|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#101
|
||||
|
||||
"ระยะนี้มีคนบ่นด่าสารพัดเรื่อง ก็เป็นธรรมดาว่า ถ้าเรื่องของการงานหรือปากท้องมีปัญหา การเมืองก็จะมีปัญหาไปด้วย เนื่องเพราะว่าพื้นฐานการครองชีพไม่มีความคล่องตัว ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน เขาก็ต้องบ่นต้องด่าเป็นธรรมดา
แต่ส่วนใหญ่ผู้ปกครองมักจะอยู่บนหอคอยงาช้าง แบบเดียวกับการปฏิวัติฝรั่งเศส ที่ชาวบ้านมาประท้วงหน้าพระราชวังแวร์ซายน์ว่าไม่มีขนมปังจะกินแล้ว เสียงโวยวายดังมาถึงในวัง พระนางมารีอังตัวเน็ตต์ถาม มหาดเล็กก็กราบทูลให้ทราบว่าชาวบ้านไม่มีขนมปังจะกิน พระนางก็บอกว่า บอกให้ชาวบ้านกินขนมเค้กแทนสิ..! นั่นก็คือลักษณะของคนที่อยู่บนหอคอยงาช้าง จนกระทั่งมองไม่เห็นคนรากหญ้า ไม่รู้ว่าแม้กระทั่งขนมปังไม่มีกิน แล้วจะเอาอย่างอื่นมากินได้อย่างไร ? อะไรก็ไม่น่ากลัวเท่ากับชาวบ้านที่หิวโหยเดือดร้อน พอถึงเวลาขึ้นมาก็จะไม่มีใครกลัวใคร เพราะว่าต้องอดตาย ในเมื่อมีความตายเป็นเดิมพัน ก็ไม่มีการเกรงกลัวกันอีกแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2017 เมื่อ 17:56 |
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#102
|
||||
|
||||
"โดยเฉพาะบ้านเมืองเรา ที่บอกว่าคนดีเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ แต่ปรากฏว่าปัญหาทุกอย่างที่จะเข้ามาแก้ไข รู้สึกว่าจะย่ำแย่หนักกว่าสมัยก่อนเสียอีก จนกระทั่งอาตมาเองก็ชักจะกลัวแล้วว่า คำว่า "คนดี" นั้นดีจริงหรือเปล่า ? เพราะแต่ละอย่างที่ทำออกมา ออกกฎหมาย ออกระเบียบปฏิบัติออกมา ทำให้เดือดร้อนไปตาม ๆ กัน ไม่มีการมองล่วงหน้าว่าจะมีผลกระทบอย่างไร
อย่างเช่น การห้ามชาวบ้านนั่งท้ายรถกระบะ การที่นายจ้างซึ่งมีลูกจ้างต่างด้าวจะโดนปรับในอัตราที่รุนแรงมาก การทำทุกอย่างให้เป็นไปตามระเบียบเป็นเรื่องดี แต่ต้องดูบริบทสังคมของเราด้วยว่าเป็นอย่างไร สังคมบ้านเราไร้ระเบียบมาจนชินแล้ว ในเมื่อไร้ระเบียบมาจนชินแล้ว อยู่ ๆ ไปบีบให้เข้ากรอบ ผลกระทบจึงมีเยอะมาก ปัจจุบันนี้คนงานพม่าเมื่อกลับประเทศแล้ว ก็มีส่วนน้อยที่จะกลับมา เพราะว่าสมัยก่อนพม่าไม่มีการจ้างงาน แต่ว่าสมัยนี้งานต่าง ๆ เริ่มมีมากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ประเทศจีนให้การสนับสนุน ในเมื่อเขารู้สึกว่าอยู่ทางนี้ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มากขึ้น ไม่คุ้มค่ากับการมาทำงานที่เมืองไทย ก็จะอยู่ทำงานที่บ้านของตัวเอง แม้ว่าเมื่อเทียบแล้วได้เงินน้อยกว่าเมืองไทย แต่ไม่ต้องไปเสียค่าใช้จ่ายเบี้ยบ้ายรายทางต่าง ๆ ถือว่าคุ้มค่ากว่า"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2017 เมื่อ 17:58 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#103
|
||||
|
||||
"อาตมาเองไปอยู่ทองผาภูมิปีแรก ๆ ประมาณปี ๒๕๓๒ เขามีคติว่าคนทองผาภูมิหรือสังขละบุรี ต้องมี ๓ ม. ม.แรก คือ ค้าไม้ ม.สอง คือ ค้ามอญ ม.สาม คือ ค้าม้า
ช่วงนั้นป่าไม้ยังไม่เข้มงวดมาก จึงมีการลักลอบตัดไม้ จำหน่ายไม้เถื่อนกัน ถึงได้บอกว่าต้องค้าไม้ พอทางบ้านเราเข้มงวด ก็ข้ามไปเอาไม้จากประเทศพม่าเข้ามา ก็ยังเป็นการค้าไม้อยู่ดี หลังจากนั้นก็เป็นการค้ามอญ คือเอาแรงงานต่างด้าวที่ส่วนใหญ่เป็นมอญเป็นพม่าเข้าเมืองไทยมา เพราะว่ารายได้ดีมาก ถ้าถามว่าดีขนาดไหน ? แค่พาผ่านด่านเข้าเมืองไทย คนละ ๔,๐๐๐ บาท ถามว่าเข้ามาแค่ด่านแล้วจะไปต่ออย่างไร ? เขาบอกว่าจะมีตำรวจมารับ ตำรวจมารับจ่ายคนละ ๘,๐๐๐ บาท ส่งถึงมหาชัย แปลว่าเข้าประเทศไทยเรามามีค่าใช้จ่ายประมาณ ๑๒,๐๐๐ บาท ก็จะไปถึงแหล่งทำงาน ถ้าหากว่าไม่มีเงินก็ไม่เป็นไร เถ้าแก่จ่ายให้ก่อน แล้วค่อยทำงานผ่อนส่งก็ได้ ประการสุดท้ายคือค้าม้า ซึ่งก็คือยาบ้าในสมัยนี้ สมัยนั้นเรียกว่ายาม้า รับเข้ามาขายในเมืองไทย ตอนนั้นเม็ดหนึ่งยังแค่ ๑๐ สลึง ๓ บาท แต่พอเข้าเมืองไทยมาเป็นเม็ดหนึ่ง ๒๐ – ๓๐ บาท สมัยนี้คงจะเม็ดละเป็นร้อยแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-08-2017 เมื่อ 10:47 |
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#104
|
||||
|
||||
"เราจะเห็นว่าบ้านเรานั้น ความไร้ระเบียบ การคอรัปชั่น มีตั้งแต่ปลายน้ำไปจนถึงต้นน้ำ เป็นเรื่องที่แก้ไขยากมาก รัฐบาล คสช. เข้ามาด้วยความหวังดี ปรารถนาดี แต่ว่าคนเราที่เคยชินกับการไร้ระเบียบ อยู่ ๆ ไปโดนกระตุกให้มีระเบียบก็รับกันได้ยาก โดยเฉพาะพ่อค้า รัฐบาลไหนมาก็ไม่มีปัญหา เพราะพ่อค้ามั่นใจว่าเงินซื้อได้ทุกที่
บ้านเรากฎหมายบ้านเมืองทุกอย่างบังคับได้แต่คนจน คนจนจะกลัวกฎหมายบ้านเมือง ส่วนคนรวยไม่กลัว จนกระทั่งมีคนพูดกันว่า ถ้าเจอตำรวจแล้วมีปัญหาให้ตะโกนว่า "กูรวยนะ" แล้วเรื่องจะจบ ถ้าภาพพจน์อย่างนี้ออกไปถึงต่างประเทศ จะเป็นภาพพจน์ที่เลวร้ายมาก ประเทศญี่ปุ่นวางแผนเรื่องจริยธรรมมา ๔๐ กว่าปี ฝึกอบรมตั้งแต่เด็กอนุบาล จนกระทั่งทุกวันนี้เกิดดอกออกผล เพราะว่าคนญี่ปุ่นมีจริยธรรมและจิตสำนึกเพื่อส่วนรวมสูงมาก ส่วนบ้านเราไม่มีการจัดการในด้านนี้ ที่แน่ ๆ ก็คือการเลี้ยงลูกแบบลูกเทวดา ต้องการอะไรต้องได้ เด็ก ๆ ก็จะเคยชินกับการที่ถึงเวลาอยากได้อะไรแล้วต้องได้ พ่อแม่ต้องหามาให้ ในเมื่อไม่มีระเบียบเสียตั้งแต่เล็ก บังคับลูกไม่ได้ตั้งแต่เล็ก โตขึ้นก็เป็นไม้แก่ดัดยาก ถ้าจะแก้ไขต้องรื้อระบบตั้งแต่ในบ้าน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล โรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยมมาเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2017 เมื่อ 18:01 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#105
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "มั่นใจเลยว่า พวกเราไม่ได้อยู่ในวงการพระเครื่องหรือในวงการเครื่องรางของขลัง เพราะว่าของบางอย่างลงในกระทู้ไปแล้ว ไม่รู้จักกันเลย อย่างเหรียญหล่อนางกวัก หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม คนที่มีนี่ขนาดเอาปืนจี้ยังไม่ยอมให้เลย แต่พอลงเว็บแล้วไม่มีใครรู้จัก ปล่อยทิ้งอยู่อย่างนั้น
เหรียญหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม ถ้าไม่ใช่เหรียญรูปท่านที่ติด ๑ ในเบญจภาคีเหรียญแล้ว เขาจะหาเหรียญหล่ออรุณเทพบุตรหรือเหรียญหล่อนางกวักกันทั้งนั้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2017 เมื่อ 20:25 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#106
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "รูปหลวงปู่จันทร์ วัดตาเจีย ที่โด่งดังขึ้นมา เพราะว่าหลวงพ่อเดินหนท่านไปปลุกเสกเอง แล้วคนที่ได้เจอท่านเต็ม ๆ ก็ในงานนั้นแหละ อาตมาเองก็เหลืออยู่ แค่ ๒ รูป เอาไว้ปลายปีมีอารมณ์แล้วค่อยเอามาลงใหม่ ขอให้เลยกฐินปลดหนี้ไปก่อน"
ถาม : ท่านมาแบบกายเนื้อหรือครับ ? ตอบ : กายเนื้อหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? แต่คนเห็นกันทั้งงาน ตอนแรกก็ได้แต่สงสัยว่า หลวงปู่องค์นี้มาจากไหน ? ทั้งสูงทั้งใหญ่แบบนี้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2017 เมื่อ 20:27 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#107
|
||||
|
||||
ถาม : มีการไหว้ราหูช่วงที่ผ่านมา หนูสงสัยว่าทำไมต้องเป็นของดำ ใครเขากำหนดมา ?
ตอบ : พวกอาจารย์โหราศาสตร์เขากำหนดมา ของดำหายากจะตาย ถาม : เราควรจะทาสีดำตามเขาไหมคะ ? ตอบ : ก็ควรจะเป็นของดำตามเขานั่นแหละ ถาม : ใครเป็นคนกำหนดว่าต้องเป็นของดำ ? ตอบ : ราหูเป็นตัวแทนของเงามืด เขาเลยเอาอะไรที่ดำ ๆ ถาม : มีเทพเจ้าชื่ออสุรินทราหู ? ตอบ : อสุรินทราหูเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ที่ไหว้ส่วนใหญ่เขาไหว้เทวดาชั้นจาตุมหาราช ที่ทำหน้าที่เป็นเทวดานพเคราะห์เท่านั้น ถาม : แล้วหนูต้องไหว้ของดำตามเขาไหมคะ ? ตอบ : ใช้ตามเขาจะได้ไม่โดนด่า ไม่อย่างนั้นเขาว่าเราบ้าอยู่คนเดียว ถาม : ต้องจุดธูปกลางแจ้งไหมคะ ? ตอบ : เขานิยมอย่างไรก็ทำตามเขาไป จะได้ไม่เป็นขี้ปากชาวบ้าน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-08-2017 เมื่อ 10:45 |
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#108
|
||||
|
||||
ถาม : ผมฝึกสมาธิได้ถึงฌาน ๔ แล้ว ต้องทำอย่างไรต่อบ้างครับ ?
ตอบ : จริง ๆ ถ้าถึงระดับนั้นแล้วซักซ้อมให้คล่องตัว จนสามารถเข้าถึงทุกเวลาที่ต้องการ ถาม : แล้วเราต้องไล่ฌาน ๑ - ๒ - ๓ ไหมครับ หรือเข้าได้เลย เพื่อมาวิปัสสนา ? ตอบ : ก็แค่ลดกำลังลงมาให้พิจารณาได้ แล้วก็เริ่มพิจารณาทุกอย่างให้เห็นว่าไม่เที่ยง เห็นว่าเป็นทุกข์ เห็นว่าไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา ถาม : ลดลงมาแค่ไหนครับ ? ตอบ : ถ้าไม่ให้มากนักก็แค่รู้ลมหายใจเข้าออกตลอด ๓ ฐานก็พอ ถ้ามากกว่านั้นเดี๋ยวหลุด ทำได้แล้วสำคัญตรงซักซ้อมการเข้าออกให้คล่องไว้ จะได้ช่วยระวังกิเลสได้ทัน ถ้าเข้าไม่ทันกิเลสมาก็โดนตีหัวแตก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-08-2017 เมื่อ 10:46 |
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#109
|
||||
|
||||
ถาม : กำลังของผม ถ้าจะฝึกมโนมยิทธิต่อจะเห็นไหมครับ ?
ตอบ : กำลังคุณเกินมโนมยิทธิไปแล้ว ถ้าจะฝึกต้องลดกำลังลงมา คือสามารถฝึกได้ เพียงแต่ว่าถ้าไปรวบรัดเรื่องตัดกิเลสจะดีกว่า ถาม : หรือควรฝึกเพื่อละกิเลสมากกว่า ? ตอบ : เราฝึกเพื่ออะไร ? พระพุทธเจ้าพยายามแนะนำให้เราเข้าถึงความพ้นทุกข์ คราวนี้พอทำมาถึงตรงนี้แล้วจะอยู่เฉย ๆ ก็ตามใจ เขามีแต่หนีไปเร็วเท่าไรก็ดีเท่านั้น รีบ ๆ ตัดกิเลสให้ได้ก่อน ที่เมื่อคืนบอกว่า พวกเราส่วนใหญ่ปฏิบัติธรรมเหมือนกับคนมีเวลามาก ทั้ง ๆ ที่ความตายอยู่แค่ลมหายใจเข้าออก ก็ยังอยากทำโน่นอยากทำนี่ ควรที่จะเร่งรัดตัดกิเลสเพื่อเอาตัวเองให้พ้นจากวัฏสงสารกลับไม่ทำ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-08-2017 เมื่อ 10:47 |
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#110
|
||||
|
||||
ถาม : ลักษณะที่หลงระเริง ถือว่าปรามาสพระรัตนตรัยไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าคิดอย่างนั้นก็ปรามาสทุกคนนั่นแหละ ต้องบอกว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิ คือมีความเห็นผิด เรื่องแบบนี้ต้องให้คิดได้เอง ถ้ายังไม่เบื่อ ไม่เข็ด คนอื่นแนะนำอย่างไรก็ไม่ฟัง ก็ยังทำโน่นทำนี่ไปเรื่อยจนกว่าจะคิดได้เอง ตัดสินใจได้เอง หรือเกิดความเข็ดกับความทุกข์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าอย่างนั้นก็จะรีบเลี้ยวเข้าทางตรง แล้วก็จะไปเสียดายเวลาว่า เราไม่น่าจะปล่อยไว้นานขนาดนี้เลย เรื่องของการก้าวพ้นจากกองทุกข์เป็นเรื่องยาก เหมือนอย่างกับการสร้างกำแพงเมืองจีนจะให้เสร็จ ต้องรีบสร้าง ไม่ใช่ทำเสร็จท่อนหนึ่งแล้วก็นั่งเอกเขนกฉลองกัน ...(หัวเราะ)...
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2019 เมื่อ 19:46 |
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#111
|
||||
|
||||
ถาม : พระอาจารย์เคยไปทะเลเจดีย์พม่าแล้วยังครับ ?
ตอบ : ไปมา ๗-๘ ครั้งแล้ว ถาม : เขาสร้างทำไมตั้งเยอะแยะครับ ? ตอบ : เขาอยากได้บุญ พม่ามีค่านิยมสร้างเจดีย์เหมือนกับที่บ้านเราสร้างพระพุทธรูป เพราะคำว่า เจติยะ แปลว่า เครื่องระลึกถึง พระพุทธรูปจัดเป็นเจดีย์อย่างหนึ่ง เรียกว่า อุเทสิกเจดีย์ พม่าเขาจึงนิยมสร้างเป็นเจดีย์ ไม่ได้สร้างเป็นพระแบบบ้านเรา แล้วพระเจ้าแผ่นดินท่านไม่หวง ถึงเวลาใครจะสร้างก็ได้ ไม่ถือว่าเป็นการแข่งบุญแข่งบารมี ในเมื่อเปิดโอกาสให้เขาก็แห่สร้างกันเต็มเลย บรรดาเชื้อพระวงศ์หรือเจ้าประเทศราช ที่มีกำลังถึง มีทุนทรัพย์ถึง ก็สร้างกันใหญ่โตมโหฬาร บรรดาเจดีย์อย่างอนันดา สุรมณี ธรรมยันจี พวกนี้เหมือนอย่างกับเมืองหนึ่งเลย จะมีกำแพงเมือง มีประตูเมือง ๔ ทิศ กว่าจะเข้าถึงเจดีย์ได้ นั่นเป็นสาหตุหนึ่งที่ทำให้พุกามกลายเป็นพื้นที่กึ่งทะเลทราย เพราะว่าขุดดินไปปั้นอิฐสร้างเจดีย์ จนหน้าดินที่อุดมสมบูรณ์ไม่มีเหลือ แล้วยังตัดต้นไม้ไปเผาอิฐอีก จึงไม่เหลืออะไรเลย ปัจจุบันนี้ที่เหลือก็แต่ต้นไม้หนามไม่กี่ต้น แล้วก็อาจจะมีนาข้าวบ้าง ศรัทธาทำให้คนสร้างทะเลเจดีย์หรือสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมา อย่างปิรามิด คำสั่งเจ้านาย...ลองไม่ทำดูสิ เจ้านายมีศรัทธาจะสร้าง ของจีนตอนนี้เขาก็รอเปิดสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ความจริงเขาค้นพบมานานมากแล้ว แต่ยังไม่เปิด เพราะยังไม่มั่นใจเทคโนโลยีที่มีอยู่ว่าจะรักษาสภาพไว้ได้หรือเปล่า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-08-2017 เมื่อ 19:57 |
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#112
|
||||
|
||||
ถาม : ทำไมเขาจึงบอกว่าไม่ควรดูสุริยุปราคา ?
ตอบ : ก็เห็นเขาแย่งไปดูกัน ถาม : แล้วเรื่องการห้ามดูสุริยุปราคานี่เชื่อถือได้ไหมคะ ? ตอบ : ในความเป็นจริงเราต้องเชื่อกรรม สิ่งที่เชื่อถือมาแต่โบราณบางอย่างก็พิสูจน์ได้ว่าไม่จริง บางอย่างที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าอย่าไปลบหลู่ แต่เรื่องดูสุริยคราสนี่คงจะใช้กับสายวัดศีรษะทองไม่ได้ วัดนั้นสร้างราหู ต้องดูเวลาสุริยคราสหรือจันทรคราส ถึงเวลาแล้วก็จารอักขระ ฤกษ์ตามตำรามีอยู่แค่หน่อยเดียวว่า พอคราสเริ่มคลายตัวก็เริ่มจาร พอคราสพ้นไปก็เลิก คือถือเคล็ดในลักษณะกลับร้ายให้กลายเป็นดี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-08-2017 เมื่อ 02:48 |
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#113
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยอาตมายังเด็กอยู่ ก็น่าจะสัก ๕๐ ปีที่แล้ว มีความเชื่อกันว่า คนที่จะแต่งงานกันได้ ต้องเคยทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขันกันมา ถ้าไม่เคยทำอย่างนั้นจะไม่มีโอกาสเกิดมาเป็นคู่กัน
ฉะนั้น...สมัยก่อนหรือแม้กระทั่งปัจจุบันนี้ก็ตาม ถ้ามีพิธีสงฆ์ก็จะตักบาตรพร้อมกัน แล้วก็จะมีรายการว่าใครจะจับทัพพีข้างบนใครจะจับข้างล่าง เขาถือว่าถ้าใครจับทัพพีด้านบน คนจับด้านล่างต้องเป็นผู้ตาม บางรายนี้ญาติพี่น้องแทบจะวางมวยกัน เพราะว่าเชียร์ให้ฝ่ายสามีหรือภรรยาจับด้านบน อีกครอบครัวหนึ่งก็จะไม่พอใจ เหมือนอย่างกับตั้งใจว่าจะข่มเหงรังแกลูกของเขา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-09-2017 เมื่อ 12:37 |
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#114
|
||||
|
||||
"แม้แต่ปัจจุบันนี้ ที่ทองผาภูมิมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ที่ใส่บาตรร่วมกันทุกวัน อาตมาบิณฑบาตที่ทองผาภูมิมาก็เป็นสิบปี สามีภรรยาคู่นี้ก็ใส่บาตรด้วยกันมาตลอด จนกระทั่งวัยเลยเกษียณมาหลายปีแล้ว ถึงเวลาก็จับขันข้าวพร้อมกัน จับทัพพีพร้อมกัน
ในสมัยก่อนเขาว่าบุพเพสันนิวาส คือการอยู่ร่วมกันแต่ปางก่อน จะเป็นสาเหตุให้เราเกิดมาคู่กันในชาตินี้ พอมาช่วงอาตมาเรียนหนังสือตอนประถมปลาย ชาย เมืองสิงห์ ก็ร้องเพลงที่ว่า “ชาติก่อนเราเพียง คู่เคียง เด็ดดอกไม้ร่วมต้น แต่ว่าเราสองคน ไม่สนใจ ใส่บาตรร่วมขัน” เกิดมาชาตินี้ก็เลยผิดหวัง ได้เจอหน้ากันเฉย ๆ ไม่ได้แต่งงานกัน ก็เลยยิ่งตอกย้ำความเชื่อนี้เข้าไปใหญ่"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-09-2017 เมื่อ 12:39 |
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#115
|
||||
|
||||
"ความจริงการเกิดมาเป็นคู่กันนั้น ในบาลี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามี ๒ ประเภท ประเภทที่ ๑ ท่านบอกว่า บุพเพสันนิวาส คือเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติก่อน บาลีท่านว่า ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน ประเภทที่ ๒ ท่านว่าเกื้อกูลกันในปัจจุบันนี้จนเห็นอกเห็นใจกัน บาลีว่า ปจฺจุปนฺน หิเตน วา
ดังนั้น...ที่ใครเกิดมาแล้วบอกว่าอาภัพคู่ ไม่มีเนื้อคู่ ไม่จริงหรอก คำว่าไม่มีเนื้อคู่ หมายความว่าไม่มีคนที่สร้างบุญสร้างกรรมร่วมกันมาแต่ชาติก่อน ๆ แต่ก็ยังมี ปจฺจุปปนฺนหิเตน วา คือเกื้อกูลสร้างประโยชน์ให้แก่กันและกันในชาติปัจจุบันนี้ ท่านบอกว่า เอวนฺตํ ชายเต เปมํ ถ้าหากว่าอย่างนี้แล้วความรักก็จะเกิดขึ้น อุปฺปลํว ยโถทเก เหมือนอย่างกับดอกบัวกับน้ำที่ขาดกันไม่ได้ อย่างในธรรมบทที่ลูกเศรษฐีหนีตามนายพรานกุกกุฏมิตรไป นายพรานเป็นพรานล่าเนื้อ ๒-๓ วัน ก็แบกเนื้อเข้าเมืองมาขายทีหนึ่ง บังเอิญวันนั้นลูกสาวเศรษฐีอยู่ที่ปราสาทชั้น ๗ มองทางหน้าต่างลงไปเห็นเข้า เกิดความรักขึ้นมาอย่างกะทันหัน เพราะว่าเป็นบุพเพสันนิวาส คือเคยเป็นคู่กันมาแต่ปางก่อน จึงแอบหนีตามกันไปเลย แต่สมัยนี้ไม่มีโอกาสมองลงมาจากปราสาทชั้นที่ ๗ เห็นแค่ไลน์หากันก็หนีตามกันไปเยอะแล้ว...!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-09-2017 เมื่อ 12:41 |
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#116
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ชาวอุตรกุรุทวีปอยู่ด้วยแรงบุญ หลายอย่างเหมือนกับเทวดานางฟ้า อย่างเช่นว่าจะกินข้าวก็แค่เอาข้าวสารมาใส่หม้อ ใส่น้ำลงไปแล้ววางบนแก้วมณี ข้าวจะสุก นุ่ม หอม พอดีกิน ข้าวก็เป็นข้าวไม่มีเปลือก คือไม่มีแกลบ เป็นเม็ดข้าวสารเลย
พวกเราหลายคนก็มีบุญคล้าย ๆ ชาวอุตรกุรุทวีป เกิดมาข้าวเปลือกหน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่เคยเห็น เห็นแต่ข้าวสาร ถึงเวลาเอาใส่หม้อไฟฟ้า เติมน้ำแล้วกดปุ่มอย่างเดียว แสดงว่าบุญใกล้เคียงกันแล้ว แต่อย่าลืมกดปุ่มด้วย...! เพราะว่าอาตมาเคยได้รับนิมนต์ไปที่บ้านหนึ่งที่ด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี พอสวดมนต์เสร็จสรรพก็ประมาณ ๑๑.๑๐ น. โยมก็ยกอาหารมาประเคน พอเปิดหม้อข้าวร้อง "อุ๊ยตาย...!" ยังเป็นข้าวสารกับน้ำอยู่เลย เสียบปลั๊กแล้วลืมกดปุ่ม ต้องเสียเวลารอไปอีก ๒๐ นาที ยังโชคดีว่าอาตมาเป็นคนฉันเร็ว มีเวลาครึ่งชั่วโมงนี่ฉันได้เต็มอิ่ม ก็เลยไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ถ้าเป็นพระที่ท่านฉันช้านี่คงจะมีปัญหาอย่างแน่นอน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-09-2017 เมื่อ 12:43 |
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#117
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "หนังสือของอาตมาที่เป็นหนังสือธรรมะจริง ๆ ไม่ค่อยมี เหตุที่ไม่ค่อยมีก็เพราะว่า คนสมัยนี้อ่านธรรมะตรง ๆ ก็สลบกันหมด จึงเป็นอะไรที่เขียนเล่นเสียส่วนใหญ่"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-09-2017 เมื่อ 12:43 |
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#118
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ต้องบอกว่ายืดเยื้อยาวนานมาจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่จบ สาเหตุเกิดจากความโลภของคนเท่านั้น อาตมานึกถึงหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านสั่งไว้ว่า ถ้าแกไปอยู่ที่ไหนก็ตาม เมื่อตั้งกรรมการวัด ต้องตั้งพระให้มีจำนวนมากกว่าฆราวาส ไม่อย่างนั้นแล้วฆราวาสจะมาทำตัวมีอำนาจเหนือพระ ท่านบอกว่าไม่ว่าวัดไหน ๆ ก็ตาม คนใกล้วัดมักจะพยายามเข้ามาควบคุมพระ โดยเฉพาะควบคุมบัญชีการเงินของวัด
ส่วนวัดของอาตมานั้นไม่ให้กรรมการวัดมีอำนาจอะไรเลย แม้กระทั่งขอให้บอกบุญเรี่ยไรก็ไม่มี เพราะออกกฎของวัดไว้ว่า ห้ามบอกบุญ ห้ามเรี่ยไร กฐินผ้าป่าก็ห้ามไปหา เพราะว่ามีคนเคยเอาผ้าป่ามาทอดโดยที่ไม่ได้ขออาตมาไว้ก่อน เลยไล่ให้เขาไปทอดที่วัดอื่น โดนเข้าไปครั้งเดียวก็เข็ดกันหมด ในเมื่อไม่ให้เขามายุ่งเกี่ยวกับการเงินของวัด ก็ไม่สามารถที่จะมาอ้างอะไรได้ทั้งสิ้น ฉะนั้น...กรรมการวัดของอาตมามีหน้าที่อย่างเดียวว่า ถึงเวลามาฟังว่าอาตมาทำอะไรบ้าง แล้วติดหนี้อยู่เท่าไร...เท่านั้นเอง”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-09-2017 เมื่อ 12:45 |
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#119
|
||||
|
||||
ถาม : หนูอ่านเจอคำว่า สัมปรายภพ เขาแปลว่าภพหน้า หมายถึงนิพพานหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่...หมายถึงว่าตายแล้วเราไปเกิดที่ไหน ตรงนั้นเรียกว่าสัมปรายภพ ก็คือจะเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย หรือเป็นอะไรก็แล้วแต่ เป็นภพที่ต่างจากปัจจุบันนี้ เขาเรียกว่าสัมปรายภพ ถ้าสามารถไปถึงพระนิพพานได้ ก็ถือว่าเป็นสัมปรายภพที่สุดยอดมาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-09-2017 เมื่อ 19:56 |
สมาชิก 112 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#120
|
||||
|
||||
ถาม : ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า ตอนตายท่านให้เจาะที่ส้นเท้าแล้วปรอทไหลออกมาเป็นสองกิโล ?
ตอบ : แล้วทำไม ? อยากได้อย่างนั้นบ้าง ? ถ้าไม่เอาออกตายแล้วจะไม่เน่า ถาม : เป็นจริงหรือครับ ? ตอบ : พวกนี้เขาเล่นไสยศาสตร์ของการทำปรอทสำเร็จ ถาม : (ไม่ชัด) ? ตอบ : นับสายวิชาเขาบอกว่ามี ๑๐๘ อยากเรียนให้ครบไหมเล่า ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-09-2017 เมื่อ 19:57 |
สมาชิก 115 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|