|
กระทู้ธรรม รวมข้อธรรมะจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติ |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#61
|
|||
|
|||
๖๑. หวงสังขาร (ร่างกาย) เท่ากับหวงทุกข์ เท่ากับหวงขี้ ถ้าปล่อยมันเสียก็เป็นสุข ใจไม่ห่วงกาย ทำให้รวมง่าย เบื้องต้นต้องผิดมาก่อนทุกคน แม้พระพุทธเจ้า ธรรมทั้งหลายเกิดเพราะเหตุ จึงต้องเห็นและรู้เหตุก่อน โลกธรรม ๘ แก้ด้วยมรรค ๘ มรรค ๘ พระองค์จึงสอนให้ทำให้มาก ๆ เจริญให้มาก ๆ พิจารณาให้มาก ๆ (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 22-05-2012 เมื่อ 09:31 |
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#62
|
|||
|
|||
๖๒. สุข-ทุกข์ บุญ-บาป อยู่ที่คิด พระอริยะท่านจึงไม่ยินดีในการอยู่ และไม่ยินดีในการตาย ไม่เจ็บท่านก็ว่าดี เจ็บท่านก็ว่าดี ทำให้เห็นทุกข์ จะได้ไม่ประมาทในความตาย เพราะท่านคิดแต่แง่ดี อันเป็นบุญเป็นกุศลฝ่ายเดียว ส่วนพวกปุถุชนมักคิดตรงข้ามกับท่าน จึงวิ่งเข้าหาทุกข์ เข้าหาบาป-อกุศล จิตเศร้าหมอง (เป็นกิเลส) จุดไฟเผาตนเอง ทำร้ายตนเองอยู่เป็นปกติ เพราะความโง่ที่ไม่เห็นอริยสัจตามความเป็นจริง เท่ากับยังเป็นคนพาล (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 22-05-2012 เมื่อ 09:31 |
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#63
|
|||
|
|||
๖๓. ฝ่ายโลกถือสุขกายเป็นใหญ่ ฝ่ายธรรมถือสุขใจเป็นใหญ่ เพราะรู้อริยสัจตามความจริงว่า ร่างกายนี้มันเป็นเพียงแค่ธาตุ ๔ มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราจริง ๆ คือจิตหรืออทิสมานกาย ที่อาศัยขันธ์ ๕ อยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้น ฝ่ายโลกเข้าใจผิดจึงยึดเอาตัวปลอม (ร่างกาย) ว่าเป็นตัวจริง ทำร้ายตนเอง เผาตนเองตลอด พอกายแตกดับไป ตัวจริงต้องไปรับผลกรรมที่ทำไว้ ตัวปลอมไม่ต้องไปรับ คงเป็นแค่ธาตุ ๔ อยู่กับโลกต่อไป (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 22-05-2012 เมื่อ 15:30 |
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#64
|
|||
|
|||
๖๔. จิตวิปัสสนาก็เพื่อให้รู้เท่าทันสังขาร ไม่ติด ไม่หลงในสังขาร จนเกิดเบื่อหน่าย ไม่ติดในธาตุในขันธ์ทั้งหลาย บริสุทธิ์ด้วยไตรลักษณ์ (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
|
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#65
|
|||
|
|||
๖๕. จะแก้จิต ฝึกจิต ต้องเห็นจิตก่อน อริยสัจจึงเป็นอาการของจิต ที่ไปเห็นอสุภะของตนอยู่ตลอดเวลานั่นเอง จิตจะได้ไม่หลง ไม่พลิก เพราะเห็นจริงด้วยปัญญาอันยิ่ง (เห็นธรรมเท่ากับเห็นอริยสัจ) ปัญญาของพระองค์จึงมุ่งให้เราเห็นจริง.. เฉพาะเรื่องของกาย (ขันธ์ ๕) กับจิต ไม่ไปยุ่งเรื่องนอกกาย ให้รู้แค่นี้พอ รู้แค่นี้ก็พ้นทุกข์ได้ (พ้นวัฏฏะ) ให้รู้เรื่องของสมาธิว่า ลักษณะของสมาธิ เป็นที่พักของจิตชั่วคราว พักให้จิตมีกำลัง แล้วออกไปทำปัญญาวิปัสสนา ตัดกิเลสซึ่งสิงอยู่ในใจต่อ จนกว่าจะสิ้นกิเลส ให้รู้ธาตุของเก่า อย่าหลงของเก่า ให้รู้จักสมมุติ รู้จักอาการ ๓๒ ว่าเป็นของเก่า (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 22-05-2012 เมื่อ 09:33 |
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#66
|
|||
|
|||
๖๖. พิจารณามรณานุสติบ่อย ๆ เป็นของดี เท่ากับเป็นผู้ไม่ประมาทในความตาย เท่ากับผู้ไม่มีความประมาท มีชีวิตแค่ราตรีเดียว ยังดีกว่าผู้ที่ประมาทที่มีอายุอยู่ตั้ง ๑๐๐ ปี การฝึกจิตให้เข้าสู่อารมณ์แห่งความตายนี้สำคัญมาก ทำอยู่บ่อย ๆ ทุกวัน จิตจะชินเป็นฌานในมรณานุสติ ผู้ฉลาดให้บวกอุปสมานุสติไปด้วย คือ หากตายไม่ขอเกิดอีก ขอไปนิพพานจุดเดียว (เป็นการฝึกให้สู่อารมณ์พระนิพพานโดยตรง) หากตัดอวิชชาไปด้วยคือ ฉันทะกับราคะในเทวโลกและพรหมโลกด้วย ก็สามารถจบกิจได้ในเวลานั้น (ในชั่วขณะจิตนั้น...ข้อนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของคุณลุงหมอ) (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 22-05-2012 เมื่อ 09:30 |
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#67
|
|||
|
|||
๖๗. อย่าสับสน โรคทั้งหลายเกิดในกาย กิเลสทั้งหลายเกิดในจิต จงอย่าสับสน จนให้โรคเข้าไปกินใจได้ และให้กิเลสล้นจากใจออกมาวุ่นวาย สั่งให้กายทำตามกิเลส จึงต้องอาศัยปัญญา พิจารณาธาตุให้รู้แจ้งธาตุ อย่าหลงธาตุ จนจิตหลุดพ้นจากธาตุคือ อวิชชาตัณหา (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
|
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#68
|
|||
|
|||
๖๘. มรรคผลนิพพานมีจริง หากเดินตามมรรค ๘ ซึ่งเป็นทางเดินของพระอริยเจ้า แต่ต้องมีตบะ-ความเพียรอย่างยิ่ง เกียจคร้านไม่ได้ หากปฏิบัติธรรมให้ถูกกับมรรคแล้ว จะเกิดผลอัศจรรย์ปรากฏกับจิตร้อยแปด โดยจิตไม่เคยรู้เคยเห็นมาก่อน (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 22-05-2012 เมื่อ 09:30 |
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#69
|
|||
|
|||
๖๙. ติดดีก็เป็นทุกข์
เมื่อภาวนาถึงหลักอริยสัจ นิมิตแสดงออกมาเป็นร่างมนุษย์ที่บริสุทธิ์ ต้องน้อมนิมิตนั้นเข้าสู่ไตรลักษณ์ เพราะนิมิตนั้นจะเปลี่ยนแปร หลอกให้จิตพอใจ หลง และติดดี ก็ต้องน้อมตัวติดดีเข้าสู่อริยสัจ คือติดดีก็เป็นทุกข์ เพราะความดีก็คือบุญ ก็ไม่เที่ยง ข้อนี้ก็สำคัญไม่น้อย ตัวยินดีติดดีเท่ากับราคะ เป็นกามฉันทะ (ฉันทะกับราคะในอวิชชา คือ ยังโง่กว่ากิเลสนั่นเอง) (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 22-05-2012 เมื่อ 09:29 |
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#70
|
|||
|
|||
๗๐. จิตติดที่ไหน ย่อมเกิดที่นั่น หากจิตติดบ้านเรือน อาจเป็นจิ้งจก ตุ๊กแกได้ แม้ภิกษุติดจีวร ยังไปเกิดเป็นเล็น กิเลสมันมี ๑๐๘ ประตู แต่พุทโธมีประตูเดียว หากสามารถรักษาประตูเดียวนี้ได้ จนชำนาญ ก็สามารถเปลี่ยนภพ-ชาติได้ (ผู้ตายในอารมณ์หลง จะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน) (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 22-05-2012 เมื่อ 09:28 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#71
|
|||
|
|||
๗๑. ให้นั่งคนเดียวตัดสินใจว่า เราจะตายคนเดียว เกิดคนเดียว แก่คนเดียว ป่วยคนเดียว ไม่มีใครช่วยเราได้ เราต้องช่วยตนเอง ตัดสินใจแบบนี้ จึงจะเป็นกายวิเวก ให้อาศัยธรรมะของพระองค์อย่างเดียว วจีวิเวกคือ ตอนพระเทศน์ห้ามคุยกัน มโนวิเวกคือ หัวใจเปลี่ยว ว้าเหว่ (แต่ไม่ทุกข์) สงบอยู่ในปัจจุบัน ละอดีตและอนาคต ซึ่งเป็นอารมณ์อันตราย จะชนะกิเลสต้องอยู่ในธรรมะปัจจุบัน (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 22-05-2012 เมื่อ 09:27 |
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#72
|
|||
|
|||
๗๒.
ธรรมเป็นอาหารของจิต โรคจิตมีหลายอย่าง ธรรมโอสถก็มีหลายขนาน ต้องเลือกเอาให้ถูกกับโรค ตามจริตและนิสัย โรคจิต คือ กิเลสทุกประเภทที่เกิดจากจิต จิตเกิดการปรุงคือธาตุ ให้เอาจิตแก้ธาตุ ให้เอาธาตุแก้จิต ประสานกัน (พระอริยเจ้าใช้อย่างนั้น) (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 22-05-2012 เมื่อ 09:14 |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#73
|
|||
|
|||
๗๓. ธรรมะมีอยู่ในจิตผู้ใด ผู้นั้นจะร่าเริงอยู่เสมอ ไม่โศกเศร้าเหมือนผู้ไม่มีธรรม ซึ่งจะเร่าร้อนอยู่เป็นนิจ นำมาซึ่งความทุกข์อันใหญ่ (เพราะการเผาของไฟภายใน ๓ กอง คือราคะ โทสะ โมหะ) (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 22-05-2012 เมื่อ 09:26 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#74
|
|||
|
|||
๗๔.
พระองค์สอนปัญจวัคคีย์ให้ละอุปทานขันธ์ ๕ ความว่า รูปอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นอดีตก็ดี อนาคตก็ดี ปัจจุบันก็ดี ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี กลางก็ดี เลวก็ดี ประณีตก็ดี อยู่ใกล้ก็ดี อยู่ไกลก็ดี รูปทั้งหมดนี้มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่ ทุกอย่างล้วนเป็นไตรลักษณ์ทั้งสิ้น ข้อนี้ขอท่านทั้งหลายพึงพิจารณาตามความเป็นจริง ด้วยปัญญาอันชอบแล้ว จิตก็จะไม่หวั่นไหว แม้เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ ก็ย่อมเป็นเช่นนั้น ปัญจวัคคีย์..จิตก็เกิดความเบื่อหน่าย-คลายกำหนัดในขันธ์ ๕ เป็นอรหันต์ (คนฉลาดมีพุทธจริต มีบารมีเต็มแล้ว พระองค์สอนให้ตัดขันธ์ ๕ อย่างเดียว ก็จบกิจในพระพุทธศาสนา) (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#75
|
|||
|
|||
๗๕.
ทุกคนหนีโลกธรรมไม่พ้น จึงอย่าหนีมัน เพราะมันเป็นของธรรมดา คนธรรมดาคิดว่าตนฉลาด (พระองค์ตรัสว่า เป็นคนโง่ตั้งแต่ที่เริ่มคิด เพราะเป็นอารมณ์หลง) ดังนั้น เมื่อถูกด่า-ว่า-หรือติ หรือนินทา จะมีอารมณ์ไม่พอใจ โกรธ เก็บเอามาคิดปรุงแต่ง เกิดอาฆาต-พยาบาท-จองเวร เพราะอารมณ์โง่ โมหะ หรือหลง หรือมิจฉาทิฐิ จึงทำร้ายตนเอง เผาตนเอง เบียดเบียนตนเอง ขาดเมตตาตนเอง เหมือนกินยาพิษ เพราะโมหะ (โง่) แต่ใครเชื่อพระองค์ก็เป็นสุข เพราะถือเป็นของธรรมดา ให้ตั้งไว้ในอารมณ์ช่างมัน หรือวางเฉย หรือสักแต่ว่า หรืออุเบกขา จนถึงสังขารุเบกขาญาณในที่สุด (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#76
|
|||
|
|||
๗๖.
จะชนะมารต้องอาศัยภาวนา เพื่อระงับนิวรณ์ เพราะมารอาศัยอยู่กับใจ เป็นมารภายใน มันสิงอยู่จึงแก้ยาก ส่วนมารภายนอกแก้ง่ายกว่ามาก เพราะเพียงเราไม่สนใจในมันเสียก็พ้นแล้ว (สำรวมอินทรีย์หรืออายตนะ) พระองค์แนะให้ใช้อริยมรรค ๘ เริ่มด้วยปัญญา คือ สัมมาทิฏฐิ มรรค ๘ ย่อเหลือ ๓ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เดินตามพระองค์ ไม่มีทางพลาดจากความเป็นพระอริยะ (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-05-2012 เมื่อ 07:10 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#77
|
|||
|
|||
๗๗.
เมื่อไร้ความจริงแล้ว ความศักดิ์สิทธิ์มี ณ ที่ไหน หมายถึงพูดไม่จริงหรือโกหก ข้อนี้ตรงกับพุทธพจน์ที่ว่า ผู้ใดก็ตามที่มีเจตนาโกหกผู้อื่นเพื่อประโยชน์ของตนเอง ผู้นั้นไม่มีความชั่วใด ๆ ที่เขาจะทำไม่ได้ (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร) |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#78
|
|||
|
|||
๗๘.
ดับภพทั้ง ๓ ได้ที่ใจแห่งเดียว เพราะธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐสุด (เป็นใหญ่) ทุกสิ่งสำเร็จได้ที่ใจ กิเลสทุกตัวอยู่ที่ใจ เกิดที่ใจ จึงต้องดับที่ใจ มารก็คือกิเลส มันตัวเดียวกัน ใช้อริยสัจหาเหตุให้พบ แล้วก็ดับเหตุนั้นเสีย (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#79
|
|||
|
|||
๗๙.
นักปฏิบัติต้องกล้าหาญ ไม่กลัวตาย จึงจะรู้ธรรม เห็นธรรม (ของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#80
|
|||
|
|||
๘๐.
บังคับจิตไม่ได้ แต่สอนจิต อบรมจิตได้ ด้วยอุบายต่าง ๆ ปกติจิตไม่อยู่นิ่ง ต้องให้เกาะสิ่งใดสิ่งหนึ่งไว้ พระองค์จึงมีอุบายมากมายให้สอนจิต อบรมจิต เพราะรู้ว่าบังคับจิตได้ไม่นาน (ของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|