|
ซัวสะเดย..เนียงลออ ซัวสะเดย..เนียงลออ โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
ซัวสะเดย..เนียงลออ ตอนที่ ๕
ทางเข้าปราสาทตาพรหมจากโกปุระด้านตะวันออก ย้อนกลับเส้นทางเดิมทุกประการ จึงผ่านปราสาทแปรรูป ตลอดจนสระสรงที่อาตมาต้องหัวเราะในใจอีกครั้ง ทำเอาจอมคนแห่งกัมโพชไม่ยอมเอ่ยโอษฐ์อะไรเลย เมื่อถึงสามแยกคุณราญไม่ได้พาเลี้ยวซ้ายไปทางเดิม หากแต่วิ่งตรงไป เห็นรถโมบายยูนิตคันเดิมวิ่งนำหน้าเราไปอีกแล้ว ไปได้หน่อยเดียวรถของเราเลี้ยวขวา มาจอดตรงซุ้มประตู (โกปุระ) ขนาดใหญ่ที่ปรักหักพังไปบางส่วน คุณแสงต้อนพวกเราให้ลงกันที่นี่... คุณราญขับรถแยกไปอีกด้าน บอกว่าจะไปรอทางประตูใหญ่ทิศตะวันตกที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แปลว่าเรามาลงที่ประตูทิศตะวันออก ? ถ้าเป็นปราสาทที่ตั้งพระบรมศพขององค์กษัตริย์ จะหันหน้าไปทิศตะวันตก แต่ปราสาทนี้ข้าพเจ้าสร้างเพื่อเป็นวัดในทางพระพุทธศาสนา ที่มัคคุเทศก์นำมาเข้าทางนี้ถือว่าถูกต้องแล้ว เสียง มัคคุเทศก์เถื่อน บรรยายไขข้อข้องใจ อ้าว..หลังนี้พระองค์ท่านสร้างเองหรอกหรือ ? แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2014 เมื่อ 01:40 |
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
หยุดฟังมัคคุเทศก์ "ตัวจริง" บรรยายก่อนเข้าชมปราสาทตาพรหม คุณแสงพาพวกเราเดินผ่านโกปุระเข้าไปด้านใน ซึ่งพื้นที่แทบจะเป็นป่าสมบูรณ์ และเกือบจะไม่มีนักท่องเที่ยวมาเข้าทางด้านนี้เลย ทางเดินเป็นดินอัดแน่น สูงเป็นแนวขึ้นมาจากพื้นป่ารอบด้านเกือบฟุต มีต้นไม้ใหญ่บางต้นขึ้นล้ำมาอยู่บนแนวทางเดิน มัคคุเทศก์เรียกให้พวกเราหยุดรวมตัวกันใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วบรรยายให้ความรู้ตามหน้าที่ก่อน... นี่คือปราสาทตาพรหม (Ta Prohm) เขาเล่าว่า คนแรกที่มาพบปราสาทนี้เมื่อครั้งปรักหักพังอยู่ เป็นพรานล่าสัตว์ชื่อตาพรหม จึงได้ตั้งชื่อไว้เป็นที่ระลึก สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ เพื่ออุทิศส่วนกุศลถวายแก่พระนางชัยราชจุฑามณีผู้เป็นพระราชมารดา เป็นปราสาทที่มีสิ่งของมีค่ามากที่สุด ขนาดพื้นทางเดินยังปูด้วยแผ่นทองคำเลย..! |
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
มาเล่นจ๊ะเอ๋กันก่อน “แล้วแผ่นทองคำตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนคะ ?” ลูกปุ๊กเกิดสงสัยขึ้นมา ทำเอามัคคุเทศก์ตีหน้าพิกล เพราะไม่นึกว่าจะเจอคำถามแบบนี้ “หมดไปตั้งแต่ก่อนปราสาทจะพังแล้วครับ ข้าศึกมาตีบ้านปล้นเมือง ขนไปหมด ทิ้งตัวปราสาทจนรกเป็นป่า แต่เมื่อเดือนก่อนเขาเพิ่งขุดได้มงกุฎทองคำองค์หนึ่ง ตอนนี้เอาไปแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ครับ” ขืนบรรยายต่ออาจจะเจอคำถามที่ตอบไม่ถูก คุณแสงจึงปล่อยพวกเราให้เดินเข้าไปยังตัวปราสาท ซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลไม่น้อยเลย เมื่อเข้าใกล้เขตตัวปราสาท อาตมาเห็นต้นไม้ต้นหนึ่ง มีช่องว่างอยู่กลางต้น เหมือนกับต้นไม้สองต้นขึ้นเบียดกันจนเป็นต้นเดียว หันมาเจอน้องเล็กเดินอยู่ใกล้ ๆ จึงให้เดินอ้อมไปโผล่หน้าตรงช่องว่าง แล้วอาตมาช่วยถ่ายรูปให้... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 24-04-2014 เมื่อ 09:01 |
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ปราสาทตาพรหมเหมือนกับสร้างอยู่กลางป่า เพราะมีต้นไม้เยอะมาก ป้ามอยกับลูกปุ๊กเอาอย่างบ้าง แต่คนถ่ายกลายเป็นแม่ป๋อม ส่วนพี่มุกดาเห็นต้นไม้ขนาดขาอ่อน ลำต้นเอนราวสี่สิบองศา จึงตะกายขึ้นไปนั่งให้ถ่ายรูป แถมยังชวนพี่วิไลให้ขึ้นไปด้วย ไม่เอาหรอก วิไลตัวใหญ่ เดี๋ยวต้นไม้เขาหัก.. เล่นเอาคนชวนทำท่า เซ็งเป็ด... เดินตามกันไปยังฐานหินของสิ่งก่อสร้าง ซึ่งหลังคาและข้างฝาพังหมดแล้ว เหลือแต่ฐานที่เขาทำบันไดไม้ให้เดินขึ้นไป ซ้ำยังมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่บนฐานหลายต้น จากตรงนี้สามารถเดินไปยังซุ้มหินยาวเหยียด แต่ดูโย้เย้จวนพัง ที่เป็นทั้งกำแพงและทางเดินไปในตัว... |
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ตอนแรกก็คนเดียว ทำไปทำมากลายเป็นทั้งคณะ นักท่องเที่ยวอื่นผลุบเข้าไปในซุ้มทางเดินกันหมด อาตมาเห็นต้นสะปุง (Spung) ซึ่งเป็นต้นไม้ใหญ่คล้ายต้นสำโรงของบ้านเราต้นหนึ่ง มีขนาดใหญ่มาก ตรงโคนผุเป็นรอยเว้า ใหญ่จนคนเข้าไปนั่งได้หลายคน จึงขอให้แม่ป๋อมช่วยถ่ายรูปให้ด้วย ลูกปุ๊กกับพี่มุกดาเห็นเข้าก็มุดเข้าไปให้ถ่ายรูปบ้าง ท้ายสุดทั้งคณะก็เข้าไปนั่งหน้าสลอนถ่ายรูปกันครบทุกคน... ถ่ายรูปหมู่กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินตามคุณแสงเข้าไปสู่ตัวปราสาทชั้นใน อาตมาอยากจะเดินเข้าทางซุ้มทางซ้ายมือ แล้วเดินเลาะมาตามทางเดินที่เป็นระเบียง แต่เขาไม่ได้ยกพื้นไม้ไว้ แสดงว่าไม่ได้ใช้เป็นทางเข้าเป็นแน่ จึงต้องขึ้นสะพานไม้ไปกับคณะ ข้างบนซุ้มทางเข้าตรงนี้มีพวกหญ้ามอสและตะไคร่ขึ้นหนา ขนาดหน้าแล้งอย่างนี้ยังเป็นสีเขียวอยู่เลย... |
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
มุมที่เห็นจนคุ้นตาของปราสาทตาพรหม ผ่านเข้าไปชั้นในแล้ว อาตมาเห็นว่าแสงแดดตรงนี้กำลังดี จึงให้ป้ามอย น้องเล็กกับลูกปุ๊กหยุดถ่ายรูปกันก่อน ส่วนคนอื่นเดินกันไปไกลแล้ว พอเลี้ยวซ้ายตามไปได้หน่อยเดียวก็เจอกับมุมคุ้นตา คือช่วงมุมของกำแพงระเบียงทางเดิน ซึ่งมีต้นสะปุงใหญ่ขึ้นอยู่ตรงหัวมุมพอดี... รากต้นสะปุง ๖ ๗ เส้นนี้ น่าจะคล้ายกับต้นโพธิ์ คือสามารถงอกเป็นต้นใหม่ได้ เพราะเจ้ารากเส้นซ้ายสุดยืดลงมาถึงพื้นดิน แล้วเลื้อยตามพื้นไปไม่ไกลนัก จากนั้นยืดกลับขึ้นไปบนระเบียงอีก ดูท่าเตรียมแตกยอดเป็นต้นใหม่ แต่..ถูกตัดด้วนเอาไว้แค่นั้นเอง... |
สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
หัดใช้หัวคิดซะบ้าง..! เขาจัดเวทีไม้เล็ก ๆ กั้นเชือกเอาไว้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันโดยเฉพาะ ใครมาก็ต้องถ่ายรูปกันตรงจุดนี้ เพื่อรักษากำลังใจของคนตั้งเวที พวกเราจึงรอคิวเพื่อถ่ายรูปกันบ้าง พอนักท่องเที่ยวฝรั่งถ่ายรูปกันหมดแล้ว ก็เฮละโลเข้าไปทันที ใช้หลักการตีโฉบฉวย (Raid) แบบของทหาร เข้าเร็วออกเร็ว ทำลายเป้าหมายแล้วไม่ยึดพื้นที่ จะได้ไม่เสียเวลาของคนอื่นเขา... จากนั้นเดินไปตามทางที่เขาทำเป็นสะพานไม้กว้างประมาณ ๔ ฟุต ลัดเลาะไปตามจุดที่เขากำหนดไว้ เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินออกนอกลู่นอกทาง ซึ่งอาจจะสร้างความเสียหายให้ กับตัวปราสาท (ที่เสียอยู่แล้ว) ยิ่งขึ้น อาตมาชี้ให้แม่ป๋อมดูป้ายเล็ก ๆ ที่เขาตั้งไว้ตรงเถาวัลย์ขนาดใหญ่ ซึ่งเลื้อยทอดข้ามสะพานมา เขียนภาษาอังกฤษไว้ว่า MIND YOUR HEAD พลางแปลแบบเพราะพริ้งว่า โปรดระวังศีรษะ ป้ามอยที่ได้ยินหันขวับกลับมาบอกว่า เขาแปลว่า..หัดใช้หัวคิดซะบ้าง..ของแข็งขนาดนี้อย่าเดินไปโหม่งเข้า..! ดูท่าว่าป้าจะแปลได้ถึงแก่นมากกว่านะนี่... |
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
ไหน ๆ ก็เดินข้ามแล้ว ขอถ่ายรูปเอาไว้หน่อย ในกำแพงปราสาทนี่ก็คือป่าดี ๆ นี่เอง มีแต่ต้นไม้ใหญ่เล็กเต็มไปหมด มีชิ้นส่วนของปราสาทหินที่ปรักหักพังกองอยู่เป็นจุด ๆ ส่วนที่ซ่อมแซมแล้วมีนักท่องเที่ยวหยุดชมและถ่ายรูปกันเป็นระยะไป คุณแสงพาเดินขึ้นบันไดไม้ข้ามกำแพงเตี้ย ๆ ข้างต้นไม้ใหญ่ เพื่อพาไปดูจุดที่เขาตั้งกองซ่อมแซมกันอยู่ อาตมาถึงฉวยโอกาสถ่ายรูปหมู่ให้กับคณะตรงสะพานนี้เอง... จุดที่ทางการตั้งกองซ่อมแซมกันอยู่ น่าจะเป็นบริเวณตัวปรางค์หลักของปราสาทตาพรหม เพราะเห็นมีเสาเรียงเป็นตับเลย เขาตั้งนั่งร้านเหล็กเพื่อช่วยค้ำยันเอาไว้ จึงกลายเป็นเกะกะจนเดินเข้าไปไม่ได้ (เขาไม่ให้เข้าอยู่แล้ว) คุณแสงชี้ให้ดูมุมทางขวามือที่ไม่ไกลนัก บอกว่าพวกเขาขุดมงกุฎทองคำได้ตรงจุดนี้แหละ อาตมาจึงถ่ายรูปพื้นดินเปล่า ๆ เอาไว้ด้วย... |
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
นักประวัติศาสตร์เขาว่าพระองค์ทุ่มเทสร้างปราสาทจน "ทรงพระเจ๊ง" จริงหรือไม่ ? มงกุฎทองคำเป็นเพียงหนึ่งในของมีค่าที่ข้าพเจ้าถวายเป็นพุทธบูชา เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่พระมารดา ความจริงมีเครื่องทองอีกหลายร้อยกิโลกรัม เพชรพลอย ไข่มุกและผ้าไหมอีกเป็นจำนวนมาก จอมคนแห่งกัมโพชในฐานะ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องปราสาทตาพรหม เอ่ยโอษฐ์ขึ้น ถ้าไม่พูดอาตมาก็ลืมไปแล้วว่ามีพ่อเจ้าประคุณมาด้วย... นักประวัติศาสตร์เขมรเขาว่า เป็นเพราะพระองค์ใช้จ่ายในการสร้างปราสาทนี้อย่างฟุ่มเฟือย จึงทำให้อาณาจักรขอมต้องล่มสลายในเวลาต่อมา ไม่ทราบว่าเป็นความจริงหรือไม่ ? |
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
ที่ "ทะเลาะกับผี" ก็ทะเลาะไป ที่ถ่ายรูปก็ถ่ายไป อดีตมหาราชแห่งกัมโพชยักพระอังสา ภาษิตจีนเขาว่า เอาจิตใจคนต่ำช้ามาประเมินวิญญูชน ตนเองกำลังใจไม่ถึง ไม่กล้าทุ่มเททำบุญกุศล กลับมาสันนิษฐานส่งเดช ทุกอย่างต้องก้าวไปสู่ความเสื่อม ถึงข้าพเจ้าไม่สร้างปราสาทหลังนี้ อาณาจักรกัมโพชก็ต้องเสื่อมสลายอยู่ดี.. ทุกคนปล่อยให้อาตมา ทะเลาะกับผี ไปคนเดียว ฉวยโอกาสนั่งพัก ร้องขอน้ำดื่มที่คุณปัญญาหิ้วมาด้วย บางคนก็ถ่ายรูปกับเศษซากปรักหักพัง อาตมาหันมาถ่ายรูปหมู่ให้พี่วิไล น้องเล็ก ลูกปุ๊กและคุณอารี แล้วนั่งเป็นแบบให้แม่ป๋อมถ่ายบ้าง... |
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
ถึงจะจัดเรียงกลับมาเป็นระเบียงได้เหมือนเดิม แต่รูปก็หมดไปแล้ว ได้ยินเสียง แคว้กๆ คุ้นหูดังลั่นมาตั้งนาน พยายามมองหาเจ้าของเสียงก็ไม่เห็น จน ผี ต้องชี้ให้ดู ฮ่วย..มิน่าว่าเสียงคุ้นหูนัก ที่แท้ก็นกแก้วโม่งทั้งฝูง ตัวสีเขียวกลมกลืนกับยอดไม้ ถ้าไม่ขยับก็ยากที่จะมองเห็น สมัยที่อยู่ชายแดนตาพระยา อาตมาเคยเห็นจับฝูงกันเป็นพัน ๆ ตัว บินพร้อม ๆ กันเป็นแพดูมืดฟ้ามัวดิน ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังจะพอมีเหลืออยู่หรือเปล่า ? มัคคุเทศก์ประจำคณะปล่อยให้พวกเราพักเหนื่อยพอสมควร แล้วพาเดินเลาะไปตามระเบียงที่ซ่อมเสร็จแล้ว แม้จะดูสวยสมบูรณ์แข็งแรง แต่รูปตามผนังโดนสกัดทิ้งหมด เหลือเพียงเค้าอยู่ราง ๆ เท่านั้น พลางอธิบายว่า เมื่อกษัตริย์พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ถ้านับถือคนละศาสนา ก็มักจะมีผู้คอยเอาใจ ด้วยการทำลายรูปเคารพนอกศาสนาเสียหมด บางพระองค์ก็สั่งการให้ทำลายเองเลย ปราสาทตาพรหมเป็นปราสาทที่มีร่องรอยของการทำลายมากที่สุด ระเบียงนี้กว่าจะเรียงหินขึ้นมาจนสมบูรณ์อย่างนี้ได้ ใช้เวลาอยู่ตั้งหลายปี... |
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
ให้ถ่ายรูปข้างล่างเท่านั้น ห้ามปีน..! เท่ากับว่าตอนนี้พวกเรามาอยู่ตรงชายขอบของพื้นที่ทำงาน มีป้ายภาษาอังกฤษเล็ก ๆ ปักไว้ว่า NO ENTER:WORK AREA จึงได้แต่ถ่ายรูปกันอยู่ตรงระเบียง พอนักท่องเที่ยวฝรั่งมารวมตัวกันมากขึ้น คุณแสงก็พาพวกเรา ถอนตัว เดินมาตรงมุมยอดฮิตอีกมุมหนึ่ง ที่มีต้นสะปุง ปล่อยรากเส้นใหญ่เลื้อยขดเป็นพญานาคลงมา เพื่อให้ถ่ายรูปกันที่นี่ อาตมาถ่ายรูปนั่งร้านเหล็กที่เขาค้ำยันเพื่อรับน้ำหนักต้นสะปุงแล้ว จึงเห็นป้าย DO NOT CLIMB แสดงว่ามีคนปีนกันบ่อยแน่ ๆ ถึงต้องมีป้ายห้ามไว้อย่างนี้... ลงจากเวทีถ่ายรูปแล้ว พวกเราเดินไปตามสะพานไม้ อาตมาเห็นต้นไม้ใหญ่หลายต้น ที่มีรากค้ำยันสูงลิบ จึงลงจากสะพานไม้ไปถ่ายรูป ทำเอาทุกคนตามลงมากันหมด ทางด้านนี้มีนักท่องเที่ยวน้อย เพราะพวกเขาไม่ค่อย ออกนอกลู่นอกทาง กัน อาตมาเข้าไปยืนในระหว่างพูรากที่สูงท่วมหัว แล้วส่งกล้องให้แม่ป๋อมช่วยถ่ายรูป แต่ป้ามอยชิงใช้ Iphone ถ่ายไปก่อนแล้ว... |
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
พวก "นอกคอก" มักจะได้รูปที่คนอื่นไม่ได้เสมอ คนโน้นขอถ่ายมุมโน้น คนนี้ขอถ่ายมุมนี้ พี่มุกดาลงทุนมุดรูรากไม้ที่มีช่องว่างอยู่ให้ถ่ายรูปด้วย แล้วคุณแสงจัดการถ่ายรูปหมู่ทั้งคณะให้ ซึ่งก็เหมือนเดิมคือ คุณปัญญากับคุณอารีเผ่นอ้าวไปเสียไกล ไม่รู้ว่าว่ากลัวกล้องหรืออย่างไร ? กลับขึ้นมา อยู่กับร่องกับรอย บนสะพานไม้ เดินเลียบกำแพงไปได้ไม่ไกลนัก ก็มีแม่ชี เอ..? ใช่หรือเปล่าหว่า ? เพราะคุณยายเธอโกนหัว ใส่เสื้อแขนยาวสีขาว แต่นุ่งผ้าถุงสีแดงลายพร้อย นั่งเฝ้าช่องทางข้างกำแพง ซึ่งมีพระพุทธรูปนาคปรกเก่า ๆ องค์ไม่ใหญ่นักตั้งอยู่ พอเห็นพวกเรามา ก็กุลีกุจอจุดธูปทั้งกำส่งให้ พลางชักชวนให้ไหว้พระพุทธรูป พี่วิไลหย่อนใบละ ๑,๐๐๐ เรียลลงในถาดใบเล็ก รับธูปมาไหว้พระ อธิษฐานอะไรก็ไม่รู้ ? |
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
||||
|
||||
คุณยายแม่ชีรวบรัดหาลูกค้าแบบ "ปิดการขาย" พี่สาวท่านขอให้กิจการเจริญรุ่งเรือง แต่คงสมหวังยากสักหน่อย เพราะปีหน้าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นในประเทศนี้ ประกอบกับมีพวกไร้ฝีมือแต่อยากร่ำรวย เปิดร้านตัดเสื้อผ้าแข่งขันกันมากมาย ทำให้ต้องลดราคาเพื่อแย่งชิงลูกค้ากัน สถานการณ์หนักพอสมควรทีเดียว อ้าว..ทรงเปลี่ยนจากมัคคุเทศก์มาเป็นหมอดูซะแล้ว หา เหวย ได้หลายทางนะนี่..! อาตมาเองปล่อยวางจนชินเสียแล้ว อย่างที่เคยบอกกับทุกคนไว้ว่า ถ้าไม่ใช่มาล้มทับตีนดิ้นพราด ๆ อยู่ตรงหน้า ทำให้เดินหนีไม่ได้ อาตมาก็ไม่ยุ่งกับกรรมของใครหรอก จึงรับข้อมูลจากโหราจารย์กิตติมศักดิ์ไว้เฉย ๆ พอพี่วิไลไหว้พระเสร็จ ก็พากันเดินตามคุณแสงไปยังมุมยอดฮิตอีกมุมหนึ่ง เป็นมุมที่มีต้นไทรใหญ่ทิ้งรากลงมามากมาย โอบซุ้มประตูข้างล่างเอาไว้... |
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#15
|
||||
|
||||
ปราสาทแห่งนี้เป็นฉากภาพยนตร์มาหลายเรื่องแล้ว “มุมนี้ดังระดับโลกเลยนะครับ เพราะมีฝรั่งมาถ่ายหนังหลายเรื่อง ทั้ง Tomb Rider และ Indiana Jones” คุณแสงบรรยายขณะที่พวกเราผลัดกันเข้าไปจองมุมเพื่อถ่ายรูป อาตมาที่ไม่ได้ดูหนังมาเกือบ ๓๐ ปีแล้ว จึงไม่รู้ว่า “อินเดียหน้าโจร” นั้น สนุกอย่างไร ? บริเวณใกล้ ๆ นี้ยังมีมุมที่จัดไว้ถ่ายรูปกับต้นไม้อีกหลายแห่ง พวกเราก็เข้าไปจับจองถ่ายเสียทุกแห่ง ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเขาจะว่ามาไม่ถึง รู้สึกว่าปราสาทตาพรหมนี้ตั้งอกตั้งใจขายต้นไม้เอาจริง ๆ ของที่ทำลายปราสาทแท้ ๆ กลับพลิกวิกฤตเป็นโอกาส เอามาเป็นจุดขายได้อีกด้วย... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-05-2014 เมื่อ 02:22 |
สมาชิก 135 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#16
|
||||
|
||||
หลงยุคมาได้อย่างไรกันพ่อคุณเอ๊ย..! ถ่ายรูปกันจนไม่มีอะไรจะถ่ายแล้ว มัคคุเทศก์ตัวจริงก็พาพวกเราเดินผ่านเข้าประตูอีกชั้นหนึ่ง พลางบอกว่าตรงนี้มีปริศนาที่คนโบราณทิ้งเอาไว้ให้ พลางชี้ให้ดูภาพสลักที่เสาข้างประตู แล้วถามว่า “มีใครรู้บ้างครับ ว่ารูปนี้เป็นตัวอะไร ?” อาตมาชะโงกเข้าไปดูรูปสลักที่มีนั่งร้านตั้งอยู่ใกล้ ๆ เฮ้ย..กิ้งก่าโบราณมีครีบที่เรียกว่า Stegosaurus นี่หว่า..! สมัยนั้นยังมีอยู่อีกหรือวะ ?!! “นั่นนะสิครับ เพราะนักโบราณชีวศาสตร์เขาว่าสัตว์ชนิดนี้สูญพันธุ์ไปตั้ง ๖๕ ล้านปีมาแล้ว ปราสาทหลังนี้เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อแปดร้อยกว่าปีนี้เอง แล้วช่างสลักไปเอาตัวอย่างรูปนี้มาจากไหน ? เขาเห็นตัวจริงมาหรืออย่างไร ? ยังเป็นปริศนาที่นักวิชาการขบไม่แตกมาจนทุกวันนี้”... |
สมาชิก 135 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#17
|
||||
|
||||
เล่นหัวแบบหนึ่ง ตัวแบบหนึ่ง เหมือนสมัยญี่ปุ่นลอกแบบรถเลย อาตมาหันไปหา มัคคุเทศก์เถื่อน อีกฝ่ายสรวลหึ..หึ..พลางตรัส หน้าตาเฉย ว่า ช่างเขาเห็นกิ้งก่ายักษ์ชนิดนี้มาจริง ๆ..! เฮ้ย..ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเขียนตำรากันใหม่หมดเลยนะ ไม่ต้องเขียนใหม่ ท่านเองก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องยาก ช่างสลักเขา เจาะเวลาหาอดีต ได้ ก็ย่อมต้องเห็นสัตว์ชนิดนี้ได้อยู่แล้ว... ฮ่วย..ปริศนาโลกแตกของนักวิชาการ พอเฉลยออกมาแล้วหมดราคาเลย จริงสินะ..บรรดานายช่างต้องทุ่มเทสมาธิอยู่กับงาน ใครที่มี ของเก่า มาก่อน พอสมาธิทรงตัว ความเป็นทิพย์ก็เกิดขึ้นเอง อยากจะรู้เห็นอะไรในอดีตหรืออนาคตก็ย่อมได้อยู่แล้ว... แสดงว่าช่างคนนี้ตั้งใจทิ้งภาพนี้เอาไว้ ให้คนรุ่นหลังปวดกะโหลกเล่น เพราะนอกจากจะสลักให้ลำตัวเป็นเจ้ากิ้งก่าหลังครีบ Stegosaurus แล้ว ยังสลักส่วนหัวเป็น Triceratops ไอ้แรดสามเขาจอมบุกอีกด้วย เล่น two in one แบบนี้ นักโบราณชีวศาสตร์คง ปวดหมอง ขนาดหนัก เพราะไม่รู้ว่าจะไปหาโครงกระดูกแบบนี้มาจากไหน ? |
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#18
|
||||
|
||||
นี่ก็เอาพญาครุฑมาทำเป็นพังพานพญานาค คุณปัญญาส่งน้ำมาให้อาตมาแก้ “ปวดหมอง” โดยที่ไม่รู้ว่าพวกที่ต้อง “ปวดหมอง” นั้นเป็นคนอื่น อาตมาได้คำตอบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉันน้ำแล้วคุณแสงพาเดินไปตามซุ้มระเบียงคด ผ่านพระพุทธรูปปางสมาธิแกะสลักจากหินสีดำ ๆ องค์ไม่ใหญ่นัก ทุกคนหยุดไหว้พระแล้วเดินต่อไป สวนทางกับฝรั่งหลายคณะที่เข้ามาทางประตูตะวันตก... เดินพ้นประตูออกมาก็เป็นลานกว้างบริเวณซุ้มประตูตะวันตก พื้นที่ตรงกลางเป็นรูปพญานาคสลักจากหินยาวเหยียดขนาบสองข้างทางเดิน แต่พังพานพญานาคกลายเป็นรูปนารายณ์ทรงครุฑไปเสียนี่ เพียงแต่ว่าพังพานข้างหนึ่งหักหายไป เหลือแต่ตัวนาคโล้น ๆ ด้านข้างมีแผ่นป้ายนิทรรศการ แสดงภาพก่อนและหลังการบูรณะสะพานนาคนี้เอาไว้ด้วย... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2014 เมื่อ 17:45 |
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#19
|
||||
|
||||
ถ้ามีเวลาน่าจะให้เขาวาดรูปกับตัวปราสาทสักใบ บริเวณข้างกำแพงที่พวกเราเดินออกมา มีต้นไม้ใหญ่เอนประมาณ ๕๐ องศาทับกำแพงอยู่ต้นหนึ่ง ที่ไม่ไกลเป็นต้นสะปุงใหญ่อีกต้น ซึ่งมีจุดเด่นพิเศษอยู่ที่มีรากโผล่ออกมา ลักษณะเหมือนครกขนาดใหญ่ อาตมาจึงยกเอาป้ายชื่อต้นไม้เสียบไว้ในครกนั้นแล้วถ่ายรูปซะเลย... บนสะพานไม้ที่เป็นทางเดินช่วงนี้ มีคนเอารูปวาดมาวางขายอยู่ด้วย น่าจะเป็นตัวจิตรกรมาวางขายเอง เพราะเห็นมีสีและพู่กันอยู่ด้วย ฝีมือการวาดทิวทัศน์ไม่เลวเลยทีเดียว แถมยังมีกลองรำมะนาหนังงูเหลือมหลายใบ พร้อมซออู้ ๒ คันกับซอด้วงอีก ๑ คัน แต่ซออู้ของเขากะลามะพร้าวเล็กจนน่าเวทนา ดูแล้วตอนแรกคิดว่าซอด้วงเสียอีก... |
สมาชิก 125 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#20
|
||||
|
||||
ไม่รู้ว่าบ้านพักหรืออาคารของหน่วยราชการ พวกเราเดินออกมาตามทางเดินที่ตัดตรงผ่านป่า มีอาคารในระหว่างทางอยู่หลังหนึ่ง หน้าตาเหมือนกับบ้านพัก อาจจะเป็นบ้านพักของบรรดาช่างที่มาบูรณะปราสาทก็เป็นได้ พอลงจากสะพานไม้มาบนทางดิน ซึ่งพาตรงไปยังทางออกด้านตะวันตก ก็เจอนักท่องเที่ยวเต็มไปหมด มีทั้งที่เดินออกแบบพวกเรา แต่ส่วนใหญ่แล้วเดินเข้ามากันทั้งนั้น... เสียงกลองรำมะนาหนังงูเหลือมดังอยู่เป็นระยะ เมื่อเดินเข้าไปใกล้เขาก็ยื่นมาเสนอขายให้ในราคาไม่แพง ถ้าไม่ใช่เอากลับยากแล้วก็น่าซื้ออยู่เหมือนกัน เพราะทางบ้านเราหนังงูเหลือมกลายเป็นของผิดกฎหมายไปเสียแล้ว แต่เมื่อนึกถึงการขนกลับแล้วก็ต้องปฏิเสธไป... |
สมาชิก 121 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|