|
พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
ปริวาสกรรม
ถาม : ที่วัดท่าขนุนเข้าปริวาสอีกเมื่อไร ?
ตอบ : ไม่เคยจัดปริวาส เพราะว่าผู้ที่เข้าปริวาสจะต้องเป็นพระที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ขาดความเป็นพระไปแล้ว ไปรับโทษตามวันเวลาที่ปกปิดไว้และบวกอีก ๖ วัน หลังจากนั้นต้องให้พระอย่างน้อย ๒๐ รูปขึ้นไป สวดคืนความเป็นสงฆ์ให้ ในแต่ละวันจะต้องไปสารภาพกับคนอื่นเขาว่า ตัวเองต้องอาบัติอะไรมา ขณะนี้เก็บไปได้แล้วกี่วัน กี่เดือน กี่ปี ถ้าไม่ได้เป็นก็เท่ากับว่าเราโกหกเขาอยู่ทุกวัน ถาม : อย่างนี้ถ้าใครไปทำกำหนัด ทำน้ำกามให้เคลื่อนนี่ ? ตอบ : ไม่ต้องมาท่าขนุน..ไม่มี วัดท่าขนุนส่งไปที่วัดชากสมอหมด เพราะว่าท่านเขี้ยวดี..! ถาม : ที่ไหนครับ ? ตอบ : วัดชากสมอ จังหวัดชลบุรี ที่นั่นเขาจัดเป็นการกุศล จัดทั้งปีทั้งชาติ ถ้าคุณไป..ก็ไปบอกเขาว่าตัวเองโดนมาเท่าไร แล้วก็นับวัน ถึงเวลาเขาก็นัดอาจารย์กรรมมาให้ แต่ว่าระยะหลังนี่เขาจัดเป็นชุด ๆ อาจจะ ๑๐ วัน หรือ ๑๕ วัน แล้วแต่วาระ ของเราถ้าหากยังไม่ครบ ก็อย่าเพิ่งเก็บมานัตต์ แล้วก็เข้าต่อเลย เพราะว่าถ้าเราไปเก็บมานัตต์ก่อน เขาเรียกว่า ไม่ใช่ มานัตตารหบุคคล คือ บุคคลที่สมควรแก่มานัตต์ ก็กลายเป็นผิดอีก กลายเป็นว่าที่ทำมานั้นศูนย์ ต้องมาเริ่มต้นนับใหม่ คราวนี้มีพระที่วัดรูปหนึ่ง เขาบวชมาจากที่อื่นแล้วสึกไป เขาบอกว่าตอนที่เขาบวช เขาเคยโดนสังฆาทิเสส ก็เลยถามว่า "คุณโดนอยู่กี่วัน?" เขาบอกว่า "จำไม่ได้" "แล้วคุณบวชนานเท่าไหร่?" เขาบอกว่า "๗ เดือน" ซวยเลย..! เพราะถ้าหากไม่สามารถจำได้ เขาปรับเท่าระยะเวลาที่บวช จริง ๆ แล้วสุทธันตปริวาส ท่านให้อำนาจคณะสงฆ์ในการกำหนดวัน ว่าจะลงโทษเท่าไร แต่ว่าคณะสงฆ์ปัจจุบันมักจะกำหนดว่า ๙ วัน ก็คือ ให้คลุมตัวมานัตต์ ๖ วันนั้นไป แต่จริง ๆ แล้วใช้ไม่ได้ เพราะว่าพระพุทธเจ้ากำหนดไว้ว่า ให้มากกว่าที่โดนไว้เสมอ อย่างเช่นว่าถ้าเราโดน ๓ เดือน ก็ให้กำหนดอย่างน้อย ๓ เดือนกับ ๑ วัน แต่นี่ประเภทโดนมากี่ปีก็ ๙ วัน แค่ฟังดูก็รู้ว่าไม่ยุติธรรม ระยะหลังมีความผิดเพี้ยนในเรื่องปริวาสมาก เพราะว่าพระที่ท่านจัด ถ้าหากญาติโยมไปทำบุญที่วัดเยอะ ก็เป็นรายได้ไปด้วย จึงมีการโฆษณาว่า ถ้าทำบุญกับพระที่เข้าปริวาสจะได้บุญมากเป็นพิเศษ ศีลไม่เท่าเขา...แล้วจะได้บุญมากพิเศษได้อย่างไร ? นี่ยังดี..มีอยู่วัดหนึ่ง อย่าเอ่ยชื่อเลยนะ วัดนั้นโดนห้ามจัดปริวาสตลอดชีวิตเลย เพราะว่าเวลาจัดปริวาสแล้วเขามีเจ้าภาพจองซุ้ม บรรดาเจ้าภาพก็คือบรรดาสาวแก่แม่หม้าย ถ้าหากว่าชอบใจกัน ถึงเวลาก็สึกผูกข้อมือ เพื่อนพระก็สวดชยันโตให้ ลักษณะอย่างนั้นแสดงว่าต้องพูดจาตกลงกันก่อน ก็กลายเป็นเกี้ยวหญิง โดนอาบัติซ้ำซ้อน โดนแล้วโดนอีก ก็แปลว่านอกจากแก้ไม่ตกแล้ว ยังซ้ำหนักเข้าไปอีก คราวนี้เขาทำกันแบบโจ๋งครึ่มถึงขนาดมีการแย่งตัวกัน ท่านอาจจะหล่อถูกใจก็ได้ เรื่องก็เลยดัง มหาเถรสมาคมสั่งห้ามวัดนั้นจัดปริวาสตลอดชีวิต
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-02-2014 เมื่อ 19:48 |
สมาชิก 94 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
ถาม : แต่ทางเหนือเขาเลี่ยงไปเข้านิโรธกรรมครับ ?
ตอบ : นิโรธกรรมเป็นตามแบบของหลวงปู่ครูบาศรีวิชัย ไม่ใช่เรื่องของการเข้าปริวาส ลักษณะเป็นการกักตัวเหมือนกัน แต่ว่าอยู่ด้วยอำนาจสมาธิของตน ปริวาสนี่คุณจะอยู่ด้วยสมาธิหรือไม่สมาธิ เขาบังคับว่าคุณต้องอยู่ในเขตนั้น ออกไปไม่ได้ แล้วถ้าหากพระปกติสมบูรณ์พร้อมกี่คนมา คุณต้องไปกราบสารภาพกับเขาทุกคน ถ้าเพื่อนดันไปเยี่ยมคุณสัก ๑๐ คน ก็สารภาพจนลิ้นห้อยแล้ว ที่เขากำหนดให้ทำอย่างนั้นเพื่อเป็นการประจานตัวเอง จะได้เข็ด..ต่อไปจะได้ไม่ทำอีก แต่ว่าปัจจุบันนี้กลายเป็นจัดงานเพื่อหาประโยชน์ แล้วก็จะมีพวกที่เรียกว่า ล่าปริวาส พวกที่ล่าปริวาสเขามีการบัญชีรายชื่อมาเลยทั้งปี วันนี้ เดือนนี้ ปีนี้ จะต้องมีงานที่ไหนบ้าง ? แล้วก็ตระเวนไป ปัจจุบันนี้ในป่าปริวาสส่วนใหญ่เสือสิงห์กระทิงแรดทั้งนั้น จะมีแก๊งค์สักยันต์ แก๊งค์ส่องพระ แก๊งค์ปลอมพระ แก๊งค์ยาบ้า แล้วปัจจุบันนี้จะมีแก๊งค์ใหญ่ พวกแก๊งค์กระตุ้งกระติ้ง หัวหน้าแก๊งค์ตัวใหญ่กว่าอาตมาสามเท่า ก็เลยกลายเป็นว่าปัจจุบันนี้ปริวาสเราต้องเลือกวัดเข้า ถ้าหากเป็นวัดชากสมอ ท่านตั้งใจทำจริง ๆ พวกแหกคอกนี่ไปตักส้วมก่อน ท่านใช้ส้วมหลุม ถึงเวลาก็แจกกระป๋องไป ตักส้วมเป็นการลงโทษ ของตัวเองก็ยังพอทน นี่ของคนอื่นลอยฟ่องเลย ไปตักของเขา ไม่ใช่เห็นอย่างเดียว กลิ่นมาพร้อม โดนก็เข็ดไปตาม ๆ กัน ถาม : สรุปแล้วปริวาสนี่เพื่อลงโทษ ? ตอบ : เพื่อลงโทษแล้วก็ให้ทำคืนความบริสุทธิ์ได้ ถาม : แล้วทำไมพระมหากัสสปะก่อนบวช พระพุทธเจ้ากำหนดไว้ว่าเป็นบุคคลนอกศาสนามา ถ้าจะเข้าพุทธศาสนาต้องเข้าปริวาสเสียก่อน ? ตอบ : อันนั้นเขาเรียก ติตถิยปริวาส การอยู่ศึกษาของผู้นอกศาสนา ไม่ใช่อยู่ปริวาสในลักษณะการลงโทษแบบนี้ (ปริวาสะ = อยู่ในขอบเขตนั้น) นั่นเขามาศึกษาเพื่อที่จะบวข เหมือนกับไปเป็นนาค ศึกษาว่าเป็นพระต้องทำอย่างไร ? รักษาศีลต้องทำอย่างไรบ้าง ? มีการปฏิบัติอย่างไร ? ถาม : เสมือนหนึ่งเป็นการเข้าคอร์สติวเข้มก่อนบวช ? ตอบ : ติตถิยปริวาส เป็นลักษณะติวก่อนบวช แต่ปริวาสทั่วไป นี่เป็นปริวาสแบบลงโทษ พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ ถาม-ตอบ ช่วงเย็น ณ บ้านอนุสาวรีย์ วันเสาร์ที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๓
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-02-2014 เมื่อ 19:51 |
สมาชิก 101 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
Tags |
ติตถิยปริวาส, ปริวาส, มานัตต์, สังฆาทิเสส, อาบัติ |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|