|
เส้นทางพระโพธิสัตว์ การท่องไปในเมืองพม่า โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
|||
|
|||
เส้นทางพระโพธิสัตว์ ตอนที่ ๙
กราบลาอย่างสุดแสนเสียดาย ลงมาถึงชั้นล่างที่มีข้าวของวางระเกะระกะ ฝุ่นจับเขรอะไปหมดทุกชิ้น ครั้งแรกอาตมาก็ไม่ได้สนใจเท่าไร แต่เมื่อตั้งใจดูเข้าชิ้นหนึ่ง เห็นคำบรรยายที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษตัวจิ๋วเข้า เฮ้ยเว้ย..! นี่มันเครื่องราชูปโภคของพระมหากษัตริย์ และพระราชินีทั้งนั้นเลยนี่หว่า..!
เจ้าประคุณเอ๋ย...คนพม่าเขาเป็นลิงได้แก้ว หรือว่าเข้าถึงธรรมจนปล่อยวางได้กันแน่..? กระทั่งฉากกั้นท้องพระโรง ฝีมือช่างละเอียดยิบ สวยจนบอกไม่ถูก ประเมินคุณค่าและราคาไม่ได้ ถูกตั้งให้ฝุ่นจับและแมงมุมทำรังเฉยเลย ตูเห็นแล้วจะบ้าตาย..! สังขารหลวงปู่สุริยะ อยู่ในมณฑปเยื้องไปด้านหลังอาคารตั้งพระพุทธรูปทองคำ กลับออกมาด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก โซยุนท์พาขึ้นตึกโทรม ๆ อีกหลังหนึ่ง โอ๊ย...โคตรเพชรยอดมงกุฎอีกแล้ว..! สังขารของหลวงปู่อูสุริยะ ผู้สร้างพระมหาเจดีย์และวัดนี้นี่เอง บรรจุอยู่ในบุษบกแกะสลักอย่างงดงาม ท่านมรณภาพมา ๓๒ ปีแล้ว..! หลวงปู่ท่านเกิดแรม ๘ ค่ำ เดือน ๑๐ จ.ศ. ๑๒๗๗ มรณภาพ จ.ศ. ๑๓๒๙ อายุได้ ๕๒ ปีเท่านั้น แต่ฝากผลงานมโหฬารและสังขารศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ให้กราบไหว้บูชา ธรรมใดที่หลวงปู่รู้แจ้งเห็นจริงแล้ว ขอลูกทั้งหลายเป็นผู้มีส่วนรู้เห็นธรรมนั้นในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2016 เมื่อ 02:26 |
สมาชิก 124 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
|||
|
|||
แม่ชีที่เฝ้าจุดทำบุญบอกว่า จุดที่หลวงปู่ท่านสำเร็จมรรคผลเขายังรักษาเอาไว้ พวกเรารีบไปดูด้วยความตื่นเต้น เขาทำเป็นกุฏิถ้ำไม่ใหญ่เท่าไรนัก ตรงจุดที่ท่านนั่งเขาทำหลักหินอ่อนเอาไว้ ทั้งหลักหิน ทั้งเครื่องบูชา ถูกปลวกขึ้นคลุมเป็นจอมปลวกใหญ่สูงเกือบเท่าตัวคน..!
จุดที่หลวงปู่สุริยะบรรลุมรรคผล กระแสเย็นแผ่ซ่านไปทั้งกุฏิ ท่านนาวินรีบให้ทิดจิตรชำระหนี้สงฆ์ นำดินไปไว้บูชา กราบไหว้อธิษฐานแล้วกลับมาขึ้นรถด้วยความปลื้มใจ ถึงให้กลับเมืองไทยตอนนี้ก็ไม่เสียดายเลย คุ้มเหลือที่จะคุ้มแล้ว เป็นกำไรชีวิตที่มหาศาลเหลือคณา... ลุงขาวบรรทุกพวกเราผ่านสนามบินมิงกะลาดง (มหามงคล) ฝ่ากลิ่นเหม็นของขยะกองมหึมา เลี้ยวขวาตรงมาพระเจดีย์แมละมุ ประวัติของนางละมุ (ลำพู) ท่านเป็นภรรยาของพญาจระเข้งาโมย่า คล้ายกับพญาชาละวันของเราที่กลายร่างเป็นคนได้... พระเจดีย์แมละมุ (นางลำพู) กับพระประธานปางพิสดาร พญาจระเข้ผิดคำสาบาน กลับร่างเป็นคนไม่ได้อีก จึงหนีไปในน้ำตามวิสัย นางละมุพายเรือตามสามี เรือล่มจมน้ำตาย พญาจระเข้คาบเมียมาวางไว้บนบกตรงจุดนี้ เขาจึงสร้างเจดีย์ไว้เป็นที่ระลึก ที่หน้าเจดีย์เป็นพระปางแปลกตาครึ่งนั่งครึ่งนอนไม่เหมือนใคร...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-07-2011 เมื่อ 17:19 |
สมาชิก 119 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
|||
|
|||
หลังวัดเป็นรูปปั้นพญาจระเข้ยาวหลายวา มีแม่ค้านำลูกลำพูมาวางขายด้วย ลูกแป้น ๆ คล้ายลูกจัน ขั้วผลเป็นกลีบคล้ายขั้วมะเขือเปราะ มีหนวดยาวเส้นหนึ่งที่ใต้ผลเป็นสีเขียวอ่อน ราคาลูกละ ๑๐ จั๊ต กินไม่ได้ เขาให้เก็บเป็นที่ระลึกเฉย ๆ...
พระมหาธาตุสแวดอเมี้ยต ห้องสุขาใหม่เอี่ยมน่าใช้ ค่าบริการ ๓ จั๊ต พระฟรีจ้ะ ฉี่รดเขาเสร็จกลับมาที่รถ ตันอูหายหัวไปตามไม่เจอ รอกันเป็นนานกว่าจะโผล่หน้าดำ ๆ มา ที่แท้ไปซื้อยาโด๊ปชูสองนิ้วให้ลูกพี่... เสียค่าจอดรถ ๒๐ จั๊ต มาถึงพระมหาธาตุสแวดอเมี้ยต มันเก็บอีก ๑๐ จั๊ต แม่ค้าขายดอกไม้มาล้อมหน้าล้อมหลัง ดอกไม้กำละ ๓๐ จั๊ต ชักขี้เหนียวขึ้นมา สิบนิ้ววันทาแล้วเอาเงินหยอดตู้ทำบุญบูชาพระทันตธาตุดีกว่า พระเจดีย์นี้รัฐบาลพม่าออกทุนสร้างจึงเสร็จเร็ว... มณฑปบรรจุพระทันตธาตุเขี้ยวแก้วและเทวดาหล่อจากเงินทั้งองค์ ทางรัฐบาลจีนมอบพระทันตธาตุเขี้ยวแก้ว ให้รัฐบาลพม่าเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี รัฐบาลจึงทุ่มงบจำนวนมหาศาลเนรมิตพระมหาธาตุนี้ขึ้นมา แค่ค่าปิดทองเสาโดยรอบก็ต้นละแสนห้าหมื่นจั๊ตเข้าไปแล้ว ยังปูหินอ่อนโดยรอบอีก ราคาเท่าไรเลิกคิดได้เลย...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2011 เมื่อ 17:15 |
สมาชิก 112 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
|||
|
|||
ทั้งที่รู้ว่าเขาห้ามถ่ายรูป แต่อาตมาชอบอะไรที่ท้าทายแบบนี้ จึงตีลูกเซ่อข้ามรั้วกั้นที่สูงสักคืบ เข้าไปถ่ายภาพพระเขี้ยวแก้วที่ล้อมด้วยพระหยกเขียวขจี เพิ่งถ่ายได้สามรูป ท่านนาวินตามเข้ามาอีกคน เจ้าหน้าที่จึงมานิมนต์ลง บอกว่าข้างล่างถ่ายรูปได้สวยกว่า เป็นอย่างนั้นไป...
พระเจดีย์กะบาเอ (โลกร่มเย็น = สันติภาพแห่งโลก) มาถึงพระเจดีย์กะบาเอประมาณ ๔ โมงเย็น ปีที่แล้วเขาหุ้มเสื่อปิดทองอยู่ มาปีนี้เหลืองอร่ามสวยงามใหม่เอี่ยมเชียว กราบทำบุญแล้วไปชมการสอบพระผู้ทรงพระไตรปิฎกที่ถ้ำลับอูนุ ปีนี้นับเป็นครั้งที่ ๕๑ แล้ว ใช้เวลาในการสอบ ๑ เดือน (เริ่มจาก ๒๗ ธันวาคม ๒๕๔๑) เช่นเดิม... การสอบพระผู้ทรงพระไตรปิฎกที่ถ้ำลับอูนุ (ห้ามถ่ายรูป) หาดูของที่จะซื้อ ความลับมาแตกเอาตอนนี้เอง เมล็ดไม้ลาย ๆ ที่คิดว่าเป็นเมล็ดจันทน์เทศ ตั้งใจจะซื้อไปเข้ายาสมุนไพร กลายเป็นเมล็ดลานที่ยังไม่ได้กะเทาะเปลือก อาตมาเห็นแต่แบบที่เขากะเทาะเปลือก แถมยังปัดเงาจนเป็นมันวับเหมือนพลาสติก เพิ่งมาทราบความจริงที่นี่เอง กลับมาขึ้นรถทิดจิตรหายหัวไปบ้าง กลับมาพร้อมน้ำอ้อยแจกคนละถุง ไอ้เรื่องทำให้ช้าละเก่งนัก..! หลวงพ่อโตเช่าทัดจี วัดพะยาจีใต้ บางคนเรียกว่าหลวงพ่อตาหวาน โชเฟอร์จอมซอกแซกพามาวัดพะยาจีใต้ กราบหลวงพ่อเช่าทัดจี (หลวงพ่อโตเท่าตึกหกชั้น) เป็นพระนอนองค์มโหฬาร ตกแต่งสีจนสวยเหมือนแกะจากหยก ท่านป๊อปกับท่านตู่ไปให้แม่ค้าที่นี่ฟัน ซื้อประคำไม้ติ๊ดตะแน็ด (มะเกลือ) พวงละ ๙ เม็ด เจอไป ๒๕๐ จั๊ต..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 11-08-2011 เมื่อ 11:35 |
สมาชิก 105 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
|||
|
|||
วัดมหาสะจะอะตุละชินะมาร (มหาศากยะอดุลย์ชนะมาร) มีหลวงพ่อโตงาทัดจี (หลวงพ่อโตเท่าตึกห้าชั้น) เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องปางสมาธิ งามไปคนละแบบกับหลวงพ่อโตเช่าทัดจี วัดก็อยู่แค่ถนนกั้น อาตมาตั้งใจจดจำรายละเอียดมากไปหน่อย ลืมกล้องตัวเก่งซะได้ ดีที่ท่านชาช่วยเก็บมาให้ ขอบคุณมากครับ...
หลวงพ่อโตงาทัดจี(ตึกห้าชั้น) วัดมหาศากยะอดุลย์ชนะมาร โซยุนท์ขอเบิกเงินล่วงหน้า ๒๐,๐๐๐ จั๊ต เพื่อเอาไปเปลี่ยนยางหน้าที่มีสภาพไม่น่าไว้ใจ นึกว่าจะไปเปลี่ยนที่ไหน ที่แท้พ่อเจ้าประคุณไปเปลี่ยนที่ร้านญาติตัวเอง ให้พระทั้งหมดไปพักที่บ้านญาติที่ขายแบตเตอรี่ อาตมาเคยมาพักที่นี่เมื่อปีก่อนครั้งหนึ่งแล้ว... ฉันน้ำอัดลมหมดไปรูปละขวดก็ไปต่อได้ คราวนี้เข้าไปในสวนสาธารณะบึงกันดอจี จ่ายค่าผ่าน ๕๕ จั๊ต เพื่อเข้าไปชมเรือการเวก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวพม่า เป็นภัตตาคารลอยน้ำขนาดตึกแฝดสองหลังติดกัน ใหญ่แค่ไหนก็ลองคิดดู... ภัตตาคารเรือการเวก สัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวพม่า มองจากทางด้านท้ายเรือ สถานที่รอบเรือการเวกเพิ่งได้รับการบูรณะใหม่เอี่ยมอ่อง เจ้าหน้าที่ขอเก็บค่ากล้องคนละ ๑๐๐ จั๊ต อาตมายัดใส่ย่ามไป เลยไม่ต้องจ่าย หนุ่มใหญ่ชุดขาวมีผ้ากันเปื้อนพูดไทยชัดแจ๋วว่า สวัสดีครับ...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2011 เมื่อ 02:19 |
สมาชิก 95 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
|||
|
|||
เขาเห็นการห่มผ้าก็รู้ว่าพระไทย แนะนำตัวว่าเป็นกุ๊กอาหารจีนอยู่ที่นี่ ชื่อประเสริฐ เนียมพูน มาอยู่พม่าได้ ๒ ปีแล้ว เจ้านายซื้อกิจการภัตตาคารเรือการเวกได้ ทำการปรับปรุงใหม่ ค่าใช้จ่ายเฉพาะงานปรับปรุงครั้งนี้เป็นเงิน ๕๐,๐๐๐ ยู.เอส.ดอลล่าร์..!
คุณประเสริฐ เนียมพูน พาชมภัตตาคารเรือการเวก คุณประเสริฐพาเข้าไปชมทุกชั้นทั้งข้างนอกข้างใน ถ้าเสร็จทุกส่วนจะจัดงานเลี้ยงได้ถึง ๓๐๐ โต๊ะ ตอนนี้เสร็จแค่ด้านเดียว คืนนี้มีจองเลี้ยง ๑๖๐ โต๊ะ แม้แต่ห้องวี.ไอ.พี.ที่ติดแอร์เย็นฉ่ำ พวกเราก็ได้เข้าไปชม ด้านในมีที.วี.วงจรปิดติดตั้งอยู่หลายจุด... ภายในห้องสำหรับลูกค้า วี.ไอ.พี.ของภัตตาคารเรือการเวก กุ๊กไทยแต่ชำนาญอาหารจีนช่วยถ่ายรูป อาตมามอบพระให้เป็นที่ระลึกก่อนจากกัน คุณประเสริฐดีใจมาก รีบควักพระที่ตนแขวนขึ้นมาอวด เป็นพระ ๒๕ พุทธศตวรรษเช่นกัน เพียงแต่เป็นเนื้อดินเท่านั้น... มุมนี้มีคนดักเก็บค่าถ่ายรูปด้วย คณะของเราอ้อมมาหามุมถ่ายรูป เจ้าหน้าที่ทางด้านนี้มาเก็บค่ากล้องคนละ ๓๐ จั๊ต แนะนำว่าชื่ออูชินท์ทุน เจ้านายของเขาที่ซื้อเรือการเวกชื่ออูขิ่นชุย เป็นมหาเศรษฐีมีเงินสองหมื่นหกพันล้านจั๊ต..! ถ้ามาทางด้านนี้ให้เรียกหา เขาพร้อมจะให้บริการทุกอย่าง...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2011 เมื่อ 02:24 |
สมาชิก 98 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
|||
|
|||
พระมหาเจดีย์ชุยดากง (ชเวดากอง) ปิดซ่อมใหญ่ คลุมเสื่อลำแพนจนถึงยอด ทำกันขนาดนี้อีก ๒ ปีจะเสร็จหรือเปล่าก็ยังไม่รู้..? อาตมาจ่ายค่าจอดรถ ๒๐ จั๊ต เจ้าหน้าที่บอกต่อกันว่าพระไทยมาแล้ว ทำไมจำแม่นนักวะ..? ชี้ทางให้ไปจอดที่แขก วี.ไอ.พี.เลยทีเดียว...
พระมหาเจดีย์ชุยดากงกำลังปิดซ่อมแซม กราบพระครบทั้ง ๔ ทิศแล้ว อาตมากับท่านนาวินเดินข้ามไปยังพระมหาเจดีย์วิสะยะ ปีที่แล้วห่มเสื่อลำแพน มาปีนี้เสร็จแล้ว สวยอร่ามงามตา กราบพระทำบุญ เดินชมภายในเจดีย์ที่มีพระเก่าจากสถานที่ต่าง ๆ ของพม่ามาตั้งแสดงเอาไว้... ออกมาหามุมบันทึกภาพ มัวแต่มองบนไม่มองล่าง จึงโชคดีเหยียบขี้หมาซะเต็มเท้า ไปขอน้ำจากช่างที่กำลังทำรั้วอยู่ล้างเท้า เลยได้มุมที่สวยที่สุดเข้าพอดี เก็บภาพเรียบร้อยกลับมาถึงพระมหาเจดีย์ชุยดากง ท่านชามาตามให้ไปช่วยดูของ ที่แท้ทั้งสามท่านมาจมอยู่ที่ร้านขายงาช้างแกะสลัก นอกจากกลัวปลอมแล้ว ยังราคาแพงอีกต่างหาก... พระมหาเจดีย์มหาวิสะยะซ่อมเสร็จแล้ว อาตมาดูเขาต่อราคาพระงาช้าง ดูไปดูมาลงไปต่อกับเขาด้วย ได้มาสององค์สามหมื่นจั๊ต ราคานี้ทางเมืองไทยแค่ค่าแกะสลักยังไม่ได้เลย..! พวกเรากระเป๋าเบาโหวง ขณะที่กระเป๋าเงินของแม่ค้าโป่งแทบจะระเบิด..! แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2011 เมื่อ 02:15 |
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
|||
|
|||
ท่านนาวินนำทางมาวัดไจ๊ดง (เขมาราม) ผ่านร้านอาหารของลูกแมว (เลเมียว) ที่เขายกให้เป็นลูกสาวของอาตมา เห็นลูกแมวอยู่หน้าร้านกับคุณยายกงซุ่ย และคุณแม่เอจี...
ถึงวัดไจ๊ดง ท่านอาจารย์ปัญญาสามิอยู่บนยอดตึกที่กำลังสร้างใหม่ ท่านจำอาตมากับท่านนาวินได้ทันที พาคณะของเราขึ้นไปพักบนศาลารับแขก วันนี้ไฟดับจึงมืดไปหน่อย... เหรียญพระแก้วมรกต มีติดตัวไปไม่กี่เหรียญเท่านั้น ปีนี้ท่านอาจารย์พูดไทยได้มากและชัดขึ้น อาตมาถวายเหรียญพระแก้วมรกตแก่ท่าน ๑ เหรียญ แล้วขอโอกาสไปสรงน้ำ ซักผ้า เรียบร้อยแล้วทำวัตรเย็น ทิดจิตรพาพลขับทั้งสองไปกินข้าวเย็น เณรของวัดไจ๊ดงนำหมอนมาให้จนครบทุกคน... ท่านอาจารย์คะ... เฮ้ย... ลูกแมว..! อูเมียว เอจี เอเมียว ที่เป็นพ่อ แม่ และน้องสาวของลูกแมวก็มา ที่แท้ทิดจิตรพากันไปกินข้าวที่ร้านลูกแมว แล้วปากโป้งบอกเขา ถึงได้พากันมาทั้งบ้าน อ้าว... ลูกเป็ด (เอเมียว) ทำไมเบะซะแล้วล่ะ..?
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2011 เมื่อ 02:22 |
สมาชิก 87 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
|||
|
|||
ไอ้ทิดจิตรทำเหตุ..! แม่เขายกลูกเป็ดให้อาจารย์สุมังคะละ พอลูกเป็ดได้ยินว่าหลวงพ่อของลูกแมวมา รีบเค้นคอทิดจิตรถามว่า หลวงพ่อของเขามาด้วยหรือเปล่า..? ไอ้ตัวต้นเหตุนึกว่าเป็นท่านนาวิน รีบบอกแข็งขันว่ามา...
ยายหนูแทบเหาะมาทันทีด้วยความดีใจ มาถึงกลายเป็นเข้าใจผิด ลูกแมวยังซ้ำเติมน้องด้วยการหัวเราะ อีกฝ่ายก็ถึงแก่บ่อน้ำตาตื้น อาตมาลงทุนมอบพระแก้วมรกตให้คนละองค์ สถานการณ์ค่อยดีขึ้นมาหน่อย... เยเลพะยา (พระเจดีย์กลางน้ำ) บนเกาะไจ๊หม่อวุน เมืองจ็อกตาน เอจีนิมนต์ฉันเพลวันพรุ่งนี้ ส่วนอาตมาชวนทั้งลูกเป็ดกับลูกแมว ไปเที่ยวพระเจดีย์กลางน้ำด้วยกัน ยายหนูทั้งสองรับปากทันที เพราะถึงลูกแมวเข้ามหาวิทยาลัย แต่เรียนภาคค่ำ ส่วนลูกเป็ดเรียนภาคบ่าย กลับมาทันแน่นอน... ทางการพม่าสั่งปิดมหาวิทยาลัยมา ๓ ปี ลูกแมวใช้เวลาว่างไปเรียนภาษาไทยจนกลายเป็นลูกสาวอาตมา ที่เรียนภาคค่ำก็เป็นมหาวิทยาลัยเปิด เรียนกันความรู้กลับไปหาอาจารย์อย่างนั้นเอง... ระดับมัธยมนั้นโรงเรียนไม่พอมานับสิบปี แต่ไม่มีการสร้างเพิ่ม นักเรียนมากกว่าโรงเรียน จึงต้องแบ่งเป็นภาคเช้ากับภาคบ่าย ผลัดกันคนละครึ่งวัน จะได้ไปโรงเรียนกันทั่วหน้า อนาถหนอ..! คลิกเพื่ออ่านตอนต่อไป
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 21-08-2011 เมื่อ 21:37 |
สมาชิก 74 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|