
ตอบ : สมควรไป เพื่อที่จะสร้างอนุสติของเราให้มั่นคงไว้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวตายแล้วจะไม่ได้อะไร

ถาม : ไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ ?
ตอบ : อยู่ที่ไหนก็ตาย...ไปเถอะ ขนาดที่เขากลัวกันนักกลัวกันหนาอย่างปากีสถาน อาตมายังไปมาแล้วเลย มีแต่ทหารถือปืนคอยอารักขาอยู่

ถ้าไม่กลัวตาย ชีวิตจะได้กำไรเยอะ ถ้ากลัวตายอยู่ไม่กล้าทำอะไร ก็ขาดทุนไปเรื่อย ตอนนี้บอกว่าอาตมาไปเที่ยวปากีสถานมาแล้ว มีแต่คนอิจฉา เพราะเขาไม่กล้าไปกัน โดยเฉพาะถนนสายคาราโครัม วิ่งมาแล้วเป็นพันกิโลเมตร วิ่งไปก็เจอหิมะถล่มไป หินถล่มไป หนีทันบ้าง ไม่ทันบ้าง แล้วแต่เหตุการณ์

อีกไม่กี่เดือนมีคนชวนไปญี่ปุ่น ก็สงสัยว่าคนหนักแผ่นดินอย่างเราไปญี่ปุ่นแล้ว จะจมหายไปทั้งประเทศเลยไหม ?

เถรี
27-10-2017, 21:37
พระอาจารย์กล่าวว่า "รู้ว่าอายุมากต้องไม่ประมาท เพราะถ้านับแล้ว ชีวิตเราอยู่ในขาลง ถ้าตีว่าคนเราปัจจุบันนี้ชีวิตอยู่ที่ ๗๕ ปีเป็นประมาณ เกิน ๓๗ ปีครึ่งไป ถือว่าเริ่มเป็นขาลงแล้ว

ในเมื่อเริ่มเป็นขาลง ใครที่เกิน ๓๗ - ๓๘ ปีไป ยิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งลงมากเท่านั้น ตีเสียว่าแก้ทางอยู่ ๓๗ ปี แต่ถ้าไปไม่ถึงปลายทาง แหกโค้งลงเหวไปก่อน ก็ได้น้อยกว่านั้น ฉะนั้น...จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสั่งสมบุญกุศล

คราวนี้การสั่งสมบุญกุศลมีเป็น ๑๐ วิธี วิธีเดียว คือ การให้ทานที่เราต้องใช้ทรัพย์สินสิ่งของ การรักษาศีล ที่มีอานิสงส์สูงกว่าทาน ไม่ต้องใช้อะไร นอกจากรักษากาย วาจา ใจของเรา

การนั่งสมาธิภาวนาอานิสงส์สูงกว่าศีลอีก ก็แค่นั่งควบคุมความคิดของเราให้อยู่กับลมหายใจเข้าออก ไม่ไป รัก โลภ โกรธ หลง ถ้าสามารถคุมความคิดได้ คือคุมกำลังใจได้ คุมกำลังใจได้ก็เท่ากับคุมกายและวาจาได้ ในเมื่อกายไม่ทำชั่ว วาจาไม่พูดชั่ว ใจไม่คิดชั่ว กรรมใหม่ไม่มี เมื่อกรรมใหม่ไม่มี กรรมเก่าเหมือนกับหนี้ เราไม่สร้างหนี้ใหม่เสียอย่าง ของเก่าค่อย ๆ ผ่อนใช้ไปเดี๋ยวก็หมด

เพราะฉะนั้น...บุคคลที่จะหลุดพ้นได้ ไม่ได้แปลว่าต้องบริสุทธิ์โดยสิ้นเชิงมาตั้งแต่เกิด หากแต่ว่าเรามารักษากำลังใจของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ในปัจจุบันนี้ และพยายามประคับประคองให้ยาวนานไปจนถึงอนาคตให้ได้"

เถรี
27-10-2017, 21:43
"ถ้าเป็นหลักธรรมก็คือ หลักปธาน ๔ ของพระพุทธเจ้า มีสังวรปธาน เพียรระมัดระวังไม่ให้อกุศลกรรมเกิดขึ้น ปหานปธาน พยายามกำจัดอกุศลกรรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ภาวนาปธาน พยายามเสริมสร้างกุศลกรรมให้เกิดขึ้น อนุรักขนาปธาน พยายามรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว หลักการมีง่าย ๆ แค่นี้ ก็คือละชั่ว ทำดี ชัด ๆ เลย เพียงแต่ว่าดึงเข้ามาหา ศีล สมาธิ ปัญญา ตามหลักไตรสิกขาของพระพุทธเจ้าเท่านั้น

ส่วนใหญ่แล้วพวกเรา "เรียนเกิน รู้เกิน ทำเกิน" สิ่งที่พระพุทธเจ้าต้องการ เป็นแค่ "พอดี" ในเมื่อเรา "ทำเกิน ไม่พอดี" จึงไม่ประสบความสำเร็จสักที เหมือนคนตั้งใจจะออกจากสถานที่หนึ่ง แต่เดินไม่ตรงประตู อย่างไรก็ไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น...ก็ต้องเดินให้ตรงช่องประตู ที่พระพุทธเจ้าเรียกว่ามรรคมีองค์ ๘

ทั้ง ๘ ข้อพอย่อลงก็เป็น ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะสัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ การมีความเห็นถูก การมีความดำริถูก เป็นปัญญา

สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ การพูดถูก การกระทำถูก การเลี้ยงอาชีพถูก จัดเป็นศีล

สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ความเพียรที่ถูกต้อง การตั้งสติที่ถูกต้อง การทำสมาธิที่ถูกต้อง จัดอยู่ในหมวดสมาธิ

สรุปแล้วหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ไม่ได้ไปไหนเลย อยู่ในไตรสิกขานั่นแหละ"

เถรี
27-10-2017, 21:48
"พระพุทธเจ้าเป็นสุดยอดอัจฉริยะมนุษย์ คำสอนมากมายมหาศาลขนาดนั้นไม่ขัดกันเลย สามารถปรับรวมใช้ด้วยกันได้ทั้งหมด เพราะว่าจุดใหญ่ใจความแตกออกไปจากจุดเดียวคือใจ ในเมื่อกิเลสทั้งหมดออกไปจากใจ ก็กลับมาในใจของเราเพื่อชำระกิเลส คือ ชำระด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา

ศีลชำระกิเลสอย่างหยาบ ที่ล้นออกไปข้างนอก คือ ออกไปทางกาย ทางวาจา สมาธิชำระกิเลสอย่างกลาง ที่คอยเป็นตัวยุแหย่ให้เราละเมิดศีล ปัญญาชำระกิเลสอย่างละเอียดที่นอนนิ่ง ซุกซ่อนอยู่ในใจของเรา นานนับชาตินับภพไม่ถ้วน

ไม่ว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าจะมีมากขนาดไหน ท้ายสุดก็สรุปลงที่เดียว เพียงแต่ว่าเราจับตรงไหนที่เหมาะแก่สภาพปัจจุบันของตัวเอง แล้วค่อย ๆ เร่งทำไป พอเราทำได้แล้วก็ค่อย ๆ ก้าวขึ้นหน้าไปทีละก้าวอย่างมั่นคง อย่าท้อถอย อย่าขี้เกียจ อย่าหยุด

ค่อย ๆ ไปแบบเต่า มีใครเห็นเต่าเดินถอยหลังบ้าง ? เชื่อเถอะคนทั้งโลกไม่เคยเห็นเต่าเดินถอยหลัง เพราะว่าเต่าเดินขึ้นหน้าอย่างเดียว เต่าไปช้า แต่ไปเรื่อย ๆ ไปไม่หยุด ถึงเวลาเจออันตรายก็เก็บหัวเก็บขา เก็บหางเงียบอยู่ในกระดอง พออันตรายผ่านพ้นไปก็ยื่นออกมาแล้วเดินต่อ"

เถรี
27-10-2017, 21:49
"คนเราก็เหมือนกับเต่า ค่อย ๆ ก้าวขึ้นหน้าไป ตามแนวศีล สมาธิ ปัญญา ที่พระพุทธเจ้าสอนเอาไว้ กิเลสตีมากก็เก็บตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจเสีย ดูสักแต่ว่าดู เห็นสักแต่ว่าเห็น ได้ยินสักแต่ว่าได้ยิน ได้กลิ่นสักแต่ว่าได้กลิ่น ได้รสสักแต่ว่าได้รส สัมผัสสักแต่ว่าสัมผัส ไม่สนใจ ไม่ปรุงแต่ง

หยุดคิด...จะประสบความสำเร็จ ถ้าหยุดความคิดไม่ได้ ชีวิตนี้ก็เอาดีไม่ได้ เพราะความคิดของเราถ้าไม่ไปเรื่องอดีต ก็คือคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา ไม่ก็ฟุ้งซ่านถึงอนาคต แล้วเราก็เครียด นอนไม่หลับ ทุกข์เพราะความคิดตัวเองแท้ ๆ

ฉะนั้น...ให้เลียนแบบเต่า ถึงเวลากิเลสมาก็หยุด ระวังรักษาใจไว้ ปลอดภัยแล้วค่อยไปต่อ คนที่ขึ้นหน้าอยู่ตลอดเวลา ถึงจะไปช้าแค่ไหน ท้ายสุดก็ถึงจุดหมายปลายทางได้ เจอบกตะกายขึ้นบก ลงน้ำก็ว่ายน้ำ เต่าเป็นตัวอย่างที่สุดยอดจริง ๆ"

เถรี
28-10-2017, 21:15
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีหน้ามีเดือน ๘ สองหน เขาเรียกอธิกมาส คือเดือนเกิน แต่เป็นปกติวาร ก็คือวันปกติ ในเมื่อเป็นวันปกติ เดือนกุมภาพันธ์จะมี ๒๘ วัน ไม่ใช่ ๒๙ วัน ถ้าหากว่าเป็นจันทรคติ จะไม่มีแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๗ จะมีแรมแค่ ๑๔ ค่ำเท่านั้น"

เถรี
28-10-2017, 21:37
ถาม : ถ้าเราต้องไปทำงานร่วมกับเพื่อนที่พูดจาไม่ดีกับเราลับหลัง เราควรจะทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : แกล้งโง่ให้เป็น ถ้าแกล้งโง่ไม่เป็น ก็เป็นใหญ่ไม่ได้ เราคิดดี ทำดี พูดดีกับเขา ส่วนเขาจะคิดร้าย พูดร้าย ทำร้ายกับเรา ก็ช่างหัวมัน เดี๋ยวกรรมก็ลงโทษเขาเอง

เถรี
29-10-2017, 08:33
ถาม : (พระถาม) ห้องมีผีอยู่ โยมเขานิมนต์ให้ไปจัดการ ?
ตอบ : คุณจะทำอย่างไรให้ผีฟังคุณ ไม่ฟังคนอื่น มีดหมอหลวงพ่อแจ่มนำหน้าไปก่อนเลย จะคุยกันดี ๆ ไหม ? ถ้าไม่คุยกันดี ๆ ก็มีปัญหานะ หลวงพ่อแจ่มท่านทำมีดหมอไว้สำหรับผีโดยเฉพาะ ของสายอื่นยังมีผลอื่นบ้าง ของท่านเน้นเรื่องไล่ผี ขับผี สะกดผีโดยเฉพาะเลย

ถาม : ใช้คาถา ทุ สะ นิ มะ ?
ตอบ : พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ หัวใจพาหุง ทุ สะ นิ มะ นั่นหัวใจอริยสัจ อยู่ที่กำลังใจของเรา พูดง่าย ๆ ว่าจะใช้อาวุธอะไร กำลังของเราก็ต้องดีด้วย

เถรี
29-10-2017, 08:40
พระอาจารย์กล่าวว่า "จริง ๆ แล้วของหลวงพ่อกวย ไม่ต้องมีวัตถุมงคลหรอก แค่เรานึกถึงท่านก็ใช้ได้แล้ว ไม่รู้อะไรก็ "หลวงพ่อกวย นามะเต อาจาริโย เม ภันเต โหหิ" ก็จบแล้ว"

เถรี
29-10-2017, 08:52
สนทนาเรื่องการทำวิทยานิพนธ์ "คุณแยกวิเคราะห์กับสังเคราะห์ออกไหม ? วิเคราะห์คือแยกแยะเนื้อหาให้เป็นหมวดหมู่เพื่อให้เข้าใจที่ง่ายที่สุด ส่วนสังเคราะห์คือหยิบเอาเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ขึ้นมาเพื่อใช้งาน

ฉะนั้น...ถ้าเขาบอกให้วิเคราะห์ก็คือลักษณะนี้ แยกแยะออกมาเป็นหมวดเป็นหมู่ ดึงความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงถึงกันและกัน จากนั้นก็สรุป ถ้าเราสรุป ส่วนที่สรุปก็เป็นสังเคราะห์ คือ เราสามารถยกเอาไปใช้งานได้เลย"

ถาม : แสดงว่าบทที่ ๕ คือ สังเคราะห์ ?
ตอบ : ต้องแนะนำเขาด้วยว่าต่อไปจะทำอย่างไร อาตมาใส่ลงไป ๑๖ ข้อ ท่านอาจารย์สุรพลร้อง โอ้โฮ...มีเรื่องแนะนำเขาเยอะขนาดนี้เลยหรือครับ ? ตอบท่านว่าใช่ ท่านว่าตั้งแต่ผมตรวจวิทยานิพนธ์มา ยังไม่เคยเจอใครแนะนำเยอะขนาดนี้ ส่วนใหญ่เต็มที่ก็ ๔-๕ ข้อ นี่ลงไป ๑๖ ข้อ แต่ท่านก็เถียงไม่ได้สักข้อ คนที่ไม่ลงเยอะ เขากลัวว่ากรรมการถามแล้วจะตอบไม่ได้

เถรี
29-10-2017, 08:58
การเก็บข้อมูลในบางที่จำเป็นต้องระมัดระวัง เนื่องจากบุคคลในสถานที่นั้นอาจจะไม่เข้าใจภาษาไทย นี่เป็นคำแนะนำข้อหนึ่ง เพราะเจอมาด้วยตัวเอง

ผมส่งแบบสอบถามไป พระ ๕ รูป นั่งบื้อกันหมด บอกท่านว่า "ทำเลยครับ ผมจะรอเก็บ" ท่านว่า "ทำไม่ได้ครับ" ถามว่าทำไม ? "อ่านหนังสือไทยไม่ออกครับ" ถ้าอ่านไม่ออกแล้วจะทำได้อย่างไร เป็นพระต่างด้าวล้วน ๆ ทั้งมอญทั้งกะเหรี่ยง

เราก็ไม่รู้ เห็นแต่งตัวเหมือน ๆ กัน นึกว่าพระไทย เข้าไปขอเก็บข้อมูล ส่งแบบสอบถามไป ไม่มีใครทำได้สักคน เลยมีข้อแนะนำประหลาด ๆ อย่างนี้ออกมาด้วย

กระดาษนี่คุณทิ้งไม่ได้เลยนะ โดยเฉพาะตอนนั่งรถ บางทีความคิดเกิดขึ้นมาตอนนั้นพอดี เป็นอะไรที่สนุกมาก ได้บรรทัดสองบรรทัดก็ต้องเอา เพราะไปขยายความได้ เขาบอกว่า ปริญญาตรีเรียนรู้ตามที่อาจารย์สอนก็จบได้แล้ว ปริญญาโททำให้อาจารย์รู้ว่าเรามีความรู้ก็จบได้แล้ว ส่วนปริญญาเอกนี่เขาว่าต้องหลอกอาจารย์ให้ได้

เถรี
29-10-2017, 09:09
มีโยมเอาวัตถุมงคลมาถวาย

"พระกริ่งจักรตรี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในยุคนั้น เป็นของที่ระดมพระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศเป็นพันรูปมาเข้าพิธี เป็นพิธีใหญ่ทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ เข้าพิธีภาคไหนก็ระดมอาจารย์ภาคนั้นมาจนหมด

แต่เป็นเรื่องแปลกเนื่องจากว่า คนทำไม่ใช่เซียนพระ ก็เลยกลายเป็นของดีราคาถูก จนป่านนี้ราคายังไม่ขยับไปไหนเลย สภาผู้แทนราษฎรทำเพื่อเฉลิมพระเกียรติ

ยุคแรก ๆ ที่อาตมาเอาพระผงนางพญา สก. มาแจก ก็คือ เหมามาจากที่นั่นแหละ ทำพร้อมกัน"

ถาม : พิธีเดียวกัน ?
ตอบ : พิธีเดียวกัน พระกริ่งจักรตรี และพระผงนางพญา สก. เป็นพระที่ระดมคณาจารย์เสกมากที่สุดในประเทศไทย

เถรี
29-10-2017, 09:24
ถาม : เพื่อนวางตำราครูไว้กับพื้น ต่อมาก็คอเคล็ดอย่างไม่มีสาเหตุ สุดท้ายต้องขอขมาจึงหาย ?
ตอบ : เข้าใจคำว่า "ครูแรง" ไหม ? จะได้รู้เสียบ้างว่า "แรงครู" เป็นอย่างไร

สมัยก่อนคำว่า "ครู" คือ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ถึงเวลาเอ่ยอ้างถึงครูด้วยความเคารพสุดจิตสุดใจ อย่างที่แสนตรีเพชรกล้าบอกพลายงามว่า

พระครูผู้บอกวิทยา.................ชื่อว่าศรีแก้วฟ้ากล้าแข็ง
สถิตยังเขาคำถ้ำวัวแดง............ทุกหนแห่งเลื่องลือนับถือจริง

เถรี
29-10-2017, 09:29
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในชั่วชีวิตของเราไม่ต้องไปหาแล้วนะ พระเจ้าแผ่นดินแบบนี้ โลกนี้ก็คงไม่ต้องหาแล้วด้วย สมัยก่อนพระเกจิอาจารย์อายุ ๘๐-๙๐ ปีเป็นพระเกจิฯ สามแผ่นดินสี่แผ่นดิน สมัยนี้แผ่นดินเดียวยังก้าวไม่ข้ามเลย ๗๐ ปีครองราชย์

แต่ว่าแผ่นดินรัชกาลที่ ๑๐ เป็นเรื่องอะไรที่ประหลาดที่สุด เป็นอนาคตที่มองไปแล้วว่างโล่งไปเฉย ๆ อย่างนั้นอาตมาก็ตีความไม่ถูกเหมือนกัน หรือเป็นเรื่องที่ยังไม่สมควรรู้หรืออย่างไรก็ไม่รู้ ?"

เถรี
29-10-2017, 22:33
"ตอนนี้ให้เขาทำฉากเฉลิมพระเกียรติอยู่ ติดรูปในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทั้งสองด้าน เป็นรูปที่สามารถเปลี่ยนได้เรื่อย ๆ เมื่อเบื่อ บอกช่างว่าไม่ต้องประหยัดงบ เอาให้เต็มที่ ด้านหนึ่งจะเอาพระบรมราโชวาทที่พระองค์ท่านให้ตอนรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี หลักธรรมที่ทุกคนควรจะมีอยู่ เช่น อดทน อดกลั้น อดออม อีกด้านหนึ่งจะเอาของที่ตัวเองเขียนเองลง

สามโลกจักหาใคร........................ไป่มี
พ่อดังพระสุริยศรี........................คู่ฟ้า
สว่างหล้าธาตรี............................ใครเปรียบ เทียบฤๅ
นามพ่ออยู่คู่หล้า...........................ตราบฟ้า ดินสลาย"

เถรี
29-10-2017, 22:43
ถาม : เมื่อวันงานครบรอบ ๘๐ ปีตุ๊พ่อสิงห์ หนูดูถ่ายทอดสดที่บ้านกับคุณยาย คุณยายอยากเห็นว่าครูบาพรรณท่านอยู่ที่ไหน ก็เลยบอกว่าคุณยายว่า องค์ที่ก้ม ๆ แบบนี้คือครูบาพรรณ ทำท่าก้มให้คุณยายดู หนูก็ไม่สบายใจค่ะ ?
ตอบ : แบบเดียวกับนางขุชชุตรา ก็ขอขมาพระสิ ถึงเวลาก็กราบขอขมาหน้าหิ้งพระ ถ้าเจอองค์ท่านก็ขอขมาต่อองค์ท่านด้วย

นางขุชชุตตรา ทำท่าพระปัจเจกพุทธเจ้าแบบนั้นเลยเกิดเป็นคนหลังค่อม ๕๐๐ ชาติ ขุชชะ แปลว่าหลังค่อม ขุชช + อุตรา แปลว่า นางอุตราหลังค่อม สมัยก่อนไม่มีนามสกุลเลยต้องเอาฉายาใส่แทน

เถรี
30-10-2017, 22:40
ถาม : ....(พระถาม)....ถามเขาว่าทุกข์ไหม เขาบอกว่าไม่ทุกข์ ?
ตอบ : ถามเขาว่าลำบากไหม ? ปวดหัวไหม ? ปวดท้องไหม ? ไม่ต้องไปเอาคนอื่นหรอก แม่ของผมเอง ครูพรรณีถามว่าเกิดมาทุกข์ไหม ? แกบอกว่าไม่ทุกข์ ครูออกจากห้องสอนออกมาหัวเราะเลย บอกว่าท่านเล็กสอนแม่อย่างไร ? แม่บอกว่าไม่ทุกข์

ผมก็บอกว่าครูถามผิด ถ้าถามแม่ว่าเกิดมาลำบากไหม ? แกบรรยายได้ ๓ วัน ๓ คืน บางทีก็ขึ้นอยู่กับครู คือคนถามด้วย ถ้าเราถามผิดคำตอบก็ผิด

ถาม : ....(ไม่ชัด)....
ตอบ : ทุกข์อย่างน้อยก็เป็นสภาวทุกข์ เพียงแต่เขาไม่เข้าใจเอง ถามว่าโยมเกิดมาแก่ไหม ? แก่เป็นสภาวทุกข์ ปวดขี้ปวดเยี่ยวไหม ? เป็นปกิณกทุกข์ หิวไหม ? เป็นนิพัทธทุกข์

ถาม : บอกเขาว่าการเกิดเป็นทุกข์ เขาก็เฉย ?
ตอบ : ต้องเข้าใจด้วยว่าเกิดมาเจออะไรบ้าง ถ้าไปบอกว่าทุกข์คือการเกิด เขาก็ไม่รู้ว่าคืออะไร ก็ต้องอธิบายด้วย สมัยนี้บุคคลประเภทเนยยะมาก ต้องปากเปียกปากแฉะ จ้ำจี้จ้ำไชไปเรื่อย ๆ พวกอุคฆฏิตัญญูไปตั้งแต่สมัยพุทธกาลเสียจนเกือบหมดแล้ว

เถรี
30-10-2017, 23:31
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเป็นคนไม่กลัวเสียงดังมาตั้งแต่เด็ก แทนที่จะรู้สึกกลัว กลับรู้สึกว่าสนุก แม้กระทั่งเสียงฟ้าผ่าก็ไม่ได้ตกใจกับใคร แปลกดีเหมือนกัน

อาจจะเป็นเพราะว่าผ่านช่วงการฝึกกรรมฐานมายาวนาน ทำให้กำลังใจค่อนข้างจะไม่หวั่นไหวกับสิ่งกระทบภายนอก เวลาคุยกัน อยู่ ๆ ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา โยมตกใจหมด อาตมานั่งยิ้ม ที่ตกใจเพราะเราส่งกำลังใจออกข้างนอก พอเกิดเหตุอะไรขึ้น สภาพจิตวิ่งกลับร่างกายด้วยความเร็วสูง เพื่อรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น อาการที่มาเร็วเกินไป คืออาการที่เราเรียกกันว่าตกใจ"

เถรี
30-10-2017, 23:32
พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครมีเงินสัก ๓๐๐ ล้านบาท เอามาให้อาตมาได้ อาตมาจะสร้างมณฑปไว้รอรับพระแก้วมรกต ถามว่าทำไมต้องสร้างมณฑปไว้รอรับพระแก้วมรกต ? ถ้ากรุงเทพฯ น้ำท่วมก็ต้องอพยพท่านไปไว้ที่อื่น"

เถรี
30-10-2017, 23:34
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่ฟ้าร้องแล้วฝนตกนิดหน่อย พระพุทธเจ้าท่านเปรียบบุคคลกับฟ้าไว้ ๔ ประเภทด้วยกัน

ประเภทที่ ๑ ท่านเปรียบว่าเป็นฝนไม่ตก ฟ้าก็ไม่ร้อง
ประเภทที่ ๒ ฟ้าร้อง แต่ฝนไม่ตก
ประเภทที่ ๓ ฝนตก แต่ฟ้าไม่ร้อง
ประเภทที่ ๔ ฟ้าร้องและฝนก็ตก

ประเภทฟ้าก็ไม่ร้อง ฝนก็ไม่ตก คือ ความสามารถก็ไม่มี บอกกล่าวผู้คนก็ไม่บอก
ประเภทฝนตก ฟ้าไม่ร้องแต่ฝนตก คือ มีความสามารถ แต่ไม่รู้จักบอกเล่าให้คนอื่นเขาฟัง
ประเภทฟ้าร้อง ฝนไม่ตก ดีแต่คุย ทำอะไรก็ไม่เป็น
ประเภทสุดท้าย ฟ้าก็ร้อง ฝนก็ตก บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ บอกกล่าวแก่ผู้อื่นได้ ขณะเดียวกันก็ทำเองได้ด้วย"

เถรี
30-10-2017, 23:35
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีดหมอลายหนุมานเหินหาว บางคนเรียกลายหนุมานผลาญลงกา เป็นมีดหมอที่หลวงพ่อกวยท่านทำให้เฉพาะลูกศิษย์ที่เป็นพระ"

เถรี
30-10-2017, 23:49
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้สถานการณ์พระพุทธศาสนามาถึงจุดที่ต้องยืนหยัดอยู่ในพระธรรมวินัยแล้ว รัฐบาลสั่งตรวจสอบหมดทุกวัดเลย พูดง่าย ๆ ว่าใครมีวี่แววว่านอกคอก จะโดนเหมือนท่านมหาอภิชาติหมด

เขาตั้งใจจะล้มกระดานมหาเถรสมาคม ที่บ้าที่สุดก็คือ ออกหนังสือให้ตำรวจจับตาดูพระ ว่าการรับเงินผิดพระธรรมวินัย พูดง่าย ๆ ว่าพระทุกรูปแหละ เป็นคำสั่งกลาย ๆ เหมือนกับมอบอำนาจให้ตำรวจจัดการได้เลย ถ้าหากว่าเห็น ก็อยู่ที่ว่าเราจะแก้เกมกันอย่างไร

เห็นว่าปฏิรูป ๆ จนป่านนี้ก็ยังไปไม่ถึงไหน ล้างกระดานแล้วจะมีประโยชน์อะไร นี่ไม่ใช่เครื่องยนต์เสีย แต่เป็นระบบเสีย คุณไปล้างเครื่องจะช่วยอะไรได้ ระบบก็ยังเสียอยู่เหมือนเดิม

ตอนนี้เหมือนอย่างกับว่า เขาโยนหินถามทาง ก็คือเรื่องของการทุจริตเงินทอน แต่คราวนี้เราต้องดูว่าท่านเจ้าคุณประเทืองกับท่านเจ้าคุณบุญเทียมคือใคร ? ท่านเจ้าคุณประเทือง คือเจ้าคณะจังหวัดที่มาแรงที่สุดในยุคนี้ ส่วนท่านเจ้าคุณบุญเทียม คือเลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนกลาง

เขาโยนหินถามทางในลักษณะว่า ผู้ใหญ่จะปกป้องกันไหม ? ถ้าหากว่าปกป้องก็จะเป็นข้ออ้างเลยว่าคณะสงฆ์หาความบริสุทธิ์ยุติธรรมไม่ได้ ก็จะฉวยโอกาสล้มมหาเถรสมาคมไปเลย ถ้าไม่ปกป้อง ต่างคนต่างรักษาตัวเอง เท่ากับว่าเบี้ยบนกระดานจะโดนกวาดไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็ถึงขุนจนได้ เท่ากับว่ากระดานนี้ฝ่ายรุกมีโอกาสกินทั้งขึ้นทั้งล่อง แต่ฝ่ายรับพลาดเมื่อไรก็พังเลย

โยนหินถามทางลักษณะนี้ไม่ใช่โยนเฉย ๆ ประเภทกินโคน แล้วรุกฆาตเลย วิธีแก้เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือ ต้องแม่นหลักการและมั่นคงในธรรมวินัย"

เถรี
31-10-2017, 08:57
"อย่างเรื่องของท่านอาจารย์พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท จะว่าไปแล้วความผิดของท่านไม่ถึงขั้นที่จะจับสึก ถ้าอ้างว่าเป็นการทำให้แตกแยก แล้วการที่พันธมิตรของคุณสนธิ ลิ้มทองกุลก็ดี กปปส.ของคุณสุเทพก็ดี ไม่ทำให้แตกแยกหนักยิ่งกว่าหรือ ?

แต่คราวนี้ในส่วนที่ท่านยอมสึกไป หรือยอมปรับเปลี่ยนตามที่ทหารต้องการ ก็ถือว่าท่านรู้สถานการณ์ แต่ส่วนที่ผมอยากจะตำหนิก็คือ พระผู้ใหญ่ไม่มีใครออกมาปกป้องท่านเลย แม้กระทั่งเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรก็เปิดทางให้จับท่านสึก ทั้ง ๆ ที่ท่านเป็นหัวหน้าพระวินยาธิการของวัดเบญจมบพิตร ตรงนี้เราจะเห็นได้ว่า พอถึงเวลาแล้วพระผู้ใหญ่ส่วนหนึ่งก็เอาตัวเองให้รอด โดยที่ไม่ได้คำนึงว่าเป็นลักษณะของการรุกคืบแบบกินเบี้ย พอเบี้ยหมดก็ถึงโคน ถึงม้า ถึงเรือ ถึงขุนจนได้

คราวนี้การเอาตัวรอดจะกลายเป็นเอาตัวไม่รอด เพราะว่าในเมื่อท่านไม่ปกป้องไม่ดูแลลูกน้อง ถึงเวลาลูกน้องที่ไหนจะมาสละชีพเพื่อท่าน ? การปกป้องกันไม่ได้หมายความว่าช่วยเหลือคนผิด แต่ว่าเป็นการช่วยเหลือบุคคลที่ไม่ผิด

อย่างของท่านอาจารย์พระมหาอภิชาติ ถ้าเป็นการสร้างความแตกแยก ยังต่อสู้กันได้อีกหลายยก ถามว่าแตกแยกกับใคร ? ถ้าแตกแยกกับอีกศาสนาหนึ่ง ศาสนานั้นยอมสามัคคีกับเราไหม ? ไม่ว่าศาสนานี้จะอยู่ที่ไหนก็ตาม จะทำตัวแปลกแยกอยู่เสมอ ไม่เคยเข้ากับใครได้เลย ในเมื่อทิดอภิชาติตัดสินใจอย่างนั้น เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขา"

เถรี
31-10-2017, 09:01
"แต่ส่วนที่น่าเสียดายคือ พระผู้ใหญ่ของเราไม่มีการขยับเลย เท่ากับว่าส่งทหารไปตายฟรี ๆ ที่แนวหน้า โดยที่แม่ทัพข้างหลังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ แม้แต่นิดเดียว ความจริงแล้วน่าจะมีการแสดงพลังให้เห็น แต่ก็อย่างว่า ทุกคนก็ยังคงหวังในเรื่องตำแหน่ง เรื่องอำนาจ หวังในเรื่องลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เลยไม่มีใครกล้าขยับ

ไม่มียุคไหนที่สถานการณ์พุทธศาสนาจะย่ำแย่ถึงขนาดนี้ ไม่ว่าการทุบกุฏิพระที่วัดกัลยาณมิตร การจับพระสึกกลางพรรษา ซึ่งเป็นเรื่องที่โบราณเขาถือสามาแต่ไหนแต่ไรก็ดี แม้กระทั่งการเล่นงานทุจริตพระ ซึ่งความจริงพระต้องเป็นเจ้าทุกข์ เพราะว่าเรื่องการทุจริตเกิดจากฆราวาสของสำนักงานพระพุทธฯ แต่ละแห่ง ถึงเวลาถ้าไม่ยอมเขา เขาก็ไม่ยอมจ่ายเงินสนับสนุน แต่คราวนี้เขาเอามากจนเกินไป

อย่างเช่นของสงขลา ๑๐ ล้านบาท เขาให้ ๓ ล้านบาท เขาเอาไว้ ๗ ล้านบาท หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดสงขลาก็เลยร้องเรียนขึ้นมา พูดง่าย ๆ ก็คือ พระทนไม่ได้กับการทุจริต แล้วก็เป็นฝ่ายฟ้องร้องขึ้นมา แต่ไป ๆ มา ๆ ปัจจุบันพระกลายเป็นจำเลย ส่วนคนผิดจริง ๆ ทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด กลายเป็นไม่มีใครผิด ก็ต้องดูว่าเขาเจตนาเบี่ยงเบนเพราะอะไร นั่นก็คือลักษณะของการตั้งใจทำลายล้างศาสนาอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัด ๆ"

เถรี
31-10-2017, 09:04
"แต่ลักษณะการเบี่ยงประเด็นนี่ ถ้าพวกเราไม่แม่นประเด็นก็จะคล้อยตามเขาไป เป็นไปได้อย่างไรในฐานะเจ้าทุกข์กลายเป็นจำเลย ? ก็แบบที่พระครูกิตติพัชรคุณที่เพชรบูรณ์ท่านบอกนั่นแหละ สำนักงานพระพุทธฯ เป็นที่ปรึกษาของพระสงฆ์ ในเมื่อสำนักงานพระพุทธฯ บอกว่าไม่ผิด อาตมาก็เซ็นให้ แล้วทำไมถึงกลายเป็นความผิดโดนฟ้องร้องขึ้นมา ? โชคดีที่ผมเองไม่ได้ไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้

ผมของบอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพุทธบริษัท ๒๐๐,๐๐๐ บาท ได้มา ๒๐,๐๐๐ บาท อีก ๑๘๐,๐๐๐ บาท หายไปไหนไม่รู้ ? ตั้งแต่นั้นมาก็เลิกขอเลย ทั้ง ๆ ที่เขาให้ขอได้ปีเว้นปี รู้สึกว่าเราขอมาเท่าไร กลายเป็นเขาเอาไปเกินครึ่งหรือเกือบหมด แล้วเราจะไปช่วยเขาทุจริต ไปช่วยเขาทำมาหากินทำไม ?

เราก็เห็น ๆ อยู่ว่าปัจจุบันนี้การเมืองเป็นอย่างไร ก็ได้แต่ยืนหยัดต้านพายุกันไป เล่นกันอย่างนี้แหละ ชัดที่สุด ทำลายพระธรรมวินัย ถ้าวัดธรรมกายกับวัดท่าซุงโดนทำลายลง ก็แทบจะไม่เหลืออะไรอีกแล้ว"

เถรี
03-11-2017, 08:50
(สนทนากับพระเรื่องการกล่าวหาว่ามโนมยิทธิเป็นคำสอนนอกพระพุทธศาสนา) "คุณเห็นไหม ? ตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ผมไม่เคยสอนเลย บางคนฝึกมโนมยิทธิแล้วรู้ดีเกินไป เพียงแต่ว่าใครติดขัดมาถาม ผมยินดีบอกให้ ต้องบอกว่าวิชานี้ทำให้เรารู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่คนอื่นเขาจะไม่เชื่อ ในเมื่อผมไม่เคยสอนเลย จึงไม่มีผลกระทบจากการกล่าวหานั้น ๆ

เดี๋ยวนี้พวกที่เพี้ยนมีเยอะมาก แหกออกไปไกลความเป็นจริงเยอะ แล้วไม่มีใครคัดค้าน ถ้ามีรวมตัวกันลักษณะเป็นสาขา ถึงเวลามีการประชุม สามารถพูดในที่ประชุมได้ว่าสาขาไหนออกนอกลู่นอกทาง แต่คราวนี้ในเมื่อไม่มีการรวมตัวกัน ต่างคนต่างอยู่ ก็มีแต่จะกัดกร่อนทำลายชื่อเสียงของหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านลงไปเรื่อย ๆ

ของบางอย่างเหมือนกับธรรมะจัดสรร ถ้าอยู่ ๆ คุณเลิกสอนไปเฉย ๆ สามารถบอกได้ว่าถ้าสอนต่อไปเราจะลำบาก ก็เหลือแค่กิจกรรมสวดมนต์ไหว้พระตามหลักศาสนาพุทธ เมื่อถึงเวลาใครเกิดทำมาแล้วติดขัดตรงไหนก็แก้ปัญหาเฉพาะคน เราไม่ได้สอน แต่เหมือนกับการตอบปัญหาธรรม ถ้าคุณเห็นมาตั้งแต่ต้น ผมเอาแค่นี้ ผมไม่แตะเลยเรื่องของมโนมยิทธิ

ก่อนหน้าผมก็ไม่คิดว่าจะออกมาแรงขนาดนี้ ช่วงนั้นหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้ซักซ้อมเอาไว้ ต่อไปมีคนจะคุกคามศาสนาของเรามาก กล่าวหาว่าพวกเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเหลวไหล ถึงเวลาเราจะได้ชี้แจงแสดงเหตุแก้ไขคำว่าของเขาได้ ไม่ได้นึกว่าจะมาแรงถึงขนาดจะล้มศาสนากันเลย"

เถรี
03-11-2017, 09:13
ถาม : ทำไมโบราณเขากำหนดว่าโรคบางโรคเป็นเฉพาะเด็ก อย่างเช่นโรคซาง ?
ตอบ : ผู้ใหญ่ไม่เป็นเพราะว่าธาตุไม่แปรปรวนเหมือนเด็ก

ถาม : แล้วที่บอกว่าเป็นซางนี่คือ ?
ตอบ : โบราณเขาบอกว่าเป็น ส่าไข้ คือส่วนของไข้ที่เกิดขึ้นแล้วร่างกายเด็กต้านทานไม่ได้เหมือนผู้ใหญ่ ถึงเวลาก็อย่าทำอะไรให้กระเทือนซาง

ถาม : โบราณเขามีแม้กระทั่งยันต์ทำให้เด็กไม่ร้องไห้โยเย
ตอบ : สมัยนี้สู้แม่บ้านพม่าไม่ได้หรอก พอเด็กร้องไห้โยเยเอาสำลีชุบเหล้าแปะกระหม่อม สลบเหมือดไปเป็นวันเลย เด็กกระหม่อมยังไม่ปิด ถึงเวลาแปะลงไปเท่ากับแอลกอฮอล์เข้าสมองโดยตรง เด็กก็เมาซึมไปทั้งวัน ไม่โยเยเลย เพียงแต่ว่าโตขึ้นจะติดเหล้าหรือเปล่าเท่านั้น ?

เถรี
03-11-2017, 09:15
ถาม : พระคาถามีผลต่อการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ?
ตอบ : การป่วยเกิดจากธาตุพร่อง คาถาคือตัวสมาธิ เป็นตัวหนุนช่วยได้ทุกธาตุอยู่แล้ว

เถรี
03-11-2017, 23:47
ถาม : พวกประโยค ๙ บางคน เขาไม่เชื่อเรื่องอภิญญา เช่น ยิงปืนบังคับลูกกระสุนได้ ?
ตอบ : ปล่อยเขา อย่าไปยุ่งกับเขา เขาคิดแต่เรื่องพลังคน ไม่ได้คิดถึงพลังจิต ลักษณะนั้นเป็นพลังจิตระดับกระสุนคด สั่งให้ไปทางไหนก็ไปทางนั้น หลวงปู่ศุขยิงปืนนัดเดียวกระสุนร้อยใบบัวได้ทั้งสระ อาวุธสมัยใหม่ของคุณสมัยนี้ทำได้ไหม ? ต้องไปติดเรดาร์ที่เป้ากันให้ครบก่อน..ใช่ไหม ?

ถาม : เขาเรียนจบประโยค ๙ เหมือนยิ่งเรียนยิ่งค้าน ?
ตอบ : เขาไม่ได้เรียนเพราะมีตถาคตโพธิสัทธา คือเรื่องของการบวชมีกัมมสัทธา...เชื่อกรรม วิปากสัทธา...เชื่อการส่งผลของกรรม ข้อสุดท้ายสำคัญที่สุดคือตถาคตโพธิสัทธา ถ้าคุณไม่มีศรัทธาความเชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านี่เจ๊งเลย เพราะว่าจะสงสัยในทุกเรื่อง แล้วก็เอาความสามารถของมนุษย์เดินดินกินข้าวแกงธรรมดา ไปเปรียบกับท่านที่ได้อภิญญาสมาบัติ จะไปเปรียบกันได้อย่างไร เหยี่ยวบินอยู่บนท้องฟ้า มดข้างล่างบอกว่ามีความสามารถเท่ากับเรา นั่นใช่หรือ ?

เถรี
03-11-2017, 23:48
ถาม : (พระเจ้าอชาตศัตรูไปแย่งสมบัติโชติกเศรษฐี)
ตอบ : อันนั้นท่านกะว่าด้วยกำลังของตน พูดง่าย ๆ ว่า สามารถกระชากหลุดได้ทั้งแขน แต่ปรากฏว่าแหวนวงเดียวก็ยังถอดไม่ได้ คิดดูว่ากำลังคนกับกำลังบุญต่างกันแค่ไหน ? โชติกเศรษฐีออกปากเลยว่า "ของนี้เกิดด้วยกำลังบุญของเรา ถ้าเราไม่อนุญาต ใครก็เอาไปไม่ได้" แต่พระเจ้าอชาตศัตรูไม่ทรงเชื่อ

ถาม : ท่านบอกว่าแค่เศษด้ายในชายเสื้อคนอื่นก็เอาไปไม่ได้ ?
ตอบ : บุญใครบุญคนนั้น คุณลองไปนึกถึงแผ่นดินไหวที่เนปาล เด็กอายุ ๒ เดือนติดอยู่ใต้แผ่นดินไหว ๖ วันแต่ไม่เป็นอะไรเลย ส่วนที่ญี่ปุ่นคุณยายอายุ ๘๐ ลูกหลานตายหมด แต่คุณยายไม่เป็นอะไรเลย ถ้าไม่ได้สร้างกรรมร่วมกับเขามาก็ไม่เป็นอะไร ก็เป็นเรื่องของบุญรักษากรรมรักษาอยู่แล้ว แต่คราวนี้เขาไม่เชื่อตรงนี้ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร

เถรี
03-11-2017, 23:51
ที่พวกคุณไปเรียนผมไม่ว่าอะไรหรอก เพราะว่าพื้นฐานของเรามี ไม่เป๋ตามเขาไปอยู่แล้ว แต่ขนาดผมเองตอนที่สอบนักธรรมเอก ถ้าออกคำถามประเภทที่เขาอธิบายผิดมา ผมจะตอบตามความเป็นจริง จะให้ผมตกก็เรื่องของเขา ยังโชคดีว่าสอบอยู่ ๓ ปี ๔ ครั้งออกตามแบบหมด ไม่มีคำถามประเภทว่าอธิบายเรื่องนรก สวรรค์ พรหม เทวดา ก็ถือว่าดวงเฮงไป ไม่อย่างนั้นแล้วแค่นักธรรมตรีก็ไม่เชื่อเรื่องผีเรื่องเทวดาแล้ว

เขาถามว่า “ฆฏิการพรหมที่นำเอาบริขาร ๘ มาถวายให้เจ้าชายสิทธัตถะตอนออกมหาภิเนษกรมณ์นั้น ท่านมีคำอธิบายว่าอย่างไร ?” เขาให้อธิบายว่าพรหมเป็นคุณสมบัติของผู้ทรงฌานทรงสมาบัติ คงจะเป็นเจ้าลัทธิใดลัทธิหนึ่งที่ได้ฌานสมาบัติ เห็นเจ้าชายสิทธัตถะออกบวช เกิดความเลื่อมใสจึงเอาบริขารมาถวาย เขาไม่เชื่อว่าพรหมมีจริง จึงอธิบายไปอย่างนั้น

แล้วผู้ที่ทำให้ไม่เชื่อหนักที่สุดคือต้นตำหรับเลย สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ท่านอธิบายอภิญญา ๖ เช่น ทิพจักขุคือเห็นได้ไกล เห็นได้ไว อย่างเช่นสมัยนี้คือบุคคลที่มีแว่นใส่ เป็นต้น ทิพโสตนั้นคือบุคคลที่มีประสาทหูดี ได้ยินได้ไกล หรือข้ออื่นท่านคิดแล้วว่าสงเคราะห์ลงเข้ากับสิ่งใด ก็สงเคราะห์เข้ากับสิ่งนั้นเถิด ของราคาเป็นร้อยล้านลดลงมาเหลือสลึงเดียว แต่เขาก็เรียนกันแบบนี้มาเป็นร้อยปีแล้ว

เถรี
05-11-2017, 09:05
ถาม : เวลาที่นั่งตรงหน้าพระแบบนี้ เราก็ยังคิดตำหนิคนโน้นคนนี้อยู่ พอนึกได้ก็ว่า เราทำอย่างนี้ทำไม เป็นความชั่วชัด ๆ ไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่โทษกับตัวเอง พอนึกได้ เลิกคิดไป ใจก็โล่งเบาสบาย... ที่นึกได้เป็นเพราะตอนนั้นเรามีสมาธิจดจ่ออยู่กับคำภาวนาบ้าง ตั้งใจฟังหรือพิจารณาพระธรรมบ้าง หรือเป็นเพราะกระแสคนรอบ ๆ ที่มาทำกุศล หรือกระแสพระ หรือเป็นเพราะอะไรคะ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าปัญญาพอใช้งานแล้ว ถ้าปัญญายังไม่พอใช้งาน สมาธิขนาดไหนก็ยังด่าชาวบ้านเขาอยู่นั่นแหละ ศีล สมาธิ ปัญญา มีปัญญาเป็นนายท้าย คอยคุมหางเสือให้ไปได้ถูกทาง

เถรี
05-11-2017, 19:41
ถาม : ขอโอวาทในการเรียนและการทำงานค่ะ ?
ตอบ : ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ อดทนก็แล้วกัน ตัวอดทนสำคัญที่สุด

เถรี
06-11-2017, 07:56
ถาม : คนที่ทำวิชาขึ้นนี่ จะมีแววตาบางอย่าง... บางทีก็อ่านได้ว่าทำวิชาอะไร ?
ตอบ : กำลังใจ โบราณบอกว่าตาเป็นหน้าต่างของใจ ใจเป็นอย่างไรก็ปรากฏขึ้นที่ตา

ถาม : ที่ถามนี่ เพราะเห็นจากเฟิร์สค่ะ ว่าทำวิชามหาอำนาจ ?
ตอบ : เฟิร์สหรือ ? มองไปก็เห็นแต่ตาหวานเยิ้ม ...(หัวเราะ)...

ถาม : แต่หลวงปู่หลวงพ่อที่มีวิชาเหล่านี้ กลับไม่มีแววตาลักษณะที่บอกได้เลย ?
ตอบ : รัก โลภ โกรธ หลงหมดแล้วจะเอาอะไรเล่า ?

ถาม : ถ้าทำวิชาได้แล้ว จะปิดแววตาได้ไหมคะ ?
ตอบ : ทำ...ทำถึงเมื่อไรก็เข้าใจเอง

เถรี
06-11-2017, 08:04
:4672615: เก็บตกเดือนตุลาคม ๒๕๖๐ หมดแล้วค่ะ :4672615:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และเผือกน้อย