กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ > ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ

Notices

ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-08-2024, 15:22
ลลิตา ลลิตา is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Apr 2022
ข้อความ: 34
ได้ให้อนุโมทนา: 1
ได้รับอนุโมทนา 613 ครั้ง ใน 54 โพสต์
ลลิตา is on a distinguished road
Default การพิจารณาวงจรปฏิจจสมุปบาท

กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพ

ลูกปรารถนานิพพาน ขอพึ่งหลวงพ่อสั่งสอนเจ้าค่ะ

กรณีที่ ๑
ลูกได้กลิ่นอาหารแล้วดูเวทนาไม่ทัน แต่เห็นว่ามีตัณหาเกิดความอยากรับประทานขึ้น แล้วพอคิดเรื่องอื่นความอยากก็หายไป

เรียนถามหลวงพ่อดังนี้

๑. พอเห็นอนิจจังของตัณหา หรือเห็นไตรลักษณ์ของขันธ์อื่น ๆ แล้วต้องทำอย่างไรต่อเจ้าคะ

๒. ลูกเข้าใจว่า ตัณหาเกิดต่อมาจากเวทนาซึ่งมาจากผัสสะอีกที เพราะผัสสะเปลี่ยนมาเป็นธรรมารมณ์กระทบใจ ตัณหาความอยากอาหารเลยหายไปตามผัสสะที่เปลี่ยนไป

ความเข้าใจนี้ถูกต้องหรือไม่ และเป็นแบบนี้กับทุกกรณีเลยหรือไม่ และเมื่อเข้าใจแบบนี้แล้วเราจะไปต่ออย่างไร

กรณีที่ ๒

บางครั้งลูกเห็นทันที่เวทนาเกิด และเห็นไตรลักษณ์ของเวทนา จึงยังไม่ทันเกิดตัณหา เช่น ได้ยินเสียงแล้วรู้สึกเฉย ๆ

เรียนถามหลวงพ่อ ดังนี้

๑. ตอนที่รู้สึกเฉย ๆ นั้น เป็นอทุกขมสุขเวทนา ที่ไม่เกิดตัณหาต่อ ใช่หรือไม่

๒. การเกิดอทุกขมสุขเวทนา จะทำอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอวิชชานุสัย

๓. ถ้าต้องเกิดอวิชชานุสัยอยู่แล้ว เพราะเวทนาก็มีแค่ ๓ อย่าง จะต้องทำอย่างไร เพื่อให้เป็นการเห็นอย่างไม่ยินดียินร้าย จะได้ไม่เกิดอวิชชานุสัยจากอทุกขมสุขเวทนา

๔. การเห็นแล้วเกิดอทุกขมสุขเวทนา ใช่การมองด้วยอุเบกขาหรือไม่

๕. ทำอย่างไรจะตัดตรงที่ผัสสะได้เจ้าคะ เพราะปัจจุบันทำได้มากที่สุดแค่เห็นที่เวทนา

น้อมกราบขอบพระคุณหลวงพ่ออย่างสูงเจ้าค่ะ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลลิตา ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 17-09-2024, 03:03
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,900
ได้ให้อนุโมทนา: 273,522
ได้รับอนุโมทนา 845,444 ครั้ง ใน 12,955 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default

ถาม : ลูกได้กลิ่นอาหารแล้วดูเวทนาไม่ทัน แต่เห็นว่ามีตัณหาเกิดความอยากรับประทานขึ้น แล้วพอคิดเรื่องอื่นความอยากก็หายไป

เรียนถามหลวงพ่อดังนี้

๑. พอเห็นอนิจจังของตัณหา หรือเห็นไตรลักษณ์ของขันธ์อื่น ๆ แล้วต้องทำอย่างไรต่อเจ้าคะ ?

๒. ลูกเข้าใจว่า ตัณหาเกิดต่อมาจากเวทนาซึ่งมาจากผัสสะอีกที เพราะผัสสะเปลี่ยนมาเป็นธรรมารมณ์กระทบใจ ตัณหาความอยากอาหารเลยหายไปตามผัสสะที่เปลี่ยนไป

ความเข้าใจนี้ถูกต้องหรือไม่ และเป็นแบบนี้กับทุกกรณีเลยหรือไม่ และเมื่อเข้าใจแบบนี้แล้วเราจะไปต่ออย่างไร ?

กรณีที่ ๒

บางครั้งลูกเห็นทันที่เวทนาเกิด และเห็นไตรลักษณ์ของเวทนา จึงยังไม่ทันเกิดตัณหา เช่น ได้ยินเสียงแล้วรู้สึกเฉย ๆ

เรียนถามหลวงพ่อ ดังนี้

๑. ตอนที่รู้สึกเฉย ๆ นั้น เป็นอทุกขมสุขเวทนา ที่ไม่เกิดตัณหาต่อ ใช่หรือไม่ ?

๒. การเกิดอทุกขมสุขเวทนา จะทำอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอวิชชานุสัย ?

๓. ถ้าต้องเกิดอวิชชานุสัยอยู่แล้ว เพราะเวทนาก็มีแค่ ๓ อย่าง จะต้องทำอย่างไร เพื่อให้เป็นการเห็นอย่างไม่ยินดียินร้าย จะได้ไม่เกิดอวิชชานุสัยจากอทุกขมสุขเวทนา ?

๔. การเห็นแล้วเกิดอทุกขมสุขเวทนา ใช่การมองด้วยอุเบกขาหรือไม่ ?

๕. ทำอย่างไรจะตัดตรงที่ผัสสะได้เจ้าคะ เพราะปัจจุบันทำได้มากที่สุดแค่เห็นที่เวทนา ?
ตอบ : ทุกข้อที่ถามมา แค่อยู่กับลมหายใจตรงหน้า ไม่หลุดออกไปไหน ก็พอแล้ว ไม่ต้องไปเสียเวลารู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ? สิ่งนั้นเรียกว่าอะไร ?
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:35



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว