พระอาจารย์กล่าวว่า "สำหรับบ้านเติมบุญ เราสูญเสียคุณชยาคมน์ ธรรมปรีชา กรรมการบริหารบ้านตัวหลักไปแล้ว แต่อาตมาก็ทึ่ง ทึ่งตรงที่ว่าท่านอาจารย์มหาสันติกับคุณชยาคมน์ตายคนละทิศคนละทาง แต่ไปดีทั้งคู่ แล้วก็ขยันมาจริง ๆ คุณชยาคมน์ได้ตรงที่กำลังใจเป็นบุญอยู่ตลอดเวลา คิดถึงแต่เรื่องบุญ กลายเป็นอนุสติในฝ่ายกุศลไป เกาะบุญได้ก็เลยไปดี
ส่วนท่านอาจารย์มหาสันตินั้น ช่วงสุดท้ายหวุดหวิดไป หวุดหวิดตรงที่ว่าอาสันนกรรมมาแทรก พอแทรกเข้ามา ทางด้านน้องชายตัดสินใจโทรหาอาตมา อาตมากำลังเดินขึ้นยอดเขาพระพุทธบาทถึงช่วงที่ ๒๓ เพื่อขึ้นไปวางผางประทีป รู้ไหมว่าบันไดมีกี่ช่วง ? ช่วงที่ ๒๓ นี่เกือบจะถึงยอดเขาแล้วนะ ก็รับโทรศัพท์ เจ้าฝ็องน้องชายท่านบอกว่า “อาจารย์ครับ ผมรู้ว่าวันวิสาขบูชาอาจารย์ยุ่งมากเลยแต่ว่าหลวงพี่มหาสันติกำลังจะไปแล้ว ทำอย่างไรดีครับ ?” ถามว่า “มีพระอยู่ใกล้ ๆ ไหม ? “มี” “เอ็งรีบนิมนต์ท่านมาให้สวดมนต์ด่วนเลย”
อาจารย์เชิดพงษ์บอกว่า พอได้ยินเสียงสวดมนต์ปุ๊บ จากการที่ท่านกระวนกระวายด้วยความเจ็บปวด กลายเป็นสงบลงทันทีเลย สงบลงทันทีแล้วก็นิ่งยาวไปเลย...จนกระทั่งหมดลม เพราะฉะนั้นต้องบอกว่าบุญเก่าท่านทำไว้ดี ท่านอาจารย์มหาสันติท่านจบเปรียญธรรม ๙ ประโยคก็จริง แต่ท่านเน้นการปฏิบัติ ข้ามไปฝั่งพม่าปฏิบัติธรรมเป็นเดือน ๆ บางพรรษาก็จำพรรษาที่นั่นเลย แต่ยังมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของอาตมาด้วย ตอนหลังก็มาเป็นพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกัน เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งลูกศิษย์ ความที่ท่านเคยชินในการปฏิบัติ พอได้ยินเสียงพระสวดมนต์ กำลังใจก็เกาะความดีได้...จบเลย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2019 เมื่อ 02:55
|