๖. “
การปฏิบัติธรรมเป็นสมบัติของพวกเอ็งที่จะนำติดตัวมาพบพ่อได้ แต่ไม่ใช่เร่งความตายให้ใกล้เข้ามา จำไว้ ร่างกายยังมีชีวิตอยู่ จงทำหน้าที่ตอบสนองคุณพระพุทธเจ้าที่ทรงสั่งสอนพระธรรม จนพ่อนำมาสอนพวกเอ็งให้พ้นทุกข์ได้อย่างเต็มความสามารถ ทำด้วยกำลังใจที่เบิกบาน”
๗. “
อนาคตอะไรที่รออยู่ข้างหน้านั้นไม่เที่ยง แต่ความตายของร่างกายของพวกเอ็งนั้นเที่ยงแน่ กฎของกรรมมันก็เที่ยง เพราะฉะนั้นพวกเอ็งจงอย่าประมาท รีบทำความเพียรให้จิตเที่ยง เพื่อมาพระนิพพานดีกว่า ทำความเพียรอย่างผู้มีสติ คือ ไม่ใช้ความเพียรด้วยอารมณ์โมหะ โทสะ ราคะ จำไว้ ถ้าทำแล้วโมหะ โทสะ ราคะเพิ่ม อันนี้ไม่ใช่ความเพียรที่ถูกทาง ต้องให้ทำแล้วโมหะ โทสะ ราคะลดลง อันนั้นแหละเป็นความเพียรที่ถูกทาง”
๘. “พวกเอ็ง ๒ คน อย่าทิ้งการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในการปฏิบัติธรรม ชี้แนะแก่กันและกัน ตรวจสอบความบกพร่องในการปฏิบัติธรรมกันอยู่เสมอ ๆ ไม่จำเป็นต้องคุยกันมาก เอาแต่เนื้อหาสาระมาแนะนำ ปรึกษากันในเวลาเล็กน้อย ที่พบในขณะทำวัตรเช้าและเย็น และกรรมฐานเที่ยงก็พอ ไม่จำเป็นต้องคุยกันมากเหมือนสมัยก่อนแล้ว
หลีกเลี่ยงโลกะวัชชะ ทำคนอื่นที่นินทาให้เดือดร้อนนั้นเราไม่ทำ เลิกเบียดเบียนตนเองด้วย เลิกเบียดเบียนคนอื่นด้วย ค่อย ๆ ทำไป อย่าใจร้อน แต่ก็ห้ามใจเย็นจนเกินไป ทำให้พอดี ๆ ก็แล้วกัน เทานี้นะ พ่อไปละ”
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๖
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
www.tangnipparn.com