#1
|
||||
|
||||
เทศน์ช่วงปฏิบัติกรรมฐานเช้ามืด วันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๒
ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม
คำภาวนาอย่าเปลี่ยนบ่อย ถนัดแบบไหนให้ใช้แบบนั้น เพราะว่าคำภาวนาเป็นเครื่องโยงใจให้เป็นสมาธิ ถ้าเราเปลี่ยนบ่อย ใจจะพะวงกับของเก่าที่ตนเองถนัด เมื่อถึงเวลาของเก่าโดนละทิ้ง ของใหม่ก็จับไม่ได้ กลายเป็นว่าการเปลี่ยนคำภาวนาบ่อย เป็นเหตุให้สมาธิของเราไม่ทรงตัว หายใจเข้า..ตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าไปจนสุด จะกระทบฐานเดียว สามฐาน เจ็ดฐาน หรือรู้ตลอดกองลมก็ได้ หายใจออก..ตามดูตามรู้ลมหายใจออกมาจนสุด หายใจเข้า..หายใจออก ให้ตามดูไปพร้อมกับคำภาวนาของเรา จะใช้พุทโธ นะมะพะทะ สัมมาอะระหัง พองหนอ ยุบหนอ หรือตัวบทพระคาถาใด ๆ ที่เราถนัดก็ได้ ถ้าไม่เคยภาวนามาก่อนให้ใช้พุทโธ เพราะว่าสั้น ภาวนาได้ง่าย หายใจเข้า..พุท หายใจออก..โธ หายใจเข้า..พุท หายใจออก..โธ แม้บางตำราบอกว่า คำว่าพุทโธไม่เคยมีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกก็ไม่เป็นไร เพราะเรารู้ว่าคำนี้เรานึกถึงพระพุทธองค์ หรือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 07-06-2019 เมื่อ 20:04 |
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
เมื่อรู้สึกว่าลมหายใจทรงตัวดีแล้ว ให้นึกถึงภาพพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่ง ที่เรารักเราชอบมากที่สุด กำหนดภาพไว้เหนือศีรษะของเรา หันหน้าไปด้านเดียวกับเรา ในขนาดที่เรากำหนดใจนึกถึงได้อย่างสบาย ๆ อย่าเพิ่งเอารายละเอียดสมบูรณ์ แค่เรารู้ว่ามีพระอยู่กับเราก็พอ หายใจเข้า..ภาพพระไหลลงไปอยู่ในท้อง หายใจออก..ภาพพระเลื่อนขึ้นไปบนศีรษะ
อย่าไปเอาความชัดเจน เพราะว่าถ้าชัดเจน เราจะเผลอใช้สายตาเพ่ง ถ้าใช้สายตาเพ่ง เวลานั่งปฏิบัติธรรมจะปวดหัวมาก ให้นึกถึงเหมือนกับเรานึกถึงบ้าน นึกถึงคนอื่น เราไม่ได้เห็น แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ชัดเจนอยู่ในห้วงนึกของเรา การนึกถึงภาพพระก็ลักษณะเดียวกัน ถ้าสมาธิเราทรงตัว รายละเอียดต่าง ๆ ก็จะปรากฏชัดขี้นเรื่อย ๆ ไปตามลำดับ ดังนั้น..ไม่ต้องไปใส่ใจรายละเอียด ไม่ต้องไปใส่ใจสีสัน ไม่ต้องไปใส่ใจว่าเป็นพระพุทธรูปปางไหน แค่นึกถึงได้ก็ใช้ได้แล้ว หายใจเข้า..ภาพพระไหลลงไปอยู่ในท้อง หายใจออก..ภาพพระเลื่อนขึ้นไปบนศีรษะ หายใจเข้า..ภาพพระไหลลงไปอยู่ในท้อง หายใจออก..ภาพพระเลื่อนขึ้นไปบนศีรษะ จนกระทั่งรู้สึกว่าภาพพระและลมหายใจมั่นคงดีแล้ว สามารถระลึกถึงได้ง่าย ให้กำหนดภาพพระให้นิ่งอยู่บนศีรษะของเรา หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น จะสว่างมากหรือสว่างน้อยก็ไม่เป็นไร กำหนดความรู้สึกของเรากับภาพพระบนศีรษะ หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น เมื่อภาพพระที่สว่างไสวอยู่บนศีรษะของเรา ทรงตัวมั่นคงดีแล้ว หายใจเข้า..ให้ความสว่างนั้นครอบคลุมตัวเราลงมา หายใจออก..ให้ความสว่างนั้นครอบคลุมตัวเราลงมา หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น..ตัวเราสว่างขึ้น หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น..ตัวเราสว่างขึ้น หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น..ตัวเราสว่างขึ้น อย่าเผลอใช้สายตาดู บอกแล้วว่าเป็นการนึกถึง ไม่ใช่เห็น หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น..ตัวเราสว่างขึ้น หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น..ตัวเราสว่างขึ้น จนกระทั่งภาพพระและตัวเรา สว่างกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น..ตัวเราสว่างขึ้น หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น..ตัวเราสว่างขึ้น แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 07-06-2019 เมื่อ 20:01 |
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
เมื่อภาพพระและความสว่างมั่นคงดีแล้ว ให้กำหนดใจนึกถึงความสว่าง ซึ่งเป็นเครื่องหมายแทนพระเมตตาคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่แผ่ปกลงไปสู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกภพ ทุกภูมิ ทุกหมู่ ทุกเหล่า หายใจเข้า..ตัวเราสว่างขึ้น..ความสว่างแผ่กว้างไปรอบด้าน หายใจออก..ตัวเราสว่างขึ้น..ความสว่างแผ่กว้างไปรอบด้าน อย่าไปเอาความสว่างมากมาย ถ้าสมาธิไม่ได้ทรงตัวเข้มแข็ง รู้สึกว่าสว่างได้ก็ดีแล้ว แต่ถ้าสมาธิทรงตัวเข้มแข็ง เป็นฌานหนึ่ง ฌานสอง ฌานสาม ฌานสี่ หรือเป็นสมาบัติที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม ที่สี่ ถ้าอย่างนั้น ความสว่างก็จะชัดเจนและกว้างขวางมาก
ให้ตั้งใจว่า เราไม่เป็นศัตรูกับใคร เรายินดีเป็นมิตรกับคนและสัตว์ทั่วโลก หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น..ตัวเราสว่างขึ้น ความสว่างแผ่กว้างออกไป..กว้างออกไปรอบด้าน ให้สว่างไปหมดทั้งศาลาแห่งนี้ สว่างไปทั่วทั้งวัด ทั่วทั้งหมู่บ้าน ทั่วทั้งตำบล ทั่วทั้งอำเภอ ทั่วทั้งจังหวัด ให้ตั้งใจว่า...มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ผู้ที่ชีวิตของท่านทั้งหลายเหล่านั้น ได้ตกล่วงไปแล้วในวันหนึ่งคืนหนึ่ง ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จงไปเสวยสุขในสุคติภพโดยถ้วนหน้ากันเถิด แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-06-2019 เมื่อ 04:15 |
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
หายใจเข้า..ความสว่างแผ่กว้างออกไป หายใจออก..ความสว่างแผ่กว้างออกไป กว้างออกไปทั้งตำบล ทั้งอำเภอ ทั้งจังหวัด ทั้งภาค ทั้งประเทศ ให้ตั้งใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ผู้ที่ชีวิตของท่านทั้งหลายเหล่านั้น ตกอยู่ในความทุกข์ยาก เศร้าหมอง เดือดร้อน ลำเค็ญ ทุกข์กาย ทุกข์ใจ เจ็บไข้ได้ป่วย พิกลพิการใด ๆ ก็ดี ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จงได้ล่วงพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายนั้นเถิด
หายใจเข้า..ความสว่างแผ่กว้างออกไป หายใจออก..ความสว่างแผ่กว้างออกไป กว้างออกไปทั้งจังหวัด ทั้งภาค ทั้งประเทศ ทั้งทวีป ทั้งโลก ตัวเราเหมือนกับใหญ่โตเต็มแผ่นดินแผ่นฟ้า โลกนี้เป็นวัตถุเล็ก ๆ นิดเดียว อยู่ภายใต้ร่างกายของเรา สามารถกำหนดจิตให้ครอบคลุมทั่วถึงได้โดยง่าย ให้ตั้งใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ผู้ที่ชีวิตของท่านทั้งหลายเหล่านั้น มีความสุขความเจริญดีอยู่แล้ว ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จงมีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเถิด หายใจเข้า..ภาพพระสว่างกว้างออกไป..กว้างออกไป หายใจออก..ภาพพระสว่างกว้างออกไป..กว้างออกไป กว้างออกไปทั้งประเทศ ทั้งทวีป ทั้งโลก แผ่กว้างออกไปยังอนันตจักรวาล เบื้องบนจรดพรหมชั้นที่ ๑๖ เบื้องล่างถึงอเวจีมหานรก เบื้องขวางคือดวงดาวต่าง ๆ ที่ประกอบไปด้วยคนและสัตว์มากจนประมาณไม่ได้ ให้ตั้งใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่กันและกัน เสียสละให้ปัน ช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์ยากยิ่งกว่าตนให้พ้นทุกข์ เพื่อยังโลกทั้งหลายไปสู่สันติสุขอันสมบูรณ์ด้วยเถิด แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-06-2019 เมื่อ 04:17 |
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
หายใจเข้า..รัศมีสีขาวสว่างไสวแผ่กว้างออกไป..กว้างออกไป หายใจออก..กลับมาสว่างไสวที่องค์พระบนศีรษะของเรา หายใจเข้า..แผ่รัศมีกว้างออกไป..กว้างออกไป หายใจออก..ให้กลับมาสว่างบนศีรษะของเราตามเดิม อย่าใส่ใจความชัดเจน อย่าเอาความสว่างมาก ๆ ความชัดเจนและความสว่างจะมีมากขึ้น ตามลำดับสมาธิของเราที่เข้าลึกไปเรื่อย ๆ
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น เมื่อความสว่างชัดเจนแจ่มใสอยู่เหนือศีรษะของเราแล้ว ให้น้อมจิตน้อมใจกราบลงตรงนั้น นั่นคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เสด็จมาโปรดเรา เราเห็นพระองค์ท่าน คืออยู่ใกล้พระองค์ท่าน เราอยู่ใกล้พระองค์ท่าน คือเราอยู่บนพระนิพพาน ให้ตั้งใจกำหนดใจนึกถึงภาพนี้ให้มั่นคง แล้วตั้งใจว่า ถ้าวันนี้เราหมดอายุขัยตายลงไปก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ถึงแก่ชีวิตก็ตาม เราขอมาอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ พระนิพพานที่นี้แห่งเดียวเท่านั้น แล้วประคับประคองกำลังใจของเรา ให้อยู่กับการภาวนาและพิจารณาเช่นนี้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เทศน์ช่วงปฏิบัติกรรมฐานเช้ามืด ณ วัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเลและนาทาม) แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-06-2019 เมื่อ 04:19 |
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|