#21
|
||||
|
||||
คนทองผาภูมิเขาว่าอาตมาทำไมไม่โฆษณาว่าวัตถุมงคลดีอย่างโน้น ดีอย่างนี้ คนจะได้เลื่อมใสศรัทธา อาตมาบอกไปว่าไม่โฆษณาก็ไม่มีจะแจกแล้ว นี่จะไปโฆษณาให้ตัวเองเดือดร้อนทำไม ?
บางรายก็ถามว่าเมื่อไรพระอาจารย์จะพาไปทัวร์วัดนั้น ไปไหว้พระวัดนี้ อาตมาบอกว่าอาตมาสร้างพระไว้ในวัดตั้งหลายองค์ อยากจะไหว้ก็มา เรื่องอะไรต้องเสียเงินไปไหว้พระวัดอื่นไกล ๆ เป็นเรื่องที่แปลกดีเหมือนกัน คนต่างจังหวัดตะเกียกตะกายมาเที่ยวทองผาภูมิ แต่คนทองผาภูมิกลับตะกายไปเที่ยวที่อื่น ประมาณเดือนหนึ่งสองครั้ง จะมีการจัดทัวร์เพื่อไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ๓ วัน ๕ วัน ซึ่งเรื่องพวกนี้ ถึงเวลาแล้วพระจะรู้ เพราะว่าพอไปบิณฑบาตแล้วโยมหายไป แทนที่จะใส่บาตรก็กลายเป็นปิดบ้าน ถ้าเห็นปิดบ้านสักสองรายสามรายติดกัน ก็เป็นอันทราบว่าโยมไปเที่ยวกัน ซึ่งความจริงการท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าช่วยให้มีเงินทองหมุนเวียน เศรษฐกิจจะได้สะพัดขึ้น แต่ว่าอันตราย ยิ่งเดินทางไกลมากเท่าไร โอกาสเกิดอุบัติเหตุก็มีมากเท่านั้น ถ้าวัตถุประสงค์ของเราแค่ตั้งใจไปไหว้พระ อาตมายืนยันว่าถ้าไหว้พระจริง ๆ พระที่บ้านเราก็ได้ ตั้งใจไหว้ ตั้งใจนึกถึงจริง ๆ ก็ถึงได้ทุกองค์
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-05-2017 เมื่อ 20:03 |
สมาชิก 110 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#22
|
||||
|
||||
แต่โดยปกติแล้วพวกเราความเลื่อมใสศรัทธายังมีน้อย เรามานึกดูว่าปัจจุบันนี้การเข้าเฝ้าเจ้าพระยามหากษัตริย์ต้องผ่านขั้นตอนมากมายมหาศาล แจ้งความจำนงไปแล้วยังไม่รู้ว่าจะได้เข้าเฝ้าหรือไม่ ? แต่เรามีโอกาสเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ทุกเวลา
โดยเฉพาะที่วัดท่าขนุนนี่ไม่ได้ปิดประตูโบสถ์ใส่หน้า ไม่ได้ปิดประตูศาลาใส่หน้า ถึงเวลาสามารถเข้าไปไหว้ได้เพราะว่าเปิดทุกวัน สรุปว่าโอกาสในการเฝ้าพระพุทธเจ้ามีมาก แต่พวกเรากลับไม่ค่อยจะเฝ้าพระพุทธเจ้ากัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-05-2017 เมื่อ 20:04 |
สมาชิก 109 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#23
|
||||
|
||||
วันก่อนช่างที่มาทำงานถามว่า "อาจารย์...วัตถุมงคลหมดหรือยัง ?" บอกว่าจัดงานยังไม่ถึงครึ่งเลย หมดไปแล้ว วัตถุมงคลวัดท่าขนุนนี่เป็นที่อเน็จอนาถมาก ขนาดเจ้าอาวาสยังต้องรอโยมถวายถึงจะมี
วัตถุมงคล วัตถุประสงค์แรกแต่ดั้งเดิมเลย ก็คือ สร้างขึ้นเพื่อให้ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย ลำดับต่อไป ก็คือ เพื่อป้องกันอันตรายที่จะพึงมีพึงเกิดกับบุคคลที่ใช้วัตถุมงคลนั้น ๆ แต่ว่าส่วนใหญ่ปัจจุบันนี้ ต้องบอกว่าวัตถุประสงค์อันดับแรกกลายเป็นสิ่งที่ถูกลืม มาถึงก็เลือกวัตถุประสงค์อื่น ๆ แทน ต้องการมหาอุด แคล้วคลาด คงกระพัน โชคลาภ เมตตา ค้าขาย สารพัด มาถามอาตมาบอกว่าอย่างไหนเหนียว ? ก็ผ้ายันต์นี่แหละ แล้วโชคลาภล่ะ ? ก็ผ้ายันต์นี่แหละ ค้าขายล่ะ ? ก็ผ้ายันต์นี่แหละ ถามว่าได้ทุกอย่างเลยหรือ ? ก็บารมีพระพุทธเจ้า ท่านบอกว่า อัปปมาโณ หาประมาณไม่ได้ ไม่ได้ทุกอย่างแล้วจะได้อะไร ความจริงคุณของพระพุทธเจ้ามีอยู่ในทุกอณูของอากาศ เพียงแต่ว่าเราสามารถรับได้หรือไม่เท่านั้น ถ้าจิตประกอบไปด้วยศรัทธาเลื่อมใสมาก สามารถรับได้จริง ๆ ไม่ต้องมีวัตถุมงคลก็ได้ เพียงแต่ว่าถ้าท่านยังทำไม่ได้ ก็อาศัยวัตถุมงคลเป็นเครื่องรับแทน แต่เมื่อรับมาแล้วส่งต่อ เราเองมีเครื่องรับที่ดีเท่าไรที่จะไปรับช่วงมา ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-05-2017 เมื่อ 20:05 |
สมาชิก 109 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#24
|
||||
|
||||
เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่น่าสงสารมาก ประชากรอดตายไปมากต่อมากด้วยกัน แต่รัฐบาลไม่สนใจในความเดือดร้อนของชาวบ้านเพราะว่าตัวเองไม่ได้อด พวกเขาพัฒนาแสนยานุภาพทางทหารแบบบ้าคลั่ง เพราะว่าเกาหลีใต้ไม่ได้คิดจะรบด้วย
เกาหลีเหนือสร้างเขื่อนใหญ่ เกาหลีใต้ต้องสร้างเขื่อนที่ใหญ่ยิ่งกว่า ถามว่าทำไม ? เผื่อว่าเกาหลีเหนือปล่อยน้ำมาท่วม เกาหลีใต้ก็เปิดเขื่อนรับ ทำให้ทรัพยากรโลกสูญหายไปมากต่อมาก สูญเสียไปมากต่อมาก เนื่องจากมีผู้นำที่สิ้นสติ ซึ่งความจริงแล้ว ถ้าจะจัดการแบบบินลาเดนก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ว่าสหรัฐจะทำก็ต่อเมื่อมีผลประโยชน์เกี่ยวเนื่องกับตัวเองเท่านั้น ถ้าไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวเนื่องจะไม่ทำ ในความคิดของอาตมา สหรัฐเอาเรือบรรทุกเครื่องบินรบไปจ่อเกาหลีเหนือเอาไว้ จริง ๆ แล้วก็คือจ่อคอหอยประเทศจีนไว้ โดยเฉพาะเกาหลีเหนือส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากจีน ถ้าช้างสารชนกันเมื่อไร หญ้าแพรกก็แหลกไปครึ่งโลก เพราะฉะนั้น...ให้ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาภาวนา กำหนดภาพพระครอบตัวเอาไว้ทุกวัน อยู่ที่ไหนก็จะได้ปลอดภัย มีวัตถุมงคลอะไรที่เรามั่นใจ ให้นำติดตัวเอาไว้ ภาวนาหรืออาราธนาไว้ทุกวัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-05-2017 เมื่อ 20:07 |
สมาชิก 112 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#25
|
||||
|
||||
เมื่อเช้าทิดน็อตถามอาตมาว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อมีอะไรที่แขวนแล้วใจเย็นบ้าง ? อาตมาบอกว่า "นั่นเป็นที่สันดานของเอ็ง...! ไม่ได้เป็นที่วัตถุมงคล ก่อนหน้านั้นข้าก็ใจร้อนยิ่งกว่าเอ็งอีก แค่คนมองหน้าก็ตามไปเตะถึงบ้านแล้ว" แต่ว่ามาถึงยุคนี้ นาน ๆ ได้ลงมือทีหนึ่ง พอบวชมาแล้วชีวิตขาดรสชาติไปเยอะ ล่าสุดที่เตะโยมสลบคาตีน ยังไม่รู้เลยว่าโยมเป็นคนที่ไหน
เพราะว่ามีการบวชพระ ปรากฏว่าคืนนั้นโยมไปฉลองแล้วเมาเดินมา เอาก้อนหินขว้างหมาในวัด หมาจึงเห่าเอะอะโวยวายไปทั้งวัด อาตมาเห็นเข้าก็ย่องไปจะจัดการ ไม่รู้ว่าเมาอย่างไร ? เมาแล้วดันรู้ตัว วิ่งหนีไปซะก่อน พอตอนช่วงเช้า กำลังดูญาติโยมแห่นาคเข้าโบสถ์อยู่ เห็นไอ้เจ้านี่เดินดุ่ย ๆ มา อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าตาผ่องใสมาเชียว ก็เลยบอกกับพระในวัดว่าให้รอก่อน แล้วก็เดินไปต้อนรับตามภาษาเจ้าของบ้านที่ดี ผัวะ...! ปูเสื่อให้เลย ปรากฏว่าเตะเสร็จ มีเสียงถามว่า "หลวงพ่อทำอะไรครับ ?" หันขวับไป ตำรวจ ๒ คน นึกว่าไม่มีใครแล้ว หันไปเจอตำรวจเข้าก็เลยบอก "เออ...มาก็ดีแล้ว ช่วยเอามันไปทิ้งไกล ๆ วัดหน่อย" ตำรวจก็เมตตาเหลือเกิน ถามว่า "ต้องใส่กุญแจมือไหมครับ ?" คนสลบแล้วยังจะใส่กุญแจมืออีก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 04-05-2017 เมื่อ 16:40 |
สมาชิก 104 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#26
|
||||
|
||||
สมัยก่อนเรื่องอำนาจของเจ้าอาวาสที่มีตามกฏหมาย ทำให้เกิดการลงโทษแต่พอสมควรภายในวัด เรียกว่าอาญาวัด เป็นเรื่องที่ชาวบ้านกลัวมากกว่ากฎหมายอีก เพราะว่าส่วนใหญ่หลวงพ่อเจ้าอาวาสก็มักจะเป็นพระอุปัชฌาย์อาจารย์มาตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ มาถึงรุ่นตัวเอง ไปถึงรุ่นลูกของตน บางทีสามสี่ชั่วคน ท่านเป็นอาจารย์มาหมด ก็เลยเกรงใจ
โดยเฉพาะถ้าไปเจออย่างหลวงปู่ทา วัดพะเนียงแตก ถ้าวัดมีงาน ไม่ต้องไปตีกัน หลวงปู่ทาถือไม้พลองเดินตรวจวัด เจอจิ๊กโก๋ตีกันเมื่อไร ท่านโดดใส่ฟาดทั้ง ๒ ฝ่ายเลย จนกระทั่งเขาเรียกกันว่าหลวงพ่อเสือ วัดพะเนียงแตกได้มาก็จากสิ่งที่ท่านทำนั่นแหละ ไปดูพลุ เขาจุดพลุกัน จุดพะเนียง จุดตะไล แล้วก็ตีกัน ท่านก็เลยเอามือไปปิดกระบอกพลุ ที่กำลังพุ่งอยู่สูงเป็นวา ๆ จนกระทั่งไฟพุ่งขึ้นไม่ได้ก็เลยระเบิดตูม..! เขาก็เลยเรียกหลวงพ่อพะเนียงแตก เรียกไปเรียกมากลายเป็นวัดพะเนียงแตก เรื่องอาญาวัดสมัยก่อนศักดิ์สิทธิ์มาก สมัยนี้ศักดิ์สิทธิ์เฉพาะที่วัดท่าขนุนแห่งเดียว เพราะเจ้าอาวาสวัดอื่นไม่เตะโยมแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2017 เมื่อ 16:17 |
สมาชิก 104 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#27
|
||||
|
||||
(โยมวัยรุ่นใส่กางเกงขาสั้นเสมอหูมาวัด) หนูเอ๊ย...ทำไมลำบากยากจนอย่างนั้นละลูก ใส่กางเกงที่ผ้ายาว ๆ หน่อยได้ไหม มาวัดให้รู้บ้างว่าเป็นวัด รู้อยู่ว่าจะมาวัดแล้วแต่งตัวแบบนี้ เขาเรียกว่าไม่มีมารยาท
อาตมาเป็นคนแปลก เห็นเขาแต่งเนื้อแต่งตัวโชว์มาแต่ไกลจะรู้สึกเขาไม่มีราคา ถ้าหากว่าใครปก ๆ ปิด ๆ มา เออ...ค่อยน่าสนใจ ประเภทโชว์ขามาแต่ไกล อาตมาเห็นแล้วก็นึกว่าน่องไก่มีราคากว่าเยอะเลย ญาติโยมมาวัดนี้หลายรายก็โกรธไม่มาอีกเลย หาว่าเจ้าอาวาสประจาน สมัยนี้ถ้าประจานต้องถ่ายคลิปลงยูทูบ บังเอิญอาตมาไม่ได้ถ่ายคลิป เพียงแต่ไม่อยากให้ทำอะไรที่ผิด ๆ พลาด ๆ อาตมาเป็นพระ มีหน้าที่ตักเตือนสั่งสอนญาติโยมเขา ถ้ามาแล้วมัวแต่เกรงใจไม่กล้าพูด เขาก็จะทำผิดไปเรื่อย รุ่นตัวเองทำผิด ถ้าหากว่าไม่สั่งไม่สอน ลูกหลานก็ทำผิดต่อ ๆ กันไป เพราะเห็นพ่อแม่ทำอย่างนั้นก็คิดว่าถูกต้องแล้ว อาตมาเห็นงานศพบางงาน ลูกสาวผู้ตายต้องเดินถือกระถางธูป รูปภาพนำหน้าขบวน ใส่กางเกงมาสั้นกว่ากางเกงในอีก ถ้าหากว่าขาเรียว ๆ สวย ๆ แบบน้องพลอยก็ว่าไปอย่างหนึ่ง นี่ประเภทออกจากบ้านวันตรุษจีนไม่รู้ว่าจะได้กลับบ้านหรือเปล่า...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2017 เมื่อ 19:29 |
สมาชิก 105 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#28
|
||||
|
||||
พ่อแม่ของเรา ถ้าเรายังไม่ให้เกียรติ แล้วคนอื่นที่ไหนจะให้เกียรติ ดังนั้น...ในเรื่องของการกระทำที่เป็นไปโดยถูกต้องตามกาลเทศะจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะถ้าเป็นพี่น้องชาวมอญ ชาวพม่า จะเดินเข้าเขตวัดนี่ถอดรองเท้าแล้ว
อาตมาเจอข้าราชการหลายรายใส่รองเท้าเดินเข้าโบสถ์ ใส่รองเท้าเดินเข้าศาลา ขออภัย...อย่ามาทำที่วัดนี้ โดนด่าแน่นอน คุณจะยิ่งใหญ่ขนาดเป็นอธิบดี รัฐมนตรีอย่างไรก็ตาม ให้รู้ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ปู่ย่าตาทวดเราทำไว้บ้าง เรามีหน้าที่ชี้ทางออกบอกทางถูกให้แก่ญาติโยมเขา เพราะฉะนั้น...อย่าเกรงใจ เกรงใจในทางที่ผิด กลัวโยมจะไม่เข้าวัด อาตมากลัวโยมจะเข้าวัดมากกว่า มามากแล้วเหนื่อย เพราะฉะนั้น...ด่าได้ด่า บ่นได้บ่น..! อาตมาไปเทศน์ที่โรงเรียนนาคประสิทธิ์ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม นักเรียน ๔,๐๐๐ กว่าเกือบ ๕,๐๐๐ คน ครูบาอาจารย์เกือบ ๓๐๐ คน พอเข้าไปสู่ห้องประชุม สิ่งแรกที่ขอเลยก็คือขอให้ครูบาอาจารย์ทุกคนถอดรองเท้าก่อน ใส่รองเท้าเข้าห้องประชุมไม่ใช่ของแปลก แต่พระไม่สามารถจะแสดงธรรมให้บุคคลที่ใส่รองเท้าฟังได้ เพราะถือว่าไม่เคารพในธรรม เป็นศีลที่ห้ามเอาไว้เลย บาลีท่านว่า น ปาทุกาฯ น อุปาหนาฯ ปาทุกา คือ รองเท้าทั่วไป อุปาหนา คือ รองเท้าพื้นหนา ลักษณะเหมือนเกี๊ยะ น แปลว่าไม่ เพราะฉะนั้น...ใครที่เปลี่ยนชื่อกรุณาเถอะ พวก ณภัทร ณเดช ณพล อย่าให้มี ณภัทร แปลว่า ไม่เจริญ ณเดช แปลว่า ไม่มีอำนาจ ณพล แปลว่า ไม่มีกำลัง คิดว่าเพราะนักเพราะหนา แต่แปลบาลีไม่ออก น กับ ณ เขาใช้แทนความหมายกันได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2017 เมื่อ 16:21 |
สมาชิก 105 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#29
|
||||
|
||||
บาลีก็คือ น เหมือนกับ โน แปลว่าไม่เหมือนกัน แปลภาษาอังกฤษที่ว่า NO ก็ไปจากบาลี ภาษาอังกฤษเอาไปจากบาลีมากต่อมากด้วยกัน อย่างคำว่า ไฟ fire นี่ตรง ๆ เลย เอราวัณ ที่แปลว่าช้างก็ใช่ แต่ว่าฝรั่งออกเสียงไม่ถูก กลายเป็น Elephant
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2017 เมื่อ 16:22 |
สมาชิก 105 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#30
|
||||
|
||||
ญาติโยมที่นำข้าวปลาอาหารมา ใส่บาตรให้เรียบร้อยก่อน เดี๋ยวถึงเวลาจะได้ฟังพระเทศน์ แล้วก็ฟังพระเจริญพระพุทธมนต์อย่างต่อเนื่อง
อย่าเอานิสัยแบบวัดอื่น ๆ ถึงเวลาแล้วห่วงหน้าพะวงหลัง พระสวดก็อยากจะฟัง อยากจะใส่บาตรก็อยาก กลายเป็นผุดลุกผุดนั่งอยู่ ต้องบอกว่าหาความสงบทางใจไม่ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2017 เมื่อ 20:21 |
สมาชิก 104 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#31
|
||||
|
||||
แรก ๆ โยมก็รับเรื่องการตรงเวลาของที่นี่ไม่ได้นะ แต่พอมาระยะหลังเริ่มชินแล้ว ทำอะไรไม่ตรงเวลารู้สึกว่าหงุดหงิด...ใช่ไหม ? ถ้าเป็นวัดอื่นก็ปล่อย ๆ ท่านเถอะ เราเคยชินกับการตรงเวลาที่นี่ก็รักษาความดีของเราเอาไว้ ที่อื่นเขายังจำเป็นต้องเกรงใจคนอยู่ ถ้าจะไม่ตรงเวลาบ้างก็แล้วแต่สภาพของวัดวาอารามเขา พยายามเข้าใจคนอื่นว่าทำไมเขาต้องทำอย่างนั้น
ต้องรอโยมคนนี้เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่บ้าน ต้องรอโยมคนนั้นเพราะเป็นกำนัน รอโยมคนโน้นเพราะเป็น นายก อบต. ถ้าไม่รอเดี๋ยวเขาไม่เข้าวัด ถ้าเป็นอาตมานะหรือ ? ขนาดผู้ว่าฯ มาไม่ทันก็โดนทิ้งเหมือนกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2017 เมื่อ 16:23 |
สมาชิก 107 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#32
|
||||
|
||||
งานอุ้มพระสรงน้ำของวัดท่าขนุนจัดอยู่ใน Unseen Thailand ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปีหนึ่งมีครั้งเดียว ต้องบอกว่าไม่เหมือนที่ไหนในประเทศไทย ดังนั้น...ท่านทั้งหลายที่เคยไปมาแล้วก็คงจะรู้ว่าสภาพเป็นอย่างไร ท่านที่ไม่เคยมาก็จะได้ถ่ายรูป ถ่ายคลิปออกไปให้คนที่ไม่เคยมาเขาได้ดูว่า Unseen Thailand วัดท่าขนุนอีกอย่างหนึ่งนั้นเป็นอย่างไร
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เก็บตกงานสงกรานต์วัดท่าขนุน วันที่ ๑๓-๑๔-๑๕ เมษายน ๒๕๖๐ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2017 เมื่อ 16:24 |
สมาชิก 111 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#33
|
||||
|
||||
เก็บตกช่วงบ่าย ก่อนสรงน้ำพระ
พระอาจารย์กล่าวถึงการเล่นน้ำในปัจจุบัน "การลวนลามผู้หญิง ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีบางส่วนที่ผู้หญิงลวนลามผู้ชายเหมือนก้น ก็เลยกลายเป็นขนมผสมน้ำยาพอ ๆ กัน แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือการที่ใช้น้ำใส่ถุงแล้วขว้างปาใส่กันเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะถ้าผิดจังหวะกระทบเข้ากับใบหน้าหรือดวงตา อาจจะถึงขนาดบาดเจ็บสาหัสได้ แล้วถ้าเป็นรถมอเตอร์ไซค์รถอาจจะล้ม เกิดอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บหรือถึงแก่ความตาย หรือถ้าขับรถใหญ่ อยู่ ๆ โดนน้ำสาดเต็มกระจกแถมยังเป็นน้ำผสมแป้ง คนขับมองทางไม่เห็น ก็อาจจะเกิดชนคันอื่นหรือตกถนนไป
ในเรื่องของการเล่นสงกรานต์ ควรที่จะเล่นอย่างมีสติ เอาแค่ประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างพม่า จะทำเวทีสงกรานต์ในชุมชน สร้างเป็นเวทีเหมือนเวทีหมอลำของบ้านเรา ถึงเวลาใครจะเล่นสงกรานต์ ก็ขึ้นไปบนเวทีสาดกันบนนั้น ใครอยู่ข้างล่างเขาจะไม่สาด เพราะรู้ว่าเขาไม่เล่นด้วย"
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-07-2017 เมื่อ 15:26 |
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#34
|
||||
|
||||
ดังนั้น...พวกพม่าพอถึงเวลาก็นั่งรถกระบะมากัน ๒๐-๓๐ คน แล้วขึ้นไปบนเวทีก็แปลว่าสาดกันได้ แต่ถ้าหากว่าหยุดดูเฉย ๆ หรือถ้าว่าลงจากรถแต่อยู่ข้างล่าง ไม่ได้ขึ้นเวที เขาจะไม่สาดน้ำ นั่นเป็นการแบ่งสันปันส่วนกันอย่างชัดเจนที่สุด ว่าใครต้องการเล่นสนุกด้วย ใครที่ยังมีกิจธุระไม่ต้องการที่จะเปียก ส่วนบ้านเรานี่ไม่สนใจเลย ถึงเวลาใครขับรถผ่านไปผ่านมา ก็ไล่สาดไล่ฉีดกันอย่างเดียว จนกระทั่งบางทีก็หกคะมำคว่ำคะเมน ได้รับบาดเจ็บไปตาม ๆ กัน
ประเพณีที่ดีงามของเราจึงกลายเป็นประเพณีที่ป่าเถื่อนไป เราควรที่จะแสดงออกซึ่งประเพณีที่ถูกต้องงดงาม เพื่อให้ชาวต่างชาติได้เห็นกัน แล้วเขาจะได้มาท่องเที่ยวบ้านเรา และประพฤติปฏิบัติได้ถูกต้อง เรื่องของการประแป้ง ถ้าเป็นไปได้ขอให้เลิกเสีย เพราะว่านอกจากความสนุกสนานแล้วไม่ได้อะไรเลย แถมยังไปลวนลามลูกสาวชาวบ้านเขา ถ้าหากว่าอีกฝ่ายหนึ่งโกรธ หรือว่าพ่อแม่ พี่น้องเขาโกรธ คนรักของเขาโกรธ ก็อาจจะมีการตามมาลงไม้ลงมือ จากสงกรานต์น้ำก็จะกลายเป็นสงกรานต์เลือด ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่สนุก เรื่องพวกนี้เราควรที่จะมีจิตสำนึกและทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อที่บรรดาลูกหลานของเรา จะได้สืบทอดประเพณีอันดีงามต่อไป
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2017 เมื่อ 02:16 |
สมาชิก 78 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#35
|
||||
|
||||
วัดท่าขนุนแห่งนี้เป็นศูนย์วัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนประจำตำบลท่าขนุน ตัวอาตมาเองเป็นประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ๗๗ จังหวัด ๘๗๘ อำเภอทั่วประเทศ มีประธานสภาเป็นพระอยู่รูปเดียว เพราะฉะนั้น...เรื่องพวกนี้จึงจำเป็นที่จะต้องบอกกล่าวกันให้ชัดเจน ถ้าเรามัวแต่เกรงใจกัน ไม่กล้าพูดในสิ่งที่ถูกต้อง ก็จะทำผิด ๆ ต่อกันไปเรื่อย ๆ แล้วประเพณีที่ดีงามของเราก็จะเสื่อมทรามลงไป เหลือเวลาอีกประมาณ ๑๕ นาทีจะเป็นการอุ้มพระสรงน้ำตามประเพณีของชาวท่าขนุน
การอุ้มพระสรงน้ำ ได้รับการบรรจุเข้าเป็น Unseen Thailand โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ถ้าหากว่าได้รับการบรรจุเป็น Unseen Thailand ก็รับรองได้ว่ามีแห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งความจริงชาวท่าขนุนของเราทำอย่างนี้สืบเนื่องกันมานานแล้ว แต่เพิ่งจะได้รับการบรรจุเข้า Unseen Thailand เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ของวัดท่าขนุนเราได้รับการบรรจุเข้าเป็น Unseen Thailand อยู่ ๒ อย่าง คือ การตามประทีป ๒๐,๐๐๐ ดวงในวันมาฆบูชา, วิสาขบูชา, อาสาฬหบูชา, วันลอยกระทง และพิธีอุ้มพระสรงน้ำ ส่วนอีกพิธีกรรมหนึ่งที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแนะนำให้ คือ การตักบาตรเทโวของวัดท่าขนุน เนื่องจากว่าวัดท่าขนุนของเรามีภูเขาอยู่ในวัด ถึงเวลาพระภิกษุสามเณรจำนวนมากเดินลงจากเขามารับบาตร ประชาชนทั้งอำเภอพร้อมใจกันมาใส่บาตร เป็นการแสดงออกทางวัฒนธรรมประเพณีที่งดงามมาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจึงแนะนำให้เป็นแหล่งเที่ยวอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งจะมีขึ้นทุกวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ก็คือวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ เป็นวันออกพรรษา วันถัดไปจะเป็นวันตักบาตรเทโว วัดท่าขนุนของเรายังได้รับการแนะนำจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็น ๑ ใน ๙ วัดที่จะเดินทางไปไหว้พระในจังหวัดกาญจนบุรี โดยอำเภอสังขละบุรีมี ๑ วัด คือ วัดวังก์วิเวการามของหลวงพ่ออุตตะมะ อำเภอทองผาภูมิมี ๑ วัด ก็คือวัดท่าขนุนแห่งนี้ ส่วนใหญ่ที่เหลืออยู่ในอำเภอเมืองอำเภอท่าม่วงและอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ก็เป็นที่น่ายินดีว่า การเดินทางไหว้พระในจังหวัดกาญจนบุรีตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแนะนำไว้ วัดท่าขนุนของเราเป็น ๑ ใน ๙ วัดนั้น
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2017 เมื่อ 12:40 |
สมาชิก 57 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#36
|
||||
|
||||
ฉะนั้น...ในสิ่งที่เราทั้งหลายทำ เมื่อออกมาเป็นภาพที่งดงาม นักท่องเที่ยวมาเห็นแล้วเกิดความประทับใจ ก็จะแนะนำบอกกันต่อ ๆ ไป เมื่อคนมาท่องเที่ยว ก็ต้องมีที่พัก มีอาหาร ซื้อของที่ระลึก แล้วก็มีการเติมน้ำมัน มีการเติมแก๊ส สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่นำรายได้มาสู่ท้องถิ่นของเรา เป็นสิ่งที่ขายได้ แม้ว่าจะจับต้องไม่ได้ เขาเรียกว่าเป็นมูลค่าทางวัฒนธรรม สิ่งที่ดีงามเหล่านี้มีซุกซ่อนอยู่แทบทุกมุมของประเทศ เพียงแต่ว่าที่ไหนจะติดตลาด ได้รับการแนะนำแล้วคนไปกันมาก ๆ
อาตมาเองกำลังสร้างหลวงพ่อ ๓ กษัตริย์ คือมีพระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปนาก และพระพุทธรูปเนื้อเงิน เพื่อให้มีพระสำคัญของอำเภอทองผาภูมิ หรือของจังหวัดกาญจนบุรี เกิดขึ้นจากแนวคิดที่ว่าจังหวัดกาญจนบุรีของเราเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมาก แต่ไม่มีพระพุทธรูปสำคัญซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศเลย พระพุทธรูปบางองค์อย่างหลวงพ่อดำ วัดตะคร้ำเอน หรือว่าหลวงพ่อ ภปร. ที่ในหลวงพระราชทานให้อยู่ที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักกันทั่ว ในเมื่อไม่มี เราก็ต้องสร้างให้มีขึ้นมา อาตมาจึงได้ลงทุนสร้าง ตอนนี้ก็ได้หลวงพ่อเงินแล้ว ๑ องค์ หล่อขึ้นมาจากเม็ดเงิน ๑๕๐ กิโลกรัม ประดิษฐานอยู่ในมณฑปที่ศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ปีหน้าช่วงประมาณวันมาฆบูชาจะหล่อพระพุทธรูปนาก หรือหลวงพ่อนาก ซึ่งจะใช้เนื้อนากประมาณ ๑๖๐ กิโลกรัม แล้วปี ๒๕๖๒ จะหล่อหลวงพ่อทองคำ เพื่อฉลองอายุ ๖๐ ปีของอาตมาเอง ใช้ทองคำ ๑๔๐ กิโลกรัม ตอนนี้อาตมามีอยู่ ๑๐๓ กิโลกรัมแล้ว มีเวลาอีก ๒ ปีกับทองคำแค่ ๓๗ กิโลกรัม เป็นเรื่องเล็ก...หาได้ไม่ยาก
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 02-03-2019 เมื่อ 12:46 |
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#37
|
||||
|
||||
เมื่อหล่อเสร็จแล้วอาตมาตั้งใจว่า จะให้มีการแห่สมโภชประจำปี ซึ่งตอนนี้ดูเอาไว้ว่าเราจะแห่ช่วงไหน ก็มีช่วงลอยกระทง ซึ่งเป็นเทศกาลท่องเที่ยวอย่างหนึ่ง ทางด้านวัดท่าขนุนมีกิจกรรมในวันลอยกระทงน้อย นอกจากทำบุญใส่บาตรแล้วก็วางผางประทีป ถ้าหากว่าในช่วงว่างเรามาแห่หลวงพ่อทองคำอวดชาวบ้าน อวดคนต่างจังหวัดและอวดชาวโลกเขา ให้รู้ว่าเรามีพระพุทธรูปสำคัญราคาแพงขนาดนี้อยู่ที่ทองผาภูมิของเรา ถึงเวลาคนจะมาไหว้พระขอพร ถ้าหากว่ามามากเท่าไร ก็สร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นของเรามากเท่านั้น
เรื่องนี้อาตมาได้ปรึกษากับท่านนายกเทศมนตรีตำบลทองผาภูมิ คือท่านประเทศ บุญยงค์แล้ว ว่าถ้าหากถึงเวลาแล้ว ขอให้ทางเทศบาลจัดขบวนแห่ ทางวัดท่าขนุนจะเสี่ยงดวงเอาหลวงพ่อทองคำมาให้แห่ คำว่าเสี่ยงดวงคือเผื่อมีคนปล้น เราก็จะแห่ของเราอย่างนี้ทุกปี ให้คนรู้ว่าถึงเทศกาลนี้จะมีการแห่หลวงพ่อทองคำ คาดว่าไม่เกิน ๓ ปีก็จะติดตลาด และกลายเป็นแหล่งเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง ทางด้านหน้าวัดที่อาตมาทำไว้ ญาติโยมจอดรถกันเต็มไปหมด ความจริงอาตมาตั้งใจทำเป็นตลาดชุมชน เพื่อสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านเขา ให้มาจองตู้ขายสินค้ากันฟรี ๆ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าคนของเราความอดทนไม่พอ พอผ่านไป ๑ อาทิตย์ ๒ อาทิตย์ ขายได้น้อยก็เลิก ซึ่งความจริง ๑-๒ อาทิตย์เป็นช่วงที่คนเริ่มรู้ว่าตรงนี้มีตลาด พอรู้ว่าตรงนี้มีตลาด แวะมาอีกครั้ง โยมก็เลิกขายไปแล้ว แล้วเขาจะซื้ออะไร ? โยมจะเห็นว่ามีร้านค้ากระจิ๊บกระจ้อยอยู่แค่ ๒-๓ ร้าน ท่านทั้งหลายเหล่านี้มีความอดทนพอ ปัจจุบันก็รับเละอยู่แค่นี้แหละ ไม่ว่าใครไปใครมา แวะไหว้พระ แวะถ่ายรูป แวะเข้าห้องน้ำห้องท่า แล้วก็ซื้อน้ำ ซื้อของที่ระลึก ฉะนั้น...เราจะเห็นว่า การกระทำทุกอย่างต้องอาศัยความอดทน จะใจร้อนใจเร็วไม่ได้ โดยเฉพาะในเรื่องของการทำมาหากิน ต้องรอให้ลูกค้ามีมากพอ แล้วจะติดตลาดไปเอง อาตมาเองถ้ายังมีเรี่ยวมีแรงอยู่ ก็จะพยายามสรรสร้างสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้เศรษฐกิจของคนทองผาภูมิดีขึ้น นี่เป็นปณิธานอย่างหนึ่ง อาตมาขอข้าวคนทองผาภูมิกินมา ๒๓ ปีแล้ว ก็อยากจะทดแทนด้วยการสร้างงาน สร้างเงินให้คนทองผาภูมิมีรายได้ ด้วยการทำวัดท่าขนุนของเราให้เป็นแหล่งเที่ยว
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2017 เมื่อ 12:50 |
สมาชิก 55 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#38
|
||||
|
||||
สิ่งสำคัญอีกอย่างอยู่ทางด้านหลังอาตมานี้เอง ก็คือทางรถไฟสายมรณะ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ญี่ปุ่นสร้างทางรถไฟจากหนองปลาดุก จังหวัดราชบุรี ผ่านเมืองกาญจน์ตรงไปยังอำเภอตันบวยเซียตของประเทศพม่า ค่ายใหญ่ในการสร้างทางรถไฟสายมรณะค่ายหนึ่งอยู่ที่นี่ เป็นค่ายเชลยศึกวัดท่าขนุน ทางรถไฟยังอยู่ด้านหลังนี่
หลายคนสงสัยว่าอาตมาสร้างพระติดถนน ทำไมไม่เลื่อนไปข้างหลังซึ่งมีที่ว่าง อาตมายืนยันว่าไม่มีที่ว่าง เพราะว่าข้างหลังเป็นทางรถไฟสายมรณะ ถ้าหากว่าการก่อสร้างอีกเล็กน้อยภายในวัดเสร็จแล้ว อาตมาจะเปิดทางรถไฟออกมา จะซื้อราง ซื้อหัวรถจักรเก่า ๆ มาตั้งเอาไว้ให้เห็นว่า สมัยก่อนช่วงสงครามโลกมีทางรถไฟอยู่ตรงนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าหากว่ามีทางรถไฟ นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะฝรั่งก็จะมีมากขึ้นไปอีก
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2017 เมื่อ 12:46 |
สมาชิก 57 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#39
|
||||
|
||||
อีกงานหนึ่งที่อาตมาตั้งใจไว้ก็คือ ทำบันไดขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาทหน้าวัด เมื่อถึงเวลา บริเวณนี้จะเป็นแหล่งเที่ยวใหญ่ มีหลวงพ่อโตทึ่นั่งอยู่เหนือศีรษะทุกคน เป็นที่ให้มาไหว้พระขอพร มีรอยพระพุทธบาทให้ปีนขึ้นไปผจญภัย มีทางรถไฟสายมรณะอยู่ข้างหลังให้มาศึกษาประวัติศาสตร์กัน และที่สำคัญมี หลวงพ่อทองคำ หลวงพ่อนาก หลวงพ่อเงิน ให้ไปไหว้พระขอพรอยู่ข้างในวัด มีสังขารศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่สาย ที่มรณภาพมา ๒๔ ปีแล้วไม่เน่าไม่เปื่อย อยู่เป็นมิ่งขวัญกำลังใจให้กับลูกหลานทุกคน
เมื่อถึงเวลานั้น ตรงจุดนี้จะเป็นจุดทำเงินให้กับชาวบ้านจุดหนึ่งของอำเภอทองผาภูมิ ถึงเวลาแล้วอาจจะมีการเปลี่ยนคำขวัญ จาก "ตลาดอีต่อง โบอ่องเจดีย์ ราชินีปูไทย เพลินใจแควน้อย เกินร้อยภูผา งามสุดตาเขื่อนวชิราลงกรณ" อาจจะต้องมีการต่อเติมวัดท่าขนุนไปด้วย แต่ถึงไม่เติมก็ไม่เป็นไร เพราะว่าท่าขนุนเป็นเมืองหน้าด่านมาแต่โบราณ มีความสำคัญเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่โบราณ ก่อนหน้านี้ที่นี่คือเมืองท่าขนุน เพิ่งจะมาเปลี่ยนเป็นอำเภอทองผาภูมิ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๒ นี่เอง เปลี่ยนจากเมืองท่าขนุนมาเป็นอำเภอทองผาภูมิ ในส่วนของชื่อวัดท่าขนุน คือชื่อบ้านนามเมืองเก่าแก่โบร่ำโบราณมา มีความขลังมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัวเอง อดีตเจ้าอาวาส ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่พุก หลวงปู่สายล้วนแล้วแต่เป็นที่เคารพนับถือของญาติโยมจำนวนมากต่อมากด้วยกัน สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัวเอง ต่อให้ไม่ต้องโฆษณาก็ดัง ลำดับต่อไปพวกเราเริ่มไปอุ้มพระสรงน้ำกันได้แล้วจ้ะ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เก็บตกงานสงกรานต์วัดท่าขนุน (ภาคบ่าย) วันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๐ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2017 เมื่อ 12:51 |
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|