PDA

View Full Version : เก็บตกบ้านเติมบุญ เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓


เถรี
28-04-2020, 10:45
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=33462&stc=1&d=1588051794
เหรียญเงินลงยาหน้ากากทองหลังยันต์ตรีนิสิงเห ฉลองอายุ ๘ รอบ หลวงปู่เล็ก วัดทำนบ ที่พระอาจารย์บรรจุไว้ในรัดประคดประจำตัว

พระอาจารย์เล่าว่า "วันจันทร์ที่ ๒๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ อาตมาค้างอยู่ที่วัดท่ามะขาม เพื่อรอปฏิบัติภารกิจของวันนี้ เวลาประมาณตีสอง หลวงปู่เล็ก จนฺทสโร (พระครูวิชาญพัฒนกิจ) เจ้าอาวาสวัดทำนบ ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอวิเศษไชยชาญ เดินเข้ามาแบบแข็งแรงมาก เอ..หลวงปู่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนี่หว่า ?

"อั้วขื่อเหลี่ยวอ่า"
"นั่นแน่..นึกว่าลืมภาษาจีนหมดแล้ว จะรีบไปไหนครับ ?"

"ร้อยกว่าแล้วโว้ย เอ็งยังมีหน้ามาว่าข้ารีบอีก"
"ใจคอจะไม่ทนอยู่ช่วยงานผมต่ออีกหน่อยหรือครับ ?"

"เอ็งลองมาเป็นข้าบ้างสิวะ แทบจะกระดิกกระเดี้ยไปไหนไม่ได้แบบนี้ ใครจะมีอารมณ์อยู่กัน"
"ถ้าหลวงปู่ไม่ "อู้" ก็ไม่ต้องทนอยู่จนร้อยกว่าแบบนี้หรอกครับ"

"ข้าไม่ใช่เอ็งนี่หว่า..! จะได้หน้าด้านหน้าทนอยู่กับพวกคนได้ แต่ละคนเคยสนใจที่ไหนว่าข้าเป็นอะไร จะเอาแต่เรื่องของมันเท่านั้น"
"ผมเสียดายความสามารถของหลวงปู่สิครับ หลวงปู่ปาน หลวงปู่เต่า ท่านทำงานพวกนี้จนตัวตาย หลวงปู่อุตส่าห์ฝึกหัดมาจนถึงขนาดนี้ ดันแอบ "อู้" ซะอย่างนั้น"

"ไม่ใช่วิสัยของข้าว่ะ หลวงพ่อปาน หลวงพ่อเต่า หรือเอ็ง เดินทางกว้าง เดินทางใหญ่ ของข้าไปแค่เฉพาะตัว สงเคราะห์คนรอบข้างแค่นิดหน่อยก็พอแล้ว"
"เขาเรียกว่าทำงานแค่วุฒิ ป. ๔ แต่ดันเรียนจนจบปริญญาเอก..!"

"เออน่า..ก็ข้าอยากรู้ของข้านี่หว่า รู้แล้วจะสอนใครหรือเปล่ามันเรื่องของข้าโว้ย..!"
"แล้วอย่าลืมกลับมาช่วยผมบ้างนะครับ"

"ก็ต้องดูก่อนว่าข้าจะมีอารมณ์ไหม ? สิ่งที่ข้า "ให้" เอ็งไว้ ถ้ารู้จักเอามาใช้ก็ช่วยงานเอ็งได้เหลือเฟือแล้ว"
"ถ้าอย่างนั้นผมน้อมส่งหลวงปู่แค่นี้แหละครับ ดีเหมือนกันนะครับ ดังเงียบ ๆ ตายเงียบ ๆ หาได้ยากจริง ๆ ครับ"

เถรี
28-04-2020, 10:50
พระอาจารย์เล่าว่า "กราบพระ ระลึกถึงครูบาอาจารย์ ท่านปู่พระอินทร์ ท้าวมหาราชทั้ง ๔ โดยเฉพาะพญาแมลงภู่คำทั้งสองที่ประจำยานพาหนะ อธิษฐานจิตขอให้การเดินทางวันนี้สะดวกสบายปลอดภัยทุกอย่าง ด่านตรวจตั้งแต่กาญจนบุรี นครปฐม นนทบุรี กรุงเทพฯ ราชบุรี จะมีกี่ร้อยแห่งก็ตาม ขอให้ผ่านสะดวกทุกแห่ง

ยังไม่ทันจะเสร็จ หลวงปู่บุญศรี อินฺทวณฺโณ วัดใหม่ศรีสุทธาวาส ที่หลายคนบอกว่าท่านคือหลวงพ่อฤๅษีลิงขาว ยิ้มแย้มแจ่มใสสว่างไสวเข้ามาหา

"เอาคาถาหลวงปู่ไปหน่อย ขอได้สารพัดอย่าง อิอะสะมิ จะภะกะสะ ปาสุอุชา"

กราบรับด้วยความดีใจ กำหนดภาพพระไว้เหนือเศียรเกล้า ภาวนาคาถาจนภาพพระขยายกว้างเต็มจักรวาล แล้วขอความสะดวกปลอดภัยในการเดินทางดังคำอธิษฐานเมื่อครู่นี้

"เสียของจริง ๆ นึกว่าจะขออะไรมากมาย เอาแค่นั้นเอง"

"แฮะ..แฮะ..หลวงปู่ก็รู้ ว่าผมเองเคยขออะไรเพื่อตัวเองซะที่ไหน ขอแค่นี้ก็มากแล้วครับ"

เถรี
28-04-2020, 10:53
"ตีห้าตรง..น้องเล็กพา "น้องแก้ว" ที่ขนวัตถุมงคลเต็มรถ วิ่งออกมาทางกาญจนบุรี - พนมทวน - กำแพงแสน - บางเลน - ไทรน้อย - สี่แยกนพวงศ์ มุ่งตรงไปยังบ้านเติมบุญ

ไม่ทราบเหมือนกันว่า นอกจากพญาแมลงภู่คําทั้งสอง ที่เทียบปีกประคองข้างปานขึ้นเครื่องบิน และท่านท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งเมตตาคุมท้ายรถที่เต็มไปด้วยวัตถุมงคลให้แล้ว จะด้วยบารมีพระหรือคาถาหลวงปู่บุญศรีก็ไม่รู้ ? ที่พาอาตมาไปถึงบ้านเติมบุญ โดยไม่มีด่านตรวจด่านไหนสนใจแม้แต่แห่งเดียว ยิ่งด่านตรวจไวรัส covid-๑๙ ของนนทบุรี ที่ว่าเข้มงวดนักหนาเพราะว่าเป็นเขตแพร่ระบาดหนัก ก็ทำไม่เห็นซะอย่างนั้น"

เถรี
28-04-2020, 10:56
"เพิ่งขนของลงได้ครู่เดียว "เผือกน้อย" กับ "ไอ้ตัวเล็ก" ก็มาถึง พอเห็น "อ้ายเขี้ยวตัน" องครักษ์ประจำตัวของอาตมาที่สละออกให้คนบูชาเพื่อหาทุนให้ท่านอาจารย์ปู่ (พระครูปลัดสุวัฒนบัณฑิตคุณ) เอาไว้เลี้ยงเด็กกำพร้าวัดสระแก้ว "ไอ้ตัวเล็ก" ก็คร่ำครวญไม่เลิก

"โอ๊ย..อยากได้สุด ๆ ใครจะคิดว่าใหญ่โตและสวยงามได้ขนาดนี้"

ก็บอกแล้วว่าเขี้ยวยาวข้างละ ๙ นิ้ว สองข้างรวมปลายจมูกก็เกือบสองฟุตเข้าไปแล้ว จะเล็กได้อย่างไรวะ ? ยังไม่รู้เลยว่าสละไปแล้วจะหาได้อีกหรือเปล่า ?"

เถรี
28-04-2020, 10:57
"วัตถุมงคลแต่ละอย่างที่อาตมาหาไว้ ส่วนมากจะเลือกที่สวยที่สุดเท่าที่หาได้เสมอ และไม่กลัวคนจะหาว่าเป็นของปลอม จึงมักจะทำความสะอาดจนสะอาดเอี่ยมทุกชิ้น บางคนที่ชอบร่องรอยเก่า ๆ เห็นแล้ว "น้ำตาจิไหล"

ส่ง "เผือกน้อย" กับ "ไอ้ตัวเล็ก" กลับไปแล้ว อาตมาฉันเพลด้วยข้าวกล่อง จากนั้นวิ่งออกมาทางด้านถนนราชพฤกษ์ ขึ้นสู่ถนนปิ่นเกล้าฯ - พุทธมณฑล ผ่านนครชัยศรี - นครปฐม ตรงเข้าราชบุรี ด่านตรวจหาเชื้อไวรัส covid-๑๙ ใจดี โบกผ่านโดยไม่ตรวจสักแห่งเดียว เพราะว่าตรวจรถคันอื่นก็ลำบากพอแล้ว"

เถรี
28-04-2020, 11:00
"ตรงไปยังโรงพยาบาลราชบุรี ซึ่ง ดร. พระครูโรจน์ (พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร.) กับพระครูโก้ (พระครูสังฆรักษ์พัสวัชร์ ฐิตสีโล) มาเตรียมการไว้ให้แล้ว จึงเข้าสู่ที่จอดแบบสะดวกโยธิน

งานนี้ ดร.พระครูโรจน์ ตั้งใจหาทุนและเครื่องมือแพทย์ในการช่วย รักษาผู้ป่วยด้วยไวรัส covid-๑๙ ให้กับทางโรงพยาบาลราชบุรี ที่ท่านเคยมารักษาตัวแล้วประทับใจในบริการมาก

อาตมาร่วมบุญมาด้วย ๒๐,๐๐๐ บาท พอเห็นยอดประดักประเดิดที่บรรดาคณะศิษย์ช่วยกันทำไว้ จึงควักร่วมไปอีกหมื่นกว่าบาท จนยอดมาลงตัวที่ ๑๗๐,๐๐๐ บาท ทำการมอบให้กับนายแพทย์พิเชียร วุฒิสถิรภิญโญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชบุรี ได้ยินมาว่าแอบมีงอกเพิ่มมาทีหลังอีก ๔,๐๐๐ บาท"

เถรี
28-04-2020, 11:01
"จากนั้นอาตมาแวะไปเยี่ยมคุณยายสมใจ อารมณ์ดี แม่ของท่านอาจารย์วิชชุ อารมณ์ดี ประธานชมรมรวมใจภักดิ์ ที่นำพาลูกคณะไปช่วยงานวัดท่าขนุนอยู่เสมอ หมดธุระก็วิ่งยาวกลับทองผาภูมิ ไปถึงได้เวลาทำวัตรเย็นพอดี ไม่มีด่านตรวจด่านไหนสนใจรถคันนี้แม้แต่ด่านเดียวจริง ๆ กราบขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงครับ"

เถรี
29-04-2020, 20:15
ถาม : ปกติจะนอนภาวนาจนหลับ ตื่นขึ้นมาจะรู้สึกเบาสบาย แต่จะมีบางวันที่รู้สึกตัวขึ้นมาระหว่างนอน เพราะจิตไปจำเรื่องที่อยากจะลืมในอดีต หรือเรื่องน่าอายที่เคยทำไว้ชัดเจนมาก รู้สึกแย่คิดว่าไม่อยากเป็นตัวเรา เกลียดตัวเอง ไม่อยากอยู่แล้ว อยากตาย อยากหลุดไปให้พ้นจากความเป็นตัวเรา ก็จับภาพพระและภาวนา เป็นแบบนี้ตัดไปตัดมาระหว่างภาพในอดีตที่อยากจะลืมกับภาพพระที่พยายามยึดไว้ มันตัดไปมาเร็วมาก ในตาที่หลับเหมือนมีฟ้าแลบตลอดเวลา รู้สึกเครียดและปวดหัวจะตื่นก็ไม่ตื่น จะนอนต่อก็นอนไม่หลับ อาการนี้เกิดจากอะไร ? แล้วต้องแก้ไขอย่างไรคะ ?

บางวันนอนภาวนาแล้วตัวจะร้อนวูบวาบเหมือนเป็นไข้ เป็นเพราะอะไรคะ แต่บางวันจะเพลียมาก ตื่นมาไม่มีแรงเลยค่ะ เกิดจากความเจ็บป่วยของร่างกาย หรือเป็นผลจากการภาวนาคะ ?


ตอบ : เกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน ประการแรกคือหลุดไปจากอารมณ์ปัจจุบัน ประการที่สอง กิเลสมารมาแกล้ง วิธีแก้ไขก็คือ ทันทีที่รู้ตัว ให้รีบกลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออก

การที่ภาวนาแล้วตัวร้อนเหมือนเป็นไข้ เกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน คือ ๑. ภาวนาแล้วลมหายใจเริ่มละเอียด ทำให้การเผาผลาญในร่างกายดีขึ้น ๒. ขันธมารมาดึงให้เราสนใจเรื่องของร่างกาย จะได้ลืมการภาวนา ส่วนการภาวนาแล้วเพลีย หมดแรง ก็เพราะส่งใจไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องทั้งหลายมากจนเกินไป พยายามอยู่กับลมหายใจเข้าออกให้มากที่สุด ก็จะผ่านพ้นไปได้เอง

เถรี
29-04-2020, 20:17
ถาม : เวลาโกรธแค้น ใจหนูจะอยากดูภาพศพที่มีเลือดสีแดงสด เวลารู้สึกรักคิดถึงใคร ใจหนูจะอยากฟังเพลงหรืออ่านนิยายที่ต้องพลัดพรากกัน พอเศร้าถึงที่สุดความคิดถึงจะคลายลง เวลาหนูมีกามราคะกับคนก็จะมีภาพพระสีทองขึ้นมาให้หนูเห็น เวลาหนูรู้สึกเศร้า ใจหนูจะชอบดูภาพในลำไส้ที่กลวง เมื่อใจคลายความรู้สึกแล้วสมองก็ทื่อไปต่อไม่ได้ค่ะ หนูลองใช้อสุภะแก้ราคะไม่ได้ผล อสุภะหนูต้องใช้คลายโทสะ หนูต้องแก้ไขตรงไหนคะ ?

ตอบ : รู้ว่าอะไรแก้ได้ก็ใช้แบบนั้น ที่สำคัญต้องไม่ลืมลมหายใจเข้าออก หลุดจากลมหายใจไปเมื่อไร สารพัดอารมณ์จะเกิดกับเราทันที

เถรี
29-04-2020, 20:18
ถาม : เวลาโกรธหนูชอบทำลายสิ่งของ แต่ในขณะนั้นสมองหนูจะคิดว่านี่เรากำลังโกรธอยู่นะ พอมาดูใจ ใจก็บอกว่าไม่ได้รู้สึกเจ็บขนาดที่ร่างกายเป็นสักหน่อย สมองหนูก็กลับมาคิดว่าถ้าร่างกายไม่มีความรู้สึก ทำไมพอโกรธมากระทบแล้วต้องเอาคืนด้วย แล้วสมองหนูก็คิดว่าสมองก็ไม่ได้สั่งให้ทำ ร่างกายทำเอง หนูจะเป็นบ้าแล้วค่ะ เหมือนสมองกับใจหาสาเหตุกันอยู่ว่าโกรธเกิดจากอะไร แต่ร่างกายไปเร็วกว่า เลยทำได้แค่ยืนดูร่างกาย หนูเข้าใจว่าไม่มีสติมาควบคุมร่างกาย ในขณะนั้นหนูเห็นตัวโกรธแต่ไม่รู้วิธีออกจากโกรธ หนูพยายามภาวนาหนูรู้สึกว่ายิ่งโกรธแรงขึ้นค่ะ อาการแยกส่วนแบบนี้จะเกิดเฉพาะเวลาที่โกรธ หนูควรจะแก้ไขอย่างไรคะ ?

ตอบ : เป็นอาการของสติ สมาธิ ปัญญา ไม่สมดุลกัน ให้แก้ด้วยการจับลมหายใจเข้าออกอย่างเดียว ให้สังเกตว่าเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นทุกครั้ง เพราะว่าเราหลุดไปจากลมหายใจตรงหน้า

เถรี
29-04-2020, 20:19
ถาม : หนูเคยไปฝึกมโนมยิทธิที่บ้านสายลมแต่ไม่ผ่าน ยกจิตขึ้นไปแค่ใต้พระจุฬามณีเจดีย์สถานแล้วหล่นหลายรอบมาก เพราะรู้สึกว่าร่างกายสกปรก หลังจากวันนั้นหนูนอนภาวนาแล้วฝันว่าขึ้นไปบนพระนิพพาน พอรู้สึกตัวก็รีบออกมาเพราะร่างกายสกปรก หนูไม่เข้าใจว่าร่างกายสกปรกแล้วทำไมจิตไม่ปล่อย จิตจับร่างกายไว้ทำไม หนูต้องแก้ไขตรงไหนคะ ?

ตอบ : เมื่อภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัวแล้ว ให้หมั่นพิจารณาวิปัสสนาญาณบ่อย ๆ โดยเฉพาะให้เห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา ถ้าเห็นชัดเจนและใจเรายอมรับ ต่อไปจะไปไหนก็ไปได้โดยง่าย

เถรี
29-04-2020, 20:21
ถาม : ช่วงเวลาที่นอนหลับจะมีอาการขยับตัวไม่ได้ ง่วงมากตาจะปิด ทั้ง ๆ ที่นอนหลับตาอยู่ หูอื้อ รู้สึกตัวเป็นกรวยจะถูกดูด หนูพยายามฝืนไม่ปล่อยตัวให้หลับ ฝืนขยับร่างกายเพราะกลัวมาก จิตใต้สำนึกจะสวดว่า "พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ" ขึ้นมาเอง แล้วคิดว่าพึ่งอะไรไม่ได้แล้วนอกจากพระรัตนตรัย เคยสวด "พุทโธ" แต่จิตตอนนั้นบอกว่าไม่พอค่ะ สักพักร่างกายจะค่อย ๆ คลายจนขยับได้ หนูอยากทราบว่าอาการแบบนี้เป็นเพราะเส้นของร่างกายหรือผีอำคะ ?

ตอบ : เป็นอาการที่จิตเริ่มเป็นฌาน ทำให้จิตกับประสาทร่างกายเริ่มแยกจากกัน จึงควบคุมร่างกายได้ยากหรือไม่ได้เลย ส่วนอาการที่จะถูกดูด คืออาการของจิตที่เริ่มมีกำลังของสมาธิ ก็จะออกไปนอกกายแบบมโนมยิทธิ ถ้าตัดร่างกายได้ก็จะออกไปได้เลย

เถรี
29-04-2020, 20:22
ถาม : หลานอายุจะ ๓ ขวบ ตอนกลางคืนจะผวาตื่นมาแผดเสียงร้องไห้ ฟาดมือฟาดขาตีไปทั่ว บางคืนร้องไห้ถึง ๒ ชั่วโมง หนูจะสวดมนต์กรวดน้ำให้เจ้าที่ เทวดา พรหม เจ้าเกณฑ์ชะตา และแม่ซื้อที่ดูแลกายสังขารของหลานทุกวัน ให้ช่วยดูแลหลานให้เลี้ยงง่ายอย่าร้องงอแง ในขณะที่หลานร้องไห้หนูก็แผ่บุญให้อีก แต่ทำไมหลานถึงยังร้องไห้คะ หนูเคยคิดว่าขอแค่นี้เอง ทำไมช่วยไม่ได้ จนตอนหลังหนูก็คิดว่าเป็นกรรมของทุกคน ของข้างบ้านด้วย หนูก็ปล่อยวางปล่อยให้หลานร้องต่อไป หนูอยากทราบว่าอาการของหลานเกิดจากอะไร และที่หนูขอให้แม่ซื้อช่วยท่านช่วยได้ไหมคะ ?

ตอบ : ถ้าช่วยได้ก็ไม่เป็นแล้วสิวะ..! ให้ไปหาผ้ายันต์หรือรูปเหรียญท้าวเวสสุวรรณมาให้หลานติดตัวไว้ ก่อนนอนเราก็อาราธนาขอบารมีท่านให้ช่วยสงเคราะห์ ขับไล่สิ่งไม่ดีอย่าให้มารบกวนหลานได้อีก

เถรี
29-04-2020, 20:23
ถาม : เมื่อภาวนาจับลมหายใจพร้อมกับระลึกถึงภาพพระไปสักครู่หนึ่ง ลมหายใจจะเบามาก เบาจนสติตามรู้ไม่ได้ว่าลมกระทบตรงฐานไหน คำภาวนาเริ่มหายไป และภาพพระก็ไม่ปรากฏเหมือนกัน ลูกพยายามดูว่า ทำไมกำหนดอะไรไม่ได้เลย ทั้งที่มีสติคอยดูอยู่ ลมหายใจก็หาย ภาพพระก็หาย คำภาวนาก็หาย อาการแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรครับ มีวิธีแก้ไขอย่างไรครับ ?

ตอบ : ลมหายใจเบาลง ให้กำหนดรู้ว่าลมหายใจเบาลง ลมหายใจหายไป ให้กำหนดรู้ว่าลมหายใจหายไป คำภาวนาหายไป ให้กำหนดรู้ว่าคำภาวนาหายไป ภาพพระหายไป ให้กำหนดรู้ว่าภาพพระหายไป อย่าคิดอยากเป็นอย่างนั้น และอย่าดิ้นรนให้พ้นจากอาการแบบนั้น มีหน้าที่กำหนดรู้อย่างเดียว

เถรี
29-04-2020, 20:24
ถาม : สมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตที่มีบารมีหลวงพ่อกวยสงเคราะห์ กับสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหลที่มียันต์เกราะเพชร มีข้อห้ามที่ว่า ห้ามด่าแม่ กับห้ามละเมิดศีลข้อ ๒ และ ๕ ตามลำดับหรือไม่ครับ ? หากละเมิดข้อห้ามต้องอาราธนาด้วยบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ๓ จบอีกครั้งหรือไม่ครับ ?

ตอบ : ไม่มีข้อห้ามแบบนั้น ถ้าไม่สบายใจก็อาราธนาใหม่อีกครั้ง

เถรี
29-04-2020, 20:26
ถาม : ผมศึกษาพระพุทธศาสนา และทราบว่าพระพุทธเจ้าท่านได้กล่าวถึงการพัฒนาการของทารกที่อยู่ในครรภ์ แบบมีรายละเอียดมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีเครื่องมือแพทย์แบบในปัจจุบัน คำถามคือ พระพุทธเจ้าท่านได้กล่าวอะไรเกี่ยวกับสมองหรือไม่ครับ ? เพราะเท่าที่ผมศึกษาไม่เคยอ่านเจอว่าพระพุทธเจ้ากล่าวเกี่ยวกับสมองเลย

ตอบ : ไม่เจอก็แปลว่าไม่มี

เถรี
29-04-2020, 20:27
ถาม : ผมอ่านเจอว่าถ้าบวชเป็นพระ เวลาทำบุญ ทำบาป จะได้ผลของกรรมเหล่านั้นมากกว่าฆราวาสมาก ถ้าเป็นอย่างงั้น ผมเข้าใจถูกไหมเพศพระสามารถสร้างฌานสมาบัติ สร้างอภิญญา ได้ง่ายและเร็วกว่า เพศของฆราวาส ?

ตอบ : สำคัญตรงที่ว่าคุณทำจริงไหม ? ถ้าดีแต่คิดแล้วไม่ลงมือทำแบบคุณ จะเพศพระหรือเพศฆราวาสก็แย่พอกัน..!

เถรี
29-04-2020, 20:28
ถาม : ถ้าเรารู้สึกว่าการมีชีวิตมันน่ารำคาญ และไม่อยากมีชีวิตต่อไป อาจจะเป็นเพราะต้องเรียนหนังสือ ทำงานหนัก หรือแก่และเจ็บป่วยบ่อย ๆ อยากถามว่าจัดเป็นวิปัสสนาหรือเปล่าครับ ?

ตอบ : เป็นวิปัสสนาญาณที่อ่อนมาก หลงผิดทางได้ง่ายที่สุด

เถรี
29-04-2020, 20:28
ถาม : ในฐานะที่พระอาจารย์พบเจอพระอรหันต์เป็นจำนวนมาก ผมสงสัยว่าพระอรหันต์หรือพระอริยเจ้า ท่านมีความสงสัยในเรื่องอจินไตยหรือไม่ครับ เช่น โลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร อะไรคือที่สุดของจักรวาลเป็นต้น ?

ตอบ : ให้ไปถามท่านแล้วจะได้คำตอบที่ชัดเจนที่สุด

เถรี
29-04-2020, 20:30
ถาม : การให้ทานจะทำให้เกิดมาชาติหน้าจะรวย ผมสงสัยว่าเกิดมาจะรวยเลย เช่น เป็นลูกคนรวย หรือจะเกิดมารวยตอนโตครับ เช่น ตอนเด็กยากจน ตอนโตรวย

ตอบ : ขึ้นอยู่กับคุณว่าทำมาแบบไหน มากน้อยเท่าไร วางกำลังใจถูกหรือไม่ ?

เถรี
29-04-2020, 20:31
ถาม : หากว่าผมเอาของที่ไหว้เจ้าที่เจ้าทางหรือของที่เซ่นไหว้บรรพบุรุษ นำไปใส่บาตรหรือถวายสังฆทาน สามารถทำได้ไหมครับ จะเป็นบาปหรือไม่ ?

ตอบ : ได้..ถ้าเจตนาบริสุทธิ์ วัตถุทานบริสุทธิ์ ผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์ ย่อมได้อานิสงส์เต็มเปี่ยม จะไปบาปที่ตรงไหน ?

เถรี
29-04-2020, 20:32
ถาม : ปีที่แล้วผมได้บูชาแผ่นเลเซอร์ยันต์เกราะเพชร ราคา ๕๐ บาทจากที่วัด เพิ่งได้เปิดซองดู มีแผ่นยันต์เกินมาจำนวน ๑ แผ่น ผมจะชำระหนี้สงฆ์ได้อย่างไรครับ ?

ตอบ : ชำระ ๕๐ บาท

เถรี
29-04-2020, 20:34
ถาม : การปลูกต้นไม้ต่าง ๆ ทั้งแบบที่มีผลและไม่มีผล โดยตั้งใจว่าถ้ามีผลก็ให้ใครก็ตามที่ต้องการสามารถเก็บผลนั้นไปกินได้ตามสบาย

หรือถ้าต้นไม้นั้นไม่มีผล ก็หวังว่าต้นไม้นั้นจะผลิตออกซิเจนให้กับโลก สามารถเป็นประโยชน์ให้กับคนอื่นได้

และถ้าหากจำเป็นจริง ๆ ใครต้องการที่จะนำต้นไม้นี้ไปสร้างสิ่งต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดประโยชน์ ก็ให้สามารถนำเอาไปทำได้

การปลูกต้นไม้ โดยมีเจตนาดังที่ว่ามานี้ จะมีอานิสงส์เป็นอย่างไรบ้างครับ ?

ตอบ : อานิสงส์ข้อแรก...ได้ปลูก อานิสงส์ข้อต่อไป...ใครนำไปกินไปใช้ เราได้ทานบารมี

เถรี
29-04-2020, 20:37
ถาม : ขณะที่ผมภาวนาคาถาเงินล้าน มีอาการปวดหลังมากจนตัวงอ แต่ตั้งสัจจะว่าจะนั่งให้ครบ ๑ ชั่วโมง ขณะนั้นร่างกายก็พยายามขยับให้ตัวตั้งตรงขึ้นจนรู้สึกเหมือนถูกมัดติดกับเสาแข็งทื่อ อาการเจ็บทั้งหมดหายไปไม่รู้สึกถึงร่างกาย เหมือนตัวเองเป็นก้อนกลม ๆ ลอยกลางอากาศ อยากทราบว่าอาการนี้เป็นสมาธิในระดับใดครับ ?

ตอบ : ฌาน ๓

ถาม : ตะกรุดคาดเอวหลวงปู่หลิว มีข้อห้ามว่า ห้ามลอดใต้สะพานโดยไม่มีอะไรคลุมศีรษะ ถ้าผมขับรถต้องลอดใต้สะพานในกรุงเทพ ฯ ต้องขับรถใส่หมวกไว้ตลอดเลยใช่หรือไม่ครับ ?

ตอบ : เปลี่ยนเป็นผ้าคลุมบ้างก็ได้

เถรี
29-04-2020, 20:37
ถาม : ในสมัยพุทธกาล พวกชีเปลือย คือ กลุ่มคนที่ถือศีลแปดโดยไม่ใส่เสื้อผ้า หากถือศีลแปดโดยสวมใส่เสื้อผ้า จะเรียกว่าชีพราหมณ์ หรือแม่ชี เข้าใจแบบนี้ถูกต้องไหมครับ ?

ตอบ : ผิด..เพราะว่าสมัยพุทธกาลยังไม่มีแม่ชี

เถรี
29-04-2020, 20:38
ถาม : หากต้องการบูชาสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตเพื่อที่จะให้กลับร้ายกลายเป็นดี เราสามารถที่จะภาวนา อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๑๐๘ จบ โดยการแบ่งการภาวนาเป็นหลาย ๆ วันสะสมกันได้หรือไม่ครับ ?

ตอบ : ของที่ต้องการกำลังคน ๑๐๘ คนถึงจะพลิกไหว ถ้าน้อยกว่านั้นจะพลิกไหวหรือไม่ ?

เถรี
29-04-2020, 20:42
ถาม : บิดาของข้าพเจ้านับถืออิสลาม แต่งงานกับมารดาที่นับถือศาสนาพุทธและเข้าเป็นอิสลาม ซึ่งหลังจากแต่งงานมารดาแอบทำบุญตักบาตร สวดมนต์ และทำบุญทางพระพุทธศาสนามาตลอด ตั้งแต่ต้นจนปัจจุบันที่อยู่ร่วมกันมากว่า ๒๐ ปี ซึ่งทุกครั้งก็จะพาลูกไปด้วย ทำให้ไม่มีลูกคนไหนในใจนับถือพระเจ้า แต่ยอมรับนับถือพระพุทธเจ้าแทน

จนกระทั่งโดนจับได้ว่ายังแอบนับถือพระพุทธศาสนา บิดาโกรธและบอกว่าเป็นลูกอกตัญญู ทำอะไรก็จะไม่ได้ดีเพราะทำให้บิดาเสียใจ หากนับถือศาสนาอื่นที่ไม่ใช่อิสลามจะต้องตกนรกหมด ซึ่งเท่ากับว่าตกศาสนา ซึ่งทุกวันนี้บิดาให้ขอโทษพระเจ้าเพื่อกลับไปอยู่ในอ้อมกอดของพระเจ้า

ข้าพเจ้าเหนื่อยใจแทบจะไม่ไหว อยากหนีออกจากบ้านไปนับถือพุทธศาสนาแบบเปิดเผย ไปไหนใครก็ทราบว่าเป็นอิสลาม ทำอะไรก็ต้องแอบทำ ทั้งนี้ในทางพระพุทธศาสนาแล้ว หากข้าพเจ้าหนีออกจากบ้านไปตั้งหลักพร้อมนับถือพระพุทธศาสนา การทิ้งให้บิดาอยู่ลำพัง ไม่ได้ดูแลบิดา เป็นเหตุทำให้เสียใจ ถือว่าเป็นการอกตัญญูหรือไม่ต่อบิดา ? และข้าพเจ้าจะได้รับผลกรรมอย่างไรในครั้งนี้ ?

ตอบ : ครอบครัวพระสารีบุตร ๗ พี่น้อง ไปนับถือศาสนาพุทธทั้งหมด ขณะที่แม่เป็นพราหมณ์ เมื่อมีโอกาสก็กลับไปโปรดแม่จนเป็นพระโสดาบัน ให้วางกำลังใจแบบท่านทั้ง ๗ องค์นี้ก็หมดเรื่องไป

เถรี
29-04-2020, 20:44
ถาม : การที่เราคอยห้ามไม่ให้ญาติโยมไปรบกวนพระเวลาที่พระท่านพักผ่อน เช่น ญาติโยมจะเข้าไปในกุฏิพระ ในขณะที่พระท่านจำวัด แล้วเราไปห้ามญาติโยมไม่ให้เข้าไปรบกวนพระท่าน หรือเวลาที่ญาติโยมไปเยี่ยมพระที่อาพาธในโรงพยาบาล แล้วญาติโยมจะไปปลุกพระเพื่อให้พระท่านรู้ว่าพวกตนมาเยี่ยม แล้วเราไปห้ามญาติโยมไว้ไม่ให้ไปปลุกพระท่าน เพราะเดี๋ยวจะเป็นการรบกวนพระท่านเปล่า ๆ แบบนี้คนที่คอยห้ามไม่ให้คนไปรบกวนพระท่าน จะได้อานิสงส์อย่างไรบ้างครับ ?

ตอบ : อานิสงส์ทันตาก็คือถูกเขาเกลียดขี้หน้า..! ส่วนอานิสงส์ในชาติต่อ ๆ ไป ก็ไม่มีใครมารบกวนให้รำคาญใจ

ถาม : อีกกรณีหนึ่ง คือ ถ้าเราสร้างกุฏิถวายพระ โดยสร้างเป็นกุฏิติดแอร์ และประตูหน้าต่างนั้นเป็นแบบระบบกันเสียงรบกวนจากภายนอก เพื่อที่ว่าเวลาที่พระท่านเจริญสมาธิภาวนาในกุฏิจะได้ภาวนาได้สะดวกโดยที่ไม่มีเสียงจากภายนอกมารบกวน แบบนี้คนที่สร้างกุฏิจะได้อานิสงส์เป็นอย่างไรบ้างครับ ?

ตอบ : ดูคำตอบข้างบน

เถรี
29-04-2020, 20:46
ถาม : เวลาผมสวดมนต์ เช่น สวดพระคาถาเงินล้าน ผมมักจะสวดด้วยการพยายามคิดให้เคารพพระพุทธเจ้าท่านให้ได้ แต่ผมนึกอารมณ์นั้นไม่ออก ยิ่งคิดยิ่งเครียด อาจจะเป็นเพราะผมยังไม่รู้จักท่านจริงก็ได้ ผมเลยลองคิดดูว่า พระพุทธเจ้าท่านมีบุญคุณอะไรกับผมบ้าง ก็นึกออกหลายอย่าง แต่เป็นแค่การนึกด้วยสัญญาเท่านั้น นึกแล้วมีอารมณ์แห้ง ๆ รู้สึกว่าผมยังวางอารมณ์ไม่ถูก

เลยลองมาคิดดูว่า พระสงฆ์หลายท่านก็เคยมีบุญคุณกับผมมาก ผมสามารถมีความสุขกายสุขใจได้เพราะพระสงฆ์ก็หลายครั้งด้วยกัน ท่านเมตตาสงเคราะห์ผมก็หลายครั้ง ถือว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณ เป็นผู้ที่ควรให้ความเคารพ แล้วพระพุทธเจ้าท่านเป็นผู้ที่ทำให้มีพระสงฆ์เกิดขึ้น ความรู้ความสามารถที่พระสงฆ์ท่านนำมาช่วยสงเคราะห์ผม ก็ล้วนได้มาจากพระพุทธเจ้าท่านทั้งนั้น ก็ถือว่าท่านเป็นผู้ที่มีบุญคุณ เป็นผู้ที่ควรให้ความเคารพอย่างสูง การที่ผมจะสวดพระคาถาเงินล้านเพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณถวายท่านก็เป็นการสมควรแล้ว

เมื่อคิดแบบนี้ รู้สึกว่ามีกำลังใจในการสวดมนต์มากขึ้น ไม่ได้สวดด้วยความขี้เกียจอีก รู้สึกมีความขยันในการสวดมากขึ้น สวดได้เต็มจิตเต็มใจมากขึ้น แม้จะยังรู้สึกว่ายังไม่เต็มที่ รู้สึกว่ายังมีอารมณ์ที่ดีกว่านี้อยู่อีก แต่ตอนนี้ได้แค่นี้ก็ดีกว่าแต่ก่อนมากแล้ว ยิ่งสวดยิ่งฮึกเหิม ผลของคาถาจะได้ผลหรือไม่ผมก็ไม่รู้ รู้แค่ว่ารู้สึกชอบใจในการสวดมนต์เพื่อประกาศเกียรติคุณของพระพุทธเจ้าท่าน ยิ่งสวดยิ่งสนุก

มีอารมณ์คล้าย ๆ กับตอนที่มีใครมาทำให้ดีใจ แล้วผมกล่าวขอบคุณยกย่องคนนั้นด้วยใจจริง เพียงแต่เปลี่ยนมาสวดเพื่อถวายพระท่านด้วยต้องการประกาศเกียรติคุณของท่าน เพราะท่านเป็นผู้มีพระคุณ ยิ่งสวดยิ่งน้ำตาจะไหล แต่ผมยังมีความอายอยู่ บวกกับถ้าน้ำตาไหลแล้ว ผมจะขยับปากลำบาก สวดมนต์ไม่ค่อยถนัด ก็เลยพยายามกลั้นไว้ แต่รู้สึกว่าแบบนี้น่าจะได้ผลมากกว่าแต่ก่อน

แต่ผมไม่เคยเห็นมีใครสอนให้คิดแบบนี้เวลาสวดมนต์เลย ผมเลยอยากทราบว่าการที่ผมทำแบบนี้เป็นการถูกต้องแล้วหรือยังครับ และผมควรที่จะปรับปรุงเรื่องไหนบ้างครับ ?

ตอบ : ถูกแค่ตอนนี้...ปรับปรุงด้วยการทำตัวให้เป็นพระโสดาบันให้ได้ แล้วจะไม่ต้องเสียเวลามา "บิวด์" อารมณ์แบบนี้อีก

เถรี
29-04-2020, 20:52
ถาม : ผมมีเรื่องกับคนกลุ่มหนึ่ง แรก ๆ อีกฝ่ายก็มีไม่มาก ผมก็สู้ตอบโต้ เขาชอบแกล้ง ชอบหาเรื่องให้เราหงุดหงิดตลอด ผมก็มักจะตอบโต้กลับไปทุกที แต่นานวันเข้า พรรคพวกเขาเริ่มมากขึ้น กลายเป็นผมทำอะไรก็ผิดไปหมด

ล่าสุดพวกเขาแกล้งหนักมาก จนผมทนไม่ไหว ต้องพูดแช่งออกไปมากมาย ยิ่งแช่งอารมณ์ยิ่งแน่น ยิ่งอารมณ์แน่นยิ่งน้ำตาจะไหล พอแช่งไปสักพัก อารมณ์มีความควบแน่นมาก ปกติผมเป็นคนชอบฝึกสมาธิ เลยรู้ว่าอาการแบบนี้จิตกำลังเป็นสมาธิ ผมก็เลยหยุดแช่ง แล้วแช่อยู่กับอาการควบแน่นนั้นไปสักพัก ผ่านไปสักชั่วโมงกว่า ๆ อาการควบแน่นนั้นก็เบาลง แม้จะเบาลงแล้ว แต่ก็ยังมีอาการแน่นนิด ๆ อยู่ เลยไม่ค่อยอยากจะขยับปากพูดอะไร แต่ก็ยังมีอารมณ์ขุ่นมัวนิด ๆ

ผมก็เลยมาคิดว่า เวลาผมด่าคนอื่นแบบใส่อารมณ์ ยิ่งใส่อารมณ์มากเท่าไหร่ จิตก็ยิ่งแน่นขึ้น ยิ่งด่าสมาธิยิ่งแน่นขึ้น แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นผลดีกับตัวเองเท่าไร เพราะจิตอาศัยโทสะเป็นตัวนำ

ผมเลยอยากลองทำให้จิตตัวเองผ่องใส เอาความผ่องใสนำให้จิตเป็นสมาธิน่าจะดีกว่า ผมเลยคิดว่าจะอวยพรให้คนอื่นมาก ๆ แม้กับคนที่มาแกล้งก็จะอวยพรให้ ต่อให้น่าอายแค่ไหนก็ช่าง เพราะผมถือว่าผมโดนรุม ในเมื่อผมตัวคนเดียว อีกฝ่ายมีเยอะเกินไป สู้ด้วยร่างกายไม่ได้ หรือจะไปชักชวนคนอื่นให้มาช่วยกันสู้ ผมก็ไม่ถนัดวิธีนี้ และผมมีแค่สมาธิเป็นเพื่อน ผมควรที่จะทำจิตตัวเองให้ผ่องใสดีกว่า

และการอวยพรก็คือวิธีที่ผมทำแล้วรู้สึกว่าถนัดกว่าวิธีอื่น ซึ่งผมก็น่าจะทรงสมาธิได้เหมือนกัน ผมก็เลยลองทำดู เวลามีคนมากลั่นแกล้ง หรือแกล้งพูดประชดให้เราได้ยิน หรือแกล้งทำให้เราหงุดหงิด ผมก็จะพูดอวยพรขึ้นมา ขอให้เขามีความสุข มีความเจริญ ร่ำรวยเงินทอง ฯลฯ แล้วแต่ว่าตอนนั้นผมนึกอะไรออก ก็จะพูดออกไปลอย ๆ เช่นกัน

พอทำบ่อย ๆ ก็ปรากฏว่าได้ผลเหมือนกัน แม้ว่าจะฝืนไปสักหน่อย แต่พอทำไปสักพักก็รู้สึกว่าน่าจะพอไหว จิตมีอาการแน่นพอสมควร แต่ยังไม่เท่าตอนที่ด่าคน แต่ถ้าเมื่อไรที่ผมอวยพรให้คนอื่นแบบมาจากใจจริงได้แล้ว ผมคิดว่าผมน่าจะทรงสมาธิจากการอวยพรให้คนอื่นได้ดีกว่านี้

ไม่ทราบว่าการที่ผมอวยพรให้กับคนอื่น หรือ คนที่มาแกล้งผมบ่อย ๆ เพื่อที่ผมจะได้ทรงสมาธิได้แบบนี้ ผมจะได้อานิสงส์จากการฝึกสมาธิเหมือนการฝึกแบบปกติไหมครับ เพราะโดนคนอื่นแกล้งแทนทีจะด่า ผมกลับไปอวยพรให้เขา ?

ตอบ : ตอนแช่งเขาจนอารมณ์แน่นมาก เป็นมิจฉาสมาธิ ตายตอนนั้นได้ "ลง" ลึกมาก ส่วนอวยพรให้เขาโดยยังไม่ได้เกิดจากใจจริง เป็นการพยายามกลับร้ายเป็นดี ตายตอนนั้นจะเกิดเป็น "อสูร"

เถรี
30-04-2020, 16:37
"หลวงพ่อครับ นำเรียนก่อนครับ วันนี้มีตะกรุดโสฬส มีตะกรุดคู่ชีวิต มีธงมหาระงับ มีตะกรุดและธงนารายณ์พลิกแผ่นดิน มี...ฯลฯ"

"เออ..ตั้งแต่เรียนวิธีสร้างธงมหาระงับและตะกรุดคู่ชีวิตมา ตูยังไม่กล้าทำเลย"

"พอดีพวกนักเรียนนายร้อยเขาอยากได้ครับ"

นักเรียนนายร้อยตำรวจของเอ็ง ปัจจุบันนี้ติดยศพันตำรวจตรี พันตำรวจโทกันหมดแล้ว ยังติดปากเรียกนักเรียนนายร้อยอยู่นั่นแหละ..!

"แล้วนารายณ์พลิกแผ่นดินทำไมไม่เขียนมือวะ ?" คำถามนี้ทำเอาปลัดเอกลักษณ์ของเรายิ้มแห้ง ๆ

"ถ้าเขียนมือก็คงได้แต่หัวใจเท่านั้นแหละครับ"

ความจริงปลัดเอกลักษณ์เขียนยันต์ต่าง ๆ ได้สวยงามมาก อาตมาเห็นแล้วยังอยากได้ แต่เวลาสร้างมาก ๆ แบบนี้ ขืนไปนั่งเขียนทีละแผ่น มีหวังได้แจกตอนอายุ ๘๐ ปีเป็นแน่แท้..!

เถรี
30-04-2020, 16:43
จัดการตรวจสอบว่าวัตถุมงคลต่าง ๆ ลงอักขระเลขยันต์ได้ถูกต้องหรือไม่ ?
"ท่านอาจารย์บ๊ะเมตตาตรวจสอบธงมหาระงับให้แล้วครับ ส่วนตะกรุดมหาโสฬส หลวงพี่ปิงตรวจสอบให้ครับ"

"แล้วโน่นล่ะ ?" อาตมาชี้ไปที่ตะโพนซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่า และหน้ากากอนามัยที่กองพะเนินอยู่
"หน้ากากหลวงพี่เอกลักษณ์เขียนยันต์ให้ครับ ส่วนตะโพนต้องอาศัยหลวงพ่อแล้วครับ" หากินง่ายดีนี่หว่า..!

เถรี
30-04-2020, 16:48
กราบนิมนต์หลวงพ่อใจ (พระครูสมุทรพิทยาคม) วัดพระยาญาติ เข้าที่แล้ว
อาตมาก็ส่งใจขึ้นไปกราบพระ กราบครูบาอาจารย์ เชิญท่านปู่ท้าวสหัมบดีพรหม ท่านปู่พระอินทร์ ท้าวมหาราชทั้ง ๔ มาร่วมในพิธีครั้งนี้ด้วย
พร้อมกับสารภาพแต่โดยดีว่า "ของบางอย่างผมยังไม่เคยทำเลยครับ"

กราบอาราธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์เป็นประธาน
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ชี้ไปที่พระอัครสาวกเบื้องซ้าย ตรัสว่า "ให้ผู้เลิศไปด้วยฤทธิ์ บอกวิธีการให้ก็แล้วกัน"

เถรี
30-04-2020, 16:56
พระมหาโมคคัลลานะ ถูไม้ถูมือแบบมันเขี้ยว บอกให้น้อมจิตระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย แล้วภาวนาอิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบ
"จำไว้ว่าพุทธศาสตร์ ต้องขึ้นด้วยคุณพระรัตนตรัยเป็นอันดับแรก"

รัศมีสีเหลืองทองสว่างไสว ที่พวกเราเรียกกันติดปากว่า คุณพระศรีรัตนตรัย แผ่คลุมลงมาทั่วทั้งบริเวณ รู้สึกสดชื่น โปร่งเบา สบายจนบอกไม่ถูก
เมื่อภาวนาครบแล้ว คำสั่งต่อไปก็คือ "เดินธาตุ ๔ แล้วลงอาการ ๓๒"

ตรงนี้ถ้าเป็นสายอื่นก็แทบตายเลย เพราะว่าต้องกำหนดภาวนาพระคาถานะมะพะทะ เดินธาตุทีละตัว ซึ่งแต่ละตัวประกอบด้วยคาถาและวิธีการเยอะมาก

แต่ในเมื่อผู้บัญชาการเป็นพระมหาเถระผู้เลิศด้วยฤทธิ์ ขืนไปใช้วิธีการแบบนั้นมีหวังโดนเขกหัวบวม
ก็ต้องตั้งดวงกสิณทั้งสี่ คือ ดิน (มหาอุตม์ คงกระพัน) น้ำ (เมตตามหานิยม) ลม (แคล้วคลาดปลอดภัย) ไฟ (ทำลายไสยเวทย์อาคม)

มหาภูตรูปต้นกำเนิดทั้ง ๔ หมุนวนเข้ามาทั้ง ๔ ทิศ ประกอบรวมเข้าด้วยกัน ประหนึ่งจะสร้างจักรวาลใหม่ขึ้นมาทั้งจักรวาล
แล้วแทนที่จะเดินอาการ ๓๒ ด้วยการภาวนากำหนด "อัตถิ อิมัสมิง กาเยฯ" ทีละอย่างแบบสายอื่น

หลวงพ่อจอมยุทธท่านกลับให้เพิ่มอากาสกสิณ ต่อด้วยวิญญาณัญจายตนฌาน
ประกบรวมเข้าไปจนกลายเป็นกระแสพลังขุมมหึมาที่หมุนเวียนเชี่ยวกราก ประหนึ่งแกแล็กซี่กำเนิดขึ้นในห้วงอวกาศ ครอบคลุมลงมาในบริเวณพิธี

เถรี
30-04-2020, 17:00
พลังงานสารพัดสีพุ่งเข้าสู่วัตถุมงคล เหมือนสายน้ำโดนดูดซับด้วยฟองน้ำก็ไม่ปาน
เมื่อเต็มเปี่ยมดีแล้วก็แผ่ขยายสว่างไสวรุ่งโรจน์ ดุจดาวฤกษ์ประดับฟ้ายามราตรี

คิดว่าเสร็จพิธีแล้ว ที่ไหนได้...หลวงพ่อท่านให้ต่อด้วย พระคาถาชินบัญชร พระคาถาเงินล้าน ตามมาด้วยพระคาถามหาโสฬส (โสฬะสะมังคะลัญเจวะฯ)
ตรีนิสิงเห (ตรีนิสิงเห สัตตะนาเค ปัญจะเพชรฉลูกัญเจวะฯ) จตุโรบังเกิดทรัพย์ (จะตุโร นะวะโม ทะเวโชฯ)

ตามมาด้วยของที่เรียนแต่ไม่เคยทำ อย่างพระคาถาตะกรุดคู่ชีวิต (อะสิสัตติธะนูเจวะฯ) พระคาถาปลุกธงมหาระงับ (โอมมะหาระงับ หลับสิ้นทั้งบ้านฯ)
พระคาถานารายณ์พลิกแผ่นดิน (วาโธโนอะมะมะวา) พระคาถาเสกตะโพน (นะเฮ นะฮา นะเหาะฯ) ฯลฯ

ทุกอย่างต้องกำหนดจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผ่านครูบาอาจารย์ ลงไปยังกองวัตถุมงคล
แล้วหลวงพ่อพระมหาโมคคัลลานะก็ให้ปิดท้ายด้วย พระคาถาไตรสรณาคมน์ (พุทธัง สะระณัง คัจฉามิฯ) พระคาถาบารมี ๓๐ ทัศ พระคาถาพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์

เถรี
30-04-2020, 17:09
เมื่อท่านบอกว่าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วและกลับเข้าสู่เถรอาสน์ อาตมภาพก็น้อมกราบในพระมหากรุณาธิคุณของทุกท่าน แล้วลืมตาขึ้นมาทำน้ำมนต์

จำได้ว่าเริ่มต้นประมาณเก้าโมงเช้า ลืมตาขึ้นมาดูนาฬิกา เห็นว่าอีกสิบนาทีจะเพล นาน ๆ จะเจออะไรยาว ๆ แบบนี้สักที
แล้วอย่าคิดว่าครั้งต่อไปจะเป็นแบบนี้อีกนะ บางอย่างก็เหมือนเดิม บางอย่างก็เปลี่ยนไป แล้วแต่ท่านจะเมตตาสงเคราะห์

จัดการพรมน้ำมนต์ โปรยข้าวตอกดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชา รอจนหลวงพ่อใจ และปลัดเอกลักษณ์ พรมน้ำมนต์เสร็จแล้ว อาตมาก็อธิษฐานจิตดับเทียนสัตตบริภัณฑ์รอบพิธี

รับไทยธรรมจาก ดร.พระครูโรจน์ ญาติโยมที่เป็นเจ้าภาพถวายตะกรุดมหาโสฬสทองคำ ๑ ดอก ตะกรุดนารายณ์พลิกแผ่นดินทองคำ ๑ ดอก ตะกรุดคู่ชีวิตและตะกรุดนารายณ์พลิกแผ่นดินเนื้ออื่นอีกหลายถุง

"ตะกรุดทองคำผมขอราคาต่ำสุดที่ ๒๕,๐๐๐ บาทนะครับ คราวที่แล้วหลวงพ่อออกเนื้อทองคำไป ๓,๐๐๐ บาท ผมเสียดายใจจะขาด เพราะว่าจองไม่ทัน"
ดร.พระครูโรจน์ขอร้องแกมบังคับ

ฉันเพลแล้วกราบลาทุกท่าน เดินทางกลับวัดท่าขนุน ปกติขึ้นรถได้อาตมาก็พักผ่อน แต่วันนี้เจอพลังงานล้นเกิน จึงนั่งส่งงานทางไลน์ให้กับทีมงานวัดท่าขนุน นำลงในกลุ่มไลน์ต่าง ๆ
ทั้งของทางราชการและส่วนตัว แล้วเข้าไปติดตามงานจากผู้บังคับบัญชา จนไปถึงวัดท่าขนุนแบบไม่รู้ตัว

เถรี
01-05-2020, 02:23
"พลิกชีวิตจริง ๆ นะครับหลวงพ่อ"

"พลิกอย่างไรวะ ?"

"เพื่อนผมเปิดกิจการใหม่ มาเจอ covid-๑๙ เข้า กำลังจะม้วนเสื่ออยู่แล้ว
ได้สมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตของหลวงพ่อไปพอดี ลูกค้าสั่งของเข้ามารายเดียวห้าแสนกว่าบาท..! รอดตายไปที"

เถรี
01-05-2020, 02:25
"ตอนนี้หนูแขวนเดี่ยวเลยค่ะ เป็นวัตถุมงคลที่ Full Power สุด ๆ
ก่อนหน้านี้ใช้สมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหลติดตัว ติดใจตรงพลังงานแผ่คลุมกว้างที่สุดเท่าที่เคยเจอมา
แต่องค์ท่านใหญ่และหนักเกินไปสำหรับผู้หญิง
พอมาเจอสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิต ถูกใจมากค่ะ พลังงานไม่ได้แพ้กันเลย
แขวนเดี่ยวแล้วนิมนต์องค์อื่นและตะกรุดมหาสะท้อนลงกระเป๋าถือ องค์เดียวเที่ยวทั่วโลก หนูพกไปฝรั่งเศสมาด้วยนะคะ ไวรัสทำอะไรไม่ได้เลย"

"คนที่สัมผัสพลังงานได้ ถึงเวลาติดใจวัตถุมงคลชิ้นนั้นชิ้นนี้ ต่อไปก็จะรักพี่เสียดายน้อง"

"สำหรับหนูแล้วไม่อย่างแน่นอนค่ะ องค์เล็กพลังสูงแบบนี้ ขอรักเดียวใจเดียวเลยค่ะ"

เถรี
01-05-2020, 02:43
"ผมก็อาศัยเกาะแข้งเกาะขาหลวงพ่อสุดชีวิตเลยครับ ไม่อย่างนั้นเป็นหนี้หัวโตแน่ ผมประมาทไปหน่อยครับ
ปกติแล้วรายได้จากการจำหน่ายวัตถุมงคลรอบโบสถ์ เดือนละ ๔ - ๕ แสนบาท

รายได้จากสังฆทานแต่ละเดือนก็ไม่น้อยกว่ากัน ผมคิดว่างานอะไรก็สู้ได้
เจอไวรัส covid-๑๙ เข้าไปตูมเดียว ไม่มีใครมาวัดเลย
เป็นหนี้ค่าก่อสร้างอยู่หลายล้าน ถ้าไม่ได้หลวงพ่อผมตายแน่ครับ"

"ข้าก็ไม่คิดเหมือนกันว่าพิธีพลิกชีวิตต้องมาทำที่วัดสี่แยกฯ นี้ ปกติก็ต้องทำที่วัดครูบาอาจารย์หรือวัดตัวเองอยู่แล้ว ใครจะไปคิดว่าต้องมาทำถึงวัดของเอ็งนี่"

"มีพิธีแบบนี้อีกเมื่อไรนิมนต์เลยครับ ผมเต็มใจอย่างยิ่งที่จะทำถวาย ถ้าไม่ได้หลวงพ่อผมตายจริง ๆ
เจ้าหนี้ผมก็พลอยตายไปด้วย อยู่ ๆ ก็ไม่มีใครเข้าวัดสักคน รายรับระดับล้านเหลือแค่ระดับร้อย..!

พอได้พิธีพลิกชีวิตเข้าไป เมื่อวานเขาโอนเงินมาบูชา ๓ แสนกว่าบาท วันนี้โอนมา ๕ แสนบาท
เจ้าหนี้รายย่อยผมก็จ่ายหมดเลย เจ้าหนี้รายใหญ่ผมใช้วิธีผ่อนเขาไป
เดี๋ยวผมจะออกไปส่งวัตถุมงคลทางไปรษณีย์แบบมีประกันไปให้เขาครับ"

"แล้วยังพอมีอะไรเหลือบ้างวะ ?"

"ตอนนี้เหลือเต่าโล่กันภัยขนาดใหญ่ สำหรับติดรถติดบ้าน กับพระสังกัจจายน์ลอยองค์ พิธีที่หลวงพ่อบอกว่าท่านมาสงเคราะห์
ผมขนมาเข้าพิธีพลิกชีวิตทั้งหมดเลยครับ"

"เออ..เดี๋ยวสารพัดเหรียญเต่าที่เอ็งถวายไปข้าจะเอามาขายแข่งราคาถูก ๆ..!"

"นิมนต์เลยครับ มีแค่อย่างละร้อยสองร้อย พอบูชาของหลวงพ่อหมด เขาก็ต้องมาเอาที่วัดผมอยู่ดี กลายเป็นหลวงพ่อช่วยโฆษณาให้ผมด้วย"

"แต่ข้ามีเต่ามังกรเขียวเหล็กไหลที่เอ็งตั้งใจทำถวายทั้งรุ่นเลยนะ"

"ก็แค่ ๒,๕๐๐ องค์เท่านั้น ปั๊มซ้ำเพื่อประกอบเหรียญตั้ง ๘ ครั้ง ขายราคาถูกไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวเขาก็มาเอาของถูกที่ผมอยู่ดี ฮ่า..ฮ่า..!"

เถรี
01-05-2020, 02:48
"หลวงพ่อ..แล้วพวกดิฉันที่แก่เกินกว่าจะเข้าเว็บไปบูชา ทำอย่างไรจะให้ได้สมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตบ้างคะ ?"

"ไปขอให้ลูกหลานช่วยสมัครให้ จะได้พลิกชีวิตเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย ไม่อย่างนั้นก็ทำไม่เป็นอยู่นั่นแหละ
แต่ถ้าสมัครตอนนี้ก็รอนานหน่อยนะ เจ้าหน้าที่มีคนเดียว บรรจุวัตถุมงคลแต่ละครั้ง ต้องไลน์เรียกเพื่อนมาช่วยกันอุตลุด"

"นานแค่ไหนก็รอได้ค่ะ คนทองผาภูมิแถมอยู่ข้างวัดแท้ ๆ ไม่เคยทันคนไกลเขาเลย
พอเขาเอาวัตถุมงคลของหลวงพ่อมาอวดแล้วพวกเราไม่มี รู้สึกอายมากเลยค่ะ"

เถรี
01-05-2020, 02:50
ตอนนี้ไม่ว่าจะไปทางไหน ก็มีแต่คนพูดถึงสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิต
บางท่านอยากจะพลิกชีวิตแต่ก็อุตส่าห์มีข้อต่อรอง อย่างเช่นว่าการสวดอิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๑๐๘ จบ มีการขอผ่อนอีกด้วย
ถ้าขนาดนี้ยังขี้เกียจก็อย่าไปพลิกชีวิตเลย..!

เถรี
02-05-2020, 07:56
พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณวีระชัย แก่นภักดี และ คุณณัฐพัชร จันทรสูตร จากเว็บไซต์คุณธรรมออนไลน์ palungjit.org ร่วมกันบอกบุญช่วยปล่อยชีวิตสัตว์ โอนเงินเข้าบัญชีให้อาตมา ๗๘๗,๖๐๘ บาท ซึ่งอาตมาเติมให้เป็น ๗๘๘,๐๐๐ บาท ขออนุโมทนากับญาติโยมทุกท่านที่ได้ร่วมบุญด้วยกันในครั้งนี้

การได้รับเงินในครั้งนี้ ต้องบอกว่าดีใจมาก เป็นความดีใจที่จะได้ช่วยชีวิตสัตว์ให้รอดจากความตายได้อีกมาก ถือว่าคุ้มค่ากับการที่ไป "ยุ่งเกี่ยวกับกรรมของคนอื่น"

ปกติแล้วหลังจากลาพุทธภูมิมา อาตมาถือคติว่า "ถ้าไม่ใช่มาล้มทับตีนจนเดินหนีไม่ได้ ก็จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับกรรมของใครอีก" แต่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัส covid-๑๙ ในครั้งนี้ ถือว่าจำเป็นที่จะต้องเข้าไปแทรกแซง"

เถรี
02-05-2020, 07:58
"สาเหตุแรกก็คือ ความรู้ความสามารถที่ศึกษามา เพียงพอที่จะทำได้ สาเหตุที่สองก็คือ ถ้าปล่อยไปตามเวรตามกรรม คิดจะอาศัยฝีมือรัฐบาลอย่างเดียว ก็คงได้ตายซับตายซ้อนดัง "ห่าลงเมือง" เป็นแน่แท้

ประการที่สาม อาตมาคิดว่าเป็น "เชื้อชั่วไม่ยอมตาย" ไม่ว่าจะละทิ้งมาขนาดไหนก็ตาม เมื่อถึงเวลาแล้วความคิดและการตัดสินใจ ก็ยังเป็นไปในรูปแบบของพุทธภูมิก็คือ "ตัวเองลำบากเท่าไรไม่ว่า ถ้าคนอื่นสุขสบายก็จะทำ"

ประการสุดท้าย ด้วยความที่สร้างเวรสร้างกรรมเอาไว้มาก "ชดใช้ด้วยการผ่อนส่งมาตลอด" ทำให้รู้สึกว่าเป็นหนี้เพิ่มขึ้นอีกหน่อยก็ไม่เท่าไร ถ้าไม่มีก็ไม่หนี พร้อมที่จะผ่อนจ่ายต่อไป

"สมใจนึกบางลำภู" เด็กรุ่นนี้เคยได้ยินสำนวนนี้หรือไม่ ? คิดอะไรไว้ก็ได้อย่างนั้นเลย ตั้งแต่ทำพิธีเสร็จมาจนถึงวันนี้ ไม่มีวันไหนที่ไม่ต้องทนแบกสภาพร่างกาย ซึ่งเหมือนรถสิบล้อวิ่งไม่เต็มสูบ กะพร่องกะแพร่ง ทำท่าเหมือนจะพังไม่พังแหล่ แต่เพื่อผลดีจะเกิดกับส่วนรวมก็สู้ทนรับไป

แต่ละวันต้องมีเวลา "ชาร์จแบตเตอรี่" พอมีเรี่ยวแรงก็วิ่งไปทำงาน หมดสภาพเมื่อไรก็นอนแผ่สองสลึง ซึ่งสภาพแบบนี้คนอื่นไม่ได้เห็น ประมาณว่า "เสือลำบากนอนเลียแผลตัวเอง" อาการดีขึ้นพอทนได้ก็ออกไปลุยใหม่ เพื่อนพระสังฆาธิการตลอดจนญาติโยมที่เห็นต่างก็ชมว่า "หลวงพ่อเล็กแข็งแรงจริง ๆ" เฮอะ..เฮอะ..!"

เถรี
02-05-2020, 08:23
"งานก็ทำไป เรื่อง "ดราม่า" ก็รับรู้ไป โดยเฉพาะเรื่องคนที่ฆ่าตัวตายในระยะนี้ แล้วโดนนำไปขยายผล ว่าเกิดจากการที่ปิดเมือง ปิดกิจการต่าง ๆ การให้ความช่วยเหลือก็ไม่ทั่วถึง จึงมีการตัดสินใจฆ่าตัวตาย

ใครที่คิดหรือพูดแบบนี้แปลว่ากำลัง "โยนบาปให้คนอื่น" การฆ่าตัวตายไม่ใช่ทำกันง่าย ๆ ต้องมีสารพัดสาเหตุกดดันมารอบด้าน เรื่องของการปิดเมืองหรือตกงานเป็นแค่ส่วนเสี้ยวหนึ่งของยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น

โดยเฉพาะหลายท่านที่ให้สัมภาษณ์น้ำหูน้ำตาไหล บอกว่ากลัวอดตาย อาตมามีความเห็นว่าคนประเภทนี้ "ไร้สมองสิ้นดี" เมืองไทยเราอุดมสมบูรณ์ขนาดไหน คนใจดีพร้อมช่วยเหลือผู้อื่นมีทุกมุมเมือง แม้กระทั่งต่างชาติที่มาติดค้างในบ้านเราก็ยังให้คำชมเชย ว่าไม่เคยพบที่ไหนในโลกที่เหมือนประเทศไทย

ฝรั่งต่างชาติต่างภาษา ไม่รู้ขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ยังรู้จักเข้าวัดเข้าวาไปช่วยเหลือการงาน เพื่อแลกกับที่อยู่ที่กินชั่วคราวในช่วงที่ต้องติดอยู่ในบ้านของเรา

คุณเป็นคนไทยแท้ ๆ สร้างบาปสร้างกรรมมาหนักหนาสาหัสขนาดไหน ถึงได้ทำให้มืดบอดขนาดไม่คิดจะเข้าวัดเลย คิดอยู่อย่างเดียวว่าถ้ารัฐบาลไม่ช่วย ไม่ได้เงิน ๕,๐๐๐ บาท ก็จะฆ่าตัวตาย แบบนี้ใช่แน่แล้วหรือ ?

การฆ่าตัวตายนั้นตัดสินใจยากที่สุด เพราะว่าทุกรูปทุกนามล้วนแล้วแต่รักชีวิตตัวเอง ต่อให้นอนทรมานอยู่ในห้องฉุกเฉิน ก็พยายามที่จะดิ้นรนให้มีชีวิตอยู่ต่อไป ถ้าไม่ใช่เรื่องของกรรมเก่ากรรมใหม่ ตามมาทวงจนทำให้เรามืดบอด มองหาทางรอดไม่เจอ ย่อมไม่มีใครคิดฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน"

เถรี
02-05-2020, 08:24
"ดังนั้น..สาเหตุของการฆ่าตัวตายในระยะนี้ จึงไม่ใช่เรื่องของการปิดเมือง ไม่ใช่เรื่องของการตกงาน แต่ละคนมีภูเขาน้ำแข็งที่ซ่อนอยู่ใต้มหาสมุทร แล้วมาตัดสินใจฆ่าตัวตายเอาในระยะนี้พอดี ความซวยจึงตกเป็นของรัฐบาลไปตามระเบียบ..!

ขอเตือนสติให้ท่านทั้งหลายได้ทราบว่า การฆ่าตัวตายนั้นเป็นบาปหนักอย่างยิ่ง การฆ่าสัตว์ใหญ่บาปกว่าการฆ่าสัตว์เล็ก การฆ่าสัตว์มีคุณบาปกว่าการฆ่าสัตว์ที่ไม่มีคุณ การฆ่าบุคคลซึ่งสามารถบรรลุธรรมได้เป็นบาปหนักที่สุด และจะเป็นเหตุให้ต้องฆ่าตัวตายแบบนี้ไปอีกหลายชาติต่อเนื่องกัน

จงอดทนสู้ไป แค่ระยะเวลาไม่นาน เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็จะผ่านพ้นไปแล้ว เวลาที่ท้องฟ้ามืดมิดที่สุด คือเวลาที่ใกล้สว่าง มองหาหนทางที่คนอื่นจะช่วยเหลือเราได้ แล้วไปขอความช่วยเหลือจากจุดนั้นก่อน เพื่อประทังเอาไว้จนกว่าเราจะมองเห็นช่องทางต่อไป

จะได้ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา มีโอกาสฟังเทศน์ฟังธรรมสร้างเสริมบารมี พาเราไปสู่ภพภูมิที่ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ดีกว่าไปตัดทางตัวเองด้วยการคิดสั้น แล้วเป็นเหตุให้ต้องเวียนว่ายในทุคติ ทุกข์ยากลำบากอีกเนิ่นนานจนประมาณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นต้องเรียกว่าเสียชาติเกิดจริง ๆ..!"

เถรี
02-05-2020, 08:27
"ส่วนท่านทั้งหลายที่ยืนตรงกันข้ามกับรัฐบาล ระยะนี้ก็ควรที่จะสงบเสงี่ยม หุบปากเอาไว้บ้าง เอาเรี่ยวแรงและเวลาไปช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากเดือดร้อน พอบ้านเมืองกลับเข้าสู่ความปกติแล้ว เห็นอะไรที่ไม่ชอบมาพากลของรัฐบาล ค่อยนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชนให้ร่วมกันรับรู้

ในช่วงนี้สิ่งที่ต้องการคือความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ร่วมด้วยช่วยกัน เอาประเทศชาติของเราให้รอดไว้ก่อน อย่าทำตัวเป็นบุคคลประเภท "มือไม่พายแต่เอาตีนราน้ำ" ปล่อยวางอคติส่วนตัวลง ทุ่มเทสรรพกำลังทุกอย่างทำเพื่อส่วนรวม ถ้าอย่างนั้นต่อให้ไม่ออกมาขัดแข้งขัดขาชาวบ้าน คนเขาก็จะเห็นว่าท่านเป็นคนดีเอง

สถานการณ์แบบนี้ อย่าเอาดีใส่ตัว อย่าเอาชั่วใส่คนอื่น ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจ เพื่อพาทุกคนให้รอดไปด้วยกัน ช่วยเหลือกันในยามลำบากให้โลกลือ ว่านี่คือน้ำใจคนไทย แล้วสิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเป็นผลดีต่อประเทศชาติเราไปอีกยาวนานไม่รู้จบ"

เถรี
02-05-2020, 19:01
"ผู้นำหนุ่ม ในประเทศปิด เสียชีวิตหลายวันแล้ว" ผู้สื่อข่าวยมโลกรายงาน

อะไรวะ ? อายุนิดเดียวไปแล้ว

"ความตายไม่มีนิมิต ความตายไม่มีเครื่องหมาย มาถึงมนุษย์และสัตว์ทุกรูปทุกนามได้ทุกเวลา ถ้าประมาทขาดสติ ไม่เร่งสร้างคุณความดี ย่อมมีทุคติเป็นที่ไป"

น่าน..อัดอั้นตันใจมากว่าอย่างนั้นเถอะ เปิดช่องให้หน่อยมาเป็นฉากเชียว

"ที่อยากจะเรียนให้ทราบก็คือว่า บุคคลที่ได้ขึ้นเป็นผู้นำประเทศนั้น อย่างน้อยก็ต้องสร้างบารมีมาพอสมควร โดยเฉพาะส่วนใหญ่จะมาสายพุทธภูมิ การตายของแต่ละท่านส่งผลกระทบไม่น้อยเลยทีเดียว"

"ไม่ใช่ไม่น้อยนะ น่าจะมากถึงมากที่สุด อย่างเช่นในหลวงรัชกาลที่ ๙ สวรรคต ผลกระทบไปถึงคนทั้งโลก ภัยธรรมชาติต่าง ๆ ที่ระงับอยู่ด้วยอำนาจของเทวดา เมื่อไม่มีบุคคลที่ต้องเกรงใจอยู่ ก็ประเดประดังกันมาจนรับแทบไม่ทัน"

"ที่ท่านว่ามาก็ถูก แต่ประเภท บอร์น ทู บี แบบนั้น ไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่าย ๆ นับเฉพาะในราชวงศ์จักรี แม้ว่าทุกพระองค์จะเปี่ยมล้นด้วยบุญญาบารมี แต่ที่อยู่ในจิตในใจเป็นที่จดจำของชาวบ้านและชาวโลก จากรัชกาลที่ ๑ ก็มาถึงรัชกาลที่ ๕ แล้วจึงเป็นรัชกาลที่ ๙"

"แล้วการตายของท่านผู้นำหนุ่มในครั้งนี้ จะมีผลกระทบต่อประเทศไหนมากที่สุด ?"

"เป็นประเทศมหาอำนาจอันดับ ๑ อย่างไม่เป็นทางการของโลกในปัจจุบัน กับประเทศเชื้อสายเดียวกันที่อยู่ติดกัน"

"ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ ตูขายข้าวกล่อง ๑๐ บาทต่อดีกว่า"

จบการสนทนา ก็ต่างคนต่างไป พอดีท่านผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แวะเข้ามาวัดท่าขนุนอีกรอบหนึ่งด้วยความติดใจบรรยากาศ จึงพาท่านไปชิมมะไฟข้างศาลาร้อยปีหลวงปู่สายวัดท่าขนุน จนลืมเรื่องพวกนี้ไปในเวลาอันรวดเร็ว

เถรี
04-05-2020, 06:52
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันเสาร์ที่ ๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติพร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางมาดูโครงการข้าวกล่อง ๑๐ บาท เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชนในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙

แต่ปรากฏว่าเมื่อท่าน ผอ.ใหญ่ เข้าไปที่วัดท่าขนุนแล้วก็ไม่อยากจะออก เพราะว่าชอบใจบรรยากาศที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ทั้งคณะติดใจกับต้นมะม่วงป่า ต้นกระท้อนป่า ที่ใหญ่มหึมาและติดลูกเต็มต้น

ต้นมะไฟ ต้นมะปริง มีลูกตั้งแต่โคนต้นยันปลายยอด ต้นลูกจันทร์ ที่โตเกือบ ๒ คนโอบ โดยเฉพาะต้นขานาง ซึ่งเป็นไม้ประจำจังหวัดกาญจนบุรี ที่ท่านบอกว่ายังไม่เคยเห็นที่ไหนต้นใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย

"หลวงพ่อดูแลรักษาต้นไม้ได้ดีมากเลยครับ"

คำชมนี้อาตมาไม่กล้ารับไว้คนเดียว เพราะว่าบรรดาพระภิกษุ สามเณร แม่ชี และฆราวาสในวัด ร่วมด้วยช่วยกันดูแล ตัดแต่งกิ่ง รดน้ำพรวนดิน ทำความสะอาดด้วยการกวาดใบไม้วันละหลายคันรถทุกวัน

"ซุ้มนั่งเล่นนี่สุดยอดไปเลยครับ" นี่เป็นความตั้งใจของอาตมาโดยเฉพาะ ที่ต้องการให้มีซุ้มนั่งเล่นประกอบด้วยต้นไม้ จึงแจ้งให้คุณมงคล (แดง) หาพันธุ์ไม้เลื้อยต่าง ๆ มาปลูก เพื่อเป็นร่มเงาให้แก่ซุ้มนั่งเล่นทั้ง ๙ หลัง

ไม่ว่าจะเป็นต้นจันทร์กระจ่างฟ้า ประทัดญี่ปุ่น พวงแสด เล็บมือนาง ฯลฯ ล้วนแล้วแต่สู้แดดและความร้อนไม่ไหว มีเพียงต้นคิ้วนางที่เป็นไม้ป่าในพื้นที่เท่านั้น ที่งอกงามได้อย่างน่าชื่นใจมาก

อาตมาจึงต้องเปลี่ยนใจ เอาไม้อื่นออกจนหมด แล้วสั่งแต่ต้นคิ้วนางมาอย่างเดียว แม้ว่าจะปลูกก่อนหลังกันเป็นปีก็ตาม แต่ทุกต้นก็งอกงามได้ทันอกทันใจ โตคลุมศาลานั่งเล่นทั้งหมด จนแน่นทึบร่มเย็นเสมอกัน

ต้นตะเคียน ต้นจันทน์หอม ต้นเลียบ ต้นกร่าง ต้นโพธิ์ที่ขึ้นพันต้นตาล ต้นพลับป่า พาให้ท่าน ผอ. ใหญ่เพลิดเพลินจนไม่อยากออกจากวัด อาตมาต้องเข็นให้ไปดูโครงการข้าวกล่อง ๑๐ บาทเสียก่อน ไม่เช่นนั้นตัวอาตมาเองนั่นแหละที่จะต้องอดเพล..!

ชมโครงการ ให้ข้อแนะนำ และมอบเงินช่วยเหลือโครงการแล้ว ท่าน ผอ.ใหญ่และคณะก็ซื้อข้าวกล่องขึ้นไปบนรถตู้ ๑๐ กล่อง เพื่อนำไปกินกลางทาง ระหว่างที่เดินทางไปดูโครงการที่อำเภอสังขละบุรีต่อ"

เถรี
04-05-2020, 06:55
"น้องเล็ก...ท่าน ผอ.ณรงค์กลับมาอีกแล้ว ไปช่วยถ่ายรูปให้หน่อย" อาตมาเรียกน้องเล็กที่นอนหมดสภาพเพราะอากาศเปลี่ยน ให้ลุกขึ้นเตรียมตัว อีกพักใหญ่รถตู้ของท่าน ผอ.ณรงค์ก็เลี้ยวเข้ามาในวัด

"ใครแจ้งหลวงพี่คะ ? โทรศัพท์อยู่กับน้องเล็ก" เอาเป็นว่ามีคนแจ้งให้ทราบก็แล้วกัน จึงได้ออกไปต้อนรับคณะของท่าน ผอ.ใหญ่อีกรอบหนึ่ง

รอบนี้ทั้งคณะไปรุมอยู่ที่ต้นมะไฟข้างศาลาร้อยปีหลวงปู่สาย ขออนุญาตชิมเป็นการใหญ่ ท่านสหัส (นายสหัส บรรจงเมือง) รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี เตือนบรรดาสาว ๆ ในคณะว่า "อย่ากินมากนะครับ เดี๋ยววิ่งเข้าส้วมไม่ทัน..!"

เมื่อเห็นท่านเพลินอยู่ในวัดไม่อยากจะกลับ อาตมาจึงกระซิบบอกรองฯ พนอ (นางพนอ จันทจิตร) รองประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ประธานชุมชนคุณธรรมริมฝั่งแควน้อย ให้วิ่งไปหาทุเรียนทองผาภูมิมา มอบให้คณะของท่านผอ.ใหญ่สัก ๑๐ ลูก

รองฯ พนอ วิ่งไปถึงหนองเจริญ จึงได้ทุเรียนทองผาภูมิมาตามต้องการ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าทุเรียนทองผาภูมินั้น ไปประกวดได้ที่ ๑ ในงานประกวดทุเรียนโลก แต่ละสวนจะมีพ่อค้ามาเหมาข้ามปีจนถึงที่ โอกาสที่จะเล็ดรอดมาถึงมือคนอื่นนั้นยากมาก

มอบทุเรียนให้แล้ว ท่าน ผอ. ใหญ่ก็ยังไม่อยากจะกลับ จนอาตมาต้องบอกว่าพระจะทำวัตรเย็น ท่านและคณะถึงได้กราบลากลับไป ทำเอาพวกเรานั่งหัวเราะตามหลัง

สงสารท่านที่เครียดกับสารพัดงาน มีโอกาสได้ผ่อนคลายน้อยมาก เมื่อเจอบรรยากาศวัดที่สะอาด สว่าง สงบ ตามแนวทางการพัฒนาวัดของมหาเถรสมาคม ก็ไม่อยากจะกลับไปชนกับงานอีก

ได้แต่ส่งกำลังใจไปช่วย ให้ท่านมีกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา ในการสู้กับงานเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่

"เกิดมาทั้งทีเอาดีให้ได้ ตายไปทั้งทีฝากดีเอาไว้ อยู่ให้คนเขารักและเกรงใจ จากไปให้คนเขาอาลัยและคิดถึง" ถ้าทุกคนทำได้แบบนี้ก็ไม่เสียทีที่เกิดมาแล้ว"

เถรี
05-05-2020, 06:18
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันอาทิตย์ที่ ๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ หลังฉันเช้าได้ดำเนินงานตามโครงการบรรเทาความเดือดร้อนของพระสังฆาธิการอำเภอทองผาภูมิ ด้วยการถวายปัจจัยช่วยเหลือรูปละ ๕,๐๐๐ บาท ประกอบด้วยเจ้าอาวาส ๕๒ วัด เจ้าสำนักสงฆ์และประธานที่พักสงฆ์ ๒๒ แห่ง และเลขานุการเจ้าคณะตำบลที่ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสอีก ๘ รูป เสร็จเรียบร้อยแล้ว

อาตมภาพก็วิ่งเข้าเมืองกาญจน์ ตรงไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งท่านสหัส บรรจงเมือง รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี รออยู่แล้วพร้อมด้วยผู้ติดตามและพลขับ อาตมาและน้องเล็กจึงเปลี่ยนมาขึ้นรถตู้ของสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรีแทน

วิ่งฝ่าการจราจรที่ถือว่าสะดวกมากเข้ากรุงเทพมหานคร มีรถติดบ้างเป็นบางช่วงที่ตั้งด่านตรวจเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ขนาดนั้นก็ยังไปถึงวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามแค่บ่ายโมงครึ่งเท่านั้น

ที่ต้องเดินทางมาครั้งนี้ก็เพราะว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อมฺพรมหาเถร) ได้ประทานข้าวสารจำนวน ๕๐๐ กิโลกรัมให้กับวัดท่าขนุน เพื่อไปดำเนินโครงการข้าวกล่องราคาถูก หลังจากที่เคยประทานไปให้แล้ว ๕๐๐ กิโลกรัม แต่เมื่ออาตมาขยายโครงการไปจนสิ้นเดือนพฤษภาคมตาม พรก.ฉุกเฉิน ก็ได้รับพระเมตตาประทานเพิ่มเติมให้อีกวาระหนึ่ง

เข้าไปนั่งอยู่ในสถานที่นัดพบไม่นาน หลวงพ่อเจ้าคุณโสภณ (พระสมุทรวชิรโสภณ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม รักษาการเจ้าอาวาสวัดเพชรสมุทรวรวิหาร เพื่อนร่วมรุ่นปริญญาเอก กับท่านเจ้าคุณสุรศักดิ์ (พระภาวนาวิสุทธิโสภณ) เจ้าอาวาสวัดประดู่ เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อนพระเกจิอาจารย์ที่คุ้นเคยกันดีก็มาถึง

หลังจากทักทายกันด้วยความยินดีแล้ว ก็นั่งสุมหัวรวมกันคุยไปสารพัดเรื่อง จนกระทั่งพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อคฺคชินมหาเถร) เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช องค์แทนในการประทานข้าวของให้แก่วัดต่าง ๆ ที่ได้นัดไว้มาถึง"

เถรี
05-05-2020, 06:20
"เมื่อรับการประทานข้าวของครบถ้วนแล้ว ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ก็กล่าวกับอาตมาว่า "ถ้าหาวันเวลาที่เหมาะสมได้แล้ว ผมจะออกฎีกานิมนต์ถวายอีกรอบนะครับ" พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ หมายถึงงานพุทธาภิเษกวัตถุมงคลของวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ที่ต้องยกเลิกไปเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ในช่วงที่ผ่านมา

กราบลาทุกท่านและเดินทางกลับสู่กาญจนบุรี แจ้งให้ท่านสหัสนำเอาข้าวสารไปลงไว้ที่วัดท่ามะขามก็พอ เนื่องจากท่านจะนำไปส่งถึงวัดท่าขนุนซึ่งไกลมาก เมื่อลงข้าวสารเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระครูบ่าว (พระครูกาญจนปริยัติคุณ) เจ้าอาวาสวัดท่ามะขาม (วัดราษฎร์ประชุมชนาราม) มาแจ้งให้ทราบว่า

"ข้าวสารทั้งหมดมี ๑๐๖ ถุง น้ำหนักรวม ๕๓๐ กิโลกรัมครับหลวงพ่อ"


เออหนอ..ใครจะไปนึกว่าอานุภาพของพระคาถาเงินล้านจะทำให้ทุกอย่างงอกได้จนถึงขนาดนี้ เคยรับทองคำสำหรับหล่อพระแล้วงอกเพิ่มจากบัญชีที่ลงไว้หลายบาท ก็ยังพอที่จะคิดว่าลงบัญชีผิดได้บ้าง แต่นี่ข้าวสารซึ่งเพิ่งรับมาแท้ ๆ และระบุจำนวนแน่นอนว่า ๕๐๐ กิโลกรัม ยังอุตส่าห์งอกขึ้นมาได้ถึง ๖ ถุง ๓๐ กิโลกรัม ถ้านับใหม่อีกหลาย ๆ รอบก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะงอกเพิ่มขึ้นมาอีกหรือไม่ ?

ท่านใดที่ยังลังเลสงสัยในอานุภาพของพระคาถาเงินล้านอยู่ ก็ควรที่จะเลิกลังเลสงสัยได้แล้ว โดยดูอาตมาเป็นตัวอย่าง ในขณะที่พระรูปอื่นทั้งอำเภอไม่มีกิจนิมนต์ ไม่มีงาน อาตมาซึ่งประสบภาวะเดียวกัน กลับมีเงินมาถวายเพื่อช่วยเหลือท่านทุกรูป โดยที่ไม่มีความหนักใจอะไรเลย อยากให้เท่าไรก็มีให้เท่านั้น สำคัญที่ว่าท่านทั้งหลายจะทำพระคาถาเงินล้านนี้จริงจังแค่ไหนเท่านั้นเอง"

เถรี
05-05-2020, 06:21
"ส่วนที่อยากจะกล่าวถึงเพิ่มเติมก็คือว่า ท่านสหัสนั้นต้องสละวันหยุดของตนเองเพื่อเดินทางไปกับอาตมา ซึ่งวันก่อนท่านณรงค์ ผอ.ใหญ่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็เดินทางมาดูงานในวันเสาร์ เมื่ออาตมาปรารภถึง ท่าน ผอ.ใหญ่ก็บอกว่า "ผมทำงานแบบไม่มีวันหยุดครับหลวงพ่อ"

เมื่อกล่าวขอบคุณท่านสหัสที่สละวันหยุดร่วมเดินทางไปรับข้าวสารกับอาตมา ท่านรักษาการผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรีตอบว่า

"ไม่เป็นไรครับหลวงพ่อ เงินเดือนของพวกผมนั้นทางราชการจ่ายให้ทุกวัน พวกผมก็ควรที่จะทำงานทุกวันเช่นกันครับ"

ฟังแล้วรู้สึกชื่นใจที่เรามีข้าราชการดี ๆ ซึ่งทุ่มเทให้กับหน้าที่การงานในรับผิดชอบเช่นนี้ สมกับคำว่า "ข้าราชการ" คือ ผู้กระทำงานถวายการรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทขององค์พระราชา

ขอให้ทุกท่านมีความสุขความเจริญ มีความปรารถนาที่สมหวังจงทุกประการ เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานทุกท่านทุกคนเถิด...สาธุ"

เถรี
06-05-2020, 06:41
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วง ๒ - ๓ วันที่ผ่านมาชีวิตวุ่นวายมาก เนื่องจากการจัดมอบทุนการศึกษาประจําปี ๒๕๖๓ ซึ่งประกอบด้วยทุนระดับประถมศึกษา ทุนละ ๒,๐๐๐ บาท จำนวน ๓๕๐ ทุน ทุนระดับมัธยมศึกษาและประกาศนียบัตรวิชาชีพ ทุนละ ๓,๐๐๐ บาท จำนวน ๗๐ ทุน ทุนระดับอุดมศึกษา (ปริญญาตรี) ทุนละ ๓๐,๐๐๐ บาท (เมื่อสอบชิงทุนได้จะได้รับทุกปีจนกว่าจะจบหลักสูตร ๔ ปีหรือ ๕ ปี) จำนวน ๘ ทุน

แค่จำนวนนักเรียนรับทุนก็ ๔๒๘ คนเข้าไปแล้ว เกินจำนวน ๕๐ คนที่อนุญาตให้ประชุมได้กันตาม พรก.ฉุกเฉิน จึงสร้างความเครียดให้กับฝ่ายปกครองเป็นอย่างยิ่ง ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ทั้งนายอำเภอทองผาภูมิ ทั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลทองผาภูมิ ต้องวิ่งวุ่นอยู่กับเรื่องของวัดท่าขนุนอย่างน่าปวดหัว

ถ้าให้มอบทุนการศึกษา ด้วยจำนวนคนมากขนาดนี้ก็คือผิดกฎหมายอย่างแน่นอน ถ้าไม่ให้มอบทุนการศึกษา สิ่งที่เด็กยากจนรอกันมาทั้งปีด้วยความหวัง ก็จะสลายกลายเป็นอากาศธาตุ ยิ่งในภาวะที่บรรดาผู้ปกครองต้องตกงาน เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ เงินทุกบาททุกสตางค์คือความหวังในการต่อชีวิตของครอบครัว

โดยเฉพาะคนทั้งหลายเหล่านี้ส่วนมากเป็นชาวต่างด้าว ต่อให้รัฐบาลมีโครงการเราไม่ทิ้งกัน ก็ต้องโดนทิ้งโดยปริยายอยู่แล้ว ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับเงินเยียวยา ๕,๐๐๐ บาท ทุกคนจึงตั้งหน้าตั้งตารอทุนการศึกษาจากวัดท่าขนุน ซึ่งอาจจะเป็นเบี้ยต่อไส้ของคนทั้งครอบครัวไปได้อีกระยะหนึ่ง"

เถรี
06-05-2020, 06:42
"ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงมีการปรึกษาหารือเพื่อเตรียมการดำเนินงาน ให้ทุกอย่างเป็นไปโดยไม่ผิดกฎหมาย และให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทางวัดท่าขนุน นายกเทศมนตรี นายอำเภอ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองผาภูมิ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ อาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้าน จึงต้องประชุมร่วมกันตลอดทั้ง ๒ วัน เพื่อหาทางออกให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

จากแผนเดิมของทางวัดท่าขนุน ที่มอบหมายให้พระภิกษุ ๒๑ รูป ดูแลนักเรียนรูปละ ๑ โรงเรียน (๒๐ คน) มีเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ๑๖ คน ช่วยในการคัดกรองเด็ก แล้วให้เข้ารับทุนทีละ ๑ โรงเรียน (๒๐ คน) รับทุนเสร็จแล้วให้เดินทางกลับทันที

ทางเทศบาลและที่ว่าการอำเภอ ขอให้เพิ่มเติมกำลังตำรวจ อส. อปพร. มาช่วยกันดูแลเพิ่มเติม ทั้งทางด้านการจราจร การให้ข้อแนะนำ การช่วยครูควบคุมและคัดกรองเด็ก อาตมาจึงต้องทำหนังสือเร่งด่วน ขอความร่วมมือจากทางตำรวจ อส. และ อปพร. เพิ่มขึ้นอีกหลายฉบับ

แล้วยังต้องเขียนรายงานวิธีการดำเนินงาน ตลอดจนแผนที่การเข้าออก และรายชื่อเด็กตลอดจนครูที่ควบคุมมา ส่งให้กับทางอำเภอเพื่อเอาไว้ชี้แจงผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นต่อไป"

เถรี
06-05-2020, 06:43
"ส่วนงานหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อเงินปิดทองนั้น ยิ่งเป็นที่หนักใจกว่าอะไรทั้งหมด ด้วยทางท่านนายอำเภอเกรงว่าจะควบคุมจำนวนคนไม่ได้ และแต่ละคนก็มาจากพื้นที่เสี่ยงซึ่งมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ทั้งสิ้น จึงขอให้ทางวัดจำกัดจำนวนคนเข้าร่วมงาน เอาเฉพาะที่จำเป็นไม่เกิน ๕๐ คนตาม พรก.ฉุกเฉินเท่านั้น..!

อาตมาจึงต้องมาทำประกาศวัดท่าขนุน เพื่อแจ้งให้ญาติโยมได้ทราบว่างานนี้ไม่ควรไปวัดอย่างยิ่ง ให้รออนุโมทนาบุญในการหล่อพระจากการถ่ายทอดสดเท่านั้น และยังต้องมาทำบัตรจำนวน ๕๐ ใบ สำหรับบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในงานเพื่อทำหน้าที่ของตน

เป็นที่น่าเห็นใจท่านนายกเทศมนตรี และท่านนายอำเภอเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าทองผาภูมินั้นยังเป็นอำเภอบริสุทธิ์ ไม่พบผู้ป่วยด้วยเชื้อไวรัส covid-๑๙ มาก่อนแม้แต่รายเดียว ถ้าการจัดงานวัดท่าขนุนแล้ว ปรากฏผู้ติดเชื้อแม้เพียงคนเดียว ความบรรลัยก็จะเกิดขึ้น..!"

เถรี
06-05-2020, 06:44
"ประการแรกคือ ผิด พรก. ฉุกเฉิน ซึ่งห้ามจัดงานที่มีการชุมนุมคนจำนวนมาก ประการที่สองคือ ผิดพระราชบัญญัติการควบคุมโรคติดต่อ แล้วยังเป็นการฝืนคำสั่งของผู้บังคับบัญชาทางการปกครองคณะสงฆ์ ฝืนคำสั่งของทางราชการซึ่งแต่ละจังหวัดออกประกาศให้ปฏิบัติตามในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ นี้

ทางอำเภอจึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ อส. อปพร. ปิดทางเข้าวัดทุกแห่งในวันงาน ใครไม่มีบัตรประจำตัว ๕๐ ใบของทางวัดท่าขนุน ห้ามเข้าวัดอย่างเด็ดขาด ต่อให้มีบัตรถ้าไม่ผ่านการคัดกรองก็เข้าวัดไม่ได้เช่นกัน

จึงต้องขออภัยทางราชการและญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ที่ทำให้ทุกท่านต้องลำบากและไม่ได้รับความสะดวกในงานหล่อพระครั้งนี้ แต่ที่จำเป็นต้องทำเพราะว่า ถ้าเราไม่สู้มารก็จะผยอง และตัดทางบุญของเราไปเรื่อย แต่การสู้ก็ต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมายที่กำหนดเอาไว้ จึงจะเรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้แบบผู้มีปัญญา

ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายจึงควรที่จะชมการถ่ายทอดสดและอนุโมทนาอยู่กับบ้าน ถ้าจะส่งเสบียงบุญร่วมช่วยเหลือในการศึกธรรมาธรรมสงครามครั้งนี้ ก็เข้าไปในเว็บวัดท่าขนุนซึ่งได้เปิดกระทู้เอาไว้ จะทำบุญหรือจะบูชาวัตถุมงคลเพื่อร่วมหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อเงินปิดทองในครั้งนี้ก็ได้ ต้องขออภัยและขออนุโมทนากับทุกท่านมา ณ ที่นี้เป็นอย่างสูง"

เถรี
07-05-2020, 05:52
พระอาจารย์กล่าวว่า "งานมอบทุนการศึกษาประจำปี ๒๕๖๓ ของวัดท่าขนุนเสร็จสิ้นลงด้วยดี เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องใช้กำลังพล ทั้งพระภิกษุสามเณร ตำรวจ อส. แพทย์พยาบาล และอาสาสมัครสาธารณสุข เป็นจำนวนมากขนาดนี้

พ.ต.อ.จิรายุส วานิชกูล ผกก.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ วิเศษสิงห์ รอง ผกก.สภ.ทองผาภูมิ นั่งประกบข้างเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน และช่วยมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนด้วย ทั้งท่านผู้กำกับและรองผู้กำกับ ทึ่งมากว่าอาตมาเอาเงินเป็นล้านมาไล่แจกเด็ก จึงต้องมอบทุนการศึกษาไปคุยกันไปว่า

"ญาติโยมที่มีจิตศรัทธาอยากทำบุญมีมาก แต่เขาก็ต้องการพระที่เขาไว้ใจได้ ว่าไม่เอาเงินของเขาไปใช้อย่างอื่นนอกจากงานบุญที่เขาตั้งใจทำ อาตมาทำแบบนี้มาตั้งแต่ฆราวาส บวกกับเวลาของพระอีก ๓๔ - ๓๕ ปี ทำให้ทุกคนที่เห็นเกิดความเชื่อถือ

โดยเฉพาะการทำบุญทุกอย่างมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ถึงเวลาทำมากกว่าที่ญาติโยมได้ร่วมบุญเอาไว้ ดังนั้น..เมื่อจะทำอะไรทุกคนจึงเต็มใจที่จะร่วมบุญด้วย ต่อให้ไม่มีใครร่วมบุญด้วยอาตมาก็ควักกระเป๋าส่วนตัวทำเอง เมื่อเห็นเช่นนี้มาปีแล้วปีเล่า ก็เกิดความไว้วางใจ อยากจะทำอะไรก็มีแต่คนช่วยสนับสนุน"

เถรี
07-05-2020, 05:53
"การมอบทุนการศึกษาให้กับเด็ก ทั้งระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ และระดับปริญญาตรี ๔๒๘ คน เสร็จเรียบร้อยลงภายในชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ท่านผู้กำกับและรองผู้กำกับยังไม่ทันจะขยับลุก พระเณรวัดท่าขนุนก็เก็บกวาดสถานที่เรียบร้อยแล้ว..!

"ผมยังไม่เคยเห็นวัดที่ไหนทำงานมีประสิทธิภาพขนาดนี้มาก่อนเลยครับ หลงเป็นห่วงว่าทุกอย่างจะวุ่นวายจนควบคุมได้ยาก กลายเป็นว่า ทุกคนทำงานกันอย่างเป็นระบบและเข้าขากันดีมาก แจกเร็วจบเร็ว แต่ละโรงเรียนใช้เวลาไม่ถึง ๕ นาที"

ความจริงวัดแบบนี้อาตมาเจอมาหลายแห่ง แต่ท่านรองฯ เกียรติศักดิ์ยังไม่เคยเจอมาก่อน ถึงได้กล่าวเช่นนี้"

เถรี
07-05-2020, 05:55
"เมื่อบรรดาทีมแพทย์พยาบาล อาสาสมัครสาธารณสุข ตำรวจและ อส. ลากลับหมดแล้ว อาตมาก็เดินทางไปดูโครงการข้าวกล่อง ๑๐ บาท เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชนในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙

ก่อนไปถึงโครงการได้แวะร้านโชคอนันต์ นำเอาผ้ายันต์พญาเต่ามังกรพลิกชีวิต ที่ท่านพระครูเทพ (พระครูปฐมสาธุวัฒน์) เจ้าอาวาสวัดสี่แยกเจริญพรถวายมา ไปใส่กรอบเพื่อเอาไว้ใช้เอง ๑ ผืน แล้วจึงเดินทางไปพูดคุยให้กำลังใจกับบรรดาพ่อครัวแม่ครัว ที่กำลังผลิตข้าวกล่องอย่างขมักเขม้น"

เถรี
07-05-2020, 05:57
"เมื่อกลับมาถึงวัดท่าขนุน ทางเจ้าหน้าที่ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ มาถามว่าเรื่องนี้จะตอบอย่างไร ? คือเรื่องที่คุณยงยุทธ ชอบทำดี ส่งเงินดอลลาร์ให้กับอาตมา ๙ เหรียญ บอกว่าอาตมาอยากได้เพื่อจะหาเรื่องไปให้แผ่นดินไหวที่อเมริกา..!

อาตมาเห็นว่าเป็นไปในลักษณะ "ฤๅษีแปลงสาส์น" หรือ "ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด" เพราะที่หนูเล้ง (เด็กหญิงปุณยนุช ขจรนิธิพร) นำไปลงไว้ในเฟซบุ๊กนั้น เป็นการนำเอาเนื้อหาทั้งหมดที่อาตมากล่าวถึงการที่ไปยังสถานที่ต่าง ๆ แล้วที่นั้น ๆ จะเกิดอุบัติภัยขึ้นมา แต่คุณยงยุทธตัดเนื้อหาแบบชวนให้เข้าใจผิดมาแค่นิดเดียวเท่านั้น

อาตมาจึงให้ "ท่านสุธรรม" เลขานุการส่วนตัว สแกนจดหมายของคุณยงยุทธ เอาลงในเว็บไซต์วัดท่าขนุนให้ทุกคนได้ทราบทั่วกัน เพื่อเป็นบทเรียนแก่หนูเล้งว่า การลงอะไรด้วยความหวังดีปรารถนาดี ก็อาจจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดไปได้มากจนถึงขนาดนี้ และเป็นบทเรียนกับคุณยงยุทธว่า การเขียนอะไรที่สั้นจนเกินไปหรือเขียนตามความเข้าใจของตนเอง ก็อาจจะสร้างความเข้าใจผิดหรือความเสียหายถึงครูบาอาจารย์ได้เช่นกัน

โดยให้ "ท่านสุธรรม" สรุปใจความสั้น ๆ ว่า "ใครทำก็รับผิดชอบเอาเอง" โดยเฉพาะเรื่องของอเมริกา เป็นประเทศที่อาตมาไม่เคยมีความคิดที่จะไปเลย แม้ว่าจะได้รับนิมนต์จากญาติโยมหลายครั้งแล้วก็ตาม จะด้วยเหตุผลประการใดถ้ามีโอกาสจะแจ้งให้ทราบทีหลัง

ได้แต่หวังว่าบทเรียนครั้งนี้ จะช่วยให้ทุกฝ่ายทำอะไรรอบคอบขึ้น ช่วยให้มีกำลังใจเข้มแข็งขึ้น รับการกระทบจากโลกธรรมต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ไม่เช่นนั้นก็เสียทีที่ได้ปฏิบัติธรรมกันมาคนละนาน ๆ แต่เป็นผู้ชำนาญการ "ทำสงครามบนหน้ากระดาษ" เจอของจริงเข้าก็พ่ายแพ้พังยับไม่เป็นท่า ถ้าอย่างนั้นก็จะเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง"

เถรี
07-05-2020, 22:08
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันพฤหัสบดีที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ อาตมาเดินทางเข้าบ้านเติมบุญ โดยปกติต้องไปถึงประมาณเก้าโมงครึ่งถึงสิบโมงครึ่ง ตามแต่ว่ารถจะติดมากหรือน้อย

แต่วันนี้ไปถึงบ้านเติมบุญยังไม่ทันจะแปดโมงดี ถ้าบอกว่าเป็นช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ทำให้รถมีน้อยเลยไม่ติดก็ไม่น่าจะใช่ เพราะที่วิ่งมารู้สึกว่าจำนวนรถบนท้องถนนจะกลับเข้าสู่ระดับปกติแล้ว

ไม่ทราบว่าพญาแมลงภู่คำทั้งสองทำอย่างไร จึงทำให้วิ่งได้ลื่นไหลปานนั้น ซ้ำด่านตรวจเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ทุกด่าน ทำเป็นเหมือนกับไม่เห็น "น้องแก้ว" ทั้งที่เป็นรถ SUV คันเบ้อเริ่ม จึงทำให้ไปถึงจุดหมายปลายทางก่อนเวลามาก

ขนบรรดาวัตถุมงคลต่าง ๆ ที่เตรียมมาให้ "ไอ้ตัวเล็ก" เพื่อส่งให้กับผู้ที่สั่งจองในเว็บวัดท่าขนุน แล้วแจ้งไปยังท่านอาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล) ที่ส่งไลน์ไปบอกว่าถ้าเข้าบ้านเติมบุญเมื่อไร ให้อาตมาติดวัตถุมงคลที่จองไว้มาให้ด้วย"

เถรี
07-05-2020, 22:10
"ท่านอาจารย์ธนิสร์เดินทางมาพร้อมด้วยขลุ่ยคู่ชีพ และคุณหญิง ธิดารินทร์ ศิลปินหญิงผู้ขับร้องเพลง "กอดลม" ที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ให้แต่งขึ้นเพื่อแทนคำขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ ที่ต้องเหนื่อยยากต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙

อาตมานำเหรียญสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตเนื้อชินและเนื้อทองเหลืองที่เป็นองค์ตัวอย่าง มอบให้กับท่านอาจารย์ธนิสร์พร้อมด้วยไม้ครู แล้วมอบหน้ากากอนามัยที่เข้าพิธีวัดบ้านห้วยน้ำขาว ให้กับท่านอาจารย์ธนิสร์และคุณหญิง ธิดารินทร์คนละ ๑ ชิ้น

จากนั้นพูดคุยสารทุกข์สุกดิบย้อนหลัง ๓๐ กว่าปีที่รู้จักกันมา โดยสิ่งที่ศิลปินทั้ง ๒ ชมอาตมาก็คือ การปฏิบัติต่อทุกคนโดยเสมอหน้ากัน ตลอดระยะเวลายาวนานที่รู้จักกันมา ไม่มีใครมีสิทธิพิเศษ จะเป็นใหญ่เป็นโตชื่อเสียงโด่งดังหรือร่ำรวยขนาดไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าอาตมาก็นั่งแบกับดินเหมือนกัน

จนกระทั่งได้เวลาฉันเพล ท่านอาจารย์ธนิสร์ขอใช้ธรรมเนียมโบราณ คือบรรเลงเพลงถวายในระหว่างที่พระฉัน จึงเป็นบุญหูของอาตมาและญาติโยม ไม่ว่าจะเป็นป้ามอย น้องเล็ก คุณชวง หรือว่าลูกกิฟท์ ที่ได้ฟังการบรรเลงสดเพลงค้างคาวกินกล้วย ตามมาด้วยเพลงขลุ่ยประกอบการร้องสดของคุณหญิง ธิดารินทร์ในเพลงเดือนเพ็ญและกอดลม

เมื่อฉันเสร็จแล้วทุกคนก็เป็นเด็กวัดด้วยกัน กินไปคุยกันไปแบบมีความสุขมาก จนกระทั่งส่งท่านอาจารย์ธนิสร์และคุณหญิง ธิดารินทร์กลับไปแล้ว อาตมาก็ได้เวลาจัดการกับตัวเองใหม่"

เถรี
07-05-2020, 22:12
"โดยปกติในรัดประคดเอวนั้น อาตมาใช้กระดาษซับห่อวัตถุมงคลบรรจุเอาไว้ ซึ่งมีทั้งพระและเครื่องรางของขลัง ในส่วนของพระนั้นได้รับการจัดการไปแล้ว ตอนที่นำเอาเหรียญ ๘ รอบ ของหลวงปู่เล็ก วัดทำนบ ออกมาถ่ายรูป วัตถุมงคลประเภทพระและเหรียญที่พกอยู่ประกอบด้วย

๑. พระพิมพ์ขี่นก (เลี่ยมทอง) หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ครูบาอาจารย์ในสายธรรมที่จะลืมเสียมิได้ พิมพ์อื่นมีคนขอบูชาไปหมดแล้ว

๒. สมเด็จหู (เลี่ยมทอง) หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ วัตถุมงคลสุดยอดพระคณาจารย์สายเหนียวแห่งภาคกลาง

๓. พระชัยวัฒน์เปียกทองฐานเงิน วัดสุทัศนเทพวราราม

๔. พระสมเด็จพร้อมด้วยของอธิษฐานชุดใหญ่ คุณยายแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม สุดยอดแม่ชีอภิญญาผู้โด่งดัง

๕. พระกริ่งจักรพรรดิชัยวรมัน (กรรมการ) หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน สุดยอดพระอภิญญาจารย์แห่งอีสานใต้

๖. เหรียญปี ๒๕๐๖ (เนื้อทองแดงเลี่ยมทอง) หลวงพ่อกุ่ม วัดฝาง พระอาจารย์ผู้วิเศษแห่งเมืองวิเศษไชยชาญ

๗. เหรียญตลับยาหม่องหลังหนังเสือ หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม ผู้สร้างกุมารทองอันดับหนึ่งแห่งเมืองไทย

๘. เหรียญรุ่นแรก (เนื้ออัลปาก้าเลี่ยมทอง) หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน หนึ่งในปรมาจารย์เบี้ยแก้สายอ่างทอง

๙. เหรียญ ๘ รอบ (เนื้อเงินลงยาหน้ากากทองเลี่ยมทอง) หลวงปู่เล็ก วัดทำนบ พระสุปฏิปันโนผู้มีปฏิปทาพระปัจเจกพระพุทธเจ้า"

เถรี
07-05-2020, 22:14
"ไม่นึกว่าแค่ช่องเดียวของรัดประคดจะพกวัตถุมงคลได้มากขนาดนี้ แล้วมาจัดการกับช่องถัดไป ด้วยการเปลี่ยนกระดาษซับห่อวัตถุมงคลใหม่ ช่องนี้เป็นประเภทลูกอมและชานหมาก ประกอบด้วย

๑. เครื่องรางในตำนาน ลูกอมแร่บางไผ่ หลวงปู่จันทร์ วัดโมลี

๒. ลูกอมเนื้อเมฆพัตร หลวงปู่เนียม วัดน้อย

๓. ลูกอมเนื้อเมฆสิทธิ์ หลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม

๔. ลูกอมชานหมาก หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา

๕. ลูกอมผงมหาโสฬส หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง

๖. ลูกอมมหาจินดามณีมนตราคม หลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา

๗. ลูกอมมหากัน หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม

๘. ลูกอมผงวิเศษยันต์เกราะเพชร หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค

๙. ลูกอมเจ็ดพญาช้างสาร หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว

๑๐. ลูกอมผงธูปสะท้านปฐพี หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก

๑๑. ลูกอมผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

๑๒. ชานหมากห่อจีวร หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค

๑๓. ปรอทสําเร็จ (ปรอททอง) หลวงปู่วัดเขาตามะยะ

๑๔. ปรอทสําเร็จ (ปรอทเงิน) หลวงพ่อเก็บ วัดสวนลำใย (ท่านยืนยันว่าวัดนี้ใช้สระไอ ไม้ม้วน)

ห่อเสร็จเก็บเข้าที่ เพิ่งจะได้ครึ่งช่องของรัดประคด จึงย้ายเอาแหวนจักรพรรดิทองคำ (พระสุธรรมยานเถระ) ของหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง มาบรรจุเอาไว้ช่องเดียวกันในฐานะเครื่องรางด้วยกัน"

เถรี
07-05-2020, 22:15
"นาน ๆ จะมีเวลามาจัดการกับทรัพย์สินของตนเองเสียที น้องเล็กนั่งแบมืออยู่ข้าง ๆ เผื่อว่ามีอะไรหลงเหลือไปถึงบ้าง จนต้องบอกว่า "รอตอนตายก่อนนะ วัตถุมงคลทั้งตัวอนุญาตให้ปลดได้ทั้งหมด เพราะว่าหามาด้วยเงินส่วนตัว ยกเว้นสมเด็จองค์ปฐมเลี่ยมทองประดับเพชร ที่มีคนถวายมา ถือว่าเป็นของสงฆ์ ให้ส่งคืนกับทางวัดไป"

สั่งเสียแล้วก็ขึ้นไปทำงานบนห้องพักด้วยความสบายใจ ส่วนคนอื่นจะสบายใจหรือกลุ้มใจก็ไม่ทราบเหมือนกัน ถือว่าปล่อยวางแล้ว ส่วนที่จะวางลงบนหัวใครก็แล้วแต่ว่าใครจะรับกันไปเอง..!"

เถรี
08-05-2020, 13:17
ถาม : การป้องกันอาสันนกรรมแทรกช่วงใกล้จะตาย ถ้าใช้วิธีอธิษฐาน​ทุกครั้งที่ทำบุญประจำ ว่าขออย่าให้อาสันนกรรมมาแทรกทำให้จิตหมองจนลงสู่ทุคติ​ภูมิเลย หรืออธิษฐาน​แนวอื่นไว้ก่อน จะป้องกันได้หรือไม่ ? และความเป็นพระอริยเจ้า คือตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป จะช่วยป้องกันเรื่องอาสันนกรรมได้ตลอดไปหรือไม่ ?

ตอบ : หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งของอาตมาเคยกล่าวไว้ว่า "ใครจะใหญ่เกินกรรม" แม้แต่การเป็นพระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปบางทีก็ยังพลาดได้ ดังเช่นพระติสสเถระ ที่ไปเกิดเป็นเล็นอยู่ในกลีบจีวร ๗ วัน แล้วตายจากเล็นค่อยไปอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต หรือหลวงปู่ท่านหนึ่ง (ขอสงวนนาม) ที่เป็นถึงอดีตเจ้าคณะจังหวัด ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นอย่างมาก ปกติเมื่อมรณภาพแล้วต้องไปพระนิพพาน แต่ไปได้แค่พรหมชั้นที่ ๑๒ (อวิหาสุทธาวาสพรหม) เป็นต้น

ถาม : กำลังนอนหลับ จู่ ๆ รู้สึกว่าจิตเรากำลังปรุงแต่งฟุ้งซ่าน เลยกำหนดดึงจิตมาบริกรรมอยู่กับคำภาวนาบ้าง ลมหายใจบ้าง บทสวดมนต์บ้าง แต่จิตก็ยังฟุ้งซ่าน เราก็เห็นแล้วก็ดึงกลับมาภาวนาต่อ ยื้อยุด​แบบนี้ทั้งคืน แต่ตื่นนอนเช้าวันนั้น รู้สึกสดชื่นทั้งวัน ไม่ซึมเซา​ง่วงเหงาหาวนอน​เหมือนทุกวัน อารมณ์ใจตอนยื้อยุดขณะนอนหลับ ถูกต้องใช้ได้ไหม ?

ตอบ : ถือว่าถูกแค่ในขณะนั้น ถ้ามีความคล่องตัวมากจะเกิดสภาพสองอย่างด้วยกัน คือ ทรงสมาธิภาวนายาวตั้งแต่นอนลงไปจนตื่น โดยที่สติไม่เคลื่อนไปไหน กับการที่จิตพิจารณาข้อธรรมหรือวิปัสสนาญาณตั้งแต่นอนลงไปจนตื่น ถ้าขาดความคล่องตัวก็จะขาดสติ หลุดไปจากการรับรู้ คือ ตัดหลับไปแบบบุคคลทั่วไป

ถาม : ความฝันสามารถบอกถึงกรรมที่ต้องระวังและต้องแก้ไขให้ได้ไหม ? เช่น คนหนึ่งตอนพบหน้าปกติ ก็รู้สึกเฉย ๆ แต่พอเจอพบกันในฝัน ก็ปรี่เข้าไปทำร้ายทันที ความฝันแบบนี้คือ กิเลสที่ตกค้างในจิตเรา ทำให้เป็นกรรมติดตามเราต่อไปได้ ควรจะแก้ให้ได้ก่อนตาย และความฝันแบบใดที่จะไม่เป็นอันตราย

ตอบ : ภาษิตจีนกล่าวไว้ว่า "จิตใจทำร้ายคนไม่ควรมี แต่จิตใจระวังคนมิอาจจะละเลย" ตรงกับหลักธรรมที่ว่าไม่ประมาท ดังนั้น..ถ้ามัวแต่รอให้ฝันแล้วค่อยไประวังคนใดคนหนึ่ง ก็อาจจะเดือดร้อนเพราะคนที่ไม่ได้ฝันไปก่อนหน้านั้นแล้ว..!

เถรี
08-05-2020, 13:20
ถาม : ด้านหน้าพระขุนแผนเกราะเพชรเป็นรูปของสมเด็จองค์ปฐม ใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : เป็นพระขุนแผนทรงพล

เถรี
08-05-2020, 13:21
ถาม : มีกรรมใดที่ส่งผลให้เราเป็นคนโลเลไหมคะหลวงพ่อ ? หนูอยากที่จะเลิกเจ้าชู้ เลยตั้งใจอธิษฐานต่อหน้าพระว่าจะงดเว้นการเสพกามและประทุษร้ายตัวเอง หากหนูทำไม่ได้ก็ขอให้หนูตายไปเลยเพราะคิดว่าถ้าเสพกามกับใครไม่ได้แล้ว การที่เราจะไปจีบสาว ๆ ก็ไม่มีประโยชน์

พอเวลาผ่านมาวันหนึ่งอยู่ใกล้สาว ๆ รู้ตัวว่าถ้าอยู่ต่อเราอาจจะทนไม่ได้แน่ก็รีบหนีออกมา เลยมีความรู้สึกกลัวว่าต่อไปเราอาจจะแพ้ความชั่วตัวเอง เพราะใจยังเจ้าชู้อยู่ แต่กายเราไม่เสพกามกับใครเท่านั้น ตอนแรกคิดว่าทำได้แน่ พอตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจว่าต่อไปจะทนไหวไหม ก็พยายามให้รอดไปวันต่อวัน หนูไม่อยากโลเลทั้งเรื่องทางโลกและทางธรรม หนูขอความเมตตาจากหลวงพ่อด้วยค่ะ

ตอบ : ประเภทนี้โบราณเรียกว่า "ลักเพศ" คือไม่เป็นไปตามเพศของตน วิธีแก้คือฝึกปฏิบัติในสมาธิภาวนาให้มากเข้าไว้ กำลังใจจะได้เข้มแข็ง ไม่โลเล ถ้ากำลังใจทรงตัว ก็จะตัด รัก โลภ โกรธ หลง ได้ชั่วคราวอีกด้วย

เถรี
08-05-2020, 13:25
ถาม : หนูรู้สึกว่า ตั้งแต่หนูแขวนสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิต หนูเข้าสมาธิได้ไวขึ้น (ซึ่งปกติก่อนหน้านี้ ต้องใช้เวลานาน) หนูรู้สึกว่ากระแสพลังงานลงมาที่หน้า และจิตจะนิ่ง ๆ สงบ ๆ มีความสุขค่ะ ขออนุญาตกราบเรียนถามหลวงพ่อว่า อาการที่หนูเป็นอยู่ คือการเข้าสมาธิระดับใดคะ ?

ตอบ : อธิบายมาแค่นี้ ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าเป็นสมาธิระดับใด ให้ไปอ่านหนังสือ กรรมฐาน ๔๐ ของ หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง บทที่ ๗ เรื่อง การทรงฌาน แล้วเปรียบเทียบกับอารมณ์ที่ท่านบอกเอาไว้ในนั้น

ถาม : หนูควรพัฒนาการทรงสมาธิอย่างไรต่อไปคะ ? ขอหลวงพ่อแนะนำด้วยค่ะ

ตอบ : แต่ละวันให้อารมณ์ใจอยู่กับสมาธิให้มากที่สุด โดยพยายามทำงานอื่นไปพร้อมกับการทรงสมาธิ จนกว่าจะคล่องตัว สามารถทรงสมาธิเมื่อไรก็ได้ ทรงได้นานแค่ไหนก็ได้ ตามที่ตนเองต้องการ

เถรี
08-05-2020, 13:27
ถาม : การจับภาพพระพุทธรูป ผมได้กำหนดจับรูปพระวิสุทธิเทพ ซึ่งถ้าผมลืมตาหรือใช้ชีวิตประจำวัน จะกำหนดได้ไม่ยาก ทั้งภาพองค์ใหญ่ ภาพองค์เล็ก จำนวนองค์น้อยหรือมาก แต่เมื่อผมนั่งสมาธิและปิดตา จะไม่ค่อยสามารถจับภาพพระวิสุทธิเทพขึ้นมาได้ หรือทำได้ยาก และไม่ชัด เป็นเพราะสาเหตุอะไร ?

ที่ผมพยายามแก้ โดยนึกว่าเวลาเปิดตาเนื้อสามารถกำหนดภาพได้ ดังนั้นเวลาปิดตานั่งสมาธิ ถึงกำหนดภาพไม่ได้ หรือไม่ชัด ผมจะพยายามไม่สงสัย คิดว่าองค์พระวิสุทธิเทพน่าจะอยู่กับเราเหมือนกันเช่นเดียวกับที่เปิดตา และพยายามเชื่อแบบนั้นผมทำถูกต้องไหมครับ ?

ตอบ : แต่ละคนมีความชำนาญต่างกันไป ส่วนใหญ่จะถนัดในการหลับตากำหนดภาพพระ แต่ก็มีจำนวนหนึ่งที่ถนัดกำหนดภาพพระในขณะที่ลืมตา ให้ทำไปตามความถนัดของตนเอง ไม่ต้องไปฝืนตามคนอื่นซึ่งจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี ส่วนการกำหนดภาพพระนั้น ถ้ายังไม่มีความชำนาญ ก็ยังไม่ปรากฏภาพชัดเจน เอาแค่เรามั่นใจว่ามีพระอยู่กับเราก็ใช้ได้แล้ว

ถาม : ผมเป็นคนที่ชอบพระพุทธรูป พระเครื่อง ผมมีภาพพระพุทธรูปที่ผมชอบ ผมควรจะเปลี่ยนภาพพระที่กำหนดไปเป็นองค์อื่นได้ไหม ? เพื่อแก้ปัญหาที่กำหนดภาพพระวิสุทธิเทพได้ไม่ชัดในขณะที่นั่งภาวนาหลับตาครับ

ตอบ : การปฏิบัติกรรมฐาน ต้องทำทีละอย่าง เมื่อทำได้ดีแล้วค่อยเปลี่ยน ไม่ใช่นึกอยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน จนกลายเป็นเอาดีไม่ได้สักที..!

เถรี
08-05-2020, 13:29
ถาม : ผมสวดอิติปิโสฯ ๓ ห้อง ๑๐๘ จบ เพื่อบูชาสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิต แต่เนื่องด้วยการที่ไม่ค่อยได้สวดมนต์นาน ๆ จึงทำให้มีการสวดผิดสวดถูก สลับบทสวดมนต์กลับไปกลับมา แต่ก็พยายามสวดให้ได้ครบ ๑๐๘ จบ จากการสวดมนต์ที่ไม่ค่อยจะมีคุณภาพแบบนี้ ผมจะได้อานิสงส์การสวดถวายพระครบถ้วนหรือไม่ครับ หรือจำเป็นต้องสวดให้ถูกต้องครบทุกอักขระ จึงจะได้อานิสงส์สวดมนต์ ๑๐๘ จบครับ ?

ตอบ : การสวดมนต์นั้น จะมากจะน้อยก็มีอานิสงส์อยู่แล้ว การสวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง เพื่อถวายสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิต ท่านให้สวดแค่วันละ ๓ จบ นอกจากเมื่อลำบากแทบเลือดตากระเด็น ต้องการที่จะขอบารมีพระองค์ท่าน เพื่อเปลี่ยนชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น จึงให้ภาวนา (ไม่ใช่สวด) รวดเดียว ๑๐๘ จบ แล้วอธิษฐานปิดท้าย ไม่ใช่สวดวันละ ๑๐๘ จบ แต่ถ้าสวด ๑๐๘ จบแล้วยังไม่คล่องตัว ก็ให้เปิดหนังสือดูไปด้วยจนกว่าที่จะคล่องตัว

เถรี
08-05-2020, 13:31
ถาม : ในขณะที่ทำบุญ เช่น ทำบุญสังฆทาน ระหว่างอารมณ์ของคนปกติทั่วไป กับการมีปีติเกิดขึ้น อย่างไหนจะได้บุญมากกว่ากัน

ตอบ : เกิดปีติจะมีผลบุญมากกว่า แต่ก็อยู่ในระดับกามาวจรภูมิ คือได้เกิดเป็นเทวดาหรือนางฟ้าในสวรรค์ ๖ ชั้น ถ้าก้าวเลยปีติขึ้นไปเป็นฌาน จะได้เกิดในรูปาวจรภูมิ คือ พรหม ๑๑ ชั้นแรก ถ้าให้ทานโดยละ ราคะ โทสะ ได้โดยเด็ดขาด จะเกิดในสุทธาวาสภูมิ ๕ ชั้น (พรหมอนาคามี) ถ้าไม่นิยมการเกิดจริง ๆ ก็จะก้าวพ้นบุญพ้นบาปไปสู่พระนิพพาน

เถรี
08-05-2020, 20:07
"ถามจริง...ท่านประธาน ที่รวยขนาดนี้เพราะพระคาถาเงินล้านใช่ไหม ?"

พระครูกล้า (พระครูวาทีวรวัฒน์, ดร.) รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี เพื่อนร่วมรุ่นปริญญาเอก เพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ และเป็นเลขานุการให้อาตมาที่เป็นประธานรุ่นถามขึ้น เมื่อเห็นอาตมาเอาเช็คเงินสด ๑ ล้านบาท ถวายท่านอาจารย์ปู่ (พระครูปลัดสุวัฒนบัณฑิตคุณ - พระมหาไพเราะ ฐิตสีโล, ดร.) เจ้าคณะอำเภอป่าโมก เพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ เพื่อช่วยเหลือค่าอาหารเด็กกำพร้าวัดสระแก้ว

"ตอบจริง..ใช่ครับ"

"ตั้งแต่ท่านประธานบอก ผมก็สวดวันละ ๙ จบทุกวันนะ แต่ไม่เห็นรวยได้อย่างท่านประธานเลย ?"


"เรื่องนี้เกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน

๑. ตอนภาวนาอย่าอยากรวย ถึงจะอยากรวยแค่ไหนก็ต้องลืมให้ได้

๒. ให้ภาวนาเป็นกรรมฐาน ไม่ใช่สักแต่ว่าสวดไปให้ครบ ๙ จบ

๓. ต้องมีการทำบุญด้วย สมัยหลวงปู่ปานท่านให้ใส่บาตรทุกวัน สมัยหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกผมว่า "มีเงินต้องใช้ โดยเฉพาะใช้ไปในกองบุญการกุศล ท่านเปรียบว่าเหมือนกับเขื่อนกักน้ำเอาไว้ ถ้าน้ำเก่าไม่ไหลออกไป น้ำใหม่ก็เข้ามาไม่ได้"

๔. ผมเป็นประธานรุ่นว่ะ..คุณเป็นแค่เลขานุการรุ่น จะเอาให้รวยเท่าประธานย่อมเป็นไปไม่ได้..!"

ตอบเสร็จก็ต้องรีบเผ่นไปบังหลังท่านอาจารย์ปู่ เพราะว่าเลขานุการรุ่นทำท่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันผ่านหน้ากากอนามัย ขืนอยู่ใกล้คงมีการถวายกำปั้นให้ประธานรุ่นเป็นแน่..!

เถรี
08-05-2020, 20:13
กลับมาบ้านเติมบุญจัดการกับกิจการงานต่าง ๆ โดยเฉพาะการจ่ายเงินค่าปล่อยชีวิตสัตว์ประจำเดือนพฤษภาคม จ่ายค่าเม็ดเงินสำหรับหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อเงินปิดทอง เป็นต้น

"ถ้าเงินไม่พอเดี๋ยวผมยืม "หม่าม้า" ให้ก่อนก็ได้ครับ" ทิดเฟิร์สว่า

อาตมากรีดนับธนบัตรใบละ ๑,๐๐๐ บาทให้ดู เมื่อหมดแล้วก็ดึงใบใหม่ออกมาให้เห็นหน้าตาเฉย..! ทำเอาหลายคนปากอ้าตาค้าง..!

"นี่ทำธนบัตรปลอมต่อหน้าต่อตาเจ้าพนักงานเลยนะครับ..!"

"เอ็งไม่ต้องมาตั้งข้อหา ทุกใบใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ตรวจสอบอย่างไรก็เป็นของจริง"

"เสียดายมากครับ ไม่ได้ถ่ายวิดีโอเป็นหลักฐานเอาไว้"

เพิ่งจะแจ้งข้อหาปลอมธนบัตร ดันทะลึ่งจะถ่ายวิดีโอไว้เป็นหลักฐานอีก เตะซะดีมั้ง ?!!

เถรี
09-05-2020, 06:33
พระอาจารย์เล่าว่า "วันเสาร์ที่ ๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ แรม ๓ ค่ำเดือน ๖ ปีชวด เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาประมาณตีสองครึ่ง ความเคยชินก็คือส่งจิตไปกราบพระบนพระนิพพาน กำหนดภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สถิตอยู่เหนือเศียรเหนือเกล้า แผ่พระรัศมีครอบคลุมลงมาทั่วกาย แล้วนึกถึงวัตถุมงคลที่พกติดตัวทุกชิ้น กราบอาราธนาบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ทุกท่าน ช่วยปกปักรักษา หากวันนี้หมดอายุขัยตายลงไปก็ดี หรือว่าเกิดอุบัติเหตุอันตรายจนถึงแก่ชีวิตก็ตาม ลูกขอไปอยู่ที่พระนิพพานกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งเดียวเท่านั้น

เมื่อภาพพระสว่างไสวในดวงจิต วัตถุมงคลทุกชิ้นปรากฏชัดเจนในห้วงนึก ก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ ตอนที่ปิดประตูห้องน้ำแล้วหมุนตัวกลับมา ยังไม่ทันจะเดินไปนั่งที่โถส้วม

"เปรี้ยยงง..!" เสียงดังสนั่นปานฟ้าผ่า วัตถุบางอย่างพุ่งชนบริเวณหัวใจจนอาตมากระเด็นถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วของชิ้นนั้นกระเด็นแฉลบออกทางช่องลมห้องน้ำไป ภาพพระยังมั่นคง สภาพจิตไม่หวั่นไหว เอามือคลำดูบริเวณที่โดนพุ่งชน โอ้โฮเว้ย..มันกะเอาตายเลยนะนี่..!

ตรงนั้นเป็นช่องกระเป๋าเล็ก ๆ ในช่องนั้นอาตมาใส่สมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๒ ของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง พระขุนแผนผงพุทธคุณ ของหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ และมีดหมอเทพศาสตราขนาดปากกา ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ เอาไว้

บัดนี้มีดหมอเทพศาสตรา หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ งอพับจนต้องดึงออกมาจากช่องเก็บอย่างทุลักทุเล จากด้ามตรง ๆ กลายเป็นงอโค้งเกือบ ๗๐ องศา แรงที่พุ่งเข้ามากระแทก ถ้าเปรียบกับลูกปืนก็ไม่ต่ำกว่า ๑๒๐ ฟุต/ปอนด์..!

อาตมาวางมีดหมอลงบนแท่นหินแกรนิตข้างอ่างล้างมือ กดลงจนสุดกำลังแล้วก็ยังงออยู่อีกไม่น้อย จนต้องชักออกจากฝัก มือหนึ่งจับด้ามมือหนึ่งจับใบมีด ดัดให้เข้าที่พร้อมกับภาวนาว่า "อย่าหักนะครับหลวงปู่ นี่เป็นมีดปากกาด้ามสุดท้ายที่ผมมีอยู่ ถ้าหักก็คงต้องพกเล่มใหญ่แล้วครับ..!"

เดชะบุญคุณพระคุ้ม สามารถดัดมีดจนกลับเข้าที่ได้ เหลือแต่รอยยับเยินบริเวณแผ่นเงินรัดคอใบมีด อ้าว..เฮ้ย..ลืมถ่ายรูปเอาไว้ก่อน เลยไม่มีรูปตอนมีดงอพับไว้เป็นหลักฐาน"

เถรี
09-05-2020, 06:35
"อาราธนามีดหมอกลับเข้าที่ เข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัวแล้ว กลับห้องนอนมาใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปมีดหมอเอาไว้ ยังพอมีร่องรอยการชำรุดให้เห็นอยู่บ้าง แต่ถึงใครจะเอาเล่มสมบูรณ์จากไหนมาเปลี่ยนก็ไม่ยอม เพราะว่าถ้าไม่ได้มีดหมอเล่มนี้ที่ช่วยรับไว้ให้มีหวังตายไปแล้ว..!

หลวงวิจิตรวาทการท่านได้กล่าวไว้ว่า "อันที่จริงคนเขาอยากเห็นเราดี แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้ จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครเขาอยากเห็นเราเด่นเกิน" ตอนแรกที่เห็นบุคคลรุมทำไสยศาสตร์ใส่หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง อาตมาก็สงสัยว่าจะทำไปทำอะไรวะ ?

หลังจากนั้นถึงได้ทราบว่ามีหลายสาเหตุด้วยกัน ประการแรกก็คือหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ถ้าใครสามารถล้มท่านลงได้ ตนเองก็จะโด่งดังในวงการเป็นอย่างยิ่ง

ประการที่สองก็คือ ญาติโยมแห่กันไปทำบุญกับหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นจำนวนมาก เขาคิดกันง่าย ๆ ว่า ถ้าไม่มีหลวงพ่อวัดท่าซุงเสียแล้ว ก็จะได้มีคนไปหาตัวเองบ้าง

ประการสุดท้ายก็คือ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านจัดงานเป่ายันต์เกราะเพชร ซึ่งเป็นคู่ปรับของไสยศาสตร์โดยตรง เมื่อมียันต์เกราะเพชรคอยคุ้มครอง อำนาจไสยศาสตร์ก็ทำอันตรายไม่ได้ ทำให้บรรดาหมอไสยศาสตร์โดนตัดทางทำมาหากินไปมาก จึงต้องจัดการล้มหลวงพ่อท่านลงให้ได้..!

อาตมาเองรบกับบรรดาไสยศาสตร์ทั้งหลายจนขี้เกียจรบ แต่ก็ยังมีมาเป็นปกติ จึงต้องอาศัยบารมีคุณพระศรีรัตนตรัยและพรหมเทวดา ตลอดจนครูบาอาจารย์ทั้งหลายคอยคุ้มครองรักษา แต่ครั้งนี้เขาเอาหนักจริง ๆ กะเล่นกันถึงตายเลย..!

"วันนี้เป็นวันเสาร์ข้างแรมครับ ถ้าทำไสยศาสตร์จะมีอานุภาพมากขึ้น คนทำก็เลยพลอยซวยหนักขึ้นไปด้วย" ท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณในภาค ย.ยักษ์ เขี้ยวใหญ่ ถือกระบองยืนตัวใหญ่ค้ำฟ้า เมตตาเฉลยให้ทราบ

"สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงอย่าได้มีเวรมีกรรมและเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย จงรักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นเถิด"

เถรี
09-05-2020, 06:40
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=35173&stc=1&d=1588981177


http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=35174&stc=1&d=1588981177


http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=35175&stc=1&d=1588981177

เถรี
09-05-2020, 06:41
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ยืนยันในสิ่งที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเตือนเอาไว้ตั้งแต่สมัยฆราวาส เมื่อเห็นอาตมาไม่พกวัตถุมงคลอะไรเลยว่า

"แกอย่าได้ประมาท มีวัตถุมงคลให้อาราธนาติดตัวไว้บ้าง หลวงพ่อปานท่านเก่งขนาดไหน เมื่อวาระกรรมมาถึงยังโดนเขาทำไสยศาสตร์จนล้มทั้งยืน แกจะเก่งกว่าท่านเชียวหรือ ?"

เถรี
10-05-2020, 11:34
"มาทบทวนพุทธภาษิตกันหน่อยจ้ะ"

พระภิกษุชรา ไหล่ค้อมเล็กน้อย ห่มจีวรย้อมขมิ้น หน้าตาผ่องใสเยือกเย็น เดินมาในแสงสว่างนวลละมุนละไม ประหนึ่งดวงจันทร์วันเพ็ญขึ้นพร้อมกันสัก ๑๐ ดวง

น้อมกราบลงแทบเท้า "พระเดชพระคุณต้องการบทไหนครับ ?"ท่านยิ้มน่ารักแบบคนแก่ใจดี

"เอาคำพูดหรูแฟ่ประเภทนี้ไปใช้กับคนอื่นเถิดจ้ะ ฉันฟังแล้วจั๊กกะเดียมหู คราวนี้ฟังฉันให้ดีนะจ๊ะ

อตฺตนา ว กตํ ปาปํ อตฺตนา สงฺกิลิสฺสติ
อตฺตนา อกตํ ปาปํ อตฺตนา ว วิสุชฺฌติ"

"คนทำบาปย่อมเศร้าหมองเอง คนไม่ทำบาปย่อมบริสุทธิ์เองครับ"

"สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ นาญฺโญ อญฺญํ วิโสธเย"

"ความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตน บุคคลหนึ่งจะทำอีกบุคคลหนึ่งให้บริสุทธิ์หาได้ไม่ครับ"

"นั่นแหละจ้ะ ที่ฉันฝากบอกบริษัทบริวารของเธอ อย่าไปกังวลกับเรื่องของคนอื่น โดยเฉพาะกับเรื่องของเธอ ให้ระวังรักษาใจของตัวเองเอาไว้ให้ดี

บุคคลหว่านพืชเช่นใดย่อมได้รับผลเช่นนั้น คนทำกรรมดีย่อมได้รับผลดี คนทำกรรมชั่วย่อมได้รับผลชั่ว

ให้ทุกคนระมัดระวังรักษากาย วาจา ใจของตน ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติในทาน ศีล ภาวนา สั่งสมบุญกุศลให้มากเข้าไว้

โลกใบนี้จะร้อนร้ายขึ้นไปเรื่อย ๆ เราต้องอดทนได้ เยือกเย็นได้ โดยเฉพาะความมีสติ ตราบใดที่ผู้ปกครองยังไม่อยู่ในศีลในธรรมอย่างแท้จริง ตราบนั้นบ้านเมืองก็จะวุ่นวายไปเรื่อย

อย่ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่น ทำหน้าที่ของแต่ละคนให้ดีที่สุด ถ้ากำลังใจส่งส่ายวุ่นวาย ให้นึกถึงฉัน แล้วภาวนาคาถาชินบัญชร จิตใจจะได้สงบ เห็นทางออกในการดำเนินชีวิต

ขอฝากไว้แต่เพียงเท่านี้ ฉันลาแล้วนะจ๊ะ"

พระภิกษุชราหันกายเดินจากไป รัศมีผ่องใสเยือกเย็นเหมือนกับโดนดึงดูดตามไปด้วย อาตมาสะดุ้งตื่นจากฝันพอดี

กราบขอบพระคุณหลวงปู่เป็นอย่างยิ่งครับ แต่แหม..คำพูดหลวงปู่บางคำไม่คุ้นหูเลยครับ

เถรี
10-05-2020, 16:10
พระอาจารย์กล่าวว่า "สีผึ้งในตลับงาพร่องไปมาก อาตมาจึงค้นเอาสีผึ้งวัดท่าขนุนที่ทิดจิตร (จิตติพัฒน์ เอี่ยมโอด) สร้างมาเข้าพิธีเสาร์ ๕ แล้วถวายให้กับทางวัดจำหน่ายหารายได้ ซึ่งของส่วนกลางหมดไปนานแล้ว แต่นี่เป็นของส่วนตัวที่อาตมาเก็บไว้ เพื่อเอาไว้ใช้ในการเจิมรถเจิมบ้านให้กับญาติโยม

เมื่อได้สีผึ้งมาแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า ตั้งใจจะอัญเชิญวัตถุมงคลหลายอย่างลงในตลับสีผึ้ง จึงไปค้นมาได้ดังนี้

๑. พระปิดตาเนื้อเมฆสิทธิ์ หลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม ซึ่งอาตมาพิสูจน์แล้วว่า ดีในทางหนุนดวง + แก้ชง อย่างสุด ๆ

๒. เสือสาลิกา หลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย ๒ ตัว ทั้งศิลป์วัดกลางและวัดบางเหี้ย ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องรางเสืออันดับ ๑ ของแผ่นดิน มีพระราชหัตถเลขาของในหลวงรัชกาลที่ ๕ กล่าวถึงไว้ในหนังสือเสด็จประพาสต้น

๓. เสือสาลิกา หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว องค์ปรมาจารย์ใหญ่แห่งต้นน้ำแม่กลอง ตัวใหญ่กว่ายุงไม่มากนัก..!

๔. เสือสาลิกา หลวงปู่เฮง วัดเขาดิน ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๕ ครั้งเสด็จประพาสต้น ได้แวะไปดูการรดน้ำมนต์ขับไล่ไสยศาสตร์ของหลวงปู่

๕. วัวธนูสาลิกา ลงรักแดงปิดทอง ครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ สุดยอดพระเกจิอาจารย์แดนล้านนา ตัวใหญ่ประมาณเม็ดถั่วลิสง แต่อานุภาพประดุจโคอุสุภราช (โคนนทิ) ของพระอิศวรผู้เป็นเจ้า

๖. แพะสาลิกา แกะจากเขาควายเผือกโดนฟ้าผ่าตาย หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก ซึ่งท่านตั้งใจไปขอเรียนวิชาเสกเสือ จากหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย แต่กลับได้วิชาแพะมหาเสน่ห์มาแทน

๗. จิ้งจกแกะจากไม้พญางิ้วดำ หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง เจ้าตำรับจิ้งจกมหาเสน่ห์ ตัวเล็กประมาณก้านไม้ขีดเท่านั้น

๘. แมลงภู่คำ แกะจากงาช้างกำจัด บรรจุปรอทป่า ตัวประมาณแมลงวันหัวเขียว ฝีมือการแกะละเอียดสุดยอด

๙. กริชสาลิกา แกะจากเขาควายเผือกโดนฟ้าผ่าตาย หลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก ท่านทำเอาไว้ให้ป้องกันไสยศาสตร์อิสลามโดยเฉพาะ

๑๐. ปลัดขิกสาลิกางาแกะ หลวงปู่สี วัดสะแก มีจารทั้งตัว ความจริงปลัดขิกสาลิกางาแกะ ยังมีของหลวงพ่อกลั่น วัดอินทราวาส แต่ไม่มีจาร จึงไม่ผ่านเข้ารอบนี้

ยังมีที่หาไม่เจอคือพระปิดตาเม็ดกระดุมจิ๋ว หลวงปู่เชย วัดโพธิ์ทองล่าง พระอาจารย์ใหญ่อีกท่านหนึ่ง ที่ถ่ายทอดวิชาให้กับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

จัดแจงนำวัตถุมงคลสาลิกาทั้งหมด ลงแช่ในน้ำมันชาตรีเพื่อเพิ่มพลัง โดยมีพญาหมูพลิกแผ่นดิน แกะจากเขาควายเผือกโดนฟ้าผ่าตาย ฝังตะกรุดสาริกาทองคำ ๕ ดอก ของหลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก เข้าร่วม "สปา" ครั้งนี้ด้วย"

เถรี
10-05-2020, 16:14
"หลังฉันเพลแล้วอาตมาออกไปตรวจเยี่ยมโครงการข้าวกล่อง ๑๐ บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านค่าครองชีพของชาวบ้าน ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙

เมื่อกลับมาก็มัวแต่คัดเลือกข้าวสารอาหารแห้ง น้ำมัน น้ำตาล เครื่องประกอบอาหารต่าง ๆ จนขนขึ้นรถตำรวจไปเรียบร้อยแล้ว จึงได้กลับมาดูบรรดาวัตถุมงคลที่แช่น้ำมันชาตรีเอาไว้

ตอนแรกคิดว่ามีเศษขยะติดอยู่ข้างถ้วยน้ำมัน มองดูดี ๆ อ้าว.. กลายเป็นจิ้งจกจิ๋ว ของหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง ที่ตะกายขึ้นไปเกาะข้างฝาตามสัญชาตญาณของตน..!

น้องเล็กที่ได้ยินเสียงอุทานดัง "อ้าว" รีบคว้ากล้องมาถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน "ถ้าหนูเขี่ยกลับลงไปใหม่ เขาจะตะกายขึ้นมาให้เห็นต่อหน้าไหมคะ ?"

กูไม่รู้ ? กูโง่..! อาตมารีบเผ่นออกไปห่าง ๆ จะทำอะไรก็ไปคุยกันเอง อย่าให้อาตมาต้องเดือดร้อนไปด้วย..!"

เถรี
10-05-2020, 16:19
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=35220&stc=1&d=1589102319


http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=35221&stc=1&d=1589102319

เถรี
11-05-2020, 19:35
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=35241&stc=1&d=1589200304

ถือฤกษ์วันพืชมงคล อัญเชิญ "ดรีมทีมสาลิกา" ลงประจำตลับสีผึ้ง มีเพิ่มลูกอมแร่บางไผ่มา อีก ๑ รายการ

http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=35242&stc=1&d=1589200304

มีคนไม่เชื่อว่าลงหมด...! ยังเหลือพื้นที่เสียด้วยซ้ำไป

เถรี
11-05-2020, 19:37
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=35243&stc=1&d=1589200612

ย้ายไปใส่พาน พ่อก็คลานไปเกาะข้างฝา...!

เถรี
11-05-2020, 19:48
ถาม : การที่บุคคลคนหนึ่งจะเกิดขึ้นมาแล้วเพียบพร้อมบริบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สมบัติมหาศาลมาตั้งแต่เกิด เรียกได้ว่าตลอดทั้งชาติที่เกิดมานี้ไม่มีแม้ชั่วขณะใดของชีวิตที่จะบกพร่องในทรัพย์สินเลย “ร่ำรวยมหาศาลตั้งแต่เกิดจนตาย” บุคคลประเภทนี้ต้องสร้างบุญมาแบบไหนและวางกำลังใจอย่างไรในขณะทำบุญ

ตอบ : เอาท่านเมณฑกเศรษฐีเป็นตัวอย่างก็แล้วกัน ชาติก่อนท่านสองคนผัวเมียมีอาชีพรับจ้าง ทำงานเช้าเพื่อให้มีเงินซื้ออาหารกินตอนค่ำ เมื่อทราบว่าทางวัดกำลังสร้างวัจจกุฎี (ส้วม) ถวายพระ ทั้งสองท่านยอมอด เอาเงินที่ได้ของวันนั้นไปซื้อแผ่นทองเท่าปีกริ้น ไปปิดวัจจกุฎีถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา

เกิดมาชาตินี้แค่เข้าท้องแม่ หน่อไม้รอบบ้านก็งอกเป็นทองคำ มีภูเขาทองเกิดขึ้นในบ้าน มีแพะทองคำตัวเท่าช้างสารปราฏล้อมบ้านไว้ ต้องการของสิ่งใดก็ไปชักสายยนต์ที่ปากแพะ สิ่งของนั้น ๆ ก็จะไหลออกมาเอง ท่านมีเงินทองมากนับไม่ได้ ต้องตวงใส่เกวียนแล้วค่อยนับเป็นเล่มเกวียน

หลานสาวคือนางวิสาขาแต่งงาน ท่านให้สินเดิมติดตัวหลานไป เป็นเงิน ๕๐๐ เล่มเกวียน ทองคำ ๕๐๐ เล่มเกวียน ไม่ต้องพูดถึงข้าวของเครื่องใช้และผู้คนที่ยกให้ไปใช้สอย แค่ฝูงวัวที่ให้ไป นางวิสาขาก็แจกคนได้ทั้งเมืองสาเกตแล้ว

ลองพิจารณาทบทวนดูว่าท่านวางกำลังใจในการทำบุญอย่างไร ?

เถรี
11-05-2020, 19:51
ถาม : บุคคลบางคนเกิดมาเพียบพร้อมไปด้วยมนุษย์สมบัติในทุก ๆ ด้านบริบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ สติปัญญา บริวารมากมาย ชาติตระกูลสูงส่ง แต่ก็ “ชั่วร้ายเลวทราม” เบียดเบียน เอารัดเอาเปรียบ ทำร้ายและเข่นฆ่าชีวิตผู้อื่นเป็นอาจิณมาโดยตลอดชีวิตของบุคคลผู้นั้น (อดีตถึงปัจจุบันมีบุคคลประเภทนี้ให้เห็นอยู่มาก)

ที่สงสัยคือ...บุคคลใดจะเกิดมาบริบูรณ์ไปด้วยมนุษย์สมบัติได้ย่อมต้องเคยสร้างบุญมาในกาลก่อน ยิ่งเกิดมาเพียบพร้อมมาก ย่อมต้องเคยสร้างบุญมามาก แล้วเหตุใดผู้ที่สร้างบุญมามากเช่นนี้ในด้านสภาพจิตใจกลับเลวทรามต่ำช้า ไม่มีศีลมีธรรมอยู่เลยแม้แต่น้อย ?

หรือว่าการสร้างทานบารมีอันเป็นเหตุแห่งความบริบูรณ์ในมนุษย์สมบัติเป็นคนละเรื่องกับการพัฒนาในด้านของจิต ? กล่าวคือคนชั่วที่ไม่เคยฝึกจิตให้อยู่ในศีลธรรม ไม่เคยรักษาศีล ไม่มีความละอายชั่วกลัวบาป ทำชั่วได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการ หากแต่คนคนนั้นรู้จักหมั่นให้ทานอันมีอานิสงส์ใหญ่ในเขตพระพุทธศาสนา เช่น สังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน สร้างพระ เจ้าภาพบวชพระ ฯลฯ เป็นต้น ก่อนตายจิตมั่นคงในบุญคือทานบารมีที่ทำ ผลแห่งทานก็ส่งผลให้เกิดมาใหม่บริบูรณ์ไปด้วยมนุษย์สมบัติตามเหตุแห่งบุญที่เคยสร้างมา แต่ด้วยความที่ไม่เคยสนใจที่จะพัฒนาในด้านจิตใจของตนเลยจากที่ชาติก่อนเลวยังไงเกิดมาใหม่จิตใจก็เลวดังเดิม กลายเป็น “คนชั่วแต่ชีวิตดีและสุขสบาย”

ในขณะที่บางคนมีศีล ๕ และกรรมบท ๑๐ ครบถ้วน ไม่ได้เบียดเบียนใครเลย ประกอบสัมมาอาชีพ มีใจทรงพรหมวิหาร ๔ เป็นปกติ แต่กลับมีความอัตคัดในชีวิตความเป็นอยู่ ยากจน ขาดแคลนในมนุษย์สมบัติทุกอย่าง ถ้าเป็นไปตามเหตุแห่งบุญกรรมแสดงว่าคนประเภทนี้มุ่งเน้นแต่ในด้านรักษาศีล ฝึกจิตให้ทรงไว้ซึ่งคุณความดี ปฏิบัติภาวนา แต่...ไม่ได้สร้างทานบารมีมาในกาลก่อน เมื่อเกิดใหม่เลยมีสภาพจิตที่ดีแต่ไม่มีความสมบูรณ์ในมนุษย์สมบัติ กลายเป็น “คนดีแต่มีชีวิตที่ลำบาก”

ความเข้าใจเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกแล้วสิ่งที่ถูกต้องแท้จริงเป็นอย่างไร ?

ตอบ : ในเทวภูมิยังมีมารและอสูร นับประสาอะไรกับมนุสสภูมิ บุคคลที่มีโอกาสทำทาน ไม่ใช่ว่าจะต้องมีจิตใจดี พร้อมในการสละออกทั้งหมด มีทั้งทำทานเอาหน้า ทำทานแบบตกกระไดพลอยโจน ทำทานเพราะถูกพ่อแม่บังคับ ฯลฯ แต่บังเอิญได้เนื้อนาดี ผลรับย่อมอุดมสมบูรณ์ แต่สภาพจิตใจยังไม่ได้รับการพัฒนาตามไปด้วย เนื่องจากจิตใจนั้น ต้องขัดเกลาด้วยศีลและภาวนา ถึงจะปรากฏผลอย่างชัดเจน

เถรี
11-05-2020, 19:52
ถาม : บุคคลคนหนึ่งมีความเคารพในพระรัตนตรัยแนบแน่นเต็มหัวใจอย่างไม่ลังเลสงสัย หมั่นทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอยู่เป็นนิจ ปฏิบัติในทาน ศีล ภาวนาอยู่ทุกวัน มีความรู้ตัวอยู่เสมอว่าชีวิตนี้ไม่ยั่งยืนตลอดกาลสมัยมีเกิดและมีดับ รักษาศีล ๕ ได้บริสุทธิ์สมบูรณ์ หากแต่บุคคลนั้นยังไม่มีความปรารถนาในพระนิพพาน ยังมุ่งหวังให้ผลของทานบารมี ศีลบารมี และบุญพระกรรมฐานที่เพียรปฏิบัติส่งผลให้พบกับความสุขในมนุษย์สมบัติในทุก ๆ ชาติเพื่อรื่นรมย์กับความสุขจากบุญที่เพียรสร้าง

คุณสมบัติที่ละสังโยชน์ ๓ ได้ดั่งเช่นบุคคลดังกล่าวหากแต่ยังไม่ปรารถนาในพระนิพพาน จะยังถือว่าเป็นพระโสดาบันได้หรือไม่ ?

ตอบ : โสดาบันแปลว่าผู้เข้าถึงกระแสพระนิพพาน ถ้ายังไม่มีความปรารถนาในพระนิพพาน คุณสมบัติย่อมไม่ครบถ้วน ไม่สามารถที่จะเป็นพระโสดาบันได้

เถรี
11-05-2020, 19:52
ถาม : จากที่ได้อ่านในเก็บตกฯ ท่านโดนไสยศาสตร์เล่นงาน ทำไมหุ่นพยนต์ไม่เข้าปะทะไว้ให้ครับ ?

ตอบ : เพราะว่าหุ่นพยนต์อยู่ในย่ามที่วัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนอาตมาอยู่ที่บ้านเติมบุญ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี หุ่นพยนต์คงติดด่านตรวจ covid ๑๙ จึงมาช่วยไม่ทัน..!

เถรี
11-05-2020, 19:55
ถาม : ข้าพเจ้ามีความตั้งใจที่จะทรงภาพพระให้สว่างไสวในดวงจิต พร้อมภาวนาพระคาถาบทหนึ่งให้ได้ในทุกขณะของวัน หากมีสิ่งให้ต้องใช้ความคิดก็หยุดใจออกมาคิด หากมีคนชวนคุยก็หยุดใจออกมาพูดคุยกับผู้นั้น เมื่อจบเรื่องแล้วค่อยกลับใจเข้ามาสู่การภาวนาและทรงภาพพระต่อ

เมื่อลองปฏิบัติแล้วพบว่าในขณะนั่งกรรมฐานอารมณ์จะชัดเจนทรงภาพพระได้แจ่มใส ภาวนาได้ทรงตัวที่สุด พอออกจากกรรมฐานมาทำกิจวัตรต่าง ๆ ภาพพระบางครั้งก็ชัด บางครั้งก็ไม่ชัด แต่โดยรวมก็ยังสามารถกำหนดภาพพระได้อยู่ ในด้านคำภาวนาก็ไม่มีปัญหาอะไร ถ้ามีคนชวนคุยหรือต้องใช้ความคิดกลางคันในขณะที่ยังไม่จบบท ก็ค่อยกลับมาเริ่มภาวนาใหม่ตั้งแต่คำแรกของบทพระคาถา

เวลาเดินภาวนาแล้วจับภาพพระด้วยอารมณ์เบา ๆ อาจมีแบ่งบางส่วนของจิตมาคิดหรือมองสิ่งรอบตัวไปด้วย ในขณะที่อีกส่วนของจิตก็ภาวนาพร้อมจับภาพพระตรงนี้รู้สึกจะใจสบายเป็นพิเศษ

แต่ที่เป็นปัญหาก็คือพอจะนอนหลับกลับไม่สามารถภาวนาให้ใจสบายแล้ว “ตัดหลับ” ไปได้อย่างที่พระอาจารย์แนะนำ จับภาพพระกำหนดลมหายใจพร้อมคำภาวนาโดยใช้อารมณ์ไม่หนักพยายามให้ใจสบายเหมือนตอนเดินหรือทำกิจวัตรต่าง ๆ ในตอนกลางวัน แต่ผลก็คือเมื่อร่างกายอยู่นิ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหว พอภาวนาอารมณ์กลับเหมือนเวลานั่งกรรมฐานมันจะหยุดนิ่งตั้งใจกับการภาวนา ไม่รู้สึกผ่อนคลายแบบพร้อมจะตัดหลับ อารมณ์มันจะตั้งใจอยู่กับการภาวนาตลอดไม่ยอมหลับเสียที แต่พอลองคลายอารมณ์ออก เลิกภาวนาคิดเรื่องโน่นเรื่องนี้เรื่อยเปื่อยเหมือนแต่ก่อนกลับหลับ !

การปฏิบัติตลอดวันที่ผ่านมาถูกต้องหรือไม่หรือควรเพิ่มเติมปรับปรุงอย่างไร หากไม่ถูกแล้วสิ่งที่ถูกควรทำแบบไหน ? แล้วต้องวางอารมณ์ใจอย่างไรจึงจะสามารถภาวนาจน “ตัดหลับ” ไปได้ ?

ตอบ : ตั้งใจที่จะทรงภาพพระให้สว่างไสวในดวงจิต แต่อยากจะหลับ..! การภาวนาจุดมุ่งหมายก็เพื่อการตื่นรู้ คือ ให้มีสติอยู่ทุกเวลา เพื่อที่จะได้ระมัดระวังไม่ให้กิเลสกินใจเราได้ แต่เมื่อเข้าถึงได้ในระดับหนึ่ง จิตเริ่มตื่นรู้กลับอยากจะหลับ เป็นความต้องการที่ขัดแย้งกันเอง ถ้าไม่ใช่เหลวไหลไร้สาระ ก็ประเภท "หัวมังกุท้ายมังกร" ไปตัดสินใจให้เด็ดขาดก่อนว่าจะเอาอย่างไร หรือไปศึกษาให้ดีก่อนว่าภาวนาแล้วเป็นอย่างไร จะได้ไม่ถามอะไรที่เหลวไหลแบบนี้อีก..!

เถรี
12-05-2020, 05:29
"ใกล้เวลาแล้วนะ"
"ในหรือต่างประเทศครับ ?"

"ทั้งในและนอก น่าเสียดายที่ข้าบอกให้รักษาที่ดินและปลูกผักปลูกหญ้าเอาไว้ ถึงเวลาจะได้ไม่เดือดร้อน กลับไม่มีใครทำกัน"
"ส่วนใหญ่เขาเห็นว่าเหนื่อยครับ สู้ขายที่ดินแล้วเอาเงินไปซื้อกินไม่ได้ สบายกว่ากันเยอะเลยครับ"

"คิดกันแบบมักง่ายทั้งนั้น ถ้ามีเงินแต่หาซื้อไม่ได้ล่ะ ?"
"ก็นั่นนะสิครับ มีแต่คนซื้อหาคนขายไม่ได้ หาข้าวปลาอาหารไม่ได้ ถึงเวลานั้นจะกลับตัวก็ไม่ทันแล้ว"

"อย่าลืมบอกให้ญาติโยมของแกแขวนพระติดตัวไว้ด้วย"
"ผมบอกพระเณรไปหลายเดือนแล้วครับ แต่ก็เหมือนกับฟังผ่านหูไปเฉย ๆ"

"ถ้าอย่างนั้นก็ต้องปล่อยวาง กรรมใครกรรมมัน"
"ผมพกสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหลหน้ากากเงินเป็นปกติครับ แต่สงสัยว่าทำไมไม่สั่งให้พกสมเด็จองค์ปฐมของหลวงพ่อเอง ?"

"แกคิดว่าหาง่ายนักใช่ไหม ? เดี๋ยวนี้องค์หนึ่งราคาเป็นแสน แล้วจะมีสักกี่คนที่มีปัญญาหาได้ ก็ต้องเอาที่ราคาถูกและพอที่จะหาได้ง่ายหน่อย"
"คนเขาเกี่ยงกันว่าท่านองค์ใหญ่และหนักมาก สมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตก็น่าจะใช้แทนได้นี่ครับ ?"

"แกจะเอานักเศรษฐศาสตร์ไปรบแทนนักการทหารใช่ไหม ? เรื่องของความปลอดภัยในชีวิตตัวเอง ถ้ามันยังเกี่ยงอยู่ก็ปล่อยมันไปตามเวรตามกรรม"
"อะไรเป็นตัวจุดชนวนในครั้งนี้ครับ ?"

"เศรษฐกิจตกไปทั่วโลก น้ำมันขายไม่ออก เงินดอลลาร์ลดความสำคัญลง ประเทศอื่นมีท่าว่าจะแซงหน้าไปชนิดตามไม่ทัน"
"ญาติโยมควรที่จะวางกำลังใจอย่างไรดีครับ ?

"พิจารณาให้เห็นทุกข์เห็นโทษของการเกิดมาในโลกแล้วพบกับเรื่องเช่นนี้ การมีชีวิตอยู่แบบนี้ขอเป็นชาติสุดท้าย ตายเมื่อไรขอไปพระนิพพานแห่งเดียว"
"กราบขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ"

เถรี
12-05-2020, 05:41
"พยัคโฆ พยัคฆา สุญญาสัพพะติฯ"

"โฮ่งงง..โฮ่งง..แฮ่..ฮื่อ..!!"

ตีสองกว่าเดินจากกุฏิเจ้าอาวาส มายังกุฏิเรือนไทยซึ่งเป็นสำนักงานเจ้าอาวาส เนื่องจากไปค้นเอาเสือหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ซึ่งทิดเฟิร์สขอบูชาไว้ เอาติดตัวมาด้วย จึงภาวนาคาถาปลุกเสือไปในตัว

ยังไม่ทันจะเดินพ้นหน้าศาลาร้อยปีหลวงปู่สาย แก๊งค์หมาเด็กหน้ากุฏิเจ้าอาวาสที่มี ชานม ชาเย็น โอเลี้ยง ช็อกโก (ชื่อเต็มว่า ช็อกโกแลตปั่นใส่นมผสมวิปครีม) ซึ่งปกติไม่เคยเห่าเวลาอาตมาเดินมากลางดึกแบบนี้ กลับเห่ากรรโชกเสียงดังสนั่นลั่นวัด..!

เป็นการเห่าที่แปลกมาก คือเห่ากรรโชกแบบเอาเป็นเอาตาย แต่เดินถอยหลังห่างไปเรื่อย ประมาณว่า "กูสู้นะ..แต่ก็กลัวอยู่เหมือนกัน..!"

ปกติถ้าหากว่าใช้คาถาหัวใจราชสีห์ หรือว่าคาถาหัวใจเสือสมิง ตำราว่าหมาจะร้องและวิ่งหนี แต่เจ้าพวกนี้อาจจะอยู่กับเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนมา จนตบะแก่กล้ากว่าหมาที่อื่น ถึงได้แค่เห่าไปถอยหลังไป

"ทำไมหลวงพ่อถึงชอบเครื่องรางครับ ?"

"เพราะว่าสร้างยากมาก ทั้งต้องอาศัยวัสดุ ฤกษ์ยาม พิธีกรรม คาถา อุปเท่ห์ในการใช้ โดยเฉพาะว่าต้องปลุกอยู่เสมอ เท่ากับว่าบังคับให้เราต้องภาวนานั่นเอง"

"แล้วถ้าไม่เอาเครื่องราง ไม่เอาพระเครื่อง ขอแต่คำสอนที่เป็นแนวปฏิบัติแท้ ๆ ละครับ ?"

"ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทางใจทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม"

"แหะ..แหะ..ศิลาแท่งทึบล้วนปราศจากช่องว่าง เคี้ยวไม่เข้าครับ กลับไปพกพระและเครื่องรางกันเหนียวไว้ดีกว่า"

"ส้นตีนแน่ะ..! ท่าดีทีเหลวชัด ๆ"

เถรี
13-05-2020, 14:46
ถาม : วันก่อนผมขอให้หลวงตาเจช่วยตัดผมให้ จะมีโทษไหมครับ ?
ตอบ : ทำไปแล้วมาถามทำ "เอี้ย" อะไรวะ ?

ถาม : ผมจะบาปมากไหมครับ ?
ตอบ : อ๋อ..จะเอาให้ได้ ว่าอย่างนั้นเถอะ..! ก็ไม่บาปอะไรมากมายหรอก แค่เกิดเป็นคนรับใช้เขา ๕๐๐ ชาติก็จบแล้ว..!

ถาม : ผมต้องกราบขอขมาพระไหมครับ ?
ตอบ : ไปเอาหัวแม่ตีนข้างซ้ายคิดเอง ในเมื่ออยากได้ความเครียดก็ช่วยแจกความเครียดให้แล้ว เรื่องอื่นไปจัดการเอาเองตามอัธยาศัย

เถรี
13-05-2020, 14:48
ถาม : ปัจจุบันได้ฝึกกรรมฐานที่บ้าน โดยได้ศึกษาอาการของสมาธิตามหนังสือกรรมฐาน ๔๐ ใช้คำภาวนาว่า “พุทโธ” เมื่อมีความรู้สึกว่าคำบริกรรมหนักไป ก็เลยปลดคำบริกรรมออก และหลังตรงตั้งเอง ไม่เมื่อย เหมือนจะลอย ร่างกายเบาดี ไม่มีเหน็บชา แล้วเป็นว่าง ๆ โหวง ๆ ซึ่งตรงนี้ก็มาทราบจากหนังสือว่า คืออาการของฌาน ๒ ไปต่อเนื่อง ๓ เพราะเหตุผลว่า คำบริกรรมก็คือ ตัววิตกวิจาร และตัวพองกับความเบาสบายใจ ก็คือตัวปีติกับสุข ได้หายไปแล้ว เหลือแต่เอกัคคตารมณ์และมีอุเบกขาเข้ามาเพิ่ม แต่เป็นได้เพียงชั่วขณะไม่เกิน ๑ ลมหายใจ เพราะกลัวลมขาด พอจะนิ่งในสมาธิระดับนี้ แต่ร่างกายต้องการลมก็เลยหายใจ พอหายใจก็รู้ตัวว่าสมาธิลดลง ผมอยากทราบว่าตรงช่วงที่ลมหายในเวลาสั้น ๆ นั้นคือฌาน ๔ ใช่หรือไม่ครับ ?

ตอบ : เป็นการ "มโนฯ" เอาล้วน ๆ การภาวนานั้น ลมหายใจจะเบาลงเอง หรือว่าหายไปเอง ไม่ใช่เราไปปลดลมหายใจทิ้ง..! ในเมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกไม่ถูก ที่เหลือก็ย่อมผิดทั้งหมด..!

ถาม : สงสัยในอาการของฌาน ๔ ที่สงสัยเพราะว่าเมื่อมาถึงฌาน ๓ จะเข้าสู่ฌาน ๔ มันเบาอย่างที่กล่าวไปแล้วนั้น จิตมันเลยกลับไปหาคำภาวนาอีก และพอไปหาคำภาวนาก็ย้อนไปหาลมอีกและกลับไปที่ร่างกายอีก มันก็เท่ากับว่าย้อนคืนกลับมาหาฌาน ๓ หรือลงไปเรื่อย ๆ ในทางกลับกันพอฌาน ๓ เต็มที่เข้า ก็ดิ่งไปหาฌาน ๔ สลับกันไปมาอยู่อย่างนี้ ถ้าเราหาจุดให้จิตจับและสามารถทรงแต่เอกัคคตารมณ์อย่างเดียว ก็เป็นวิธีเลี่ยงไม่ให้จิตสนใจลมหายใจ ที่ทำอยู่ถูกไหมครับ ?

ตอบ : ดูคำตอบข้างบนแล้วคงจะหายสงสัย

ถาม : มีโอกาสได้ไปฝึกมโนมยิทธิ โดยเปลี่ยนไปใช้คำภาวนา "นะมะพะธะ" ที่วัดท่าซุงแบบเต็มกำลัง ซึ่งอาจารย์ผู้สอนกล่าวว่ามันคือการใช้กำลังของฌาน ๔ ผมก็สามารถฝึกตามที่อาจารย์สอนได้บ้าง จึงคิดถึงส่วนที่ยังสงสัยมาตอบคำถามตัวเองว่า อาการของฌาน ๔ ตอนใช้มโนมยิทธิ เท่ากับว่าการออกไปนี่ มันก็คืองานที่เราหาให้จิตทำ ทำให้เราไม่สนใจกับลมหายใจและเลี้ยงจิตให้อยู่ในอารมณ์ฌาน ๔ ได้ดีกว่าตอนภาวนาดูลมเฉย ๆ และได้ทดลองกลับไปทำแบบแรก ก็ยังเหมือนเดิมคือพอจิตไม่มีอะไรให้รู้หรือมีงานให้ทำ มันก็หล่นลงไปฌาน ๓ แสดงว่ามโนมยิทธิในอีกมุมมองหนึ่งก็คือการหาอะไรให้จิตทำอีกอย่างหนึ่งใช่ไหมครับ ?

ตอบ : คำว่าฝึกตามที่อาจารย์สอนได้ ไม่ได้เป็นการรับรองว่าเราจะทำถูก เพราะว่าถ้าอยู่ในลักษณะ "คนตาบอดขี่ม้าตาบอด" ก็มีหวังตกเหวตายในเวลาอันไม่นาน..!

ถาม : เทคนิคที่ผมประยุกต์จากการนำมโนมยิทธิมาใช้เพื่อให้ข้ามการกังวลกับลม คือหางานให้จิตทำ เป็นความเข้าใจ ที่ถูกต้องหรือไม่ครับ ?

ตอบ : "ถูกของคุณ" ไม่ใช่ของคนอื่น

ถาม : ถ้าผมอยากทรงอารมณ์ฌาน ๔ เฉย ๆ ให้ได้ตามที่ต้องการ เพื่อฝึกต่อไปในอรูปฌานอีก ๔ ซึ่งก็ได้ลองทำเองไปบ้างแล้ว ก็เหมือนกับการที่เราเอาจิตจับประเด็นนามธรรมต่าง ๆ อีก ๔ อย่างตามที่หนังสือสอน ก็พบว่าก็พอทำได้บ้างเล็กน้อยและไม่รู้ว่าคิดเองเออเองหรือเปล่า ก่อนจะผ่านไปแต่ละขั้นเราใช้อะไรเป็นจุดสังเกตว่าฌาน ๕,๖,๗ และ ๘ นี้เราได้แน่นอนแล้ว

ตอบ : การฝึกอรูปฌาน ต้องเริ่มจากกสิณกองใดกองหนึ่งใน ๙ กอง ยกเว้นอากาสกสิณที่คล้ายอากาสานัญจายตนฌาน จนหลายคนแยกไม่ออก ถ้าไม่มีพื้นฐานกสิณเหล่านี้ก็ได้แต่ "มโนฯ" ต่อไป

เถรี
13-05-2020, 20:28
"เจ้าดีใจบ้างหรือไม่ ? ว่าสิ่งที่เพียรพยายามอธิษฐานมานานเกิน ๔๐ ปี บัดนี้เริ่มปรากฏเด่นชัดขึ้นแล้ว"

"เรื่องอันใดขอรับ ?"

"เรื่องของตู้ปันสุข ที่ปรากฏขึ้นตามคำอธิษฐานทุกครั้งที่เจ้าแผ่เมตตา"

เรื่องของ "ตู้ปันสุข" ความจริงมีมาประมาณ ๒ ปีแล้ว เพิ่งจะได้รับการรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ ต้องขอชมเชยผู้ที่เป็นต้นคิดอย่างยิ่ง ว่าท่านเป็นผู้มีความรัก ความเมตตา และความไว้วางใจในเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง ถึงได้คิดทำตู้ปันสุขนี้ขึ้นมา

เป็นเรื่องปกติที่ทุกหนทุกแห่งต้องมีคนเห็นแก่ตัว งก โลภมาก แต่อย่าให้คนส่วนน้อยเช่นนี้ มาทำลายกำลังใจในการทำความดีของท่านทั้งหลายลงได้ ถ้าท่านรู้สึกไม่ดีต่อคนประเภทนี้ แล้วเกิดความท้อถอย ไม่อยากทำความดีอีกต่อไป ก็กลายเป็นว่าตัวท่านเองนั่นแหละ ที่ไปรับเอาความไม่ดีของคนอื่นเข้ามา แล้วทำให้ตัวเองเศร้าหมอง ทิ้งโอกาสในการทำความดีไปอย่างน่าเสียดาย

การตั้งตู้ปันสุขขึ้นมา เป็นการแสดงออกถึงจิตใจของเรา ที่ประกอบไปด้วยพรหมวิหาร ๔ มีเจตนาสงเคราะห์ต่อผู้อื่น เป็นการสละออก ช่วยตัดความโลภในจิตในใจของเรา ที่เป็นรากเหง้ากิเลสใหญ่ลงได้

นอกจากนั้นยังเป็นการช่วยให้ชุมชนของเรา มีความรักใคร่สามัคคี รู้จักสละออกเพื่อคนอื่น ฝึกฝนให้เป็นคนมีวินัย หยิบไปแต่พอดี ถ้ามีก็นำมาแบ่งปัน ผลดีที่เกิดขึ้นทั้งต่อตัวเรา ต่อคนอื่น ต่อชุมชน ต่อสังคม และต่อประเทศชาตินั้น มีมากมายมหาศาล

ขอให้ทุกท่านตั้งใจทำต่อไป เพื่อฝึกฝนตนเอง เพื่อเสริมสร้างบารมี เพื่อช่วยขัดเกลาทั้งตนเองและผู้อื่น อย่าท้อถอยอะไรง่าย ๆ ในพระบาลีกล่าวไว้ว่า "อตฺตาหิ กิร ทุทฺทโม" ขึ้นชื่อว่าการฝึกตนนั้นช่างยากจริงหนอ ฝรั่งเขาก็บอกว่า "กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว"

จงอดกลั้น อดทน ขัดเกลากาย วาจา และใจของเราไปเรื่อย ๆ กิเลส ตัณหา อุปาทาน และอกุศลกรรม จะเบาบางลงไปเรื่อย ชีวิตนี้จะมีแต่ทางเจริญขึ้น ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

"สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น พึงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่กันและกัน เสียสละให้ปัน ช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์ยากยิ่งกว่าตนให้พ้นทุกข์ เพื่อยังโลกทั้งหลายไปสู่สันติสุขอันสมบูรณ์ด้วยเถิด"

เถรี
13-05-2020, 20:44
"เอาจริงแล้วหรือครับท่านย่า ?"

"เวลาที่ต่างกันมาก ย่าจึงต้องให้เตรียมพร้อมไว้ก่อน ถ้ารอให้มีเหตุก่อนค่อยขยับ เวลาของพวกเจ้าอาจจะเลยไปเป็นปี ถึงเวลาก็จะมีคนมาโวยกับย่าอีกจนได้"

มองดูท่านย่าและบรรดาพี่น้องทั้งหลาย ในชุดแดงพร้อมออกศึกแล้วสะท้อนใจ ก่อนนี้อาตมาก็เคยอยู่ในสภาวะเช่นนี้ แต่ปัจจุบันนี้ไม่ใช่เช่นนั้นอีกแล้ว

"ช่วยกำชับลูกหลานของย่าให้หน่อย ว่าอย่าลืมพระคาถาเงินล้าน ใครทำมากได้มาก ใครทำน้อยได้น้อย ใครไม่ทำก็อย่ามาบ่นให้ย่าต้องรกหู"

"นอกจากศรัทธา (ความเชื่อ) ปสาทะ (ความเลื่อมใส) ภาวนาโดยตัดความอยากรวยออกจากใจ และต้องทำบุญอย่างสม่ำเสมอแล้ว ยังมีเคล็ดลับอะไรอีกไหมครับ ?"

"ความมุ่งมั่นที่เป็นอธิษฐานบารมี ความเอาจริงเอาจังที่เป็นสัจบารมี ความสม่ำเสมอที่เป็นศีลบารมี ความพากเพียรภาวนาที่เป็นวิริยบารมี ความอดทนจนกว่าจะประสบความสำเร็จที่เป็นขันติบารมี การทำบุญที่เป็นทานบารมี การรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาวให้พอเหมาะกับตนเองที่เป็นปัญญาบารมี การตั้งหน้าภาวนาโดยไม่สนใจผลที่จะเกิดขึ้นที่เป็นอุเบกขาบารมี การตั้งอารมณ์ภาวนามั่นคงจนกดกิเลสเอาไว้ได้ที่เป็นเนกขัมมบารมี การวางอารมณ์ใจให้ผ่องใสเยือกเย็นในระหว่างภาวนาที่เป็นเมตตาบารมี เคล็ดลับแค่นี้ถ้าพวกเจ้าทำได้ ก็สามารถใช้ผลของพระคาถาเงินล้านได้อย่างเต็มที่ทุกคน"

"เอิ๊กกก...เป็นลม..!"

อาตมาก็ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ตนเองทำแล้วประสบความสำเร็จนั้น ที่แท้จริงแล้วประกอบไปด้วยบารมี ๑๐ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เพิ่งจะมารู้เอาตอนที่ท่านย่าเมตตาเฉลยให้ทราบนี่เอง แสดงว่าก่อนหน้านี้เป็นการ "ขี้ตรงร่อง" ทำแบบโง่ ๆ ตามที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเมตตาสอนไว้ บังเอิญกลายเป็น "โง่แล้วได้ดี" อย่างทุกวันนี้..!

เถรี
13-05-2020, 20:52
"ไอ้ตัวเล็ก...รบกวนเอาสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหลลงกระทู้สร้างพระทองคำให้หลวงพ่อหน่อย ลดราคาเหลือองค์ละ ๑,๕๐๐ บาท เพื่อให้คนมีแรงบูชาไหว จะได้กระจายไปในหมู่ลูกศิษย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้"

"คนที่บูชาไปแล้วละคะ ?"

"ถ้ายังไม่ส่งก็เพิ่มให้เขาไป ๑ เท่าตัว เช่น ใครบูชา ๑ องค์โอนเงินมา ๓,๐๐๐ บาท ก็ส่งให้เขาไป ๒ องค์ ส่วนใครที่บูชาไปก่อนหน้านี้ก็ให้กิน "ยาทำใจ" ถือว่าเขาโชคดีที่ได้ร่วมทำบุญกับหลวงพ่อมากกว่าคนอื่น ถึงเวลาจะได้อะไรก็ได้มากกว่าคนอื่น"

"จำกัดให้บูชาได้คนละกี่องค์เจ้าคะ ?"

"ไม่จำกัด..ใครจะเหมาหมด ๗,๙๐๐ องค์เลยก็ได้ หลวงพ่อต้องการเงินเพื่อซื้อทองคำเพิ่มเติมอีกประมาณ ๙๐ ล้านบาท อย่าลืมแจ้งให้เขาทราบด้วยว่า นำเข้าพิธีพลิกชีวิตมาแล้ว"

ปกติแล้ววัตถุมงคลทุกประเภทของวัดท่าขนุน มีแต่ขึ้นราคาไปเรื่อย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว ที่ตั้งใจลดราคาเพื่อให้คนสามารถบูชาได้มากที่สุด จะได้เฉลี่ยไปคุ้มครองป้องกันทุกคนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถ้า "ไอ้ตัวเล็ก" ตัดยอดกระทู้กลางเดือนเสร็จ ก็จะนำลงให้ทันที โปรดรอคอยด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน..! (สำนวนใครหว่า ? คุ้น ๆ อยู่นะ)

เถรี
15-05-2020, 03:16
"หลวงพ่อคะ..รายนี้ทำอย่างไรดีคะ ?"

ปกติอาตมาให้อำนาจในการจัดการทุกอย่าง ตามกฎเกณฑ์กติกาของเว็บวัดท่าขนุนที่ได้ตั้งไว้ แก่บุคคลที่รับหน้าที่ไปดำเนินการ แต่บางทีบางรายก็ตัดสินใจได้ยาก จึงมีการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์มาสอบถาม

"กฎเกณฑ์ก็คือกฎเกณฑ์ กติกาก็คือกติกา ถ้าไม่มีกฎเกณฑ์กติกา ไม่มีระเบียบวินัย ต่อให้เป็นสังคมพระก็วุ่นวายไม่รู้จบ"

"รายนี้บอกว่าขอดก้นกระเป๋ามาเลยค่ะ"

"ถ้าผิดกฎเกณฑ์กติกา ต่อให้เป็นเงินบาทสุดท้ายของเขา เราก็ทำไปตามกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้ พรหมวิหาร ๔ ไม่ได้มีแต่เมตตากรุณา แต่มีอุเบกขาอยู่ด้วย ถ้ายกเว้นให้คนหนึ่งก็ต้องยกเว้นให้ทั้งหมด ความวุ่นวายฉิบหายก็จะเกิดขึ้น ถือว่าข้ออ้างนี้เป็นแค่ลมผ่านหูไปก็แล้วกัน"

"ส่วนรายนี้มีสาปแช่งมาด้วยนะคะ"

"ทำงานมาจนขนาดนี้ยังไปหวั่นไหวอะไรกับคำสาปแช่ง ? บุคคลที่กำลังใจต่ำจนขนาดนี้ คำสาปแช่งไม่มีผลอะไรกับเราหรอก มีแต่จะโดนสะท้อนกลับไปเพราะว่ากำลังใจของเราสูงกว่า

เราไม่สามารถทําให้ทุกคนพอใจได้ทั้งหมด แต่เราต้องบริสุทธิ์ยุติธรรมต่อคนส่วนใหญ่ กมฺมํ สตฺเต วิภชฺชติ กรรมย่อมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา ไม่ว่าจะดีหรือชั่วก็ตาม ตสฺสทายาโท ภวิสฺสามิ เขาทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมได้รับผลกรรมนั้นแล"

"บุคคลที่ทำงานสาธารณประโยชน์ ถ้าวางกำลังใจเป็นจะได้มรรคผลเร็ว"

คำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ดังขึ้นมาในใจ คาดว่ากว่าจะหมดงาน ด้วยกำลังใจที่ต้องฝ่าฟันมาประดุจตะลุมบอนอยู่ท่ามกลางศึกสงคราม ต้องวางเฉยกับเรื่องทั้งหมด ดำเนินการตามกฎเกณฑ์กติกาอย่างยุติธรรมเสมอหน้ากัน "ไอ้ตัวเล็ก" ของเราคงจะเข้าถึงสังขารุเปกขาญาณ บรรลุมรรคผลไปแล้วอย่างแน่นอน..!

เถรี
15-05-2020, 03:17
ถาม : คนที่ไม่มีความมั่นใจในตนเองในการทำงานหรือเรื่องต่าง ๆ กลัวจะทำไม่สำเร็จหรือผิดพลาด หากจะแก้ไขตนเองในจุดนี้ขอความเมตตาหลวงพ่อช่วยแนะนำหลักธรรมหรือวิธีแก้ไขให้ด้วยครับ

ตอบ : ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติในอานาปานุสติกรรมฐาน ตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของตนเอง ถ้าทรงฌานได้เมื่อไร ความมั่นใจจะไหลมาเทมา

เถรี
15-05-2020, 03:19
ถาม : ตอนที่ผมบวชเป็นพระครั้งแรก ผมได้เคยต้องอาบัติสังฆาทิเสส ๑-๓ ข้อ (วัดที่บวชไม่ใช่สำนักปฏิบัติ เป็นสำนักเรียน เลยทำให้ผมไม่เคร่งครัดในพระวินัย) แต่ผมก็ปลงอาบัติเมื่อรู้ว่าตัวเองทำผิด ไม่ได้ปิดบัง บางทีก็ไม่ได้ปลงอาบัติ ทำให้จำจำนวนวันได้ไม่แน่นอน ว่ากี่วันที่ไม่ได้ปลงอาบัติ และได้สึกออกมาโดยที่ยังไม่ได้เข้าปริวาสเพื่อชำระอาบัติสังฆาทิเสสก่อน หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตฆราวาส ๑๐-๑๑ ปี แต่ผมก็นึกถึงความผิดอันนี้มาตลอด แล้วได้กลับไปบวชใหม่เพื่อเข้าปริวาส กระผมเข้าปริวาสในวันแรกที่บวชเลย รวมแล้วเข้าปริวาสทั้งหมดประมาณ ๑๕-๑๖ วัน (สุทธันตปริวาส) อยู่ปริวาสแล้วหลังจากนั้นก็ขึ้นมานัตและอัพภาน พอเข้าปริวาสเสร็จ ออกอัพภานเรียบร้อยผมก็สึกภายในวันนั้นเลย

๑.จึงขอกราบเรียนถามหลวงพ่อว่า กระผมจะทราบและมั่นใจได้อย่างไรครับ ว่าอาบัติสังฆาทิเสสที่ต้องตอนบวชครั้งแรกนั้น หลุดไปแล้วหรือยังไม่หลุด เพราะผมไม่มั่นใจเรื่องวัน ว่าได้ปกปิดหรือไม่ได้ปกปิด หรือปกปิดไว้กี่วัน (ผมเข้าปริวาสแบบสุทธันตปริวาส)

๒.ถ้าหากอาบัติสังฆาทิเสสยังไม่หลุด หรือสงสัยว่ายังไม่หลุด อาบัติที่ต้องอยู่นั้น จะทำให้ไม่ก้าวหน้าในการฝึกสมาธิและบรรลุมรรคผลนิพพานในชาตินี้หรือไม่ครับ

๓.ผมตั้งใจอยากจะกลับไปบวชอีกครั้ง แล้วเข้าปริวาสแบบสุทธันตปริวาสตามจำนวนวันที่เคยบวชในครั้งแรก (นับตั้งแต่วันแรกที่บวชจนถึงวันที่ลาสิกขา รวมแล้วประมาณปีกว่า) เพื่อจะได้มั่นใจว่าตัวเองบริสุทธิ์ กระผมควรทำอย่างนี้หรือไม่ หรือว่าตอนนี้อาบัติสังฆาทิเสสที่ผมเคยต้องตอนบวชครั้งแรกได้หลุดไปหมดแล้ว เพราะผมเข้าปริวาสแบบสุทธันตปริวาส

ตอบ : เพื่อที่จะได้ไม่ไปคิดฟุ้งซ่านอีก ให้ทำตามความตั้งใจในคำถามข้อที่ ๓

เถรี
15-05-2020, 03:21
ถาม : ผมเป็นคนกลัวหมามาก วันหนึ่งอยู่ในวัดป่าแห่งหนึ่ง ตอนเที่ยงถึงบ่ายพระเณรท่านพักผ่อนในกุฏิ รวมถึงคนงานที่ก่อสร้างเสนาสนะหยุดทำงานหายไปหมด เข้าใจว่านอนพักกลางวัน หมาวัดตัวหนึ่งมาทำเสียงประหลาด ๆ รู้สึกว่าต้องเดินตามมันไป ไปพบหมาอีกตัวหนึ่งตกลงไปในสระน้ำที่อยู่แถวพระอุโบสถ ผมไม่เห็นใครที่จะอยู่แถวนั้น คิดว่าเป็นโอกาสที่ได้บำเพ็ญบารมี ได้อธิษฐานปรารถนาพระสัมมาสัมโพธิญาณหากต้องสละอวัยวะหรืออาจจะมากกว่านั้น หากหมาวัดตัวนั้นกัดผม แล้วกระโดดน้ำลงไปช่วยหมาวัดตัวดังกล่าว ในขณะที่กำลังพยายามดันหมาขึ้นมา ด้วยความที่ไม่คุ้นเคยกับหมา ประกอบกับตลิ่งมีความชันระดับหนึ่ง รวมถึงมีปุ่มจำนวนมากยื่นออกมา ทำให้การช่วยเหลือหมาลำบาก เหลือบไปเห็นเหมือนคนงานเดินอยู่ ตอนนั้นเข้าใจว่าต้องช่วยเหลือหมาด้วยตัวเองถึงจะได้บารมี อีกใจหนึ่งก็เกิดสงสารว่า เราอาจจะอุ้มแรงเกินไปทำให้มันเจ็บ รวมถึงมันจะแช่น้ำนานเพื่อความต้องการของเราคนเดียว ก็เลยตั้งใจว่าบารมีข้อนี้ยังไม่เอาก็ได้ เดี๋ยวโอกาสหลังถ้าสถานการณ์อำนวยกว่านี้ค่อยบำเพ็ญใหม่ ตัดสินใจไปเรียกคนงานมาช่วย ตอนนี้เกิดสงสัยว่าความคิดแบบนั้นจะทำให้กุศลบุญบารมีที่ควรได้หายไปหรือไม่ครับ ?

ตอบ : จะใครช่วย หรือช่วยแบบใด ถ้าช่วยให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ได้ ถือว่าเป็นการช่วยทั้งนั้น สำหรับคุณแสดงว่าบารมีอ่อนไปหน่อย จึงไม่สามารถที่จะตัดสินใจในระดับเสียสละอวัยวะหรือชีวิตอย่างเด็ดขาดลงไปได้

ถาม : การบำเพ็ญเพื่อพระนิพพานไม่ว่าจะนิพพานในฐานะใดก็ตาม สามารถหยุดชั่วคราว โดยไม่ได้ถอนความปรารถนาเดิมไปปรารถนาฐานะใหม่ได้หรือไม่ครับ ?

ตอบ : ไม่ใช่แค่หยุดเฉย ๆ ยังมีอีกมากต่อมากด้วยกัน ที่ไปพักช่วงในนรก เปรต อสุรกาย อีกด้วย..!

ถาม : การยุ่งเรื่องชาวบ้านของพุทธภูมิ มีหลักใดที่พิจารณาว่าเป็นการยุ่งเพื่อพุทธภูมิจริง หรือถูกหลอกให้เข้าใจว่ายุ่งเพื่อพุทธภูมิ ทั้งที่ไม่ได้เป็นประโยชน์แก่พุทธภูมิครับ

ตอบ : ทำไปเรื่อย ๆ ถ้าจบได้ก็ของจริง ถ้าไม่จบก็ของปลอม..!

เถรี
15-05-2020, 03:22
ถาม : ขออนุญาตเรียนถามเพิ่มเติมว่า จากคำถามก่อน บารมีของผมอยู่ในขั้นสามัญบารมี อุปบารมี ปรมัตถบารมี ต้น กลาง ปลาย ประมาณไหนของผู้ปรารถนาพุทธภูมิ และควรจะพัฒนาต่ออย่างไรครับ ?

ตอบ : พุทธภูมิตั้งแต่อุปบารมีขั้นกลางขึ้นไป ส่วนมากจะตัดศีรษะ ตัดแขน ตัดขา ควักดวงตา ควักหัวใจ เชือดเนื้อตัวเอง เพื่อผู้อื่นได้ ส่วนพุทธภูมิปรมัตถบารมี จะมาเน้นในเรื่องของอารมณ์พระอริยเจ้า โดยเฉพาะศึกษาพระนิพพานให้แจ้ง ลองเดาดูว่าของคุณอยู่ในระดับไหน ? ส่วนการพัฒนาต่อไปก็คือเกิดแล้วเกิดอีก บำเพ็ญไปเรื่อย ต้องมีสักวัน..ต้องมีสักวัน..!

เถรี
15-05-2020, 03:24
ถาม : ขออนุญาตสอบถามพระอาจารย์เรื่องการทำฤกษ์พรหมประสิทธิ์ครับ คือผมทำตามปฏิทินไปแล้ว มีโยมมาขอฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ ตามที่พระอาจารย์บอกว่า วันที่ ๑๙ มิ.ย.๖๓ เป็นแรม ๑๔ ค่ำเป็นวันพระ วันที่ ๒๐ มิ.ย.๖๓ ต้องเป็นขึ้น ๑ ค่ำ แต่ในปฏิทินทั่วไปเป็นแรม ๑๕ ค่ำเป็นวันพระ ผมตรวจสอบกับปฏิทิน ๑๕๐ ปี โดยศักดิ์สิทธิ์ สิทธินันท์แล้วตรงกับที่พระอาจารย์บอก คือปี ๒๕๖๓ นี้มีแค่แรม ๑๔ ค่ำเดือน ๗ แล้วไปขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๘ เลย
คำถามคือ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มิ.ย.๖๓ เป็นต้นไป ผมควรทำฤกษ์พรหมประสิทธิ์ใหม่ตามความเป็นจริง แล้วให้ฤกษ์ที่ถูกต้องกับโยมไป หรือควรยึดฤกษ์ตามปฏิทินที่ผิดครับ

ตอบ : เชื่อถือแบบไหน ให้ใช้แบบนั้น

ถาม : ตามฤกษ์ปีนี้ วันพฤหัสบดี เป็นธงชัย วันอาทิตย์ เป็นอธิบดี วันพุธ เป็นอุบาทว์ วันอังคาร เป็นโลกาวินาศ ถ้าฤกษ์พรหมประสิทธิ์ตรงกับวันไม่ดีเหล่านี้ เราควรเลี่ยงใช่ไหมครับ ?

ตอบ : หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า พรหมประสิทธิ์เป็นฤกษ์ใหญ่ คลุมฤกษ์ทั้งหมด ถ้าฤกษ์อื่นบอกว่าไม่ดี แต่ฤกษ์พรหมประสิทธิ์บอกว่าดี ให้ใช้ตามฤกษ์พรหมประสิทธิ์ เพื่อป้องกันพวกที่รู้มากแต่รู้ไม่จริง ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง

ถาม : ถ้าโยมนิมนต์พระ ๕ รูป แล้วระบุชื่อพระมาทั้ง ๕ รูป โยมจะได้อานิสงส์ สังฆทานไหมครับ ?

โยมเคยให้ผมนิมนต์พระ ๙ รูป แล้วผมระบุชื่อพระ ๔ รูป อีก ๕ รูป แล้วแต่วัดจะจัด ผมเข้าใจว่าโยมจะได้อานิสงส์สังฆทานครับ

ตอบ : จะระบุเจาะจงอย่างไร ถ้าได้ ๔ รูปขึ้นไปก็เป็นสังฆทาน

เถรี
15-05-2020, 03:24
ถาม : เงินที่สวดพระคาถาเงินล้าน สามารถนำมาบูชาวัตถุมงคลในเว็บวัดท่าขนุน ได้หรือไม่ครับ ?

ตอบ : ต้องดูว่าวัตถุมงคลที่เราจะบูชานั้น ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร ? เงินจากการสวดพระคาถาเงินล้าน ปกติแล้วหลวงพ่อวัดท่าซุงแนะนำให้ถวายสังฆทาน ถ้าถือตรงจุดนี้ งานบุญอะไรที่เป็นสังฆทาน และสูงกว่าสังฆทาน เช่น วิหารทานหรือธรรมทาน ก็ใช้เงินก้อนนี้ได้

เถรี
15-05-2020, 06:52
"ไม่ต้องใช้อำนาจกสิณหรอก แค่คาถาก็พอแล้ว"
"ไหวหรือครับท่านปู่ ?"

"อวี้หวงต้าตี้" กวักพระหัตถ์ ก็มีเทวดาหลายองค์เดินออกมาข้างหน้า
"นอกจาก "พี่จุก" กับ "แม่มณี" แล้ว ที่เหลือมีใครบ้างครับนี่ ?"

"ผมวรุณเทพครับ ส่วนท่านนี้วายุเทพ ท่านนี้สีตเทพ ท่านนี้วลาหกเทพ ท่านนี้ปชุนเทพครับ"

"กฎเกณฑ์กติกาในการช่วยเหลือครบถ้วนไหม ?" ท่านปู่หันไปถาม "พี่จุก" เลขานุการส่วนพระองค์

"ครบถ้วนสมบูรณ์ครับ สถานที่นี้มีการสวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ ทุกรูปทุกคนปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการอุทิศส่วนกุศลให้กับเทวดาทั้งหลายมีเป็นปกติครับ"

"ถ้าอย่างนั้นอนุญาตให้ดำเนินการได้"

วลาหกเทพเปล่งรัศมีสีน้ำเงินเข้ม มหาเมฆปรากฏขึ้นรอบทิศ วายุเทพหมุนฝ่ามือรอบเดียว พลังสีใสกระเพื่อมบังเกิดลมหอบเอาหมู่เมฆเข้ามารวมกัน สีตเทพโอบสองมือเข้าหากัน พลังงานสีฟ้าใสเย็นยะเยือกกดหมู่เมฆลงต่ำ จากมุมมองนี้เห็นว่าแทบจะติดพื้น วรุณเทพและปชุนเทพผลักสองมือกดซ้ำ ปรากฏสายฟ้าสีม่วงอ่อนแลบแปลบปลาบและฟ้าร้องครืนครั่น พลังงานจากเทพทั้งห้าหมุนวนผสมกลมกลืน ห่อหุ้มหมู่เมฆเอาไว้เหนือเป้าหมาย

"จังหวะนี้แหละลูก" "แม่มณี" ให้สัญญาณ

"สัมมาธารัง ปะเวจฉันโต กาเลเทโว ปะวัสสะตุ"

พระคาถาขอฝนประหนึ่งการหมุนเปิดก๊อก สายฝนพร่างพรูลงสู่พื้นพสุธาในทันใด

"เมื่อมีสิ่งที่ง่ายกว่าก็อย่าไปทำสิ่งที่ยาก"
"ผมว่าสิ่งที่ท่านปู่และทุกท่านทำยากกว่านะครับ ถ้ากฎเกณฑ์กติกาไม่ครบก็ทำไม่ได้ การใช้อานุภาพอาโปกสิณใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น ง่ายกว่าตั้งเยอะครับ"

"แต่เจ้าก็ต้องไปรับกฎของกรรมที่ฝืนธรรมชาติ ในเมื่อสามารถ "ของบประมาณ" ได้ ก็ควรที่จะขอ"

"กราบขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างยิ่งครับ ขอสัก ๑ ชั่วโมงนะครับ ที่ผ่านมาตกแบบพื้นไม่ทันจะเปียกบ้าง ยังไม่ทันจะทำให้ความร้อนหมดไปบ้าง อากาศยิ่งระอุมากขึ้นไปอีกครับ"

"ได้ตามนั้น"

เสียงระฆังเรียกให้เตรียมตัวทำวัตรเช้าดังขึ้นพอดี ทำไมระยะนี้ฝันบ่อยแท้วะ ?!!

เถรี
16-05-2020, 06:58
"พลิกชีวิตกันจริง ๆ ครับ ขายกันกระจายเต็มเฟซฯ เลย ผมว่าหลายคนน่าจะเปลี่ยนอาชีพไปขายวัตถุมงคลของหลวงพ่อเลยครับ"

"ช่างเขา..ถือว่ารู้จักทำมาหากิน แต่ละคนย่อมมีบริษัทบริวารของตน เขาจะได้อำนวยความสะดวกให้ด้วย"

"ผมทึ่งตรงที่ว่า วัตถุมงคลวัดไหนก็ขายไม่ได้สักแห่ง ยกเว้นของวัดท่าขนุนและวัดที่หลวงพ่อเมตตาไปช่วยเสกให้"

"เป็นบุญของเขาที่พระท่านช่วยเมตตาสงเคราะห์ วัดเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ทำงานเพื่อศาสนาอย่างเข้มแข็งจริงจัง สมควรที่จะได้รับการช่วยเหลืออยู่แล้ว"

"ของผมเองพรรคพวกส่งรถมาขอข้าวของเครื่องใช้จนถึงที่วัด ปกติแล้วผมจะเป็นคนส่งให้เอง ทั้งวัดและสำนักสงฆ์หลายสิบแห่ง มาปีนี้เจอโควิดอาละวาด ทำไม่ได้เหมือนเดิม แต่ในเมื่อเขามาขอก็ต้องหาให้ครับ"

"ดีแล้ว.. ทำไปเถอะ ถึงเราจะเดือดร้อนก็ยังเดือดร้อนน้อยกว่าคนอื่นเขา"

"ถ้าผมไม่ได้เกาะแข้งเกาะขาหลวงพ่อผมก็ตายสนิทเหมือนกันครับ ได้บารมีของหลวงพ่อช่วย ก็ยังพอที่จะตื๊อต่อไปได้"

"ต้องบอกว่าเราเคยสร้างบุญร่วมกันไว้ แล้วคุณก็ทำงานเพื่อพระศาสนาอย่างเข้มแข็งจริงจัง ผมเห็นแล้วก็อยากจะช่วย ถือว่าบุญสัมพันธ์ทำให้ทุกอย่างลงตัวพอดี"

"บอกตรง ๆ ว่าอิจฉาหลวงพ่อครับ ผมโฆษณาจนปากจะฉีกถึงหูกว่าที่จะขายวัตถุมงคลได้สักชิ้น ของหลวงพ่อมีแต่คนแย่งกันเอาไปขายให้ เสียดายที่หลวงพ่อไม่เล่นเฟซฯ ครับ ไม่อย่างนั้นจะได้เข้าไปดูเองเลย"

"รักษาใจให้ดี เอ่ยวจีอย่าบกพร่อง ตั้งสติให้ตรงช่อง ความเศร้าหมองจะหมดไป"

เถรี
16-05-2020, 07:01
"ที่สโตร์ยอดขายพุ่งกระฉูดเลยค่ะ จากเดิมประมาณวันละ ๗ - ๘ แสนบาท บางวันก็ได้แค่ ๔ - ๕ แสนบาท ตอนนี้ไม่ต่ำกว่าวันละ ๑ ล้าน ๓ แสนบาท กราบขอบพระคุณหลวงพ่อมาก ๆ เลยนะคะ มีโอกาสขอนิมนต์ไปเหยียบที่สโตร์อีกสักครั้ง ต้องการอะไรเท่าไรหลวงพ่อเลือกได้เลยค่ะ หนูเต็มใจถวายทุกอย่าง"

"กิจการดีก็ดีใจด้วย อย่าลืมสวด อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๓ จบทุกวัน การภาวนาพระคาถาเงินล้านก็ทำให้สม่ำเสมอ เราต้องสร้างสิ่งที่ดีเอาไว้รองรับด้วย ความดีอื่น ๆ ถึงจะเข้ามาได้"

เถรี
16-05-2020, 07:02
เออหนอ..ดูท่าท่านย่าจะผลักลูกหลานออกไปเป็น "ควายเผือก" กันหมดแล้ว คนอื่นทำมาหากินไม่ได้ ต้องพึ่งโครงการเราไม่ทิ้งกันบ้าง พึ่งตู้ปันสุขบ้าง พึ่งโรงทานของวัดบ้าง แต่ลูกหลานท่านย่าไม่ต้องพึ่งใคร ทำมาหากินกันแบบเพลิดเพลินเจริญใจมาก รวยแล้วจะนึกถึงอาตมาบ้างไหมนี่ ?

อย่าลืมว่าการที่จะเป็น "ควายเผือก" ได้ ก็ต้องมีกฎเกณฑ์กติกาของการเป็น "ควายเผือก" ด้วย ถ้าปฏิบัติไม่ครบตามกฎเกณฑ์ กลับกลายเป็นควายดำหรือควายแท้ ๆ ที่ไม่มีวัวปนเลย ก็อย่าได้โทษท่านย่าและอาตมาเชียวนะ..!

เถรี
17-05-2020, 10:35
ท่านอาจารย์วิชชุ อารมณ์ดี ประธานชมรมรวมใจภักดิ์ นำคณะมาค้างคืนที่วัดท่าขนุน ช่วยกันทำความสะอาดวัด จัดเก็บสถานที่ตามความเคยชินที่ทำมาอยู่บ่อย ๆ เป็นระยะเวลาหลายปีติดต่อกันมาแล้ว

"พวกเรายังดีที่มาวัดกัน วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ปกติแล้วนักท่องเที่ยวทั้งไทยและฝรั่งจะเข้ามาเต็มวัด แต่ตอนนี้ก็อย่างที่เห็น ทั้งที่เปิดวัดแล้วก็ยังเงียบเหงา หาคนมาไหว้พระได้ยากเต็มที...

อย่างที่เคยบอกเอาไว้ว่า มารใช้คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว ในการขัดขวางไม่ให้เราสร้างความดี จะได้ไม่สามารถหลุดพ้นไปจากเงื้อมมือของเขา สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ก็เช่นเดียวกัน...

ในระยะแรกก็เกิดอาการระแวง พระกลัวโยม โยมก็กลัวพระ ต่างคนต่างกลัวว่าจะติดเชื้อไวรัสจากอีกฝ่ายหนึ่ง พอเวลาผ่านไป คำสั่งจากหน่วยราชการก็ดี จากคณะสงฆ์ก็ดี แม้ว่าจะออกมาเพื่อความปลอดภัยของทุกคน แต่ก็ซ้ำเติมให้สถานการณ์ของพระพุทธศาสนาย่ำแย่ลงไปเรื่อย...

งานสงกรานต์ไม่สามารถที่จะจัดทำบุญได้ตลอดทั้ง ๓ วัน งานวิสาขบูชาที่ถือว่าเป็นวันสำคัญที่สุดวันหนึ่งของพระพุทธศาสนา ก็ต้องระงับการจัดกิจการงานบุญทั้งหมด ญาติโยมไม่สามารถที่จะไปวัดได้ เพราะว่ามีคำสั่งห้ามตาม พรก.ฉุกเฉิน..!

ต้องบอกว่า "เพื่อนเก่า" ของอาตมาแสบมาก ฉวยโอกาสให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองได้ในทุกสถานการณ์ ทำให้ผู้คนซึ่งปกติไม่ค่อยจะเข้าวัดอยู่แล้ว ห่างวัดห่างวาออกไปเรื่อย คนที่เข้าวัดเป็นปกติก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปได้...

เราอาจจะคิดว่าสามารถทำบุญออนไลน์ได้ แต่ว่าการทำบุญออนไลน์นั้น บั่นทอนกำลังใจและบารมีของเราลงไปเท่าไรมีใครรู้หรือไม่ ?

ก่อนหน้านี้การไปวัดแต่ละครั้ง ต้องใช้กำลังใจในการเพียรพยายามเป็นอย่างสูง ต้องมีการตั้งกำลังใจที่เป็นบุญกุศลขึ้นมาก่อน แล้วหาค่ารถค่ารา ค่ากินค่าอยู่ ปัจจัยในการทำบุญ กว่าจะไปวัดได้กำลังใจต้องจดจ่ออยู่กับบุญกุศลตลอดเวลา...

ยิ่งถ้าโดนคนในครอบครัวหรือในที่ทำงานขัดขวาง ก็ต้องใช้สติ สมาธิ และปัญญาเป็นอย่างสูง ในการที่จะหาทางไปวัดให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานล่วงหน้าเพื่อสะสมวันลา ต้องใช้ปัญญาในการหาข้ออ้างที่น่าฟังเพื่อให้คนอื่นไม่ขัดขวาง ต้องมีสติที่จะไม่หลุดไปจากกองบุญการกุศลที่ตั้งใจเอาไว้ ต้องมีสมาธิจิตที่เข้มแข็งเพื่อรองรับการกระทบกระแทกจากรอบด้าน เรียกว่าการไปวัดคือการฝึกฝนตนเองให้มีบารมีเข้มแข็งแกร่งกล้ายิ่งขึ้นไปทุกวัน...

แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ทุกคนคิดว่าทำบุญออนไลน์ก็ได้ ไม่ต้องไปวัดเปิด YouTube ฟังก็ได้ เปิดมือถือดูการถ่ายทอดสดจากวัดก็ได้ ซึ่งก็ได้ตามนั้นจริง ๆ แต่กำลังใจที่ควรได้นั้นไม่มีเหลือ ไม่ต้องใช้สติ สมาธิ หรือปัญญาอะไรเลย..."

เถรี
17-05-2020, 11:53
มีดเมื่อไม่ได้ลับ จะหาความคมกล้ามาจากไหน ? เราก็เหลือเพียงการสร้างบารมีโดยการให้ทาน จากการทำบุญออนไลน์ หรือถ้าใครเข้มแข็งพอก็สามารถปฏิบัติสมาธิภาวนาที่บ้าน แต่บรรยากาศก็ไม่ค่อยจะเอื้อให้การปฏิบัติของเราก้าวหน้า ไม่ต้องพูดถึงการใช้กําลังปัญญาฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อให้ได้เดินทางไปวัด...

ยิ่งการไปวัดเพื่อสร้างบุญสร้างกุศลยากเท่าไร เราก็ยิ่งเห็นทุกข์เห็นโทษในการเกิดมากขึ้น ขนาดบุคคลที่ใฝ่บุญใฝ่กุศลอย่างพวกเรา ยังต้องประกอบด้วยความทุกข์ยากเห็นปานนี้ บุคคลอื่นที่ขึ้นชื่อว่าจะไม่ทุกข์นั้นย่อมไม่มี...

แต่ตอนนี้สถานการณ์ทำให้การฝึกฝนเพื่อให้เกิด สติ สมาธิ ปัญญา น้อยลงจนถึงขนาดสิ้นหนทาง..! การสร้างบารมีเพิ่มขึ้นให้กับตนเองด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ก็อาจจะเหลือแต่ศีลและสมาธิในเบื้องต้น ไปไม่ถึงปัญญาที่จะช่วยให้เราหลุดพ้นจากกองทุกข์ได้...

การสร้างกองบุญการกุศลด้วยทาน ด้วยศีล ด้วยการภาวนา ก็อาจจะขาดตกบกพร่อง เพราะว่าบรรยากาศไม่เอื้ออำนวย หรือพาให้เข้าใจไขว้เขวไปว่า การทำบุญอย่างเดียวก็พอแล้ว โดยลืมไปว่าการให้ทานนั้นเป็นเพียงกำลังใจของบุคคลในระดับบารมีต้นเท่านั้น ส่วนการให้ทาน รักษาศีล ซึ่งเป็นกำลังใจของบุคคลในระดับบารมีขั้นกลาง และการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ซึ่งเป็นกำลังใจของบุคคลที่มีบารมีขั้นสูงสุดนั้น ย่อมห่างไกลเกินฝัน...

ได้แต่หวังว่าเมื่อรู้ลีลาของมารแล้ว พวกเราจะได้วางกำลังใจในการต่อสู้ได้ถูกต้อง ขออนุโมทนาในความดีที่ทุกท่านได้ร่วมกันทำในครั้งนี้ อย่าปล่อยให้ New Normal มาสร้างช่องว่างให้พวกเราห่างวัดห่างวา จนขาดการเสริมสร้างบุญบารมีของตน...

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านตั้งฉายาให้กับอาตมาว่า "สุธมฺมปญฺโญ" พร้อมกับแปลให้เองเสร็จสรรพว่า "เป็นผู้มีปัญญาในการปฏิบัติธรรมดีมาก" ขอให้ญาติโยมทั้งหลายซึ่งเคยร่วมบุญกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นผู้มีปัญญาเห็นได้เช่นกันว่า หนทางใดเป็นทางที่ถูกที่ควรในการสร้างบุญบารมีของเรา เพื่อให้ก้าวพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ขอให้ทุกท่านทุกคนมีพระนิพพานเป็นที่ไปในเบื้องหน้าโดยทั่วกันเถิด"

เถรี
18-05-2020, 06:38
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงการปิดเมืองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ แทบทุกบ้านค่าไฟจะพุ่งกระฉูด ยกเว้นบ้านเติมบุญและวัดท่าขนุน เพราะว่าไม่ได้เปิดบ้านเติมบุญ ทำให้การใช้ไฟฟ้าน้อยลงไปมาก

ส่วนของวัดท่าขนุนนั้น ได้งดจัดงานสำคัญไปหลายอย่าง เช่น งานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและเป่ายันต์เกราะเพชร งานทำบุญสงกรานต์ทั้ง ๓ วัน งานวันวิสาขบูชาซึ่งมีทั้งการทำบุญ การมอบทุนการศึกษา การบวชพระ การวางผางประทีป และการเวียนเทียน โดยเฉพาะการหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อเงินปิดทอง ที่โดนทางราชการขอให้จำกัดคนเข้าวัดไม่เกิน ๕๐ คน

ในเมื่อคนน้อย การใช้น้ำใช้ไฟย่อมน้อยลงไปด้วย บ้านเติมบุญและวัดท่าขนุนจึงสวนกระแส แทนที่จะจ่ายค่าไฟมากขึ้น ก็กลายเป็นจ่ายน้อยลง ความจริงการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค น่าจะมีรางวัลให้สำหรับกับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าน้อยลงบ้าง ไม่ใช่ไปลดค่าไฟให้เฉพาะผู้ที่ใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเท่านั้น"

เถรี
18-05-2020, 06:40
"เรื่องที่น่าตกใจก็คือเรื่องของครูข่มขืนศิษย์..! ซึ่งผิดจรรยาบรรณวิชาชีพของความเป็นครูอย่างร้ายแรง เหมือนกับสำนวนไทยที่ว่า "สมภารต้องไม่กินไก่วัด" ที่แสดงถึงจรรยาบรรณของเจ้าอาวาสว่า ถึงจะเป็นไก่ในวัดที่ตนเองดูแลอยู่ ก็ห้ามผิดมารยาทไปกินเข้าอย่างเด็ดขาด..!

ที่ตกใจนั้นไม่ใช่เรื่องของครูข่มขืนศิษย์ แต่เป็นเรื่องของเพื่อนครูที่ออกมาปกป้องครูด้วยกันว่า การที่ลูกศิษย์ซึ่งถูกข่มขืนไปแจ้งความจับครูนั้นเป็นความอกตัญญู เนรคุณต่อครูอย่างแรง..!

ถ้าอาตมาเป็นผู้มีอำนาจในกระทรวงศึกษาธิการ จะสั่งไล่ครูผู้ที่ออกมาปกป้องครูด้วยกันเช่นนี้ออกทันที ในเรื่องที่มีความผิดทางอาญาชัดเจนอย่างนี้ ผิดจรรยาบรรณในวิชาชีพอย่างร้ายแรงขนาดนี้ กลับมีแนวคิดบิดเบี้ยว เห็นผิดเป็นชอบ เห็นว่าผู้ถูกทำร้ายเป็นคนเนรคุณ

ถูกต้องที่ว่าบางทีอาจจะไม่ใช่การข่มขืน อาจจะเป็นการสมยอมกันก็ได้ แต่อย่าลืมว่านี่คือเยาวชน อายุยังไม่เกิน ๑๕ ปี ถึงจะสมยอมอย่างไรก็ผิดคดีอาญาร้ายแรง คนเป็นครูจะต้องมีกำลังใจที่หนักแน่น เข้มแข็ง ช่วยป้องกันไม่ให้ศิษย์หลงเดินไปในทางที่ผิด ไม่ใช่ไปช่วยลูกศิษย์ทำชั่วเสียเอง

แม่พิมพ์ที่บิดเบี้ยวอัปลักษณ์เช่นนี้ จะผลิตบุคคลที่ออกมาเป็นกำลังของชาติในภายหน้าได้บิดเบี้ยวเละเทะขนาดไหน ? คนเป็นครูมีหน้าที่ในการสอนศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม แก่เด็ก ๆ แต่ตนเองกลับบกพร่องทางศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรมอย่างร้ายแรงเช่นนี้ สมควรที่จะถูกกำจัดออกไปจากวงการครูอย่างรวดเร็ว จะได้ไม่เอาแนวคิดชั่วร้ายเช่นนี้ไปเผยแพร่แก่เด็ก ๆ จนเติบโตขึ้นไปเป็นกากเดนของสังคมในภายหน้า"

เถรี
18-05-2020, 06:43
"เรื่องของการฟื้นฟูบริษัทการบินไทย ที่มีหลายคนใช้คำว่าสายการบินแห่งชาติ จนเกิด "ดราม่า" ขึ้นมาทั่วประเทศ เพราะทุกคนเห็นว่ายิ่งบริหารก็ยิ่งเละ มีแต่ขาดทุนไม่มีกำไร แล้วจะเก็บรัฐวิสาหกิจเน่า ๆ แบบนี้เอาไว้ทำไม ?

เรื่องการบริหารรัฐวิสาหกิจแล้วขาดทุนย่อยยับนั้น เป็นเรื่องปกติสำหรับประเทศไทย แต่ไม่มีใครคิดที่จะแก้ไข เพราะว่าเท่ากับไปทุบหม้อข้าวคนอื่น มัวแต่เกรงใจในเรื่องที่ไม่ควรเกรงใจ จึงปล่อยให้มะเร็งร้ายลุกลามไปทั่วประเทศ..!

เอาแค่ขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (ขสมก.) ก็แล้วกัน บริหารกันได้เละเทะขาดทุนย่อยยับอยู่ทุกปี แต่รถร่วมบริการกลับมีกำไร เลยมีคนแปลอักษรย่อออกมาว่า "เขาสั่งมาโกง" หรือว่า "เขาส่งมากิน" จนเป็นที่อับอายขายหน้าไปทั่ว

การรถไฟแห่งประเทศไทยที่เป็นอันดับ ๑ ในเอเชียตั้งแต่สมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ก็ยังคงแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากสมัยนั้น รอบบ้านผ่านเมืองเขามีรถไฟความเร็วสูงกันหมดแล้ว บ้านเราแค่รถไฟรางคู่ยังหาได้ยากเลย

โดยเฉพาะการบินไทยที่ขึ้นแท่นเป็นสายการบินอันดับ ๑ ของโลกมาหลายปี ทุกชาติทุกภาษาใช้บริการแล้วล้วนแต่ติดใจ พอเปลี่ยนผู้บริหารไม่นานก็เริ่มเละเป็นโจ๊ก หลังจากนั้นก็เละต่อเนื่องกันมาหลายสิบปี เป็นเรื่องที่ชาวบ้านทุกคนเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ? แต่รัฐบาลและผู้บริหารกลับทำท่าโง่สนิท ซ้ำยังคิดที่จะเอาเงินจากภาษีอากรของคนทั้งประเทศไปอุ้มอีก จึงได้เกิด "ดราม่า" อย่างที่เห็นกันอยู่ในทุกวันนี้

"พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ พึงสละทั้งทรัพย์และอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต พึงสละทั้งทรัพย์ทั้งอวัยวะและชีวิตเพื่อรักษาธรรม" ถ้าสละไม่ได้ท่านทั้งหลายก็ต้องยอมรับผลร้ายที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน..!"

เถรี
18-05-2020, 06:47
"เรื่องเศร้าเคล้าน้ำตา "ดราม่าสุด ๆ" ก็คือการที่ผู้ปกครองพาเด็กนักเรียนไปหาซื้อโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน ที่ราคาไม่เกิน ๒,๐๐๐ บาท เพื่อให้ลูกเอาไว้ใช้เรียนหนังสือออนไลน์ ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ นี้ เหตุที่ต้องกำหนดราคาว่าไม่เกิน ๒,๐๐๐ บาท เพราะว่าทั้งบ้านมีเงินเหลืออยู่แค่นี้..!

นี่คือการบริหารแบบสั่งงานจากห้องปรับอากาศ หรือที่สมัยก่อนเรียกกันว่า "หอคอยงาช้าง" เป็นการบริหารแบบ "ไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึง มุ่งแต่พัฒนาอย่างเดียว" ซึ่งยังต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกมาก

บ้านเรานั้นหายากที่ผู้บริหารจะลงไปคลุกกับงานด้วยตัวเอง ทั้งที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงทำให้เห็นเป็นปกติ ตลอด ๗๐ ปีที่ครองราชย์มา แต่ก็หาคนทำตามได้ยาก เพราะว่าเหนื่อย ลำบาก สู้สั่งการจากห้องปรับอากาศไม่ได้

เมื่อไม่ได้ไปดูไปเห็นด้วยตาตนเอง ก็ไม่ "เข้าใจ" ว่าบริบทของสังคมนอกเมืองหลวงนั้นเป็นอย่างไร เมื่อไม่ยอมลงไปคลุกกับงานก็ย่อมไม่ "เข้าถึง" สภาพของงานที่แท้จริง แล้วจะไป "พัฒนา" ประเทศชาติให้ดีนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้

องค์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงแสดงพระองค์เป็นตัวอย่าง ตลอดระยะเวลาทรงครองราชย์ เสด็จไปแทบจะทั่วทุกตารางนิ้วของประเทศไทย พระองค์ท่านจึง "เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา" ประเทศของเราได้ตรงกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

มิหนำซ้ำพระองค์ท่านยังแสดงให้เห็นชัดว่า "เราต้อง "เสียสละ" เมื่อทำบ่อย ๆ กำลังใจมั่นคงขึ้นก็จะลืมคำว่า "เสีย" เหลือไว้แต่คำว่า "สละ" อย่างเดียว ครั้นสละบ่อย ๆ ก็จะเหลือแต่คำว่า "ละ" เมื่อนั้นสภาพจิตก็จะไม่ยึดติดกับสิ่งใด นอกจากทำความดีเพื่อความดีเท่านั้น"

ได้แต่หวังว่าข้าราชการทุกคน จะนำเอาสิ่งที่พระองค์ท่านทำมาตลอด ๗๐ ปีใส่ไว้ในใจบ้าง ไม่ต้องทำถึงร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างของพระองค์ท่าน สักแค่ ๑ หรือ ๒ เปอร์เซ็นต์ก็เชื่อว่าจะช่วยให้ประเทศชาติของเราเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปกว่านี้อีกหลายเท่า

เรื่องของจิตสำนึกสาธารณะ การเสียสละเพื่อส่วนรวมนั้นทำได้ยากยิ่งนัก แต่ถ้าทำได้ก็จะเกิดความปีติ อิ่มเอิบใจ ภาคภูมิใจ สามารถทุ่มเทให้กับส่วนรวมโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตน เท่ากับเป็นการสร้างเสริมบุญญาบารมีของตน ซึ่งจะมีแต่ผลดีแก่ตนทั้งในชาตินี้และชาติหน้า

รอยพระบาทของพระองค์ก้าวนำไปหลายสิบปีแล้ว เมื่อไรข้าราชการซึ่งเป็นผู้รับสนองงาน จะได้ก้าวตามไปอย่างแท้จริงบ้าง ?"

เถรี
19-05-2020, 08:06
"เฮ้ย...ทำอย่างนี้หมายความว่าอย่างไรวะ ?!!"

น้องเล็กโวยขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารประจำด่านทั้ง ๒ นายซึ่งตรวจรถคันหน้าอยู่ พร้อมใจกัน "หันก้น" ให้ ทำเอาพวกอาตมารีบใส่หน้ากากฟรี โดยไม่ได้ใช้งานซะอย่างนั้น

"เฮ้ย..ลืมยกเลิกภารกิจ พี่ท่านทั้งสองเลยจัดให้เหมือนเดิม ฮ่า.ฮ่า..ฮ่า..!"

อาตมานึกขึ้นมาได้ก็สะดุ้ง แล้วอดขำไม่ได้ มิน่าล่ะ..หลายวันนี้ผ่านด่านตรวจทีไร ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร หรือพลเรือน มีแต่คนหันหลังให้ ลืมไปว่ายังไม่ได้ยกเลิกคำสั่ง "แหกด่าน" กับพญาแมลงภู่คำทั้งสอง..!

"ด่านแถวนี้ไม่ต้อง "แหก" ก็ได้จ้ะท่านพี่ ปล่อยให้เขาได้ทำหน้าที่บ้าง เอาไว้ต้องข้ามจังหวัดเมื่อไรแล้วค่อยว่ากันใหม่"

ตั้งแต่ด่านตรวจสามแยกทองผาภูมิไปจนถึงวัดท่าขนุน อาตมากับน้องเล็กหัวเราะกันจะเป็นจะตาย เพราะว่าไปนึกถึงภาพการสั่งงานชาวขมุในสมัยก่อน ที่ให้ตักน้ำใส่ตุ่ม น้ำเต็มแล้วก็ยังตักกันไม่เลิก จนกว่าที่จะสั่งให้หยุดเท่านั้น..!

"เออหนอ..พี่กู ช่างตรงไปตรงมาเหลือเกิน อะไรจะน่ารักได้เบอร์นี้วะ ?!!"

เถรี
19-05-2020, 08:09
"จะมีไอ้พวกโง่แล้วอวดฉลาด พยายามจะมาร่วมงานหล่อพระ ด้วยการขอเข้าพักในวัดก่อนวันงาน แล้วตีมึนอยู่ยาวจนถึงวันงานไปเลย"

"แนวที่ ๕" ส่งข่าวด่วนมา จนอาตมาต้องรีบประกาศให้พระเณรในทีมงานวัดท่าขนุน ห้ามรับคนเข้าพักตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่างานหล่อพระจะสำเร็จลงแล้ว และให้ประกาศในเว็บไซต์วัดท่าขนุน โดยเนื้อหาใจความเดียวกัน

"ไม่ให้พักในวัด เขาก็ไปพักตามรีสอร์ทข้างนอกครับ" เออ..ถ้ายังมีความพยายามขนาดนั้น ก็คงต้องเป็นหน้าที่ของท่านผู้กำกับและลูกน้องแล้ว

อาตมาลืมไปว่าเมื่อท่านย่าทำให้คนในคณะกลายเป็น "ควายเผือก" สันดานควายก็ต้องดื้อเป็นธรรมดา แต่ไม่เป็นไร..ถึงเวลาบรรดาควายทั้งหลาย จะได้รู้ว่ารสชาติของประฏักและไม้ตะพดนั้นเป็นอย่างไร ? ขอให้มาจริงเท่านั้นแหละ..!

เถรี
19-05-2020, 08:19
"น้องเล็ก.. ขอยืมโทรศัพท์ด่วนเลย..!"
อาตมาเผ่นออกจากห้องน้ำมา ขอโทรศัพท์จากน้องเล็ก เพื่อส่งข่าวด่วนที่เพิ่งได้รับคำสั่ง ก่อนที่จะเลือนหายไปจากใจ ยังดีที่พระวินัยห้ามพระแก้ผ้าอาบน้ำ ไม่อย่างนั้นคงได้วิ่งโทง ๆ ออกมาให้เขาแตกตื่นกันทั้งวัด..!

หลายคนคงคิดว่าอาตมาบ้า สรงน้ำให้เสร็จก่อนแล้วค่อยออกมาส่งข่าวก็ได้ แต่จากประสบการณ์หลายสิบปีที่ผ่านมา เรื่องที่พระ หรือพรหมเทวดา ตลอดจนกระทั่งครูบาอาจารย์ท่านสั่ง ถ้าไม่รีบจดเอาไว้หรือไม่รีบสั่งการต่อ ก็จะเลือนหายไปจากใจในเวลาไม่นาน หายไปชนิดที่งมเท่าไรก็หาไม่เจอเสียด้วย..!

"พระกริ่งสะท้านไตรภพได้เริ่มบรรจุเกศาหรือยัง ?"
"ดำเนินการไปบ้างแล้วครับ"

"ให้รอช้าไว้หน่อย พระท่านให้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุลงไปด้วย มีเวลาเมื่อไรจะรีบอัญเชิญไปให้"
"ครับ"

อนุสนธิ์สืบเนื่องมาจากการที่ ดร.จักรกฤช ศีลาเจริญ ประธานมูลนิธิสามสมเด็จ ปรารภกับอาตมาว่าจะสร้างพระกริ่งสะท้านไตรภพ เพื่อหาทุนสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชพร้อมด้วยพระตำหนักที่ประทับ เพื่ออาศัยบารมีขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตรึงสถานการณ์ของประเทศชาติไม่ให้เลวร้ายลงไปกว่านี้

โดยขอนำไปปลุกเสกปิดท้ายที่วัดท่าขนุน อาตมาเห็นว่าเป็นความตั้งใจที่ดี ยินดีให้ความร่วมมือด้วย และ "ขอพ่วง" ด้วยการสร้างพระกริ่งสะท้านไตรภพในส่วนของวัดท่าขนุน นำไปเข้าพิธีด้วยกัน ซึ่งท่านประธานมูลนิธิสามสมเด็จก็อนุญาตด้วยดี

สาเหตุเพราะว่าทางวัดท่าขนุนจะหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อเงินปิดทอง ด้วยเม็ดเงิน ๑๕๐ กิโลกรัม ถึงเวลาแล้วจะเหลือชนวนหลายสิบกิโลกรัม อาตมาไม่อยากเหลือทิ้งไว้เปล่า ๆ จึงกราบขออนุญาตพระท่านเพื่อสร้างวัตถุมงคลจากชนวนที่เหลือนี้สักรุ่นหนึ่ง

ก็พอดีกับธรรมะจัดสรร ให้ท่าน ดร.จักรกฤชมาปรึกษาเรื่องการสร้างวัตถุมงคลของทางมูลนิธิพอดี ทุกอย่างจึงลงตัวแบบไม่ได้นัดหมาย

ตามที่พระท่านเมตตาบอกว่า พระบรมสารีริกธาตุนั้นถือว่าเป็นวัตถุมงคลที่มีพุทธานุภาพสูงสุด เพราะว่าเป็นส่วนหนึ่งของพระวรกายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีวัตถุมงคลชนิดใดจะมีอานุภาพยิ่งไปกว่านี้อีกแล้ว เมื่อบรรจุ "พระบรมสารีริกธาตุของแท้" ลงในวัตถุมงคลชนิดใดก็ตาม ย่อมมีอานุภาพครอบฟ้าคลุมดิน ชนิดที่องค์เดียวเที่ยวทั่วจักรวาลได้เลย..!

เถรี
20-05-2020, 05:57
"รบกวนแจ้งทางวัดพุทธพรหมยานให้ช่วยเปลี่ยนเวลาพุทธาภิเษกมาเป็นช่วงเช้าด้วยครับ" พระเอกลิเก เอ๊ย..ท่านท้าวทศรถขอความอนุเคราะห์มา...

นาน ๆ จะมีเทวดาระดับ "ซูเปอร์บิ๊ก" มาขอแบบนี้ ก็ต้องรีบดำเนินการให้โดยด่วน แต่ทางผู้ดำเนินงานกลับสงสัยว่าทำไม ?

"งานของเขากำหนดพิธีปลุกเสกหลังเที่ยง ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกผมส่วนใหญ่ก็จะไม่มีใครได้ไปเลย เพราะว่าติดประชุมเทวสภาครับ"

อาตมาก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกัน ว่าเทวดาไม่ได้ว่างทุกเวลา ทุกท่านล้วนแล้วแต่มีหน้าที่เต็มมือ ถ้าผิดเวลาถึงอยากสงเคราะห์ก็ทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากหน้าที่ในความรับผิดชอบบังคับเอาไว้

"เขาไม่สงสัยกันบ้างเลยนะครับ ว่าท่านทำอะไรก็ "ปัง" คนอื่นทำอะไรก็ "แป้ก" สำหรับพวกผมแล้วเรื่องเวลาสำคัญที่สุดเลยนะครับ"

เนื่องจากอาตมาเองได้รับกำหนดการบวงสรวงและปลุกเสกวัตถุมงคลโดยเฉพาะในส่วนของตนไปแล้ว ก็ทำตามนั้นมาโดยตลอด จนลืมไปแล้วในเรื่องของเทวดาที่จะต้องติดงานติดการตามหน้าที่ของท่าน เมื่อท่านมาสงเคราะห์ไม่ได้ ต่อให้สร้างอะไรมาเข้าพิธีก็ "แป้ก" หมด

"งานนี้ทางเจ้าภาพสร้างรูปของพวกผมด้วย ในงานถ้าขาดพวกผมไปก็เป็นอันว่าจบกัน เห็นว่าทางนั้นเคารพนับถือท่าน พอที่จะตักเตือนแก้ไขกันได้ จึงมาแจ้งให้ทราบครับ"

ขอบคุณท่านเป็นอย่างยิ่ง ภาษิตจีนเขาเรียกว่า "ฆ่าไก่แต่ใช้มีดโค" เล่นเอาระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพมาส่งข่าว รู้สึกว่าผิดฝาผิดตัวและเกรงใจเป็นอย่างยิ่ง

ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป แล้วพบกันในวันงานนะครับ

เถรี
22-05-2020, 19:56
"ฝากให้ช่วยประคับประคองด้วยนะ ถ้าอยู่ต่อได้ จะได้เป็นกำลังใหญ่ของพระพุทธศาสนา"

"หลายรายเต็มทีแล้วครับท่านปู่ ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นธนาคารรับเด็กฝากไปแล้วครับ"

ท่านผู้เป็นใหญ่ในสรวงสวรรค์ยิ้มอย่างเมตตา "ก็เหมือนกับสมัยก่อนที่ปู่ฝากพวกเจ้าไว้กับพ่อฤๅษีของเจ้านั่นแหละลูก มาสมัยนี้ก็ขอฝากลูกพระหลานพระไว้กับเจ้าบ้าง"

งานบวงสรวงพุทธาภิเษกวัตถุมงคลที่วัดพุทธพรหมยาน เมื่อถวายเครื่องบายศรีสักการะเสร็จแล้ว อาตมาก็กราบขอบารมีพระ พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหมด โดยเฉพาะหัวหน้าเทวดาอย่างท่านปู่พระอินทร์ ที่ต้องรับภาระส่งเทวดาติดตามดูแลวัตถุมงคลแต่ละชิ้น จึงได้เด็กฝาก เอ๊ย..พระฝาก เพิ่มมาอีก ๑ ราย

"เบี้ยแก้นิมนต์พระคุณเจ้าดำเนินการขอรับ" ท่านปู่หันไปพนมมือไหว้พระภิกษุชราร่างผอมห่มผ้าสีคล้ำซึ่งนั่งบนเถรอาสน์สูงกว่าท่านไปอีกระดับ...

"เบี้ยแก้ตัวครูอยู่ในย่ามแล้วครับ" เมื่อสายตาคมกริบเต็มไปด้วยจิตตานุภาพประดุจตาเสือกวาดมา อาตมาก็รีบรายงานทันที "ดี" ท่านกวักมือนิดเดียวประกายสีเงินยวงของโลหะธาตุศักดิ์สิทธิ์ ก็แผ่กระจายออกจากเบี้ยครูไปรอบข้างเหมือนกับหว่านแห ครอบลงบนตัวเบี้ยทั้งหมดที่มาเข้าพิธี จนทุกลูกเปล่งประกายวาววับเหมือนกับดาวรุ่งประดับฟ้า...

"พวกที่เอาเบี้ยแก้วัดอื่นมาเข้าพิธี จะเหลืออานุภาพแค่สายวิชาเดียวนะ ให้ไปค้นหาคาถากำกับและวิธีใช้เอาเอง"

"ขอบพระคุณหลวงปู่เป็นอย่างยิ่งครับ"

"ส่วนโน้นเป็นภาระของท้าวมหาราชทั้ง ๔" ท่านปู่ชี้ไปที่รูปเหมือนท้าวจาตุมหาราชหลายร้อยองค์ "ขอรับกระผม" ท้าวมหาราชทั้งสี่รับคำ เสียงกระหึ่มปานฟ้าคำรณ...

จตุรเทพอาวุธยกขึ้นพร้อมกัน พลังที่แผ่ซ่านออกมาเหมือนกับจะกวาดภูเขาถมทะเล ประสานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งสี่ทิศ แล้วครอบคลุมลงบนกองวัตถุมงคลทั้งปวง...

"พวกที่เอามีดเอาดาบเอาไม้เท้าไม้ถือมาเข้าพิธี ถือว่าโชคดีไปก็แล้วกัน" เสด็จ เอ๊ย..ท่านท้าววิรุฬหกเอ่ยขึ้น...

"รูปเหมือนชุดนี้มีอานุภาพทางไหนครับ ?"

"ปกป้องคุ้มภัยในทิศทั้งสี่ตามแต่จะอธิษฐาน แต่ต้องขยันหมั่นสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน ถ้าใครตั้งใจปฏิบัติในอารมณ์พระโสดาบัน พวกผมจะตามคุ้มครองป้องกันให้ตลอดชีวิต" ทั้งสี่ท่านตอบพร้อมกันเหมือนท่องหนังสือ

"ใครที่ไม่ทันตะกรุดคู่ชีวิตครั้งก่อน ให้เอาชุดนี้ไปใช้แทน ส่วนของประเภทหนุ่มรักสาวหลงอะไรพวกนั้น แล้วแต่ความประพฤติของแต่ละคน ถ้าผิดท่าผิดทางขึ้นมา ข้างล่างยังมีที่ว่างให้พวกเจ้าอีกมาก..!"

ท่านปู่เตือนทุกคนแล้วนะ โปรดระมัดระวังกันเอาเอง เมื่อกราบลาท่านปู่ที่งานนี้ได้รับหน้าที่ "ประธานอำนวยการ" แล้ว อาตมาก็ได้เวลาตื่นพอดี เมื่อคืนนอนน้อยไปหน่อย เผลอหลับและฝันไปอีกแล้ว

เถรี
23-05-2020, 14:36
วันเสาร์ที่ ๒๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ อาตมาออกบิณฑบาตตามปกติ พร้อมกับแจ้งญาติโยมว่า พรุ่งนี้ขอหยุดการบิณฑบาต ๑ วัน เพื่อหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อเงินปิดทอง...

ฉันเช้าแล้วพระเณรช่วยกันออกไปตั้งมณฑลพิธี การที่อาตมาปล่อยให้ทุกคนทำงานด้วยตัวเอง หลังจากที่ทำให้ดูสักครั้งสองครั้งแล้ว ทำให้ทุกคน "เป็นงาน" เร็วมาก...

นี่เป็นวิธีการของ "ครูโบราณ" คือ "สอนให้จำ ทำให้ดู อยู่ให้เห็น ตายให้เป็น" ถ้าเป็นยุคนี้ก็คือ บอกวิธีการ แสดงตัวอย่าง คอยควบคุมอยู่ห่าง ๆ เมื่อเขาจดจำและทำทุกอย่างได้ ถึงเราตายไปแล้วก็ยังเหมือนกับมีชีวิตอยู่...

วิธีการแบบนี้เรียกอีกอย่างว่า "สอนแบบลูกเสือลูกจระเข้" ซึ่งตัวแม่จะแสดงตัวอย่างให้ดูแค่ ๒ - ๓ ครั้งเท่านั้น หลังจากนั้นแล้วลูกก็ต้องไปฝึกหัดเลียนแบบเอาเอง ถ้าทำไม่ได้ก็อดไป ท้ายสุดเมื่อท้องหิวมาก ๆ เข้า ก็บีบบังคับให้ตัวลูกต้องล่าเป็นจนได้...

ทุกหน่วยงานทุกองค์กรถ้ามีความไม่ประมาทก็ควรที่จะเป็นเช่นนี้ เพราะว่าไม่มีใครสามารถอยู่ค้ำฟ้าได้ ถ้าไม่มีการฝึกหัดบุคคลรุ่นต่อไปเตรียมพร้อมเอาไว้ ถึงเวลาก็จะเกิดการชะงักงัน แล้วในยุคสมัยที่ทุกอย่างวิ่งไปข้างหน้ารวดเร็วเช่นนี้ เราอาจจะโดนทิ้งจนกระทั่งตามใครไม่ทันไปเลยก็เป็นได้...

เถรี
23-05-2020, 14:41
การที่รัฐบาลประกาศเลื่อนการบังคับใช้ พรก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก ๑ เดือนนั้น สามารถมองออกไปหลายแง่หลายมุม บ้างก็เห็นเป็นเรื่องของการเมือง ทำไปเพื่อรักษาอำนาจตนเองล้วน ๆ บ้างก็เห็นดีเห็นงามตามรัฐบาลไปด้วย...

เราต้องไม่ลืมว่าการต่ออายุ พรก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก ๑ เดือนนั้น นอกจากจะเป็นมติของ สมช. (สภาความมั่นคงแห่งชาติ) แล้ว ยังผ่านการเห็นชอบของ ศบค. (ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙) อีกด้วย...

ถ้ามองกันอย่างเป็นธรรมก็คือ สมช. อาจจะหวงอำนาจ เล่นการเมือง แต่ ศบค.ที่ส่วนใหญ่เป็นคุณหมอมืออาชีพ ที่ต้องรบกับเชื้อไวรัส covid-๑๙ มาตลอดสามเดือนนั้น คงไม่มีอารมณ์ที่จะมาเล่นการเมืองด้วย นอกจากทำเพื่อควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสให้อยู่ในกรอบที่รับมือได้อย่างดีที่สุด...

ต้องไม่ลืมคำพูดที่ว่า "ทำอะไรตามใจคือไทยแท้" แม้แต่อุ้มหมาเข้าร้านสะดวกซื้อก็ยังทำตามใจตัวเองได้ ถ้าหากไม่มีอะไรมาคอยควบคุมเอาไว้ สถานการณ์ที่ช่วยกันประคับประคองจนอยู่ในระดับที่ดีมาก ก็อาจจะกลับพังเละเทะไม่เป็นท่าเหมือนกับหลายประเทศที่ยกเลิกการควบคุมไป...

อดทนกันอีกนิดเพื่อสร้างขันติบารมี ระมัดระวังกันอีกหน่อยเพื่อสร้างปัญญาบารมี ขอเพียงไม่ประมาทเท่านั้นทุกอย่างจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นแล้วพวกคุณจะทำให้สถานการณ์ประเทศชาติเละเทะขนาดไหนก็เชิญทำไป จะชวนใครออกไปตายกลางถนนก็เชิญ เพราะว่าไม่มีเชื้อโรคร้ายมาคอยกระทืบซ้ำอยู่เหมือนกับตอนนี้...

อย่าเพิ่งรีบแสดงบทบาท การแสดงนั้นมีทั้งการแสดงที่เฉลียวฉลาด และการ "โชว์โง่" ที่คนเห็นแล้วเวทนาสงสาร รอให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้แล้วค่อยออกมาแสดง เราจะได้ผ่านวาระที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน...

เถรี
23-05-2020, 20:16
ถาม : ผมสมัครสมาชิกเว็บวัดท่าขนุน นานเกิน ๗ วันแล้ว ยังไม่ได้รับตอบจากทางเว็บฯ ยังไม่สามารถโพสต์อะไรได้เลยครับ

ตอบ : สมน้ำหน้า..เอ๊ย..น่าเห็นใจ เวลา ๗ วันนั้นสำหรับคุณสมัครเข้าไปไปแค่คนเดียว แต่ช่วงนี้ผู้คนประเดประดังสมัครเข้าไปสามพันกว่าราย ซ้ำยังมีอีเมล์ทวงถามเข้าไปอีกนับไม่ถ้วน จนกล่องจดหมายเต็ม ทางจีเมล์ต้องแจ้งให้เจ้าของเมล์ทราบ และให้ทำเรื่องขยายพื้นที่กล่องจดหมาย ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเขา ที่กล่องจดหมายของผู้ใช้บริการเต็ม..!

ท่านใดที่สมัครแล้วโปรดอย่าส่งจดหมายทวงซ้ำ เพราะว่าจะทำให้จดหมายของท่านไปต่อท้ายอยู่เรื่อย ๆ แบบไม่มีวันถึงคิว ซึ่งเป็นการทำให้ช้าด้วยตัวของคุณเอง ไม่ใช่ช้าเพราะทางเว็บวัดท่าขนุน

เถรี
23-05-2020, 20:16
ถาม : ถ้าผมจะวาดรูปดอกบัวถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ผมคิดว่าจะพยายามทำเป็นประจำ เพราะรู้สึกว่าจิตทรงตัวได้ดีเวลาผมวาดรูป และโดยส่วนตัวเองผมก็ชอบวาดรูปด้วย

ถ้าผมจะทำก็คงจะมีรูปวาดเยอะขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่ทราบว่าหลังจากที่ผมวาดเสร็จแล้ว ผมควรจะเอารูปนั้นไปถวายวัด หรือเก็บไว้ที่ไหนหรือครับ ถึงจะได้ชื่อว่าผมได้วาดรูปถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา จริง ๆ ?

และอานิสงส์ที่ผมจะได้นั้นจะเป็นอย่างไรครับ ?

ตอบ : ๑. นำไปถวายพระประธานเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา

๒. ไปขอวาดติดผนังโบสถ์หรือวิหารตามแต่เจ้าอาวาสวัดนั้นจะอนุญาต

๓. อานิสงส์ทันตาก็คือมีรูปมากจนเครียด ไม่รู้ว่าจะเอาไปไหน ส่วนอานิสงส์อื่นนั้นเป็น อัปปมาโณ ไม่สามารถที่จะประมาณได้

เถรี
23-05-2020, 20:17
ถาม : อานิสงส์การสร้างพื้นให้วัด เช่น ลานวัด หรือ เทพื้นในบริเวณวัดทั้งหมด จะมีอานิสงส์อย่างไรบ้างครับ ?

ตอบ : ถ้าเกิดต่อไปก็ทุกข์ต่อไป แต่ฐานะจะไม่ตกต่ำ

เถรี
23-05-2020, 20:18
ถาม : สมัยบวช ผมเป็นพระที่พรรษาน้อยที่สุดในวัด มีหน้าที่เก็บสำรับของหลวงปู่เจ้าอาวาสไปให้แม่ครัว วางทุกวันไม่เป็นอะไร มีอยู่วันหนึ่งแมวแอบมากินเศษอาหาร แล้วทำจานแก้วกระเบื้องตกแตก ผมอยากทราบว่าผมจะติดหนี้สงฆ์ไหมครับ ในเมื่อผมเป็นคนเอาไปวางเป็นคนสุดท้าย ต้องซื้อจานไปคืนวัดหรือไม่ครับ ?

ตอบ : ชอบคนแบบคุณมาก ของที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเองก็พยายามที่จะไปเกี่ยวข้องเพื่อลงนรกให้ได้..! แมวทำแล้วเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย ?

ถาม : จีวรและบาตรที่ติดตัวมาตั้งแต่ก่อนบวช และจีวรมีคนถวายตอนออกพรรษา หลังสึกออกมาแล้วสามารถเก็บไว้เป็นอนุสติที่บ้านได้ไหมครับ หรือว่าควรทำอย่างไร ?

ตอบ : จีวรและบาตรถึงติดตัวมาตั้งแต่ก่อนบวชก็เป็นของกึ่งกลางสงฆ์ เพราะว่าเขาตั้งใจให้คุณมาบวช พอบวชแล้วใช้บาตรและจีวรชุดนั้นก็กลายเป็นของสงฆ์ จะเอานรกไปเป็นอนุสติก็คงจะไม่มีใครว่าอะไร..!!

ถาม : ทุกครั้งที่ภาวนาพระคาถาเงินล้านหรือบทบริกรรมใดก็ตาม หลังจากผ่านปีติไปแล้ว ผมจะมาค้างอยู่ที่ความรู้สึกหนึ่ง อาการคือนิ่งสงบ รู้ลมหายใจเข้าออก เป็นหนึ่งเดียวกับคำบริกรรม จะบริกรรมต่อหรือปล่อยนิ่งไปเลยก็ได้ เป็นอารมณ์เดียว หูยังได้ยินเสียงภายนอก แต่จิตยังจับจดกับความนิ่งหรือคำบริกรรม ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรต่อไปครับ เพราะผมทำได้เพียงลืมตาออกมาแผ่เมตตา ?

ตอบ : ถ้าต้องการอานิสงส์ของพระคาถาเงินล้าน ก็พยายามประคองอารมณ์นั้นไว้ให้อยู่กับเราให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลุดไปเมื่อไรก็เริ่มต้นภาวนาใหม่ ถ้าภาวนาไม่ไหวแล้วก็คลายออกมาพิจารณาวิปัสสนาญาณ เมื่อสภาพจิตทรงตัวแล้วก็กลับไปภาวนาใหม่อีกครั้ง วนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

เถรี
24-05-2020, 19:43
"ใครไม่ได้ห้อยบัตรยกเว้นพระเณร ออกนอกวัดไปเลยนะจ๊ะ เพราะว่าเดี๋ยวตำรวจจะมาไล่ ตำรวจเขาจะปิดวัดตั้งแต่ ๓ ทุ่มคืนนี้ งานยังอยู่ในช่วงการใช้ พรก.ฉุกเฉิน ก็เลยทำให้ทางราชการต้องเข้มงวด เนื่องจากว่าทองผาภูมิยังไม่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ แม้แต่รายเดียว ท่านนายอำเภอก็ไม่อยากเสียความบริสุทธิ์ ทางจังหวัดก็ไม่อยากมีคนติดเชื้อเพิ่ม ก็เลยต้องทำอะไรกันค่อนข้างจะเข้มงวดสักหน่อย

ตอนแรกท่านจะไม่ให้จัดงานหล่อพระเลย คราวนี้อาตมายืนยันไปว่าควบคุมคนไม่ให้เกิน ๕๐ คนอยู่แล้ว ท่านก็เลยต้องส่งทั้งตำรวจ ทั้ง อส. ทั้ง อสม. ทั้งเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลมาช่วยกันระมัดระวัง ป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อขึ้น โดยเฉพาะทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุไว้ชัดแล้ว วัดไหนเป็นสาเหตุของการติดเชื้อ จะเล่นงานเจ้าอาวาสด้วย..!

เถรี
24-05-2020, 19:50
ขอเจริญพร...ญาติโยมที่ดูการถ่ายทอดสดอยู่ทางบ้าน คิดถึงน้ำตาจิไหล..! เรื่องของการปฏิบัติธรรม ตราบใดที่เรายังต้องพึ่งคนอื่นอยู่ ตราบนั้นก็ยังเอาดีไม่ได้ โดยเฉพาะในการยึดติดตัวบุคคล สิ่งที่เรายึดต้องเป็นคุณพระศรีรัตนตรัย ที่เรายึดเพราะเห็นชัดเจนแล้วว่ามีคุณอย่างไร ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นอย่างที่นักปราชญ์เขาว่า คือ กราบพระพุทธรูปก็ติดแค่ทองคำ กราบพระธรรมก็ติดแค่คัมภีร์ กราบพระสงฆ์ก็ติดที่ลูกชาวบ้าน

ดังนั้น...ถ้าญาติโยมส่วนหนึ่งยังยึดติดในตัวบุคคลอยู่ ขอให้รู้ว่ากำลังใจของเรายังต่ำมาก การปฏิบัติธรรมต้องหวังประโยชน์สูงสุด คือการหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ถ้าหากว่าใครอ่านมหาสติปัฏฐานสูตร ในทีฆนิกาย พระสุตตันตปิฎก จะเห็นตอนท้ายของทุกบรรพ ก็คือทุกตอนหรือทุกบท ระบุไว้ชัดเจนว่า นะ จะ กิญจิ โลเก อุปาทิยะติ เราจะไม่ยึดอะไร ๆ ในโลกนี้แม้แต่น้อยหนึ่ง

คำว่า ไม่ยึดอะไร ๆ ในโลกนี้ ก็คือ แม้แต่พระนิพพานก็ไม่ยึด เพราะว่าถ้ายึดก็ไปไม่ได้ แล้วถ้าไม่ยึดจะไปอย่างไร ? ถึงเวลาจะไปได้เอง เพราะว่ากำลังใจที่ถึงพระนิพพานอย่างแท้จริงนั้น กาย วาจา ใจของเราจะอยู่กับพระนิพพานเอง ไม่ต้องยึด ไม่ต้องเกาะอะไรทั้งสิ้น ตายตรงนั้นก็อยู่กับพระนิพพานตรงนั้น ยังทำไม่ถึงก็ฟังเอาไว้ ถึงเวลาจะเข้าใจว่าที่อาตมาพูดนั้นหมายถึงอะไร

พระนิพพานไม่ได้อยู่ไกล อยู่กับเรา อยู่ที่ใจ หรือถ้ากำหนดเป็นสถานที่ เป็นนิมิต ก็อยู่แค่หัว เลยหัวไปไม่ใช่พระนิพพาน เอาให้เครียดหนักไปเลย

เถรี
25-05-2020, 00:52
วันนี้อาตมาไปงานศพของท่านอดีตสมาชิกสภาจังหวัดกาญจนบุรี ก็คือท่านปรีชา เจียจำรูญ ซึ่งถึงแก่กรรมด้วยอายุ ๘๕ ปี ก็ถือว่าพอสมควร ตอนนี้ลูกสองคนคือ คุณพันธกานต์ เจียจำรูญ ก็เป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลทองผาภูมิ ลูกชายคนเล็กคือคุณคณิน เจียจำรูญ ก็เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ ๑ ตำบลท่าขนุนนี่เอง เป็นตระกูลนักการเมืองท้องถิ่น สร้างคุณประโยชน์ให้กับท้องถิ่นมา ตั้งแต่รุ่นพ่อมาจนถึงรุ่นลูก

บรรดานักการเมืองต่าง ๆ ทั้ง ส.ส. อดีต ส.ส. ทั้ง ส.จ. อดีต ส.จ. ตลอดจนกระทั่งนักการเมืองท้องถิ่นอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาเทศบาล สมาชิกอบต. มากันเต็มวัด ตลอดระยะเวลางานศพตั้งแต่วันที่ ๑๘ พฤษภาคมเป็นต้นมา ก็มีการสวดพระอภิธรรมผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันในวัดมาจนถึงเมื่อวาน วันนี้ก็เป็นการแสดงพระธรรมเทศนา มีการสวดมาติกา แล้วก็พิจารณาผ้าไตรบังสุกุล

เรื่องนี้มาบอกกับญาติโยมทำไม ? อาตมาไม่ได้บอกแค่ญาติโยมเท่านั้น แต่บอกกับพระด้วยว่า ลูกหลานทำบุญไปให้ผู้ตาย ภาษาบาลีเรียกว่า ปุพพเปตพลี ก็คือการทำบุญอุทิศให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เพื่ออะไร ? เพราะว่าคนเรามีต้นทุน ก็คือทาน ศีล ภาวนาที่ทำด้วยตนเอง แต่คราวนี้ทำมาก ทำน้อย จิตใจยึดความดี ไม่ยึดความดี ก็ยังเป็นส่วนต่างที่ทำให้ภพภูมิของเรามีคติที่ไม่แน่นอน ก็ต้องมีการสมทบทุน ถ้าต้นทุนไม่พอ ต้องมีการสมทบทุน คือลูกหลานต้องช่วยกันทำบุญส่งไปให้

เถรี
25-05-2020, 00:56
ถ้าเราศึกษาในเรื่องทิศทั้ง ๖ ทิศเบื้องหน้าคือบิดามารดา ข้อปฏิบัติข้อหนึ่งก็คือ เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว เราทำบุญไปให้ เพราะอะไร ? เพราะว่าในโลกอื่นไม่มีอาชีพที่จะช่วยให้อยู่สุขสบาย หรืออยู่แล้วเป็นทุกข์น้อยลง มีแต่ในโลกของเรานี้เท่านั้น

ใครเคยได้ยินว่านรกมีการค้าขายบ้างไหม ? มีการเล่นการเมืองไหม ? มีนายธนาคารประจำนรกไหม ? มีประเภท Hell wealth bank บ้างไหม ? เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานมีการค้าขายไหม ? เทวดา มาร พรหม มีไหม ? ไม่มี

อาตมายังไม่เคยเจอโลกไหนที่ประกอบอาชีพเลย ยกเว้นโลกมนุษย์ แต่ก็มีไอ้ที่บ้า ๆ อยู่ที่หนึ่ง ก็คือบริเวณใกล้เคียงตำหนักพระยายม มีตลาดจตุจักร..! แถว ๆ นั้นมีหมดเลย คลองถมก็มี จตุจักรก็มี ซอยร้อยร้านก็มี เกิดจากเจ้าพวกที่ยึดติด ตายแล้วยังไม่เคยชิน ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นเทวดานางฟ้า ถึงเวลาก็ไปช็อปปิ้งกัน แล้วก็เดือดร้อนสิครับ พวกที่สร้างบุญไว้ดี นึกอยากได้อะไรก็มี ส่วนพวกที่สร้างบุญไว้ไม่ดี ก็ไม่สามารถที่จะมีได้

เถรี
25-05-2020, 01:01
แต่เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นแค่ชั่วคราว เพราะฉะนั้น..ถ้าใครจะไปตั้งร้านค้าที่นั่น จะเรียกว่านรกก็ไม่ใช่ เพราะว่าเป็นชายขอบของชั้นจาตุมหาราช เรียกว่าเป็น "ตลาดเจเจ" ของจาตุมหาราชแล้วกัน

ถ้าไปตั้งร้านค้าที่นั่น หาความแน่นอนไม่ได้ พอลูกค้าเริ่มเคยชินกับสภาพของเทวดานางฟ้า ก็ไปแล้ว บางวันก็โล่งยิ่งกว่าโดนโควิดอาละวาด บางวันคนตายมาก ไปใหม่ ๆ ก็แน่นเชียว แต่ต้องหมายถึงว่าบุคคลที่ตายแล้วได้รับการพิพากษาบ้าง ไปตามแรงบุญของตัวเองบ้าง ไปอยู่ในขอบเขตของกามาวจรทั้ง ๖ ชั้น ก็คือตั้งแต่จาตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวัตตี เคยชินตั้งแต่ความเป็นมนุษย์ ไปถึงที่โน่นใหม่ ๆ ยังละความเคยชินไม่ได้ ก็เลยไปช็อปปิ้งกัน จะเอาข้าวของยี่ห้อไหนมีหมด โลกมนุษย์มียี่ห้ออะไร ตรงนั้นมีหมด

เจอใหม่ ๆ อาตมาคิดว่ากูเพี้ยนหรือเปล่าวะ...? ครูบาอาจารย์ที่ไปนรกไปสวรรค์ได้ ไม่เห็นพูดถึงตรงนี้เลย คือไม่มีคุณค่าอะไรพอให้พูดถึง ยกเว้นว่าเห็นโทษของความยึดติด แล้วตรงที่พูดถึงก็ไม่ได้พูดตรงจุดนี้ จุดที่พูด...จำกันได้ไหมว่า โลกอื่นไม่มีการทำอะไรที่ผ่อนคลายความทุกข์ของตนเองได้เหมือนโลกมนุษย์ ก็ต้องอาศัยกำลังบุญ คุณความดีที่ตนเองสร้างไว้ หรือว่าลูกหลานช่วยทำไปให้

เถรี
25-05-2020, 01:03
แล้วคราวนี้เป็นเทวดา นางฟ้า พรหม ทำบุญได้ไม่ใช่หรือ ? ได้...แต่ยากมาก ถามว่าทำไม ? ก็เพราะว่าโอกาสที่จะได้ทำแบบมนุษย์เรานั้นมีน้อยมาก

อันดับแรกเลย ถ้าเพลิดเพลินอยู่กับทิพยสมบัติ แค่เวลาไม่นานของเขา โลกมนุษย์ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว พอถึงเวลาเล็งดูว่าตรงนี้เป็นสถานที่ซึ่งเราจะสร้างบุญได้ อ้าว...ดันกลายเป็นเขตของคนอื่นเสียอีก โดยมารยาทแล้วก็ล่วงเขตของเขาไม่ได้อีก ยุ่งยากมาก ชั้นสูงกว่าลงต่ำได้ แต่ชั้นต่ำกว่าขึ้นสูงไม่ได้ ยกเว้นว่าได้รับเชิญ เรื่องพวกนี้อย่าไปคุย นอกทุ่งนอกท่ามากเกินไป เดี๋ยวก็จะมีคนมาว่าอาตมาอวดอุตริมนุสธรรมอีก

ในเมื่อไม่สามารถที่จะทำได้ หรือว่าทำได้ยาก อย่างเช่น สมมติว่าเป็นรุกขเทวดาอยู่ในเขตวัดท่าขนุน เห็นพระท่านเข้านิโรธสมาบัติ โน่น...อยู่เทือกเขาตะนาวศรี จะไปใส่บาตรก็ไม่ได้ ก็ได้แต่ยืนมองน้ำลายยืด เพราะว่าไม่ใช่เขตตัวเอง ไปไม่ได้ แล้วเจ้าของถิ่นเขาก็คงไม่ใจดีเชิญให้ไปหรอก เพราะว่าเขาก็อยากทำเองเหมือนกัน

เถรี
25-05-2020, 10:24
เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็แปลว่าทุกคนต้องทำเอง เร่งทำแต่สิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล ให้สภาพจิตเคยชินและเกาะบุญกุศลนั้นได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว ถึงเวลาต่อให้ทำมามาก แต่สภาพจิตเกาะบุญกุศลไม่ได้ ก็ต้องไปเสี่ยงดวงเอาว่าจะได้ผ่านตำหนักพระยายมหรือไม่ ? ถึงผ่านตำหนักพระยายมก็ต้องไปเสี่ยงดวงอีกว่า จะระลึกถึงความดีได้หรือไม่ ?

บางคนไม่ได้เจตนา แต่ไปสร้างกรรมหนัก อย่างเช่นเอาของสงฆ์ไปกินไปใช้ ถึงเวลาแรงบาปที่รุนแรงมาก ก็ทำให้เรานึกความดีอะไรไม่ออก เมื่อสอบถามจนถ้วนทั่วแล้ว เราไม่สามารถที่จะนึกได้ พระยายมท่านก็ต้องวางอุเบกขา ปล่อยให้รับโทษไปตามกรรมที่เคยสร้างมา

การทำบุญทำกุศลใน ทาน ศีล ภาวนา จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำเป็นประจำ ทำจนสภาพจิตเคยชิน อาตมาเองนั่งอยู่ตรงนี้มาประมาณ ๒ เดือนแล้ว ตั้งแต่โควิด ๑๙ อาละวาด ต้องปรับการสวดมนต์ทำวัตรให้เหลือน้อยที่สุด จากที่เคยทำวัตรเย็น ๒ รอบก็เหลือแค่รอบเดียว เวลาจึงมีเหลือมาก จึงต้องมานั่งบ่นให้พระให้เณรท่านฟัง แล้วก็มีวันนี้แหละ..ที่มีโอกาสบ่นเผื่อโยมทางบ้านด้วย

แต่โยมหลายท่านก็อยากให้โควิด ๑๙ อาละวาดไปนาน ๆ เพราะว่าหลวงพ่อไม่ไปรับสังฆทาน มีอะไรหลวงพ่อก็เล่าลงเก็บตกให้ฟัง ถ้ามีโอกาสไปรับสังฆทาน หลวงพ่อก็เล่าบ้าง ไม่เล่าบ้าง ไปตกลงกันเองก็แล้วกันว่าจะเอาแบบไหน อาตมาไม่ไปรับสังฆทานก็สบายดี อยู่วัดก็เหนื่อยน้อยหน่อย มีแต่โยมที่จะคลั่งตาย..!

เถรี
25-05-2020, 10:29
เรื่องของการทำความดี ถ้าเคยชิน เราก็ทำเองได้ ควบคุมตัวเองได้ แต่พอไม่เคยชิน ต้องอาศัยการชักนำของสถานที่ ของบุคคล ของดินฟ้าอากาศ ของข้าวปลาอาหาร ของแหล่งที่จะได้รับธรรมะ เหล่านี้เป็นต้น ในเมื่อขาดไป ก็เหมือนกับขาดใจ อาตมานั่งอยู่ตรงนี้จนชักจะชินแล้ว ดีไม่ดี...พอประกาศเลิกควบคุมโดย พรก.ฉุกเฉิน พระเณรท่านอาจจะขอร้องว่า "หลวงพ่อทำวัตรเย็นรอบเดียวเถอะครับ เอาเวลามานั่งด่าพวกผมดีกว่า..!"

หรือไม่ก็อย่างบรรดาคณะกรรมการชุมชนคุณธรรม ทั้งชุมชนคุณธรรมวังท่าขนุน ชุมชนคุณธรรมริมฝั่งแควน้อย ชุมชนคุณธรรมพัฒนาทองผาภูมิ เปิดโรงทานเพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพในระหว่างการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ทำงานมาจะสองเดือนเต็มแล้ว นี่ยังปรารภกันอยู่ว่า หลังจากสองเดือนแล้วเราจะทำอะไรกัน ? เพราะว่าไปทำครัวเลี้ยงคนอยู่ทุกวัน แล้วอยู่ ๆ ก็ไม่ได้ทำ

ความจริงพอเขาขยาย พรก.ฉุกเฉินออกไป อาตมาก็ว่าน่าจะต่ออีกสักเดือนหนึ่ง รายจ่ายก็ยังพอที่จะจ่ายไหวอยู่ วันหนึ่งห้าหกพันบาท ได้คืนมาสามพันบาท แต่ว่าสงสารคนทำงาน สองเดือนกว่านี่กรอบเต็มทีแล้ว บางคนก็บอกว่า เกิดมาไม่เคยพึ่งหมอนวดเลย ท้ายสุดทนไม่ได้ พอปิดครัวในช่วงบ่ายก็ต้องตามหมอนวด ถึงเวลาหมอนวดก็ต้องบังคับให้อาบน้ำ ให้ล้างมือ ให้อะไรต่อมิอะไรให้ยุ่งไปหมด ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่นวดให้ เพราะว่ากลัวติดเชื้อ ลำบากทั้งคนทำมาหากิน ลำบากทั้งคนที่ไปช่วยคนอื่นเขา

คราวนี้พอความเคยชินเกิดขึ้น เชื่อเถอะ...ต่อให้ปิดโรงครัวแล้ว ก็ต้องมีใครเผลอขับรถไปทางด้านนั้นจนได้ เพราะว่าเคยไปอยู่ทุกวัน

ความเคยชินตรงนี้ หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านบอกว่ามาจาก ฌานัง ก็คือ ฌาน หรือการเพียรเพ่งอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แสดงว่าทำความดีจนเป็นฌานไปแล้ว

เถรี
25-05-2020, 10:38
ถามว่าอาตมาลงทุนหลายแสนบาท เลี้ยงเขามา ๒ เดือนนี้คุ้มไหม ? คุ้ม..เพราะว่าทำให้คนอย่างน้อย ๖๐-๗๐ คนที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเป็นเวรครัว มีความเคยชินในการทำประโยชน์แก่คนส่วนรวมหรือทำสาธารณประโยชน์

ลักษณะของทานเพื่อสาธารณประโยชน์ ผลบุญคล้ายคลึงกับสังฆทาน เพราะว่าเราอยู่ในช่วงที่ยังมีพระพุทธศาสนาสมบูรณ์บริบูรณ์ บุคคลยังมีศีลมีธรรมอยู่

ทำบุญกับบุคคลที่มีศีลสมบูรณ์ ได้อานิสงส์มากกว่าทำบุญกับบุคคลที่มีศีลบกพร่องเป็นร้อยเท่า

ทำบุญกับผู้ที่มีศีลบกพร่อง มีอานิสงส์มากกว่าทำบุญกับบุคคลที่ไม่มีศีลเป็นร้อยเท่า

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคืออังกุรเทพบุตร ในอดีตชาติเปิดโรงทาน ๒๐ โรง เลี้ยงคนทั้งกลางวันกลางคืนตลอด ๒๐,๐๐๐ ปี เกิดเป็นเทวดา มีบุญน้อยที่สุดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ยุคนั้น เพราะว่าท่านเกิดในโลกยุคที่ไม่มีศีลไม่มีธรรม ให้ทานกับคนประเภทนั้น มีผลมากกว่าให้ทานแก่สัตว์เดรัจฉานเท่านั้นเอง

ส่วนอินทกเทพบุตร ทั้งชีวิตใส่บาตรครั้งเดียว เพราะว่ามีพระธุดงค์ผ่านไป ปรากฏว่าพระธุดงค์ไปเกิน ๔ ก็คือไปถึง ๖ รูป แล้วทั้ง ๖ รูปเป็นพระอรหันต์ทั้งหมดเลย ต้องบอกว่าเป็นเนื้อนาบุญที่มีผลมหาศาล ถึงเวลาพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไป ทั้ง ๒ ท่านมาถึงก่อน กราบพระพุทธเจ้าแล้วก็นั่งข้างซ้าย ๑ ข้างขวา ๑ รอฟังธรรม ปรากฏว่าพอเทวดานางฟ้าอื่นมา อังกุรเทพบุตรก็ต้องถอยไปเรื่อย เพราะว่ารัศมีสู้เขาไม่ได้ พลังงานสู้เขาไม่ได้ ก็โดยดันไกลออกไปเรื่อย อินทกเทพบุตรนั่งอยู่ที่เดิม ไม่ต้องขยับเลย

ระยะนี้บรรดาพระเณรต่าง ๆ เขาเริ่มสังเกตแล้วว่า เวลาพระอาจารย์เล็กนั่งลงตรงไหนนี่ไม่ต้องขยับเลย ยกเว้นว่าตั้งใจขยับ เพื่อให้เกียรติแก่พระผู้ใหญ่เป็นตัวอย่างให้แก่คนอื่น

เถรี
25-05-2020, 10:40
เรื่องของบุญเรื่องของกุศล ถ้าเราสั่งสมสร้างมามากจริง ๆ ก็จะล้นออกมาเอง คนอื่นพอเห็นก็จะรู้แล้วว่าตรงนั้นที่ของเขา ไม่ใช่ที่ของเรา

ฉะนั้น...ไม่ว่าจะพระภิกษุสามเณร ตลอดจนญาติโยมที่วัดนี้ หรือที่บ้านก็ตาม ถ้าจะสร้างความดี ก็ต้องเพียรพยายามทำให้มาก ทำให้ชินเข้าไว้ คำว่า ทำให้มาก ไม่ได้หมายความว่าทุ่มเทกันแบบไม่กินไม่นอน แต่เป็นการทำตามมัชฌิมาปฏิปทา คือความพอเหมาะพอดีของตน

คำว่า ทำให้มากก็คือทำบ่อย ๆ ทำจนกระทั่งถึงเวลาถ้าไม่ได้ทำ จะเริ่มรู้สึกว่าไม่ปกติ เหมือนกับมีอะไรบังคับว่าเราต้องทำ ถ้าอย่างนั้นกำลังใจเราถึงจะมั่นคงในความดีนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนาก็ตาม

แล้วสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็จะปรับกาย วาจา ใจของเรา ให้พัฒนาไปในด้านดีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงที่สุดแห่งความดี ก็เริ่มปล่อยดี เมื่อถึงเวลานั้น ดีก็ไม่เกาะ ชั่วก็ไม่เอา ทำดีเพราะรู้ว่าดีถึงทำ ละชั่วเพราะรู้ว่าชั่วถึงละ ในเมื่อไม่เอาทั้งดีทั้งชั่ว เราจะไปไหนได้ ? ก็ไปพระนิพพาน พอความดีเต็มอยู่ในใจของเรา พระนิพพานก็จะปรากฏชัดเอง

เถรี
25-05-2020, 10:46
ฉะนั้น...เราจะเห็นว่าการปฏิบัติธรรมที่บอกว่ามีบุคคล ๔ ประเภทคือ

สุกขวิปัสสโก บรรลุธรรมโดยไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเลย

เตวิชโช หรือวิชชา ๓ บรรลุธรรมพร้อมความสามารถ ๓ อย่าง ก็คือระลึกชาติได้ รู้ว่าคนและสัตว์ก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน และทำกิเลสให้สิ้นไปได้

ประเภทที่สามก็คือ ฉฬภิญโญ หรืออภิญญา ๖ บรรลุธรรมพร้อมด้วยความสามารถพิเศษ ๖ อย่าง ก็คือมีทิพโสต...หูทิพย์ ใครนินทา อยู่ไกลแค่ไหนก็ได้ยิน ทิพจักขุ...มีตาทิพย์ ใครทำอะไรใกล้ไกลแค่ไหน อยากจะเห็นก็เห็น ปุพเพนิวาสานุสติญาณ...ระลึกชาติได้ จุตูปปาตญาณ...รู้ว่าคนก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน อาสวักขยญาณ...ทำกิเลสให้สิ้นไปได้ เป็นต้น

แล้วก็มีปฏิสัมภิทัปปัตโต หรือปฏิสัมภิทาญาณ ๔ บรรลุธรรมแล้วมีความสามารถครอบคลุมทั้งสุกขวิปัสสโก เตวิชโชและฉฬภิญโญแล้ว ยังมีความสามารถพิเศษ ๔ อย่างก็คือ

ธัมมาปฏิสัมภิทา...รู้เหตุทั้งปวง อัตถปฏิสัมภิทา...ผลทั้งปวง คือสร้างเหตุอะไร ได้ผลอย่างไร รู้หมด ปฏิภาณปฏิสัมภิทา...มีความคล่องตัวในเรื่องของปฏิภาณมาก ไม่ว่าจะขยายเรื่องเล็ก เรื่องสั้นให้ยาว ย่อเรื่องยาวให้สั้น อธิบายข้อธรรมที่ลึกซึ้งให้ง่าย อธิบายข้อธรรมที่ง่ายให้ลึกซึ้ง สามารถทำได้ตามใจปรารถนา นิรุกติปฏิสัมภิทา...รู้ภาษาคน ภาษาสัตว์ ทุกภพ ทุกภูมิ ทุกหมู่ ทุกเหล่า

เถรี
25-05-2020, 10:48
คราวนี้สามประเภทหลังคือ วิชชา ๓ อภิญญา ๖ และปฏิภาณปฏิสัมภิทาญาณ ๔ สามารถรู้เห็นพระนิพพานได้ สุกขวิปัสสโกไม่มีความสามารถเช่นนั้น แล้วรู้ได้อย่างไรว่านี่คือพระนิพพาน ? นั่นคือสิ่งที่อาตมภาพได้พูดไปแล้วว่า ถึงเวลาพระนิพพานจะเต็มอยู่ในใจของเราเอง ไม่ต้องกังวล รู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละ ทำไปเรื่อย ๆ พอดีถึงที่สุด วางดีลงได้เมื่อไร พระนิพพานจะปรากฏชัดเมื่อนั้น

ฉะนั้น...สิ่งที่ท่านทั้งหลายทำมา ให้ตั้งเป้าเอาไว้สูงสุดว่าเราทำเพื่อพระนิพพาน ความเคารพในคุณพระรัตนตรัย ขอให้เป็นคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่เป็นส่วนของนามธรรม ไม่ใช่พระพุทธรูป ไม่ใช่คัมภีร์ใบลาน ไม่ใช่องค์พระสงฆ์ รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตาย ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว

ถ้าสามารถรักษากำลังใจนี้เอาไว้ได้ ทุกเช้าทุกเย็น ไม่ต้องมาก ครั้งละ ๕ นาที ๑๐ นาทีก็พอ ตายเมื่อไรท่านมีโอกาสไปพระนิพพานแน่นอน ก็ถือว่าพูดคุยกันพอให้หายคิดถึงแต่เพียงเท่านี้ เพราะว่าพระเณรก็ยังต้องทำวัตรสวดมนต์ แล้วก็ไปปฏิบัติหน้าที่การงานของตนเองกันต่อไป

เถรี
25-05-2020, 14:18
วันอาทิตย์ที่ ๒๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ ท่านรองฯ เกียรติศักดิ์ (พ.ต.ท. เกียรติศักดิ์ วิเศษสิงห์ รอง ผกก.สภ.ทองผาภูมิ) นำกำลังตำรวจ ๒๐ นาย มาประจำจุดตามหน้าที่ตั้งแต่ตีห้าครึ่ง ตามมาด้วยคุณแมว (นางสายใจ สินค้าประเสริฐ) หัวหน้าอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน นำ อสม.มา ๑๐ คน โรงพยาบาลทองผาภูมิ โดยแพทย์หญิงนวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ส่งทีมแพทย์พยาบาลมา ๓ คน...

วันนี้ทุกคนต้องเป็นเด็กวัด รีบกินอาหารเช้าหลังจากพระฉันแล้ว จากนั้นก็เข้าประจำจุดทำหน้าที่ รอจนคณะของน้องเล็กขนเม็ดเงิน ๑๕๑ กิโลกรัมขึ้นรถเข็นแล้ว อาตมาก็เดินตามรถเข็นไปยังมณฑลพิธีหล่อพระด้วย...

ทางด้านนี้คณะบายศรีของทิดตั้นเตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว ภายใต้การอำนวยการของท่านอาจารย์พระมหาเอ (พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม) มีหลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) นั่งภาวนาตีหน้าขู่เทวดา ที่ทำท่าจะเทฝนลงมาให้เดือดร้อนกัน..!

อาตมาจับไมค์ลอยคุยจนได้เวลา ก็เข้าที่เตรียมการบวงสรวง โดยมีพระเณรและแม่ชีวัดท่าขนุน ยืนและนั่งเว้นระยะ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ญาติโยมซึ่งรวมทั้งคณะบายศรี ทีมงานหล่อพระ ช่างภาพทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ตลอดจนทีมงานถ่ายทอดสด รวมกันแล้วมีไม่ถึง ๕๐ คน เป็นการจัดงานครั้งแรกของวัดท่าขนุน ที่มีพระเณรมากกว่าญาติโยม..!

เถรี
25-05-2020, 14:19
จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยแล้ว อาตมาน้อมจิตถวายเครื่องบวงสรวงเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา โดยในสายของหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้น มีอาตมาเพียงผู้เดียวที่ชุมนุมเทวดาด้วยเสียงตนเอง นอกนั้นล้วนแต่เปิดเสียงของหลวงพ่อวัดท่าซุงทั้งสิ้น...

เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ตั้งแต่การทำบวงสรวงครั้งแรก ตอนขออนุญาตสร้างสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี อาตมาก็เปิดเสียงหลวงพ่อวัดท่าซุงเช่นเดียวกัน แล้วโดนท่านด่าใส่หูมาอย่างถนัดชัดเจนว่า "พวกแกใช้ข้าจนกระทั่งตาย ขนาดตายแล้วยังจะใช้ต่ออีกหรือ ?!!" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อาตมาก็เลิกใช้ครูบาอาจารย์ หันมาทำการบวงสรวงชุมนุมเทวดาด้วยเสียงตัวเองตั้งแต่บัดนั้น เป็นเวลาเกือบจะ ๓๐ ปีเข้าไปแล้ว...

ในพิธีบวงสรวงแต่ละครั้งนั้น มีเคล็ดลับบางอย่างที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้ไว้เป็นการเฉพาะ ยังไม่สามารถที่จะบอกกล่าวเป็นสาธารณะได้ ถ้าทำตามเคล็ดลับนั้นแล้ว พระ พรหม เทวดา ตลอดจนครูบาอาจารย์ ท่านจะสงเคราะห์ให้อย่างเต็มที่ทุกครั้ง ซึ่งโดยหลัก ๆ แล้ว อาตมาจะถวายเครื่องบายศรีเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ขอให้การงานทุกอย่างราบรื่น ขอให้ทุกคนที่มาร่วมงานเดินทางกลับโดยปลอดภัย...

เถรี
25-05-2020, 14:21
เมื่อบอกกล่าวทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ทำน้ำมนต์พรมรอบมณฑลพิธี เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้งจากผู้มีจิตศรัทธา ซึ่งชอบส่งข้าวของที่อาตมาไม่ต้องการมาถวาย จากนั้นก็นำเม็ดเงิน ๑๕๐ กิโลกรัมลงเบ้าหลอม...

เสร็จเรียบร้อยแล้วก็มอบหมายภาระให้กับทางทีมงานหล่อพระ อาตมาไปคุยกับญาติโยมถ่ายทอดสดผ่านเว็บไซต์วัดท่าขนุน เมื่อพอสมควรแก่เวลาแล้วก็กลับไปพักผ่อนที่สำนักงานเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน...

น้องเล็กส่งไลน์มาให้ อาตมาอ่านแล้วก็ขำ เพราะว่าถึงกับมีผู้ส่งภาพถ่ายดาวเทียมมายืนยันว่า ช่วงก่อนบวงสรวงนั้น เมฆคลุมทั้งอำเภอทองผาภูมิ ยกเว้นบริเวณวัดท่าขนุน ครั้นบวงสรวงเสร็จแล้ว เมฆทั้งหมดเคลื่อนย้ายออกไป ฟ้าเปิดแดดเปรี้ยงไปทั้งอำเภอ..!

ญาติโยมต้องไม่ลืมว่าอำเภอทองผาภูมินั้น กว้างใหญ่ขนาดจังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร และสมุทรสงครามทั้ง ๓ จังหวัดรวมกัน ก็แปลว่าในขณะที่พายุไซโคลนอำพันยังฟาดหัวฟาดหางอยู่นั้น ทางวัดท่าขนุนปลอดจากภัยที่จะเกิดจากหางพายุโดยสิ้นเชิง...

ตรงส่วนนี้ที่อาตมารู้สึกขำก็เพราะว่า ระยะหลังมีบุคคลเป็นจำนวนมากที่พยายามจะใช้วิทยาศาสตร์มาพิสูจน์จิตศาสตร์ และค่อนข้างจะทำได้ดีทีเดียว แต่ขอให้เชื่อเถอะ..ในเรื่องของอำนาจพลังจิตนั้น เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถที่จะติดตามทันได้ นอกจากจะพอเห็นหลังอยู่ลิบ ๆ เท่านั้น...

เถรี
25-05-2020, 14:23
ครั้งนี้เป็นงานแรกของวัดท่าขนุนที่ไม่ได้ตั้งโรงทาน โดยอาตมาสั่งข้าวกล่อง ๑๐ บาทจากโครงการของวัดท่าขนุนเอง เอามาถวายเพลพระและเลี้ยงญาติโยมที่ทำงาน โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ของวัด ใช้รถสามล้อเครื่องตระเวนส่งอาหารส่งน้ำให้แก่ผู้ที่ทำงานทั่วไป โดยเฉพาะบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งประจำจุดตรวจรอบบริเวณวัด...

เมื่อฉันเพลแล้วอาตมาออกไปเยี่ยมให้กำลังใจบรรดาพ่อครัวแม่ครัวที่ประจำอยู่โครงการข้าวกล่อง ๑๐ บาท พร้อมทั้งเอาข้าวของไปเติมตู้วัดใจ (ตู้ปันสุข) แล้วค่อยกลับมายังวัดท่าขนุน ที่สามารถทำเช่นนี้ได้เพราะว่าอาตมาทำงานทุกอย่างตรงเวลา เมื่อเห็นว่ายังมีเวลามากพอจึงไปทำงานอื่นก่อนได้...

เรื่องของพระ พรหม เทวดา และครูบาอาจารย์นั้น การตรงต่อเวลาสำคัญที่สุด ถ้าผิดเวลาแล้วท่านจะไม่สงเคราะห์ให้ ถ้าเป็นอย่างนั้นผู้ที่เดือดร้อนและเสียประโยชน์มากที่สุดก็คือตัวเราเอง อาตมาจึงเป็นผู้ที่รักษาเวลามาก จนกระทั่งคนทองผาภูมิกล่าวกันว่า "พระอาจารย์เล็กนั้นตรงเวลาจนน่าเกลียด..!"...

เถรี
25-05-2020, 14:32
ประมาณสิบเอ็ดโมงห้าสิบนาที อาตมากลับไปยังมณฑลพิธีอีกครั้ง พระอาทิตย์ทรงกลดสาดรัศมีร้อนเปรี้ยงลงมา เป็นประโยชน์แก่การหล่อพระอย่างที่สุด เมื่อเห็นว่าใกล้ที่จะได้เวลาแล้ว ก็มอบหมายให้ท่านอาจารย์พระมหาเอจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย แล้วหลวงพ่อนิลทำหน้าที่ให้ศีลแก่ทุกคน...

เมื่อได้เวลาก็ให้สัญญาณทีมช่างหล่อ ทำการเททองหล่อพระพุทธลีลาประทานพร โดยเริ่มจากองค์เนื้อบรอนซ์ของท่านอาจารย์พระมหาเอก่อน แล้วต่อด้วยองค์เนื้อเงิน...

พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม (ท่านอาจารย์บ๊ะ) เคยกล่าวกับอาตมาว่า "ทุกอย่างที่หลวงตาเล็กทำนั้นผมทำได้หมด ยกเว้นตอนเททองหรือหย่อนทองลงเบ้า ที่สว่างไสวไปทั้งวัดนั้นผมทำไม่ได้"...

ความจริงก็แค่กราบอาราธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ ลงมาอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้รูปพุทธนิมิตที่กำเนิดขึ้นมานี้ เป็นที่พึ่งแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายทุกภพทุกภูมิทุกหมู่ทุกเหล่า แล้วน้อมใจอัญเชิญพระฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ลงสู่พระพุทธนิมิตที่ช่างกำลังเททองหล่อกันอยู่เท่านั้นเอง...

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมในพระวรกายใหญ่โตเต็มจักรวาล แผ่พระรัศมีสว่างไสวหาประมาณไม่ได้ องค์สมเด็จพระพุทธกัสสปในปางพระพุทธลีลาประทานพรสีทองอร่าม แย้มพระโอษฐ์งามละมุนละไมจนบอกไม่ถูก...

เมื่อเสร็จพิธีอาตมาน้อมจิตน้อมใจกราบลงแทบพระบาทของทุกพระองค์ "สมเด็จพ่อ" เมตตาตรัสว่า "เดี๋ยวตอนปลุกเสกรูปเหมือน "พ่อ" จะมาสงเคราะห์อีกครั้งหนึ่ง" สาธุ..สาธุ..สาธุ...

เสร็จพิธีแล้วพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุน ช่วยกันเก็บกวาดสถานที่ ยังไม่ทันที่ทีมงานหล่อพระจะขนข้าวของขึ้นรถเสร็จ มณฑลพิธีก็หายวับไปกับตา สะอาดเอี่ยมเรียบร้อยเหมือนกับไม่ได้มีงานอะไรเลย..!

เถรี
25-05-2020, 14:41
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=35461&stc=1&d=1590392387

ของจริง

http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=35462&stc=1&d=1590392387

ของปลอมมาแล้ว

เถรี
26-05-2020, 07:53
มีผู้ส่งรูปพระสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตเนื้อชินซึ่งมีผู้ทำปลอมมาให้ดู จากรูปดูแล้วฝีมือหยาบมาก ประมาณว่า "เก๊ตาเปล่า" แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้สังเกตแล้ว ก็อาจจะเสียท่าให้กับเขาได้...

การปลอมวัตถุมงคลซึ่งสร้างโดยอาตมานั้นมีมานานแล้ว เริ่มจากพระกริ่งพิชัยสงคราม ที่ถอดแบบแล้วนำไปจำหน่ายในนามของวัดอดีตสมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ โดยไม่เกรงกลัวบาปกรรม หรือยำเกรงต่อบารมีของพระองค์ท่านเลยแม้แต่น้อย...

ลำดับต่อมาที่ปลอมได้น่าเกลียดมากคือพระองค์ที่ ๑๑ ขนาดบูชา เพราะว่าของที่อาตมาสร้างนั้นหน้าตัก ๑๐ นิ้วถ้วน ของที่ทำเลียนแบบหน้าตัก ๕ นิ้วและ ๙ นิ้ว ไม่ได้มีความคล้ายคลึงหรือใกล้เคียงเลย แต่วางจำหน่ายในนาม "วัดท่าขนุน สร้างโดยหลวงพ่อเล็ก" แบบหน้าตาเฉย..!

ลำดับต่อมาคือตะกรุดมหาสะท้อน ที่อาตมาต้องเลิกสร้างไปเพราะว่าลูกศิษย์นำไปใช้ผิด ทำให้มีบุคคลถึงแก่ชีวิต ๒ รายติด ๆ กัน ในเมื่ออุปสงค์มีมากแต่อุปทานไม่มี จึงมีผู้ปลอมขึ้นมาจำหน่าย ถ้าใครไม่ได้ศึกษารูปแบบของตะกรุดมหาสะท้อนแต่ละรุ่น ก็จะโดนผู้อื่นหลอกได้โดยง่าย...

สำหรับสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตเนื้อชินนั้นไม่น่าเป็นห่วงเท่าไรนัก เพราะว่าอาตมาให้ลงประกาศทั้งในเว็บไซต์วัดท่าขนุน ในเฟซบุ๊ก และเว็บเพจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดท่าขนุน โดยลงภาพเปรียบเทียบให้ดูแล้ว ถ้าใครยังเสียท่าให้เขาอีก ก็ต้องบอกว่าสร้างเวรสร้างกรรมร่วมกับเขามาจริง ๆ..!

เถรี
26-05-2020, 07:56
ตอนแรกมีผู้กล่าวว่า "เป็นไปได้ไหมที่ปลอมมาจากโรงงานซึ่งเราสั่งทำ ?" อาตมาฟันธงว่า "เป็นไปไม่ได้" ประการแรก ถ้าปลอมโดยโรงงานจะต้องเหมือน เนื่องจากใช้แม่พิมพ์ตัวเดียวกัน แต่นี่หาความเหมือนไม่ได้เลย...

ประการที่สอง ช่วงที่สั่งทำวัตถุมงคลชุดนี้นั้น ตลาดวัตถุมงคลซบเซามาก ไม่มีใครตั้งความหวังไว้กับวัตถุมงคลชุดนี้ว่าจะขายได้แม้แต่รายเดียว จึงไม่ลงทุนมาปลอมให้เสียเวลา...

คาดว่าเหรียญปลอมที่พบเห็นอยู่นี้ นำเอาเหรียญสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตเนื้อเงินไปถอดแบบ แต่เป็นการถอดแบบชนิดที่ไม่ยอมลงทุนเลย เพราะว่าแทนที่จะใช้เลเซอร์สแกนซึ่งทำให้องค์พระเล็กลงนิดเดียวแทบไม่เห็นความแตกต่างอย่างอื่น กลับไปถอดแบบโดย "บล็อกเหงือก" จึงทำให้ขาดรายละเอียดที่ควรจะมีไปมาก...

มีผู้ถามว่าควรที่จะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร ? ทางวัดท่าขนุนก็แค่ประกาศลงสื่อโซเชียลให้ญาติโยมทั้งหลายได้รู้ทั่วกัน ส่วนที่เหลือก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามเวรตามกรรม ยกเว้นว่าท่านผู้เสียหายจะไปแจ้งความดำเนินคดีเสียเอง...

ขอแจ้งให้กับญาติโยมที่ไม่มีพระสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตแม้แต่องค์เดียวว่า ทางวัดยังเหลือพระสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตอยู่อีก ๒ เนื้อ คือเนื้อทองแดงกับเนื้อทองทิพย์ อย่างละ ๓,๐๐๐ เหรียญ ที่รอให้ผู้เปิดกระทู้จัดการส่งของเก่าให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ค่อยหาวาระที่เหมาะสมมาลงให้บูชาต่อไป โปรดอดใจรอด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน..!

เถรี
27-05-2020, 08:57
(ก่อนบวงสรวงหล่อพระ) ที่เราเจอนี่คือหางพายุเท่านั้น ไม่ใช่หัว ถ้าพายุเกิดในทะเลจีนใต้ เรียกว่าไต้ฝุ่น เกิดทางทะเลอันดามัน อ่าวเบงกอล เรียกว่าไซโคลน เกิดทางด้านยุโรปคือเฮอริเคน เกิดทางด้านอเมริกาคือทอร์นาโด

คราวนี้พายุไต้ฝุ่น เป็นภาษาจีนเลย แต่เนื่องว่าภาษาจีนฮกเกี้ยนค่อนข้างจะอิทธิพล ก็เลยเป็นคำว่า “ไต้ฝุ่น” ภาษาฮกเกี้ยน “ไถ่ฟุ้ง” พอเขียนเป็นภาษาอังกฤษเลยอ่านว่า “ไต้ฝุ่น” ส่วนพายุไซโคลนอำพันเป็นชื่อไทย เพราะว่าแต่ละประเทศจะตั้งชื่อพายุ ๑๐ ชื่อ แล้วก็ส่งไป ถึงเวลาก็สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันคนละชื่อตามลำดับของพายุที่เกิดขึ้น กว่าจะวนมาถึงชื่อไทยอีกครั้งก็น่าจะนาน

ปรากฏว่านี่เพิ่งจะต้นฤดูฝน พายุเกิดขึ้น ๒ ลูกแล้ว ลูกแรกทางทะเลจีนใต้ ถล่มฟิลิปปินส์ไป เป็นชื่อฮกเกี้ยนว่า “หว่องฟุ้ง” แปลเป็นไทยว่า “แมลงภู่คำ” แต่ของจีนเขาแปลว่าผึ้งเหลือง เขาว่าพิษของผึ้งเหลืองเป็นพิษที่รุนแรงที่สุด แล้วลูกที่ ๒ ก็ก่อตัวขึ้นในอ่าวเบงกอลก็คือไซโคลนอำพัน เขาบอกว่าเป็นลูกที่แรงที่สุดในรอบ ๑๐ ปีของอ่าวเบงกอล ความเร็วลมแรกเริ่ม ๒๗๐ กิโลเมตร พัดขึ้นฝั่งอินเดียและบังคลาเทศด้วยความเร็วลม ๑๘๕ กิโลเมตร ก็ได้ไปหลายศพอยู่..!

เถรี
27-05-2020, 09:01
เรื่องของภัยธรรมชาติต่าง ๆ จะรุนแรงขึ้นไปเรื่อยตามสภาพอากาศที่ย่ำแย่ โลกร้อนเท่าไร ความแปรปรวนของภูมิอากาศก็ยิ่งมากเท่านั้น เพราะว่าอากาศร้อนลอยตัวขึ้นเร็ว อากาศที่ไหลเข้ามาแทนที่ก็ทั้งเร็วและแรง จึงกลายเป็นพายุ ก่อให้เกิดความเสียหายมาก เดือดร้อนกันมาก

ประเทศไทยเราจะว่าโชคดีก็ใช่ เพราะว่าพายุที่ก่อตัวในทะเลจีนใต้ กว่าจะเข้ามาก็จะต้องติดฟิลิปปินส์ ติดเวียดนาม ติดลาว ยิ่งก่อตัวขึ้นทางด้านเหนือมากเท่าไร กว่าจะผ่านมาถึงไทยก็แทบไม่มีผลกระทบแล้ว ถ้าก่อตัวขึ้นทางทะเลอันดามันก็ติดพม่า ติดส่วนหนึ่งของอินโดนีเซีย แต่คราวนี้ความที่พายุรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตามสภาพอากาศ สิ่งที่เคยกระทบน้อยก็เลยกระทบมากขึ้น

เถรี
27-05-2020, 09:02
ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่าตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ สวรรคต ภัยธรรมชาติต่าง ๆ เหมือนกับปะทุขึ้นมาและรุนแรงเป็นพิเศษ ก็คือผู้มีบารมีที่เขาต้องเกรงใจไม่อยู่แล้ว จึงทำให้สิ่งทั้งหลายที่อั้นมานาน เพราะว่าท่านขอไว้ก็เริ่มอั้นไม่อยู่

ตอนนี้ประเทศของเราที่น่ากลัวมี ๓ อย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือภัยแล้ง อย่าคิดว่านี่เป็นหน้าฝนนะ บริเวณที่แล้งก็ยังประสบภัยพิบัติแล้งเป็นปกติ ประการที่สองคือปัญหาการเมือง ถ้าชวนคนลงถนนเมื่อไรก็เป็นเรื่องเมื่อนั้น ประการสุดท้ายคือภัยธรรมชาติ ดิน น้ำ ลม ไฟ อาตมาเองบอกมากกว่านี้ไม่ได้ พยายามพูดมากที่สุดเท่าที่จะมากได้แล้ว ไปตีความกันเอาเอง อย่างที่หลวงพ่อวัดระฆังท่านบอกว่ามีแต่จะร้ายแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ

เถรี
27-05-2020, 19:13
"รับพัสดุด้วยครับ" พนักงานจากรถสีส้มถือกล่องพัสดุมาส่งให้ถึงหน้ากุฏิ พลังงานที่แผ่ออกมาจากกล่องพัสดุรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง น้อมจิตกราบอัญเชิญท่านเข้ากุฏิพร้อมกับการเซ็นรับ...

เป็นพัสดุที่ส่งมาจากคุณกอบชัย มงคลทิพย์ เมื่อเปิดออกมาก็พบกับมีดหมอเทพศาสตราลายเพชรพญาธรเล่มใหญ่ ของหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม กับลิงแกะจากไม้ตับเต่า ของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ที่ค่อนข้างจะหายากจนถึงยากที่สุด...

ทำการเจิมน้ำมันชาตรีรับขวัญมีดหมอ พลังงานที่แผ่ซ่านไปทั่วทำเอาขนลุกไปทั้งตัว ยังไม่ทันไรหลวงพ่อกวยก็ดึงอาตมาพรวด "ออกไปข้างนอก" แล้วชี้กลับไปยังร่างที่กำลังเช็ดถูมีดหมออยู่ "ดูเอาไว้..จะได้หายสงสัยเสียที"...

ที่อาตมาสงสัยก็คือ พลังงานของวัตถุมงคลแต่ละครูบาอาจารย์ที่แตกต่างกันนั้น นอกจากสมาธิจิตและวิชาการที่ศึกษามาแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกหรือไม่ ? ในส่วนของสายหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้นอาตมาไม่สงสัย พลังงานที่ท่วมฟ้าท้นดินนั้นเป็นพุทธบารมี ธรรมะบารมี สังฆบารมี ตลอดจนพรหม เทวดา และครูบาอาจารย์ที่เมตตาช่วยสงเคราะห์ แล้วสายอื่น ๆ อย่างของหลวงปู่ทิม หลวงพ่อกวย นั้นเป็นอย่างไร ? ทำไมถึงทะลุทะลวงได้ดุดันถึงใจขนาดนี้ ?

สิ่งที่เห็นก็คือร่างกายของอาตมาที่นั่งอยู่นั้น มีพลังงานหมุนวนอยู่รอบกายในแนวตั้ง เป็นรูปเหมือนกับปีกผีเสื้อสองข้าง ดูเหมือนกับว่าปีกทั้งสองนั้นเป็นอิสระต่อกัน แต่ก็หมุนวนผสมกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน...

"เอ้า..คราวนี้มาดูตรงนี้" ท่านลากพรวดเดียวไกลออกไป จนกระทั่งเห็นโลกเราโตประมาณลูกฟุตบอลเท่านั้น ภาพที่เห็นก็คือพลังงานที่แผ่ออกมาจากโลกเป็นไปในลักษณะเดียวกัน "นั่นคือสิ่งที่พวกแกเรียกว่าแรงแม่เหล็กโลก วิชาการทางสายจีนเรียกว่าไท้เก๊กหรือไท่จี๋ ทางสายอินเดียเรียกว่าพลังจักรวาล"

เถรี
27-05-2020, 19:16
"คราวนี้มาดูสิ่งที่แกเคยมองมานานแล้ว" อาตมาโดนลากออกไปไกลลิบ มองย้อนกลับมาเห็นหมู่ดาราจักร (Galaxy) มากมายเต็มไปหมด แต่ละดาราจักรต่างก็ประกอบด้วยพลังงานมหึมาหลากล้น ทั้งกระจายออกและรวมเข้า เพื่อจัดระเบียบแต่ละดาราจักรให้มีขอบเขตเฉพาะของตน...

"ตรงนั้นคือกลุ่มหมอกเพลิง (Nebula) ที่ยังจัดระเบียบตัวเองไม่เสร็จ ถ้าจัดระเบียบตัวเองเสร็จแล้วก็จะเกิดเป็นดาราจักรใหม่ขึ้นมา ส่วนดาราจักรที่หมดพลังงานแล้ว ก็ระเบิดสลายตัวเองกลับไปเป็นกลุ่มหมอกเพลิงใหม่"

ไหนคนเขาบอกว่าหลวงพ่อเรียนหนังสือมานิดเดียว วันนี้ทั้งดาราศาสตร์ทั้งฟิสิกส์มาครบถ้วนเลย ? "ข้ามาเก่งตอนตายแล้วโว้ย..!"

พูดจบพลังจิตของท่านก็แผ่ออกจากกายเป็นกลุ่มก้อน ครอบคลุมทั้งดาราจักร ดึงเอาพลังงานพุ่งเป็นลำมหึมาเชี่ยวกรากตรงไปยังโลกมนุษย์ หมุนวนจนกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพลังแม่เหล็กโลก แล้วควบแน่นเป็นลำเล็กประมาณบาตรพระ พุ่งลงตรงกระหม่อมร่างของอาตมาที่นั่งเช็ดมีดหมออยู่ ดึงเอาพลังงานประจำร่างกายทั้งหมด พุ่งเข้าสู่มีดหมอในมือจนสว่างเจิดจ้าดุจพระอาทิตย์ยามเที่ยง..!

เหมือนกับร่างกายชาเห่อพองใหญ่ขึ้นหลายเท่า ขุมขนทุกเส้นตั้งชัน แผ่พลังงานออกมาเป็นระลอก...ระลอก ไม่ขาดสาย..!

เถรี
27-05-2020, 19:17
"หายสงสัยแล้วครับ..!" ถ้าไม่หายมีหวังตัวระเบิดตาย..! "คราวนี้แกดูนี่" พลังจิตของท่านพุ่งตรงไปเหมือนกับจะทะลุทะลวงฟ้า ผ่านครูบาอาจารย์หลายท่านเร็วจนมองแทบไม่ทัน ภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใหญ่มหึมาเต็มจักรวาลปรากฏอยู่ข้างหน้า...

เพียงหลวงพ่อท่านน้อมจิตกราบลงแทบพระบาท พลังงานประหนึ่งมหาสมุทรหลากล้นท้นท่วมก็ทะลักทลายกลบกลืนไปทั้งเอกภพ (Universe) หมู่ดาราจักร กลุ่มหมอกเพลิง และจักรวาลแห่งดวงดาวอื่น ๆ (Stars System) ถูกกลืนหายไปภายใต้พลังงานที่ยิ่งใหญ่จนประมาณไม่ได้..!

"นี่คืออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยที่พวกแกอาศัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก ข้าเองก่อนหน้านี้ใช้แค่พลังสมาธิสมาบัติเฉพาะตัว วิธีดึงพลังจากจักรวาลมาใช้งาน เพิ่งจะมารู้เอาตอนที่ตายแล้ว ถือว่ายกให้แกเอาไปใช้ก็แล้วกัน แต่พอเทียบกับคุณพระศรีรัตนตรัยแล้ว คงหมดราคาจนแกอาจจะไม่สนใจเลยก็ได้"

น้อมจิตกราบแทบพระบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบแทบเท้าหลวงพ่อกวยที่เมตตาถ่ายทอดเพิ่มเติมความรู้ให้ "ผมเป็นคนงกครับหลวงพ่อ ต่อให้มีเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ถ้ามีคนให้อีกบาทหนึ่งสลึงหนึ่งผมก็ยังรับอยู่ดี ถึงตัวเองจะไม่ได้ใช้งาน แต่ก็ยังเป็นประโยชน์กับลูกศิษย์ของหลวงพ่ออีกจำนวนมาก กราบขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ"

สติกลับคืนมาอยู่กับเนื้อกับตัว มือยังถือมีดหมอค้างอยู่ เจิมน้ำหอมน้ำมันรับขวัญมีดหมออยู่แท้ ๆ ดันฝันกลางวันแสก ๆ อีกแล้ว..!

เถรี
28-05-2020, 23:19
(ก่อนหล่อพระ) แจ้งให้ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบตรงนี้ว่า การหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำนั้น ทางวัดกำลังเตรียมเงินที่จะซื้อทองคำมาหล่อ ซึ่งถ้าหากว่าทุ่มหมดตัวก็น่าจะพอ แต่ว่าระยะนี้ทองคำแพงมาก ประกอบกับญาติโยมทางบ้านอยากมีส่วนร่วมอนุโมทนาด้วย แต่เดือนหน้าของเรายังติด พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ จึงไม่สามารถอนุญาตให้โยมเข้าวัดได้เหมือนกับครั้งนี้ ก็จะเป็นที่น่าเสียดายมาก

จึงขอแจ้งให้กับทางคณะของท่านพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ซึ่งดูแลเรื่องของการปั้นหุ่น ปั้นแบบ ตลอดจนกระทั่งติดต่อช่างปั้นช่างหล่อทุกด้าน และเจ้าหน้าที่จากโรงหล่อได้ทราบว่า ขออนุญาตเลื่อนจากกำหนดเดิม ที่บอกว่าจะหล่อในวันที่ ๒๑ มิถุนายนออกไปก่อน ซึ่งตอนนี้ยังหาวันไม่ได้

เพราะว่าอย่างวันนี้ถือว่าเป็นฤกษ์หล่อพระที่ดีที่สุดในรอบปี ๒๕๖๓ ไม่มีฤกษ์ดีกว่านี้อีกแล้ว เสียดายว่าไม่ได้หล่อองค์ทองคำเท่านั้น พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ท่านได้ขออนุญาตหล่อองค์เนื้อบรอนซ์ ความสูงความใหญ่เท่ากันกับองค์เนื้อเงินปิดทอง คือ ๑๕๕ เซนติเมตร ไว้เป็นที่ระลึก ๑ องค์ แล้วยังขออนุญาตพระท่านสร้างเป็นองค์เล็กสูงประมาณ ๑ ศอก อีก ๙๙๙ องค์ โดยจะมอบให้ทางวัดท่าขนุนไปจัดจำหน่าย เพื่อที่จะได้หาทุนซื้อทองคำเพิ่มเติมในส่วนที่ยังขาดอยู่

เถรี
28-05-2020, 23:22
จึงขอให้ญาติโยมทั้งในวัดก็ดี บรรดาช่างหล่อพระก็ดี ตลอดจนกระทั่งญาติโยมทางบ้าน ได้ทราบว่าเรื่องของการหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำนั้น เลื่อนกำหนดการไปจากเดิมที่ตั้งใจไว้ว่า จะหล่อสักเดือนละองค์ ก็คือเดือนพฤษภาคมหล่อเนื้อเงิน เดือนมิถุนายนหล่อเนื้อทองคำ ขอเลื่อนออกไปดูระยะเวลาที่เหมาะสมสักนิดหนึ่ง แล้วถ้าราคาทองคำสามารถที่จะลดลงมาได้ เราก็จะมีเงินเหลือบางส่วนสำหรับไปทำการทำงานอื่นบ้าง

เพราะว่าระยะนี้วัดต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่ลำบากในการที่จะหางบประมาณมาเลี้ยงดูตัวเอง ตั้งแต่เชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙ อาละวาดขึ้นมา แทบทุกวัดก็หาญาติโยมเข้าวัดไม่ได้ เข้าวัดไปต้องผ่านการคัดกรอง ผ่านขั้นตอนต่าง ๆ เขารู้สึกว่าไม่ใกล้ชิดเหมือนเดิม ก็ไม่อยากที่จะไปวัด

อาตมาเองจัดโครงการบรรเทาทุกข์พระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิไปแล้ว ๒ รอบ ก็คือถวายปัจจัยให้ทั้ง ๕๒ วัด ๒๒ สำนักสงฆ์ และเลขานุการเจ้าคณะตำบลที่ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสอีก ๘ ท่าน ท่านละ ๕,๐๐๐ บาท หมดไปครั้งหนึ่งประมาณสี่แสนถึงสี่แสนเศษนิดหน่อย แจ้งไปแล้วว่าช่วยได้แค่ ๒ เดือนเท่านั้น เดือนที่ ๓ ถ้าท่านช่วยตัวเองไม่ได้ ก็ขอให้พระเจ้าได้โปรดช่วยท่านด้วย..!

เถรี
28-05-2020, 23:24
ทางด้านสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าวัดสระแก้ว ของท่านอาจารย์ปู่พระครูปลัดสุวัฒนบัณฑิตคุณ (ดร.พระมหาไพเราะ ฐิตสีโล) ซึ่งเลี้ยงเด็กกำพร้าเอาไว้ประมาณ ๒,๗๐๐ คนเศษ เฉพาะค่าข้าวสารเลี้ยงเด็กอย่างเดียวตกเดือนละล้านกว่าบาท ท่านขอความช่วยเหลือมา อาตมาได้ทำโครงการเร่งด่วน ที่ญาติโยมทั้งหลายช่วยกันไปแล้ว ได้เงินประมาณเก้าแสนกว่าบาท อาตมาเติมให้ครบหนึ่งล้านบาท นำถวายท่านไปแล้ว

ทางด้านโรงเรียนหมู่บ้านเด็กของมูลนิธิเด็ก ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลวังด้ง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ก็เลี้ยงเด็กไว้เป็นจำนวนมาก อาตมาเพิ่งจะมอบข้าวสารอาหารแห้งไปให้หนึ่งคันรถหกล้อ พร้อมกับงบประมาณในการสร้างอาคารงวดแรก ๓๐๐,๐๐๐ บาท

ต้องบอกว่าขณะนี้รอบด้านในประเทศไทยล้วนแล้วแต่เดือดร้อน ญาติโยมทั้งหลายไม่เข้าวัด ทรัพย์สินหมุนเวียนที่มีอยู่ก็ร่อยหรอไปตามกาลเวลา ยกเว้นวัดท่าขนุนที่พอกพูนเพิ่มขึ้นขึ้นผิดชาวบ้านเขา เพราะว่ามีพระคาถาเงินล้านช่วย

เถรี
29-05-2020, 23:48
ในเมื่อทั่วทั้งประเทศไทยล้วนแต่เดือดร้อน ทางสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติจึงอนุมัติงบประมาณวัดช่วยวัด ถวายพระสงฆ์ที่เดือดร้อนประมาณ ๒๐,๐๐๐ รูป รูปละ ๔๐ บาทต่อวัน โอ้พระเจ้า...ให้พระฉันมื้อละ ๒๐ บาท..! แค่ซื้อขนมครกก็ไม่รู้ว่าจะพอหรือเปล่า ? แล้วเงินส่วนนี้ไม่ใช่เงินงบประมาณของทางราชการ แต่เป็นเงินของพระเอง

เนื่องจากว่าทางสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติเก็บเงินนิตยภัต หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าเงินเดือนพระ ซึ่งจะได้รับเดือนหนึ่งประมาณ ๑,๘๐๐ บาท สำหรับพระสังฆาธิการตั้งแต่เจ้าอาวาสขึ้นไป ก็แปลว่าพระสังฆาธิการหรือบุคลากรในระดับบริหารของคณะสงฆ์ไทยทุกรูป โดนหักนิตยภัตคือเงินเดือนไปอย่างน้อย ๑ เดือน ก่อนหน้านี้หัก ๒ เดือน เพราะว่าหักกองทุนวัดช่วยวัด ๑ เดือน กองทุนช่วยชาวพุทธ ๑ เดือน หักแล้วหายเงียบ ไม่มีการแจ้งผลการดำเนินงานใด ๆ ทั้งสิ้น เพิ่งจะมามีครั้งนี้ที่อนุมัติให้ช่วยเหลือพระ ประมาณ ๒๐,๐๐๐ รูป ก็แปลว่าช่วยได้ประมาณ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ของคณะสงฆ์ไทยเท่านั้น แล้วก็ไม่ทราบว่าเอาหลักเกณฑ์อะไรมาคัด ?

ขณะเดียวกัน ข่าวที่ออกมาก็เหมือนกับว่ารัฐบาลอนุมัติงบประมาณมาช่วยเหลือพระภิกษุสามเณร แต่จริง ๆ แล้วก็คือเอาเงินพระมาให้พระ ก็แปลว่าในส่วนใดก็ตามที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับทางรัฐบาลได้เขาทำหมด ส่วนเงินจะเป็นของใครไม่ต้องสนใจ

ดังนั้น ในส่วนที่อยากจะบอกกับญาติโยมตรงนี้ก็คือ ญาติโยมก็ได้เห็นแล้วว่าถ้าเราสามารถทำพระคาถาเงินล้านได้ขึ้นจริง ๆ เงินทองมีแต่จะไหลมาเทมา ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คืออาตมาเอง ส่วนเคล็ดลับในการทำพระคาถาเงินล้านนั้น ไปดูในเก็บตกจากบ้านเติมบุญประจำเดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ ที่ "ท่านย่า" บอกว่าต้องวางกำลังใจอย่างไร ๑๐ อย่าง ทำตามนั้นรับรองว่าประสบผลสำเร็จทุกคน

เถรี
29-05-2020, 23:54
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่ได้เกินความสามารถที่เราจะทำ เพียงแต่ว่าต้องอดทนพากเพียรพยายามอย่างสม่ำเสมออยู่ประมาณ ๒ เดือนขึ้นไป แล้วผลทั้งหลายก็จะเริ่มเกิดขึ้น และจะมากเพิ่มพูนขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาที่ท่านได้กระทำ

เมื่อมีทางออกจากความเดือดร้อนที่ชัดเจนขนาดนี้แล้ว ถ้าท่านทั้งหลายยังไม่ทำ มัวแต่รอเงินช่วยเหลือบรรเทาทุกข์จากรัฐบาล อาตมาก็อยากจะใช้คำว่าสมควรตาย..! แม้กระทั่งฝรั่งเขายังบอกว่า “จงช่วยเหลือตัวเองก่อนที่พระเจ้าจะช่วยท่าน”

ในเมื่อเป็นดังนั้น ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไม่ยอมช่วยเหลือตนเองเสียก่อนตามพระพุทธพจน์ที่ว่า อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นคนอื่นช่วยเราเท่าไรถึงจะพอ ?

แบบเดียวกับตู้ปันสุข ที่อาตมามาเอาของไปลงอยู่บ่อย ๆ บางคนก็เกรงใจเหลือเกิน หยิบไปแค่ชิ้นสองชิ้น ยกมือไหว้ตู้อีกต่างหาก บางคนมาถึงก็กวาดไปทีเป็นกระสอบเลย สิ่งทั้งหลายเหล่านี้วัดกำลังใจได้อย่างชัดเจนว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร ? กำลังใจของเราอยู่ในระดับที่ดีเป็นที่พอใจหรือไม่ ? อย่างไร ? ก็สามารถพินิจพิจารณาได้ด้วยตนเอง

เถรี
29-05-2020, 23:56
เนื้อหาในการถ่ายทอดสดทั้งของเมื่อวานเย็นและวันนี้ ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ซึ่งคอยถอดเก็บตกจากวัดท่าขนุนก็ดี จากบ้านเติมบุญก็ดี นำไปถอดความแล้วลงเก็บตกฯ ให้ญาติโยมได้อ่านกันโดยทั่วถึงด้วย ไม่ใช่งอมืองอเท้ารอแต่พระอาจารย์ค่อย ๆ พิมพ์ให้ทีละหน้าสองหน้า อู้มา ๒ เดือนแล้ว ไปทำงานเสียบ้าง...!

ท้ายสุดนี้ก็ขออำนวยอวยพรให้ญาติโยมทั้งหลาย จงอยู่รอดปลอดภัยในทุกที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ แม้ว่าประสงค์จำนงหมายสิ่งหนึ่งประการใดที่เป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรมวินัยแล้วไซร้ ขอให้ความประสงค์ของท่าน จงสำเร็จสัมฤทธิ์ผล สมดังมโนรถปรารถนาทุกประการด้วยเทอญ...ขอเจริญพร

เถรี
30-05-2020, 00:00
"คนเขาชมกันว่าพระอาจารย์ออกบิณฑบาตทุกวัน ไม่เหมือนกับวัด...ที่ไม่เคยออกบิณฑบาตเลย" แบบนี้ไม่ใช่ชมแล้วยายจ๋า..แบบนี้ฉันเรียกว่านินทา ท่านอาจจะมีธุระการงานมาก นอนดึก..ก็เลยตื่นบิณฑบาตไม่ทัน ฉันเองถ้ามีงานด่วนก็ไม่ได้ออกบิณฑบาตเหมือนกัน...

"คนเขาชมกันว่าวัดท่าขนุนสะอาดมาก ไม่เหมือนกับวัด...มีแต่ขยะเกลื่อนกลาดไปหมด" ยายต้องเข้าใจนะจ๊ะว่า วัดท่าขนุนอยู่ห่างจากชุมชน ทำความสะอาดแล้วก็จบ วัดที่อยู่กลางชุมชน แถมยังมีตลาดนัดด้วย จะให้สะอาดเหมือนกันย่อมเป็นไปไม่ได้...

"งานวัดของท่านอาจารย์คนมากเหลือเกิน เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น" แบบนี้เขาเรียกว่าเห็นน้อยประหลาดมากจ้ะยาย จัดงานทีมีคนแค่ ๓ - ๔ พันคน ถ้ายายไปวัดท่าซุงหรือวัดพระธรรมกาย เห็นคนมากขนาดนั้นคงจะเป็นลมไปเลย..!

"อ้าว..วันนี้ยายไม่มีเรื่องอะไรคุยหรือจ๊ะ ?" คุณยายทำหน้าเบ้ "วันนี้หกล้มในห้องน้ำ เจ็บเอวมาก ใส่บาตรเสร็จยายจะไปหาหมอแล้วจ้ะ" ขอให้หายไว ๆ นะยาย จะได้มาใส่บาตรอีก...

เวลาบิณฑบาตคนแก่ชอบคุยด้วย อาตมาก็เออ ๆ คะ ๆ ไปตามเรื่อง อย่างน้อยก็ทำให้จิตใจของคนแก่เกิดความผูกพัน ถ้าใจของคนเราเกาะพระได้ อย่างน้อยเมื่อตายลงไปก็ยังได้ไปดี...

เถรี
30-05-2020, 00:02
มีเรื่องหนึ่งในระยะนี้ ที่ทั้งองค์สมเด็จพระสังฆราช สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาชุมชน ตลอดจนผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ ออกคำสั่งสนับสนุนให้แต่ละวัดปลูกผักกินเอง ถ้ามีเหลือก็แบ่งปันให้กับชาวบ้าน และชักชวนชาวบ้านให้ร่วมกันปลูกผักกินเองด้วย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากการที่ไม่มีผู้ใส่บาตร เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙

องค์สมเด็จพระสังฆราชถึงกับประทานเมล็ดพันธุ์ผักให้กับวัดต่าง ๆ สื่อมวลชนหลายแขนงต่างก็ลงข่าวชื่นชม แต่ข่าวนี้กลับทำให้อาตมาไม่สบายใจเป็นอย่างมาก...

เพราะว่าคำสั่งแรกของพระอุปัชฌายาจารย์ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดรูปแบบมาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บอกกับพระใหม่ในทันทีที่บวชเสร็จว่า "ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสายปพฺพชฺชา" แปลเป็นใจความว่า ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิตคือการเที่ยวบิณฑบาต...

ซึ่งพระอุปัชฌายาจารย์จำนวนมาก อธิบายเพิ่มเติมว่า ไม่ใช่การทำมาหากินในรูปแบบอื่น ๆ กล่าวไปถึงความบริสุทธิ์ของศีลหลายประการ โดยเฉพาะอาชีวปาริสุทธิศีล ความบริสุทธิ์จากอาชีพการงาน โดยเฉพาะอาชีพของนักบวช..!

เถรี
30-05-2020, 00:04
ส่วนศีลพระข้ออื่น ๆ นั้นยังมี "ห้ามพรากของเขียวที่เกิดอยู่กับที่ให้เคลื่อนหลุดออกจากที่" และ "ห้ามขุดซึ่งแผ่นดิน" เป็นต้น การปลูกผักกินเอง ย่อมไม่ใช่อาชีวปาริสุทธิศีล ย่อมต้องพรากของเขียว ต้องขุดซึ่งแผ่นดิน แปลว่า พระภิกษุสามเณรของเราจะไม่เอาศีลกันแล้วหรือ ?

ส่วนการที่มีผักเหลือแล้วนำไปแบ่งปันให้กับชาวบ้าน ฟังดูแล้วเหมือนกับดีมีเมตตา แต่ว่าจะเป็นการผิดศีลข้อ "ประทุษร้ายตระกูลด้วยการประจบคฤหัสถ์" หรือเปล่า ?

การตั้งตู้ปันสุขแล้วนำเอาสิ่งของที่บิณฑบาตได้ ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือจากการกินการใช้แล้ว ไปใส่ตู้ไว้เพื่อให้ญาติโยมได้มาแบ่งปันไปกินไปใช้นั้น เป็นสิ่งที่กระทำได้ ถือว่าเป็น "วิทาสาโท" คือสิ่งของที่เหลือจากการกินการใช้ของพระภิกษุสามเณรแล้ว ไม่เป็นการผิดศีลผิดธรรมแต่อย่างใด เมื่อทำไปแล้วย่อมได้รับการสรรเสริญจากบัณฑิตทั้งปวง...

เถรี
30-05-2020, 00:04
พระพุทธศาสนาของเรานั้นมีพระธรรมเป็นแก่น มีพระวินัยเป็นรากแก้ว ถ้าเราจะเอาแต่แก่นโดยไม่มีราก ต้นไม้นั้นย่อมอยู่ไม่ได้ ถึงไม่ตายก็ย่อมโดนแรงอื่นจากภายนอกโค่นล้มลงในเวลาอันไม่นาน แล้วเราจะตัดรากแก้วซึ่งค้ำยันพระพุทธศาสนาคือพระวินัยออกเองเลยหรือ ?

พระภิกษุสงฆ์สามเณรในพระพุทธศาสนาของประเทศไทยนั้นน่าสงสารมาก เพราะว่านอกจากพระธรรมวินัยแล้ว ยังโดนบีบบังคับด้วยคำสั่งต่าง ๆ จากทางราชการและผู้บังคับบัญชาเหนือตน ซึ่งบางคำสั่งก็ออกมาโดยขาดการพินิจพิจารณาให้รอบคอบ หรือว่าทางราชการผู้ออกคำสั่งไม่มีความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตนของพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนาเลย...

เถรี
30-05-2020, 00:05
พระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนานั้น ต้องยึดพระธรรมวินัยเป็นหลัก เพราะว่าจะเป็นพระเป็นเณรหรือไม่นั้น วัดได้จากการประพฤติปฏิบัติว่าทรงพระธรรมวินัยได้บริสุทธิ์บริบูรณ์หรือไม่ ?

ลำดับต่อไปที่ต้องคำนึงถึงก็คือกฎหมายบ้านเมือง รวมทั้งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ มติ ระเบียบ ประกาศ และคำสั่งของมหาเถรสมาคม...

ประการสุดท้ายยังต้องคำนึงถึงจารีตประเพณีในแต่ละท้องถิ่น ว่ามีค่านิยมอย่างไรที่ไม่ขัดกับพระพุทธศาสนา แล้วพยายามปรับให้เข้ากันให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมีพระธรรมวินัยเป็นแกนกลางที่จะขาดเสียมิได้...

เกล้าฯ ขอกราบแทบเบื้องบาทองค์สมเด็จพระสังฆราช ขอพระเดชพระคุณท่านเจ้าพระคุณอย่าได้โดนแรงหนุนจากภายนอกทำให้ผิดเพี้ยนไปจากพระธรรมวินัยเลย ส่วนทางราชการนั้นอาตมาก็ขอบิณฑบาตเถิด จะมีคำสั่งอะไรลงมาให้พระภิกษุสามเณรปฏิบัติ ได้โปรดเมตตาศึกษาพระธรรมวินัยให้รอบคอบกว่านี้ ไม่เช่นนั้นแล้วท่านทั้งหลายนี่แหละ..ที่เป็นผู้ทำลายพระพุทธศาสนาให้หมดไปจากประเทศไทยเสียเอง..!

เถรี
30-05-2020, 08:18
:cebollita_onion-17::cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓ หมดลงแค่นี้ค่ะ :cebollita_onion-17::cebollita_onion-17: