กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า เมื่อวานนี้, 19:47
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,582
ได้ให้อนุโมทนา: 218,389
ได้รับอนุโมทนา 761,797 ครั้ง ใน 37,261 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า วันนี้, 00:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,267
ได้ให้อนุโมทนา: 153,668
ได้รับอนุโมทนา 4,439,038 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ วันนี้ก็มีเรื่องที่ควรจะยกเป็นอุทาหรณ์ของพวกเรา เผื่อว่าโอกาสข้างหน้าไปแล้วจะเจอเข้าบ้าง ก็คือท่านเจ้าคุณกล้า - พระวชิรวาที, ดร. (กล้า วีรรตโน) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ วรวิหาร เพชรบุรี รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี ท่านตั้งใจจะสร้างอาคารเอนกประสงค์ โดยที่จะให้เป็นที่ฝึกอาชีพของเด็กนักเรียนโรงเรียนการกุศลในวัด คือโรงเรียนสุวรรณรังสฤษฏ์วิทยาลัย

แต่ปรากฏว่าช่างต้องไปทุบรั้วออกส่วนหนึ่ง แล้วที่บังเอิญก็คือที่รั้วตรงนั้นมีฝีมือปูนปั้นสกุลช่างเมืองเพชร ของท่านอาจารย์ทองร่วง เอมโอษฐ ซึ่งเป็นศิลปินแห่งชาติด้วยติดอยู่ ก็เลยเจอทั้งสื่อมวลชนและญาติโยมถล่มกันเละเทะ อย่างชนิดที่ภาษาสมัยนี้เขาเรียกว่า "ทัวร์ลง" เมื่อกระผม/อาตมภาพสอบถามไป ท่านเจ้าคุณกล้าบอกว่าตอนที่จะสร้างก็ได้ประชุมสอบถามทุกคนแล้ว ไม่มีใครคัดค้าน แต่พอถึงเวลามีเหตุขึ้นมาแล้วก็มาคัดค้านด่ากันตอนนี้เอง

จะว่าไปแล้ว ท่านเองก็เพิ่งจะเป็นเจ้าอาวาสไม่นาน อายุก็ยังน้อยอยู่ เจอแรงเสียดทานหนัก ๆ แบบนี้เข้าก็แทบหมดกำลังใจ ท่านถึงขนาดปรารภในกลุ่มไลน์พระอุปัชฌาย์ ๕๑ ว่าหลวงปู่หลวงพ่อท่านใดที่เป็นเจ้าอาวาสมานาน ๆ สามารถช่วยกันค้ำจุนพระพุทธศาสนาได้ ท่านขออนุโมทนาด้วย ท่านเพิ่งจะเป็นเจ้าอาวาสก็โดนเสียขนาดนี้แล้ว

ความจริงเรื่องนี้ ถ้าหากว่าท่านชี้แจงอย่างชัดเจนตั้งแต่แรกเรื่องก็จะจบ แต่คราวนี้ท่านไม่ได้ชี้แจง แต่ไปใช้สำนวนนักเทศน์ ลงเฟซบุ๊กประมาณว่า โอกาสก็เหมือนไอติม ถ้าไม่ใช่ฉวยไว้ชิมก็ละลายเสียเปล่า ก็เลยโดนด่าเช็ดไปโดยปริยาย

แต่ว่าอีกส่วนหนึ่งที่ กระผม/อาตมภาพคิดว่าไม่เห็นด้วย ก็คืออาคารเอนกประสงค์หลังนั้นจะมีส่วนหนึ่งเป็นร้านกาแฟด้วย น่าจะเห็นว่าหลายวัดมีร้านกาแฟรสพระทำ ซึ่งนอกจากจะเป็นที่ต้อนรับเพื่อนพระสังฆาธิการหรือพระเถระแล้ว ก็ยังเป็นที่ซึ่งญาติโยมไปที่เที่ยววัดสามารถซื้อหากาแฟกินกันตามชอบใจของตนเองได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า วันนี้, 00:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,267
ได้ให้อนุโมทนา: 153,668
ได้รับอนุโมทนา 4,439,038 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ที่กระผม/อาตมภาพไม่เห็นด้วยเพราะว่าเรื่องของการค้าขายไม่ควรที่จะมีอยู่ในวัด ซึ่งส่วนนี้สมัยก่อนที่ท่านทั้งหลายเห็นว่ากระผม/อาตมภาพอนุญาตให้ญาติโยมนำเอาสินค้ามาจำหน่ายในวัด นั่นเป็นคนละเรื่องกัน เพราะว่าส่วนนั้นญาติโยมจำหน่ายแล้วรายได้เป็นของเขา ช่วยให้ผู้คนรอบวัดมีกินมีใช้ แล้วพอถึงเวลา ถ้าเขาไม่ลำบากด้วยการครองชีพ ก็สามารถที่จะมาวัดได้อย่างค่อนข้างจะสะดวกใจ

แต่ว่าส่วนนั้นถึงแม้ว่าเจตนารมณ์ส่วนหนึ่ง จะเป็นการฝึกอาชีพให้กับเด็กนักเรียน แต่การที่มีร้านค้าอยู่ในวัด หรือว่าร้านกาแฟอยู่ในวัด กระผม/อาตมภาพไม่เคยเห็นด้วยมาตั้งแต่แรกแล้ว

ทุกวันนี้ กระผม/อาตมภาพก็กลายเป็นบุคคลแปลกแยก เวลาอยู่ในงานต่าง ๆ เพราะว่าเขาเสิร์ฟกาแฟก็ไม่รับ เสิร์ฟน้ำเย็นเสิร์ฟน้ำหวานก็ไม่รับ ยกเว้นมีน้ำร้อนให้ถึงจะเอา ในเรื่องของกาแฟนั้น ถ้าเรากินจนติด ก็จะออกอาการเหมือนหลวงพ่อโอนั่นแหละ ท่านพระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร นั่นระดับครูบาอาจารย์คู่สวด สมัยที่กระผม/อาตมภาพบวช ท่านก็แทบจะอาวุโสสูงสุดในวัดอยู่แล้ว พอถึงเวลาเห็นกระผม/อาตมภาพออกธุดงค์ ท่านก็บอกว่า "ผมก็อยากไป แต่ในป่ามันไม่มีเนส" ท่านติดเนสกาแฟ

คราวนี้ในเรื่องของพวกสารเสพติด แม้ว่าจะมีประโยชน์ อย่างเช่นงานวิจัยบางอย่างบอกว่า ถ้าหากว่าดื่มแต่กาแฟดำอย่างเดียว ไม่มีส่วนผสมอื่น ๆ ก็ช่วยให้สมองทำงานดีขึ้น ช่วยให้หัวใจขับเลือดดีขึ้น ซึ่งบางทีกระผม/อาตมภาพก็ไม่ค่อยเชื่อผลวิจัยแบบนี้ เพราะว่าสมัยก่อนเขาจ้างให้ทำผลวิจัยแหกตา เพราะว่าฝรั่งจะขายถั่วเหลืองให้กับเรา ก็บอกว่าน้ำมันถั่วเหลืองดีอย่างโน้น ดีอย่างนี้ ดีอย่างนั้น ๔๐ - ๕๐ ปีก็ต้องสั่งถั่วเหลืองเข้าจากต่างประเทศมา แล้วท้ายที่สุด พอคนของบ้านเราทำวิจัยเป็น ก็บอกว่าน้ำมันหมูที่ใช้กันมาตั้งแต่บรรพบุรุษดีที่สุด ฟังแล้วจะบ้า

แม้แต่ผลการวิจัยก็ยังมีการแหกตากันเพื่อการค้า กระผม/อาตมภาพก็เลยไม่มั่นใจว่าเรื่องของกาแฟจะเป็นผลการวิจัยในลักษณะเดียวกันหรือเปล่า แต่ว่าได้ยินเพื่อนฝูงหลายท่านบอกว่า ถ้าไม่ได้ฉันกาแฟเสียก่อน แล้วไม่มีแรงทำงาน บางท่านก็บอกว่าไม่สดชื่น ทำอะไรก็ติด ๆ ขัด ๆ ไปหมด

ไปนึกถึงบรรดาชาวกะเหรี่ยง ถ้ากระผม/อาตมภาพไปเยี่ยมมื่อบื่อลูกสาวกะเหรี่ยง ไอ้ที่ต้องขนไปส่วนหนึ่งก็คือกาแฟ แล้วคนกะเหรี่ยงกินกาแฟดุมาก เขาไม่ได้ใส่เป็นช้อนชาหรือช้อนกาแฟ เขาเล่นใส่เป็นช้อนโต๊ะ ปี ๒๕๕๘ มีรายงานสถิติจากบ้านทุ่งเสือโทนของเรานี่เอง ว่ารายจ่ายครัวเรือนของชาวบ้านบ้านทุ่งเสือโทน ๓๐ เปอร์เซ็นต์เป็นค่ากาแฟ ก็แปลว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้ว ก็ทำให้เกิดความสิ้นเปลืองเสียเปล่า ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า วันนี้, 00:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,267
ได้ให้อนุโมทนา: 153,668
ได้รับอนุโมทนา 4,439,038 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แม้กระทั่งทุกวันนี้ ท่านทั้งหลายถ้าสังเกตก็จะเห็นว่า กระผม/อาตมภาพไม่ยุ่งเลยกับพวกกาแฟ หรือพวกบรรดาเครื่องดื่มชูกำลังต่าง ๆ เพราะว่าเห็นโทษตั้งแต่สมัยออกธุดงค์แล้ว เพราะว่าทำให้เราจะต้องหาไป แบกหนักยังไม่พอ ถึงเวลาไม่มีก็ทำท่าจะตาย เดินไม่ไหวอีกต่างหาก จึงไม่ได้เห็นด้วยในเรื่องที่มีการตั้งร้านกาแฟ หรือว่าร้านค้าอยู่ในวัด เพราะว่าการค้าขายไม่ใช่เรื่องของพระ แต่ว่าที่ไหนเขาทำ เพื่อหารายได้หรือเพื่อดึงคนเข้าวัด นั่นก็แล้วแต่เขา แต่ที่นี่กระผม/อาตมภาพไม่ทำแน่นอน

คราวนี้ตัวบทเรียนที่อยากจะให้ทุกท่านพิจารณาก็คือว่า เรื่องนี้แม้เจ้าคุณกล้าท่านจะทำอย่างรอบคอบ ถึงขนาดมีการประชุมคณะกรรมการและผู้เกี่ยวข้องแล้ว แต่ปรากฏว่าตอนประชุมไม่มีใครพูด มาด่าตอนที่เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งแก้ไขไม่ทัน

นี่คือลักษณะของปุถุชนทั่ว ๆ ไป ว่าถ้าหากว่าส่วนใหญ่เขาจะเอาอะไรก็มักจะหุบปากเงียบ ไม่พูดในสิ่งที่ควรพูด เพราะกลัวว่าคนจะไม่ชอบขี้หน้าตัวเอง นั่นก็คือรักตัวเองมากกว่าความถูกต้อง แล้วเราจะเจอคนประเภทนี้ในสังคมเยอะมาก ตอนสมควรพูดจะไม่พูด แต่ตอนไม่สมควรพูด มักจะพูดไม่หยุด ก็เลยทำให้เรื่องที่ควรจะสะดวกและง่ายกลายเป็นเรื่องระดับชาติไปเลย เพราะว่าผลงานที่โดนทุบทำลายนั้นเป็นผลงานของศิลปินแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดลงไปหาข้อมูลด้วยตัวเอง พูดออกมาโดนด่าไปด้วย เพราะเขาหาว่าเข้าข้างเจ้าอาวาส

แล้วแต่ละคนก็ด่ากันแบบชนิดที่เรียกว่าเสีย ๆ หาย ๆ ไม่ได้ยึดภาษิตโบราณที่ว่า "ถ้าไม่เห็นแก่หน้าพระ ก็ให้เห็นแก่ผ้าเหลือง" ก็คือขอให้กูได้ด่าไว้ก่อนแล้วจะรู้สึกว่ากูเป็นคนดี เจ้าพวกนี้ต้องยกภาษิตจีนขึ้นมาที่บอกว่า "สวรรค์มีทางไม่รู้จักไป นรกไร้ประตูดันตะกายมา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า วันนี้, 00:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,267
ได้ให้อนุโมทนา: 153,668
ได้รับอนุโมทนา 4,439,038 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ว่าเรื่องทุกเรื่อง พอถึงเวลามีเรื่องอื่นขึ้นมาแทนก็จะค่อย ๆ หมดความสนใจไป แล้วต่อให้ความจริงชัดเจนขนาดไหน สื่อมวลชนที่ด่าไปแล้วไม่เคยมาแก้ข่าวให้ ถึงได้มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกันหลังจากที่มีเรื่องมีราว รอจนศาลตัดสินกว่าที่จะมีการลงข้อความขอขมากัน ก็คือขายข่าวเอามันไว้ก่อน ไม่ได้สนใจว่าความเป็นจริงเป็นอย่างไร แล้วข่าวนั้นจะสร้างความเสียหายให้กับคนอื่นเท่าไรก็ไม่ว่า เพราะว่าตนเองขายได้

พวกเราทำอะไรจึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง เพราะว่าต่อให้คุณทำด้วยความหวังดี ปรารถนาดี แต่ถ้าเผลอไปเตะลูกเข้าทางตีนใครเข้า ก็จะโดนแบบท่านเจ้าคุณกล้าโดนอยู่ ก็คาดว่าถ้าสามารถฝ่ามรสุมลูกนี้ไปได้ก็คงมีการเติบโตทางด้านจิตใจมากขึ้นกว่าเดิม เพราะโดยปกติ ชีวิตท่านค่อนข้างจะราบรื่นมาตลอด ตอนสมัยที่เรียนปริญญาเอกอยู่ด้วยกัน แทบจะเป็นผู้ที่อายุน้อยที่สุดในห้อง แต่ว่าตอนนั้นท่านเป็นรองเจ้าคณะอำเภอแล้ว แล้วมาตอนนี้ก็เป็นเจ้าคุณตั้งแต่หนุ่ม ๆ ต้องโดนมรสุมแบบนี้จะได้แข็งแกร่งขึ้น หรือไม่จะถอดใจสึกหาลาเพศไปหรือเปล่าก็ไม่รู้

พวกเราต้องเข้าใจว่า เราทำอะไรจะอยู่ในสายตาชาวบ้านเสมอ สิ่งหนึ่งประการใดที่จะคิด จะพูด จะทำ ต้องระวังเอาไว้ว่าสร้างความเสียหายให้กับตัวเองและวัดวาอารามของเราหรือเปล่า แล้วโดยเฉพาะบางอย่าง เราอาจจะคิดสั้น ประสบการณ์ไม่ถึง ทำไปด้วยความหวังดีปรารถนาดี ก็ยังกลายเป็นเสียหายไปได้ ก็ถือว่าเป็นบทเรียนสอนใจที่เราจะเอาไว้ใช้ในการทำหน้าที่ต่าง ๆ ของเราต่อไปในกาลภาคหน้า

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 9 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 6 คน )
ธิดา, พุทธภูมิ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:24



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว