PDA

View Full Version : เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๖๓


เถรี
09-10-2020, 08:57
ถาม : การตั้งรูปพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้บนมือถือเป็นพื้นหลัง แล้วเวลาเราใช้นิ้วสัมผัสลากไอคอนไปมาข้ามรูปพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยหรือไม่ ?

และสามารถตั้งรูปพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์แค่บนหน้าจอหลักเพื่อเป็นอนุสสติ คือเวลาจะใช้มือถือก็จะเห็นภาพพระก่อน แล้วค่อยเข้าใช้งานข้างในมือถือจะเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร ?

ตอบ : ให้ถามใจตัวเองดู ถ้ารู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งก็ "อย่าหาทำ"

เถรี
09-10-2020, 08:59
ถาม : ตามที่หลวงพ่อเคยบอกว่า ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านยังทรงช่วยเหลืออยู่ด้านบน ยังทรงคอยมองดูประชาชนของท่านอยู่
ผมอยากทราบว่า ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านลาพุทธภูมิหรือยังครับ ? แล้วถ้าท่านยังไม่ลา ท่านจะลงมาเกิดในยุคใดอีกครับ ?

ตอบ : พระโพธิสัตว์บารมีเข้มขนาดนั้น คุณคิดว่าพระองค์ท่านจะลาไหม ? ส่วนพระองค์จะลงมาเกิดในยุคใด ถ้าคุณสามารถเอาตัวรอดจากอบายภูมิได้ ก็อธิษฐานขอไปเกิดร่วมยุคเพื่อคำตอบที่ชัดเจนไปเลย..!

เถรี
09-10-2020, 08:59
ถาม : ขอขมาพระรัตนตรัยก่อนด้วยความเคารพ แล้วขออนุญาตเขย่าพระกริ่งสะท้านไตรภพเพื่อพิสูจน์ฟังเสียงพระกริ่ง จะมีกรรมติดกรรมเป็นการปรามาสพระจริงหรือไม่ครับ ?

มีบางท่านบอกว่า การที่เราพิสูจน์ฟังเสียงพระกริ่ง คือการปรามาส ถึงแม้ว่าเราจะขอขมาพระก่อน ก็ยังเป็นการปรามาส จริงหรือไม่ครับ ?

ตอบ : ลองทำดู..ตายเมื่อไรจะได้คำตอบที่ชัดเจนมาก..!

เถรี
09-10-2020, 09:01
ถาม : พระกริ่งสะท้านไตรภพซึ่งมีพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรรจุอยู่ ถ้าเราติดตัวไปในสถานที่อโคจร เช่น ผับ, ซ่อง, อาบอบนวด, บ่อน เป็นการปรามาสพระรัตนตรัยหรือเปล่าครับ ?

ตอบ : ขึ้นอยู่กับจิตของคุณว่าหยาบหรือละเอียด ถ้าหยาบมากถึงไม่พกพระกริ่งเข้าไป โอกาสที่จะลงอบายภูมิก็มีสูงมากอยู่แล้ว

เถรี
09-10-2020, 09:02
ถาม : ผมพิจารณาบุคคลที่ทำให้เราโกรธนั้นว่า แท้จริงแล้วตัวตนของเขาไม่ได้ทำเรา แต่เป็นกิเลสและอกุศลกรรมของเขาที่ควบคุมจิตใจดวงนั้นอยู่ และมีอำนาจเหนือดวงจิตดวงนั้น จึงควบคุมดวงจิตนั้นให้ทำสิ่งไม่ดี

ฉะนั้นด้วยเหตุนี้ สิ่งที่เขาทำไม่ดีก็ไม่ใช่ตัวตนของเขาอย่างแท้จริง เพราะถ้าสิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้นเป็นของจริงแล้ว เมื่อถึงความเป็นพระวิสุทธิเทพแล้ว สิ่งไม่ดีเหล่านี้ก็ต้องคงอยู่ แต่เมื่อถึงความเป็นพระวิสุทธิเทพแล้ว สิ่งที่ไม่ดีเหล่านี้ก็หายตามไปด้วย ดังนั้นเราจึงไม่ควรโกรธเขา

ผมพิจารณาอย่างนี้ถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่ครับ และการพิจารณาอย่างนี้ถูกต้องหรือเปล่าครับ ?

ตอบ : การพิจารณาเพื่อให้ใจคลายออกจากอารมณ์ที่ข้องอยู่ จะพิจารณาอย่างไรก็ได้ ถ้าคลายความชั่วออกได้ก็ถูกทั้งนั้น

เถรี
09-10-2020, 09:02
ถาม : ท่านผู้หนึ่งได้บอกว่า พระเครื่องที่มีส่วนผสมของกระเบื้องหลังคาโบสถ์ ถ้านำเข้าบ้านจะทำให้เกิดเรื่องไม่ดี อยากสอบถามพระอาจารย์ว่าเป็นความจริงหรือไม่ครับ ?

ตอบ : ถ้าใจไปยึดว่ากระเบื้องหลังคาโบสถ์เป็นของสงฆ์ก็ไม่ดีแน่ แต่ถ้าใจคิดว่าเราบูชามาด้วยมูลค่าที่ทางวัดตั้งเอาไว้ ถือว่าเป็นการชำระหนี้สงฆ์ไปแล้ว และนี่คือรูปพระพุทธเจ้า หรือพระสงฆ์ที่เราเคารพ ก็จัดเป็นพุทธานุสติ หรือสังฆานุสติ ถือว่าได้ปฏิบัติในกองกรรมฐานใหญ่ ก็ย่อมมีแต่ส่วนดีเท่านั้น

เถรี
09-10-2020, 09:03
ถาม : พระกริ่งสะท้านไตรภพใช้พระคาถาบทใดในการอาราธนาครับ ?

ตอบ : อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่ มะอะอุ นี้เถิด

เถรี
09-10-2020, 09:03
ถาม : ผมอยากจะถามหลวงพ่อครับว่า การที่ใคร ๆ ด่าพระอริยเจ้า ด่าพระมหากษัตริย์ ชีวิตพวกเขาจะเป็นอย่างไรครับ หรือว่าเป็นกรรมของเขา เราไม่ต้องไปรับรู้ครับ ?

ตอบ : เรียกว่ารู้แล้วแต่ "เสือก" ถาม..! ด่าพระอริยเจ้าลงอเวจี ด่าพระมหากษัตริย์ ชาตินี้เจอ ม. ๑๑๒ ตายไปถ้าจิตเศร้าหมองก็ลงอบายภูมิ

เถรี
09-10-2020, 09:04
ถาม : ในขณะที่มีคนกำลังมีชีวิตที่ดีมีความสุขอยู่ แล้วเกิดมีคนมาหาเรื่อง สร้างความเดือดร้อนให้คนนั้น จนทำให้คนที่กำลังมีความสุขนั้นกลายเป็นได้รับความเดือดร้อนขึ้นมา

แบบนี้ถือว่าเป็นการฝืนกฎของกรรม ในลักษณะเดียวกันกับ คนที่กำลังได้รับความทุกข์ร้อน แล้วมีคนไปช่วยให้พ้นจากทุกข์นั้น ๆ ด้วยหรือไม่ครับ ?

ตอบ : คุณรู้ได้อย่างไรว่า การที่คนมาสร้างความเดือดร้อนให้ ไม่ได้เกิดจากกรรมเก่าที่คุณทำเอาไว้ ?

เถรี
09-10-2020, 09:05
ถาม : เวลาผมโดนด่าหรือโดนกลั่นแกล้งเวลาใด ผมมักจะชอบเข้าสมาธิให้แน่นที่สุดทุกครั้ง เพื่อไม่ให้จิตต้องโดนความโกรธครอบงำ บางทีก็กลายเป็นนิ่งไปเฉย ๆ จนคนอื่นสงสัยว่าทำอะไร แบบนี้ถือว่าทำถูกต้องไหมครับ เพราะรู้สึกว่าบางทีก็สุดโต่งเกินไป แต่ถ้าไม่รีบเข้าสมาธิ ก็กลัวว่าจะระงับความโกรธไว้ไม่ได้

อยากทราบว่าพอจะมีวิธีที่สามารถเข้าสมาธิให้แน่นมาก ๆ ได้ โดยที่ยังขยับร่างกายได้เป็นปกติไหมครับ เพื่อไม่ให้ดูผิดแปลกเกินไป ?

ตอบ : รักษาใจไม่ให้เศร้าหมองได้ ถือว่า "ถูกต้องในตอนนั้น" แต่ถ้าวางไปเลยจะถูกต้องที่สุด พยายามฝึกการทรง "ฌานใช้งาน" ให้คล่องตัว ก็จะไม่ดูผิดปกติ แต่คนจะว่าคุณผิดปกติ เพราะว่าไม่มีการโกรธหรือโต้ตอบอะไรเลย

เถรี
09-10-2020, 09:05
ถาม : ถ้าจะฝึกมโนมยิทธิ โดยการนึกถึงป่าหิมพานต์ เราจะสามารถเห็นป่าหิมพานต์ได้ โดยที่เรายังไม่เคยเห็นของจริงมาก่อนได้ไหมครับ ?

ตอบ : ถ้าแค่นึกถึงก็เป็นแค่ "มโน" แต่ถ้าส่งใจไปถึงได้ เป็น "มโนมยิทธิ" ถึงจะไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้าไปถึงได้ก็จะรู้เห็นได้เอง

เถรี
09-10-2020, 09:06
ถาม : ตอนที่พระพุทธเจ้าท่านเปิดโลกแล้วทุกภพภูมิเห็นกันหมด แล้วส่วนใหญ่เกิดการปรารถนาพุทธภูมิในใจ ไม่ทราบว่าตอนนั้นผู้ที่อยู่ในอรูปพรหม ได้รับรู้ในเหตุการณ์ครั้งนั้น และได้ปรารถนาพุทธภูมิไปด้วยไหมครับ ?

ตอบ : ผู้ที่ไม่รู้ไม่เห็นอะไร ย่อมไม่มีส่วนที่ควรได้ในสิ่งนั้น ๆ

เถรี
11-10-2020, 18:51
พระอาจารย์กล่าวว่า “อีกไม่กี่วันจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาใหม่ จะเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าสงครามใหญ่ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะเกิดขึ้นช้าหรือว่าเร็ว ก็คือถ้าประธานาธิบดีทรัมป์ชนะเลือกตั้งอีกรอบ สงครามเกิดเร็วแน่นอน เพราะว่าประธานาธิบดีทรัมป์เป็นคนคิดเร็วพูดเร็ว แต่ไม่รอบคอบ ถ้าหากว่าโจ ไบเดน ชนะก็ช้าลงหน่อย เพียงแต่ว่าให้พกวัตถุมงคลติดตัวเอาไว้ให้เคยชิน ถึงเวลาเกิดอะไรขึ้นจะได้ปลอดภัย

สหรัฐอเมริกาตามจีนไม่ทันในเรื่องเทคโนโลยี แต่ด้วยอาวุธที่มีอยู่กับเทคโนโลยีเก่า ก็เพียงพอที่จะสร้างความบอบช้ำสาหัสให้กับจีนได้แล้ว โดยเฉพาะอาวุธนิวเคลียร์ พวกหัวรบนิวเคลียร์ สหรัฐฯ มีมากกว่าจีนเป็นหลายเท่าตัว สภาพของสองประเทศถ้าเปิดศึกกัน จีนเสียเปรียบตั้งแต่แรก เหมือนสุภาพบุรุษทะเลาะกับอันธพาลข้างถนน เพราะว่าสหรัฐฯ นี่เพื่อรักษาฐานอำนาจตัวเอง มักทำอะไรไม่ค่อยจะคิด ความจริงพยายามจะปลุกปั่นยุยงให้เกิดสงครามตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง เพื่อที่จะดึงคะแนนเสียงจากชาวบ้านว่าต้องประธานาธิบดีทรัมป์เท่านั้น ถึงจะสมน้ำสมเนื้อในการต่อกรกับประเทศจีน”

เถรี
11-10-2020, 18:54
“แต่ว่าถึงจะไม่เกิดสงครามเพราะว่าจีนอดกลั้นอดทนก็จริง แต่คนอเมริกันส่วนใหญ่ก็จะเลือกประธานาธิบดีทรัมป์ ถามว่าตอนนี้คะแนนนิยมของโจ ไบเดน นำอยู่ไม่ใช่หรือ ? ต้องบอกว่า คะแนนนิยมของโจ ไบเดน นำในรัฐที่ไม่ใช่คนผิวขาว เป็นการแบ่งแยกชัดเจนมาก นิวยอร์กนี่คนผิวดำเยอะมาก คะแนนนิยมโจ ไบเดนจะนำ ลอสแอนเจลิสผิวเหลืองเยอะมากโดยเฉพาะคนจีน คะแนนนิยมของโจ ไบเดนจะนำ

แต่ว่ารัฐอื่น ๆ ที่มีคนผิวขาวมากกว่า ถ้าตัดสินใจเลือก เขาจะตัดสินใจเลือกประธานาธิบดีทรัมป์ เขาถือว่ารักษาผลประโยชน์ของคนอเมริกัน เพราะว่าตั้งแต่เข้ามาก็ใช้นโยบาย American first ปะฉะดะไปทั่วโลก คนอเมริกันผิวขาวส่วนใหญ่ยังติดภาพความเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกาอยู่ ใครที่ทำตัวเป็นพี่เบิ้มให้เห็น ก็จะเกิดความนิยมขึ้นมาเอง

พวกเราก็ได้แต่นั่งลุ้น แต่ก็ไม่ต้องลุ้นอะไรมากหรอก เพราะว่าจะช้าจะเร็วคู่นี้เขาตีกันแน่ เพียงแต่ตีกันเร็วขึ้นหรือว่าตีกันช้าลงเท่านั้นเอง แต่ถ้าตามที่พระและ "ท่านย่า" บอก ข้างบนเขาเตรียมพร้อมกันตั้งแต่แรกแล้ว เนื่องจากเวลาข้างบนกับข้างล่างต่างกันมาก ข้างบนขยับตัวนิดเดียว ข้างล่างผ่านไปเป็นปี ของพวกเราพระท่านก็บอกแล้ว พกวัตถุมงคลเอาไว้ ใครมีของหลวงพ่อวัดท่าซุงก็เลือกเอา สมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๑ รุ่น ๒ หรือสมเด็จคำข้าว สมเด็จหางหมากก็ได้ ถ้าไม่มีก็มาพกสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหล วัดท่าขนุน

อย่าลืมสวด อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๓ ห้อง ๓ จบทุกวัน ขอให้คุ้มครองตัวเรา ทรัพย์สินสิ่งของของเรา ถ้าหากว่าหลีกเลี่ยงกฎของกรรมไม่พ้น ก็ยอมเสียของ เอาชีวิตรอดไว้ก่อน ไม่มีอะไรหรอก อาตมาฟุ้งซ่านล่วงหน้า เลยพูดไปเรื่อยเปื่อย ...(หัวเราะ)...”

เถรี
11-10-2020, 18:56
พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของการทำบุญ เรียกอีกอย่างว่าทำกุศล คำว่า กุศล แปลเป็นภาษาไทยว่า ความฉลาด คราวนี้ความฉลาดในที่นี้คือ ฉลาดในการสร้างเสริมสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะเกิดขึ้นแก่ตัวเราเอง เพื่อที่จะได้พัฒนา กาย วาจา ใจ ของเราให้ดีขึ้น จนกระทั่งพัฒนาถึงที่สุด ก็จะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

แต่คราวนี้วิธีการสร้างกุศล พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ ๑๐ อย่างด้วยกัน เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ มีตั้งแต่ทานมัย การให้ทาน ไปจนถึงทิฏฐุชุกัมม์ การมีความเห็นเป็นสัมมาทิฏฐิ

คราวนี้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้ว ในส่วนของทานเป็นส่วนที่เราจะต้องขวนขวายมาก หาสิ่งของเงินทองมาเพื่อที่จะทำทาน ส่วนในการรักษาศีล การเจริญภาวนา การขวนขวายงานบุญคนอื่นให้สำเร็จลง การทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศล การโมทนาบุญของคนอื่น การอ่อนน้อมถ่อมตน การฟังเทศน์ฟังธรรมแล้วน้อมนำไปปฏิบัติ การปฏิบัติได้แล้วนำไปสอนคนอื่นเขาต่อ ตลอดจนกระทั่งการมีสัมมาทิฏฐิ เป็นสิ่งที่ไม่ต้องเสียของ ไม่ต้องเสียเงิน แต่คนเรากลับทำน้อยกว่ากันมาก

เหตุที่ทำน้อยกว่าเพราะว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต้องการกำลังใจที่สูงกว่า เนื่องจากว่าถ้าไม่ใช่ผู้ที่ฉลาดอย่างแท้จริง จะรู้สึกว่าจับต้องไม่ได้ ไม่เหมือนกับการให้ทานที่เรามีข้าวของเงินทองไปให้ เราจับได้ต้องได้ว่าเป็นวัตถุทาน ส่วนในสิ่งที่มีบุญมีกุศลมากกว่า เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นการฝึกหัดขัดเกลาจิตใจของเรา กลับเป็นของที่ทำได้ยากกว่า ทั้ง ๆ ที่แทบจะไม่ต้องเสียเงินเสียของอะไรเลย”

เถรี
11-10-2020, 18:57
“ดังนั้น..ในปัจจุบันเราจะเห็นว่า ญาติโยมนิยมการทำบุญให้ทานกันมาก แต่ว่าเรื่องการรักษาศีลกลับมีน้อยลง เรื่องการภาวนาก็ยิ่งน้อยลงไปอีก ถ้าลักษณะอย่างนี้จะเห็นชัดว่า คุณความดีในพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนเอาไว้นั้น เราเข้าถึงได้แค่เบื้องต้น คือในขั้นของทานเท่านั้น

การให้ทานจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการสร้างวัดทั้งวัด สร้างโบสถ์ทั้งหลัง สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ก็ยังเป็นแค่ส่วนของทานบารมี ทำเป็นร้อยครั้งก็ไม่เท่ากับรักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์หนึ่งครั้ง ส่วนการรักษาศีลนั้น แม้ว่าจะดีกว่าการให้ทาน แต่ว่าเราทำเป็นร้อยครั้งก็ไม่เท่ากับการเจริญภาวนาหนึ่งครั้งเช่นกัน

จึงเป็นเรื่องของกำลังใจหรือที่เรียกว่า บารมี คนที่กำลังใจต่ำ บารมีน้อย ก็ทำในเรื่องที่สูงกว่าทานได้ยาก แต่ว่าในเรื่องของทานก็มีอานิสงส์ตรงที่ว่า ถ้าเกิดใหม่เมื่อไร เราจะมีฐานะที่ร่ำรวย มั่นคง อย่างน้อยเป็นการวางพื้นฐานเอาไว้สำหรับชาติภพหน้า แต่ถ้าหากว่าไม่สามารถที่จะให้ จนอยู่ในระดับวางอุเบกขาได้จริง ๆ โอกาสที่จะหลุดพ้นก็มีน้อยมาก”

เถรี
11-10-2020, 21:32
พระอาจารย์ถวายปัจจัยร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินแก่ตุ๊พ่อ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) “อาตมาไม่สะดวกที่จะไปงานกฐินของตุ๊พ่อ เพราะว่าวันที่ ๒๔ ตุลาคมติดงาน ส่วนวันที่ ๒๕ ที่เป็นวันกฐินของทางวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่นั้น ไม่สามารถที่จะวิ่งไปถึงแล้วกลับมาได้..ตายแน่ ๆ ก็เลยมอบถวายเป็นเช็คเงินสดให้ทางด้านวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ของตุ๊พ่อ เป็นกฐินไป ๕๐๐,๐๐๐ บาท จองไว้ตั้งแต่วันงานวันเกิดของตุ๊พ่อ บอกว่ามีกฐินอยู่ ๑๐๘ กอง กองละ ๕,๐๐๐ บาท อาตมาก็เลยจองไปหนึ่งร้อยกองเต็ม ๆ เหลืออีก ๘ กองให้ไปแย่งกันเอาเอง”

เถรี
11-10-2020, 21:34
พระอาจารย์เล่าว่า “งานพุทธาภิเษกที่วัดบ้านห้วยน้ำขาว เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคมที่ผ่านมา นอกจากครูบาอาจารย์ที่มาสงเคราะห์ตามปกติแล้ว ก็มีระดับท่านอาจารย์ปู่ ก็คือหลวงปู่สุ่น วัดบางปลาหมอมาด้วย อาตมาเองดีใจมาก เพราะว่าโดยปกติแล้วลืมหลวงปู่สุ่น..! เป็นเหลนศิษย์ที่น่าเตะมาก..ปู่ทวดทั้งองค์ยังลืมได้..!

เพราะว่าตอนกราบอาราธนาบารมีพระ ก็จะไล่จากสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง หลวงปู่เนียม วัดน้อย หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ก็คือมาตามลำดับสายครูบาอาจารย์ แต่ลืมหลวงปู่สุ่น วัดบางปลาหมอ ที่เป็นครูบาอาจารย์ของหลวงปู่ปานไป ท่านมาสงเคราะห์เตือนว่างานของท่านอย่าลืมไปด้วย

ความจริงท่านไม่ต้องเตือนอาตมาก็เต็มใจที่จะไปอยู่แล้ว คราวนี้ด้วยความที่ท่านเมตตามา ก็เลยขอท่านสงเคราะห์เรื่องของวัตถุมงคลที่ ดร.พระครูโรจน์ท่านทำเอาไว้เป็นคันรถ”

เถรี
11-10-2020, 21:36
“งานนั้นอาตมาเครียดเลย เพราะว่าข้าวของเยอะมาก สารพัดสารเพปนเปกัน ประมาณว่าตีอวนได้ปลามาทั้งทะเล มีปลามาสารพัดชนิด ก็เลยต้องค่อย ๆ ว่าไปทีละอย่าง เสกนานหน่อย เพราะว่าเรื่องของวัตถุมงคลนั้น ถ้ากระแสขัดกัน บางทีก็เอาไปใช้แล้วไม่ได้ผลตามสายนั้น ๆ

คำว่า กระแสขัดกันก็คือ สมมติว่าของมาทางสายอยู่ยงคงกระพัน แต่ว่าเราถนัดในสายเมตตามหาลาภ ถ้าขอบารมีพระสงเคราะห์ไปสายเดียว ส่วนอื่นก็จะโดนล้างทิ้งหมด เพราะฉะนั้น..ก็เลยต้องค่อย ๆ ว่าไปทีละอย่าง ซึ่งทำให้ค่อนข้างจะช้ามาก

วันที่ ๗ ตุลาคมวันเดียวกันนั้น มีงานพุทธาภิเษกสองที่ ก็คือที่วัดบ้านห้วยน้ำขาวซึ่งทำข้าวของสารพัดสารเพปนกันมา ต่อไปถึงวัดหนองโพ จังหวัดราชบุรี ท่านพระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม ท่านสร้างพระพุทธรูปอย่างเดียว สบายอย่าบอกใครเลย เพราะว่าเรื่องการเสกพระเป็นพระ ไม่มีอะไรง่ายกว่านั้นอีกแล้ว แต่วัตถุมงคลอย่างอื่นถ้าต้องเสกให้มีอานุภาพเหมือนพระนี่จะยากมาก

แม้กระทั่งน้องเล็กที่อยู่ในพิธีด้วยยังบอกว่า กระแสมาคนละโลกกันเลย ใช่..กระแสที่วัดหนองโพนี่สว่าง สะอาด สงบ เบาสบาย เพราะว่าเป็นกระแสพระนิพพานโดยตรง ส่วนของทางวัดบ้านห้วยน้ำขาวนั้นสับสนปนเป แม้ว่าจะจับลงให้ทีละอย่าง ก็ต้องเรียกว่าจัดกระแสกันจนเหนื่อย”

เถรี
11-10-2020, 21:39
“โดยเฉพาะวัตถุมงคลหลายชนิดต้องเสริมทั้งอาการ ๓๒ ทั้งธาตุ ๔ เป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก โดยเฉพาะถ้าไม่ได้ฝึกในเรื่องของภูตกสิณก็คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม มา ก็ต้องศึกษาในเรื่องคาถาในการตั้งธาตุ หนุนธาตุ ซึ่งครูบาอาจารย์แต่ละท่าน ส่วนใหญ่แล้วจะชำนาญไม่เหมือนกัน ดังนั้น..บางทีท่านนี้มาลง กระแสไปอย่างหนึ่ง อีกท่านหนึ่งมาลง กระแสไปอีกอย่างหนึ่ง อีกท่านมากำลังสูงกว่า ก็ล้างกระแสเก่าเขาทิ้งหมดเลย เป็นต้น

เรื่องพวกนี้ถ้าไม่รู้ไม่เห็นก็ถือว่าเหนื่อยน้อย แต่ถ้ารู้เห็นจะเหนื่อยมาก เพราะว่าต้องค่อย ๆ ไปจัดระเบียบทีละอย่าง สมัยก่อนครูบาอาจารย์ที่สุดยอดที่สุดในความรู้สึกของอาตมาก็คือ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เพราะว่าถ้าหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นประธานในการพุทธาภิเษกที่ไหน คนอื่นสบาย..ลอยตัวหมด คุณมีหน้าที่ว่าของคุณไปให้เต็มที่อย่างเดียว หลวงปู่ท่านจัดกระแสให้เอง”

เถรี
11-10-2020, 21:41
“แต่อย่างสายของหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้น ส่วนใหญ่กราบขอบารมีพระสงเคราะห์ ลงมาตูมเดียวสายอื่นหายเกลี้ยง..! เพราะว่าไม่มีกำลังอะไรจะสูงกว่าพระพุทธเจ้าอีกแล้ว แต่ด้วยความที่อาตมาศึกษามามาก ก็เลยไปตกอยู่ในลักษณะภาษิตโบราณที่ว่า ‘รู้มากก็ยากนาน’ รู้มากแล้วเสียดาย ของแต่ละอย่างกระแสต้องเป็นอย่างนี้..กำลังต้องใช้แบบนี้..จึงต้องช่วยจัดให้เขาไป อีกอย่างเป็นแบบนี้..ใช้แบบนี้..ทำแบบนี้..จัดให้เขาไป เสร็จพิธีตัวเองแทบจะสลบไสล..!

ต่อไปถ้ารำคาญขึ้นมาก็จะใช้วิธีของสายหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็คืออาราธนาบารมีพระลงอย่างเดียวเลย ที่เหลือจะได้ไม่เหนื่อย ส่วนลงไปแล้วจะเหลืออะไรไม่เหลืออะไรก็เป็นเรื่องของเขา จึงขึ้นกับอยู่กับว่าตอนนั้นอารมณ์ดีพอที่จะไปค่อย ๆ จัดให้หรือเปล่า..?!

โยมลองนึกถึงด้ายที่พันกันอีรุงตุงนัง แล้วเราต้องค่อย ๆ ไปแกะจัดเรียงใหม่ ต้องใจเย็นมาก ค่อย ๆ จัด ค่อย ๆ เรียง ค่อย ๆ คลี่คลาย ให้ได้ประโยชน์สูงสุดตามสายวิชาของครูบาอาจารย์ของเขา ถ้าหากว่าโยมไปดูในเว็บวัดท่าขนุน ที่อาตมาทำตารางครูบาอาจารย์ในสายธรรมเอาไว้ จะเห็นว่าครูมาก อาจารย์มาก ศึกษาวิชาการมากสาย..ก็เลยลำบาก

จึงขึ้นอยู่กับความขยันหรือขี้เกียจของแต่ละงาน ถ้าขยันมากก็จะทำให้ ถ้าหากว่าขี้เกียจมาก ครูบาอาจารย์ไม่มาสงเคราะห์ให้ ก็เหลือแต่พระอย่างเดียว ถือว่าเรายึดจุดสูงสุดเอาไว้ อย่างอื่นไม่ต้องใส่ใจ ถ้าอย่างนั้นก็จบเลย เอาอะไรมาก็กลายเป็นอานุภาพอย่างเดียวเหมือนกันหมด ความจริงก็ดีนะ..ง่ายดี แต่คนเอาไปใช้คงจะประสาทกินไปเลย..!”

เถรี
12-10-2020, 23:01
พระอาจารย์กล่าวเตือนว่า “ช่วงนี้เป็นฤดูกฐิน แต่ขณะเดียวกันฝนฟ้าก็ไม่ค่อยเป็นใจ การเดินทางไปทอดกฐินจึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง เพราะว่าต่อให้เราไม่พลาด คนอื่นก็อาจจะพลาด แล้วทำให้อุบัติเหตุเกิดขึ้นกับเราได้


ช่วงนี้โดยเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ จะมีการเดินทางมากเพื่อที่จะไปทำบุญกัน ก็ต้องระมัดระวังกันเต็มที่ จนกระทั่งผ่านพ้นฤดูกาลไปแล้ว คือพ้นจากลอยกระทงไป การเดินทางถึงจะเบาบางลง แต่ก็จะไปหนักขึ้นอีก เพราะว่าเริ่มเข้าสู่หน้าหนาวซึ่งเป็นฤดูการท่องเที่ยว

สรุปว่าการเดินทางบนท้องถนนไม่ว่าจะฤดูกาลไหนก็ต้องระมัดระวังอย่างเต็มที่ เพราะว่าสมัยนี้คนขับรถได้มีมาก แต่คนขับรถเป็นมีน้อย ที่อาตมาเจอมากับตัวเองก็คือพวกที่ได้รับการสอนสั่งมาจากครูบาอาจารย์บ้า ๆ บอ ๆ ประเภทว่าต้องขับรถเอาล้อเหยียบเส้นขาวไว้หนึ่งข้างเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง บางคนก็สอนว่าให้ขับให้เส้นขาวอยู่ตรงกลางหน้ารถของตัวเอง เท่ากับว่ากินคนเดียวไปสองเลน..!

อีกประเภทหนึ่งก็สอนว่าให้ขับชิดขวาเอาไว้ คนขับรถเก่งก็จะแซงซ้ายไปเอง พวกนี้ต้องถือว่าเป็นคำสอนที่อุบาทว์มาก เพราะว่าเท่ากับทำผิดกฎจราจรโดยเจตนา”

เถรี
12-10-2020, 23:03
“แล้วอีกประเภทหนึ่งที่อาตมาเจอมามาก คือทำถูกกฎจราจรไปเลย ด้วยการขับห่างจากคันหน้า ๕๐ เมตร โดยที่ไม่ได้ดูว่าข้างหลังตัวเองติดยาวกี่กิโลเมตรแล้ว..! ค่อย ๆ คลานไปด้วยความเร็ว ๘๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง เจอถนนสามเลน สามคันช่วยกันคลานไปทั้งสามเลน ข้างหลังก็ติดกันไปหมด โดยปกติแล้วต่อให้ขับรถไม่เป็น ก็ควรที่จะมีสามัญสำนึกว่า เลนขวาต้องเว้นว่างเอาไว้เพื่อให้รถที่เร็วกว่าเขาไปกัน

บ้านเราก็ยังมีการกระทำที่ลักลั่นกันอยู่ก็คือ ความเร็วตามกฎหมายเป็นอย่างหนึ่ง ความเร็วโดยอนุโลมเป็นอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่เหมือนกับต่างประเทศ ต่างประเทศเขาจะมีตัวเลขบอกความเร็วที่คุณขับได้อยู่บนถนนเป็นระยะ ๆ ไป และต้องไปตามนั้นเท่านั้น เขามีกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทาง จากช่วงนี้ถึงช่วงนี้ถ้าคุณมาเร็วเกินที่กำหนดไว้ ใบสั่งจะส่งถึงบ้าน ถ้าไม่จ่ายภายในสองวันจะโดนบวกเพิ่มอีกสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ถ้าครบหนึ่งอาทิตย์แล้วยังไม่จ่าย จะโดนตัดแต้ม ยึดใบขับขี่ ตามแต่โทษหนักหรือเบา”

เถรี
12-10-2020, 23:04
“ส่วนบ้านเรากฎหมายมีเอาไว้ให้เจ้าหน้าที่หากิน โดยรวมแล้วโดยปกติบ้านเราไม่ค่อยจะเคร่งครัดเข้มงวดกัน จนกลายเป็นคนสันดานเสียขับรถบนถนนกันมาก ก็คือถ้ากูจะไปคนอื่นต้องหลีก พอไปเจอคนไม่หลีกหรือหลีกไม่ทันเข้า ก็เกิดอุบัติเหตุ คือ ถ้าคุณจะปาดจะแซงก็ต้องดูจังหวะด้วย ว่ารถอื่นเขาสามารถหยุดให้คุณหรือชะลอให้คุณได้ทันไหม ? ไม่ใช่ว่าเขาวิ่งมาเป็นร้อย แต่คุณคลานหกสิบเข้าเลนเขาไป.. อย่างนี้ต้องเรียกว่าหาที่ตาย !

ได้ยินว่าผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติท่านใหม่ให้ยกเลิกด่านตรวจทั้งหมด เพื่อรอแนวทางการปฏิบัติที่เป็นระเบียบเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง ก็ขออนุโมทนา เพราะว่าปัจจุบันนี้ที่รถติดบริเวณปริมณฑลของกรุงเทพ ฯ ส่วนหนึ่งก็เพราะเกิดจากด่านตรวจ เวลาเจอรถติด จะถามตัวเองกันเลยว่าเป็นด่านตรวจหรือว่าเป็นอุบัติเหตุ ? มีแค่สองเรื่องไม่มีเรื่องอื่น ดังนั้น..การยกเลิกด่านตรวจอาจจะเป็นสิ่งที่ช่วยบรรเทาปัญหารถติดได้ในส่วนหนึ่ง”

เถรี
12-10-2020, 23:06
“ทางที่ดีที่สุดก็คือ ทางด้านกองตำรวจจราจร ควรที่จะลงทุนติดกล้องวงจรปิดทุกเส้นทาง เพื่อใช้กล้องในการตรวจจับความเร็ว แล้วก็ส่งใบสั่งถึงบ้าน ซึ่งปัจจุบันนี้แม้ว่าทางด้านกองทะเบียนกับทางด้านกรมตำรวจจะมีการเชื่อมข้อมูลเพื่อประสานงานกัน แต่ก็ยังทำกันแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ

กองทะเบียนถือว่าการต่อทะเบียนเป็นรายได้ของเขา เมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือไปว่า บุคคลที่ทำผิดกฎจราจรไม่ควรที่จะให้ต่อทะเบียน ทางกองทะเบียนเขาไม่ฟัง เพราะว่าไปทำให้รายได้ของเขาหายไป งานก็เลยลักลั่นกันอยู่ จนกระทั่งแก้ไขไปแก้ไขมาเป็นว่า ต่อทะเบียนได้แต่ให้ทะเบียนมีอายุไม่เกินสองเดือน ถ้าภายในสองเดือนไม่ไปจ่ายค่าปรับ ก็ถือว่าทะเบียนหมดอายุ ฟังดูแล้วจะบ้า..! เพราะว่าใครเห็นป้ายวงกลมก็ต้องคิดว่าต่อทะเบียนแล้ว แล้วปัจจุบันนี้ป้ายวงกลมก็แทบจะไม่มี มีแต่ป้ายสี่เหลี่ยม แต่ก็ยังเรียกกันว่าป้ายวงกลมอยู่ดี..!”

เถรี
12-10-2020, 23:07
พระอาจารย์กล่าวถึงการจัดระเบียบคนมาบ้านเติมบุญว่า “ความผิดพลาดไม่ว่าจะเกิดขึ้นด้วยอะไรก็ตาม ต้องได้รับการลงโทษและแก้ไข ไม่ใช่พลาดแล้วปล่อยให้เลยตามเลย

พวกที่ว่าไม่ได้ บอกไม่ฟัง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม กำหนดโทษห้ามมาบ้านนี้ไปเลย จะเอาหนึ่งเดือน สองเดือน สามเดือนก็ตัดสินใจไปเลย ถ้าหากว่ายังรั้นอีกก็ห้ามตลอดชีวิตไปเลย

การทำหน้าที่การงานโดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานของพระพุทธศาสนา อย่ารักตัวเองมากจนเกินไป อุตส่าห์ปฏิญาณตนแล้วว่า ขอมอบกายถวายชีวิตต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ไม่กล้ากระทบกระทั่งกับใครเลย แล้วจะทำไปทำไม..? รักจะทำหน้าที่ก็ต้องมีการกระทบกระทั่งอยู่แล้ว ในเมื่อพูดไม่รู้เรื่อง ก็จัดการไปเลย..!”

เถรี
12-10-2020, 23:08
“ถ้ายังเห็นแก่หน้าคนโน้น เกรงใจคนนี้ ก็อย่ามาทำหน้าที่ จำไว้ว่าพรรคพวกตัวเองต้องเอาให้หนักที่สุด ถ้าเอาพวกเดียวกันอยู่ คนอื่นก็เอาอยู่หมด มัวแต่ไปเลือกที่รักมักที่ชัง มัวแต่ไปรักตัวเองมากเกินไป มีผลให้ทำหน้าที่ขาดตกบกพร่อง ก็จะทำให้ส่วนรวมเสียหาย

ทำหน้าที่ไป ก็ฝึกฝนขัดเกลา กาย วาจา ใจ ของตัวเองไป ไม่ใช่ว่าถอดเขี้ยวถอดเล็บหมด ถ้าใครพูดไม่รู้เรื่องก็แยกเขี้ยวกางเล็บลุยไปเลย พระยังมีการผิดศีลแล้วมาปลงอาบัติ มึงจะบริสุทธิ์ไปถึงขนาดไหนวะ ? ถึงไม่กล้ากระทบใครเลย..!

ภาษิตจีนบอกว่า ‘เจอผู้คนเอ่ยวาจาผู้คน เจอภูตผีกล่าววาจาภูตผี’ ในเมื่อพูดดี ๆ แล้วเขาไม่ฟัง แล้วยังจะไปดีกับเขาทำไม..?”

เถรี
12-10-2020, 23:11
พระอาจารย์กล่าวว่า “งานตักบาตรเทโวกับทอดกฐินสามัคคีปีนี้ มีปรากฏการณ์ที่แปลกอยู่อย่างหนึ่งก็คือ เศรษฐกิจย่ำแย่มาก แต่ญาติโยมทำบุญด้วยเหรียญน้อยกันมาก ปกติแล้วต้องนับเหรียญกันเป็นวัน นับจนมือดำ แต่งานนี้ส่วนใหญ่เป็นธนบัตร ยอดกฐินไม่ได้น้อยกว่าปีที่แล้ว แต่ยอดตักบาตรเทโวได้มากกว่าปีที่แล้วเป็นแสนเลย..!

อาตมาเห็นแล้วใจหาย ใจหายตรงที่ว่านี่เป็นทางเสื่อมของพระพุทธศาสนาที่ชัดเจนที่สุด เพราะว่าญาติโยมเน้นการทำบุญกัน ในขณะที่สภาวะเศรษฐกิจไปได้อย่างยากลำบาก การทำบุญทุกคนก็ต้องหวังสิ่งตอบแทน น้อยคนที่จะทำโดยการวางอุเบกขาได้ ในเมื่อหวังสิ่งตอบแทนตอบก็แปลว่ามักง่าย เพราะว่าพระพุทธเจ้าสอนเราทั้งทาน ทั้งศีล ทั้งภาวนา เราไปเน้นทานที่ทำง่ายที่สุด โดยไม่ได้ไปเน้นศีลและภาวนาที่ทำยากกว่าและยากที่สุด ก็จะทำให้นานไปไตรสิกขาของพระพุทธเจ้า จะเหลืออยู่แค่ทานเท่านั้น ไม่ต้องไปพูดถึง อธิสีลสิกขา อธิจิตสิกขา อธิปัญญาสิกขา

ในเมื่อเราก้าวไม่ถึงไตรสิกขา โอกาสที่จะพ้นทุกข์ก็น้อยลงไปมาก หนทางแห่งความเสื่อมของพระพุทธศาสนาก็ปรากฏอย่างชัดเจน เพราะว่าโยมเอาแต่ทำทานอย่างเดียว”

เถรี
12-10-2020, 23:12
“ในส่วนของอาตมานั้นจะมองในภาพรวมเป็นใหญ่ ไม่ได้มองภาพเฉพาะตน ไม่ได้มองว่างานตักบาตรเทโวและกฐินของวัดท่าขนุนมีคนไปมาก คนช่วยกันทำบุญมาก แต่กลับมองเลยไปว่า ที่ญาติโยมทำบุญ ก็เพราะหวังหลุดพ้นจากสภาพที่ยากลำบากของเศรษฐกิจและการดำรงชีวิต ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยกำลังบุญในการช่วยเหลือ แต่โยมกลับไปเอาบุญที่ได้ผลน้อยที่สุด ก็คือทำทานเป็นหลัก บุญที่ได้ผลมากกว่าคือการรักษาศีล และบุญที่ได้ผลมากที่สุดคือการเจริญสมาธิภาวนา โยมกลับไม่เน้นเลย อาตมาจึงมองเห็นว่า นี่เป็นทางเสื่อมของพระพุทธศาสนาและเป็นทางเสื่อมที่คนส่วนมากคิดกันไม่ถึง

จะไปคิดว่าการไปไหว้ไอ้ไข่คือทางเสื่อมของพระพุทธศาสนา..นั่นไม่ใช่ เพราะว่านั่นก็คือความมักง่ายอย่างหนึ่งเช่นกัน ทำเองแล้วลำบาก เพราะฉะนั้น..ไปขอจากไอ้ไข่ดีกว่า ลักษณะของญาติโยมในงานก็คือ ทำทานดีกว่า..ง่ายดี รักษาศีลกับภาวนานั้นยาก..เราไม่ทำ

ดังนั้น...ในเมื่อได้ยินแล้วก็โปรดรับไว้เป็นข้อคิดด้วย ถ้าทานมีผลเป็นร้อย ศีลก็มีผลเป็นหมื่น ภาวนามีผลเป็นล้าน เราต้องการเปลี่ยนแปลงสภาพชีวิตของเราให้ดีขึ้น ก็ต้องทำสิ่งที่มีคุณค่ามากเพียงพอ ไม่ใช่ไปทำสิ่งที่มีคุณค่าน้อย”

เถรี
14-10-2020, 15:51
พระอาจารย์เตือนว่า “สองอาทิตย์นี้ก็เตรียมร่มไว้นะ ได้ฝนเยอะแน่ ๆ หลังจากนั้นก็เตรียมเสื้อกันหนาวเอาไว้ อย่ารอซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าหนาว โบราณเขาบอกเอาไว้ชัด หน้าทำนาใคร ๆ ก็ใช้วัวใช้ควาย ไปซื้อหน้านั้นจะเจอของแพง ซื้อผ้าหน้าหนาวก็เหมือนกัน ใคร ๆ ก็ต่างหาผ้าเพิ่มขึ้นเพราะว่าอากาศหนาว แล้วดันไปซื้อตอนนั้นก็เจอแต่ของแพง

อย่างไรก็ระมัดระวังด้วย ดินฟ้าอากาศซ้ำเติม ถ้าประมาทติดไวรัสโควิด ๑๙ แล้วจะลำบากมาก”

เถรี
14-10-2020, 15:53
พระอาจารย์กล่าวว่า “ระยะนี้เรื่องที่โด่งดังในวงการพระภิกษุสงฆ์ก็คือ เรื่องที่สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติแจ้งมหาเถรสมาคมเพื่อทราบว่า การที่อดีตพระพรหมดิลกซึ่งศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าไม่มีความผิดใด ๆ เลยกลับมาห่มจีวรใหม่ มีความผิดโทษฐานแต่งกายเลียนแบบพระ..งานนี้ต้องบอกว่าสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติโดน "ทัวร์ลง" กระจาย..!

ส่วนที่น่าผิดหวังที่สุดก็คือ ตั้งแต่มีพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ฉบับนี้ มาตราที่ว่าภิกษุต้องนิคหกรรมถึงจำคุกต้องสละสมณเพศก่อน ไม่มีพระเถระชั้นผู้ใหญ่คัดค้านแม้แต่ท่านเดียว ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้จริง ๆ แล้วต้องว่ากันทีละขั้นตอน

ประการที่หนึ่ง ในเรื่องของกฎหมายนั้น จะต้องออกกฎหมายมาโดยที่ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญถึงจะใช้งานได้

ประการที่สอง ในเรื่องของพระภิกษุสงฆ์สามเณรนั้น ต้องตัดสินกันด้วยพระธรรมวินัยก่อน แล้วค่อยตัดสินด้วยกฎหมายบ้านเมือง”

เถรี
14-10-2020, 15:55
“ในเมื่อกฎหมายบ้านเมืองออกมาขัดกับพระธรรมวินัย ก็คือตามพระธรรมวินัย ถ้าพระสงฆ์ไม่ได้เอ่ยวาจาลาสิกขาก็ไม่ถือว่าท่านสึก แต่กฎหมายไปตัดสินว่าท่านต้องขาดจากสมณเพศแล้ว ก็แปลว่าเป็นการขัดกันระหว่างกฎหมายกับพระธรรมวินัย แต่พระเถระไม่มีใครออกมากล่าวถึงประเด็นนี้เลยแม้แต่ท่านเดียว ว่ากฎหมายตรงนี้ออกมาได้อย่างไร ?

เรื่องของพระภิกษุสามเณรนั้น แทบจะเป็นอีกวงการหนึ่งที่ต่างจากชาวบ้านทั่วไป ปกติแล้วก็ปกครองกันโดยพระธรรมวินัยเป็นหลัก หลังจากนั้นแล้วจึงค่อยพิจารณาถึงกฎหมายบ้านเมือง แล้วต่อไปถึงพิจารณากันตามจารีตประเพณี

ฉะนั้น..ในเรื่องของอดีตหลวงพ่อพระพรหมดิลก ท่านไม่ได้เอ่ยวาจาลาสิกขา และการโดนจับเข้าคุกก็เป็นการเข้าโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะว่าไม่มีการฝากขัง ไม่มีการฟ้องศาล ไม่มีการอุทธรณ์ ฎีกาอะไรทั้งสิ้น จำคุกไปเลย..!”

เถรี
14-10-2020, 15:58
“หลังจากนั้นถึงมาตัดสินกันตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งก็ปรากฏว่ามาถึงชั้นอุทธรณ์ ศาลท่านตัดสินว่าไม่มีความผิดใด ๆ เลย ในเมื่อไม่มีความผิดใด ๆ เลย ย่อมไม่กระทบกับสถานภาพใด ๆ ของท่าน ท่านกลับมาห่มเหลืองใหม่ ก็เป็นเรื่องที่คณะสงฆ์ของเราควรที่จะช่วยกันปกป้องและเชิดชูท่านในฐานะผู้บริสุทธิ์

แต่กลายเป็นว่าสำนักพุทธฯ สามารถจูงจมูกมหาเถรสมาคมได้..! ก็คือเสนอเพื่อทราบเท่านั้น มหาเถรสมาคมรับทราบก็จบ ส่วนอดีตหลวงพ่อพระพรหมดิลก ก็ได้ความผิดเพิ่มเติมคือ แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์..!

อาตมาจึงได้เห็นว่าในปัจจุบันนี้มีปัญหาในสองเรื่อง คือ ในเรื่องของการเอาฆราวาสมาปกครองพระอย่างหนึ่ง ในเรื่องของพระเถระที่เอาแต่ตัวเองรอด ไม่ได้สนใจที่จะปกป้องพระภิกษุสามเณรอีกอย่างหนึ่ง การเอาฆราวาสที่ศีลไม่ครบ ๕ ข้อมาปกครองพระที่มีศีล ๒๒๗ ข้อนั้น ไม่ถูกต้องทั้งทางโลกและทางธรรมอยู่แล้ว”

เถรี
14-10-2020, 16:00
“ส่วนเรื่องของพระมหาเถระที่ไม่รัก ไม่ปกป้องพวกพ้องเดียวกันที่ปราศจากความผิด อยากจะฝากกราบเรียนถามว่า ต่อไปท่านทั้งหลายจะอยู่คนเดียวได้ไหม ? ในเมื่อท่านไม่ปกป้องใคร แล้วถึงเวลาใครจะมาปกป้องท่าน ?

เรื่องของพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของความรัก ความสามัคคีของบุคคลที่มีสีลสามัญตา คือความเสมอกันด้วยศีล จะต้องปราศจากอคติ ถ้าหากว่ามีอคติก็ดี หรือว่ารักตัว เอาตัวรอดอย่างเดียวก็ดี ต่อไปถึงเวลาถ้าไม่มีใครปกป้องท่าน ท่านก็ไม่ต้องไปเรียกร้องจากใครเลย อาตมาขอฝากเป็นข้อคิดเอาไว้

ในเรื่องของพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ประเด็นที่สมควรแก้ไขมากที่สุด คือประเด็นนิคหกรรมตรงนี้ เพราะว่าความผิดไม่ชัดเจน ก็ไปเอาท่านขังคุก แล้วก็บังคับท่านสละสมณเพศ เรียกคืนสมณศักดิ์ เรียกคืนยศ คืนตำแหน่งทั้งหมด เป็นการไม่ถูกต้อง ถึงแม้ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้พระดีท่านจะไม่ได้ยึดติดก็ตาม

ในเมื่อสามารถแก้ไขพระราชบัญญัติคณะสงฆ์สองครั้งสามครั้ง เพื่อให้ได้สมเด็จพระสังฆราชตามที่ต้องการ แล้วทำไมประเด็นที่เป็นอันตรายต่อพระภิกษุสามเณรทั้งพุทธอาณาจักร ไม่มีใครคิดจะแก้ไข ? พูดง่าย ๆ ว่า แก้เพื่อประโยชน์ของตนเองก็ทำ แต่แก้ไขเพื่อประโยชน์ส่วนรวมกลับไม่ทำ..! ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเป็นพระสังฆาธิการ อาตมาจะแถมข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ให้ด้วย ขอเรียนถวายทุกท่านเอาไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณครับ”

เถรี
14-10-2020, 16:01
พระอาจารย์เล่าว่า “ช่วงเข้ากรรมฐานสามวัน ก่อนที่จะออกมารับบาตรเทโวและรับกฐิน นอกจากครูบาอาจารย์ที่ท่านมาสงเคราะห์แล้ว วันสุดท้ายขณะที่ส่งกำลังใจตามการทำวัตรเย็นของพระวัดท่าขนุน พระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ท่านก็เสด็จมาสงเคราะห์

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่พบท่านพร้อมกัน ๒๘ พระองค์ ตอนแรกที่พระองค์ท่านเสด็จมา ก็ยังคิดว่าใจตัวเราเอง "เฝือ" หรือเปล่า ? เพราะว่าพระองค์ท่านเสด็จมาถึง ก็ประทับนั่งบนเตียงที่วางวัตถุมงคลเอาไว้เสกตลอดสามวัน แถวแรก ๑, ๒, ๓, ๔ พระองค์ แถวสองก็ ๑, ๒, ๓, ๔ พระองค์ คราวนี้ด้วยความที่อดข้าวมาสามวันแล้ว ร่างกายเพลียมาก สมองคิดไม่ทัน ได้แต่รอดูว่าแถวสุดท้ายมีเศษเหลือกี่องค์ ? ปรากฏว่าเต็มพอดี ก็เลยมานึกได้ว่าพระองค์ท่านประทับนั่งทีละ ๔ พระองค์ ทั้งหมด ๗ แถว ๔ X ๗ = ๒๘ ครบ ๒๘ พระองค์พอดี ต้องบอกว่าพอร่างกายแย่มาก ๆ สมองก็ไม่อยากทำงาน”

เถรี
14-10-2020, 16:03
“คราวนี้พระองค์ท่านเสด็จมาสงเคราะห์ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่พิเศษมาก โดยเฉพาะวัตถุมงคลที่เอาเข้าพิธี ต้องบอกว่ายังไม่เคยเจอในสภาพนี้มาก่อนเลย ตั้งแต่ก่อนบวชและบวชมาแล้ว

คราวนี้ด้วยความที่อาตมาสั่งสร้างเหรียญพญาเต่ามังกรเงินล้านเปิดโลกพลิกชีวิตให้กับทางวัดสี่แยกเจริญพร ก็เลยกราบขอบารมีทุก ๆ พระองค์ช่วยสงเคราะห์ตอนพุทธาภิเษกด้วย พระองค์ท่านตรัสว่า ถ้าจะเอาอย่างนั้นก็เข้ากรรมฐานอีกสามวัน..! เจอไปสามวันแรกน้ำหนักหายไป ๔ กิโลกรัมแล้ว เจออีกสามวันไม่รู้เหมือนกันว่าน้ำหนักจะหายไปอีกกี่กิโลกรัม ? แต่ด้วยความที่ดีใจมากที่พระองค์ท่านรับปากว่าจะมาสงเคราะห์ ก็เลยพร้อมที่จะอดข้าวอีกสามวัน

ตอนแรกก็หาวันเวลาไม่ได้ เพราะว่ามีงานปลุกเสกวัตถุมงคลของวัดบางปลาหมอที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาคั่นอยู่ ท้ายสุดก็เลยตัดสินใจเลื่อนงานบวชพระวันลอยกระทงออกไป เพื่อที่จะให้มีเวลาเข้ากรรมฐานครบสามวันตามที่พระองค์ต้องการ

ดังนั้น...ถ้าระยะนี้ญาติโยมเห็นวัตถุมงคลลงในเว็บวัดท่าขนุนว่าเข้ากรรมฐานสามวัน ก็ให้รีบคว้าเอาไว้ก่อน เพราะว่าที่เอาเข้าพิธีจริง ๆ มีอยู่หน่อยเดียว ก็คือเหรียญเต่ามังกรหยก ทั้งแบบหน้ากากเงิน หน้ากากทองฝาบาตร และแบบไม่มีหน้ากาก เหรียญ ๑๐๐ ปีหลวงปู่สายส่วนที่เหลือ กับแผ่นเลเซอร์ยันต์เกราะเพชรที่แจกในงานกฐิน แล้วพวกเราไม่อยากได้กัน ให้แผ่นเล็กไม่เอากัน จะเอาแต่แผ่นใหญ่ อาตมาเลยแจกแผ่นใหญ่ด้วยความสบายใจ แผ่นเล็กกูไม่ให้ กูหวง..!”

เถรี
14-10-2020, 16:04
“เพราะฉะนั้น..ปลายเดือนนี้ วันที่ ๒๙ - ๓๐ - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ อาตมาก็จะเข้ากรรมฐานอีกสามวัน ออกมาวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ช่วงเช้าก็จะทำการบวชสามเณรฉลองพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำและพระปัจเจกพระพุทธเจ้าเนื้อเงินที่จะหล่อในวันนั้น เมื่อบวชเณรเสร็จก็มาทำบวงสรวง แล้วเข้าโบสถ์บวชพระต่อ ส่วนบวชพระแล้วจะเสร็จหรือไม่เสร็จก็ตาม ๑๑ โมงต้องมาเททองหล่อพระ ถ้าช่วงเช้าบวชพระไม่เสร็จ ตอนช่วงบ่ายก็จะมาบวชต่อ แต่ถ้าหากว่าบวชพระเสร็จทันและยังมีแรงอยู่ ช่วงบ่ายก็จะอยู่ให้ญาติโยมได้ทำบุญที่ได้ออกกรรมฐานมา แต่ถ้าหมดสภาพก่อนก็ตัวใครตัวมัน กลับบ้านกันเอง เพราะว่าพออายุมากแล้วสภาพร่างกายก็อ่อนเพลียง่าย

วันที่สามของการเข้ากรรมฐานที่ผ่านมา ตอนเข้าห้องน้ำต้องคอยระวังแล้วว่าจะล้มหรือไม่ พอไปรับบาตรเทโว โยมจะเห็นว่าอาตมาเดินค่อนข้างจะช้า เพราะไม่ไว้ใจสภาพสังขารว่าจะไหวหรือเปล่า เพราะว่าขึ้นบันไดไปสามร้อยกว่าขั้น แต่ก็ยังอุตส่าห์ไปจนถึง บันไดเปียกเพราะว่ากลางคืนมีฝนตก ตอนลงก็ต้องเดินด้วยความระมัดระวังอีก”

เถรี
14-10-2020, 16:05
ถาม : ถ้าเราไม่ค่อยได้นั่งสมาธิเท่าไร เราใช้การพิจารณาแทนได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้..เพียงแต่ว่าถ้าไม่มีกำลังสมาธิ การพิจารณาก็จะทำได้น้อย ถ้าใช้กำลังของสมาธิช่วยในการพิจารณา จะตัดอะไรก็ตัดได้ง่ายขึ้น พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้ากำลังไม่พอ จะแบกหามไม่ไหว ดังนั้น..ต้องพยายามสร้างกำลังสมาธิให้สูงเข้าไว้

เถรี
14-10-2020, 16:06
ถาม : การนั่งสมาธิดูลมหายใจ ติดมาตั้งแต่เด็กที่ถูกสอนว่า หายใจเข้า...พุท หายใจออก...โธ อยากทราบว่าต้องพุทโธอย่างเดียว หรือดูลมหายใจอย่างเดียว หรือใช้สองอย่างร่วมกัน ?
ตอบ : จะดูลมอย่างเดียวก็ได้ แต่บางคนตามดูลมอย่างเดียวรู้สึกว่างานมีไม่พอ ใจยังฟุ้งซ่านได้ ก็เพิ่มคำภาวนาเข้าไปด้วย พอเพิ่มคำภาวนาเข้าไปด้วย ยังรู้สึกว่าใจฟุ้งซ่าน ก็ตามดูฐานกระทบของลมไปด้วย ขึ้นอยู่กับว่าเราฟุ้งซ่านมากน้อยแค่ไหน ถ้าฟุ้งซ่านมากก็หางานให้ใจทำมาก ๆ ถ้าใจมีงานทำก็จะได้ไม่ฟุ้งซ่านไปในอารมณ์อื่น

เถรี
14-10-2020, 16:06
ถาม : ถ้ามีคนทำไม่ดีใส่คนที่พกตะกรุดมหาสะท้อน มีความเป็นไปได้ไหมครับ ที่ผลจะเกิดขึ้นภายหลังที่ระยะเวลาผ่านไปแล้ว หรือผลจะเกิดขึ้นทันทีเลยครับ ?
ตอบ : แล้วแต่ว่าตัวของเขามีกุศลคุ้มครองหรือเปล่า ? ถ้ามีก็โดนช้าหน่อย ถ้าไม่มีก็โดนเลย

เถรี
16-10-2020, 23:28
พระอาจารย์กล่าวว่า “ระยะนี้ปลายฝนต้นหนาวแล้ว บ้านเราก็จะมีฝนอีกประมาณสิบวันและค่อนข้างหนักด้วย หลังจากนั้นจะหนาวกะทันหัน กรมอุตุฯ ที่นั่งอยู่ตรงนี้บอกเอง..!

เพราะฉะนั้น..ถ้าบ้านไหนมีคนแก่ มีคนป่วยอยู่ ต้องดูแลรักษาให้ดี คนแก่หรือคนป่วยมีร่างกายอ่อนแอ ทนความเปลี่ยนแปลงกะทันหันของอากาศไม่ได้ ถ้าญาติโยมทุกคนรู้จักสังเกตจะเห็นว่า ช่วงรอยต่ออากาศ ไม่ว่าจะเป็นปลายฝนต้นหนาว ปลายหนาวต้นร้อน หรือปลายร้อนต่อฝน คนจะตายกันมาก ดังนั้น..ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี

ส่วนของอาตมานี่ไม่ต้องดูแล อย่างไรก็ไม่มีทางดีได้ เพราะว่าทำกรรมเอาไว้เยอะ..น่าภาคภูมิใจ..! หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า “แกเป็นทหาร ฆ่าเขามาทุกชาติ เพราะฉะนั้น..ชาตินี้จะป่วยบ่อย อายุสั้นพลันตาย” อาตมาโดนต่อวีซ่ามาจนป่านนี้ ไม่ยอมให้ตายสักที ชีวิตที่เหลืออยู่ทุกวันนี้ อยู่หนึ่งวัน..ก็กำไรหนึ่งวัน อยู่หนึ่งวัน..ก็ตั้งใจสร้างประโยชน์ให้กับพระพุทธศาสนาให้มากที่สุดไปอีกหนึ่งวัน

บางคนทั้งพระและฆราวาสถามว่า “พระอาจารย์ครับ..หลวงพ่อครับ ทำไมทำงานหนักขนาดนี้ ?” เรียนพระท่านไปและบอกกับญาติโยมไปว่า “เรามีวันนี้วันเดียว ต้องทำให้เต็มที่ เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีโอกาสได้ทำหรือเปล่า ? ในเมื่อเก็บตกชีวิตคืนได้ ก็ต้องสร้างประโยชน์ให้กับโลกให้มากที่สุด ไม่ว่าประโยชน์นั้นคนจะมองเห็นหรือมองไม่เห็นก็ตาม ขอให้ได้ทำ ก็ถือว่าสิ่งที่ทำนั้น เราได้ทำแล้ว ส่วนทำไปจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ไม่เคยคิดถึง”

เถรี
16-10-2020, 23:29
ถาม : เวลาหลวงพ่อทำงานหนักมาก ๆ หลวงพ่อรู้ได้อย่างไรคะ ว่าที่ทำไม่ไหวเป็นเพราะแก่เกินไปแล้ว หรือเพราะงานนั้นหนักเกินไป ?
ตอบ : ยังไม่เคยเจอ..ยังไม่เจออะไรที่หนักเกินไป

เถรี
16-10-2020, 23:30
พระอาจารย์กล่าวว่า “ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา อาตมาสั่งทำเช็คไปประมาณสิบล้านบาท วันนี้มอบให้ทางวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ไปห้าแสนบาท วันก่อนให้วัดสี่แยกเจริญพรไปแปดแสนบาท ให้วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีไปหกแสนบาท ให้วัดบ้านห้วยน้ำขาวไปหนึ่งแสนบาท และที่กำลังจะมอบให้คือวัดตานีนรสโมสร ที่เป็นกฐินปลดหนี้ จำนวนแปดล้านบาท

เพราะฉะนั้น..โยมไม่ต้องห่วงว่าให้เงินที่นี่แล้ว ที่นี่จะใช้เงินไม่เป็น อาตมาเป็นคนไม่เคยคิดถึงว่าพรุ่งนี้จะมีเงินใช้หรือเปล่า ? มีวันนี้ก็เอาหมดแค่วันนี้ คนก็เลยบอกว่าอาตมารวย ความจริงไม่ได้รวยหรอก เพียงแต่มีแล้วไม่เก็บ อาตมาเป็นคนที่ใช้เงินหมดแบบไม่เสียดาย และไม่คิดว่าพรุ่งนี้จะมีหรือเปล่า ?

บางวันก็ขำตัวเอง พระท่านมาขอเบิกเงินเดือนที่ไปเรียนหนังสือ ควักให้ท่านไปได้ครึ่งเดียว บอกว่าอีกครึ่งหนึ่งติดไว้ก่อน เพราะว่าเหลืออยู่แค่นี้ แต่ว่าในเรื่องของเงินเดือนพระภิกษุสามเณร แม่ชี ฆราวาสที่เรียน ปกติแล้วจะไม่เคยพลาด วันนั้นพอดีมีรายการพิเศษเข้ามา เทหมดกระเป๋าให้เขาไปก่อน ก็เลยทำให้พระท่านรับเงินเดือนช้าไปหนึ่งวัน”

เถรี
16-10-2020, 23:32
พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อวันทอดกฐินวัดท่าขนุน สิ่งหนึ่งที่ดีใจก็คือญาติโยมมีความเข้าใจได้ถูกต้องว่า กองกฐินนั้นสำคัญที่สุดตรงผ้า ส่วนอื่นต่อให้เป็นเงินเป็นทองมากมายขนาดไหน ก็เป็นแค่บริวารกฐินเท่านั้น ในเมื่อผ้ากฐินสำคัญที่สุด ก็ควรให้ความสำคัญกับผ้ามากกว่าเงิน

แต่ว่าระยะหลังนี้ผ้ากฐินมักจะโดนบิดเบือนความสำคัญไปโดยวัดหลายแห่งที่มีความต้องการเงิน ทำให้คนเข้าใจผิดในเรื่องของอานิสงส์กฐินว่า ถวายเงินมากก็จะได้บุญมาก หลังจากที่อาตมาพูดแล้วพูดอีกมาหลายปี เมื่อเห็นโยมมีความเข้าใจที่ถูกต้องก็ดีใจ

ญาติโยมไม่ว่าจะถวายเงินมากมายเท่าไรก็ตาม อย่าลืมว่าส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือผ้ากฐิน จะเป็นผ้าแค่กว้างคืบยาวคืบก็ดี ผ้าสบงผืนหนึ่ง ผ้าจีวรผืนหนึ่ง หรือผ้าสังฆาฏิผืนหนึ่งก็ดี หรือว่าจะเป็นผ้าครบไตรก็ตาม อย่างไรก็ต้องมีไปด้วย ไม่ใช่เอาแต่เงินทองข้าวของอื่นไป แล้วไม่มีผ้าไตรจีวร”

เถรี
16-10-2020, 23:32
“เมื่องานกฐินที่ผ่านมา ทางวัดท่าขนุนรับผ้าไตรไปน่าจะเกิน ๓๐๐ ไตร แต่ว่าญาติโยมก็ไม่ต้องหนักใจ เพราะว่าที่วัดนั้นมีการอุปสมบทหมู่บ่อยมาก และเวลาวัดอื่นมีการอุปสมบทหมู่เขาก็มาขอผ้าไตรไปบ่อยเช่นกัน ดังนั้น..ที่วัดท่าขนุนจะไม่มีผ้าเก่า เพราะว่าถึงเวลาของใหม่มา ก็จะหาทางถวายของเก่าออกไป

ช่วงต้นในการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ทางวัดท่าขนุนสละผ้าสบงจีวรไปเป็นคันรถ เพื่อให้ชุมชนสามแห่งก็คือ ชุมชนวังท่าขนุน ชุมชนริมฝั่งแควน้อย และชุมชนพัฒนาทองผาภูมิ นำไปตัดเป็นหน้ากากผ้า โดยมีเป้าหมายว่าอย่างน้อยทุกคนในชุมชนจะต้องมีหน้ากากคนละสองชิ้นขึ้นไป ถือว่าเป็นการใช้ผ้าไตรจีวรให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกแบบหนึ่ง ทำเอาญาติโยมหลายคนที่ไม่เคยใช้จักรเย็บผ้า ใช้จักรจนมีความคล่องตัวชนิดที่ไม่ต้องมองก็เย็บได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี”

เถรี
16-10-2020, 23:34
พระอาจารย์กล่าวว่า “ช่วงนี้อาตมากำลังติดตามปรากฏการณ์ไอ้ไข่อยู่ เนื่องจากว่าบ้านเรานั้นมักจะฮือฮาอะไรเป็นพัก ๆ อย่างเรื่องของท่านท้าวจตุคามรามเทพก็โด่งดังต่อเนื่องถึง ๒๐ ปี ก็คือจากปี พ.ศ ๒๕๓๐ ไปจนถึงปี พ.ศ ๒๕๕๐ หลังจากนั้นก็ซาลง เหลือแต่ท่านที่เคารพนับถืออย่างแท้จริงโดยไม่แฝงประโยชน์เท่านั้น

เทวดาระดับหัวแถวอย่างท่านท้าวจตุคามรามเทพยังยืนหยัดอยู่ในกระแสได้แค่ ๒๐ ปี แล้วไอ้ไข่ที่เทียบท่านไม่ติดเลย จะยืนหยัดได้กี่ปี ?

ที่สำคัญที่สุดก็คือ เราต้องไม่ลืมว่าสิ่งใดที่เราขอ แปลว่าเราต้องสร้างเหตุมาเพียงพอ..ผลถึงจะเกิด ถ้าหากว่าท่านสร้างเหตุไม่พอแต่ผลเกิด จะด้วยการดลบันดาลของไอ้ไข่หรืออะไรก็ตาม โปรดรอเวลาที่จะโดนเขาเอาคืนในส่วนที่ขาดของเราด้วย..! เปรียบได้กับการไปกู้เงินนอกระบบ เนื่องจากว่าเงินเราไม่พอคือสร้างเหตุไม่พอ แล้วเราไปกู้เงินนอกระบบให้ได้เงินมา ถึงเวลาเขาทวงคืนทั้งต้นทั้งดอกแล้วจะซาบซึ้งว่ารสชาติชีวิตเป็นอย่างไร..! อาตมาไม่ได้ขู่ เพียงแต่ชี้แจงให้ทราบเท่านั้นว่าอะไรเป็นอะไร”

เถรี
16-10-2020, 23:35
“ปรากฏการณ์ของไอ้ไข่ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา คนเรามักแสวงหาสิ่งที่ง่าย..ซึ่งฉาบฉวยไม่ยั่งยืน ละทิ้งการแสวงหาสิ่งที่ยาก..ที่มั่นคงและยั่งยืนไป จะด้วยความที่บารมีไม่เพียงพอหรือว่าขี้เกียจก็ตาม สิ่งเหล่านี้ยืนคู่สังคมไทยมาเป็นพันปีแล้ว เพราะว่าสังคมไทยแต่เดิมก็นับถือผีมาก่อน เมื่อพระพุทธศาสนาเผยแผ่เข้ามาถึงสุวรรณภูมิ เราก็ค่อย ๆ รับเอาในส่วนของพระเข้ามาแทน แต่ในส่วนของการนับถือผีก็ยังฝังรากลึกอยู่ใน DNA

สมัยที่หลวงปู่มั่นส่งบรรดาลูกศิษย์ออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในหมู่ชาวป่าชาวเขาซึ่งเขานับถือผี ผู้ที่ไปเผยแผ่ อย่างเช่นหลวงปู่ตื้อ หลวงปู่แหวน หลวงปู่ขาว ต้องใช้วิธีนำภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปให้เขาบูชา โดยบอกว่านี่เป็นหัวหน้าผี เป็นผีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ผีทั้งหมดต้องเคารพหัวหน้าผีเท่านั้น ถ้าเราบูชาหัวหน้าผีซึ่งในที่นี้คือพระพุทธเจ้า เราจะมีความสุขความเจริญอย่างแท้จริง

แล้วก็สอนให้บรรดาชาวเขาภาวนา ให้ภาวนาหาพุทโธ..พุทโธ ชาวเขาก็สงสัยว่าทำไมต้องหาพุทโธให้เจอ ? ท่านก็บอกว่าพุทโธเป็นดวงแก้วอันวิเศษ เป็นที่พึ่งได้ในสามโลก ใครหาพุทโธเจอ ชีวิตจะมีแต่ความสุขความเจริญ ไม่ต้องกลัวอะไรอีกเลย รุ่นหลวงปู่หลวงพ่อของเราต้องอ้างพระพุทธเจ้าเป็นผีเช่นกัน เพราะว่าความเชื่อในผีฝังรากลึกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

เถรี
18-10-2020, 10:10
พระอาจารย์สนทนากับพระครูปลัดกอล์ฟ (พระครูปลัดเฉลิมชาติ ชาติวโร พระธรรมวิทยากรไทย ในแดนพุทธภูมิ) “ท่านคงกลับอินเดียไม่ได้ง่าย ๆ หรอก โควิดระบาดน่ากลัว อินเดียเขาอยู่กันอย่างแออัดมาก การเว้นระยะห่างจึงเป็นเรื่องยากสุด ๆ สำหรับเขา ต้องบอกว่าสังคมอินเดียเอื้อต่อการระบาดของโควิดมาก

เรื่องที่น่าอัศจรรย์ที่สุดก็คือคนไทยเรานี่เอง คนไทยเราติดเชื้อโควิดเยอะมาก แต่ไม่ออกอาการ คนไทยที่ไปต่างประเทศโดนตรวจเจอทุกทีเลย โดยเฉพาะที่ไปประเทศญี่ปุ่น อาตมาเดาเอาว่าเกิดจากสองสาเหตุ สาเหตุแรกก็คือ เนื่องจากอาตมาเห็นว่าคณะผู้ทำให้เกิดโรคระบาดเป็นเทวดาสองชุด ชุดหนึ่งทำให้เกิดโรคระบาดสำหรับคน อีกชุดหนึ่งทำให้เกิดโรคระบาดสำหรับสัตว์ แล้วคนไทยสวดมนต์ไหว้พระกันเป็นปกติ เทวดาท่านเลยเกรงใจ แต่สาเหตุนี้ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ไม่ได้

ประการที่สองก็คือ ความโชคดีของเรา เพราะว่าเรามีฝุ่น PM ๒.๕ มานานก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้พวกเราใส่หน้ากากกันเป็นปกติ เมื่อถึงเวลาโควิดเข้ามา เราจึงติดกันน้อยมาก จนร่างกายปรับภูมิคุ้มกันทัน ในเมื่อปรับภูมิคุ้มกันทัน ก็ไม่รู้สึกว่าป่วย เลยไม่ไปให้หมอตรวจ ดังนั้นเลยไม่ทราบว่าติด แต่เวลาไปต่างประเทศ ต้องตรวจก่อนเข้าบ้านเขา แล้วก็เจอเชื้อทุกรายเลย เขาก็คงสงสัยว่าป่วยภาษาอะไรกัน ไม่เห็นเป็นอะไรเลย...!”

เถรี
18-10-2020, 10:14
“สาเหตุแรกในเรื่องของการสวดมนต์ไหว้พระ กรรมฐาน อุทิศส่วนกุศล น้องพลอย ลูกสาวที่เรียนอยู่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส อยู่กลางดงโควิดเลย เพื่อนในมหาวิทยาลัยเดียวกันก็ติดไปหลายคนแล้ว แต่น้องพลอยยังไม่เป็นอะไรเลย ก็บอกไปว่า “ลูกอย่าเผลอนะ อย่างไรก็ต้องสวดมนต์ไหว้พระ อุทิศส่วนกุศลทุกวัน”

ตอนนี้น้องพลอยจะเป็นผู้พิสูจน์ทฤษฎีว่า การสวดมนต์ไหว้พระ นั่งกรรมฐานจะทำให้ผีเกรงใจ โดยเฉพาะผีโรคระบาด”

ถาม : ที่นั่นเขาคงไม่กล้าปล่อยให้น้องพลอยติดโควิด ?
ตอบ : ไม่เป็นไรหรอก เป็นถิ่นของท่านเปแตง ถ้าท่านไม่ดูแลให้ คราวหน้าจะไปหวดซะ...!

ถาม : เข้าข่ายข่มขู่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ได้ข่มขู่ แค่ฝากแล้วไม่รับฝาก ของแค่นี้ขอกันไม่ได้ใช่ไหม..คราวหน้าก็อย่าเอาบุญเลย...!

เรื่องโควิดเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก แสดงให้เห็นว่าคนเราทำกรรมมา..อย่างไรก็ต้องรับ สมัยก่อนที่กาฬโรคระบาด ไข้หวัดใหญ่ระบาด ไข้เหลืองระบาด คนตายกันเป็นล้านเพราะว่าสมัยนั้นการสาธารณสุขยังไม่ดี แต่สมัยนี้การสาธารณสุขถึงระดับคำนวณด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์แล้ว ยังตายกันเป็นล้านอยู่อีก วันนี้เห็นยอดผู้ตายเกินล้านไปเท่าไรแล้วก็ไม่ทราบ แต่ส่วนที่ติดเชื้อนี่ ๓๗ ล้านกว่าคนแล้ว ในยุคที่การสาธารณสุขถือว่าดีมาก ยังเป็นโรคระบาดที่ทำให้คนตายเป็นล้านได้ เหลือเชื่อจริง ๆ ถ้าหากว่าตายในระดับ ๑ - ๒ แสนคนก็พอรับได้อยู่ แต่เป็นล้านนี่เยอะเกินไป

เถรี
18-10-2020, 10:16
ถาม : ผมได้ตะกรุดหลวงพ่อกวยมา ขอพระอาจารย์เมตตาพิจารณาให้หน่อยครับ เป็นตะกรุดแม่ทัพสามชั้น ?
ตอบ : ไม่น่าใช่

ถาม : ข้างในมีแกนพลาสติกด้วยครับ ?
ตอบ : คาดว่าคนใส่แกนพลาสติกเข้าไปเพิ่มทีหลัง ของที่หลวงพ่อกวยทำ ไม่น่าจะมี

ลายถักเสาเดี่ยวของหลวงพ่อกวยจะเฉียงกว่านี้ และถักหลายชั้นนี่น้อยครั้งที่จะปรากฎ ผมดูแล้วว่าไม่น่าใช่ แต่อาจจะเป็นของหลวงพ่อมุ่ยยุคหลัง ลูกศิษย์ของท่านถักในลักษณะเดียวกับของหลวงพ่อกวย ซึ่งต่างกันอยู่นิดเดียว ก็คือส่วนใหญ่แล้วหลวงพ่อกวยจะทำเนื้อเดียว แบบสองกษัตริย์ สามกษัตริย์ปรากฏยากมากเลย

เถรี
18-10-2020, 10:17
พระอาจารย์กล่าวว่า “การใช้ให้เลขาฯ ไปประชุมแทนไม่ดีตรงที่ว่า เลขาฯ แสดงความเห็นได้ไม่เต็มที่ เพราะไม่แน่ใจว่าถ้าพูดไปแล้วจะกระทบกระเทือนอะไรใครหรือเปล่า ? ลำบากเหมือนกัน เพราะคนอื่นยังวางกำลังใจไม่ถูก คือแยกไม่ออกว่าเวลาประชุมนั้น ๑ คนมี ๑ เสียงเท่ากัน เขายังเห็นว่าคนโน้นใหญ่ คนนี้มีฐานะสูงกว่า”

เถรี
18-10-2020, 10:20
พระอาจารย์กล่าวว่า “หลวงปู่มหาอำพันท่านเคยกล่าวเอาไว้ ‘โบราณบอกว่า ถ้าเดินทางโลก..ต้องคิดว่าเราไม่มีวันตาย..พยายามเสริมสร้างทุกอย่างให้ฐานะสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ ถ้าเดินทางธรรม..ให้คิดอยู่เสมอว่าวันนี้เราต้องตาย..พยายามตัด ปล่อยวางภาระทุกอย่างลงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้’ กลายเป็นตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เดินทางโลก..คิดว่าเราไม่ตาย เดินทางธรรม..คิดอยู่เสมอว่าเราต้องตาย การคิดว่าเราต้องตายอยู่เสมอ กับการคิดว่าเราต้องไม่ตาย เป็นคนละเรื่องกันเลย

แต่ว่าพวกเราส่วนใหญ่แล้วอยู่ในลักษณะของการเหยียบเรือสองแคม ก็คือเดินในทางโลกแต่ปฏิบัติธรรม ก็จะต้องหาสมดุลระหว่างเรือสองแคม คือสองลำนี้ให้ได้ ว่าจะเอาด้านไหน ทำอย่างไรจะรักษาความพอเหมาะพอดี โลกไม่ช้ำ..ธรรมไม่เสีย ซึ่งเป็นเรื่องที่ยาก

แต่ว่าการอยู่กับทางโลกมีความดีอย่างหนึ่งก็คือเห็นทุกข์ได้ง่ายที่สุด เพราะว่าไม่ว่าจากการดำเนินชีวิต หน้าที่การงาน หรือว่าครอบครัว ล้วนแล้วแต่นำพาทุกข์มาให้ เมื่อเป็นเช่นนั้นโอกาสที่จะเห็นทุกข์อย่างชัดเจน เกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ปลดใจของตนเองออกจากทางโลก มีสูงมาก..แต่สำเร็จน้อย เพราะว่าส่วนใหญ่คนเราที่คลุกคลีกับทางโลกจะโดนกระแสโลกดึงไป จำนวนมากต่อมากด้วยกันที่ต้านกระแสไม่อยู่ ก็ไหลตามกระแสไปยาวเลย”

เถรี
20-10-2020, 07:57
พระอาจารย์สนทนากับพระอาจารย์มหาเอ “เมื่อวันปลุกเสกของ ดร.มหาโรจน์ หลวงปู่สุ่น วัดบางปลาหมอท่านมา ท่านบอกว่า “งานข้า..แกควรที่จะไป” ก็เลยเรียนท่านว่า “แล้วสิ่งที่ผมขอพระไว้ละครับ ?” ท่านบอกว่า “ถ้าแค่นี้ไม่รู้จักแก้ไข แกก็อย่าใช้ฉายาสุธมฺมปญฺโญเลย..!” โห..ว่าเจ็บมากเลยครับหลวงปู่..!

ท้ายสุดก็เลย..แก้ก็แก้ ก็แค่เลื่อนการบวชออกไปหน่อย เลื่อนบวชไปเป็นตอนเช้าวันหล่อพระก็ได้เวลาสามวันเต็มแล้ว แต่งานนี้น่าจะเบากว่าคราวที่ผ่านมา เพราะว่าไม่ต้องขึ้นเขา ออกจากกรรมฐานมาแค่บวชเณร คราวนั้นตอนเดินขึ้นเขานี่ ขาไม่ค่อยอยากจะไปเลย...!

วันนั้นได้ท่านท้าวเวสสุวรรณท่านเมตตาสงเคราะห์คุมหลังให้ ไม่อย่างนั้นมีหวังได้หงายหลังลงไปบ้าง ปกติแล้วในท้าวมหาราชทั้งหมด ผมจะคุ้นเคยกับท่านท้าวธตรฐมากที่สุด เลยเป็นเรื่องแปลกที่ว่า กลายเป็นท่านท้าวเวสสุวรรณประกบแจเลย

อาจจะเป็นว่าที่ผ่านมาต้องนึกถึงท่านบ่อย อย่างช่วงที่ผ่าน ๆ มา ได้เสกท้าวเวสสุวรรณไปหลายรุ่น ก็ต้องขอให้ท่านช่วยทุกครั้ง”

ถาม : เหรียญสมเด็จฯ วัดไตรมิตรก็ใช่ ?
ตอบ : ของวัดไตรมิตรนั่นเต็ม ๆ เลย เขาทำท้าวเวสสุวรรณปางปาฏิหาริย์ สี่พักตร์แปดกร

เถรี
20-10-2020, 07:58
กรรมฐานคราวนี้น้ำหนักหายไป ๔ กิโลกรัม..! วันแรกไม่รู้สึกอะไร วันที่สองเริ่มแล้ว วันที่สามนี่รู้สึกเลย ผมบอกกับร่างกายแค่ว่าห้ามหิว จะเอาที่ไหนให้ไปหาเอาเอง สั่งร่างกายได้นี่ก็ตลก สั่งไปว่า “ห้ามหิว..รำคาญ..อยากได้ตรงไหนไปหาเอาเอง” โอ้โห..รู้สึกว่าโดนดึงพลังงานไปจากทั่วตัวเลย..!

ผมเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ถ้าอดข้าวสามวัน น้ำหนักจะหายไปประมาณสี่กิโลกรัม ผมเป็นคนที่น้ำหนักตัวขึ้นยากมาก กว่าจะได้สัก ๒ - ๓ กิโลกรัมนี่หลายปีเลย แต่พอลดทีหายไป ๔ กิโลกรัมเลย..!

กำลังรอดูอยู่ว่าถ้ามีทองเหลือจากการหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำ ผมอาจจะให้ย่อปางห้ามสมุทรลงมาขนาดเล็กเท่าพระพุทธลีลาประทานพรองค์ทองคำ แล้วดูว่าต้องใช้ทองคำเท่าไร เผื่อว่าจะได้ทำอีกองค์ องค์เงินเราทำแน่ แต่องค์ที่ย่อลงมาเป็นทองคำนี่กำลังรอดูอยู่ ถ้าต้องหาทองเพิ่มไม่มากนักก็จะสร้าง

เถรี
20-10-2020, 08:01
ถาม : หลวงพ่อคะ ตัวนี้เป็นตัวอะไร ?
ตอบ : อุ อะ มะ

ส่วนใหญ่ ‘อะ อุ มะ’ เขาใช้แทนพระรัตนตรัย มาจาก อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ตัดคำว่า ‘อะ’ มา อุตตะโม ธัมมะมัชฌะคา ตัดคำว่า ‘อุ’ มา มะหาสังโฆ ปะโพเธสิ ตัดคำว่า ‘มะ’ มา ก็เลยเป็น ‘อะ อุ มะ’

คราวนี้พวกเราเลียนแบบลอกแบบ ยังไม่สามารถที่จะเข้าถึงได้อย่างแท้จริง ก็เหมือนกับเด็กหัดคัดลายมือ ต้องทรงสมาธิแล้วเขียน เขียนเสร็จแล้วต้องใช้ได้เลย คำว่าใช้ได้คือ ต้องมีอานุภาพเลย แล้วการที่จะใช้ได้ต้องเข้าถึงด้วยว่าแต่ละอย่างมาจากไหน เพราะฉะนั้นโบราณท่านเขียนไป ภาวนาไป ลบผงไป เริ่มตั้งแต่ ปถมังพินธุกังชาตัง ทุติยังทัณฑะเมวะจะฯ ไล่ไปเรื่อย

อาตมาไม่ได้เรียนหรอก ฟังพระครูแสงท่านเรียนแล้วอาตมาจำได้หมด คนเรียนป่านนี้ก็ลืมไปหมดแล้ว ตอนช่วงวัยรุ่นกำลังคลุ้มคลั่ง ครูบาอาจารย์ท่านเก่ง ลบผงทะลุกระดานได้ ก็อยากทำบ้าง ก็ไปไล่เขียนไล่ลบผงกัน ไม่ว่าจะเป็น ปถมัง อิทธิเจ ตรีนิสิงเห มหาราช เสียดายก็ตรงที่ว่าพระครูแสงท่านสนใจอะไรไม่นาน

เถรี
20-10-2020, 08:06
พระอาจารย์ประกาศว่า “เรื่องการหล่อพระปัจเจกพระพุทธเจ้า จากการที่ช่างหล่อลงทุนหลอมเอาขี้ผึ้งที่ปั้นต้นแบบออกมาชั่งน้ำหนัก คำนวณออกมาเป็นเม็ดเงิน ๕๕๕ กิโลกรัม แปลว่าลดจำนวนเม็ดเงินที่ต้องใช้ลงไปเกือบครึ่งหนึ่ง จากที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะต้องใช้ทั้งหมดหนึ่งตัน แต่เพื่อความปลอดภัยที่สุด ช่างบอกว่าให้เตรียมเม็ดเงินเอาไว้ ๖๐๐ กิโลกรัม

เราไม่ต้องซื้อเม็ดเงินเพิ่ม เพราะว่าจากการที่ให้ญาติโยมแลกเม็ดเงินกับพระกริ่งสะท้านไตรภพทั้งเนื้อเงินและเนื้อทองแดง ตอนนี้ทางวัดมีเม็ดเงินอยู่ประมาณ ๘๕๐ กิโลกรัม คราวนี้ถ้าเราใช้ ๖๐๐ กิโลกรัม ก็ยังเหลืออีก ๒๕๐ กิโลกรัมสำหรับหล่อพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรทรงเครื่อง ซึ่งถ้าหากว่าขาดเหลือเท่าไร ตอนนั้นค่อยไปซื้อหาเพิ่มเติมทีหลังได้ เมื่อถึงเวลานั้นแล้วราคาเม็ดเงินน่าจะตกลงมาบ้าง

เราจะหล่อพระปัจเจกพระพุทธเจ้าที่เป็นพระรวย ญาติโยมก็เลยซื้อเม็ดเงินกันแพงมาก..! กิโลกรัมละ ๒๘,๐๐๐ - ๒๙,๐๐๐ กว่าบาท โดยเฉลี่ยรวมกันแล้วประมาณกิโลกรัมละ ๒๙,๐๐๐ บาท นับว่าเป็นรายจ่ายที่มหาศาลทีเดียว ถ้าไม่ได้ญาติโยมทั้งหลายช่วยกันนำเม็ดเงินมาแลกกับพระกริ่งสะท้านไตรภพ ทางวัดท่าขนุนก็คงจะต้องขนเอาเงินเก็บทั้งหมดที่มีไปซื้อเม็ดเงินเอง

ตอนนี้กำลังรอดูระยะเวลาที่เหมาะสม ถ้าหากว่าช่างปั้นแบบพระปางห้ามสมุทรทรงเครื่องเนื้อเงินเสร็จ เราก็จะสามารถกำหนดได้ว่าจะหล่อพระองค์ท่านในช่วงไหน ซึ่งเป็นปีหน้าแน่นอน”

เถรี
20-10-2020, 08:15
พระอาจารย์กล่าวว่า "การสื่อสารสมัยใหม่ อยู่ใกล้ไกลแค่ไหน ก็เหมือนกับอยู่ต่อหน้า เพราะว่าแค่ปลายนิ้วจิ้มก็ส่งถึงกันได้แล้ว แต่ก็ทำให้คนใจร้อน ใจเร็ว รอไม่ได้ ทนไม่ได้ ซึ่งผิดหลักการปฏิบัติธรรม ในเมื่อ อดไม่ได้ ทนไม่ได้ รอไม่ได้ เย็นไม่ได้ ทำอะไรโอกาสผิดพลาดก็จะมีสูงมาก"

เถรี
20-10-2020, 08:16
พระอาจารย์กล่าวว่า "วงการสงฆ์สูญเสียพระมหาเถระอีกรูปหนึ่งแล้ว หลวงปู่พระสาสนโศภณ วัดสุทธจินดาวรวิหาร มรณภาพด้วยอายุ ๙๗ ปี ท่านเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๘ (ธรรมยุต) สมณศักดิ์พระสาสนโศภณ เป็นตำแหน่งพระราชาคณะ ชั้นเจ้าคณะรองหิรัญบัฏ"

เถรี
20-10-2020, 08:20
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมามีแมลงพญาภู่คำที่ใช้งานอยู่ ๔ คู่
คู่ที่หนึ่ง...วัชระกับวายุ ดูแลรถยนต์คันที่นั่ง
คู่ที่สอง...อู่เงินกับอู่ทอง ดูแลกุฏิเจ้าอาวาส
คู่ที่สาม....คำแก้วกับคำกอง ดูแลที่พักที่วัดท่ามะขาม
คู่สุดท้าย....ทองอยู่กับทองมา ดูแลสำนักงานเจ้าอาวาสที่วัดท่าขนุน

แต่ละคู่นี่นิสัยไม่ได้เหมือนกันเลย บางคู่ก็เฮี้ยวสะบัด บางคู่ก็เรียบร้อยอย่างกับผ้าพับไว้ แต่ปรากฏว่าตอนเจริญกรรมฐาน ๓ วัน ด้วยความที่โดนมาจนชินแล้ว ก็เลยสั่งคุณอู่เงินกับอู่ทองที่ปกติโคตรจะเรียบร้อยเลยว่า ถ้าหากว่า ๓ วันนี้ใครเล่นไสยศาสตร์ใส่ ให้เอาคืนเต็ม ๆ ไปเลยนะ ไม่ต้องยั้ง

ปรากฏว่าพอเสียงตูมเข้ามา หันไปดู..พ่อสองคนสวนควันปืนไปยันไหนแล้วก็ไม่รู้ อะไรวะ...? ไอ้คนที่เรียบร้อยสุด ๆ กลายเป็นดุเดือดขนาดนี้ได้อย่างไร ก็เลยเพิ่งจะเข้าใจว่า ถ้าสั่งไว้จะเป็นอีกอย่างหนึ่ง แต่ถ้าโดยนิสัยจะเป็นอีกอย่างหนึ่ง ก็เลยได้แต่สำทับต่อท้ายไปว่า อย่าให้ถึงตายนะ..!

ฉะนั้น..ถ้าหากว่าญาติโยมสังเกต จะเห็นว่าบรรดาครูบาหลายท่าน ถึงเวลาเข้านิโรธกรรม ตอนจะออก มักจะนิมนต์อาตมาไปเป็นประธานในงาน อันนั้นก็คือไปเป็นไม้กันหมา เพราะว่าร่างกายเพลียมาหลายวัน บางทีคิดอะไรยังไม่ออกเลย ทำอะไรไม่ทัน ก็เลยทำให้ต้องหาคนที่มั่นใจว่าช่วยให้ตัวเองปลอดภัยได้ ไปนำออกมา

อาตมาก็เลยต้องไปล่อเป้ามาตั้งแต่ยุคแรก ๆ แล้ว ใหม่ ๆ ก็โดน ก็ใช้วิธี "เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย" ทนเอา พอทนเอา ครั้งที่สองก็โดน ครั้งที่สามก็โดน กูไม่ทนอีกแล้ว ให้รู้ซะบ้างว่าไผเป็นไผ..! ว่าแล้วก็สวนซะหงายเก๋งไปเลย

ทางสายเราไม่ต้องตอบโต้ไสยศาสตร์อะไรมาก รับยันต์เกราะเพชรมาแล้ว แค่ปลุกยันต์ก็จบแล้ว แต่ทำให้เห็นว่าวัตถุมงคลนั้น ถ้าหากว่าปลุกเสกถูกต้องตามวิธีการ เทวดาที่รักษาท่านก็เหมือนกับคน แต่ละท่านจริตนิสัยไม่เหมือนกัน ที่เรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้ก็มี ประเภทดุเดือดจนต้องคอยห้ามอยู่ตลอดเวลาก็มี"

เถรี
20-10-2020, 08:22
พระอาจารย์กล่าวว่า "แจ้งยอดกฐินปลดหนี้ไปว่า ๘ ล้านบาท ท่านเจ้าคุณชรัช (พระสิริจริยาลังการ ชรัช อุชาุจาโร) เจ้าอาวาสวัดตานีนรสโมสร (พระอารามหลวง) สะดุ้ง ถามว่าทำไมเยอะนัก ? ปัตตานีเป็นที่อันตราย ชาวพุทธมีน้อยมาก มีอิสลาม ๙๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ เราต้องเอาไปให้มากที่สุด ท่านจะได้ทำงานสะดวกหน่อย"

เถรี
21-10-2020, 19:54
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้บรรดานักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ขะมักเขม้นค้นหาวัคซีน เพื่อที่จะเอาไว้กันไวรัสโควิด-๑๙ แต่มีจุดตายตรงที่ว่า โควิด-๑๙ มีอาการเหมือนโรคเอดส์กับโรคซาร์สร่วมมือกัน ก็คือทำลายปอดเหมือนกับโรคซาร์ส ทำลายภูมิคุ้มกันเหมือนกับโรคเอดส์ ก็เลยทำให้สร้างวัคซีนได้ยากมาก

คราวนี้มีคนเสนอว่า มีใครเห็นปลาฉลามป่วยตายบ้างไหม ? ในเมื่อไม่มี แสดงว่าเลือดปลาฉลามอาจจะใช้ในการสกัดสารออกมา เพื่อที่จะทำวัคซีนกันไวรัสโควิด-๑๙ ได้ ถ้าลักษณะอย่างนี้ละก็...ไม่ใช่แต่ฉลามที่จะซวย จระเข้ก็อาจจะซวยไปด้วย ถ้าหากว่าโยมสังเกต เวลาไปเที่ยวฟาร์มจระเข้ บ่อจระเข้สกปรกสาหัสเลย จระเข้มักจะกัดกันเป็นบาดแผลเยอะแยะไปหมด แล้วก็นอนแช่อยู่ในน้ำสกปรกนั่น แต่ไม่เห็นจะเป็นอะไร เขาว่าเลือดของจระเข้อาจจะมีสารต่อต้านพวกเชื้อโรคได้ดีเหมือนกัน"

เถรี
21-10-2020, 20:05
"แต่ลักษณะนี้เป็นการคิดแบบมักง่าย อย่าลืมว่าฉลามกับจระเข้เป็นสัตว์ ทำไมไม่คิดค้นยาจากพืชกันบ้าง ถ้าเป็นอาตมาจะมองหาพืชชนิดไหนที่ตายยากตายเย็นที่สุด ตั้งแต่สมัยอาตมายังเด็กอยู่ก็โน่นเลย..หญ้าคา ตายยากสุด ๆ หญ้าคานี่ต้องขุดดินขึ้นมาเลย แล้วก็ดึงเอาราก ดึงเอาหน่อขึ้นมาทั้งหมด ไม่อย่างนั้นต่อให้มีเหลืออยู่แม้แต่เส้นเดียว ก็ขึ้นเป็นต้นใหม่ได้

ปัจจุบันนี้ที่งอกงามได้ในทุกสถานที่คือไมยราบเลื้อย น่าจะลองหาวัคซีนจากพวกพืชมากกว่า แต่ถ้าจะใช้ลักษณะอย่างนี้ของเรา ต้องใช้ระบบอายุรเวชของอินเดีย แพทย์แผนโบราณของจีน แล้วก็แพทย์แผนโบราณของไทย เอามาวิเคราะห์รวมกันว่า มีสูตรยาอะไรที่รักษาเกี่ยวกับโรคปอด แล้วช่วยให้ภูมิคุ้มกันร่างกายดีขึ้น

อย่างอาตมาก็ได้ยาผีบอก ว่าให้ใช้หนุมานประสานกายต้มน้ำกิน ไม่ใช่ยารักษาโรคโดยตรง แต่ว่าบำรุงปอด คราวนี้หนุมานประสานกายเป็นด้านพืช ถ้าเป็นทางด้านสัตว์ ท่านให้ใช้รังนกนางแอ่น คราวนี้ก็เบียดเบียนสัตว์อีก นกนางแอ่นทะเลสร้างรังด้วยน้ำลาย แต่ก็มีนกนางแอ่นที่สร้างรังด้วยดินโคลน พวกที่สร้างรังด้วยน้ำลายนี่น่าสงสาร สร้างเสร็จก็โดนแซะเอารังไป แทบจะไม่มีโอกาสแพร่พันธุ์"

เถรี
21-10-2020, 20:08
"รังนกชั้นหนึ่ง เขาบอกว่าสีขาวเหลืองใส รังนกชั้นสอง สีขาวเหลืองใสมีสิ่งเจือปนนิดหน่อย ส่วนรังนกชั้นสามนี่ดูไม่ได้ เพราะว่านกคายน้ำลายจนไม่เหลือแล้ว บางทีออกมาเป็นก้อนเลือดเลย..! ถ้าถึงระดับนั้นแล้วยังไปเก็บรังของเขาอีก ก็ต้องบอกว่าโหดเกินไป

ทางด้านแถววัดช่องลม มีชาวบ้านเขาเสียสละตึกให้เป็นที่อยู่ของนกนางแอ่น ตอนแรก ๆ ก็เป็นนกธัมมะธัมโม มายึดโบสถ์เลย ยึดโบสถ์เป็นที่สร้างรัง เวลานกเขาทำรังจะต้องดูว่าสถานที่นั้นปลอดภัยสำหรับเขา ที่ปลอดภัยที่สุดก็โบสถ์นั่นแหละ ก็เลยกลายเป็นนกเข้าโบสถ์ ถึงเวลาพระสวดมนต์ก็มีเสียงนกประท้วง

ที่เล่ามาตั้งเยอะตั้งแยะเพื่อที่จะบอกว่า วัคซีนกันไวรัสโควิด-๑๙ ยังอีกไกล แล้วตอนนี้ใบสั่งซื้อจากบรรดาประเทศมหาอำนาจ ประเทศที่มีเงิน สั่งซื้อมาเป็นพันล้านโดสแล้ว..!"

เถรี
21-10-2020, 20:18
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้อาตมากำลังให้ ดร.แม่ชีกุลภรณ์ที่วัด ร่างโครงการอบรมภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและการท่องเที่ยว เพราะว่าส่งพระส่งแม่ชีจบปริญญาเอกหลายรูปแล้ว อยู่ว่าง ๆ เดี๋ยวจะคลุ้มคลั่ง ต้องหางานให้ทำ ก็เลยจะให้ช่วยสอนภาษาอังกฤษเด็ก ๆ แต่คราวนี้ถ้าสอนลักษณะการติวหนังสือจะยากมาก เพราะว่าเด็กหลายระดับชั้นเรียนด้วยกัน ก็เลยใช้เป็นโครงการอบรมในลักษณะของการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารและการท่องเที่ยว อย่างน้อย ๆ เขาจะได้คุยภาษาอังกฤษได้

คนไทยเราอ่อนภาษาอังกฤษ ในเมื่ออ่อนภาษาอังกฤษ ก็ต้องมีการอบรมกันเป็นพิเศษ เพราะว่าการไปเรียนต่างประเทศ มีทั้งสอบ TOEFL สอบ IELTS สอบ GIE สารพัด อาตมาเสียเงินให้ลูกเจนนี่ไปสอบ ๓ ยกแล้ว บอกว่าให้ไปหาประสบการณ์ ความจริงคะแนนเขาสูงพอที่จะยื่นเข้า MIT ตามที่ตั้งใจแล้ว แต่ว่าอาตมาให้ไปสอบใหม่ เอาประสบการณ์ บอกเขาว่าต่อให้ไม่ได้ใช้หรือสอบไม่ได้ ก็ต้องรู้ว่าข้อสอบของเขาหน้าตาเป็นอย่างไร ถึงเวลาจะได้บอกคนรุ่นต่อไปให้เตรียมตัวได้"

เถรี
21-10-2020, 20:57
พระอาจารย์กล่าวว่า "การปลุกเสกวัตถุมงคลแต่ละครั้ง ต้องแล้วแต่พระท่านเลย ถ้าพระพุทธเจ้ามีเวลา พระองค์ท่านก็เสด็จเอง ซึ่งปรากฏน้อยมาก

คราวนี้สายของหลวงพ่อวัดท่าซุงได้เปรียบตรงที่ว่าเรารู้จักพระพุทธเจ้า ถ้าเป็นฆราวาสก็เหมือนสนิทสนมกับนายกรัฐมนตรี สามารถที่จะเชิญกันได้ คราวนี้ถ้าพระองค์ท่านไม่ว่าง ก็จะมอบหมายให้พระอรหันต์องค์ใดองค์หนึ่ง หรือพระโพธิสัตว์องค์ใดองค์หนึ่งมาแทน และถ้าล้วนแล้วแต่ติดภารกิจสำคัญ มีบางครั้งนี่ไปกันเกลี้ยง สวรรค์จะร้างเอา ถ้าอย่างนั้นก็จะมอบหมายให้ท้าวสหัมบดีพรหม หรือไม่ก็ท่านปู่พระอินทร์ดูแลในงานแทน"

เถรี
21-10-2020, 20:59
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ นี้ เป็นวันคล้ายวันเกิดปีที่ ๙๐ ของหลวงพ่อเจ้าคุณไพบูลย์ (พระธรรมคุณาภรณ์) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ทางวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีเขาจัดทอดผ้าป่า ร่วมทุนการศึกษาและสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ญาติโยมร่วมกันบูชาวัตถุมงคลในเว็บวัดท่าขนุนไปห้าแสนกว่าบาท อาตมาเองก็เติมไปเป็นหกแสนบาทถ้วน

คราวนี้วันที่ ๕ พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี นิมนต์ไปเสกเหรียญ ๙๐ ปีหลวงพ่อไพบูลย์ ก็ปรากฏว่าพอขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ ท่านก็ให้หลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว ลูกศิษย์หลวงปู่ยิ้มมา กับหลวงพ่อสอน วัดทุ่งลาดหญ้า นั่นก็ลูกศิษย์หลวงปู่ยิ้มเหมือนกัน มีการย้ำอีกด้วย บอกว่า "ให้เจ้าคุณไปเสกเหรียญเจ้าคุณ" จึงกราบเรียนว่า "ถ้าอย่างนั้นขอท่านเจ้าคุณพระมงคลสิทธิคุณด้วยครับ ไหน ๆ เมื่อลูกศิษย์มาแล้ว ก็ขออาจารย์ปู่อีกสักท่านด้วยครับ" จึงขอได้หลวงปู่ยิ้มมาอีกรูปหนึ่ง ถึงได้บอกว่า บางทีเราต้องขอแล้วขออีกกว่าที่จะได้

แต่ว่าอย่างงานของพระครูบ่าวที่วัดท่ามะขามนั่น แทบจะไม่มีเครื่องบูชาอะไรเลย โห..พระเถระกาญจนบุรีแห่มากันหมดแล้ว ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่คาดได้ แต่หวังไม่ได้ แล้วแต่ว่าพระท่านจะให้ใครมาช่วยสงเคราะห์"

เถรี
21-10-2020, 21:01
ถาม : หลวงปู่สอนเป็นเจ้าคุณหรือครับ ?
ตอบ : เจ้าคุณพระกาญจนวัตรวิบูล เจ้าคุณสมัยโน้นราคาแพงมากนะ สมัยนี้เจ้าคุณได้กันง่าย สมัยโน้นทำงานกันหน้ามืดกว่าจะได้ หลวงปู่เหรียญก็เจ้าคุณพระโสภณสมาจารย์

เถรี
21-10-2020, 21:25
โยมมากราบขอพร เนื่องในโอกาสที่จะแต่งงาน "ขอพร ? ขอให้ทนอยู่ได้นาน ๆ แล้วจะรู้ว่านรกมีจริง..! ตอนนี้ก็ซ้อมหัดพูดคำว่า "ดีจ้ะ" "ได้จ้ะ" "ครับ ๆ" เอาไว้แค่นั้นก็พอ ตลอดชีวิตการแต่งงาน อย่าพูดอะไรมากกว่านี้ แล้วจะมีความสุขเอง"

เถรี
21-10-2020, 21:29
พระอาจารย์กล่าวว่า "ที่ญาติโยมเห็นก็คือพระนักเรียนบาลีของทางวัดท่าขนุน ซึ่งตอนนี้ท่านที่อยู่ทางวัดปากน้ำก็หยุดการเรียนชั่วคราว เพราะว่าป่วยไข้ ที่อยู่ทางวัดสามพระยาก็โดนอาตมาดึงตัวไปเป็นเจ้าอาวาส ก็เหลืออยู่ที่วัดเหนือ (วัดเทวสังฆาราม) จังหวัดกาญจนบุรี ปีที่แล้วสอบตก ไม่ติดแม้แต่ซ่อม ก็เหลืออยู่ทางด้านสหบาลีศึกษา จังหวัดนครปฐม ๘ รูป สูงสุดกำลังเรียนประโยค ๗ ต่ำสุดเรียนประโยค ๑ - ๒ เพราะว่าเพิ่งจะเข้าเรียนปีนี้เอง

ปีนี้วันที่ ๑๔ มีมหาไบรท์กับมหาเสริฐ จะไปรับพระราชทานพัดเปรียญธรรม ๖ ประโยค จากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ต้องบอกว่าเป็นเกียรติประวัติแก่ตนเองและวงศ์ตระกูล

ที่อาตมาขำมาก แต่ถ้าหัวเราะอาจจะเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก็คือพระมหาปัญญา ธมฺมวีโร เปรียญธรรม ๖ ประโยค เลขานุการเจ้าคณะอำเภอพนมทวน ท่านไปรับพัดประโยค ๖ เป็นพระรูปเดียวที่ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ต้องน้อมพระวรกายลงไปหา เนื่องจากว่าท่านสูงแค่ประมาณ ๑๒๐ เซนติเมตรเท่านั้น พวกเราก็เลยพูดกันขำ ๆ ว่า คนอื่นต้องทำความเคารพพระเจ้าแผ่นดิน ของคุณพระเจ้าแผ่นดินต้องน้อมพระวรกายลงมา เป็นอะไรที่พูดกันเล่น ๆ ว่า เออ...บารมีท่านสูง

เปรียญธรรม ๖ ถ้าหากว่ารับพระครู ก็ขึ้นด้วยคำว่า ศรี อย่างเช่น พระครูศรีธรรมวราภรณ์ พระครูศรีกิตติสุนทร
ประโยค ๓ พระครูปริยัติ เช่น พระครูปริยัติกาญจนโชติ พระครูปริยัติกาญจนโสภณ พระครูกาญจนปริยัติคุณ
ประโยค ๔ พระครูสุต เช่น พระครูดิลกสุตคุณ พระครูกาญจนสุตคุณ พระครูวิธานสุตาภิรม
ประโยค ๕ พระครูสิริ เช่น พระครูสิริปัญญาวิบูล พระครูสิริวรรณโสภิต พระครูสิริสารคุณ"

เถรี
21-10-2020, 21:33
"การสอบเปรียญธรรม ประโยค ๗ เป็นประโยคที่ยากที่สุด ถ้าผ่านประโยค ๗ ไปได้ ประโยค ๘ สบายเลย ประโยค ๙ ก็อาจจะสบายไปด้วย เพราะว่าเรื่องฉันท์บาลีนั้นยากมาก เราแต่งฉันท์ภาษาไทยยังยากเลย เด็กรุ่นหลังไม่เป็นเลย ถึงเวลาก็ "หลวงพ่อช่วยหน่อย" อาตมาก็แต่งให้เขาไปเรื่อย เขายังไม่รู้เลยว่าอินทรวิเชียรฉันท์ วสันตดิลกฉันท์ต่างกันตรงไหน ในเมื่อไม่รู้ความต่าง แล้วจะไปแต่งได้อย่างไร เพราะว่ารูปแบบก็ยังไปไม่ได้ ครุ-ลหุ เป็นอย่างไร สัมผัสนอก สัมผัสใน ไม่ได้หมดเลย แต่ว่าเรื่องนี้ต้องยอมรับว่ายากจริง ๆ

หลวงพ่อเจ้าคุณสมบูรณ์ ตอนนี้เป็นพระเทพสาครมุนี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร ประโยค ๙ อย่างเดียวท่านสอบอยู่ ๑๔ ปี ท่านสอบได้ตอนอายุเกือบ ๕๐ ปี ตอนนั้นท่านเป็นเลขานุการเจ้าคณะจังหวัด งานทั้งจังหวัดมาลงที่ท่านหมด ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ ไม่มีเวลาเรียนหนังสือ ท่านก็อ่านเอง ทำเองอะไรไปเรื่อย

ถามท่านว่า "หลวงพ่อสอบได้อย่างไรครับ ?" ท่านว่า "เขาออกจนไม่มีอะไรจะออกแล้ว" มาออกซ้ำของเดิม ท่านเลยทำได้ แต่ก็ต้องรอจนผ่านไป ๑๔ ปี แต่จริง ๆ แล้วท่านพูดเล่น ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก สมมติว่าให้แต่งฉันท์เฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ ๙ ต่อให้คุณบอกว่าแต่งฉันท์ซ้ำของเดิม แต่ปีก็เปลี่ยนไป อายุก็เปลี่ยนไป ถ้าเขาระบุมาก็เรียบร้อย อย่างไรก็ไม่มีทางซ้ำของเดิมหรอก"

เถรี
21-10-2020, 22:15
ถาม : บุคคลที่ต้องการใบอนุโมทนาบัตร อานิสงส์จะต่างกับไม่เอาหรือไม่คะ ?
ตอบ : บางทีกำลังใจเขาจะดีถ้าได้เห็นใบอนุโมทนาบัตร ก็คือเกิดความรู้สึกว่าเราได้ทำบุญตรงนี้แล้ว เพราะฉะนั้น..กำลังใจต่างกันหรือไม่ต่างกันอยู่ที่ว่า คนนั้นเขายังยึดอยู่หรือเปล่า ? ถ้าเขายังยึดอยู่ว่าต้องมีใบอนุโมทนาบัตร ถ้าเขาได้ไป เขาก็จะรู้สึกดีกว่า

ถาม : ขึ้นอยู่กับเจตนาไหมคะ เจตนาเพื่อไปลดหย่อนภาษี ?
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเรียกว่า เจตนาขาดความบริสุทธิ์ไปนิดหนึ่ง อานิสงส์ลดไปหน่อย เพราะว่าการทำบุญต้องเจตนาบริสุทธิ์ วัตถุทานบริสุทธิ์ ผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์ คราวนี้เราเจตนาว่าเราทำแล้วจะเอาไปลดภาษี ก็ไม่ค่อยจะตรงไปตรงมา

ถาม : กรณีคนที่เขาทำอย่างนั้น...?
ตอบ : ไม่เป็นไรหรอก ให้เขาทำไปเถอะ เพราะว่าอย่างน้อยเขาได้ทำบุญ ไม่ได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ได้สัก ๘๐ เปอร์เซ็นต์ก็ยังได้ทำ

ถาม : แต่ไม่รับก็ดีกว่าใช่ไหมคะ ?
ตอบ : รับไว้ก็ได้ แต่ไม่ใช่รับไว้เพื่อตั้งใจไปเอาคืนภาษี

เถรี
21-10-2020, 22:24
พระอาจารย์กล่าวถามว่า "๑ บวก ๑ ได้เท่าไร ? โดยทั่วไปคำตอบคือ ๒ นั่นเป็นคณิตศาสตร์แบบเด็ก ๆ สมมติว่าเราเอาดิน ๑ กอง รวมกับดิน ๑ กอง จะได้กี่กอง ? นี่ ๑ บวก ๑ เป็น ๑ นะ

ขนมครก ๑ ฝา รวมกับขนมครกอีก ๑ ฝา รวมเป็นขนมครก ๑ คู่ ขึ้นอยู่กับบริบทเฉพาะหน้า คำตอบทุกอย่างไม่ใช่โจทย์คณิตศาสตร์ จะได้ตายตัว ฉะนั้น...ทิดดอยก็เลยเครียด

การเรียนระดับปริญญาโท ปริญญาเอกจะเปิดวิธีคิดให้กับเรา แต่คราวนี้วิธีคิดทั้งหมด คิดแล้วไม่จบ วิธีคิดของพระพุทธเจ้าคิดแล้วจบ"

เถรี
21-10-2020, 22:26
"ถ้าหากว่าใช้วิธีคิด ไม่ว่าจะแบบของฝรั่ง แบบของไทย คิดแบบตรรกะ คิดแบบหนึ่งชั้น สองชั้น สามชั้น คิดแบบแยกแยะ คิดแบบเอาเหตุเอาผล คิดด้วยมุมมองของคนภายนอก

ของพระพุทธเจ้าท่านให้มองตัวเอง ดูที่ใจของเรา แก้ที่ใจของเรา ใจของเรามีความชั่วอยู่หรือไม่ ? ถ้ามีก็ขับไล่ออกไป แล้วระมัดระวังไว้อย่าให้เข้ามา ใจของเรามีความดีอยู่หรือไม่ ? ถ้าไม่มี ก็ทำให้มีขึ้นมา ถ้ามีอยู่แล้ว ก็ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ต่างกันอยู่แค่นี้เอง ก็คือ แนวคิดทางโลก คิดแล้วไม่จบ จะกว้างบานปลายไปเรื่อย ๆ แนวคิดทางธรรมคิดแล้วจบ เป็นการย้อนเข้าหาต้นน้ำ

สรุปว่าปฏิบัติธรรมทั้งชีวิต เอาแค่นั้นก็พอ หาความชั่วให้เจอ ละความชั่วให้ได้ สร้างความดีให้เกิด ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ดูแล้วงานปฏิบัติธรรมมีนิดเดียว แล้วทำไมทำกันยากเย็นนัก ? สำคัญตรงที่ว่าเราต้องทำจริง ดูที่ตัวเอง แก้ที่ตัวเอง อย่าไปดูที่คนอื่น"

เถรี
21-10-2020, 22:35
"เรื่องของคนอื่นเป็นเรื่องของโลก เราแก้ไขโลกไม่ไหวหรอก โลกหนักเกิน ต้องแก้ไขที่ตัวเรา อะไรเกิดขึ้นก็ตาม ดูว่าเรามีอะไรผิดพลาด ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เรื่องนี้ถึงได้เกิด เราทำอะไรถูกต้อง ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เรื่องนี้ถึงได้เกิด แล้วก็เลือกเอาในส่วนที่ถูกต้องมาทำ ละในส่วนที่ไม่ถูกต้องไป

แรก ๆ ก็ต้องเกาะดีละชั่ว เกาะดีละชั่วไปเรื่อย ท้ายที่สุดก็ไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว..จบ ต้องเกาะก่อนนะ อาตมาขอยืนยัน ใครว่าอาตมาสอนให้ยึดติด คนเราถ้าไม่เกาะแล้วจะเอาอะไรมาละ มาปล่อย ? ต้องเกาะก่อน ถึงจะปล่อยได้ ก็เลยให้เกาะดีไปเรื่อย เดี๋ยวพอดีเต็มที่ ก็เลิกเกาะดีไปเอง

คำว่า "เลิกดี" ไม่ได้เลิกทำ ยังคงทำอยู่ เพื่อความไม่ประมาท เพื่อเป็นเนติคือแบบอย่างให้กับคนรุ่นหลัง ทำดีเพราะสิ่งนี้นักปราชญ์สรรเสริญว่าดีเราจึงทำ ละชั่วเพราะว่าสิ่งนี้นักปราชญ์ทั้งหลายมีความเห็นพ้องกันว่าเป็นความชั่วเราก็ละ แต่เราไม่ติดทั้งดีทั้งชั่วแล้ว ผ่ากลางตรงไปเลย มีช่องเล็ก ๆ อยู่นิดเดียว ไปผิดจังหวะ ก็ชนผนังหัวแตก ซ้ายก็ไม่ได้ ขวาก็ไม่ได้ มัชฌิมาปฏิปทา ตรงกลางเป๊ะเลย"

เถรี
21-10-2020, 22:37
ถาม : ความอิจฉาริษยาที่ยังอยู่ในใจเรานั้นฝังรากลึกเหลือเกินเจ้าค่ะ มีธรรมะข้อไหนที่จะช่วยปลดเปลื้องออกไปได้มากที่สุดบ้างคะ ?
ตอบ : ไปนึกบ่อย ๆ ว่าเรามีชีวิตอยู่แค่ลมหายใจเดียว เราต้องตายแน่ ๆ ถ้าอิจฉาเขาแล้วตายลงไปนี่ลงข้างล่างแน่นอน..!

เถรี
21-10-2020, 22:38
พระอาจารย์กล่าวว่า “บางคนทำบุญแล้วสบายใจ บางคนทำบุญแล้วไม่สบายใจ มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง ปกติก็ใส่บาตรพระรูปเดียวทุกวัน เพราะว่ามีหลวงตาวัดเหนือเดินผ่านบ้านอยู่รูปเดียว ปรากฏว่าวันนั้นใส่บาตรเสร็จเข้าบ้านมา บ่นกับลูกสาวว่า “แม่ไม่สบายใจเลย วันนี้มีพระวัดใต้มาด้วยรูปหนึ่ง แต่แม่เตรียมขนมจีนเอาไว้ชุดเดียว” ลูกสาวเลยถามว่า “แล้วแม่ใส่วัดไหน ?” “แม่ก็ตัดสินใจใส่ทั้ง ๒ วัด เอาขนมจีนใส่ให้หลวงตาวัดเหนือ เอาน้ำยาใส่ให้หลวงพ่อวัดใต้” แล้วตัวเองก็เลยไปเครียดว่า ตกลงทำถูกไหม ?

ปรากฏว่าอีกไม่กี่วันก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันทั้งตลาดว่า หลวงตาวัดเหนือเป็นพระไม่มีน้ำยา ...(หัวเราะ)... เขาพูดเรื่องจริง แต่คนฟังแล้ว "น้ำตาจิไหล..!”

เถรี
22-10-2020, 19:50
ถาม : จะขอให้หลวงพ่อเมตตาจารครับ ?
ตอบ : ปกติไม่จารให้ใครอยู่แล้ว ถ้าตอนอยู่วัดแล้วคนเยอะ ๆ แค่จารให้คนเดียวเท่านั้นแหละ ที่เหลือมาหมดเลย ก็เลยต้องตัดใจไม่จารให้ใครไปเลย

สมัยนี้พอตัวเองได้แล้ว จะไปถ่ายภาพลงสื่อ คนต่อไปเห็นเข้าก็จะมา แล้วอาตมาก็จะตายในเวลาอันรวดเร็ว ...(หัวเราะ)...

เถรี
22-10-2020, 19:51
พระอาจารย์กล่าวว่า “คราวหน้าคุณถ่ายรูปให้ดูฉากหลังด้วย มุมที่คุณถ่ายนั่นผู้หญิงอยู่บนตักพระ..! ต้องเบี่ยงไกลออกไปอีก เขาจะได้เห็นว่าห่างกันแค่ไหน ทำอะไรไม่ระมัดระวังพระจะเสียหายได้ พระไม่ได้รู้เรื่องหรอก นั่งอยู่ตรงนี้ ที่ไหนได้...ถ่ายรูปออกมาแล้วผู้หญิงไปอยู่บนตักพระโน่น”

เถรี
22-10-2020, 19:56
ถาม : ผมขอหลวงพ่อเมตตาให้พรน้องชายครับ น้องชายจะไปเป็นทหารเดือนหน้าครับ ?
ตอบ : ขอให้เก็บชีวิตกลับมาได้..! การเป็นทหารไม่ได้มีอะไรน่ากลัว ทุกอย่างที่เขาสอนเราอยู่ในขอบเขตที่มนุษย์ทั่วไปทำได้อยู่แล้ว ยกเว้นอย่างเดียวคือใจไม่สู้ ถ้าหากว่าใจสู้และเอาจริง การเรียนทหารจะสนุกที่สุด แล้วจะได้อะไรดี ๆ ติดตัวมาเยอะมาก

ใครจะด่าเราว่าเอาจริงเอาจังกับชีวิตขนาดไหนก็ช่างหัวมัน ถ้าไม่ฝึกให้ดีไว้ เมื่อเกิดศึกเกิดสงครามขึ้นมาจริง ๆ พวกนั้นก็เป็นได้แค่ปุ๋ย..!

เถรี
22-10-2020, 20:07
พระอาจารย์กล่าวว่า “ช่วงที่ให้การร่วมมืออยู่กับบ้าน เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-๑๙ ทำให้รู้ว่าพระพุทธเจ้านั้นกำหนดกฎเกณฑ์กติกาให้พระปฏิบัติตามโดยเหมาะสมกับทุกโอกาส เพราะว่าพระแทบจะไม่ได้พบกับความลำบากในการที่จะต้องกักตัวไม่ได้ไปไหน เนื่องจากอันดับแรก...พระองค์ท่านสอนให้พระปลีกวิเวก หลีกออกจากหมู่ ประการที่สอง...เรื่องของการฉัน เป็นการฉันอาสนะเดียว ก็คือลงฉันมื้อเดียวแล้วจบเลยก็มี แต่ถึงจะเป็นสองมื้อ ก็ไม่ได้ไปตั้งวงกินกันอย่างชาวบ้านเขา

อีกประการหนึ่งที่เห็นชัดที่สุดก็คือ พอญาติโยมไม่ได้ออกไปไหนสัก ๒-๓ เดือน ส่วนที่บ่นว่ารำคาญที่สุดคือผมยาว ตรงนี้พระไม่มีปัญหา โดยเฉพาะท่านที่บวชหลาย ๆ พรรษาโกนหัวกันเองแทบทุกรูป ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยช่างเลย

การกินถ้าฉันมื้อเดียวจบเลย ก็ปลอดภัยกว่า แต่ถ้าหากว่าวัดไหนฉันสองมื้อ โอกาสที่จะอยู่ใกล้แต่ไม่ถึงขนาดชิดกันก็จะมีมากขึ้นมาหน่อยหนึ่ง แล้วโอกาสที่จะได้พบปะญาติโยมจริง ๆ มีอยู่อย่างเดียวคือตอนบิณฑบาต ซึ่งทั้งโยมทั้งพระก็ใส่หน้ากากกันอยู่แล้ว”

เถรี
22-10-2020, 20:08
“เรื่องของการนอนนั้น พระพุทธเจ้ากำหนดไว้สุดยอดมาก...อยู่โคนไม้ สมัยนี้อยู่โคนไม้คงจะไม่ไหว ป่ากลายเป็นป่าสงวน กลายเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า กลายเป็นอุทยาน ก็อยู่ในวัด กุฏิใครกุฏิท่าน โดยเฉพาะของวัดท่าขนุน ไม่มีพระสองรูปอยู่กุฏิเดียวกัน คือต่างคนต่างมีห้องส่วนตัวของตัวเอง โอกาสที่จะใกล้ชิดจนกระทั่งสัมผัสโรคก็ไม่มี

การกินแล้ว การนอนแล้ว การทำงาน...ต่างคนต่างมีหน้าที่รับผิดชอบ ปัดกวาดเช็ดถูเสนาสนะต่าง ๆ ก็คนละมุมคนละที่กัน ตอนทำวัตรเย็นทำวัตรเช้าที่ต้องมาร่วมกัน ของเราก็นั่งเว้นระยะ เว้นชนิดที่เอื้อมมือเขกหัวกันไม่ถึง..! ก็เลยทำให้เห็นว่า ในช่วงที่ญาติโยมเดือดร้อน อยู่กับบ้าน สั่งอาหารมาส่ง พระแทบจะไม่มีความเดือดร้อนตรงส่วนนี้เลย ฉะนั้น..พระพุทธเจ้าท่านกำหนดอะไรมา จะเหมาะสมกับทุกยุคทุกสมัย อาศัยการปรับตัวเล็กน้อยก็เข้ากับสมัยหรือเหตุการณ์นั้น ๆ ได้แล้ว

สำหรับวัดท่าขนุนนั้น เดือนมีนาคม เมษายน พฤษภาคม อาตมาก็ยังทำตัวสบาย ๆ ออกบิณฑบาตใส่หน้ากากบ้าง ไม่ใส่บ้าง พอถึงมิถุนายนก็สั่งพระเณรทุกรูปใส่หน้ากากตลอดมาจนบัดนี้ พระท่านก็สงสัยว่าทำไม ? จึงตอบว่า “ผมเป็นทหารมาก่อน ข้าศึกมักจะเข้าโจมตีตอนที่เราเผลอ คนเราพอระมัดระวังไปนาน ๆ แล้วจะหย่อนยาน ก็จะเผลอให้ข้าศึกทำอันตรายได้ เพราะฉะนั้น..ตอนที่คนอื่นเขาระวังกัน ผมไม่ระวังหรอก เพราะว่าโดยสัญชาตญาณเขาก็ต้องคิดว่าเราระวัง แต่ตอนที่คนอื่นเริ่มเลิกระวังกัน นั่นแหละ เราต้องระวังให้จงหนัก พลาดเมื่อไรเป็นโดน..!”

ก็สรุปว่าจนป่านนี้พระวัดท่าขนุนยังไม่มีใครติดโควิด กำลังรออยู่เหมือนกันว่าจะติดเมื่อไร..!”

เถรี
22-10-2020, 20:24
พระอาจารย์กล่าวว่า “ด้วยความที่มีชีวิตมายากลำบาก ในชีวิตเคยอดตอนเด็ก ๆ จะเรียกว่าอดทีเดียวก็ไม่ใช่ ต้องเรียกว่าถ้าเลือกกินก็จะอด ก็คือตอนเด็ก ๆ เกิดทุพภิกขภัย ข้าวยากหมากแพงอยู่สองรอบ ช่วงก่อน พ.ศ. ๒๕๑๐ ใครยังไม่เกิดฟังไว้เฉย ๆ ทำให้ข้าวปลาอาหารหายาก ตอนแรกก็ลดจำนวนข้าวลง เพิ่มบรรดาหัวเผือกหัวมันลงไปในหม้อข้าวด้วย เพื่อให้ได้มีอาหารมากขึ้น ก็ต้องกินข้าวผสมเผือกผสมมันไป

คราวนี้พอมากขึ้น ๆ จากข้าวขาวก็ไม่มี ก็เหลือแต่ข้าวกล้อง แล้วข้าวกล้องต่างจังหวัดสมัยก่อนก็มักจะตำ ไม่ได้สีด้วยเครื่อง ก็จะติดเปลือกที่เป็นแกลบบ้างอะไรบ้าง...กลืนยากมาก พอข้าวกล้องก็ไม่มี ก็ต้องกินข้าวโพดที่เก็บไว้ทำพันธุ์ สมัยก่อนเขาเรียกว่าข้าวโพดม้า เก็บไว้เลี้ยงม้าอย่างเดียว เม็ดแข็งเป็นหิน ค้อนทุบเกือบไม่แตก ตากแห้งเพื่อรอเอาไปปลูกอีกปีหนึ่งตอนฤดูฝน ขนาดเอามานึ่งจนสุกแล้วยังรู้สึกเหมือนกับเคี้ยวก้อนหิน..! แต่ก็ยังดีว่าไม่ถึงขนาดกินขุยไผ่เหมือนกับรุ่นพ่อรุ่นแม่”

เถรี
22-10-2020, 20:25
“คราวนี้พอโตขึ้นมาหน่อย เรียนจบชั้นมัธยมปีที่ ๓ ก็เกิดข้าวยากหมากแพงอีกรอบหนึ่ง ตอนนั้นจำได้ว่าทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ ปีแรก ๆ ประมาณปี ๒๕๑๙-๒๕๒๐ ต้องมีการปันส่วนอาหารกัน ใครที่ทันเหตุการณ์ตอนนั้นจะจำข้าวโอชาได้ ข้าวโอชาเป็นการใช้ข้าวเหนียว ๓๐ เปอร์เซ็นต์ปนกับข้าวเจ้า แต่ละบ้านต้องมีบัตรปันส่วนว่า แต่ละเดือนซื้อข้าวได้กี่ลิตร เสร็จแล้วก็มาเจอการลอยตัวค่าเงินบาทในช่วงสมัยรัฐบาลป๋าเปรม มาเจอวิกฤตต้มยำกุ้งปี ๒๕๔๐ แล้วปัจจุบันนี้ก็คือวิกฤตโควิด-๑๙ ก็เลยทำให้ไม่รู้สึกว่าลำบาก ยังสามารถช่วยเหลือคนอื่นเขาได้เป็นปกติ

ดังนั้น..ในส่วนที่เล่ามา ก็ไปนึกถึงคำโบราณที่ว่า “ลำบากก่อนแล้วสบายเมื่อปลายมือ” จะบอกว่าสบายก็ไม่ใช่ เพียงแต่ว่าเคยทนลำบากมากกว่านั้นมา ลำบากที่เห็นในปัจจุบันนี้ก็เลยกลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับตัวเราเอง”

เถรี
23-10-2020, 10:08
พระอาจารย์กล่าวว่า “วิกฤตไวรัสโควิด-๑๙ ครั้งนี้ ส่วนที่เห็นชัดเจนที่สุดก็คือ หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน ใหญ่เท่าไรก็เจ็บตัวเท่านั้น โดยเฉพาะบรรดาสายการบินที่แข่งขันกันทั่วโลก เครื่องบินที่บินว่อนไปทั้งอากาศ..จอดเรียบ ปรับโครงสร้างบ้าง ดุลพนักงานออกบ้าง ยอมล้มละลายบ้าง กิจการเล็ก ๆ กลับรอดตัวง่ายกว่า

คราวนี้วิกฤตครั้งนี้เราต้องมาพิจารณาว่าปัจจัย ๔ ที่เรียนกันตั้งแต่รุ่นอาตมายังเด็ก ๆ มี อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค จะว่าไปแล้วเขากำหนดตามความสำคัญเลยนะ อาหารที่มาก่อนเพราะว่าต้องกินทุกวัน เครื่องนุ่งห่มต้องใช้ทุกวัน แต่ใช้น้อยกว่าอาหาร ส่วนมากก็โน่น..ใส่กันทั้งวัน ที่อยู่อาศัย..อย่างดีก็นอนวันละครั้งหนึ่ง ใครมีนอนกลางวันก็สองครั้ง..! ยารักษาโรค..เราไม่ได้ป่วยทุกวัน นาน ๆ ป่วยที ถ้าป่วยทุกวันนั่นถือว่าโชคดี ห้ามยกเป็นตัวอย่าง จัดเป็นชนกลุ่มน้อย..แปลกแยกจากสังคม..!

เราจะเห็นว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ที่มีอยู่นั้น ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คืออาหาร ก็เลยทำให้กิจการส่งอาหารถึงบ้าน อย่าง Foodpanda และอีกสารพัดกิจการ..รุ่งเรืองมาก แม้ว่าจะโดนปักหมุดเข้าไปอยู่ในสุสานบ้าง หรือสั่งแล้ว "เท" บ้างก็เถอะ..! สมัยอาตมายังเด็ก ๆ พี่ ๆ ทุกคนถ้าเป็นผู้หญิงต้องทำอาหารเป็น ต้องไปวัด ถึงเวลาหุงข้าว ต้มแกงไปถวายหลวงปู่ หลวงตา หลวงพ่อ วันพระทีหนึ่งก็อวดฝีมือกันทีหนึ่ง ว่าลูกบ้านไหนจะทำกับข้าวได้อร่อยกว่ากัน เราจะเห็นว่าคนที่ทำอาหารอร่อย ถึงเวลาตกงานเพราะโควิดอาละวาด เปิดขายอาหารออนไลน์ก็เอาตัวรอดได้ แม้ว่าจะติดก้นถุงอยู่นิดหนึ่ง แต่ราคา ๑๕๐ บาทก็ช่างเถอะ ขายได้ก็แล้วกัน

คราวนี้สิ่งที่ท่านกำหนดเอาไว้แต่โบราณในเรื่องของปัจจัย ๔ คือสิ่งที่จำเป็นในชีวิตทั้งหมด มาถึงโลกยุคปัจจุบันนี้ต้องมีปัจจัยที่ ๕ คือสมาร์ทโฟน ไม่อย่างนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะว่าสารพัดแอปพลิเคชันอยู่ในนั้น จะสั่งจะซื้อจะโอนเงินก็อยู่ในนั้นทั้งหมด ดังนั้น..ปัจจัยที่ ๕ จึงงอกเงยขึ้นมา แต่โปรด...ลบแอปฯ Lazada ออกไปบ้าง ลบแอปฯ Shopee ออกไปบ้าง แล้วชีวิตนี้ถึงจะมีเงินเหลือ..!”

เถรี
23-10-2020, 10:09
พระอาจารย์กล่าวกับโยม “เขียนชื่อมาด้วย ถ้าไม่มีชื่อก็เขียนคณะมาก็ได้ ส่วนใหญ่อาตมาลงบัญชีก็ลงให้เป็นคณะ ทำคนเดียวก็ลงว่าคณะของคุณคนโน้นคุณคนนี้

ต้องบอกว่าอาตมาพยายามทำบัญชีทุกอย่างให้โปร่งใส รอรับการตรวจสอบ อาตมาเองไม่อยากที่จะเปิดเผยความลับของฟ้ามาก แต่ขอให้รู้ว่าพระเราจะโดนเก็บภาษี พระเราจะโดนตรวจสอบทางการเงิน ถ้าหากว่าใครเตรียมตัวเอาไว้แต่เนิ่น ๆ มีระบบบัญชีที่ชัดเจนโปร่งใสก็รอดตัวไป หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกอาตมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๖ บอกหลังจากที่ท่านมรณภาพแล้วนั่นแหละ..! "ให้ไปรื้อบัญชีทำใหม่ เงินทุกบาททุกสตางค์รับมาจากใคร ใช้ไปเรื่องอะไร ถ้ามีคนตรวจสอบต้องชี้แจงเขาได้” ครูบาอาจารย์ท่านมองการณ์ไกล ท่านดูหนังจบแล้ว ท่านรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ของเราก็แค่ทำตามที่ท่านบอก

เพราะฉะนั้น..บัญชีเงินวัดท่าขนุนสามารถตรวจสอบย้อนหลังไปได้จนถึงปี ๒๕๓๖ คงไม่มีวัดไหนที่ให้ตรวจสอบย้อนหลังได้ยาวขนาดนี้หรอก

สมัยแรกอาตมายังทำบัญชีด้วยมือ พอมาใช้คอมพิวเตอร์ก็สะดวกขึ้น ไม่อย่างนั้นแล้วยอดสังฆทานรับกันแทบทั้งเดือน จะเล็กจะน้อยแค่ไหนก็ต้องลง ถึงเวลาเขียนด้วยมือจะลำบากมาก แต่พอมาทำใน Word ก็สะดวก ถึงเวลาก็บวกเพิ่ม โดยเฉพาะระบบของ Excel นี่สุดยอดมาก พิมพ์ตัวเลขลงไป บวกให้เสร็จลบให้เสร็จ เหมาะสำหรับคนขี้เกียจ..!”

เถรี
23-10-2020, 10:09
ถาม : (พระกราบเรียน) เป็นโรคบ้านหมุนครับ ?
ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก นอนให้พอ โรคนี้สาเหตุเดียวคือนอนไม่พอ ก็ดีตรงที่ช่วยให้เรามีสติมากขึ้น จะลุกจะนั่งต้องระวังไปหมด ถ้าสามารถระวังแบบนี้ได้ กิเลสก็กินไม่ได้ เขาเรียกว่าในวิกฤตมีโอกาส ...(หัวเราะ)... ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องเสียเวลาไปกินยา แค่นอนให้พอก็หายแล้ว

เถรี
24-10-2020, 23:16
พระอาจารย์กล่าวว่า “อาตมาเองอยู่ในสังคมก้มหน้ามาก่อนเด็กอื่นอย่างน้อยก็ ๔๐ ปี เพราะว่าชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก ทุกวันนี้ก็เฉลี่ยอ่านหนังสือวันละ ๑ เล่ม แล้วมีปัญหาคือหาหนังสืออ่านยาก เพราะว่าหนังสือออกไม่ทัน..! ทั้ง ๆ ที่เป็นคนอ่านหนังสือทุกแนว

ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครมาคุยบอกว่าเด็กยุคนี้อยู่ในสังคมก้มหน้านี่ อาตมาทันสมัยล่วงหน้าเขาอย่างน้อยก็ ๔๐ ปี มีแต่มากกว่า ไม่มีน้อยกว่า

โดยทั่ว ๆ ไปอาตมาพยายามจำกัดค่าหนังสือให้อยู่ในเดือนละ ๓ พันบาท แต่มักจะเอาไม่ค่อยอยู่ โดยเฉพาะช่วงงานสัปดาห์หนังสือฯ บางทีก็ ๗-๘ พันบาทต่อเดือน เพราะว่าหนังสือใหม่มักจะไปประดังออกพร้อมกันช่วงนั้น แล้วมาตอนหลังน่าจะเห็นว่าขายดี จากที่มีงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประมาณเดือนเมษายนของทุกปี ก็มาเพิ่มงานมหกรรมหนังสือระดับชาติเอาเสียอีกรอบหนึ่ง แล้วก็ยังมีบรรดาบริษัท ห้างร้าน สำนักพิมพ์ต่าง ๆ ถึงเวลาก็จัดรายการลดแลกแจกแถมประจำปีของตัวเองเข้าไปอีก”

เถรี
24-10-2020, 23:18
“ในเมื่ออ่านหนังสือทุกแนวอย่างอาตมา ก็เลยกลายเป็นว่า ถึงเวลานั้นมีสิทธิ์ที่จะกระเป๋าฉีก เพียงแต่ตอนนี้กระเป๋าฉีกน้อยลง เพราะว่ามีไอ้ตัวเล็กฉีกแทน..! อาตมามีหน้าที่อ่านแล้วก็ลงยอดไว้ว่าเดือนนี้ยอดหนังสือเท่าไร แล้วก็หักเอายอดหนังสือนั้นแหละไปทำบุญสังฆทานแทน ไอ้ตัวเล็กเลยได้ทำบุญสังฆทานเดือนละเยอะ ๆ โดยไม่รู้ตัว บางทีก็ยัดลงไปสร้างพระทองคำบ้าง ...(หัวเราะ)... เขาเรียกว่ารวยแบบไม่รู้ตัว ได้ทำบุญแล้วยังไม่รู้ว่าตัวเองได้ทำ..!

อย่างเล่มที่อ่านอยู่นี้คือฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ ฉบับที่ ๓๒ มีลายเซ็นคนเขียนคือหนุ่มเมืองจันท์มาด้วย สมัยก่อนอาตมาก็เก็บหนังสือที่มีลายเซ็นคนเขียนไว้ อย่างของคุณอาจินต์ ปัญจพรรค์ ครูพนมเทียน ปรากฏว่าเก็บไปเก็บมา ท้ายสุดก็เลิกเก็บ เอาลงห้องสมุดไปหมด ...(หัวเราะ)...”

เถรี
24-10-2020, 23:19
พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยนี้เขาต้องมีย้อมผมปกปิดกันใช่ไหม ? คนไม่แก่พยายามจะแก่ ส่วนคนแก่พยายามที่จะไม่แก่ เขาเรียกว่า ภวตัณหาและวิภวตัณหา ภวตัณหา เป็นไปตามสภาพ วิภวตัณหา ฝืนสภาพ

อยากสวย อยากรวย อยากดี อยากเด่น อันนี้ภวตัณหา ส่วนวิภวตัณหาบอกว่าไม่อยาก แต่จริง ๆ แล้วก็คืออยาก ไม่อยากแก่ ไม่อยากเจ็บ ไม่อยากตาย ก็คืออยากจะไม่แก่ อยากจะไม่เจ็บ อยากจะไม่ตาย ...(หัวเราะ)...”

เถรี
24-10-2020, 23:20
ถาม : หนูอยากเริ่มฝึกนั่งกรรมฐานค่ะ ?
ตอบ : ก็นั่งสิจ๊ะ

ถาม : ง่าย ๆ อย่างนี้เลยหรือคะ ?
ตอบ : จะนั่งจะนอน จะหกคะเมนตีลังกาอย่างไรก็ได้ แต่สำคัญที่ให้รู้ลมหายใจเข้าออกไว้ ให้ใจอยู่แค่ตรงลมหายใจนี้ อย่าให้ไปคิดเรื่องอื่น ถ้ารู้สึกตัวว่ากำลังคิดเรื่องอื่นเมื่อไรให้ดึงกลับมาตรงนี้ หายใจเข้าจนสุด หายใจออกจนสุด ถ้าไม่คิดเรื่องอื่นให้นับ ๑ หายใจเข้าจนสุด หายใจออกจนสุด ถ้าไม่คิดเรื่องอื่นให้นับ ๒

พยายามนับให้ถึง ๑๐ โดยที่เราไม่คิดอะไร ถ้าหากว่านับไปถึง ๓ ถึง ๔ แล้วคิด ก็ให้เริ่มต้นนับ ๑ ใหม่ นับไปถึง ๘ ถึง ๙ แล้วคิด ก็เริ่มต้นนับ ๑ ใหม่ ต้องบังคับลักษณะอย่างนี้ไประยะหนึ่ง แล้วพอจิตเคยชินก็จะยอมอยู่กับลมหายใจเอง เพราะฉะนั้น..เรื่องของการนั่ง การยืน การเดิน การนอน หรือหกคะเมนตีลังกานั้นไม่ได้สำคัญ สำคัญตรงที่รักษาความรู้สึกของเราให้อยู่ตรงนี้

ไป...ไปทำได้แล้ว ทำแล้วเป็นอย่างไรแล้วมารายงาน เดี๋ยวจะต่อวิชาได้ ตอนนี้เอาแค่นี้ให้ได้ก่อนว่า ภายในครึ่งชั่วโมงจะนับ ๑ ถึง ๑๐ ได้ตามลมหายใจโดยไม่คิดอะไรไหม ถ้าทำได้นี่เก่งสุด ๆ เลย อย่าคิดว่า ๑ ถึง ๑๐ ง่ายนะ ขอยืนยันว่าปางตายเลยแหละ..!

ถาม : ขอกราบลาเจ้าค่ะ ?
ตอบ : พยายามตื๊อสู้ไว้ด้วย ไม่ใช่ถึงเวลาก็เบื่อ เลิก รำคาญ ไม่เอาแล้ว ทำอะไรต้องทำให้จริง

เถรี
24-10-2020, 23:22
พระอาจารย์กล่าวว่า “ช่วงโควิด-๑๙ ระบาดนี้ มีตัวย่ออยู่คำหนึ่งก็คือ WFH (work from home) หมายถึงการทำงานจากบ้าน ถามว่ามีข้อดีไหม ? แรก ๆ มีข้อดีเยอะมาก เพราะว่าได้อยู่กับบ้าน ไม่ต้องเดินทาง อยากจะนอนเมื่อไรก็กลิ้งได้เลย..! แต่พอนาน ๆ ไปแล้วไม่ค่อยดี โดยเฉพาะถ้ามีครอบครัวแล้ว คนจะทำงาน แต่ลูกจะให้พ่อพาไปโน่นไปนี่ เมียจะไล่ให้ไปซักผ้า หรือไม่ก็ถ้าหากว่าเป็นคู่กัด เห็นหน้าต้องทะเลาะกันละก็..บ้านจะแตกตาย..!

แล้ว work from home ถามว่าดีไหม ? ดี...ประหยัด จริง ๆ แล้วควรที่จะกำหนดให้ว่า อาทิตย์หนึ่งควรจะทำงานที่บ้านสัก ๒-๓ วัน ส่วนที่เหลือก็ไปทำงานที่บริษัท ไปทำงานที่ห้างร้านของตัวเองเพื่อแก้เบื่อ เบื่อบ้านอย่างน้อยก็หนีไปที่ทำงาน เบื่อที่ทำงานก็ได้กลับบ้าน อยู่ที่ทำงานถึงเวลาพักเที่ยง ชวนกันไปกินข้าวก็ "เมาท์" กันสนั่น มีความสุขมาก จะกินอะไรก็สั่ง แต่ถ้าอยู่บ้านนี่ ไม่ฝีมือตัวเองก็ฝีมือคุณภรรยา กินมาหลายปีแล้ว เริ่มเบื่อ ...(หัวเราะ)... บางคนคุณภรรยามีความสามารถสูงมาก ทอดไข่เจียวเป็นอย่างเดียว..! นี่ถ้าหากว่าไม่มี Grab หรือ Foodpanda นี่ตายแน่นอน..!

เพราะฉะนั้น..ได้โปรดอย่าให้ถึงขนาดต้องทำงานที่บ้านตลอดทั้งอาทิตย์ กรุณาเถอะ..เปิดสำนักงานให้เขาไปทำบ้าง เพราะว่าหลายบ้านก็ไม่ได้เหมาะที่จะเป็นที่ทำงาน ลองนึกดูว่าถ้าหากว่าอยู่ในห้องแคบ ๆ เช่าเขาอยู่ เครื่องปรับอากาศก็ไม่มี ใครจะไปอยากทำงาน ? ไปสำนักงานเน็ตก็แรง คอมพิวเตอร์ก็จอใหญ่ เครื่องปรับอากาศก็เย็น ทุกวันนี้แทบจะกราบขอร้องเจ้านาย..ขอกลับไปทำงานเถอะ ...(หัวเราะ)...

เถรี
24-10-2020, 23:23
“ส่วนพวกที่บ้านมีรั้วรอบขอบชิด มีห้องปรับอากาศ ไม่มีความหนักใจในเรื่องของค่าน้ำค่าไฟ อยากจะทำอยู่กับบ้านก็เชิญ แต่กรุณาอย่าบังคับกัน เพราะว่าคนที่เขาไม่ถนัดทำงานที่บ้านเพราะสารพัดเหตุผล บางคนลูกเล็ก ๆ ถึงเวลาพ่อนั่งทำงาน แม่นั่งทำงานก็ตะกายขึ้นตัก ปีนหัวปีนหูไปเลย แล้วจะไปทำงานอีท่าไหน ก็ต้องเล่นกับลูกจนกว่าจะหมดแรงกันไปข้างหนึ่ง ถ้าลูกหมดแรงไปนอน พ่อแม่ก็แทบจะหมดแรงทำงานเหมือนกัน..!

ฉะนั้น..อะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง บางทีก็มองเห็นชัดในช่วงวิกฤตแบบนี้ ที่เรียกร้องประเภทถ้าไม่ต้องไปทำงานได้ หรือถ้าได้ทำงานจากบ้านจะดีมาก ตอนนี้โอกาสมีแล้ว แต่ขอโทษ...ไม่มีใครอยากทำ..!

วิกฤตโควิดงวดนี้ทำให้คนทำงานเป็นเยอะขึ้น อย่างเช่นว่า แอร์โฮสเตสต้องไปทอดปาท่องโก๋ ส่วนตอนนี้ "นางฟ้าโบว์" ก็ต้องมาช่วยนับเหรียญ ...(หัวเราะ)...”

เถรี
24-10-2020, 23:24
พระอาจารย์กล่าวว่า “วันก่อนมีคนทำแล้วประสบความสำเร็จ ก็คือเย็บกระเป๋าสตางค์เป็นรูปซองกฐิน มีตราวัดมีอะไรด้วย เขาบอกว่าวันไหนรำคาญเพื่อน เขาจะถือกระเป๋าสตางค์อันนี้ไป เพื่อนจะไม่เข้าใกล้..เพราะว่ากลัวโดนแจกซองกฐิน..!”

เถรี
24-10-2020, 23:25
พระอาจารย์กล่าวกับโยม “อันนี้ไม่ใช่ทอง...เป็นกระดาษเคลือบทอง อาตมารับไปหลายอันแล้ว ลองแกะออกมาดูสิ เป็นกระดาษทำเป็นรูปแท่งเงินหยวนเป่าของจีน เหมือนกับว่าตั้งใจให้เป็นของขวัญ ของฝาก ของที่ระลึกประมาณนั้น แต่ไม่ใช่ทองจริง ๆ เป็นกระดาษขึ้นรูปมา

โยมหลายคนก็ไม่รู้ ถึงเวลาก็ซื้อมาร่วมหล่อพระ แล้วก็หลายคนส่งกำไลทองคำมาเป็นกุรุสเลย ๘ วง ๑๐ วง ปรากฏว่าเป็นสเตนเลสชุบทอง หลอมอย่างไรก็ไม่ละลาย เพราะว่าสเตนเลสต้องใช้ความร้อนสูงกว่าทองคำมาก ของเราเองไม่ใช่ผู้ชำนาญ เพราะฉะนั้น..โอกาสผิดพลาดก็มีอยู่แล้ว ถือว่าความตั้งใจหล่อพระของเรานั้น ได้บุญไปตั้งแต่ตอนตั้งใจแล้ว”

เถรี
24-10-2020, 23:26
พระอาจารย์กล่าวว่า “ในเรื่องของการหล่อพระทำให้ได้เห็นว่า บางคนด้วยความอยากได้บุญอย่างเดียว ก็ไม่ได้ใช้ปัญญาพินิจพิจารณาอะไรเลย ทางวัดประกาศชัดเจนว่าหล่อพระทองคำ ก็ส่งแผ่นทองเหลืองไปเป็นกุรุส อาจจะคิดว่าคงเหมือนกับหลาย ๆ วัด ที่ถึงเวลาแล้วก็หล่อทองเหลือง แล้วก็เอาทองคำใส่ลงไปนิดหน่อย แต่ของวัดท่าขนุนเป็นทองคำแท้ทั้งองค์ เป็นเงินแท้ทั้งองค์ แต่โยมก็อุตส่าห์ส่งแผ่นทองเหลืองบ้าง แผ่นทองแดงบ้างไปให้ แล้วระบุชัดด้วยนะว่า ร่วมหล่อพระทองคำ เห็นแล้ว "น้ำตาจิไหล..!" ก็เลยไม่เข้าใจว่าโยมอยากได้บุญจนลืมพินิจพิจารณา หรือว่าโยมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทองคำกับทองเหลืองต่างกันตรงไหน ?

อีกส่วนหนึ่งก็คือท่านที่โอนเงินร่วมทำบุญ โดยเฉพาะท่านที่โอนผ่าน QR code มีหลายท่านมีความสุขกับการได้ทำบุญ โอนทีละ ๑๑ สตางค์ ๓๓ สตางค์ โอนทุกวัน แต่คราวนี้ไม่รู้ว่าบัญชีของพระนี่เขาห้ามพลาด ต้องลงทุกบาททุกสตางค์ โยมก็ได้บุญมีความสุข ส่วนพระนั้นทุกข์ถนัด เพราะว่าต้องมาลงบัญชีของเขาทุกวัน บางวันเขามีความสุขมากก็โอนเช้าโอนเย็น เช้า ๑๑ สตางค์ บ่าย ๓๓ สตางค์ จะเป็นตัวเลขนี้ตลอด มีโอนสูงสุดอยู่ครั้งเดียวคือ ๓ บาท ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาติดใจอะไรกับเลขตัวนี้ ก็ไม่เป็นไร...โยมมีความสุข อาตมาก็จะยอมทนทุกข์ต่อไป..!”

เถรี
24-10-2020, 23:28
“ฉะนั้น..การทำบุญออนไลน์ไม่จำเป็นต้องใส่เศษสตางค์ เพราะว่าไม่ใช่การบูชาพระหรือว่าซื้อของ จะได้มีเศษสตางค์เพื่อให้ตรวจสอบได้ง่าย ถ้าเป็นไปได้ก็ลงเป็นเลขกลม ๆ ไปเลยก็คือ ๐ หรือไม่ก็ ๕ ถึงเวลารวมตัวเลขจะได้สะดวกหน่อย

ถ้าสมมติว่าโยมจะทำบุญ ๙๙ บาท โยมก็โอนทีละ ๑๐ บาทไปเรื่อย ๆ ก็ได้ เลข ๙ อาจจะสวยในความรู้สึกของโยม แต่ว่าคนคิดบัญชีจะเครียด พอถึงเวลาตัวเลขไม่ลงตัว ส่วนใหญ่อาตมาจะควักกระเป๋าตัวเองบวกเพิ่มเข้าไป แต่คราวนี้ถ้าหากว่าโอนผ่าน QR code จะเพิ่มไม่ได้ เพราะว่าสรรพากรเขาจะตรวจสอบตามยอดโอน ก็ต้องตรงไปตรงมา ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องลงอย่างเช่น ๐.๑๑ บาท ๐.๓๓ บาท

ถ้าโยมรู้ว่าวันหนึ่ง ๆ คนเขาโอนเงินเท่าไรแล้วจะช็อค คือบางคนก็โอน ๑ บาทไปเรื่อย ๆ บางคนก็โอน ๙ บาทไปเรื่อย ๆ บางคนก็โอน ๑๐๘ บาทไปเรื่อย ๆ แต่คราวนี้เลขครึ่ง ๆ กลาง ๆ จะเลขสวยขนาดไหนก็ตาม มาถึงพระทำบัญชีจะตายเอา เพราะว่าต้องลงทุกบาททุกสตางค์”

เถรี
24-10-2020, 23:29
ถาม : ดร.คนหนึ่งที่เคยวิเคราะห์ว่าปี ๕๔ น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ เยอะ แต่ปีนี้จะท่วมเยอะกว่า ?
ตอบ : นี่ก็ปลายฝนแล้ว จะพยายามจะท่วมแค่ไหนก็ไม่ได้มากหรอก ...(หัวเราะ)... คุณอย่าเพิ่งไปเชื่อเขาเสียหมด เราต้องดูความเป็นจริงด้วย นี่เดือนตุลาคมแล้ว ฝนสั่งฟ้าแล้ว

เถรี
24-10-2020, 23:43
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่งที่กำลังบูชาวัตถุมงคล “โยมซื้อของเหมือนกับอาตมา ของแพงเราก็ซื้อน้อย ของถูกเราก็ซื้อมาก เพราะว่าวัตถุมงคลอาจารย์เดียวกันเสก ก็แปลว่าอานุภาพเหมือนกัน”

เถรี
24-10-2020, 23:44
พระอาจารย์กล่าวว่า “คนสมัยก่อนทำงานสบาย ๆ จะว่าสบายก็ไม่ใช่นะ งานหนักมาก อย่างทำนาพอปลายเดือน ๕ ต้นเดือน ๖ ก็เริ่มไถ ไถแปร ไถคราด ตีตม หว่านข้าว ถ้าหากว่าเป็นนาดำก็หนักกว่าอีก ถอนกล้า ดำนา กว่าจะเสร็จก็กลางเดือน ๗ เดือน ๘ โน่น คราวนี้ก็ว่างสิ ต้องรออย่างเดียวก็คือรอข้าวตั้งท้อง รอข้าวแก่ รอเกี่ยว รอกันจนถึงเดือน ๑๒ รอไปเถอะ เวลาว่างเยอะ สมัยโน้นเขาก็เลยบวชกันในช่วงนั้น ก็คือช่วงเข้าพรรษา

พอทำนาเสร็จแล้ว จะไปเกี่ยวอีกทีก็เดือนอ้ายเดือนยี่โน่น เกี่ยวข้าวเสร็จ ฟาดข้าว นวดข้าว ขนข้าวขึ้นยุ้ง งานหมดอีก ก็เป็นตรุษเป็นสงกรานต์ สมัยนั้นทำอะไรก็ช้า อย่างเช่นขี่เกวียนอย่างนี้ สมัยนี้งานไม่ได้ยากขนาดนั้น รถราก็วิ่งดี ทำไมเวลาถึงไม่มี ? ฝากไว้ให้คิดว่าเอาเวลาไปไหนกันหมด ก้มหน้าแชตไลน์พักเดียวหมดไปหนึ่งชั่วโมง ว่าจะเดินห้างซื้อของสักชิ้น เผลอหน่อยเดียวเวลาหายไป ๓-๔ ชั่วโมงแล้ว”

เถรี
24-10-2020, 23:55
พระอาจารย์กล่าวว่า “เด็กนักเรียนชั้นมัธยมของโรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ จังหวัดลำพูน ทำโครงงานตักบาตรเติมบุญ ด้วยการติดจีพีเอสที่ฝาบาตร แล้วก็ให้ญาติโยมที่ใส่บาตรโหลดแอปฯ เอาไว้ จะได้รู้ว่าพระตอนนี้เดินบิณฑบาตถึงจุดไหนแล้ว ซึ่งก็เป็นความคิดที่ดี แต่ว่าทำให้ผู้ที่ใช้แอปพลิเคชั่นนี้ขาดความดีที่พึงจะได้ไปอย่างน่าเสียดาย

โดยปกติญาติโยมต้องไปรอพระเพื่อใส่บาตร กำลังใจที่จดจ่อมุ่งมั่นอยู่กับพระสงฆ์เป็นสังฆานุสติ จดจ่อมุ่งมั่นอยู่กับการจะใส่บาตรเป็นจาคานุสติ เท่ากับปฏิบัติในกรรมฐานใหญ่ ๒ กองพร้อมกัน ยิ่งรอนาน ยิ่งได้มาก แต่คราวนี้เมื่อใช้แอปพลิเคชั่นตักบาตรเติมบุญนี้เข้าไป เห็นว่าพระยังอยู่ไกล ก็ทำโน่นทำนี่ไปก่อน กำลังใจไม่ได้มุ่งมั่นเหมือนเดิม จึงขาดบุญใหญ่ที่จะพึงได้ไปอย่างน่าเสียดาย

ดังนั้น...เราจะเห็นว่าเรื่องของเทคโนโลยีหรือว่าความก้าวหน้าทางโลก เป็นเรื่องที่เราปฏิเสธไม่ได้ แต่ว่าควรที่จะใช้เพื่อหนุนเสริมความดีของเราให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ไม่ใช่ใช้แล้วลดความดีของเราลงมา”

เถรี
24-10-2020, 23:56
“สิ่งที่เด็ก ๆ ทำนั้น ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดีมาก แต่ถ้าดูจากสภาพความเป็นจริงแล้ว กลับกลายเป็นว่า ถ้าใครเอาไปใช้เพื่อความสะดวก ก็จะทำให้ตัวเองขาดกุศลใหญ่ในกองกรรมฐานทั้ง ๒ ดังที่กล่าวมา ก็ต้องบอกว่าเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าความก้าวหน้านั้น กลับทำให้บุญกุศลของเราที่พึงได้ลดลง เพราะว่าการที่เราไปใส่บาตร ก็คือเราตั้งใจที่จะสร้างบุญกุศล แต่กลายเป็นว่าทำแบบนี้แล้วได้บุญนิดเดียว

ก็ต้องดูอีกครั้งหนึ่งว่า เรื่องของโครงการตักบาตรเติมบุญของนักเรียนมัธยมจากโรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ จังหวัดลำพูน จะไปได้ไกลแค่ไหน ยิ่งไปไกลมาก ความดีของคนก็ยิ่งลดลงมากไปด้วย”

เถรี
25-10-2020, 21:22
พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้มีข่าวคราวเกี่ยวกับไฮโซในวงสังคมชั้นสูง เกี่ยวกับการเรียกร้องขอสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกบ้าง ขอสิทธิ์ที่จะพบกับลูกบ้าง สารพัดเรื่องยุ่งไปหมด ส่วนนี้ถ้าพิจารณาแล้วจะเห็นชัดว่า ในเรื่องของศีลนั้นสำคัญมาก เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นก็คือ เกิดจากการที่ทำอะไรโดยขาดศีลธรรมจรรยา นึกอยากจะเปลี่ยนคู่ก็เปลี่ยน นึกอยากจะมีใหม่ก็มี

ในส่วนนี้พระพุทธเจ้าตรัสว่าขาดสทารสันโดษ คือขาดความพอใจเฉพาะคู่ครองตนเอง เป็นเรื่องของบุคคลที่เสื่อมจากศีลธรรมอันดีงาม ต้องถือว่าน่าสงสารมาก เพราะว่ามีแต่จะพาตนเองให้ตกสู่อบายภูมิ เรื่องเหล่านี้จะไปรู้เห็นก็ตอนที่ตายแล้ว ซึ่งแก้ไขอะไรไม่ทัน

เรื่องพวกนี้กลายเป็นข่าวดัง เมื่อกลายเป็นข่าวดัง บางทีเด็กรุ่นใหม่ก็อาจจะเห็นว่าเป็นแบบอย่างที่ควรทำตาม ก็จะทำให้เรื่องศีลธรรมจรรยาตกต่ำเสื่อมทรามจากจิตใจของเขา เพราะตัวเขาทำตัวเขาเอง กลายเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสขึ้นไปเรื่อย ๆ"

เถรี
25-10-2020, 21:29
"มนุษย์เราต่างจากสัตว์ เพราะว่ามีศีลธรรม คำว่า มนุษย์ มาจากคำว่า มนะ ที่แปลว่าจิตใจ อุสสะ ที่แปลว่าสูงส่ง ก็รวมกันกลายเป็น มนุสสะ ผู้มีใจสูง คนเราจะสูงได้ก็ด้วยศีลด้วยธรรม

ดังบาลีที่ว่า อาหารนิทฺทํภยเมถุนญฺจ สามญฺญเมตปฺปสุภีนรานํ

อาหาร (อา-หา-ระ) ก็คืออาหาร คือการกิน
นิทฺทํ คือการนอน
ภย การหลบภัย การกลัวภัย
เมถุน การเสพกาม
สามญฺญ ปกติ ธรรมดา
ปสุ ก็คือสัตว์
นรานํ คนทั้งหลาย
เป็นเรื่องธรรมดาของคนและสัตว์ทั้งหลาย

ธมฺโม หิ เตสํ อธิโก วิเสโส ธรรมเท่านั้นที่ทำให้ต่างกันออกไปได้

ธมฺเมน วีณา ปสุภิสมานา ธรรมเท่านั้นที่แยกมนุษย์ออกจากสัตว์ ฉะนั้น...ถ้าขาดหลักธรรม มนุษย์เราก็คือสัตว์ดี ๆ นี่เอง"

เถรี
25-10-2020, 21:34
"ในยุคสมัยนี้ที่นักเรียนเรียกร้องให้ยกเลิกวิชาศีลธรรมในโรงเรียน ต้องบอกว่าเกิดจากการที่ตนเองอยากจะทำอะไรชั่ว ๆ ตามใจของตัว แล้วก็ยังเกิดมีความละอายอยู่ในใจ ก็เลยขอร้องให้เลิกเสียก่อน เหมือนกับว่ายกเลิกกฎหมายนี้เถอะ จะได้ทำชั่วให้สะใจหน่อย ถ้าใครได้ยินได้ฟังแล้วเป็นลูกหลานของเรา ก็คง " น้ำตาจิไหล" ..!

เด็กเขาบอกว่ามดลูกเป็นของเขาเอง ควรมีสิทธิ์ที่จะจัดการเอง เพราะฉะนั้น...จะมีผัวจะทำแท้งก็เรื่องของเขา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับศีลกับธรรม หรือกับผู้ใหญ่เลย นี่คือความคิดของสัตว์ทั่วไป หาความเป็นมนุษย์ได้น้อยมาก เพราะว่าถ้าเป็นมนุษย์จะต้องมีมโนธรรมก็คือ สามัญสำนึกที่จะรู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว ทำชั่วก็รู้สึกผิด ต่อให้ไม่มีข้อห้ามก็จะรู้สึกผิด ทำดีก็รู้สึกปลื้มใจ ปีติ อิ่มใจ แต่นี่แสดงชัดว่าขาดสามัญสำนึกและมโนธรรมเป็นอย่างมาก ถ้าภาษาอังกฤษ เขาว่า No common sense. ว่าแรงไปไหม ? อาตมามีอะไรก็วิจารณ์ตรง ๆ ไม่เคยเห็นแก่หน้าค่าชื่อใคร"

เถรี
25-10-2020, 21:43
ถาม : เมื่อเช้าไปทำกฐิน บริษัทเป็นเจ้าภาพ ตอนช่วงถวายผ้าไตร เขาก็ให้ผู้บริหารถวายก่อน แล้วพวกชาวบ้านไปร่วมถวายเป็นผ้าป่า อย่างนี้จะได้อานิสงส์กฐินไหมครับ ?
ตอบ : ผ้าป่าก็คือผ้าป่า ส่วนใหญ่แล้วโยมไม่เข้าใจกัน แม้กระทั่งทางวัดท่าขนุนก็ต้องบอกอยู่หลายปีกว่าที่จะเข้าใจ พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้เป็นพระวินัย คือศีลพระอย่างชัดเจนว่า ภิกษุที่จำพรรษาถ้วนไตรมาสในวัดนั้นถึงมีสิทธิ์ที่จะรับกฐิน และรับได้ครั้งเดียวเท่านั้น ในเมื่อรับครั้งเดียว ถ้ามีคนถวายซ้ำแล้วไปรับซ้ำก็คือรับครั้งที่สอง เขาก็เลยต้องเลี่ยงไปเป็นผ้าป่าแทน

ของอาตมาจะไม่มีปัญหาตรงนี้ เพราะว่าเราจะไม่ให้มีเจ้าภาพหลัก ให้ทุกคนเป็นเจ้าภาพร่วมกัน ฉะนั้น...จะถวายมากถวายน้อย ถือว่าเป็นเจ้าภาพกฐินด้วยกัน แต่ถ้าหากว่าปิดยอดแล้ว ก็ไม่รับเพิ่มอีก ก็คือปิดยอดแล้วถือว่าเรารับการถวายกฐินไปแล้ว ก็จะไม่มีการรับซ้ำอีก ไม่ว่าจะมากหรือน้อย

คราวนี้ก็มีหลายท่านประเภทใจเย็น เวลาเยอะ จนกระทั่งเขานับเงินเสร็จแล้วค่อยโผล่หัวมา แล้วก็บอกว่าร่วมกฐิน ก็บอกเขาว่าไม่รับแล้ว บางรายก็โกรธไปเลย ก็คือไม่อยู่ฟังคำชี้แจงว่าทำไมถึงไม่รับ อาตมาก็ปล่อยให้เขาโกรธต่อไป เพราะว่าบุคคลประเภทนี้ อาตมาก็ไม่ได้อยากให้เขามาวัดมากนักหรอก

ถาม : เขาก็ถวายพร้อมกันในงาน แต่เหมือนกับว่าเขาให้ผู้บริหารถวายก่อน เอาของชาวบ้านกับคนที่มาร่วมไว้รอบที่สอง ?
ตอบ : คราวหน้าถ้ารำคาญ ประเภทถวายหลายรอบ ก็ไปถวายที่วัดท่าขนุน..ทีเดียวจบ เร็วมากด้วย

เถรี
25-10-2020, 21:54
พระอาจารย์กล่าวเตือนโยม "อย่าเถรตรงมาก เจ้านายเขาไม่ชอบขี้หน้า ทำอะไรเกรงใจโลกบ้าง สมัยก่อนอาตมาก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าการที่จะอยู่ได้ดีกว่านั้นก็ได้ แต่ตอนนั้นดันไม่ทำ ก็คือไม่ตรงกับกำลังใจ ความจริงอยู่ได้ดีกว่านั้น แต่รู้สึกว่าจะชอบการที่มีชีวิตมัน ๆ"

เถรี
25-10-2020, 21:59
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในส่วนของการร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อพระ ไม่ว่าจะเป็นพระเงินหรือพระทองคำ เป็นการสละสิ่งของที่มีค่ามาก เพื่อร่วมในการหล่อพระ คราวนี้สิ่งของที่ยิ่งมีค่าเท่าไร กำลังใจสละออกก็ยากเท่านั้น ถ้าใครสามารถสละออกได้โดยไม่มีความหนักใจเลย แปลว่าทานบารมีของท่านเต็มแล้ว เรื่องของความโลภไม่สามารถที่จะยึดครองใจของเราได้แล้ว

คราวนี้ก็ดูผลานิสงส์ของเราว่า สิ่งที่เราสละออกนั้น เขาเอาไปทำอะไร อย่างการสร้างพระพุทธรูป ท่านว่า พุทธะปูชา มหาเตชะวันโต การบูชาพระพุทธเจ้าจะมีเดชมีอำนาจมาก พูดง่าย ๆ คือเกิดกี่ชาติ ต้องเป็นใหญ่เหนือกว่าผู้อื่น ต่อให้เกิดเป็นสัตว์ก็ต้องเป็นจ่าฝูง เป็นจ่าโขลง ถ้าหากว่าเกิดเป็นคน ก็เป็นเจ้าพระยามหากษัตริย์ เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ยิ่งถ้าหากว่าสร้างพระด้วยทองคำหรือเงิน อานิสงส์ก็จะยิ่งมาก เพราะว่ากำลังใจในการสละออกสูงกว่ามาก"

เถรี
25-10-2020, 22:01
"คราวนี้ในส่วนของวัดท่าขนุนนั้น ในเมื่อมีกำลังพอ ก็ทำเอาไว้ก่อน เพราะว่าของพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่าย ๆ อย่างเช่นสมัยก่อนการจะสร้างพระประธาน ส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ เป็นแม่ทัพนายกอง เป็นเจ้าภาพสร้างขึ้นมา สมัยนี้วิชาการมีความสะดวกคล่องตัว เงินทองมีความคล่องตัว ทำได้ง่ายขึ้น แต่ว่าถ้าสร้างด้วยเงินหรือทองคำ ก็ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะทำได้ เพราะว่ามูลค่าสูงมาก

ในเมื่อมีโอกาส อาตมาก็เลยทำ เพื่อที่ว่าอย่างน้อย ๆ จะได้ฝากเอาไว้ในพระพุทธศาสนา ถวายเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา ญาติโยมที่กราบไหว้บูชา ถ้าพลอยมีจิตยินดีและโมทนาด้วย ก็จะได้อานิสงส์ด้วยทุกครั้งไป

การที่ญาติโยมร่วมเป็นเจ้าภาพ ก็ถือว่าเราเป็นผู้หนึ่งที่ได้สร้างพระทองคำหรือพระเงินองค์นั้น เพราะว่าถ้าไม่มีส่วนของเรา ก็จะขาดไป ไม่สมบูรณ์ ในเมื่อเราเติมเต็มส่วนที่ขาดให้สมบูรณ์ ถึงเวลาต้องการอะไร อยากได้อะไร ก็จะได้พร้อมสมบูรณ์ทุกอย่างเช่นกัน"

เถรี
25-10-2020, 22:03
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๑๔ ตุลาคม ในหลวง ร.๑๐ จะเสด็จพระราชทานพัดเปรียญธรรม ๙ ประโยค และเปรียญธรรม ๖ ประโยค ถ้าหากว่ามีการชุมนุมกัน ก็เกรงว่าอาจจะมีการขวางขบวนเสด็จได้ ซึ่งถ้าหากว่าผู้ชุมนุมมีสามัญสำนึก ก็คงจะไม่ทำเรื่องเช่นนั้น

คราวนี้การชุมนุมในปัจจุบันนั้น ผิดฝาผิดตัว ผิดที่ผิดเวลา คำว่าผิดฝาผิดตัว ผิดที่ผิดเวลา ก็อย่างเช่นในเรื่องของการที่จะเปลี่ยนแปลงให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่ยังไม่ใช่เวลาที่จะทำ บุคคลรุ่นของอาตมาก็ดี แก่กว่าก็ดี หรืออายุอ่อนกว่าสัก ๑๐ ปี ๒๐ ปีก็ตาม เรายังเห็นคุณความดีของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ท่วมท้นล้นประมาณ ยังมีความเคารพในสถาบันพระมหากษัตริย์แน่นแฟ้นอยู่ เพราะฉะนั้น...สิ่งที่เสนอมา เมื่อผิดที่ผิดเวลา ก็ไม่สามารถที่จะเรียกแนวร่วมออกมาได้"

เถรี
25-10-2020, 22:06
"ประการที่สอง..ในสิ่งที่เรียกร้องนั้น ก็คือการเรียกร้องประชาธิปไตย แต่พอเรียกร้องไปแล้ว ใครไม่เห็นด้วย กลับเห็นเขาเป็นศัตรู อย่างเช่นว่าให้แบนโรงแรมแห่งนี้ อย่าไปใช้บริการ เพราะว่าเป็นศัตรู ลักษณะนี้เป็นการกระทำที่เป็นเผด็จการ แต่ตนเองกลับอ้างว่าเรียกร้องประชาธิปไตย กลายเป็นว่าประชาธิปไตยแบบไหน ก็คือประชาธิปไตยแบบว่าต้องเห็นด้วยกับกูเท่านั้น ถ้าไม่เห็นด้วยกับกูคือเป็นศัตรู ถ้าอย่างนี้ไม่ใช่แน่

ส่วนประการต่อไปก็คือ การปราศรัย ใช้คำพูดหยาบคายมาก การใช้คำพูดหยาบคาย เด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่รุ่นของอาตมายังรู้สึกแรง เพราะว่ารุ่นของอาตมาโดนบังคับให้ท่อง "สมบัติผู้ดีมีข้อ กล่าวย่อพอยกหยิบอ้าง ภาคหนึ่งระวังท่าทาง รู้วางไว้ตัวชั่วดี ฯลฯ" โดนจนกระทั่งแทบจะต้องเอาหนังสือสมบัติผู้ดีมาต้มกิน..!"

เถรี
25-10-2020, 22:07
"ถ้าเราสังเกตดูจะเห็นว่า ผู้ที่อายุประมาณ ๓๐ ปีลงมาซึ่งเป็นเด็กรุ่นใหม่ พูดจาไม่มีหางเสียง แทบจะไม่มีคะ ไม่มีขา ไม่มีครับ แล้วก็มึงกูนี่ก็เป็นเรื่องปกติ คำหยาบคายอื่น ๆ ที่ด่าแล้วต้องเซ็นเซอร์ก็พูดกันติดปากเป็นปกติ แสดงออกถึงสภาพจิตที่หยาบ ขาดการอบรม อย่างที่รุ่นของอาตมาเขาบอกว่า สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล

ในเมื่อคุณหยาบคาย รุนแรง คนที่เขารักประชาธิปไตยอยากจะไปร่วมด้วยก็กลัว กลัวว่าตัวเองจะพลอยแปดเปื้อนไปด้วยประมาณนั้น ก็เลยทำให้ "เรียกแขก" ไม่ได้เท่าที่ตนเองนึก

ในเมื่อวิเคราะห์จากเหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ว่า มาผิดฝาผิดตัว ผิดที่ ผิดเวลา เพราะฉะนั้น..การเรียกร้องไม่น่าจะสำเร็จ ยกเว้นอย่างเดียวว่ารัฐบาลไปเติมฟืนเติมไฟให้เท่านั้น ซึ่งระยะหลัง ๆ นี่ พวกโง่แล้วขยันชอบเอาใจเจ้านายมีเยอะ ถ้าทำผิดแม้แต่นิดเดียว อาจจะพารัฐบาลพังได้ง่าย ๆ"

เถรี
26-10-2020, 08:42
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-๑๙ เรื่องหนึ่งที่เห็นชัดที่สุดก็คือ การเติบโตของการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ โดยเฉพาะอาหารการกินประจำวัน เพราะว่าแต่ละคนก็ระมัดระวัง ไม่ค่อยจะออกไปไหน สั่งอาหารมาส่งถึงบ้าน สั่งซื้อข้าวของ ส่วนที่ทำให้เรื่องทั้งหลายเหล่านี้สำเร็จก็คือ การส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้า

ฉะนั้น..ทุกวันนี้พวกกิจการขนส่ง ถ้าเป็นสมัยก่อนอะไรที่ชิ้นใหญ่แล้วไปรษณีย์ไม่รับ ก็จะส่งทาง รสพ. ย่อมาจากคำว่า องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ เป็นองค์การ รสพ.เลย ปัจจุบันนี้เรามีเอกชนมาทำเรื่องของการขนส่งจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Kerry เป็น J&T และอย่างอื่นเยอะแยะมากมาย

คราวนี้ก็เลยกลายเป็นว่า กิจการที่เจริญรุ่งเรืองก็คือการส่งสินค้า สินค้าชิ้นเล็กก็ใช้พนักงานที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์เพื่อความคล่องตัว ภาษาในวงการเรียกว่า ไลน์แมน สินค้าชิ้นใหญ่ก็ใช้รถกะบะประกอบตู้คอนเทนเนอร์ ขนส่งไปถึงจุดหมายปลายทางในเวลาอันรวดเร็ว

ในเมื่อคู่แข่งมาก ก็สำคัญที่ตรงบริการ ใครจะส่งสินค้าถึงมือลูกค้าได้เร็วกว่า ส่งสินค้าถึงมือลูกค้าโดยไม่บุบสลายได้มากกว่า เดี๋ยวนี้เขามีระเบียบว่า ถ้าหากว่ารับสินค้าแล้วไม่แกะดูต่อหน้า ก็ต้องถ่ายคลิปวีดีโอระหว่างที่แกะสินค้า เพื่อป้องกันว่าสินค้าที่สั่งจะไม่ได้อย่างที่สั่ง ก็เลยกลายเป็นการแข่งขันกันทางการขนส่ง"

เถรี
26-10-2020, 08:43
"ประเทศจีนเริ่มมีบริษัทขนส่งสินค้าชิ้นเล็ก ตลอดจนข้าวปลาอาหารด้วยโดรน (อากาศยานไร้คนขับ) ตั้งคอมพิวเตอร์ไปส่ง คนรับก็แค่เปิดโทรศัพท์มือถือ เจ้าโดรนก็สแกนปั๊บ เพื่อยืนยันว่าส่งของให้แล้วตามเบอร์โทรศัพท์นี้ แล้วหักเงินจากแอปฯ วีแชทไปเลย

อนาคตของเราเรื่องการขนส่งจึงสำคัญมาก ๆ แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ทำอย่างไรให้ลูกค้าใช้บริการแล้วติดใจ คำว่าติดใจในที่นี้ก็คือ สะดวก คล่องตัว ราคาไม่แพง ส่งของถึงมือผู้รับได้เร็ว ก็ต้องไปคิดหาทางกันเอาเองว่า ของเราจะใช้มอเตอร์ไซค์ไปทุกตรอกซอกซอย ใช้รถกระบะวิ่งระหว่างจังหวัด ใช้รถคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่วิ่งหลาย ๆ จังหวัด หรือว่าจะใช้อากาศยานไร้คนขับแบบประเทศจีน

กิจการต่าง ๆ ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าการซื้อขายจะสะดวกแค่ไหนก็ตาม สิ่งที่สำคัญก็คือต้องส่งถึงมือลูกค้าโดยไม่บุบสลายและถึงในเวลาอันรวดเร็ว ถ้าใครสามารถทำได้ ลูกค้าติดใจในบริการ ไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจ ก็จะได้ส่วนแบ่งการตลาดไปค่อนข้างมาก"

เถรี
26-10-2020, 08:45
"อาตมาเป็นพระ นั่งอยู่วงนอก ดูญาติโยมทำมาหากินกันฝุ่นตลบ แล้วก็มอง ๆ เออ...เรื่องของการขนส่งเดี๋ยวนี้สำคัญจริง ๆ โดยเฉพาะบริการส่งถึงที่ ส่งถึงบ้าน ที่เขาเรียกว่า เดลิเวอรี่ ซึ่งปัจจุบันนี้ทางด้านทองผาภูมิสะดวกมาก ต้องการอะไร โทรสั่งร้านเซเว่นฯ ไม่กี่นาทีมาถึงวัดแล้ว ส่งให้ถึงที่เลย

นี่ก็คือลักษณะของการพลิกวิกฤติเป็นโอกาส คนไม่ออกจากบ้านไม่ว่า เราก็วิ่งไปหาคนเอง ต้องบอกว่าผู้จัดการเขามีวิสัยทัศน์มาก แล้วก็ช่วยให้คนได้งานเพิ่มขึ้นเยอะ เพราะว่าพนักงานประจำร้านอย่างไรก็ไม่พอ ก็ต้องหาพนักงานส่งสินค้าเพิ่มขึ้นมา"

เถรี
27-10-2020, 22:40
ถาม : เมื่อไรจะพ้นเรื่องโควิดคะ ?
ตอบ : อีกนาน...โยมลองคิดดูว่าปัจจุบันนี้โรคเอดส์ยังเต็มประเทศไทยเลย แล้วทำไมเราไม่รู้สึกรู้สากับโรคเอดส์เลย ? พอรู้วิธีป้องกันแล้ว ก็ไม่มีอะไรน่ากลัว โควิดก็เหมือนกัน จะไปไหนก็ใส่หน้ากาก รักษาระยะห่าง ล้างมือบ่อย ๆ ในเมื่อทำเคยชินแล้ว โควิดก็ไม่มีอะไรน่ากลัว

ถาม : ไม่น่ากลัวแต่ว่าทำให้เศรษฐกิจแย่ ?
ตอบ : ความรู้สึกที่ทำให้เศรษฐกิจแย่ ไม่น่าจะใช่โควิดนะ น่าจะมาจากรัฐบาลมากกว่า..!

ถาม : ไม่มีการท่องเที่ยว ไม่มีการเดินทาง ?
ตอบ : อันนั้นเป็นหน้าที่รัฐบาลเขาแก้ไข เราก็เอาใจช่วยอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ก็พอ อาตมาเองตอนนี้ก็ช่วยชาวบ้านทำมาหากิน จัดแพ็คเกจ "บวรออนทัวร์" มีการท่องเที่ยวทางสถานที่ ทางวัฒนธรรม ทางธรรมชาติ คุณจะเลือกโปรแกรมไหน ถึงเวลาคณะเล็กราคาเท่าไร คณะใหญ่ราคาเท่าไร เสร็จแล้วก็เปิดเพจให้เขาจองทัวร์กัน คนเดียวก็รับ สี่ห้าสิบคนก็รับ เพราะว่าชาวบ้านทุกคนรู้ว่าต่อให้มาคนเดียว เขาก็ต้องกินต้องนอน เราก็มีการติดต่อโฮมสเตย์ มีรีสอร์ต มีโรงแรม ถ้าคณะเล็กจะพักที่ไหน คณะกลางจะพักที่ไหน คณะใหญ่จะพักที่ไหน

มีการติดต่อร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านขนม ร้านของฝาก ถึงเวลานักท่องเที่ยวมา ประเภทนี้ใครจะรับ ก็ส่งไปเขาก็ดูแลให้ ตั้งคณะกรรมการกันอย่างเป็นทางการ

เถรี
27-10-2020, 22:42
ฉะนั้น...ถ้าหากว่ามีหัวคิด รู้จักทำมาหากิน ไม่อยู่เฉย อย่างไรก็ไม่ยากหรอก ของเราถึงเวลาก็มี อสม. มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลคอยตรวจคัดกรอง ในเมื่อความปลอดภัยก็มี แพ็คเกจทัวร์ก็น่าสนใจ คนเขาก็จองกันเอง

ของเราคณะกรรมการมีกระทั่งผู้กำกับสถานีตำรวจ เพื่ออะไร ? จะได้ส่งตำรวจมาช่วยดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว ทองผาภูมิเป็นเมืองท่องเที่ยว สิ่งที่คนกรุงเทพฯ ขาดคือธรรมชาติ ของเรามีเพียบ แค่ขึ้นไปไหว้รอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน คุณได้ทะเลหมอกแถมไปทั้งอำเภอเลย เพราะฉะนั้น..ระยะหลังนี้คนไม่ค่อยจะไปไหว้พระหรอก จะไปดูทะเลหมอก น่าตีให้ตาย..! วัตถุประสงค์เริ่มเปลี่ยนแปลง

บางคนเขาขอขึ้นไปกางเต็นท์ บอกว่าไม่ได้ พื้นที่อยู่นอกเขตวัด เราไม่สามารถประกันความปลอดภัยให้คุณได้ ขอให้อยู่ในที่พัก ถึงเวลาตีห้าครึ่งพระทำวัตรเสร็จ แล้วค่อยเริ่มเดินขึ้นกัน จะไปสว่างข้างบนพอดี มิจฉาชีพกลัวเสียงดังกับกลัวแสงสว่าง อย่างอื่นไม่กลัว เราจะเห็นว่าถึงเวลาสัญญาณภัยจะเสียงดัง แล้วก็มีประเภทไฟออโต้ไลท์ ถึงเวลาสัญญาณภัยดัง ไฟติดเลย

ต้องดูแลเขาให้ดี เพราะว่าถ้าพลาดอะไรแม้แต่อย่างเดียว เขาไปพูดต่อกัน เราก็บรรลัย..ไม่เหลืออะไรแล้ว

เถรี
27-10-2020, 22:46
ถาม : แล้วที่รีสอร์ตที่ใกล้วัด ?
ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วรายการ "บวรออนทัวร์" เลือกเอาในรัศมี ๔ กิโลเมตร เพราะว่าเรารับนักท่องเที่ยวด้วย "รถซาเล้ง" เอานักท่องเที่ยวไปนั่ง "รถซาเล้ง" คันละ ๓ คน สนุกสนานเฮฮา จะมีรถติดป้าย "บวรออนทัวร์ ชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน" เหตุที่จำกัดแค่ ๔ กิโลเมตร เพราะว่า "รถซาเล้ง" ไปไกลไม่ไหว แหล่งท่องเที่ยวข้างเคียง ถ้าคุณอยากจะไป เราจะแนะนำให้ว่าควรใช้พาหนะอะไร

อย่างเช่นจะไปสะพานมอญ จะไปพุน้ำร้อนหินดาด จะไปเขื่อนวชิราลงกรณ ก็เท่ากับว่าแบ่งปันกันเรื่องผลประโยชน์ ร้านอาหารก็ได้ ที่พักก็ได้ ของที่ระลึกก็ได้ ยานพาหนะก็ได้ ส่วนวัดได้อะไร ? วัดได้ชื่อเสียง

เถรี
27-10-2020, 23:04
พระอาจารย์กล่าวว่า "บรรยากาศเมืองไทย เริ่มจะคล้าย ๆ ยุโรปแล้ว ก็คือฝนกับหนาวมาพร้อมกัน ไปยุโรปหน้าฝนเขาแท้ ๆ แต่หนาวแทบตาย ตอนแรกอาตมาก็สงสัย ทำไมป้ายรถเมล์ยุโรปเขามีพลาสติกแข็งกั้นรอบ ? เจอลมเข้าไปหน่อยเดียว...ซาบซึ้งเลย ถ้าไม่กั้นก็หนาวตาย"

เถรี
27-10-2020, 23:06
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ยอดคนตายเพราะโควิดทั่วโลกรวมกัน เฉพาะยอดที่เขาแจ้งว่าตายเพราะโควิด หนึ่งล้านสามหมื่นกว่าศพ ทะลุล้านไปแล้ว..! คนติดโควิดทั่วโลก ยอดสะสมอยู่ที่ ๓๗ ล้านเศษ เป็นที่เหลือเชื่อว่าการแพทย์สมัยใหม่ที่ถือว่าสุดยอด คนกลับตายมากขนาดนี้ ต้องบอกว่าอะไรที่เป็นวาระกรรม ก็ต้องตายจนได้ ใครจะไปเชื่อว่าบรรดาฝรั่งที่เราเห็นว่าเจริญแล้ว เป็นผู้ฉลาด ดำเนินการเกี่ยวกับโควิดได้โง่สนิทเลย

ทุกวันนี้ฝรั่งมาดูงานที่ประเทศไทยเยอะแยะไปหมด โดยเฉพาะงาน อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) อย่างของวัดท่าขนุน เวลามีงาน อสม.ประจำหมู่บ้านมา ๑๖ คน ช่วยกันคัดกรอง ของฝรั่งเขาไม่มี คือพอสมัครเป็น อสม.แล้วก็จะมีการอบรม โดยเฉพาะเรื่องของการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเป็นอย่างน้อย ถ้าอาการหนักหนากว่านั้น ควรจะทำอย่างไร เขามีวิธีการหมด"

เถรี
27-10-2020, 23:07
"เป็นเรื่องเหลือเชื่อว่าโควิด-๑๙ อาละวาด ประเทศไทยได้รับการยกย่องจากองค์กรอนามัยโลกให้เป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งทางการสาธารณสุขเป็นอันดับ ๑ ของโลก เพราะว่าของเรามีถึงระดับทุกหมู่บ้านก็คือ อสม. ฝรั่งเขาลงไปดูถึงพื้นที่ ลงไปสัมภาษณ์ ไปดูของจริงกันเลย แล้วก็ฟันธงให้ โดยเฉพาะความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนไทย ทุกซอกทุกมุมมีเจลล้างมือ ทุกคนใส่หน้ากากอนามัย เป็นสิ่งที่เราให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาล

แล้วตอนนี้การวิเคราะห์อย่างหนึ่งที่ว่า คนไทยอยู่ในบ้านเราไม่มีอาการป่วย ก็เลยไม่ไปหาหมอตรวจเชื้อ แต่พอเดินทางไปต่างประเทศ ตรวจกี่คน ๆ เจอเชื้อหมด เขาคาดว่าเพราะพวกเราใส่หน้ากากอนามัย ก็เลยรับเชื้อไปในปริมาณน้อย ทำให้ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อต้านได้ทัน แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่เป็น ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ พอไปต่างประเทศก็เสร็จหมด อยู่บ้านเราไม่รู้สึกรู้สาอะไร อยู่กันอย่างมีความสุข"

เถรี
29-10-2020, 09:15
พระอาจารย์กล่าวว่า “ช่วง ๒-๓ วันนี้เครื่องปรับอากาศที่ห้องพักข้างบนไม่เย็น อาตมาคิดว่าน้ำยาหมด ช่างมาดูให้แล้วบอกว่าไม่มีอะไรเสียหาย ทุกอย่างดีหมด ยกเว้นหลวงพ่อเปิดไว้แค่ ๒๗ องศาเซลเซียส หน้านี้ฝนมา ความชื้นเยอะ ก็เลยไม่เย็น ๒๗ องศาเซลเซียสนี่อาตมาเปิดแบบเกรงใจแล้วนะ ปกติจะเปิด ๒๘ องศาเซลเซียส..! ที่เปิดก็ไม่ใช่อะไรหรอก เปิดให้หายใจได้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีอากาศหายใจ

ห้องปรับอากาศเป็นต้นเหตุของมะเร็ง ไม่ควรที่จะใช้เสียด้วยซ้ำไป เพราะว่าร่างกายของเรา ถ้าเนื้อเยื่อขาดออกซิเจนก็จะดิ้นรนเพื่ออยู่รอดให้ได้ จึงสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมา พอสร้างขึ้นมาก็กลายเป็นก้อนมะเร็ง คราวนี้การอยู่ในห้องปรับอากาศออกซิเจนมีน้อย ใครนอนห้องปรับอากาศบ่อย ๆ ก็เตรียมพร้อมที่จะเป็นมะเร็งไว้ด้วย ยังโชคดีที่อาตมาสู้ไม่ได้ เพราะว่านอนห้องปรับอากาศแล้วจะคัน ที่พอรับได้ก็คือเปิดสัก ๒๗-๒๘ องศาเซลเซียส ซึ่งไม่มีใครเขาเปิดกัน”

เถรี
29-10-2020, 09:23
พระอาจารย์กล่าวว่า “โยมอาจจะสงสัยว่าอาตมาขัดถูเสกเป่าอะไรอยู่ เป็นพระสังกัจจายน์เนื้อยาจินดามณี ยาจินดามณีถ้าทำถูกสูตรจริง ๆ เวลาแห้งแล้วจะแข็งเป็นหิน ลักษณะเหมือนกับเป็นพระธาตุ จนกระทั่งคนเขาบอกว่า ยาเม็ดจินดามณีหลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม ค้อนทุบไม่แตก ไอ้คนพูดบ้า..! ถ้าค้อนทุบนี่แตกแน่นอน แต่มือทุบไม่แตก ค้อนทุบลงไปจะเหลือหรือ ? หินยังแตกเลย..!

ว่าง ๆ ก็ฝึกดูอิริยาบถและสัมปชัญญะ เคลื่อนไหวไปภาวนาไป เป็นการซักซ้อมสมาธิใช้งานไปในตัวด้วย โบราณท่านใช้วิธีเคี้ยวหมาก เคี้ยวไปกำหนดรู้ไป ภาวนาไป สติจะอยู่ภายในตลอด เราจะเห็นว่าหลวงปู่หลวงพ่อจำนวนมากด้วยกัน คายชานหมากออกมาแล้วปืนยิงไม่ออก เพราะว่าไหน ๆ ก็ภาวนาแล้วจึงเล่นคาถามหาอุดไปด้วย ส่วนยุคของอาตมาถ้าจะเคี้ยวก็ควรที่จะเคี้ยวหมากฝรั่ง แต่อาตมาใส่ฟันปลอมเยอะ ไม่เหมาะที่จะเคี้ยวหมากฝรั่ง เพราะว่าเวลาเคี้ยวเสร็จฟันปลอมจะติดหมากฝรั่งออกมาด้วย ...(หัวเราะ)...”

เถรี
29-10-2020, 09:25
พูดถึงข่าวรถไฟชนกับรถบัสทอดกฐิน “ไปทอดกฐิน เจอรถไฟชนตายเกือบ ๒๐ ศพ ได้แต่หวังว่ากำลังใจคงจะยึดมั่นในบุญกุศลนะ อย่างน้อย ๆ ก็จะได้ไปดี

คนขับรถทัวร์ประมาทมาก รถไฟเปิดหวูดเตือนแล้วก็ยังไม่ยอมหยุด ยังอุตส่าห์คลานข้ามไปอีก พวกเราคงไม่คิดว่าความเร็ว ๙๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นเร็ว เพราะว่าส่วนใหญ่ก็ขับรถกันเกิน ๑๐๐ แต่ว่ารถไฟที่มากับราง ๙๐ นั้นคือ ๙๐ เต็ม ๆ ส่วนของพวกเราถ้าขับ ๑๒๐ เดี๋ยวเจอโน่นก็ต้องเบรก เจอนี่ก็ต้องชะลอ บางทีเฉลี่ยยังไม่ได้ ๑๐๐ เลย

ไปคำนวณความเร็วผิดก็โดนรถไฟเสยเสียเต็มที่ คนตายไม่เป็นไรหรอก ถ้ากำลังใจเกาะบุญน่าจะไปดี แต่ที่บาดเจ็บสาหัส พิกลพิการจะทำอย่างไร ? ถ้าหากว่ารถไม่มีประกันบุคคลที่สามก็เจริญ..! แต่ว่าส่วนใหญ่เขาบังคับให้มีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ให้มากมายอะไร”

เถรี
29-10-2020, 09:25
พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่ช่วยงานบ้านเติมบุญ “นี่เขาเรียกว่าตกงานใช่ไหม ? ไม่มีคนแล้วไปไหนไม่เป็น ขึ้นมานั่งกันหน้าสลอน ...(หัวเราะ)... ทำไปตามหน้าที่ คนมากก็ทำเต็มที่ คนน้อยก็ทำเต็มที่ ทำให้ตอบตัวเองได้ว่าเราเต็มที่แล้ว”

เถรี
29-10-2020, 09:26
ถาม : เดือนหน้าจะสอบใบประกอบวิชาชีพแพทย์ค่ะ ?
ตอบ : ก็สอบสิจ๊ะ อย่าแค่อยาก...ลงมือทำ ถ้าอยากนั้นยังไม่ได้ทำ ต้องลงมือทำเลย อย่าไปกลัวอะไรที่ลำบาก และอย่าไปคิดอะไรล่วงหน้า ถ้ายากจริงเขาก็คงไม่จบไปเป็นหมอกันเยอะแยะหรอก

เถรี
29-10-2020, 09:28
พระอาจารย์กล่าวว่า “น่าเสียดายที่ช่วงนี้เป็นช่วงไวรัสโควิด-๑๙ อาละวาด ไม่อย่างนั้นอาตมาอยากจะไปสิงคโปร์ที่เป็นประเทศอยู่ใกล้ ๆ เรา จะไปดูว่าสนามบินที่ปรับปรุงใหม่แล้วเป็นอย่างไร

สิงคโปร์เป็นประเทศยากจนมาก คำว่า “จน” ในที่นี้ ก็คือจนทรัพยากรธรรมชาติ ไม่มีป่าไม้ ไม่มีน้ำจืด แต่สิงคโปร์พยายามพลิกความจนให้เป็นมี ก็คือไม่ยอมจนแต้ม ไม่ยอมจนใจ สรรหาสิ่งต่าง ๆ มา ไม่มีป่าไม้ก็ปลูกสวนรุกขชาติขึ้นมา ไม่มีกล้วยไม้ก็เพาะพันธุ์ขึ้นมา ซื้อนักวิชาการไปจากเมืองไทยนี่แหละ แล้วก็ทำเป็นสวนกล้วยไม้ที่โด่งดังมาก ค่าเข้าชมแพงทีเดียว

ในเมื่อสิงคโปร์สร้างสิ่งที่ไม่มีให้มีขึ้นมา ก็เป็นเรื่องที่เราควรจะไปดูไปศึกษา จะได้เอาแรงบันดาลใจมาปรับปรุงว่า เราที่มีอยู่จะดัดแปลงอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะว่าเขาไม่มียังทำให้มีได้ ส่วนของเราถ้าหากว่ามีแล้วไม่รู้จักเอามาใช้ประโยชน์ ต้องบอกว่าเสียชาติเกิด..!”

เถรี
29-10-2020, 09:30
พระอาจารย์กล่าวว่า “ระยะนี้เขาเตรียมตัวจะประท้วงรัฐบาลกัน อาตมาสังเกตแล้วเป็นการปะทะสังสรรค์ของคนสองวัย ก็คือวัยรุ่นกับวัยร่วง วัยรุ่นนี่ต้องบอกว่าฮอร์โมนล้นเกิน ส่วนวัยร่วงนี่ก็คือฮอร์โมนกำลังขาด ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะทำให้สองรุ่นนี้ไปด้วยกันได้ เพราะว่าคนยุคเก่าก็จะมองว่า “เฮ้อ...เด็กสมัยนี้” ส่วนเด็กรุ่นใหม่ก็ “ไดโนเสาร์แล้วปู่..!”

เพียงแต่ว่าถ้าเรารู้จักดูดี ๆ จะเห็นว่าทั้งสองรุ่นนั้น ความจริงแล้วควรที่จะต้องหันหน้าเข้าหากัน เพราะว่าเด็กวัยรุ่นพลังงานกำลังเหลือเฟือ ทำอะไรก็ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ส่วนคนแก่นั้นประสบการณ์เหลือเฟือ ผ่านชีวิตมามาก ผ่านโลกมามาก บางอย่างเด็กวัยรุ่นยังไม่เคยผ่านมาก่อน ต้องลองผิดลองถูก แต่ถ้าหากว่าได้ประสบการณ์จากผู้ใหญ่ ก็ไม่ต้องเสียเวลาไปลองผิดลองถูกกับใคร สามารถเข้าสู่การปฏิบัติงานจริงได้เลย

ดังนั้น..ทำอย่างไรที่จะหาตัวเชื่อมคนทั้งสองรุ่นนี้เข้าหากันได้ ซึ่งก็คงต้องหาผู้ใหญ่ในแผ่นดินซึ่งเป็นที่เชื่อถือ แต่ว่าสมัยนี้ก็หายาก ลองไปนึกถึงตอนที่พลตรีจำลอง ศรีเมือง พาคนประท้วงพลเอกสุจินดา คราประยูร แล้วมีในหลวงรัชกาลที่ ๙ ออกมาเตือนสติทั้งสองฝ่าย ว่าถ้าทำอย่างนี้ต่อไป ใครจะแพ้ใครจะชนะนั้นไม่สำคัญแล้ว เพราะว่าที่แพ้ที่สุดก็คือประเทศชาติที่เสียหายล่มจมไป

เพราะฉะนั้น..บุคคลที่มีแนวคิดที่แหลมคม มีความสามารถที่จะหลอมรวมคนสองวัย และมีบารมีเพียงพอที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายหันหน้าเข้าหากันได้นั้น ตอนนี้ยังหายากอยู่”

เถรี
30-10-2020, 23:54
ถาม : ลูกชายความจำเสื่อม ก็เลยไปบนบวชกับหลวงพ่อ แต่ว่าช่วงนี้งานอะไรก็ยังไม่เสร็จ ก็เลยจะขอเลื่อนบวชไปช่วงหลังปีใหม่ครับ ?
ตอบ : อันนี้ต่อรองอาตมาไม่ได้ ต้องไปต่อรองกับคนที่เราบนด้วย ส่วนใหญ่เวลาเราบนก็จะเอาเร็ว ๆ แต่เวลาแก้บนก็จะให้ช้า ๆ ระวัง..รางวัลใหญ่จะมาเสียก่อน..!

ถาม : แล้วลูกชายเขาจะเป็นอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ต้องถามหมอ ความจำเสื่อมดันมาถามพระ..!

ถาม : เขาจำได้หมดแล้วครับ แต่ว่าอาการเขาเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมครับ ?
ตอบ : จับฝึกกรรมฐาน ถ้าหากว่าสมาธิทรงตัว ทุกอย่างจะดีขึ้น

คนเคยเจ็บเคยป่วยจะให้เหมือนเดิมคงเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องมีเปลี่ยนแปลงกันบ้าง แต่ว่าระยะหลังมีหนังบ้าง หนังสือบ้าง ประเภทที่เรียกว่าทะลุมิติไปเข้าอีกคนหนึ่ง ก็เลยเหมือนกับว่าความจำเสื่อมใช่ไหม ? ...(หัวเราะ)...

เถรี
30-10-2020, 23:56
พระอาจารย์กล่าวกับโยม “ค่อย ๆ เดินนะจ๊ะ อายุมากขึ้นก็ต้องระวังมากขึ้น ช่วงเดือนที่ผ่านมาอาตมาตกบันได บันไดทางเดินกลับจากบิณฑบาต เพราะว่าฝนมักจะตกหนักตอนช่วงเช้าที่เดินบิณฑบาต สบงจีวรรัดตัวจนก้าวไม่ออก ขั้นบันไดเป็นขั้นใหญ่ แต่เท้าก้าวได้นิดเดียวเพราะว่าสบงรัดติดอยู่ ก็ร่วงเลย ...(หัวเราะ)...

ถึงได้เข้าใจว่า สมัยอยู่วัดท่าซุงอาตมาไม่เคยเรือล่ม แต่บรรดารุ่นพี่ ๆ ที่เรือล่มเขาแนะนำกันไว้ เขาบอกว่าเรือล่มเมื่อไรสลัดจีวรออกให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นจะโดนจีวรรัดจมน้ำตาย พอมาเจอกับตัวเองตอนฝนตกถึงได้รู้ จีวรดูดติดเนื้อ ก้าวขาไม่ออก แล้วถ้าอยู่ในน้ำก็ไม่สามารถที่จะเตะขาเพื่อว่ายน้ำได้ ...(หัวเราะ)...

พระเณรวัดท่าขนุนเคยชินกับการเดินตากฝนทุกเช้า ไม่ชินก็ต้องชิน เพราะว่าเจ้าอาวาสไม่ทิ้งการบิณฑบาต อายุก็มากกว่า ตำแหน่งก็สูงกว่า แถมยังป่วยตลอดด้วย คุณจะเอาข้ออ้างอะไรมา..! จะอ้างว่าแก่ก็แก่สู้เจ้าอาวาสไม่ได้ จะอ้างว่าป่วยก็ป่วยสู้เจ้าอาวาสไม่ได้ จะอ้างว่ามีหน้าที่การงาน เจ้าอาวาสก็มีมากกว่า จึงต้องไปตากฝนด้วยกันแต่โดยดี..!

ถึงเวลาโยมอายุมากก็ค่อย ๆ ลุก ค่อย ๆ นั่ง โดยเฉพาะการใส่รองเท้านี่แหละที่ต้องระวังสุด ๆ รองเท้าถุงเท้านี่เวลาเราเดินบันไดที่เป็นไม้กระดานจะลื่นมาก อาตมาเคยบอกพระเณรให้สังเกตว่า บ้านโยมบางหลังเราต้องขึ้นบันไดไป ๔-๕ ขั้นเพื่อที่จะรับบาตร คราวนี้บันไดก็ชัน ประกอบกับหน้าฝนบันไดเปียกก็ลื่นมาก เราต้องตั้งสติระมัดระวังสุดชีวิต ทำอย่างไรที่เวลาปกติเราจะตั้งสติให้ได้ระดับนั้น ถ้าเวลาปกติตั้งสติได้ในระดับที่ขึ้นลงบันไดชัน ๆ เปียก ๆ ลื่น ๆ ได้ ก็แปลว่าพอที่จะเอาตัวรอดได้ ไม่อย่างนั้นสติไม่พอ รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นก่อน ก็โดนลากไปไกลหลายกิโลเมตรแล้ว”

เถรี
30-10-2020, 23:57
ถาม : เดจาวูนี่เป็นอนาคตังสญาณหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เป็นไปได้ทั้งอนาคตังสญาณและอตีตังสญาณ ส่วนใหญ่แล้วฝรั่งเขาเข้าใจว่าเป็นอนาคตังสญาณ แต่เราต้องเห็นอย่างเช่นว่า เขามองภาพบางอย่าง เสร็จแล้วเขารู้สึกว่าเขาเคยมาที่นี่มาก่อน อันนั้นก็คืออตีตังสญาณ ในอดีตเคยมาตรงนั้น คนไทยเราใช้คำว่าเหมือนกับฝันไป ...(หัวเราะ)...

เถรี
05-11-2020, 09:45
ถาม : พ่อของหนูมีเพื่อน ...(ไม่ชัด)... จะชวนพ่อหนูไปทำงาน ?
ตอบ : ถ้ามีงานอยู่แล้วจะไปสนใจเขาทำไม ? จำไว้ว่าใครช่วยเราก็คือต้องเป็นหนี้บุญคุณเขา หนี้อะไรก็ใช้ได้หมด หนี้บุญคุณใช้ไม่มีวันหมด เพราะฉะนั้น..ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าเป็นหนี้บุญคุณใคร มีอะไรทดแทนได้ก็ทดแทน ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปขอร้องใคร

ก่อนนั้นมีพระผู้ใหญ่จะให้อาตมาเป็นพระครูฐานานุกรม คือพระครูปลัดของเจ้าคุณชั้นธรรม ซึ่งถ้าหากว่าได้เลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตร ก็จะได้เทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอก แต่อาตมาไม่ไปรับ จะได้ไม่ต้องเป็นหนี้บุญคุณใคร

เถรี
05-11-2020, 09:51
ถาม : ตอนที่ทรงอารมณ์นิพพาน ควรจะต้องเป็นอารมณ์ที่นิ่งสงบไปเลยหรือว่าอย่างไรคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่ รัก โลภ โกรธ หลง ไม่เกิดก็พอแล้ว รัก โลภ โกรธ หลง ไม่เกิดก็เอาใจเกาะพระหรือเกาะพระนิพพานไว้ ถ้าเกาะพระพุทธเจ้าก็นึกว่าพระพุทธเจ้าอยู่บนพระนิพพาน

ถาม : ระหว่างนั้นถ้าไม่รู้จะทำอะไร แล้วภาวนาได้ไหมคะ หรือควรจะหยุดที่อารมณ์นิ่ง ๆ ไปเลย ?
ตอบ : ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ดูลมหายใจ ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ ภาวนาไปด้วย ถ้าลมหายใจหายไป คำภาวนาหายไป ค่อยรับรู้อย่างเดียวว่าตอนนี้หายไป

ถาม : (ไม่ชัด) ?
ตอบ : ต้องดูด้วยว่าตอนนั้นลักษณะเป็นอย่างไร เพราะว่าบางอย่างอาจจะออกไปในแนวของอรูปฌานก็ได้ ดังนั้น..ถ้าเอาแน่ ๆ ก็คือนึกถึงภาพพระไว้เป็นหลัก

ถาม : พอนึกถึงภาพพระเสร็จแล้วจะนึกว่าตัวเองลอยเข้าไปอยู่ในองค์พระ แล้วจะกลายเป็นความสว่าง สว่างไปหมดเลยค่ะ ?
ตอบ : ก็เอาแค่นั้นแหละ กำหนดว่าเราอยู่กับพระหรือยู่กับพระนิพพาน แล้วรักษาอารมณ์นั้นให้อยู่กับเราให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

เถรี
05-11-2020, 09:54
ถาม : (ไม่ชัด) ?
ตอบ : นิ่งก็รู้ว่านิ่ง คิดก็รู้ว่าคิด เรามีหน้าที่ตามดูตามรู้เฉย ๆ อย่าไปปรุงไปแต่งอะไร

ถาม : แม้แต่อยากให้อารมณ์นี้อยู่นาน ๆ ก็ไม่ควรใช่ไหมคะ ?
ตอบ : อยากก็ไม่ได้ ดิ้นรนให้พ้นไปก็ไม่ได้ เรามีหน้าที่ตามดูตามรู้เท่านั้น

ถาม : แล้วจะทำอย่างไรให้รักษาอารมณ์ตรงนี้ให้ได้นาน ๆ คะ ?
ตอบ : ทำบ่อย ๆ พอสภาพจิตเคยชิน สมาธิก็จะยืนยาวขึ้นไป แต่คราวนี้พอเราไปเริ่มอยาก ใจเริ่มฟุ้งซ่านก็หลุด หลุดแล้วก็ให้ตื๊อกลับเข้าไปใหม่

เถรี
05-11-2020, 09:56
ถาม : อารมณ์นี้บางครั้งก็ทำให้เหมือนแบบเฉยชากับอะไรที่เข้ามา ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ?
ตอบ : แล้วไม่ดีหรือ ? หรือจะกระโดดโลดเต้นตามกิเลสไป ? ถ้าทำได้จะตายด้านชั่วคราว จนกว่าเราจะไปปรุงไปแต่งใหม่ ถึงจะ รัก โลภ โกรธ หลง ใหม่ ทำให้หลายคนที่ไม่เคยเข้าถึง คิดว่าตัวเองบรรลุแล้ว แต่ความจริงเป็นการใช้กำลังสมาธิกดกิเลสเอาไว้เท่านั้น

ถาม : บางครั้งก็ซ้อนกาย ?
ตอบ : จะทำอะไรก็ทำ แต่ถ้าหากว่าปรุงแต่งมาก ๆ เผลอเมื่อไรจะโดนกิเลสจะตีร่วง..!

เถรี
05-11-2020, 09:58
ถาม : อยู่กับอารมณ์ปัจจุบันนี่อยู่อย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็อยู่กับลมหายใจตรงหน้า

ถาม : อยู่แล้วก็คิดว่า เราไม่มีในร่างกายแบบนี้ ทำไม่ได้ค่ะ ?
ตอบ : ไม่จำเป็นต้องคิดก็ได้

ถาม : อยู่กับลมหายใจ ?
ตอบ : อยู่แค่ตรงนี้ ไม่ไปอดีตไม่ไปอนาคต ถ้าทำงานอยู่ก็จดจ่อกับงานเฉพาะหน้า

เถรี
05-11-2020, 10:02
:cebollita_onion-17::cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนตุลาคม ๒๕๖๓ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-17::cebollita_onion-17:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล คะน้า เถรี เผือกน้อย และนายกระรอก