|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#41
|
||||
|
||||
ถาม : ระยะนี้ลูกมีอาการหยุดชะงัก เมื่อมีการกระทบจากคู่สนทนา ลูกเห็นว่า สมองมีการประมวลผลความคิดอย่างรวดเร็ว แล้วดิ่งลงเป็นขั้น ๆ จนทุกอย่างหายหมด ไม่มีแม้แต่ตัว ไม่มีความคิด ทุกอย่างไม่มีอะไร เอาอะไรไม่ได้ ไม่มีอะไรเป็นอะไรทั้งนั้นเจ้าค่ะ เป็นมากเข้าเขาว่าบ้าแล้วเจ้าค่ะ มันแยกออกจากกายไป จนคู่สนทนาจับตัว จึงรู้สึกตัว แม้อยู่คนเดียวก็เป็นเจ้าค่ะ เหมือนการทรงร่างกายไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร ใจคิดแบบนี้ก่อนแล้วพุ่งออกมา ควรจะแก้ไขอย่างไรดีเจ้าคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องแก้ เพียงแต่เข้าออกให้เร็วขึ้น ประมวลผลให้เร็วขึ้น ก็คือต้องซักซ้อมบ่อย ๆ จนกระทั่งคนเขาจับไม่ทันว่าเรามีจังหวะในการหยุด แต่จริง ๆ แล้วเราหยุด สภาพจิตของเราเร็วมาก ในส่วนที่คนอื่นไม่เห็นนั้น จริง ๆ แล้วเกิด ๆ ดับ ๆ นับครั้งไม่ถ้วน จังหวะหยุดที่คนอื่นมองไม่ทัน ความจริงแล้วช้ามากในสายตาของบุคคลที่สติสมาธิทรงตัว ฉะนั้น..ต้องซักซ้อมบ่อย ๆ ถึงเวลาคนเขาก็จับไม่ได้ไปเอง แต่ในเรื่องของทางโลกนั้น อย่าไปถือเป็นสาระแก่นสารอะไรมากนัก วาจาก็เป็นเพียงลมปากผ่านหูไป ทำไปก็เกิดโทษแก่เขา หากเกรงว่าจะเกิดโทษแก่เขาก็ปฏิสัมพันธ์ให้น้อยลงหน่อย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2019 เมื่อ 17:07 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "สำหรับบ้านเติมบุญ เราสูญเสียคุณชยาคมน์ ธรรมปรีชา กรรมการบริหารบ้านตัวหลักไปแล้ว แต่อาตมาก็ทึ่ง ทึ่งตรงที่ว่าท่านอาจารย์มหาสันติกับคุณชยาคมน์ตายคนละทิศคนละทาง แต่ไปดีทั้งคู่ แล้วก็ขยันมาจริง ๆ คุณชยาคมน์ได้ตรงที่กำลังใจเป็นบุญอยู่ตลอดเวลา คิดถึงแต่เรื่องบุญ กลายเป็นอนุสติในฝ่ายกุศลไป เกาะบุญได้ก็เลยไปดี
ส่วนท่านอาจารย์มหาสันตินั้น ช่วงสุดท้ายหวุดหวิดไป หวุดหวิดตรงที่ว่าอาสันนกรรมมาแทรก พอแทรกเข้ามา ทางด้านน้องชายตัดสินใจโทรหาอาตมา อาตมากำลังเดินขึ้นยอดเขาพระพุทธบาทถึงช่วงที่ ๒๓ เพื่อขึ้นไปวางผางประทีป รู้ไหมว่าบันไดมีกี่ช่วง ? ช่วงที่ ๒๓ นี่เกือบจะถึงยอดเขาแล้วนะ ก็รับโทรศัพท์ เจ้าฝ็องน้องชายท่านบอกว่า “อาจารย์ครับ ผมรู้ว่าวันวิสาขบูชาอาจารย์ยุ่งมากเลยแต่ว่าหลวงพี่มหาสันติกำลังจะไปแล้ว ทำอย่างไรดีครับ ?” ถามว่า “มีพระอยู่ใกล้ ๆ ไหม ? “มี” “เอ็งรีบนิมนต์ท่านมาให้สวดมนต์ด่วนเลย” อาจารย์เชิดพงษ์บอกว่า พอได้ยินเสียงสวดมนต์ปุ๊บ จากการที่ท่านกระวนกระวายด้วยความเจ็บปวด กลายเป็นสงบลงทันทีเลย สงบลงทันทีแล้วก็นิ่งยาวไปเลย...จนกระทั่งหมดลม เพราะฉะนั้นต้องบอกว่าบุญเก่าท่านทำไว้ดี ท่านอาจารย์มหาสันติท่านจบเปรียญธรรม ๙ ประโยคก็จริง แต่ท่านเน้นการปฏิบัติ ข้ามไปฝั่งพม่าปฏิบัติธรรมเป็นเดือน ๆ บางพรรษาก็จำพรรษาที่นั่นเลย แต่ยังมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของอาตมาด้วย ตอนหลังก็มาเป็นพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกัน เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งลูกศิษย์ ความที่ท่านเคยชินในการปฏิบัติ พอได้ยินเสียงพระสวดมนต์ กำลังใจก็เกาะความดีได้...จบเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2019 เมื่อ 02:55 |
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
||||
|
||||
"อาตมาไปถึงเห็นนั่งเก้าอี้อยู่ เหลืองอร่ามเป็นทองคำเลย บอกได้เลยว่าแบบนี้เป็นพรหมแน่ ๆ แสดงว่าสมาธิจิตทรงตัวตอนมรณภาพ แล้วมรณภาพในวันวิสาขบูชา ประมาณบ่าย ๓ โมง เข้าใจเลือกวันไปด้วย
ที่แน่ ๆ ท่านเขียนพินัยกรรมระบุไว้ว่า “มอบให้พระครูวิลาศกาญจนธรรม เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน เป็นผู้จัดงานศพของข้าพเจ้า ไม่มีความประสงค์ที่จะขอไฟพระราชทาน” ดีมาก..ในเมื่อยกให้ตูจัด ก็เลยขอเสียเลย เขาเรียกว่าอะไรนะ ? ตามใจผู้จัด ขัดใจผู้ตาย..ใช่ไหม ? เป็นเปรียญธรรม ๙ ประโยคเท่ากับว่าสมณศักดิ์สูงระดับว่าที่เจ้าคุณ เขาให้สิทธิ์ขอไฟพระราชทานได้ตั้งแต่พระครูปลัดชั้นธรรมขึ้นไป มาระยะหลังมีเพิ่มเติมว่า ถ้าเป็นพระครูปลัดชั้นราชขึ้นไปก็ให้แล้ว นี่ว่าที่เจ้าคุณ จะไม่ขอได้อย่างไร ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2019 เมื่อ 17:12 |
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#44
|
||||
|
||||
"สรุปว่างานศพคุณชยาคมน์เผาวันที่ ๑๙ ท่านอาจารย์มหาสันติมรณภาพวันที่ ๑๘ อาตมาเองตามประทีปแล้ว ก็แบกผางประทีปลงมาอีก ๑ กระสอบ เพราะว่าจำนวนเกิน เจ้าจ๊อดก็พยายามที่จะโซซัดโซเซแบกตามลงมาอีกกระสอบหนึ่ง ตามสบายนะจ๊อด ไม่รู้ป่านนี้หายระบมหรือยัง ?
ถ้าคนไม่ชินนี่ ขึ้นเขาระดับบันไดเป็นพันขั้น ก็จะตายอยู่แล้ว แล้วนี่ยังแบกผางประทีปกลับลงมาอีกกระสอบ เพราะว่าตอนแบกขึ้นไปเกิน พอถึงเวลาพระท่านก็ถามกันว่า "ใครแข็งแรงพอ..เอาลงไปกระสอบหนึ่ง ?" ถามไปถามมาไม่มีใครขยับ เจ้าอาวาสต้องเอาไปเองกระสอบหนึ่ง พอลงมาก็มานำทำวัตรเย็น นำเวียนเทียน เสร็จสรรพเรียบร้อย ๒ ทุ่มครึ่งก็วิ่งลงมาวัดท่ามะขาม มาที่งานศพเขา ไปถึงสี่ทุ่มกว่า อาจจะเป็นเพราะว่าไปกลางคืนนั่นแหละ ถึงได้เห็นผีชัดหน่อย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2019 เมื่อ 17:14 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#45
|
||||
|
||||
"เรื่องของบุญเรื่องของกุศล บุญคือความดีที่ทำแล้วมีความสุข มีความสบายใจ กุศลแปลว่าความฉลาด เมื่อทำบุญทำกุศลแล้วก็หัดวาง ๆ บ้าง อะไรที่ผิดพลาดมาแล้วก็แล้วไป ที่เหลือก็ทำให้ดีเอาไว้ เพราะว่าถึงเวลาถ้าเคยชิน กำลังใจเกาะด้านดีอยู่ อย่างไรตอนตายก็ไปดีอยู่แล้ว
ก็ยังดีใจว่า ๒ ศพติด ๆ กันที่อาตมาจัดการเรื่องงานศพให้นี่ ท่านไปดีทั้งคู่ โดยปกติแล้วหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไม่ให้อาตมาบอกว่าคนตายแล้วไปไหน เพราะว่าท่านให้ไปศึกษาในมหากัมมวิภังคสูตร ก็เลยลองไปอ่านดู ปรากฏว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ชัดเจนมากว่า “โยคีบุคคลผู้ตั้งใจปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิภาวนานับแสนคน จะทรงฌานได้สักคนก็แสนยาก ฌานลาภีบุคคล ผู้ทรงฌานเป็นแสนคน จะทรงฌาน ๔ สักคนก็แสนยาก ฌานลาภีบุคคล ผู้ทรงฌาน ๔ นับแสนคน จะทรงทิพจักขุญาณสักคนก็แสนยาก ผู้ที่ทรงทิพจักขุญาณอันบริสุทธิ์ สามารถเห็นนรกเห็นสวรรค์แล้วกล่าวว่า บุคคลผู้ทำกรรมดีย่อมไปสวรรค์ ผู้ทำกรรมชั่วย่อมไปนรกโดยส่วนเดียว ตถาคตกล่าวว่าไม่ใช่” พูดง่าย ๆ ว่าทำดีไปสวรรค์ทำชั่วไปนรกนั้น ไม่ใช่หรอก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2019 เมื่อ 17:16 |
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#46
|
||||
|
||||
"พระองค์ท่านตรัสว่า
บุคคลผู้ทำความดีในอดีต ทำความดีในปัจจุบัน ไปดีแน่นอน บุคคลผู้ทำความชั่วในอดีต ทำความดีในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะไปดี บุคคลที่ทำความชั่วในอดีต ทำความชั่วในปัจจุบัน ไปทุคติแน่นอน บุคคลที่ทำความดีในอดีต ทำความชั่วในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะไปทุคติ พูดง่าย ๆ ก็คือ ตอนนี้ชั่ว แต่อดีตเคยทำดี ไม่แน่ว่าจะไปที่ไม่ดี เพราะฉะนั้น..ในเมื่อมาตรองถึงตรงนี้แล้ว ถ้าหากว่าคนตายแล้วไปไหน เราเที่ยวไปบอกเขา เกิดเขาทำความดีมาทั้งชีวิตในชาตินี้ แต่ชาติก่อนเคยทำความชั่วมา ตอนตายกรรมชั่วตามมาถึง ไปทุคติคือที่ไม่ดี อย่างเช่นว่า ตกนรกบ้าง เป็นเปรตบ้าง เป็นอสุรกายบ้าง เป็นสัตว์เดรัจฉานบ้าง ญาติพี่น้องตลอดจนกระทั่งเพื่อนฝูงเห็นว่าคนทำดีทั้งชีวิตไปนรก จะมีใครอยากทำความดีบ้างไหม ? ส่วนบางคนทำความชั่วให้เห็นทั้งชีวิต แต่ในอดีตเคยทำดีไว้ ถึงเวลาตายมาถามอาตมา บอกว่าไปสวรรค์ คนก็ได้ทำชั่วกันครึกครื้น หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็เลยห้ามอาตมาไม่ให้บอกว่าคนตายแล้วไปไหน อาตมาก็ถือตามนั้นมาตลอด แต่คราวนี้ที่บอกเพราะว่าไม่ได้บอกเอง แต่ผีเป็นคนบอก บอกว่าอยู่ที่ไหน อาตมาก็แค่พูดต่อเท่านั้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-06-2019 เมื่อ 21:10 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#47
|
||||
|
||||
ถาม : พระอาจารย์กล่าวว่า "ตัดผมไฟแล้วเสียของ เด็กถ้าหากว่าไม่ตัดผมไฟ ถึงเวลายังเป็นวัตถุอาถรรพ์ได้อยู่อย่างหนึ่ง คือผมสาวพรหมจารีที่ไม่ได้โกนผมไฟ เขาเอาไว้ทำบ่วงตัดเหล็กไหล เพราะฉะนั้น..โกนแล้วเสียของหมด” จากข้อความข้างต้น หมายความว่า เราไม่ควรตัดผมไฟเด็กใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่...ควรตัดตามปกติ แต่มีเด็กบางคนที่พ่อแม่ไม่ได้ถือสาเรื่องนี้ เพราะว่าการโกนผมไฟเขาถือว่าเป็นการเกิดใหม่ครั้งหนึ่ง เกิดใหม่บางทีไม่ใช่คนเดิม บางทีผีก็โง่พอเหมือนกัน อาตมาหลอกผีมาแล้ว มีผีอยู่ตัวหนึ่งตามเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เขาบอกว่าถึงวาระที่เขาต้องเอาชีวิตไปแล้ว แต่บังเอิญว่าอาตมาอยู่ในบริเวณนั้น เขาก็เลยไม่สามารถเอาไปได้ จึงถามว่าเอาชีวิตไปได้ตอนไหน เขาบอกว่า ๑๘ อาตมาก็บอกว่ายังไม่ถึง เขายืนยันว่าถึงแล้ว อาตมาก็เลยเขียนให้ดูว่านี่ตัวเลขอะไร นี่เลข ๑๐ นี่เลขอะไร เลข ๘ ลองเขียนดูซิ ๑๐๘ นี่เขามาแค่เดี๋ยวเดียว นี่เลขหนึ่งแปด เพราะฉะนั้น..เอ็งไปก่อน จะว่าเขาโง่ก็เป็นการปรักปรำเขาเกินไป ว่าเขาตรงไปตรงมาดีกว่า ถาม : อยากให้ผมของลูกเป็นประโยชน์มากขึ้น ต้องทำอย่างไรคะ? ตอบ : ถ้าอยากให้ได้ประโยชน์ ให้ไว้ยาว ๆ แล้วโกนให้พวกที่โดนฉายรังสีเขาทำเป็นวิกผม ได้ประโยชน์มากกว่าเอาไปตัดเหล็กไหลอีก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2019 เมื่อ 20:40 |
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#48
|
||||
|
||||
ถาม : หากศาลพระภูมิของบ้านเช่าตั้งผิดทิศ ผู้เช่าจะได้รับผลความเดือดร้อนด้วย หรือเฉพาะเจ้าของที่เดือดร้อนเท่านั้นครับ ?
ตอบ : เจ้าของเดือดร้อน ถ้าผู้เช่ามีความเคารพก็กราบไหว้บูชา ก็บอกกับท่านว่าเล่นให้ถูกคนนะ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2019 เมื่อ 20:40 |
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#49
|
||||
|
||||
ถาม : การถอนศาลพระภูมิในบ้านที่ตั้งผิดทิศและทิศที่ถูกไม่สามารถตั้งได้ นอกจากการจุดธูปบอกกล่าว ทำน้ำมนต์ถอนโบสถ์แล้ว จะต้องทำอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ครับ ?
ตอบ : รีบตั้งศาลใหม่ให้ถูกทิศ ถ้าถอนเฉย ๆ ไม่ทำอะไรต่อ เดี๋ยวจะเดือดร้อนกว่าที่คิด..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2019 เมื่อ 20:41 |
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#50
|
||||
|
||||
ถาม : อุ้ยท้อผ่อสักหรือพระสกันทโพธิสัตว์ ใช่องค์เดียวกับองคุลีมาลหรือไม่ครับ เพราะเคยอ่านที่หลวงพ่อเทศน์ว่า อุ้ยท้อเป็นคำที่คนจีนได้ยินเสียงเพี้ยนมาจากคำว่าองคุลีมาล ?
ตอบ : เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างหนึ่ง ไม่ว่าชาติไหน ภาษาไหน พอไปถึงเมืองจีนแล้วจะมีชื่อของตัวเอง เคยได้ยินคำว่า "โถโรโปตี" ไหม ? หรือไม่ก็ "เสียมลอฮกก๊ก" หรือไม่ก็ "ตั้งหมาหลิ่ง" โถโรโปตี คือ ทวารวดี ลอฮก คือ ละโว้ เสียม คือ สยาม ตั้งหมาหลิ่ง คือ ตามพรลิงค์หรืออาณาจักรศรีวิชัย เพราะฉะนั้น..อุ้ยท้อจะเป็นองคุลีมาลก็ไม่แปลก ท่านก็เคยสร้างบารมีมาในลักษณะของพระโพธิสัตว์ คนที่เขารู้เห็นก็เรียกเป็นพระโพธิสัตว์ ตอนที่ท่านเป็นพระอรหันต์แล้วเขาไม่ได้ตามไปดู หรือว่าไม่รู้ ก็เลยกำหนดเป็นพระโพธิสัตว์อยู่เหมือนเดิม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-06-2019 เมื่อ 02:47 |
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#51
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านใดต้องการหนังสือ บันทึกการเดินทางตอนหลากรสในพม่า ต้องไปร่วมงานวันเกิด ๖๐ ปี จึงจะมีให้ แจกวันที่ ๑๖ มิถุนายน ถ้าเหลือถึงวันที่ ๑๗ ก็แจกต่อ ถ้าไม่เหลือก็ตัวใครตัวมัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-06-2019 เมื่อ 02:47 |
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#52
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าหากนำปลอกห่วงของตะกรุดมหาสะท้อนรุ่น ๓ ไปหล่อพระ แล้วนำตะกรุดมหาสะท้อนรุ่น ๓ ที่ไม่มีปลอกห่วงมาบูชา ตะกรุดจะยังมีอานุภาพของมหาสะท้อนอยู่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าน้ำหนักไม่ถึงก็ไม่มี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-06-2019 เมื่อ 02:47 |
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#53
|
||||
|
||||
ถาม : เนื่องด้วยคราวก่อนลูกกราบเรียนหลวงพ่อ ถึงการพบความพอใจ ไม่พอใจ คราวนี้ลูกพบว่า เห็นกระบวนการความคิด เมื่อมีเสียงมากระทบ จิตมันดิ่งลึกลงไป เห็นว่าเสียงมากระทบ รูปสั่นสะเทือนแล้วจิตที่มีอารมณ์สะสมความพอใจ ไม่พอใจเอาไว้ มันจะดึงเอาตรงนั้นมา คล้าย ๆ การทำปฏิกิริยา จิตให้ค่าสะสมตรงไหนมาก ก็จะเกิดเป็นอารมณ์ใหม่ขึ้นมา แล้วจิตก็วิ่งไปจับเป็นของเราปั๊บ (ความหายนะก็พลันบังเกิด) แต่เมื่อเราเห็น แล้วจดจ้องดู เหมือนจับได้ว่า นี่ไม่ใช่เรานะ เป็นสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เราแน่ ๆ มันมีอาการตก คือ ไม่คิดเพิ่ม หยุด หายไปเลยเจ้าค่ะ ก็เป็นอยู่แบบนี้ พอรู้ทัน ก็ตกหายไป ไม่มีอารมณ์เพิ่ม แปลกดีเจ้าค่ะ รู้สึกเหมือนกำลังเป็นเจ้ายุทธจักร ถูกท้าประลองฝีมือตลอดเวลา คนนี้ไป คนนั้นมา คือ ลูกต้องทัน ถ้าไม่ทันมันจะเข้าสู่กระบวนการคิดอีก และช่วงนี้ มีอาการตัวหายในอิริยาบถบ่อย มันดิ่งลงเป็นขั้น ๆ ทำงานก็ตัวหาย บางครั้งตกใจว่าไม่มีมือ จะยกอะไรมาทำงาน ขี่รถก็ไม่มีตัว เหมือนลอยไป ไม่มีความรู้สึกอะไร ก็งงตรงที่ร่างกายทำงานไปเอง รู้สึกอยู่ข้างในอกเท่านั้น มีความรู้ตัว ข้างนอกดับหมด แต่ไม่มีความกลัวตายนะเจ้าคะ สบายดี ห่วงนิดเดียวตรงที่ถ้าตายไปจะเป็นพรหมลูกฟักหรือไม่เจ้าคะ ?
ตอบ : จะไปไหนไม่ได้ก็ตรงที่ห่วงนี่แหละ ถาม : พอเห็นหลวงพ่อก็หายคลายทุกข์เหมือนฟ้าสว่าง พอเดินออกจากหลวงพ่อ ก็เหี่ยวคอตก ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรเจ้าคะ ? ตอบ : สภาพจิตมีกำลังต่ำไปหน่อย ต้องพยายามทำกำลังใจให้มากกว่านี้ ต้องบอกว่า อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน เกิดคนเดียว ตายคนเดียว ไม่มีใครตายพร้อมกับเราหรอก ต่อให้เกิดอุบัติเหตุตายอยู่ด้วยกัน ก็ยังขาดใจตายก่อนหลังต่างกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-06-2019 เมื่อ 02:48 |
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#54
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าเราต้องการมีไหวพริบปฏิภาณที่คล่องแคล่วมาก หรือมี "ปฏิภาณปฏิสัมภิทา" ต้องฝึกอย่างไร และต้องทำบุญอย่างไรครับ ?
ตอบ : สะสมของเก่ามามากพอ และชาตินี้ฝึกให้ทรงสมาบัติ ๘ ได้ ถ้าสามารถทรงสมาบัติ ๘ ได้ เข้าถึงความเป็นพระอนาคามีขึ้นไปเมื่อไร ปฏิสัมภิทาญาณจะปรากฏ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-06-2019 เมื่อ 02:48 |
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#55
|
||||
|
||||
ถาม : พระนักธรรม ที่พระอาจารย์ได้เคยแนะนำว่าจะช่วยในเรื่องเรียนนั้น มีวิธีอาราธนาอย่างไรหรือครับ ?
ตอบ : ไปค้นดู พิมพ์คำว่า หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน วิธีการบอกไว้เยอะแยะ พวกประเภทไม่ยอมค้นเลยแล้วมาถาม อาตมาถือว่ามักง่าย สันดานแบบนี้โอกาสเข้าถึงมรรคถึงผลน้อยมาก ถ้าเข้าถึงก็คงประมาณสุกขวิปัสสโก เพราะว่าไม่ได้คิดที่จะค้นคว้าอะไรเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-06-2019 เมื่อ 02:49 |
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#56
|
||||
|
||||
ถาม : เป็นสะเก็ดเงินมียาอะไรทาหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ต้องโน่นเลย...น้ำมันกัญชา เดี๋ยวนี้กำลังฮิต ถาม : หายจริงหรือเปล่าคะ ? ตอบ : ก็ลองสิวะ ใครจะไปรับประกันได้ ถาม : หาซื้อยาก ? ตอบ : หาซื้อยาก ? เห็นพระอาจารย์เล็กมีตั้ง ๒-๓ ขวด เขาบอกว่าต้นทุนขวดละ ๓,๐๐๐ บาท หลอดเล็กนิดเดียว แล้วก็โปรดระวังด้วย เพราะว่าอันนี้เขาสกัดด้วยดอกล้วน ๆ ดอกล้วน ๆ นี่เจอเข้าไป ๒ หยดก็ได้รากเขียวรากเหลือง เมาบ้านหมุนไปแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-06-2019 เมื่อ 16:51 |
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#57
|
||||
|
||||
เขาให้ทานะ ทาวันละครั้งเดียว ดันทะลึ่งไปหยด คุณพัฒนาหยดไป ๒ หยด บอกเมารากเขียวรากเหลืองไป ๑ วัน นอนอีก ๒ วัน
น้ำมันกัญชาบ้านเราไม่เหมือนของต่างประเทศ ที่ต่างประเทศเขาปล่อยเสรีได้เพราะสาร Cannabinoid ของเขามีประมาณ ๐.๔-๐.๕% เท่านั้น แต่หางกระรอกของประเทศไทยมีอยู่ ๗-๘% คิดดูว่าต่างกัน ๗-๘ เท่า เพราะฉะนั้น..ของฝรั่งต่อให้ประเภทเมากัญชาหยำเปขนาดไหน ก็แค่นิดหน่อย แต่ของบ้านเราโดนเข้าไปหน่อยหนึ่งก็ประสาทหลอนแล้ว ต่างประเทศถึงได้อยากซื้อกัญชาไทยเป็นหนักเป็นหนา ถ้าเป็นอาตมานี่จะปล่อยให้ปลูกเสรีแล้วรัฐบาลเป็นคนส่งขาย เพราะว่าต่างประเทศต้องการกันมาก โดยเฉพาะเอาไปทำยารักษาโรค ส่วนบ้านเรานี่ถ้าหากว่าปลูกเสรี ถ้าเสพเมื่อไรติดคุกหรือว่าปรับให้หน้ามืดตาลายไปเลย ไม่อย่างนั้นบ้านเราอะไรที่อนุญาตให้นี่ทำเกินทั้งนั้นแหละ ไม่อนุญาตยังทำเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-06-2019 เมื่อ 16:52 |
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#58
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีแต่คนฝากศพให้เผา เป็นเรื่องอัศจรรย์เหมือนกัน ไม่รู้ว่าทำบุญด้วยอะไร ตอนนี้ที่ยังเหลืออยู่ก็มีตุ๊ป้อสิงห์ หลวงพ่อมณฑล หลวงพ่อสมคิด แล้วไม่รู้ว่า ๓ รูปนี้ใครจะไปก่อน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-06-2019 เมื่อ 16:52 |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#59
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานเจอหลวงปู่ตั้ง วัดถ้ำมะเดื่อ ท่านอายุ ๙๓ ปีแล้วยังแข็งแรงอยู่ กราบเรียนถามว่า หลวงปู่มียาดีอะไรหรือเปล่า ? ท่านบอกว่า “กินผักน้ำพริกเป็นหลัก” แต่ว่าพวกผักต้องไปหาเอาตามหัวไร่ชายนาที่ขึ้นตามธรรมชาติ อย่าไปเอาที่เขาปลูก ที่เขาปลูกส่วนใหญ่ใส่ยาทั้งนั้นแหละ แหม...หลวงปู่ว่าเสียเลย
พอได้ยินตรงนี้อาตมามานึกถึงการปลูกกัญชาที่บ้านเรา ก็คือบ้านเราถ้าปลูกกัญชา เดี๋ยวก็เจอยาฆ่าหญ้า เดี๋ยวก็เจอสารเคมีสารพัด สรุปว่าจะเอามาเพิ่มโรคหรือจะเอามารักษาโรคกันแน่ ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-06-2019 เมื่อ 16:53 |
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#60
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เนื่องในวาระพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรี ๒ รัชกาล และรัฐบุรุษถึงแก่อสัญกรรม ก็มีข้อคิดว่า สมัยป๋าเป็นนายกฯ บ้านเราเป็นประเทศเกษตรกรรม พอมายุคน้าชาติเป็นนายกฯ เราก็เป็นยุคอุตสาหกรรม พอยุคทักษิณเป็นนายกฯ ก็มาสู่ยุคนวัตกรรม ปัจจุบันนี้เป็นยุค...เวรกรรม..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-06-2019 เมื่อ 16:53 |
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|