|
มิงกะละบาร์ เมียนมาร์ มิงกะละบาร์ เมียนมาร์ โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
|||
|
|||
มิงกะละบาร์ เมียนมาร์ ตอนที่ ๑๘
อากาศหนาวเอาเรื่องทีเดียว ภาวนาจนตีห้าแล้วชวนท่านจันทร์กับท่านนาวินไปสรงน้ำ ท่านจันทร์คิดว่าล้อเล่น พอเห็นเราสองคนสรงกันจริง ๆ ถึงกับตาเหลือก คงคิดว่าคบกับสองคนนี้ เห็นท่าจะตายเสียก่อนเวลาอันควรละมั้ง..?
สวดมนต์ไหว้พระเสร็จโชเฟอร์ก็มาตามพอดี นึกว่าจะพาไปฉันเช้า ที่ไหนได้..มันออกรถเลย..! พอคุณปู่เจ้าปัญหารู้เข้าแกก็โวยวายใหญ่ บอกให้ลงไปฉันก่อน อดข้าวนะไม่เป็นไรหรอกปู่จ๋า...ถ้าทหารมันเปลี่ยนใจไม่ให้ไปนี่สิเรื่องใหญ่... ฝ่าอากาศหนาวและฝุ่นตลบออกมาเป็นคันแรก ผ่านบ้านแมสะลิ อาตมาโดดลงไปซื้อน้ำกระป๋องกับขนมมาฉันรองท้องกับครูบาน้อย ให้ตายดิ้น...มันคิดราคาครึ่งหนึ่งของภัตตาคารการเวกเลยว่ะ..! แต่ขนเข้ามาถึงกลางป่าแบบนี้ ถึงคิดแพงหน่อยก็ต้องให้เขา... ถึงด่านกะเหรี่ยงที่บ้านอาปะลง ทหารกักรถไว้ด้วยสงสัยว่าทำไมมาเช้านัก ? พอรู้เรื่องมันรีบแจ้นไปบอกนายทันที เป็นเรื่องแน่งานนี้... รถจอดเกือบสิบคัน ทุกคันแย่งกันฟ้องนายด่านที่รับฟังด้วยอาการสงบ ความซวยมาเยือนทหารพม่าแน่งานนี้..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2013 เมื่อ 02:17 |
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
|||
|
|||
ฉวยโอกาสฉันเช้าแบบรีบด่วน เขามีแค่น้ำพริกกับผัดเผ็ดเนื้อเก้ง รอจนจ่ายค่าผ่านทางเสร็จก็ออกเดินทางต่อ มาถึงด่านมอญที่ปงกะตา ต้องจ่ายอีกรอบตามระเบียบ มอญกับกะเหรี่ยงพูดกันง่าย มีอัตราจ่ายที่แน่นอน แต่พม่าต้องแล้วแต่อารมณ์ของนายด่านเขา...
ขึ้นเขาสูงลิบมาลงที่ชองโส่ง จะดีจะชั่วรถคันนี้ก็เชื่อถือได้เรื่องเครื่องยนต์กลไก โชเฟอร์จอดซุ่มดูลู่ทางอยู่นอกด่าน เพราะท้ายรถนอกจากพวกอยู่บ้านอู่ล่องของไทย ที่ไปเยี่ยมญาติกลับมา ๗ คนแล้ว ยังมีพวกไม่มีบัตรทั้งไทยทั้งพม่าอีก ๖ คน ถ้าพลาดมีหวังพาจนกันทั้งคันรถ..! หัวคิดมันร้ายสมกับที่หากินทางนี้ เล่นขับรถทั้งคันพุ่งลงห้วย เหมือนกับอยากจะล้างรถเสียเต็มประดา จากนั้นตัวเองลุยขึ้นไปเคลียร์ด่าน เล่นแบบนี้มันผ่านได้แหงแซะ...หนาวจะตายชัก ใครมันจะลุยน้ำมาตรวจ บอกอย่างไรก็ต้องเชื่อตามนั้น..! ผ่านฉิวไปอีกด่าน ลุยขึ้นจากห้วยท่ามกลางแดดสาย ผ่านบ้านจอปุลุ บ้านจงกุย มาหยุดก่อนถึงด่านยูวาติ๊ด โชเฟอร์จอดให้พวกไร้สัญชาติลงที่นี่ ชี้ทางให้เดินลัดป่าข้ามไปฝั่งไทยเอาเอง ถึงลำบากหน่อยก็ดีกว่าติดคุกหัวโต..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2013 เมื่อ 02:18 |
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
|||
|
|||
มาอีกหน่อยพวกบ้านอู่ล่องขอลงบ้าง บอกว่าทยอยกันนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างผ่านไปทีละคนจะง่ายกว่า เหลือพวกที่มีบัตรพม่ากับพระสามรูปไปผ่านด่านกันเอง ไม่มีปัญหา...
พ้นด่านยูวาติ๊ดมาถึงด่านขนส่ง อาตมาโดดลงปลดจีวรวางบนโต๊ะของเจ้าหน้าที่ คว้าสบู่กับผ้าเช็ดตัวเดินอาด ๆ ไปยังถังน้ำ ล้างหน้าเช็ดตัวยังไม่พอ ซ้ำฉี่รดมันเสียด้วย ทำแบบไม่เกรงใจอย่างนี้มีแต่พระพม่าแท้เท่านั้น.. หลุดมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง อาตมาจ้องเหมือนกับสนใจการทำงานของเขาเสียเต็มประดา เจ้าหน้าที่ทนสบสายตาไม่ไหวต้องหลบไปเอง ฮ่า...เขาเรียกว่าตัดไม้ข่มนาม ถูกจับตรงนี้ก็ลำบากมันพาเราไปส่งฝั่งไทยอีก ฮิ...ฮิ... ออกจากด่านตรวจเลี้ยวซ้ายมาทางวัดตองไว หยุดแค่บ้านโยมชาวหนองบัว ทุกคนดีอกดีใจที่พบครูบาน้อยกับครูบาไทยอีก อาตมาสองคนจับท่านจันทร์โกนคิ้ว แต่งองค์ทรงเครื่องเป็นพระไทย แล้วบอกลาโยมเดินลัดทางไป...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2013 เมื่อ 02:19 |
สมาชิก 58 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
|||
|
|||
สามล้อแดงคันหนึ่งเกิดศรัทธา นิมนต์ขึ้นรถพาไปส่งตรง “ทางหมาลอด” ที่ตอนออกพรรษาอาตมามุดข้ามไปนั่นแหละ ขอบใจในความเอื้อเฟื้อของเขา เดินสองก้าวก็ถึงฝั่งไทย ท่านจันทร์ทำหน้างง ๆ มันถึงไทยง่ายขนาดนี้เชียวหรือ..?
สองแถวไม่อยู่ติดท่าสักคัน โทร.หาทิดจิตรก็ไม่มีคนรับสาย โบกรถจนตำรวจสงสัยมาถาม พอทราบความเขาบอกว่า รถจะออกจากท่าเที่ยงยี่สิบนาที จึงไปซื้อฝรั่งเวียดนามกับส้มมาฉันให้สมกับที่อดมานาน มีท่านจันทร์นั่งมองตาปริบ ๆ คงสงสัยว่ามากับลิงหรือเปล่า..? ถึงท่ารถสังขละบุรี ทั้งรถตู้ทั้งรถทัวร์ต้องรอจนบ่ายสองสี่สิบจึงจะมีที่ว่าง นั่งรถธรรมดาไปก็ได้ รถออกบ่ายโมงสิบห้านาที พอรถขยับออก พระเณรที่ซุ่มอยู่ก็พรวดออกมาขึ้น พรึ่บเดียวเหลืองอร่ามไปครึ่งคันรถ..! บรรลัยเสียกระมัง..? ไอ้พวกพาจนเยอะเหลือเกิน..! อาตมาให้ท่านจันทร์สวมแว่นกันแดดไว้ รูปร่างหน้าตาท่านเหมือนกับฝรั่งอยู่แล้ว ตำรวจทหารคงไม่ยุ่งด้วย เบียดท่านชิดใน ให้ท่านนาวินนั่งกลาง อาตมาประกบด้านนอกไว้...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2013 เมื่อ 02:20 |
สมาชิก 58 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
|||
|
|||
ทั้งด่านตำรวจ ทหาร อ.ส. ตชด. และด่านตรวจคนเข้าเมือง ผ่านได้อย่างง่ายดาย เพราะอาตมากับครูบาน้อยใช้วิธีชิงถามเสียก่อน พูดไทยชัดแจ๋วทั้งคู่ เขาจึงไม่ได้สงสัยไปถึงฝรั่งปลอมด้านข้างที่นั่งเงียบ กลับไปขู่ตะคอกฆราวาสและพระเณรอื่นแทน ใครฟอร์มหลุดเสร็จเขาแน่...
สงสัยว่าทำไมตรวจตราเข้มนัก มาถึงทองผาภูมิจึงทราบเรื่อง นักศึกษาพม่าที่บุกยึดสถานทูตครั้งก่อน กับทหารกะเหรี่ยง “ก๊อดอาร์มี่” หวังสร้างชื่ออีกครั้ง โดยบุกยึดโรงพยาบาลสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ในวันที่อาตมาสองคนกลับจากตองยีถึงย่างกุ้งนั่นแหละ..! คราวนี้ไม่ง่ายแบบครั้งก่อนที่ไทยปล่อยไปง่าย ๆ จนมันได้ใจ หากแต่ส่งหน่วยคอมมานโดชาร์จเข้าไป จัดการเด็ดหัวเสียเรียบ ๑๐ ศพ..! กองกำลังก๊อดอาร์มี่โกรธแค้นมาก ประกาศจะแก้แค้นทุกวิถีทาง จึงต้องคุมเข้มกันหน่อย... ทิดจิตรเล่าพลางขับรถไปพลาง ท่านจันทร์ทราบเข้าถึงกับยกมือท่วมหัว บอกว่าถ้ามาเองคงเสร็จตั้งแต่ด่านแรกแล้ว...บ่ายสามครึ่ง มาถึงเกาะพระฤๅษีโดยสะดวกง่ายดาย และปลอดภัยทุกประการ... ๓๑ มกราคม ๒๕๔๓
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2013 เมื่อ 02:21 |
สมาชิก 65 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|