#41
|
||||
|
||||
อย่าใช้แรงงานเด็กบ่อย โยมเดินมาทำบุญเองก็ได้...ไม่ต้องอาย ญาติโยมไปใช้แรงงานเด็ก ให้เด็กเดินมาอยู่เรื่อย ถามว่ารู้ได้อย่างไร ? ถ้าอาตมาบอกว่าจำหน้าได้ทุกคนนี่จะเชื่อไหม ? นี่ยังดีนะว่าแค่จำหน้าได้ทุกคน อาตมาสอนมหาวิทยาลัยอยู่ ๓ แห่ง จำลายมือลูกศิษย์ได้ทุกคน ลูกศิษย์ร้องเอ็ดตะโรไปตาม ๆ กัน
"ทำไมพระอาจารย์ผมได้คะแนนแค่นี้เอง ?" "ก็เพื่อนเขียนให้มึง..!" "พระอาจารย์จำลายมือได้หรือครับ ?" "ได้" บรรดาพระสังฆาธิการเจ้าคณะปกครอง ท่านสงสัยว่าอาตมาทำไมไม่เก็บเบอร์โทรศัพท์ บอกว่า "เก็บไม่เป็นครับ" "เก็บไม่เป็นแล้วเวลาโทรหาเขาล่ะ ?" "ก็กดเอาเลย" "เป็นร้อย ๆ เบอร์จำได้หรือ ?" "จำได้ครับ" แต่ขอโทษ...ถ้าใครเปลี่ยนเบอร์เป็นครั้งที่สองนี่อาตมาจะเลิกจำเลย เพราะว่าสร้างความสับสนให้กับชีวิต
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2017 เมื่อ 17:40 |
สมาชิก 119 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
||||
|
||||
วัตถุมงคลที่เข้าพิธีในวันนี้ของทางวัดมีพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ เนื้อยาจินดามณี ๖,๐๐๐ องค์ กำไลนวหรคุณเนื้อทองคำ ๑ วง เนื้อเงิน ๓,๐๐๐ วง
ถามว่าเนื้อทองคำมาจากไหน ? โรงงานเขาแสนรู้ อาตมาให้ทองคำไปสร้างอย่างอื่น ดันทะลึ่งปั๊มเนื้อทองคำมาให้ดูวงหนึ่ง ก็เลยบอกว่าทำมาแล้วไม่จ่ายเงินหรอก ปกติเนื้อทองคำคิดค่าปั๊มวงละ ๑,๒๐๐ บาท ฉะนั้น...ถ้าท่านทั้งหลายไปเห็นกำไลที่มีสีทอง มีสีนาก โปรดทราบว่าเขาไปชุบกันมาเอง เนื้อทองคำจริง ๆ มีวงเดียว อาตมากำลังคิดดูว่าจะให้ใครดี หรือว่าเอาไปลงประมูลคิดเป็นราคาทองคำ ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2017 เมื่อ 17:41 |
สมาชิก 120 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
||||
|
||||
แล้ววัตถุมงคลอีกส่วนหนึ่ง อาตมาลงทุนไปหลายล้านบาท ยังไม่สามารถที่จะออกได้ เป็นเหรียญรัชกาลที่ ๕ หลังตราพระเกี้ยวของ มจร. เพราะว่าอาตมาได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานการจัดหาทุนสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ก็ไม่มากไม่มาย อาคารหลังแรกราคาแค่ ๓๘ ล้านบาท..!
แต่ว่าหนังสือขออนุญาตสร้างรูปเหรียญรัชกาลที่ ๕ ส่งไปตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ จนถึงในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ยังไม่ได้รับตอบกลับมาเลย เพราะว่าช่วงนั้นในหลวงรัชกาลที่ ๙ ก็ทรงพระประชวร พอมาถึงในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ก็มายุ่ง ๆ กับการจัดงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ อาตมาลงทุนไปหลายล้านก็เลยจมอยู่ในนั้น ถามว่ามากแค่ไหน ? เฉพาะเหรียญทองคำเหรียญหนึ่งเกือบ ๒ บาทก็ ๓๐๐ เหรียญเข้าไปแล้ว เหรียญเงินอีก ๓,๐๐๐ เหรียญ เหรียญทองแดงนอก ๑๐,๐๐๐ เหรียญ เหรียญตะกั่ว ๑๐,๐๐๐ เหรียญ ก็ไม่มากไม่มาย เงินจมอยู่ในนั้นเป็นสิบล้านเท่านั้นเอง..! เพราะว่าตราบใดที่หนังสืออนุญาตจากสำนักพระราชวังยังไม่มา ก็ไม่สามารถที่จะออกให้บูชาได้ แต่ดีตรงที่ว่าได้นำมาเข้าพิธีไปเรื่อย ๆ เป็นเหรียญรัชกาลที่ ๕ ที่สวยที่สุดในโลก สวยกว่าเหรียญโมเน่ต์อีก เพราะว่าคนออกแบบก็คือท่านอาจารย์ปัทม์ บุณยรังค ที่เป็นคนปั้นรูปนารายณ์กวนเกษียรสมุทรในสนามบินสุวรรณภูมิ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2017 เมื่อ 17:44 |
สมาชิก 123 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#44
|
||||
|
||||
(ประกาศหาเจ้าของรถ) โปรดระมัดระวังว่าการไปขวางทางบุญคนอื่น ถึงเวลาชีวิตมีแต่อุปสรรคก็ไม่ต้องสงสัยหรอก เป็นเพราะเราทำไว้เอง ฉะนั้น...การจะจอดรถ การจะนั่ง โปรดระมัดระวังด้วยว่าอย่าเผลอไปขวางใครเข้า จะเป็นการสร้างกรรมโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยเฉพาะในส่วนของบุคคลที่ใจของเขาอยู่กับบุญกับกุศล ถ้าหากว่าเราไปขวางเอาไว้โทษใหญ่ก็จะเกิดกับเราเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2017 เมื่อ 17:45 |
สมาชิก 115 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#45
|
||||
|
||||
ญาติโยมต้องรออีก ๒ ปี ปีหน้าอาตมาจะสร้างหลวงพ่อนาก ปีถัดไปก็สร้างหลวงพ่อทองคำ พอประดิษฐานครบแล้ว บรรดาพระองค์อื่นมีอยู่แล้วอาตมาจะยกองค์แทนลง แล้วเอาองค์จริงขึ้นไปตั้ง หลังจากนั้นแล้วค่อยมาถ่ายรูปกัน
แต่ว่าตรงนี้ครั้งต่อไปไม่รู้ว่าจะใช้งานได้หรือเปล่า เพราะว่าจะมีรั้ว ลักษณะแบบตรงโน้น แต่ว่าน่าจะใช้ได้นะ เพราะอาตมานั่งอยู่ด้านบนแล้วโยมก็เขย่งข้ามรั้วมาทำบุญ ถ้าผู้ใหญ่ก็พอดี ถ้าเด็ก ๆ ก็ต้องเขย่งเอาหน่อย อยากสูงก็ต้องเขย่ง อยากเก่งก็ต้องขยัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2017 เมื่อ 17:46 |
สมาชิก 116 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#46
|
||||
|
||||
เมื่อเช้าตอนพุทธาภิเษกกำลังของพระท่านกดลงมาแรงมาก อาตมาแทบจะกระดิกไม่ได้เลย กราบเรียนถามว่าทำไมต้องหนักขนาดนี้ด้วย ? พระท่านบอกว่าภาวะสงครามจะลามไปทั่วโลกแล้ว โดยเฉพาะการก่อการร้าย จึงต้องกัน ๆ เอาไว้หน่อย
เรื่องของภาวะสงครามตามที่ท่านกล่าวถึง ส่วนใหญ่แล้วเป็นสงครามแบบก่อการร้าย เรื่องที่จะประเภทแบกปืน ขับรถถังไปไล่ยิงกันไม่ค่อยมีแล้ว ส่วนใหญ่ก็ใช้วิธีก่อการร้าย ฆ่าตายทีละ ๑๐ คน ๒๐ คน จนกระทั่งในที่สุดอดรนทนไม่ไหว ก็จะใส่กันหนัก ๆ ถึงเวลาหนักเต็มที่ตามที่ท่านบอกก็คือมีนิวเคลียร์ด้วย เอาเถอะ...ถึงเวลานิวเคลียร์มาเราก็นอนเฉย ๆ ไม่ต้องไปวิ่งหรอก ถึงอย่างไรก็ตาย จะไปวิ่งให้เหนื่อยทำไม...! ฉะนั้น...พวกเราก็พกกำไลเอาไว้รับภาวะสงคราม เตรียมพระยาจินดามณีไว้กินแก้พิษกัมมันตภาพรังสี น่าจะเข้าท่านะ ถ้าอย่างนั้นก็ลำบากหน่อย เพราะว่าจะมีรอดแค่ ๖,๐๐๐ คน เพราะว่าพระเนื้อยาจินดามณีมีแค่ ๖,๐๐๐ องค์ ถ้าใครบูชาไปทีเดียว ๑๐ องค์ก็เหลือแค่ ๕,๙๙๐ องค์..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2017 เมื่อ 17:49 |
สมาชิก 121 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#47
|
||||
|
||||
พระครูสุภกิจชยาภรณ์ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองมะคัง เป็นเจ้าคณะตำบล และเป็นอาจารย์ มจร.วิทยาลัยสงฆ์พระพุทธชินราช ท่านชอบเครื่องรางของขลังเหมือนอาตมานี่แหละ ประเภทสายตาร้ายกาจกว่าอาตมาอีก
อาตมาเหลือบเห็นที่ท่านถือก็บอกว่าเป็นตะกรุดหลวงพ่อทบ วัดชนแดน สรุปว่าท่านถวายมาเลย เนื้อสามกษัตริย์ด้วย พระครูสุภกิจฯ ท่านยอดฝีมือจริง ๆ เลย อาตมายังมีแค่ ๒ กษัตริย์เอง ตะกรุดหลวงพ่อทบ วัดชนแดน ลองยิงได้ทุกดอก เพราะว่าเวลาหลวงพ่อทบท่านจารเสร็จ ท่านจะให้ลูกศิษย์เอาไปยิงก่อน ท่านบอกว่าถ้ายิงออกถือว่าใช้ไม่ได้ พอยิงไม่ออกค่อยเอามาท่านเสกซ้ำ แล้วจึงเอาไปใช้ อาจารย์แบบนี้นี่รักจริง ๆ เลย หลวงพ่อทบท่านรักลูกศิษย์มาก โดยเฉพาะบรรดาทหาร ตำรวจ ในช่วงสงครามเขาค้อ หินร่องกล้า ทหาร ตำรวจไปเฝ้าวัดทั้งกลางวันกลางคืน เพื่อรอท่านทำตะกรุดให้ หลวงพ่อทบต้องจารตะกรุดกลางแสงเทียน แสงก็ไม่ค่อยจะพอ จารทั้งวันทั้งคืน ท้ายสุดสายตาท่านก็เสีย ต้องบอกว่าท่านรักลูกศิษย์มากกว่ารักตัวเอง วาระสุดท้ายของชีวิต หลวงพ่อท่านอยู่ในโลกมืด ก็คือสายตาเสียไปเลย ญาติโยมลองนึกดูว่าทหาร ตำรวจออกรบ ไม่ใช่แค่พันสองพันนะ แล้วทั่วประเทศแห่ไปนี่มากเท่าไร หลวงพ่อท่านต้องจารตะกรุดให้เขาทีละดอก ๆ ตะกรุดของท่านก็ประเภทท้ารบได้ทั่วประเทศด้วย ถึงเวลาจารเสร็จเอาไปยิงดูก่อน ถ้ายิงออกไม่ต้องเอาไป ถ้ายิงไม่ออกค่อยเอามาเสกซ้ำให้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2017 เมื่อ 20:03 |
สมาชิก 117 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#48
|
||||
|
||||
อาตมายังไม่ได้รับอนุญาตจากหลวงพ่อวัดท่าซุงให้ทำทางด้านมหาอุตม์ เพราะท่านบอกว่าลูกศิษย์ส่วนใหญ่ก็คล้าย ๆ กับอาจารย์ นิสัยล้น ๆ ถ้าไปทำประเภทยิงไม่ออกให้เดี๋ยวก็ไปรังแกชาวบ้านเขา
อาตมาแอบทำไปรุ่นหนึ่งก็คือพระขุนแผนเนื้อตะกั่ว ตอนที่ลงไปทอดผ้าป่าทางปักษ์ใต้ กลัวลูกศิษย์จะไปโดนลูกปืนผู้ก่อการร้าย ก็เลยแอบจารไปให้รุ่นหนึ่ง ต้องบอกว่าสองรุ่นก็ได้ ก็คือจารมือรุ่นหนึ่งแล้วก็ตอกตรารุ่นหนึ่ง พระอาจารย์ไม่ให้ทำ อาตมาก็ไม่ขออนุญาต แอบ ๆ ทำเอา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2017 เมื่อ 20:04 |
สมาชิก 121 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#49
|
||||
|
||||
(ก่อนการเป่ายันต์รอบสอง) เรื่องของยันต์เกราะเพชรก็คือบารมีพระพุทธเจ้า เป็นตำราที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยพระร่วง หลวงปู่ปานท่านได้ตำราพระร่วงมา สิ่งที่ท่านทำได้ชัดเจนที่สุดก็คือยันต์เกราะเพชร ท่านทำทั้งผ้ายันต์ ทั้งตะกรุด อาตมามีตะกรุดยันต์เกราะเพชรหลวงปู่ปานอยู่ ๗ - ๘ ดอก เดี๋ยวว่าจะเอาออกในเว็บบ้าง ถึงเวลาแย่งบูชาให้ทันแล้วกัน
อีกส่วนหนึ่งก็คือการสร้างพระ ๖ กษัตริย์ ก็คือ การสร้างพระขี่สัตว์พาหนะ ๖ อย่าง มีหนุมาน ครุฑ ไก่ เม่น ปลา เป็นต้น ก่อนหลวงปู่ปานจะมรณภาพ ท่านอาจารย์แจง ชาวสวรรคโลกที่เป็นเพื่อนกัน บวชมาด้วยกัน แล้วสึกไปมีครอบครัว แต่ก็ยังเป็นฆราวาสทรงอภิญญาอยู่ ท่านอาจารย์แจงมายืมตำราพระร่วงไปใช้งาน เมื่อสิ้นหลวงปู่ปาน หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านจำได้ว่ามีตำรานี้อยู่ ก็ไปขอคืน ปรากฏว่าท่านอาจารย์แจงก็ตายไปอีกคนหนึ่ง เหลืออยู่แต่ภรรยา เมียท่านอาจารย์แจงบอกว่าพ่อ ก็คือท่านอาจารย์แจงนั่นแหละ สั่งเอาไว้ว่า ถ้าใครมาขอตำราคืน ให้ไปรำดาบที่นอกชาน ถ้าหากว่ามีเสียงฟ้าร้องก็ให้ตำราไปได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-04-2017 เมื่อ 15:25 |
สมาชิก 109 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#50
|
||||
|
||||
พอหลวงพ่อท่านได้ยินกติกาแบบนั้น ท่านก็มาคิดว่าเราเป็นพระ แค่จับอาวุธก็โดนอาบัติแล้ว ยังจะไปให้รำดาบอีกก็น่าเกลียด ก็เลยบอกกับเมียท่านอาจารย์แจงว่า เอาอย่างนี้ อาตมาขอถือดาบไปยืนที่นอกชานเฉย ๆ เป็นเวลาสัก ๑๕ นาที ถ้าหากว่าไม่มีฟ้าร้องก็ไม่เป็นไร อาตมาก็จะไม่เอาตำรานี้ แต่ถ้าครูบาอาจารย์เห็นสมควรจะให้ตำรานี้ ก็ขอให้เกิดฟ้าร้องภายใน ๑๕ นาที
หลวงพ่อท่านบอกว่า ท่านแค่ถือดาบเดินเพิ่งจะพ้นนอกชาน ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงจนหูอื้อไปตาม ๆ กัน ภรรยาของท่านอาจารย์แจงจึงมอบตำราพระร่วงให้มา ท่านถึงได้ทราบว่าวิชายันต์เกราะเพชรนั้น จริง ๆ มาจากธงมหาพิชัยสงครามในสมัยกรุงสุโขทัย ท่านบอกว่าอานุภาพของธงมหาพิชัยสงครามนั้น ผืนเดียวคุ้มได้ทั้งกองทัพ ต่อให้ไม่มีอะไรเลย ถือแค่ด้ามธงเข้าไปในป่าก็ไม่อดตาย ในส่วนของธงมหาพิชัยสงครามนั้น ตรงคอธงเป็นอักขระ ๕๖ ตัว ถอดความออกมาก็คือบทสรรเสริญพุทธคุณ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-04-2017 เมื่อ 20:59 |
สมาชิก 105 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#51
|
||||
|
||||
เมื่อเอาอักขระที่คอธงมาเขียนแบ่งออกเป็น ๘ วรรค ๗ แถว รวมทั้งหมด ๕๖ อักขระ ชักสูตรออกมาจึงสำเร็จเป็นยันต์เกราะเพชร ท่านบอกว่าอานุภาพของยันต์เกราะเพชรนั้น ผู้ที่รับไปอันดับแรกจะไม่ตายโหง หมายความว่าถ้าไม่ได้หมดอายุขัยจะไม่ตายด้วยอาการผิดปกติ พวกนี้อนุญาตให้ตายแค่หมดอายุเท่านั้น ประเภทรถชนตาย ฟ้าผ่าตาย ควายขวิดตาย มดกัดตาย นี่ห้ามเด็ดขาด..!
ประการที่สองก็คือ จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษ ถ้าท่านไม่เชื่อเดี๋ยวเข้าพิธีเสร็จแล้วไปหางูมากัดตัวเอง ถ้าหากว่าตาย อาตมายินดีเผาให้ฟรี เพราะว่าวัดท่าขนุนมีเมรุปลอดมลพิษอยู่แล้ว...! อันดับต่อไป จะไม่ตายด้วยอำนาจของไสยศาสตร์ สำหรับเรื่องของไสยศาสตร์นั้น เท่าที่อาตมาผจญมา อยากจะบอกว่าไสยศาสตร์ที่น่ากลัวที่สุดคือไสยศาสตร์กะเหรี่ยง แต่ไสยศาสตร์กะเหรี่ยงกลับไม่มีชื่อเสียงเลย เพราะว่ากะเหรี่ยงทำไสยศาสตร์ใส่ใครก็ตายทุกราย มีอยู่แค่ไม่กี่รายที่นอกเหตุเหนือผลแบบอาตมาแล้วรอดมาได้ แต่ว่าไสยศาสตร์กะเหรี่ยงนั้นเขามีข้อจำกัดว่า ถ้าไม่ใช่โดนเขากลั่นแกล้งรังแกจนน้ำตาตกถึง ๓ วาระ ห้ามไปทำอันตรายเขา แต่ที่อาตมาโดนนั่น เพราะว่าหมอผีอยากลองของ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-04-2017 เมื่อ 08:20 |
สมาชิก 105 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#52
|
||||
|
||||
ไสยศาสตร์เขมรไม่น่ากลัวแต่อุบาทว์ เพราะไสยศาสตร์เขมรเป็นไสยดำ นิยมใช้ของต่ำ หรือไม่ก็สร้างพวกผี พวกอสุรกายขึ้นมา
ไสยศาสตร์อิสลามอ่อนที่สุด ถามว่าอ่อนแบบไหน ? แค่อาตมาเดินผ่านก็สลายหมดแล้ว ไร้ประโยชน์สิ้นดี หรือว่าอิสลามคนนั้นไม่เก่งก็ไม่รู้ แต่ก็น่าจะเก่งนะ เพราะว่าแกเป็นกำนัน แถวโน้นถ้าไม่เก่งก็ไม่ได้เป็นกำนันหรอก แล้วที่ขำที่สุดก็คือน่าจะโดนเด้งกลับ เพราะว่าแกนอนปวดท้องดิ้นพราด ๆ ไป ๒ วัน ดังนั้น...ถ้าใครรับยันต์เกราะเพชรไป จะไม่เป็นอันตรายด้วยไสยศาสตร์ อาจจะมีเจ็บบ้างแต่ไม่ตายแน่นอน เพราะว่าไสยศาสตร์เหมือนกับกองไฟ ยันต์เกราะเพชรเหมือนกับผนังกั้น ถ้ากองไฟใหญ่มาก ถึงแม้จะกั้นไม่ให้เปลวไฟทำอันตรายเราได้ แต่ความร้อนก็มีมาถึงบ้าง ประการสุดท้ายนั้นหมอไสยศาสตร์กลัวที่สุด คือ ยันต์เกราะเพชรจะสะท้อนกลับไสยศาสตร์ทุกรูปแบบ อาตมานี่ชอบใจจริง ๆ ไม่ต้องไปทำอะไรเขาเลย อยู่เฉย ๆ เขาก็ทำตัวเขาเอง เขาต้องการทำอันตรายเราหนักแค่ไหน เขาจะโดนกลับไปหนักแค่นั้น แต่ต้องหมายความว่าญาติโยมต้องรักษายันต์เกราะเพชรเอาไว้ได้ก่อนนะ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-04-2017 เมื่อ 16:54 |
สมาชิก 102 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#53
|
||||
|
||||
การรักษายันต์เกราะเพชรเอาไว้นั้น ท่านให้รักษาศีล ๒ ข้อ ข้อที่ ๑ ก็คือห้ามลักขโมย ซึ่งเป็นการเบียดเบียนผู้อื่น ข้อที่ ๒ ห้ามกินเหล้าเมายา ซึ่งเป็นการเบียดเบียนตัวเอง
ข้อที่ ๒ นี้ ท่านให้อภัยอยู่ว่า ถ้าเป็นยาที่ต้องผสมแอลกอฮอล์ตามสูตรยาดองโบราณ ให้กินได้ตามหมอสั่ง แต่อย่าไปตกลงกับหมอนะ ว่าขอกินวันละครึ่งขวดเป็นอย่างน้อย ต้องกินตามหมอสั่งเท่านั้น ส่วนใหญ่ยาดองต้องกินก่อนอาหารสักครึ่งชั่วโมง ท่านบอกว่าช่วยเจริญอาหารและรักษาโรค ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า ? เพราะว่าตั้งแต่เกิดมาอาตมาก็ไม่เคยกินยาดอง ถ้านอกเหนือจากนี้แล้ว ไม่ว่าจะผสมมาในอาหาร ผสมมาในขนม โปรดระวัง ลงท้องไปเมื่อไรยันต์เกราะเพชรจะสลายตัวทันที
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-04-2017 เมื่อ 15:15 |
สมาชิก 101 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#54
|
||||
|
||||
เมื่อได้รับยันต์เกราะเพชรมา เมื่อท่านจะรักษาเอาไว้ ทางที่ดีที่สุดก็คือให้ภาวนาไว้ทุกวัน นึกถึงภาพยันต์เกราะเพชรหรือว่าภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วภาวนาพุทโธจนใจสบายดีแล้ว ให้กลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง ยันต์เกราะเพชรจะคุ้มกันอันตรายเราได้ทั้งวัน
ถ้าไม่แน่ใจ ก่อนนอนก็ปลุกอีกสักรอบหนึ่ง จะได้คุ้มกันได้ทั้งกลางวันและกลางคืน อาตมาไปนอนที่ไหนไม่ว่าจะในป่าในถ้ำอะไร ไม่เคยจะเกรงกลัวอันตราย เพราะมั่นใจในอานุภาพของยันต์เกราะเพชรว่าป้องกันให้ได้ โดยเฉพาะในดงไสยศาสตร์ต่าง ๆ อาตมาลุยมาแล้วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ หมอผีหลายรายชอบลองของกับพระธุดงค์มาก ท้ายสุดบางทีโดนไปแล้วแก้ไขไม่ตก ก็มาให้พระนี่แหละช่วยถอนของให้ อาตมาไปเจอที่บ้านตีนตก ตัวเองเป็นหมอผีแต่เมียไปโดนคนอื่นเขาทำไสยศาสตร์มา แก้ไม่ตก ก็มาขอร้องให้อาตมาช่วย หลังจากนั้นอีก ๓-๔ ปี ไปเจอกันที่อีกหมู่บ้านหนึ่ง พอเขาเห็นเป็นพระธุดงค์ก็เดินแถเข้ามาเชียว ตั้งใจมาลองของ อาตมาตวาดแว้ดเดียวว่า "จำพ่อมึงไม่ได้หรือ ?" เขาค่อยนึกขึ้นมาได้ว่า "อาจารย์เองหรือครับ ?" "เออ...กูเองแหละ อยากโดนอีกใช่ไหม ?" เจ้าพวกนี้ช่างน่าส่งเสริมจริง ๆ...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-04-2017 เมื่อ 08:19 |
สมาชิก 104 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#55
|
||||
|
||||
เรื่องของหมอผีต่าง ๆ นั้น หมู่บ้านกะเหรี่ยงทุกหมู่บ้านจะมีหมอผีอยู่ เขามีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตามนิตินัยคือโดยกฎหมาย แต่โดยพฤตินัยแล้ว การปกครองขึ้นอยู่ที่หมอผีจะสั่งว่าให้ทำอะไร
หมอผีกะเหรี่ยงจะมีผ้าเคียนหัว แล้วก็ผูกผมเป็นจุกเล็ก ๆ อยู่ตรงนี้ สังเกตให้ดี...คนไหนที่มีผ้าเคียนหัวแล้วผูกผมมากระจุกหนึ่ง หมอผีทั้งนั้นแหละ อาตมาเคยไปงานชุมนุมหมอผีมา ๓ ครั้งแล้ว โดนรุมยำสนุกสนานมาก จนทุกวันนี้เขายังสงสัยว่าเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนเก่งจริงหรือว่าโง่กันแน่ ? ทำอะไรเท่าไรก็ไม่เป็นอันตราย แต่ก็ไม่ทำอันตรายใคร เจอหน้าหมอผีคนไหนก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายอยู่เหมือนเดิม ก็เลยสงสัยว่าท่านโง่หรือโชคดีกันแน่ จำไว้ว่าของพวกนี้เราอย่าไปตอบโต้ใคร เพราะถ้าเขาทำอันตรายเราไม่ได้ เขาจะไปหาคนที่เก่งกว่ามาเรื่อย ๆ อาตมาเคยโดน ๓๐ รุม ๑ มาแล้ว พวกเขาสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำ ส่วนอาตมาต้องกินต้องนอน เผลอเมื่อไรก็เสร็จ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็โปรดระมัดระวังไว้ด้วย ไม่จำเป็นจริง ๆ อย่าไปตอบโต้ใคร ทำไม่รู้ไม่ชี้ไว้ เขาคิดว่าเราตายไปแล้วก็จบกัน ฉะนั้น...ในส่วนของยันต์เกราะเพชรที่รับไปนั้น ส่วนที่บรรดาหมอไสยศาสตร์กลัวที่สุดก็คือการสะท้อนกลับ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-04-2017 เมื่อ 15:19 |
สมาชิก 108 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#56
|
||||
|
||||
มีญาติโยมถามว่า ระหว่างการรับยันต์เกราะเพชรที่เป่าเข้าไปในตัวกับผ้ายันต์เกราะเพชร อย่างไหนจะดีกว่ากัน ? อาตมาขอบอกว่ามีจุดเด่นจุดด้อยด้วยกันทั้งคู่
การรับยันต์ติดตัวไปไหนเราไม่ลืมแน่ แต่ถ้าเผลอละเมิดข้อห้ามยันต์ก็จะสูญไปเลย แต่การพกผ้ายันต์ติดตัวนั้นเราอาจจะลืมได้ แต่ถ้าละเมิดข้อห้ามก็แค่เลิกคุ้มครองชั่วคราว ถ้าเรารักษาศีลบริสุทธิ์เมื่อไรก็คุ้มครองได้อีก เมื่อเป็นเช่นนั้นจะเอาทั้ง ๒ อย่างไปเลยก็ได้ ก็คือรับยันต์ไปด้วย พกผ้ายันต์ติดตัวไปด้วย แต่ผ้ายันต์เกราะเพชรของอาตมา ไม่ทราบว่าพระท่านทำท่าไหน เห็นว่าเขาไปใช้ในด้านค้าขายก็ดีอีกด้วย อาตมาก็ยังงง ๆ อยู่เหมือนกัน การที่ท่านรับยันต์ไปจะรู้ได้อย่างไรว่ายันต์เกราะเพชรเข้าตัวเราแล้ว ? ท่านบอกว่าระยะที่เรานั่งภาวนาอยู่ ถ้ารู้สึกว่าร้อนหู ร้อนหน้า ร้อนตัว หนักหัว หนักไหล่ บางคนก็รู้สึกคันยุบยิบไปตามตัวเหมือนมีอะไรไต่อะไรตอม บางคนก็ขนลุกเป็นหนามเลย ถ้าลักษณะอย่างนั้นแปลว่ายันต์กำลังเข้าตัวแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2017 เมื่อ 18:42 |
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#57
|
||||
|
||||
ส่วนที่ท่านอยากจะพิสูจน์ ให้ไปหาสาว ๆ ที่ท้องครั้งแรกมารับยันต์ด้วย ถ้าหากว่าลูกคลอดออกมาเป็นผู้ชาย จะมียันต์ติดตัวมาให้เห็น อาตมาเจอมาหลายรายแล้ว บางรายนี่ลายทั้งตัวเป็นตุ๊กแกเลย แต่ว่าไม่ต้องกลัว เพราะว่าภายใน ๗ วันก็จะซึมเข้าไปในกระดูกจนหมด
เพราะฉะนั้น...ใครที่รับยันต์ไปแล้ว ถ้าลูกเกิดมาตัวลาย ๆ ก็ไม่ต้องกังวล มีอยู่รายหนึ่งทำคลอดแบบโบราณ มีหมอตำแยด้วย ลูกเกิดมาตัวลายพร้อยเลย แม่ก็ตกใจ ถามว่าลูกจะเป็นอะไรไหม ? หมอตำแยบอกไม่ต้องห่วงอีหนู เดี๋ยวแม่จัดการเอง ว่าแล้วก็อมเหล้า พ่นพรวดเดียวหายเรียบ โถ...คุณยาย ร้ายกาจเหลือเกิน รู้ด้วยว่ายันต์เกราะเพชรต้องแก้ด้วยเหล้า...! แต่ขอยืนยันว่ายันต์ไม่ได้หายไปไหน แต่หนีเหล้าเข้าไปอยู่ในกระดูกแล้ว ถ้าหากว่าเป็นลูกผู้หญิงหรือว่าเป็นผู้ใหญ่ที่รับยันต์เกราะเพชรไป จะไปพิสูจน์ได้อีกทีตอนตายแล้วเผา มาเผาที่วัดท่าขนุนก็ได้ มีเมรุปลอดมลพิษอยู่ ๒ ชั่วโมงก็เก็บกระดูกได้แล้ว ก่อนเก็บกระดูกก็หยิบชิ้นโต ๆ มาถ่ายรูปไว้ จะมียันต์ติดที่กระดูก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2017 เมื่อ 18:44 |
สมาชิก 82 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#58
|
||||
|
||||
ในเมื่อเรารับยันต์เกราะเพชรไป ถ้าหากว่าภาวนาอยู่ทุกวัน ก็จะมีอานุภาพดังที่กล่าวมาคือ ถ้าไม่ได้หมดอายุขัยจริง ๆ ก็จะไม่ตายโหง จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษ จะไม่ตายด้วยอำนาจของไสยศาสตร์ และจะสะท้อนกลับไสยศาสตร์ทั้งหมดที่เขาทำมา เรื่องพวกนี้อาตมาพิสูจน์ทราบมานับครั้งไม่ถ้วน จนกระทั่งมั่นใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
สมัยประมาณปี ๒๕๒๕-๒๕๒๖ อาตมาปลดอาวุธก็คือวัตถุมงคลในตัวหมดเกลี้ยงเลย เพราะมั่นในใจตัวเอง เนื่องจากว่ากำหนดจิตดูเมื่อไรก็เห็นยันต์เกราะเพชรสว่างไสวอยู่ในอก ลุยได้ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ มาตอนหลังหลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่าแกประมาทเกินไป ถ้าวันไหนแกลืมอาราธนา วันนั้นจะซวย อาตมาก็มั่นใจว่าตัวเองไม่ลืม แต่ท่านบอกว่าถ้าวาระกรรมมาถึงก็จะลืม จึงต้องเปลี่ยนมาพกพระของหลวงพ่อแทน พกไปพกมาก็พกเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดพกเป็นลัง..! ก็หลวงพ่ออยากทำให้ผมหมดความมั่นใจนี่ครับ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2017 เมื่อ 18:45 |
สมาชิก 85 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#59
|
||||
|
||||
ดังนั้น...ถ้าญาติโยมทั้งหลายรับเอายันต์เกราะเพชรหรือวัตถุมงคลไป อย่าลืมว่าให้ภาวนาเอาไว้ทุกวัน ถ้าหากว่าเป็นพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ เนื้อยาจินดามณี มีคำอาราธนาอยู่ในเว็บวัดท่าขนุนไปดูเอา ตั้งแต่รักษาโรค ใช้พระคาถา
พุทธะระตะนัง ธัมมะระตะนัง สังฆะระตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง สัพพะทุกขัง สัพพะโรคัง วินาสเสติ อะเสสะโต ว่าไปจนจบ หรือไม่ก็อาราธนาติดตัวเพื่อเป็นที่เมตตามหานิยม เป็นที่รักใคร่ของคนอื่น ว่าอย่างไรก็ภาวนาไป คาถาไม่ยาวเท่าไร พอที่จะจำกันได้ ถ้าเป็นกำไรนวหรคุณก็คือ หัวใจอิติปิ โสฯ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ อะ ก็คืออะระหัง สัง คือสัมมาสัมพุทโธ แต่ทำไมไม่ออกเสียงอะสัม เพราะว่าภาษาบาลีจะลง อัง จึงเป็น สัง ก่อน พอ สัง+ม ถึงจะเป็นสัม แล้วก็ใช้รากศัพท์เดิมก็เลยเป็น สัง วิ คือ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุ คือ สุคะโต โล คือ โลกะวิทู อะ คือ อนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สะ คือ สัตถาเทวะมะนุสสานัง พุ คือ พุทโธ ภะ คือ ภะคะวาติ อย่างที่ท่านบอกว่า ทำเอาไว้ให้เผื่อภาวะสงคราม ที่กำลังจะลามไปทั่วโลกด้วย ก็แปลว่าถ้ามีอันตราย ไม่ว่าจะจากศึกจากสงคราม หรือเขาจะยิงจะแทงกันที่ไหน ถ้าเรานึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัย ก็จะปกปักรักษาตัวเรา ให้อยู่รอดปลอดภัยได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2017 เมื่อ 18:48 |
สมาชิก 82 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#60
|
||||
|
||||
เรื่องของวัตถุมงคลนั้นเหมือนกับเป็นเครื่องส่ง ถ้าเครื่องส่งนั้นส่งคลื่นเป็นปกติ แต่เครื่องรับไม่ยอมเปิดรับก็ไร้ประโยชน์ โดยเฉพาะกำลังใจของแต่ละคนไม่เท่ากัน ความศรัทธาไม่เท่ากัน ในเมื่อความศรัทธาไม่เท่ากัน อานุภาพที่เราได้รับก็ไม่เท่ากัน เพราะว่าการเปิดใจรับของเรามากน้อยต่างกันไป
ฉะนั้น...จะเห็นว่าคนโบราณนั้นความรู้น้อยแต่ศรัทธามาก ส่วนใหญ่รับวัตถุมงคลไปใช้ก็มักจะเป็นมหาอุตม์ อยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาด คนรุ่นใหม่ใช้แล้วมีผลน้อย เหตุที่มีน้อย เพราะว่าศรัทธาของเราน้อยยังไม่พอ วิจิกิจฉาคือความลังเลสงสัยยังมีมากอีกด้วย มีวิธีเดียว ก็คือ ภาวนาให้กำลังใจของเรามั่นคงจนกระทั่งเห็นว่า คุณพระรัตนตรัยว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกของเราจริง ๆ คุณพระรัตนตรัย กำจัดทุกข์ กำจัดภัยได้จริง คุณพระรัตนตรัย นำเราพ้นจากทางชั่ว ล่วงพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานได้จริง ๆ เมื่อถึงตอนนั้นศรัทธาจะเกิดแน่นแฟ้น ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ จะไม่ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัยทั้งต่อหน้าและลับหลัง ถ้าหากว่าเป็นลักษณะอย่างนั้น ศรัทธาของเราจะเต็ม เท่ากับกำลังใจของเราเปิดรับเต็มที่ วัตถุมงคลที่เป็นเครื่องส่งก็ส่งเต็มที่ เครื่องรับก็รับเต็มที่ อานุภาพต้องการระดับไหนก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. งานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและเป่ายันต์เกราะเพชร วันเสาร์ที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๐ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2017 เมื่อ 18:49 |
สมาชิก 91 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|