กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-05-2024, 20:03
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 405
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 21,182 ครั้ง ใน 885 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-05-2024, 21:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,259
ได้ให้อนุโมทนา: 153,666
ได้รับอนุโมทนา 4,438,630 ครั้ง ใน 34,863 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ตั้งแต่เช้ามืด กระผม/อาตมภาพและคณะก็ได้เดินทางไปยังจังหวัดจันทบุรี ซึ่งต้องใช้คำว่า "เป็นการเดินทางไปรับการทำบุญประจำปี" ซึ่งกระผม/อาตมภาพบางทีก็ใช้คำพูดในลักษณะที่ว่า "เป็นหน้าการไปฉันทุเรียน..!"
ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็ฉันทุเรียนไม่ได้ เนื่องเพราะว่าฉันไป ๑ เม็ด ก็เป็นอันว่าความดันขึ้น ปวดศีรษะไป ๓ - ๔ วันเป็นอย่างน้อย กว่าที่จะบรรเทาลง


กระผม/อาตมภาพกลายเป็นบุคคลที่ไม่มีลาภปาก ทั้ง ๆ ที่ลูกศิษย์ก็มีสวนทุเรียนอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี มีสวนทุเรียนอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี และอีกหลายต่อหลายท่านมีสวนทุเรียนอยู่ที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่มีทุเรียนอร่อยเป็นที่เลื่องลือ ได้แต่นั่งมองแล้วก็ลุ้นเวลาคนอื่นเขากินทุเรียนกันเท่านั้นเอง

ต้นเหตุที่ต้องมาเพื่อที่จะรับการทำบุญประจำปีนั้น เกิดจากในสมัยที่หลวงลุงสุนทร (พระสุนทร สุธมฺมสุเมโธ) ซึ่งท่านเป็นรุ่นน้อง บวชทีหลัง ๓ พรรษา ท่านได้ชวนให้ไปเยี่ยมบ้านของท่าน เมื่อกระผม/อาตมภาพเดินทางไปถึง ได้พูดคุยทักทายกับทางครอบครัวของหลวงลุงสุนทรท่านจนกระทั่งหายคิดถึงกันแล้ว หลวงลุงท่านก็ชวนว่า "ผมจะพาหลวงพี่ไปเยี่ยมเพื่อนตั้งแต่สมัยฆราวาส เป็นนักปฏิบัติธรรมชั้นยอดท่านหนึ่ง"

แล้วเราก็เดินทางจากบ้านหลวงลุงสุนทรที่อำเภอเขาคิชฌกูฏ ไปยังบ้านของคุณเชิญ บุญรังษี ผู้เป็นเพื่อน ที่บ้านบางกะจะ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ครั้นไปถึงพูดคุยทักทายกันแล้ว คุณเชิญ บุญรังษี ซึ่งปฏิบัติธรรมมาหลายสิบปี ก็ขอถามปัญหาที่ติดขัดอยู่ หลวงลุงสุนทรบอกว่า "ถามหลวงพี่ของผมดีกว่า ท่านถนัดเรื่องนี้มากกว่าผมเยอะเลย"

เมื่อกระผม/อาตมภาพได้แก้ไขปัญหาด้านการปฏิบัติธรรมไปแล้ว คุณเชิญ บุญรังษี ดีใจเป็นอย่างมาก เนื่องเพราะว่าติดขัดมานานหลายปีเหลือเกิน ไม่มีใครสามารถแก้ไขปัญหาให้กับท่านได้ ดังนั้น..จึงได้นิมนต์ โดยบอกว่า "อย่างน้อยขอท่านให้ไปได้ทำบุญสักปีละ ๑ ครั้ง ถ้าหากว่าตนเองเสียชีวิตแล้ว ก็จะให้ลูกหลานนิมนต์ต่อไป.."

ภายในปีถัดมานั่นเอง คุณเชิญ บุญรังษี และลูกหลานก็วิ่งจากอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี นำเอาทุเรียน ๘ ผล ไปถวายให้กระผม/อาตมภาพที่เกาะพระฤๅษี บอกว่าเป็นทุเรียนรุ่นแรกของปีนี้ อยากที่จะถวายพระเสียก่อน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-05-2024 เมื่อ 02:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 28-05-2024, 22:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,259
ได้ให้อนุโมทนา: 153,666
ได้รับอนุโมทนา 4,438,630 ครั้ง ใน 34,863 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่กลืนน้ำลาย เพราะว่าต้องวิ่งเป็นระยะทางถึง ๘ ชั่วโมง กว่าที่จะนำทุเรียนแค่ ๘ ผลไปถวายให้ถึงเกาะพระฤๅษี ในเมื่อเห็นกำลังใจส่วนนี้ของท่านแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงต้องหาเวลาเดินทางมาให้ลุงเชิญ บุญรังษี ได้ทำบุญทุกปี จนกระทั่งท่านเสียชีวิตไปแล้ว คุณตี๋ (นายชาญยุทธ บุญรังษี) ผู้เป็นลูกชายก็ได้นิมนต์ต่อมา ซึ่งปัจจุบันนี้คุณตี๋ ได้เปลี่ยนชื่อเป็นกอบกฤต แทนที่จะเป็นชาญยุทธเหมือนเดิม แล้วก็จากบ้านบางกะจะ ก็มาที่สวนของคุณตี๋ที่บ้านเขาพลอยแหวน ตำบลพลอยแหวน อำเภอท่าใหม่นี้แทน

ครั้นเดินทางไปถึง ก็ได้พูดคุย ตลอดจนกระทั่งรับการทำบุญประจำปีตามปกติ หลังจากที่ฉันเพลแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวเดินทางกลับ เนื่องเพราะว่าถนนหนทาง นอกจากจะไกลมากแล้ว ถ้าหากว่ากลับช้า รถยังจะติดมากอีกด้วย

ครั้นกลับถึงที่พักแล้ว
กระผม/อาตมภาพได้จัดวัตถุมงคล เพื่อให้ไอ้ตัวเล็กเอาไปส่งให้แก่ผู้ที่ได้จองเอาไว้ ซึ่งรอบนี้นั้น กระผม/อาตมภาพได้นำเอาของแพง หายาก ก็คือบรรดาเบี้ยแก้ต่าง ๆ ทั้งของหลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว ซึ่งเป็นรุ่นที่พวกเรายังทันกันอยู่ ไปถึงเบี้ยแก้อันดับ ๑ ของเมืองไทย ก็คือเบี้ยแก้ของหลวงปู่รอด วัดนายโรง ซึ่งกว่าที่กระผม/อาตมภาพจะหาที่สมบูรณ์ได้สักลูกหนึ่งก็แสนจะยาก เพราะว่าผ่านระยะเวลามาเป็นร้อยปีแล้ว..!

ส่วนใหญ่ก็มักจะห้อยแขวนกันจนหูเบี้ยขาดหมด ยกเว้นว่าไปเจอท่านที่ใช้วิธีแบบโบราณ ก็คือห่อผ้า แล้วก็ขอดใส่ชายผ้าหรือว่าใส่กระเป๋าไว้ ถ้าอย่างนั้นก็พอที่จะรักษาสภาพให้สมบูรณ์เอาไว้ได้

กระผม/อาตมภาพที่เจอเบี้ยแก้สมบูรณ์ลูกแรก แม้ว่าราคาจะสูงมาก ก็พยายามตื๊อ จนกระทั่งทางด้านเจ้าของยินยอมจำหน่ายให้ ครั้นเมื่อสอบถามเพิ่มเติมแล้ว ถึงได้รู้ว่ามีบางท่าน ซึ่งสมัยนั้นได้ขอให้หลวงปู่รอดสร้างเบี้ยแก้ให้ทั้งครอบครัว จึงได้ติดตามไป แล้วก็ทำการกวาดมาจนหมด..! เนื่องเพราะว่าเด็กรุ่นหลัง ๆ นั้น มักจะไม่เห็นคุณค่า

รุ่นปู่ย่าตาทวดทันพระเกจิอาจารย์ เห็นความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคล จึงเพียรพยายามที่จะหามาเพื่อป้องกันตนเองและครอบครัว พอผ่านถึงรุ่นลูก ความสำคัญก็ลดน้อยลงไป ครั้นถึงรุ่นหลาน ส่วนใหญ่ก็มักจะเอามาจำหน่าย หาเงินใส่กระเป๋าเสียมาก กระผม/อาตมภาพต้องนับว่าโชคดี ที่ไปเจอบุคคลที่ท่านใช้วิธีเก็บเบี้ยแก้ด้วยห่อผ้า แล้วก็ขอดติดตัวเอาแบบคนโบราณ จึงได้เบี้ยที่ค่อนข้างสมบูรณ์มาหลายตัว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-05-2024 เมื่อ 02:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 28-05-2024, 22:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,259
ได้ให้อนุโมทนา: 153,666
ได้รับอนุโมทนา 4,438,630 ครั้ง ใน 34,863 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกส่วนหนึ่งที่นำมาให้ได้บูชาก็คือเขี้ยวเสือ หลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย หรือที่ชื่อเป็นทางการว่าวัดมงคลโคธาวาส คำว่า โคธา ในภาษาบาลีก็แปลว่าเหี้ยนั่นเอง ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ไม่ทราบเหมือนกัน ทำไมกลายเป็นคำหยาบไปได้ ?

หลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ยนั้น ชื่อของท่านมีจารึกอยู่ในหนังสือเสด็จประพาสต้น ซึ่งเป็นพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราช ในหลวงรัชกาลที่ ๕ ในคราวที่เสด็จออกประพาสต้น ซึ่งพระองค์ท่านพบเห็นสิ่งใด ก็จดเอาไว้ในลักษณะของบันทึกประจำวัน ท่านใช้คำว่า "หลวงปู่ปานนั้น มีรูปร่างล่ำสัน สูงใหญ่ วัตถุมงคลที่ท่านทำแล้วเป็นที่ยอมรับของลูกศิษย์ลูกหามากมาย ก็คือเขี้ยวเสือ ที่แกะเป็นรูปเสือ ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง บางขณะราคาสูงมากถึง ๑ บาท และเคยสูงไปถึง ๖ บาท..!"

คำว่า ๖ บาทในสมัยของเรานี้ราคาต่ำมาก ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า ในสมัยรุ่นโยมพ่อของกระผม/อาตมภาพนั้น ข้าวเปลือกเกวียนละ ๑ บาทเท่านั้น แล้วยุคสมัยรัชกาลที่ ๕ นั้น กระผม/อาตมภาพไม่มั่นใจว่าข้าวเปลือกเกวียนละเท่าไร แต่ถ้าหากว่าต้องจ่ายเงินถึง ๖ บาท ซึ่งเป็นราคาข้าวเปลือก ๖ เกวียน ในสมัยโยมพ่อของกระผม/อาตมภาพแล้ว เทียบกับสมัยนี้ ก็น่าจะราคาเป็นแสนจริง ๆ..!

ก็แปลว่าในยุคนั้นสมัยนั้น ญาติโยมทั้งหลายที่ประสบพบกับความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ของเขี้ยวเสือหลวงปู่ปาน ตลอดจนกระทั่งพระเกจิอาจารย์รุ่นหลัง ๆ ที่เป็นศิษย์หลวงปู่ปาน อย่างเช่นว่า หลวงปู่เรือน วัดบางเหี้ยก็ดี หลวงปู่สาย วัดบางเหี้ยก็ตาม หรือว่าลูกศิษย์ที่ไปอยู่วัดอื่น อย่างหลวงพ่อนก วัดสังกะสี ตลอดจนกระทั่งหลวงพ่อวงษ์ วัดปริวาส ซึ่งหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย ท่านมาถ่ายทอดให้ "แบบไม่มีตัวตน" ก็ตาม ก็ล้วนแล้วแต่เป็นของขลัง ของศักดิ์สิทธิ์ ที่ลูกศิษย์ลูกหาเสาะหากันเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าพอมาถึงรุ่นของพวกเราท่านทั้งหลาย ก็มักจะราคาแพงสูงติดฟ้าไปเลย..!

กระผม/อาตมภาพ กว่าที่จะได้เขี้ยวเสือของแท้มา กว่าที่จะดูเป็นว่าของแท้เป็นอย่างไร ก็รับเอาของปลอมมาเสียหลายต่อหลายตัวด้วยกัน แล้วมาระยะหลัง เมื่อมีญาติโยมที่บูชาต่อ แล้วนำไปให้ในวงการพิจารณา เขาก็มักจะตีว่าปลอมไปเลย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าบรรดาเซียนพระทั้งหลายนั้น ถ้าหากบอกว่าของแท้ ก็เกรงว่าคนอื่นจะขายของได้เงินไปแทนตนแอง ถ้าบอกว่าเป็นของปลอม ก็เป็นอันว่าจบเรื่องกัน ถ้าคนอยากได้ของแท้ ก็จะได้ไปเสาะหาจากตนเอง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-05-2024 เมื่อ 02:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 28-05-2024, 22:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,259
ได้ให้อนุโมทนา: 153,666
ได้รับอนุโมทนา 4,438,630 ครั้ง ใน 34,863 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หรือบางคนที่พอมีจรรยาบรรณอยู่บ้าง ก็มักจะตีว่าเป็นของแท้ แต่ว่ามักจะให้ราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ซึ่งกระผม/อาตมภาพเจอมาด้วยตนเอง ก็คือมีเซียนพระใหญ่อยู่รายหนึ่ง เพิ่งจะจำหน่ายหลวงปู่ทวด เนื้อว่าน ปี ๒๔๙๗ ไปในราคา ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท

กระผม/อาตมภาพให้ลูกศิษย์นำพระของตนเอง ซึ่งสวยกว่า เอาไปให้เขาลองตีราคาดู ปรากฏว่าอีกฝ่ายให้ราคาแค่แสนเดียว..! กระผม/อาตมภาพจึงได้มอบพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่าน ปี ๒๔๙๗ องค์นั้นให้กับลูกศิษย์ บอกว่า "เขาให้ราคาเท่าไรก็อย่าขาย แต่เอาไปแขวนเย้ยมันเสียบ้าง ว่าเรามีของสวยกว่า..!"

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ หลายท่านที่เข้าไปในวงการแล้วก็เข็ดหลาบไปตาม ๆ กัน เนื่องเพราะว่าไปโดนเขาต้มเอาบ้าง ไปโดนเขากดราคาบ้าง ไปโดนเขาตีว่าเป็นของปลอมบ้าง จนกระทั่งเสียกำลังใจ เลิกคบ เลิกเข้าวงการไปเลยก็มี แต่เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราเข้าใจว่าเป็นธรรมดาของบุคคลที่ยังเต็มด้วย รัก โลภ โกรธ หลง ก็จะต้องทำในลักษณะนี้เพื่อตนเอง

แต่ถ้าหากว่าท่านใดไปเจอกับเซียนพระ หรือว่าผู้ที่เล่นเครื่องรางของขลัง ที่มีศีลมีธรรม ท่านก็จะได้ราคาที่ยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งน้อยนักที่เราจะได้เจอบุคคลแบบนั้น ส่วนใหญ่ก็มักจะฟันกันชนิดหัวขาดไปข้างหนึ่ง..! เรียกง่าย ๆ ว่ากินกำไรทีเดียว แล้วก็ไม่ต้องคบหากันไปอีกเลย เป็นต้น

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-05-2024 เมื่อ 02:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:24



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว