กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 17-10-2010, 11:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เขาไปหาคนที่เขายังไม่รู้ว่าตายเพราะอะไร ไปหลอกหรือคะ ?
ตอบ : เขาคิดถึง เขาเลยมาเยี่ยม อีกอย่างก็คือ ถ้าเขามาลักษณะนั้น เราก็อุทิศส่วนกุศลให้เขาอยู่แล้ว ตอนนั้นอาตมากำลังจะไปทำวัตรเย็นและเจริญกรรมฐานพอดี

ช่วงแรก ๆ ก็ต้องตาลีตาเหลือกรีบไปทำวัตร พอช่วงหลังเลยใช้วิธีขออนุญาตครูนนทาใช้ห้องน้ำในตึก สรงน้ำเสร็จก็รอเวลา ๖ โมงเย็นจึงไปเรียกหลวงพี่ไพบูลย์ให้มารับเวรแทน เราค่อยรีบจ้ำอ้าวไปวิหาร ๑๐๐ เมตร

อาตมาจะเป็นพระ ๑ ใน ๒ รูปในวัดที่เดินเร็วไปวิหาร ๑๐๐ เมตร เพราะส่วนใหญ่ท่านอื่น ๆ จะนั่งรถรางหรือรถอีแต๋นไป ส่วนอีกรูปหนึ่งที่เดินไปวิหาร ๑๐๐ เมตร ตอนนี้ท่านอยู่บ้านข้าง ๆ วัด คราวนี้เห็นหรือยัง พวกรั้น ๆ อยู่วัดไม่ค่อยได้หรอก

ตอนขาไปใช้วิธีเดิน ตอนขากลับเป็นเวลาค่ำแล้ว จึงอาศัยรถอีแต๋นกลับ ตรงนั้นแหละจึงได้เกิดการทดสอบมโนมยิทธิกัน

ทางออกจากวิหาร ๑๐๐ เมตร ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่า พอพ้นจากรั้วแล้วจะเป็นถนนเลย ท่านสำออยก็จะขับรถอีแต๋นพากลับ

ท่านสำออย ชื่อนี้ไม่ค่อยมีคนรู้จัก เพราะหลวงพ่อเรียกว่า "ท่านดุ่ย" หลวงพ่อบอกว่า "ไปเมื่อไรก็เห็นทำแต่งานดุ่ย ๆ ไม่สนใจใคร เลยเรียกว่าท่านดุ่ย"

ท่านดุ่ยก็จะคอยถามอาตมาเวลาข้ามถนนว่า "หลวงพี่..ขึ้นถนนได้หรือเปล่า ?" พออาตมาบอกว่า "ได้..ไปเลย" เขาก็แทบจะยกล้อขึ้นถนน ไม่มีเบรกเลย ถึงได้บอกว่า ถ้าวันไหนอาตมาพลาดขึ้นมา ก็คงได้ตายกันทั้งคันรถ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2010 เมื่อ 16:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 17-10-2010, 22:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยนั้นจะมี '๕ เกลอหัวแข็ง' มีหลวงตาวัชรชัยอยู่ด้วย ๕ เกลอหัวแข็งไม่เป็นที่ชอบใจของใครเขาหรอก เพราะทำให้พี่ ๆ น้อง ๆ เขาลำบาก เขาจะอู้ก็ไม่ได้ เพราะห้าคนนี้แบกระเบียบอยู่ แล้วดันปากกล้าทั้งนั้นเลย

ถึงเวลาประชุมสงฆ์ พอพูดถึงระเบียบวัดเมื่อไร เขาต้องมองหน้า ๕ คนนี้ เพราะเราจะปฏิบัติตามระเบียบ ไม่ยอมผ่อนปรนให้แม้แต่ข้อเดียว ฝนตกแดดออกก็บิณฑบาต ถือว่าหลวงพ่อท่านสั่ง

ท่านสมปองกับหลวงตาไปสายใต้ด้วยกัน ก็เลยไปกันได้ ตอนหลังหลวงตาเห็นว่าสายใต้แถวยาวมาก บางทีไป ๑๐ - ๒๐ รูป หลวงตาจึงแยกไปบิณฑบาตสายหลังวัด ยังเหลืออาตมากับท่านสมปองเป็นหลักอยู่เหมือนเดิม

พอฝนตกคนอื่นเขาไม่ไปกัน แต่อาตมากับท่านสมปองไป สองคนครองผ้าสามผืนเหมือนกัน กลับมาก็เปียกโชก บิดให้พอหมาด ๆ แล้วห่มผ้าไปฉันแบบเปียก ๆ

ที่วัดท่าซุงมีระเบียบอยู่อย่างหนึ่ง คือ ถ้ากลับมาไม่พร้อมกันยังฉันไม่ได้ คนอื่นเขาก็สรรเสริญเจริญพรเรา จนตัวเองเดินกลับแล้วรู้สึกอิ่ม ๆ เลย เราก็สงสัยว่าทำไมสายแล้วจึงยังไม่หิว ที่แท้พี่ ๆ น้อง ๆ เขาช่วยเจริญพรให้ ข้อหาเสือกขยันเกินเหตุ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2010 เมื่อ 03:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 17-10-2010, 22:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนที่รอนานที่สุด เป็นตอนที่รอรุ่นน้องที่ชื่อท่านประสิทธิ์ ท่านประสิทธิ์ฉายา สุธมฺมยาโน

วันนั้นกลางคืนฝนตกหนัก พอตอนเช้าฝนหยุด ท่านประสิทธิ์ต้องไปบิณฑบาตทางเรือ น้ำกำลังหลากออกจากคลองยาง แล้วหักโค้งไปทางมโนรมย์ ไหลลงไปทางเขื่อน

ปกติเวลาบิณฑบาต ท่านประสิทธิ์จะพายเรือไปทางมโนรมย์ กลับมาถึงวัดราว ๗ โมงครึ่ง วันนั้น ๘ โมงแล้วท่านประสิทธิ์ก็ยังไม่มา ๘ โมงครึ่งแล้วก็ยังไม่มา เวลาเกือบ ๙ โมงท่านประสิทธิ์ถึงกลับมาในสภาพสะบักสะบอม

อาตมาถามว่า "ทำไมช้าจริงวะ ?" ท่านบอกว่า "ตอนไปเร็วมากเลยครับ พอเรือถึงน้ำ ก็ไหลปรู๊ดตามน้ำไปเลย แต่ตอนกลับมาต้องทวนน้ำ พายแทบตายก็แทบจะไม่ขยับเลย เหนื่อยแทบเป็นลม จึงต้องเอามือเกาะต้นไม้ข้างชายน้ำดึงเรือมาทีละหน่อย"

สรุปว่า วันนั้นไม่ได้ทำวัตรเช้า ปกติวัดท่าซุงทำวัตรเช้าตอนแปดโมงครึ่ง หลังฉันเช้าแล้ว วันนั้นกว่าจะฉันเสร็จก็เกือบเพล เพราะท่านประสิทธิ์มาตอน ๙ โมง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 15-02-2016 เมื่อ 10:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 17-10-2010, 22:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เรื่องที่เล่ามานี้สรุปลงตรงที่ว่า ระเบียบวินัยที่เป็นของหยาบ ถ้าเรายังรักษาไม่ได้ ในเรื่องของการปฏิบัติ ซึ่งเป็นอารมณ์ทางใจที่ละเอียด เราก็เข้าไม่ถึงเช่นกัน

พระพุทธเจ้าท่านกำหนดระเบียบวินัยอย่างหยาบ ๆ ให้แก่พวกเราก็คือ ศีล ๕ ขยับสูงขึ้นมา ก็คือ กรรมบถ ๑๐ หรือศีล ๘

ในเมื่อเรื่องของระเบียบวินัยส่วนตัว หรือระเบียบของสถานที่ เราทำไม่ได้ โอกาสที่จะเข้าถึงความดีอย่างคนอื่นเขา ก็เป็นไปไม่ได้ด้วย เพราะว่าจิตของเราหยาบเกินไป

ดังนั้น..ใครก็ตามที่ยังไม่สามารถรักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ได้ ให้พยายามทบทวนและเร่งรัดตัวเองให้รักษาให้ได้ ไม่อย่างนั้นแล้ว โอกาสที่จะเข้าถึงมรรคผลก็เป็นศูนย์ไปเลย อย่าลืมว่า สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ศีลเป็นปัจจัยนำให้เราเข้าสู่พระนิพพาน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2010 เมื่อ 03:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 18-10-2010, 07:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนังที่ท่านเล่าเกี่ยวกับญี่ปุ่น ความคับแคบของสภาพภูมิประเทศที่เป็นเกาะ ส่งผลมาถึงปัจจุบันอย่างไร ?
ตอบ : จะเรียกว่าส่งผลก็ได้ แต่ในส่วนบกพร่องก็มีความดีอยู่ เพราะสถานที่คับแคบ ต้องแก่งแย่งชิงดีกัน เขาก็เลยแก่งแย่งกันจนกระทั่งยืนหยัดอยู่ในแนวหน้าของโลก

ถาม : ตกลงเขามั่นคงแล้วหรือคะ ?
ตอบ : จะเรียกว่ามั่นคงก็ไม่ใช่ คือ ตัวบุคคลยังขาดความมั่นคงในจิตใจอยู่ ด้วยความที่ต้องแก่งแย่งชิงดีต่อสู้กัน เพราะสถานที่มีน้อยบุคคลมีมาก ทรัพยากรมีน้อยบุคคลมีมาก ทำให้เขาสามารถแก่งแย่งจนกระทั่งยืนหยัด เป็นอันดับต้น ๆ ของโลกได้ แต่สภาพจิตใจของตัวบุคคลก็คงไม่มีอะไรเยียวยารักษาได้

ถาม : มีอะไรแสดงให้เห็นว่า คนในญี่ปุ่นเขาขาดความมั่นคงในจิตใจ ?
ตอบ : เขาฆ่าตัวตายหมู่กันมาก เหตุที่เขาฆ่าตัวตายเพราะจิตใจไม่เปิดกว้าง คับแคบมาก โดยเฉพาะสมัยก่อนมีการฮาราคีรี ไม่มีการให้อภัยทั้งผู้อื่นและตัวเอง

ในเมื่อไม่มีการให้อภัยตัวเอง เห็นตัวเองทำผิดพลาด ก็รับผิดชอบด้วยการคว้านท้องตาย เราอาจจะเห็นเป็นความรับผิดชอบ แต่เราก็ต้องมองเห็นอีกมุมหนึ่งว่า เขาไม่มีการให้อภัยเลยแม้กระทั่งตัวเอง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 30-08-2014 เมื่อ 09:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 18-10-2010, 07:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าเราไปดูที่พระพุทธเจ้าท่านอธิบายเกี่ยวกับเรื่องของศีล ฆ่าสัตว์ใหญ่มีโทษมากกว่าฆ่าสัตว์เล็ก ฆ่าสัตว์ที่มีคุณมีโทษมากกว่าฆ่าสัตว์ที่ไม่มีคุณ ฆ่ามนุษย์มีโทษมากกว่าฆ่าสัตว์ใหญ่ ฆ่ามนุษย์ที่มีศีลมีธรรมมีโทษมากกว่าฆ่ามนุษย์ทั่วไป และท้ายที่สุดก็คือ ฆ่ามนุษย์มีโอกาสบรรลุมรรคผลโทษหนักที่สุด

เท่ากับว่าเราไปฆ่าสัตว์ที่มีคุณอย่างยิ่ง โทษก็เลยหนักกว่าสัตว์ทั่ว ๆ ไปหลายเท่า

ภาษิตจีนเขาบอกว่า ร่างกายผมเผ้าบิดามารดาให้มา ต่อให้เจ้าไม่ยินดีมีชีวิตอยู่ขนาดไหนก็ตาม เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปฆ่าตัวตาย ถ้าพ่อแม่เจ้าไม่อนุญาต แต่อาตมาขอบอกว่าถ้าพ่อแม่อนุญาต ทางธรรมก็ถือว่าผิด..!

ปัจจุบันนี้มีบางปัญหาที่ญาติโยมเคยกล่าวถึง ก็คือ พ่อแม่ป่วยหนัก อยู่ห้องไอ.ซี.ยู. ดูแล้วไม่รอดแน่ เราเป็นลูกสั่งถอดสายออกซิเจนได้หรือไม่ ?

ขอยืนยันว่าถอดเมื่อไรเป็นอนันตริยกรรมทันที เพราะเท่ากับว่าเราสั่งให้ฆ่าท่าน ถ้าจะไม่รักษาต้องไม่รักษาแต่แรกเลย ปล่อยให้เป็นหน้าที่วินิจฉัยของหมอ ว่าสมควรทำอย่างไร ? ถ้าหมอจะประคองชีวิตอยู่ จะใส่สายระโยงระยางอย่างไรให้หมอใส่ไป ถ้าจะเอาออกให้หมอตัดสินใจไป

อย่าไปสั่งเชียวว่าพ่อแม่ทรมานมาก หมอช่วยเอาออกที เพราะคนเราทรมานขนาดไหนก็ตาม โดยสัญชาตญาณความรักชีวิตยังมีอยู่ ความหวังที่จะหายจากการเจ็บป่วยยังมีอยู่ ถ้าไม่ใช่ประเภทสิ้นคิดจริง ๆ ไม่มีใครอยากตาย

โปรดอย่าได้ทำอนันตริยกรรม เพราะว่าผุดยากเกิดยาก สมัยเด็ก ๆ อาตมากลัวมากเลยเวลามีคนแช่งว่า "ตายไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด" สมัยนี้เมื่อไรเขาจะแช่งให้เป็นจริงเสียที ตายแล้วไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดของเรา ความหมายเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดมีที่เดียวคือพระนิพพาน แต่ถ้าผุดยากเกิดยากก็อเวจี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2010 เมื่อ 14:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 18-10-2010, 08:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องของการทำแท้งก็เหมือนกัน เทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถตรวจได้ว่าลูกในท้องพิการ หมอก็มักจะแนะนำให้ทำแท้ง ขอยืนยันว่าถ้าคุณทำแท้ง โทษเท่ากับคุณตั้งใจฆ่าคนเลย..!

คนที่เกิดมาจะสมบูรณ์หรือพิการ ขึ้นอยู่กับกรรมเก่าที่เขาทำมา และเขาคงสิทธิ์ที่จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แม้ว่าจะต้องเกิดมาใช้กรรมก็ตาม เราไปตัดชีวิตเขาเมื่อไร คือเราตั้งใจฆ่ามนุษย์ให้ตาย


ถ้าพระแนะนำให้ทำแท้งต้องอาบัติปาราชิกเลย เราจะไปอ้างเรื่องศีลธรรมไม่ได้ เพราะไม่มีศีลธรรมข้อไหนที่แนะนำให้ฆ่าได้ ยกเว้นศีลธรรมของศาสนาอื่น เพราะส่วนใหญ่ที่อ้างก็คือ เด็กเกิดมาจะลำบาก พ่อแม่เสียเวลาในการเลี้ยงดู สิ้นเปลืองทรัพย์สินเงินทอง เด็กพิการทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว นี่มองอย่างโลกตะวันตก ไปมองในแง่ของเศรษฐกิจกำไรขาดทุน

อย่าลืมว่าพื้นฐานของพวกเรา คือ พื้นฐานชาวพุทธ เราต้องมองในแง่ของศีลธรรม อย่าไปมองในแง่กำไรขาดทุนตามหลักเศรษฐศาสตร์ ทฤษฎีบ้า ๆ พวกนั้นทำให้ครอบครัวของทางตะวันตกล่มสลาย ถึงเวลาแก่แล้วก็ต้องไปอยู่ที่พักคนชรา ไม่มีลูกหลานคอยดูแล

บ้านเราอย่าให้แย่ขนาดนั้นเลย โดยเฉพาะจุดหนึ่งที่น่ากลัวมาก ก็คือ เด็ก ๆ สมัยนี้กร้าวกระด้างกับพ่อแม่ตัวเอง ดื้อ..เถียงพ่อเถียงแม่ ประเภทที่โบราณบอกว่า เถียงคำไม่ตกฟาก น่าตบให้ปากฉีกถึงใบหู..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2010 เมื่อ 14:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 18-10-2010, 09:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อยากจะบอกว่าประสบการณ์ชีวิต ๕๐ กว่าปีที่ผ่านมา คนไหนทำอย่างไรกับพ่อแม่ เวลาตัวเองมีลูกเมื่อไรได้คืนทันที และได้คืนหลายเท่าด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ?

เคยดื้อกับพ่อแม่เท่าไร พอมีลูกจะดื้อกว่าหลายเท่า เคยเถียงพ่อเถียงแม่ เคยทำร้ายพ่อแม่ หรือทำให้ท่านเจ็บช้ำน้ำใจเท่าไร ถึงเวลาลูกตัวเองจะทำมากกว่าที่เราทำกับพ่อแม่ เป็นอย่างนี้แทบทุกครอบครัวที่เคยเห็น

ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะไม่รักเรา ถึงแม้พ่อแม่จะดุด่าเฆี่ยนตีเรา เราก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปโกรธไปเกลียดท่าน เราต้องคิดดูว่า ถ้าเราไม่มีท่าน เราก็ไม่มีที่เกิด เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นตัวเป็นตนได้ มีสิทธิ์ที่จะปฏิบัติธรรมเพื่อหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานได้ในชาตินี้ ก็ด้วยร่างกายนี้ที่พ่อแม่ให้มา

เพราะฉะนั้น..มีโอกาสแล้วทำดีกับท่านไป ขอให้ทุกคนเชื่อว่าทำดีแล้วต้องได้ผลดี แม้ว่าผลนั้นจะมาช้าไปหน่อยก็ตาม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2010 เมื่อ 14:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 18-10-2010, 11:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาตมาเห็นหลายครอบครัวที่พ่อแม่เป็นคนเจ้าโทสะ ค่อนข้างจะร้ายกาจกับลูกหลานตัวเอง แต่พอลูกตั้งใจทำดีในศีล สมาธิ ปัญญา สั่งสมไปนานเข้า ๆ พอกำลังความดีสูง ก็สามารถที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของพ่อแม่ได้

ดังนั้น..ถ้าเป็นไปได้ พ่อแม่ใครยังอยู่ เราควรให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์ท่านบ้าง กลับไปถึงบ้าน ต่อให้ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือไปฝาก ก็ถามถึงสารทุกข์สุกดิบท่านบ้าง "วันนี้สบายดีหรือเปล่า ? งานการเป็นอย่างไร ? มีคนช่วยไหม ? เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรหรือเปล่า ?" พ่อแม่ไม่ได้ต้องการอะไร แค่ต้องการให้ลูกสนใจพ่อแม่บ้าง

มีครอบครัวคนจีนอยู่ครอบครัวหนึ่ง มีลูกชายโทนคนเดียว ทั้งพ่อและแม่เป็นคนขยันทุ่มเท เลี้ยงลูกเติบโตขึ้นมา หาสะใภ้ให้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา คนเป็นพ่ออายุสั้นตายไปเสียก่อน เหลือแต่แม่

ปรากฏว่าลูกชายกลับมาถึงบ้าน ไปจ๊ะจ๋ากับเมียตัวเอง แม่นั่งอยู่ปากประตูกลับเดินผ่านไปทุกที เห็นแล้วนึกสะท้อนใจ เหมือนกับแม่เป็นตุ๊กตาเฝ้าหน้าร้านเฉย ๆ เราลองมาคิดดูว่า อย่างน้อย ๆ พ่อแม่เลี้ยงเรามาหลายสิบปี ส่วนคู่ชีวิตของเรามาทีหลังนานมาก แล้วเราไปให้ความสนใจกับคู่ชีวิตมากกว่า นี่ยุติธรรมแล้วหรือ ?

ถ้าจะให้ดีก็คือ ให้ความสนใจเท่าเทียมกัน และถ้าเป็นไปได้ ให้ความสนใจพ่อแม่ให้มากกว่า รู้ว่าท่านชอบกินอะไร ถึงเวลาซื้อให้ท่านกินบ้าง มีโอกาสพาท่านไปเที่ยวบ้าง พาไปทำบุญใส่บาตร เข้าวัดเข้าวาตามโอกาสบ้าง ถ้าใครสามารถทำได้จะมีแต่ความเจริญแก่ตัวเอง อย่าไปคิดว่าโลกยุคใหม่ เราทำอย่างนั้นแล้วเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี ทำดีกับท่านไว้เถอะ ไม่เสียหลายหรอก ถึงเวลาลูกหลานมีตัวอย่าง ก็จะทำดีกับเราบ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2010 เมื่อ 14:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 18-10-2010, 11:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีอยู่สมัยหนึ่ง หลวงปู่มหาอำพันท่านป่วย อาตมาลาหลวงพ่อเพื่อไปดูแลปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่ เพราะคนอื่นทำแล้วไม่ถูกใจท่าน ด้วยเหตุหลายประการ

ประการแรก ขาดความศรัทธาในตัวท่าน เห็นท่านเป็นคนแก่ และเป็นคนแก่ที่ป่วยด้วย คนทั่ว ๆ ไปจะรู้สึกว่าน่ารำคาญ น่าเบื่อหน่าย ประการที่สอง ขาดความละเอียดลออ ทำอะไรขาดตกบกพร่อง ไม่สามารถที่จะดูแลปรนนิบัติคนไข้ได้ดี

ประการสุดท้าย ใจไม่สงบ บางทีก็เดินพล่านเป็นชะมดติดจั่น เวลาเราเคาะประตูเข้าไปหา พอหลวงปู่เห็นหน้าก็จะยิ้มชนิดอย่างที่น้อยคนได้เห็น แล้วจะรีบบอกกับพระที่เฝ้าว่า "นิมนต์ท่านกลับได้เลยครับ ท่านเล็กมาแล้ว" ซึ่งเขาจะรีบตะเกียกตะกายกลับเลย เพราะทนรำคาญไม่ได้

บางทีหลวงปู่ก็บอกว่า ท่านก็รำคาญเหมือนกัน เขาเดินรอบห้อง ก๊อก ๆ เหมือนอย่างกับนกเลาะกรง

อาตมาลามาดูแลหลวงปู่อยู่ช่วงหนึ่งติดกันหลาย ๆ ครั้ง ทั้ง ๆ ที่ทางวัดมีระเบียบว่า ให้ลาได้ครั้งละไม่เกิน ๑๐ วัน เพราะไม่อย่างนั้นจะเอาเปรียบคนอื่นที่เขาทำงาน อย่างวัดท่าขนุนก็ให้ลาได้เดือนละไม่เกิน ๗ วัน ถ้าไม่ได้ลาติดกันสองเดือนขึ้นไป สามารถลาได้ ๑๕ วัน

พออาตมาลาติดกันมากเกินกำหนด หลวงตาวัชรชัยท่านรู้ว่าความดีของเราเยอะ มีคนจ้องจะฟันหัวอยู่ ท่านก็เลยเตือนว่า "สิ่งที่เอ็งทำนะดี แต่เอ็งต้องคิดดูว่า ถ้าจะเอาผลตอบแทนชาติปัจจุบันนี้ น่าจะประมาณเอ็งแก่ ๆ แล้ว เจ็บไข้ได้ป่วย ไปไหนไม่ไหว จะมีพระลูกพระหลาน หรือไม่ก็ญาติโยมมาปรนนิบัติรับใช้เหมือนกับที่เอ็งไปดูแลหลวงปู่

แต่ถ้าเอ็งยังทำผิดระเบียบด้วยการลาเกิน แล้วโดนไล่ออกจากวัด เอ็งจะเสียเวลาในการปฏิบัติไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2010 เมื่อ 15:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 18-10-2010, 17:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงตาท่านให้เราชั่งน้ำหนักดูว่า ระหว่างมรรคผลของตัวเอง กับในเรื่องของการปรนนิบัติครูบาอาจารย์ ควรจะเลือกเรื่องไหน ?

ตอนนั้นอาตมาหูอื้อตาลาย เหมือนกับฟังไม่เข้าหู จึงยังคงลาไปปรนนิบัติหลวงปู่ต่อไป และโดนเข้าจริง ๆ มติกรรมการสงฆ์สรุปว่าผิดระเบียบ ต้องให้ออกจากวัด ผิดระเบียบเพราะลาเกินที่กำหนดไว้ รวมแล้วมากกว่า ๔๕ วัน ต่อให้ลาได้ ๑๕ วันก็ยังเกินไปมาก

จากนั้นเขาก็แจ้งผลการประชุมและมติที่ประชุมให้แก่หลวงพ่อ พูดง่าย ๆ ว่าขออนุญาตเชือด..! หลวงพ่อตอบหนังสือลงมาว่า "การไปปรนนิบัติดูแลครูอาจารย์ถือว่าเป็นเรื่องสมควร เป็นการที่ทำไปโดยกตัญญู ให้ปรับโทษโดยตัดวันลาเหลือเพียง ๗ วัน" เพราะฉะนั้น..อาตมาจะเป็นพระรูปเดียวในวัด ที่ลาได้ไม่เกิน ๗ วัน..!

เรื่องที่เล่ามานี้ ถ้าเป็นพวกเรา เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ ก็จะขึ้นอยู่กับกำลังใจของเราเอง ถ้าเราเห็นแก่ตัวเองมากกว่า เราก็จะทิ้งหลวงปู่ แล้วก็ปฏิบัติตามระเบียบวัด

แต่ตัวอาตมาเองนั้น มีสันดานอยู่อย่างหนึ่งว่า เป็นคนที่เกิดที่ไหนก็ไม่ได้หวังว่าโตที่นั่น พร้อมที่จะไปที่อื่นได้ตลอดเวลา แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ ไปไกลบ้านได้มากเท่าไรก็มีความสุขเท่านั้น ก็เลยไม่ได้เกรงว่าจะโดนไล่ออกเพราะผิดระเบียบวัด

อาจจะเป็นผลพวงที่ปฏิบัติตามหลวงพ่อท่านมาหลายชาติ ในเมื่อหลวงพ่อตั้งความปรารถนาที่จะตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เพื่อสงเคราะห์สรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ แม้เราไม่ได้ตั้งความปรารถนา แต่อธิษฐานตามกันมา จึงรับเอาจริยานี้ไปโดยปริยาย

ทำให้เห็นความสุขของคนอื่น เป็นเรื่องสำคัญมากกว่าความสุขส่วนตัว และเชื่อว่าลูกศิษย์สายหลวงพ่อร้อยละ ๙๙ ก็มีความรู้สึกแบบนี้ทั้งนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 01:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 18-10-2010, 17:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องที่เล่ามานี้ เอาไว้เป็นข้อเปรียบเทียบสำหรับพวกเราในการตัดสินใจ เพราะการตัดสินใจแต่ละครั้งนั้น จะแสดงออกซึ่งกำลังใจของเราตอนนั้นอย่างชัดเจน เราจะมีสักกายทิฏฐิ มีมานะ มีอติมานะขนาดไหนก็ตาม ตอนนั้นจะออกมาหมด รู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ก็ออกมาหมด

จริง ๆ แล้วต้องขอบคุณหลวงตาเป็นอย่างยิ่ง อาตมาเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ ถ้าหากผลงานนี้ ๑๐ ส่วน เป็นของหลวงตาไปเสีย ๓ ส่วน ไม่ใช่เรื่องเล็กนะ ๓๐ เปอร์เซ็นต์เลย เพราะสมัยนั้นเห็นหลวงตาเป็นต้นแบบ เป็นต้นแบบในการงับคนอื่น..! เท่มากเลย

เวลาปฏิบัติติดขัดอะไร พี่เลี้ยงคนแรกที่นึกถึงก็คือหลวงตา แต่วันนั้นเป็นเรื่องแปลก กำลังใจอาตมาท่วมตัวเอง สิ่งที่หลวงตาเตือนกลายเป็นผ่านหูไปเฉย ๆ ไม่ได้รับไว้พิจารณาเหมือนทุกครั้ง เพราะเราตัดสินใจตั้งแต่แรกแล้วว่าเราจะไป

ในเมื่อตัดสินใจไปแล้วจึงไม่ฟังคำเตือน แล้วก็เป็นไปตามที่หลวงตาท่านคาดจริง ๆ ว่า "เอ็งโดนแน่..!" แต่ด้วยความเมตตาของหลวงพ่อ โดยเฉพาะการวิเคราะห์ว่าเราทำผิดด้วยสาเหตุใด ตรงนี้สำคัญที่สุด

คนเราทุกคนที่ทำผิด ไม่ว่าจะผิดระเบียบ ผิดศีล ผิดกฎหมาย จะมีเหตุผลในตัวเองอยู่แล้ว เราต้องพยายามเข้าใจเหตุผลนั้นให้ได้ การที่เราตัดสินก็จะไม่ผิดพลาด ถ้าเราไม่เข้าใจในเหตุผลนั้น ว่าตามกฎหมายตรง ๆ ว่าตามระเบียบตรง ๆ บางทีเราอาจจะทำลายคนบางคนโดยไม่รู้ตัว ทำให้เขาเสียอนาคตไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-02-2019 เมื่อ 20:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 18-10-2010, 17:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์บอกถึงเคล็ดลับในการท่องบทสวดมนต์ว่า "หลักการสวดมนต์ ถ้าอยากจะเป็นเร็ว อย่าฝึกสวดทีเดียวทั้งบท

อาตมาจะแยกทีละสองบรรทัด ให้สองบรรทัดเท่ากับ ๑ บท เขียนเลข ๑ กำกับไว้ สองบรรทัดต่อมาก็เขียนเลข ๒ กำกับไว้ อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ถึงเวลาก็ตั้งใจท่องสองบรรทัดแรก พอท่องไป ๓-๔ รอบ ก็จะอ่านยาวให้จบบทไปทีเดียว

พอสองบรรทัดแรกได้ บางทีบรรทัดที่ ๓-๔ ก็จำได้แล้ว ฉะนั้น..เราทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ พักเดียวก็จะได้ทั้งบทเลย

โดยเฉพาะเราจะจำแม่น เพราะเราจะนึกได้ถึงบทที่ ๑ , ๒ , ๓ , ๔ ไปถึงไหนแล้ว เลขบทต่อไปจะอยู่ในใจของเรา เวลาสวดมนต์จะผิดยาก เพราะจำลำดับได้แม่น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 01:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 18-10-2010, 17:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระกริ่ง... ของบริษัท... ซึ่งเราก็รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ เหลือแทบจะครบทุกองค์ เพราะคนรู้เสียแล้วว่า เจ้าเดิมเป็นคนสร้าง

รายนี้เขาจะมีการจัดพิธีให้ยิ่งใหญ่ เพื่อเรียกศรัทธาญาติโยม ขณะเดียวกันก็จะออกข่าวในลักษณะว่าของมีน้อยมาก โดยเฉพาะจะให้ไปรษณีย์แต่ละสาขาจำหน่ายประมาณ ๑-๒ องค์ เพื่อให้เกิดเป็นกระแสขาดแคลน ลักษณะคนแย่งกัน จะได้ไปตีข่าวโฆษณาซ้ำอีก

โบราณเขาบอกว่า ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน เป็นเรื่องจริง ถ้าเขาทำตรงไปตรงมาตั้งแต่แรก ป่านนี้คาดว่านอกจากจะไม่มีคดีแล้ว คงจะรวยซับรวยซ้อน ไม่ใช่ซวยซับซวยซ้อนอย่างในปัจจุบัน

เขาเป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถมาก ถึงขนาดแนะนำดาราว่ายกบ้านให้สาวเขาไปเถอะ เสียดายอย่างเดียวว่า ไปใช้ความสามารถในทางที่ผิด

ตอนช่วงที่เขารุ่ง ๆ เงิน ๔๐๐-๕๐๐ ล้านบาท เขาหาได้ในงวดเดียวในการออกวัตถุมงคล เพราะฉะนั้น..ทุกวันนี้ถึงแม้จะต้องคดีอยู่ในเรือนจำ แต่ก็อยู่แบบสบาย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 01:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 18-10-2010, 17:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เคยสงสัยกับคำว่า 'กรรมติดจรวด' อยู่เหมือนกัน ปรากฏว่าผู้เฉลย คือ หลวงพ่อรัตน์ รตนญาโณ สำนักปฏิบัติธรรมรัตนประทีป ที่อำเภอแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน เจ้าของวิชาสมาธิหมุน

เรามานึกถึงลักษณะของดินฟ้าอากาศที่แปรปรวน เกิดเป็นสภาพของเรือนกระจก กลุ่มเมฆที่เกิดจากคาร์บอนจะคลุมรอบโลกอยู่ ทำให้ความร้อนที่ตกมาถึงโลกสะท้อนกลับออกไปไม่ได้ เพราะมีกำแพงกั้นอยู่ชั้นหนึ่ง

หลวงพ่อรัตน์บอกว่ากำแพงชั้นนี้แหละ แรงกรรมที่เราทำมาจะสะท้อนกลับลงมา ทำให้เกิดเหตุการณ์กรรมติดจรวด อาตมาจึงมาคิดว่า ถ้าเป็นอย่างที่หลวงพ่อรัตน์ว่าจริง ๆ เราทำดีก็ต้องติดจรวดบ้าง เพราะฉะนั้น..ต้องเร่งทำความดีให้เยอะไว้ ถึงเวลาถ้ากรรมดีติดจรวดจะสบายไปตาม ๆ กัน

ไปนั่งคุยกับท่านครึ่งค่อนวัน ได้ความรู้มากเลย โดยเฉพาะการที่ท่านสร้างเครื่องมือต่าง ๆ ได้จากสมาธิทั้งนั้น ท่านจะทำแหล่งพลังงานใหม่ที่ไม่ต้องพึ่งพาไฟฟ้าหรือนิวเคลียร์"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 02:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 18-10-2010, 17:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เราควรจะศึกษาเรื่องของคนอื่นเขาบ้าง เพื่อจะได้รู้เขารู้เรา แต่ไม่ใช่ศึกษาแล้วเอาไปฟุ้งซ่าน ไม่อย่างนั้นแล้วเดี๋ยวจะเหมือนกับพระที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมปากช่อง

พออาตมาไปถึง บรรดาพระและแม่ชีของวัดท่าขนุนก็มากราบ และพระจากที่อื่นที่ไปปฏิบัติสมทบ มีส่วนหนึ่งเห็นอาตมาแล้วดีอกดีใจก็มากราบ มีพระเจ้าถิ่นอยู่รูปหนึ่ง ท่านมาถามว่า "ท่านอาจารย์เป็นใคร มาจากไหนครับ ทำไมพระและแม่ชีรู้จักอาจารย์กันเยอะจังเลย ?"

อาตมาจึงบอกให้ทราบว่าเป็นใครมาจากไหน ท่านยิ่งมึนหนักเข้าไปใหญ่ เพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน ตรงนี้เป็นการวัดได้เลยว่าอาตมายังไม่ดัง ถ้าดังท่านต้องรู้จัก..!

เพราะฉะนั้น..ที่อาตมาบอกว่าให้รู้เขารู้เราเอาไว้บ้าง ถึงเวลาเขาพูดจะได้รู้ว่าที่ไหน ไม่ใช่ถึงเวลาก็เอ๋อ เป็นน้องเอ๋อจะน่ารักก็ตอนเรื่องที่ไม่สำคัญ ถ้าเป็นน้องเอ๋อตอนเรื่องสำคัญ เดี๋ยวก็เจอน้องโบ๊ะเข้าให้..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 02:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 18-10-2010, 18:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมาไปพม่า หลวงปู่วัดคะแลบ้านน้อย อยากเจอหน้าอาตมาเป็นที่สุด จะขอให้ช่วยสร้างศาลาสักหลังหนึ่ง อาตมาเคยช่วยท่านสร้างพระเจดีย์ ให้อิฐเขาไปหมื่นก้อนและเงินอีกสามหมื่น ปรากฏว่าครั้งนั้นเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ไปโดนพวกกะเหรี่ยงคริสต์ปิดถนนและซ้อมคนขับรถเสียปางตาย ทำให้เดินทางไม่ถึงจุดหมาย

อาตมาจึงต้องไปค้างคืนที่วัดหลวงปู่ และบอกกับครูบาน้อยไปว่า "คุณบอกท่านว่าผมเป็นแค่เพื่อนที่มาจากเมืองไทยก็พอ ไม่ต้องบอกว่าผมเป็นใคร" เพราะหลวงปู่อยากเจออาตมามาก

พอถึงเวลาหลวงปู่ถาม ครูบาน้อยก็บอกว่าเป็นเพื่อนมาจากเมืองไทย จะมาเที่ยวหนองบัว อาตมาก็ไม่ยอมเจรจาด้วย เพราะพูดพม่าไม่ได้ หลวงปู่ไม่รู้จะคุยอย่างไร ท่านก็ไป

รุ่งเช้าอาตมาฉันเช้าเสร็จก็เผ่นจากวัดไป พอออกมาพ้นวัดจึงบอกครูบาน้อยว่า "ถ้าหลวงปู่ท่านรู้ว่าผมเคยมากินมานอนอยู่ที่วัดท่าน ต่อไปจะมีสองอย่าง อย่างแรกอาจจะเลิกคบคุณไปเลย อย่างที่สอง สถานเบาก็คงสรรเสริญความดีของคุณไปอีกนาน"

อีกรายหนึ่งเป็นโชเฟอร์ขับรถสองแถว ชื่อปะลิ รายนี้ศรัทธาอาจารย์เล็กเหลือเกิน อาตมาไปสร้างวัดที่นั่น เป็นเงินสองสามร้อยแสนแล้ว จึงอยากพบอาจารย์เล็กเหลือเกิน

อาตมาก็นั่งฟังเขาคุยว่าอยากพบอาจารย์เล็กไปเรื่อย ๆ เขากำชับกับครูบาน้อยว่า "ถ้ามาแล้วช่วยบอกด้วย จะรับส่งฟรี" ครูบาน้อยก็รับปากไปตามเรื่อง

พวกนี้ถ้ามารู้ทีหลังว่าเรานั่งรถเขาจนก้นด้าน เขาคงจะงงมากเลย แต่ระยะหลังหลอกเขาไม่ค่อยได้ มีอยู่เที่ยวหนึ่งโยมเขามา อาตมาก็แกล้งถามว่ามีธุระอะไร โยมเขาบอกว่าจะมากราบอาจารย์เล็ก อาตมาจึงชี้ไปที่ท่านมหาปิง บอกว่า "ท่านนั้นแหละ"

โยมเขาบอกว่า "ผมดูรูปจากในเว็บมาแล้วครับ" อาตมาหมดท่าเลย ตอนหลังนี่ชักจะหลอกใครไม่ค่อยได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 02:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 18-10-2010, 18:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"บางทีโยมเขาไปวัด เดินตรงรี่เข้ามาหาอาตมา "หลวงพี่ครับ กุฏิหลวงพ่อเล็กอยู่ที่ไหน ?" ตกลงเราจะเป็นหลวงพี่หรือหลวงพ่อดีวะ..! ก็เลยชี้ไปที่กุฏิ บอกว่ากุฏิท่านอยู่หลังนั้น แล้วเราก็กวาดวัดของเราต่อไป

อีกครั้งหนึ่ง ผู้พันติ่ง เอาวัตถุมงคลไปให้พี่ชายเขาที่สุราษฏร์ธานี พี่ชายเขาเจออาวุธสงครามไป ๔๐ กว่านัดแล้วไม่เป็นอะไรเลย เรื่องราวจึงฮือฮา ทหารยกมาล้อมกุฏิอาตมา อยากได้วัตถุมงคลกัน

อาตมาเปิดประตูออกมา และเดินไปทำนั่นทำนี่ แม้แต่หางตาทหารเขายังไม่มองเลย เขาวาดภาพหลวงพ่อเล็กไว้อย่างไรไม่รู้ ? แต่ไม่ใช่คนนี้แน่นอน ทำเอาอาตมารู้สึกปลื้ม ๆ อย่างไรก็ไม่รู้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 02:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 18-10-2010, 19:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้ที่บ้านสายลมเขาจัดงานครบรอบวันเกิดหลวงพ่อวัดท่าซุง

ความจริงหลวงพ่อท่านไม่ได้เกิดเดือนตุลาคม ท่านเกิดเดือนมิถุนายน แต่ตอนที่ท่านหมดอายุแล้วพระต่ออายุให้ คือ เดือนตุลาคม ท่านก็เลยถือว่าเดือนตุลาคมเป็นเดือนเกิดของท่าน

ถ้าใครไปศึกษาประวัติท่านแล้วจะแปลกใจ ว่าทำไมหลวงพ่อเกิดเดือนหนึ่ง แล้วไปทำบุญวันเกิดอีกเดือนหนึ่ง โปรดทราบตามนี้ว่า ท่านถือว่าการที่พระต่ออายุให้คือการเกิดใหม่ จึงเอาเดือนตุลาคมเป็นเดือนเกิด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 02:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 18-10-2010, 20:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าอยากให้มีความรู้สึกว่าเรามีความเคารพพระจริง ๆ ไม่ได้มองที่ความสวยงามของท่าน ต้องทำอย่างไร ?
ตอบ : ต้องมองเห็นคุณของท่านจริง ๆ ให้ไปพิจารณาว่าพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์มีคุณความดีอย่างไรบ้าง ถ้าเห็นความดีของท่านจริง ๆ จะเกิดความเคารพมาจากใจจริงเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-11-2010 เมื่อ 21:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:06



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว