|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๕
ถาม : การตั้งศาลอากาศเทวดาสี่เสา และศาลพระภูมิหนึ่งเสา สามารถตั้งในทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวอาคารในทิศเดียวกันเลย ใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : หาเรื่องตั้งทิศเดียวกันก็เตรียมซวยได้เลย..! ทิศของอากาศเทวดาอยู่ทิศใต้และทิศตะวันตก ถ้าไปตั้งทิศตะวันออกเฉียงเหนือเท่ากับเอา ผบ.ทบ. มาเป็นยาม หาเรื่องเดือดร้อนอีก..! ถาม : ถ้าเป็นหนึ่งเสาควรจะเป็นทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ ? ตอบ : ถ้าศาลเสาเดียวควรจะเป็นทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ถ้าไม่ได้ค่อยหาทิศเหนือ ถ้าไม่ได้อีกค่อยเป็นทิศตะวันออก แต่ศาลสี่เสาเขาเอาทิศใต้หรือทิศตะวันตกเท่านั้น ถาม : ถ้าตั้งไปแล้วทำอย่างไรครับ ? ตอบ : ตั้งไปแล้วเตรียมรับความเฮงได้..! ถาม : เรื่องหลักฮวงจุ้ยการสร้างอาคารบ้านเรือน อยากขอคำแนะนำ ว่าควรศึกษาจากหนังสือเล่มไหนดีครับ ? ตอบ : เล่มไหนก็ได้...ดีทุกเล่มแหละ เพียงแต่คนศึกษารู้จริงหรือเปล่าเท่านั้นเอง ถาม : ไม่มีซินแสในดวงใจหรือครับ ? ตอบ : ขอยืนยันว่าอย่าเชื่อซินแสมาก เชื่อมากก็เดือดร้อนมาก..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2012 เมื่อ 17:27 |
สมาชิก 259 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
ถาม : ในเรื่องการ "ชำระหนี้สงฆ์" หลวงพ่อฤๅษีได้เมตตาแนะนำให้สร้างพระชำระหนี้สงฆ์ และถ้ามีการปิดทองทั้งองค์ก็จะได้อานิสงส์ชำระหนี้สงฆ์ทั้งคณะ แต่การ "ชำระหนี้แผ่นดิน" นั้น ลูกยังไม่มีความรู้ในส่วนนี้ ประกอบกับหลายท่านทำงานเกี่ยวกับราชการ จึงอาจจะมีการหยิบของใช้ของหลวงไปใช้ส่วนตัว
ซึ่งเป็นการนำเงินภาษีของแผ่นดินไปใช้ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ดังนั้นจะมีวิธีในการ "ชำระหนี้แผ่นดิน" ในลักษณะเดียวกันกับ "ชำระหนี้สงฆ์" (ล้างหนี้เก่าทั้งหมด) หรือไม่ครับ ? ตอบ : ตลอดชีวิตรับราชการทั้งหมด ๔๐ ปี ถวายเงินเดือนให้ในหลวงไปให้หมด ไม่ต้องใช้เงินเดือนนั้น..! ถาม : จะเอาอะไรกินครับ ? ตอบ : คนถาม..ถามเหมือนกับรู้ว่าทำแล้วจะเป็นหนี้ยังเสือกไปทำ สมควรตายมากกว่า..! ถ้าหนักใจเรื่องนั้น ให้เอาเงินส่วนหนึ่งถวายเข้ามูลนิธิของหลวง จะเป็นราชประชานุเคราะห์ก็ได้ ชัยพัฒนาก็ได้ หรือจะเป็นศิลปาชีพ สายใจไทย ก็ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2012 เมื่อ 17:28 |
สมาชิก 252 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ถาม : ในกรณีพระพุทธสุวรรณปฏิมากร หรือหลวงพ่อทองคำแห่งวัดไตรมิตรวิทยาราม ตอนที่จะมีการทำการแกะลอกปูนที่หุ้มองค์พระทองคำไว้นั้น จะมีความผิดฐานทำลายรูปแทนพระพุทธเจ้าไหมครับ ? เพราะปูนที่หุ้มนั้นก็ทำเป็นรูปพระ ถ้าไม่มีความผิด เป็นเพราะเหตุใดครับ ?
ตอบ : นี่ก็เหมือนกัน เขาเรียกว่าสมควรลงนรก เรื่องดี ๆ ไม่คิด ไปคิดฟุ้งซ่านจะลงนรกให้ได้..! เรื่องของหลวงพ่อพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร เราต้องเข้าใจว่าที่เขาหุ้มปูนไว้เจตนาเพื่อจะหลีกเลี่ยง ว่ายามสงครามจะโดนฝ่ายตรงข้ามเอาไป เพราะเป็นของมีค่า ในเมื่อเจตนามีอยู่แค่นั้น เวลากะเทาะออกมา ทำการขัดแต่งให้เป็นองค์พระโดยสมบูรณ์ คนเห็นแล้วรู้สึกว่าเจริญศรัทธามากกว่า ก็ถือว่าไม่ได้มีเจตนาไปทำลายพระพุทธรูป เสียอย่างเดียว..กระเทาะท่านเร็วไปหน่อย มากระเทาะยุคนี้ เอาไปผสมเป็นผงสร้างพระได้เงินอีกเยอะเลย สมัยนั้นเขายังไม่นิยมทำแบบนี้กัน ถาม : เขาทำหุ้มไว้เพื่อเป็นการป้องกันข้าศึกสงครามมาทำลาย ? ตอบ : นึกเสียว่าเอาผ้ามาหุ้มอีกชั้นหนึ่ง ถึงเวลาก็ลอกผ้าออก ถ้าเขาจะคิดให้ผ้าเป็นพระพุทธรูปให้ได้ ก็ทางใครทางมัน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-09-2012 เมื่อ 02:40 |
สมาชิก 254 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ถาม : วันนั้นโยมได้ไปกราบไหว้ที่พิพิธภัณฑ์ช้างสามเศียร สมุทรปราการ ได้ถวายนางรำและผลไม้ชุดใหญ่ และบูชาช้างสามเศียรสลัก เป็นแก้วใส มีไฟประดับมาบูชาที่ร้านค้า ปรากฏว่าวันนั้นขายของไม่ราบรื่นเท่าที่ควร ขายได้น้อยผิดปกติ เพื่อนข้างร้านบอกว่าให้นำไปบูชาที่บ้านดีกว่า เพราะท่านบารมีท่านสูง ไม่เหมาะมาบูชาที่ร้านค้า โยมไม่ค่อยเชื่อเขา กราบเรียนถามว่า จะบูชาที่ร้านได้หรือไม่ และมีวิธีบูชาอย่างไร ?
ตอบ : ขายผักผลไม้หรือเปล่า ? ถ้าขายผักผลไม้นี่ช้างกินหมด ..(ฮา).. เป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า เทวดาก็คล้าย ๆ กับพระ ก็คือ ท่านมีเมตตาสงเคราะห์ให้เสมอ ในเมื่อเกิดเหตุติดขัดในจังหวะที่นำท่านเข้าบ้านพอดี เราก็ไปโทษว่าเป็นความผิดท่านขึ้นมาอีก ถ้าไม่ได้ขายผักผลไม้ก็บูชาต่อไปเถอะ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2012 เมื่อ 17:31 |
สมาชิก 253 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ถาม : ช่วงบวชพระที่วัดท่าขนุน ขณะนั่งกรรมฐานเช้า นั่งจับลมหายใจเข้าออก และท่องภาวนาโสตัตตะภิญญาครู่หนึ่ง ภาพพระลอยปรากฏ เห็นชัดเจนเต็มหน้า แล้วเปลี่ยนเป็นเห็นกายละเอียดตัวเองนั่งซ้อนกายหยาบ เมื่อมองตรงไปเห็นหิ้งพระประธานตรงหน้าสว่างแจ่มใสยิ่งกว่าตาเนื้อเห็น ไม่ทราบว่าถึงจุดนี้แล้ว ควรปฏิบัติอย่างไรต่อครับ ? ผมเคยนั่งได้ถึงจุดนี้หลายครั้ง ทำไมถึงทรงไม่ได้นานครับ ?
ตอบ : ตอบแบบกำปั้นทุบดินว่า ให้พยายามรักษาอารมณ์ให้ได้นาน ๆ ต่อไป เขาก็รู้ว่าทำได้ไม่นาน แค่ทำให้ได้นานก็จบแล้ว ถาม : เคยทำมาอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ทำให้ได้นานขึ้น ประมาณนี้ ? ตอบ : ซักซ้อมรักษาอารมณ์ใจให้ได้นานขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วจะดีเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2012 เมื่อ 17:31 |
สมาชิก 245 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
ถาม : การลาสัตตาหะฯ ๗ วัน ในระหว่างเข้าพรรษา เป็นการลาไปครั้งละไม่เกิน ๗ วันหรือว่าภายในพรรษา ๓ เดือนลาได้เพียง ๗ วันเท่านั้นครับ ?
ตอบ : ถ้าภายในพรรษา ๓ เดือน ลาได้ ๗ วันจะดีมากเลย สัตตาหกรณียะ คือ กรณีที่มีกิจจำเป็น ลาได้ไม่เกิน ๗ วัน แปลว่าครั้งละไม่เกิน ๗ วัน วันที่ ๗ ก่อนจะได้อรุณต้องกลับเข้าวัด ถ้าจำเป็นจริง ๆ หลังจากได้อรุณแล้วมีสิทธิ์ลาใหม่ได้เลย ถาม : หมายถึงมีเหตุสี่อย่างตามพระวินัยใช่ไหมครับ ? ตอบ : จะกี่อย่างก็ได้ ถ้าพิจารณาตามหลักมหาปเทส ๔ แล้วว่าสมควร แต่ในปัจจุบันสัตตาหะฯ กันให้มั่วไปหมด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2012 เมื่อ 17:33 |
สมาชิก 240 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
ถาม : ตามปกติพระจะใช้มือขวาจับตาลปัตรในเวลาอนุโมทนาหรือขัดสัคเค แต่การที่พระใช้มือซ้ายจับตาลปัตรในเวลาอนุโมทนาหรือขัดสัคเค จะผิดศาสนพิธีและพระวินัยหรือไม่ครับ ? และจะมีผลอย่างไรกับงานบุญกุศลและพระที่ใช้มือซ้ายจับแบบนี้ครับ ?
ตอบ : มีผลให้เพื่อนหัวเราะเยาะเอา..การจับตาลปัตรโดยนิยมเขาใช้มือขวาจับ ยกเว้นตอนชักผ้าบังสุกุลจะใช้มือซ้ายจับ เพื่อเอามือขวาจับผ้าบังสุกุล ถ้าเราจับผิดมือ คนที่ไม่รู้เขาก็ไม่ว่าอะไร แต่คนที่รู้ก็จะหัวเราะเยาะเอา ก็แค่ผิดธรรมเนียมนิยมเท่านั้น ไม่ได้ทำให้ศาสนพิธีเสียหายอะไร ถาม : ไม่มีอานิสงส์อะไรใช่ไหมครับ ? ตอบ : มี..อานิสงส์โดนเพื่อนหัวเราะเยาะ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-09-2012 เมื่อ 20:00 |
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
ถาม : วันจันทร์ที่ ๑๗ กันยายนนี้ ผมต้องพาโยมแม่ไปโรงพยาบาล โดยส่วนใหญ่จะทำวัตรเช้าเวลาตี ๔ แต่ผมต้องออกจากวัดเวลาตี ๔ เพื่อไปที่บ้านก่อนแล้วจึงจะพาโยมแม่ไปโรงพยาบาล ผมจะสวดมนต์ทำวัตรเช้าเวลาตี ๓ ครึ่ง จะได้หรือไม่ครับ ? จะต้องอาบัติหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าสวดสักเที่ยงคืนจะไม่โดนอาบัติ..! ถาม : อย่างไรครับ ? ตอบ : การทำวัตรเช้าเย็นเป็นงานของพระสงฆ์ จะทำเวลาไหนก็ได้ให้พอเหมาะพอสมแก่ตัวเอง บางวัดทำวัตรเช้าตอนแปดโมงครึ่ง หลังจากพระบิณฑบาตและฉันเช้าเสร็จแล้ว จะได้ไม่ต้องมีข้ออ้างว่ายังมีกิจธุระที่นั่นที่นี่ เพราะฉะนั้น..เรื่องของเวลาไม่ใช่สาระ สาระสำคัญคือได้ทำหรือเปล่า ? ถ้าได้ทำบุญกุศลก็เป็นของเรา แต่ที่ว่ามานั้น..ส่วนที่น่าห่วงก็คือออกจากวัดตอนตีสี่ ระวังจะขาดพรรษา..! ถ้าจำเป็นต้องออกจากวัดตอนตีสี่ของวันที่ ๑๗ กันยายน ให้ขอสัตตาหะฯ ไว้ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กันยายนเลย ไม่อย่างนั้นขาดพรรษาแน่นอน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-09-2012 เมื่อ 20:01 |
สมาชิก 233 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
ถาม : เนื่องจากตอนเช้าจะมีการนำอาหารไปถวายที่พักสงฆ์ หลังจากที่พระท่านตักและฉันแล้ว ส่วนที่เหลือจะนำมาวางให้ญาติโยมกินกัน และก็จะตักใส่ถุงแจกจ่ายกันไป โดยส่วนตัวผมไม่นำกลับ แต่จะมีบางครั้งผมไม่ได้ไปแต่เพื่อนไป ก็จะนำใส่ถุงมาให้ ผมไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรกับอาหารนั้นดีครับ ?
ตอบ : เอากับข้าวถุงฟาดหน้าเพื่อนไป เพื่อนจะได้จำว่าอย่าเอามาอีก..! เรื่องของวิทาสาโท ญาติโยมยังเข้าใจผิดกันอยู่มาก วิทาสาโทคืออาหารที่เหลือจากพระ ญาติโยมกินต่อได้ แต่อย่าเอากลับบ้าน เพราะพอเอากลับบ้าน คนที่เห็นแล้วไม่รู้ ไม่เข้าใจ ก็จะไปตำหนิว่า ไปเอาของสงฆ์กลับบ้าน โดยเฉพาะ "ไปเอาของที่กูใส่บาตรกลับบ้าน" ทำให้เขาเสื่อมศรัทธา และต่อไปเขาจะไม่บำรุงพระพุทธศาสนาอีก เท่ากับเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาโดยตรง โทษก็เลยหนัก เปรตญาติพระเจ้าพิมพิสารเจอไปแค่ ๙๑ กัปเท่านั้น..! เพราะเอาของที่พระฉันเหลือแล้วกลับบ้าน ของสงฆ์ที่เหลือจากพระสงฆ์ฉันแล้ว จะกินจะใช้ก็ตาม ให้อยู่ที่วัดจบเพียงแค่นั้น อย่าเอากลับบ้าน อันตรายมาก..! ถาม : ถ้าเขาเอามาใส่ชามให้เรา เราไม่ทราบว่าเป็นของวัด ทำอย่างไรครับ ? ตอบ : ชำระหนี้สงฆ์ไป ต่อไปก็สั่งไว้เลยว่าไม่ต้องเมตตา คราวหน้าอย่าเอามาอีก แต่ถ้าเขาไม่รู้ก็ไม่ต้องไปเถียงกับเขา ทนชำระหนี้สงฆ์ไปเรื่อย ๆ ก็แล้วกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-09-2012 เมื่อ 20:04 |
สมาชิก 230 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
ถาม : อารมณ์การอนุโมทนาบุญสูงสุดหยุดอยู่แค่ปีติหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าใครหยุดอยู่แค่ปีติแปลว่าโง่มาก การโมทนาบุญจะกำลังใจสูงต่ำแค่ไหนก็ได้บุญทั้งนั้น อย่าลืมว่าพระที่ท่านเข้าพระนิพพานแล้ว ท่านยังโมทนาบุญเลย แม้ว่าผลบุญนั้นไม่ได้อะไรกับท่านแล้ว ท่านโมทนาไปก็สูญเปล่า เนื่องจากท่านอยู่เหนือบุญเหนือบาปไปแล้ว แต่ท่านก็ยังพลอยยินดีในความดีที่เราทำ เพราะฉะนั้น..กำลังใจจะอยู่ในระดับชั้นไหนก็ตาม ยิ่งความดีสูงมากเท่าไร ยิ่งพลอยยินดีในความดีของผู้อื่นได้มากเท่านั้น ก็แปลว่า ยิ่งพลอยโมทนาได้มากเท่านั้น ถาม : อนุโมทนาบุญอย่างไรถึงไปอยู่ที่พระนิพพานกับท่านได้ ? ตอบ : คิดแบบนี้ไม่มีทางได้เลย เพราะคิดจะรวยทางลัด การโมทนาบุญนั้นก็คือ การที่เรายินดีในผลบุญที่ผู้อื่นทำ ขณะที่เราไม่ได้ทำ เป็นความดีที่ออกมาจากน้ำใสใจจริง แต่ในปัจจุบันนี้ร้อยละ ๙๙ การโมทนานั้นแฝงความหมายว่า "กูจะเอาของมึง" เมื่อเป็นดังนั้น จากอานิสงส์แทนที่จะได้เป็นล้าน ก็ได้ไปสลึงเดียว..! เพราะฉะนั้น..ถ้ารู้วิธีแล้วโมทนาให้ถูกทาง ก็มีสิทธิ์ไปพระนิพพานได้ ถ้าเจ้าของบุญท่านไปพระนิพพานแล้ว ถาม : อย่างไรจะถูกทางครับ ? ตอบ : ตามที่บอกมานั่นแหละ อย่าไปเอาของมึงอีกก็แล้วกัน..! ถาม : เห็นเขาทำยินดีด้วย ทำตามด้วย ? ตอบ : อย่างนั้นได้บุญของเขาด้วย บุญของตัวเองก็ได้ด้วย เพราะตัวเองทำตาม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-09-2012 เมื่อ 20:07 |
สมาชิก 230 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
ถาม : การจะถือศีล ๘ ให้ได้เป็นปกติ ควรจะมีวิธีการคิดอย่างไร ในเบื้องต้น เบื้องกลางและเบื้องปลาย ?
ตอบ : ไม่ต้องคิดหรอก..ทำเลย แต่ขณะที่ทำควรจะภาวนาให้กำลังใจทรงตัวด้วย เพราะกำลังของศีลแปดเป็นกำลังที่สูงมาก คำว่าสูงมากก็คือ เป็นกำลังของพระอนาคามี บุคคลที่จะเป็นพระอนาคามี ถ้าสมาธิไม่ทรงตัว ก็ไม่สามารถที่จะตัดโลภและโกรธได้ โลภตัวนี้หมายถึงรักด้วย เมื่อเป็นดังนั้น ถ้าตั้งใจจะรักษาศีลแปดให้ทรงตัว ควรจะทำสมาธิให้ทรงตัวด้วย ถ้าสมาธิไม่ทรงตัว จะรักษาศีลแปดได้ยากมาก ถาม : การเล่นเกม การเคลิ้มไปกับเพลง การชอบใจคำพูดหยอกล้อ หรือเนื้อตัวขาว ๆ ของผู้หญิงที่ผ่านสายตา และอารมณ์ไม่พอใจ โมโห โกรธ ในเวลาทำงาน ถือว่าศีล ๘ ขาดหรือไม่ ? ตอบ : ศีลไม่ขาด แต่ถ้าว่าตามหลักบาลีก็คือ ศีลด่าง ศีลพร้อย ศีลทะลุ แปลว่าไม่บริสุทธิ์จริง ไม่ถึงกับขาดหรอก แต่ก็แหว่งไปเยอะแล้ว ถาม : อย่างที่ท่านว่าควรจะมีสมาธิกำกับด้วยใช่ไหมครับ ? ตอบ : ถ้าหากสมาธิกำกับอยู่ ก็จะไม่ไหลไปตาม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อย่างที่ว่ามา ถาม : หากไม่เหลือดีเลย ผมขออุบายที่จะไม่จดจ่อโทษตัวเอง จนหมดกำลังใจในการรักษาศีลครับ ตอบ : ไปเกิดใหม่..! ถาม : ฟังแล้วยิ่งมีกำลังใจมากเลยครับ..! ตอบ : บอกเขาไปว่ายังเหลือดีอยู่นิดหนึ่ง จะได้มีกำลังใจ ถาม : ยังมีดีอยู่นิดหนึ่ง ? ตอบ : ศีลยังไม่ขาด ยังแหว่ง ๆ อยู่ ยังพอมีดีเหลืออยู่บ้าง ถาม : เริ่มใหม่ได้ ? ตอบ : ศีลทุกระดับ รู้ตัวว่าพลาดก็เริ่มต้นใหม่ ถ้ามัวแต่ไปเศร้าหมองอยู่ตรงนั้น จะลงอบายภูมิได้ง่ายมาก รักจะทำความดีต้องหน้าด้านหน้าทน ทันทีที่รู้ตัวว่าศีลของเราบกพร่องแล้ว ให้ตั้งใจว่าตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปศีลเราจะบริสุทธิ์ และตั้งหน้าตั้งตารักษาสิกขาบทต่อไป มัวแต่ไปคร่ำครวญอยู่ เสียเวลาเปล่า ๆ จิตใจที่เศร้าหมองแบบนั้น ถ้าตายตอนนั้นก็ลงอบายภูมิอีก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-09-2012 เมื่อ 20:10 |
สมาชิก 224 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
ถาม : ผู้ที่ถือศีล ๘ ต้องทำสมาธิทั้งวันหรือเปล่าครับ ? ทำงานทำตัวปกติได้ หรือต้องแปลกแยกให้รู้ว่าเราถือศีล ?
ตอบ : ควรจะแปลกแยกสักหน่อย คนจะได้นินทา..! อาตมาถือศีลแปดเป็นปี คนยังไม่รู้เลยว่าถือศีลแปด ทำไมต้องให้เขารู้ด้วย ? ยกเว้นว่าตั้งใจว่าอวดเขาว่ากูดีกว่า ก็กลายเป็นสีลัพพตุปาทานไปอีก ถาม : อาจจะเห็นว่า กูถือศีลแปด คนจะได้ไม่มากวนใจ จำเป็นหรือเปล่าครับ ? ตอบ : ไม่จำเป็น..บอกเมียคนเดียวพอ ..(ฮา).. ถาม : การตัดความถือตัวถือตนสำหรับกัลยาณชนอย่างไรถึงเรียกว่าดี ? และผู้ที่เป็นพระโสดาบันท่านถือตัวถือตนต่างกับกัลยาณชนอย่างไร ? ตอบ : ก็แค่ลดมานะตัวเองลงมาสักหน่อยหนึ่ง อย่าไปคิดว่ากูดีกว่าเขา ก็จัดว่าอยู่ในระดับของกัลยาณชนได้ ส่วนพระโสดาบันนั้นท่านรู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย ในเมื่อรู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย การถือตัวถือตนท่านก็จะลดไปโดยอัตโนมัติ เพราะไม่รู้จะแบกไปทำอะไร อย่างไรก็ตายแน่อยู่แล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-09-2012 เมื่อ 20:11 |
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
ถาม : การสวดคาถาเงินล้านด้วยตัวเอง แล้วสวดได้ไม่นานจิตก็นึกถึงเรื่องอื่น จึงได้หาเสียงสวดคาถาเงินล้านมาฟังแล้วตั้งใจสวดตาม จิตจับเสียง ไม่นึกถึงเรื่องอื่นได้นานและมั่นคงในเสียงสวดคาถา
ตอนนี้จึงอยากทราบว่า ระหว่างการสวดด้วยตัวเองกับฟังเสียงสวด ผลของคาถาจะมีผลเหมือนกันหรือไม่ ? และการสวดคาถาเงินล้านโดยสวดตลอดทั้งวัน นึกขึ้นได้ก็สวดจะมีผลเหมือนกับการตั้งใจสวดเป็นจบ ๆ หรือไม่ ? ตอบ : การภาวนาคาถาเงินล้าน ทำอย่างไรก็ตาม ทำแล้วสมาธิทรงตัวได้ดีให้ทำอย่างนั้น เพราะผลของคาถาจะเกิดต่อเมื่อสมาธิทรงตัวได้ดี ในการภาวนาแรกเริ่มควรจะกำหนดเสียก่อน ว่าเราจะภาวนากี่จบต่อวัน และทำให้สม่ำเสมอทุกวัน จนกระทั่งเราสามารถทำได้สม่ำเสมอ อารมณ์ใจทรงตัว หรือผลของคาถาเกิดแล้ว เราถึงสามารถที่จะวางได้ในลักษณะนึกถึงได้เมื่อไรค่อยภาวนา ถึงตอนนั้นไม่ต้องไปกำหนดเอาจบก็ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-09-2012 เมื่อ 20:12 |
สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
||||
|
||||
ถาม : รุ่นน้องผมมีเพื่อนติดเชื้อเอดส์แล้วมาปรึกษาผม ขอพระคุณหลวงพ่อเมตตาแนะนำวิธีรักษาหรือวิธีการใช้ยา (ยาสูบหรือตัวยาอื่น ๆ) ตามแบบพระคุณหลวงพ่อฤๅษีได้บอกไว้ให้ด้วยครับ ผมเคยได้อ่านมาว่าให้ใช้ยาสูบจุดแล้วสูดควันเข้าไป หรือใช้แบบสกัดเป็นน้ำฉีดเข้าไป ซึ่งผมไม่แน่ใจในกระบวนการจริง ๆ จำเป็นต้องขอความเมตตาจากพระคุณหลวงพ่อ หรือถ้าพระคุณหลวงพ่อจะพอทราบหรือแนะแนวทางอื่น ๆ ได้
ตอบ : อยากแนะนำว่าไปตายซะ..! นักปฏิบัติที่ดี ครูบาอาจารย์บอกครั้งเดียวต้องจำได้ นี่นอกจากไม่จำแล้ว ยังใช้ครูบาอาจารย์ให้บอกใหม่ บอกเขาไปว่า ให้กลับไปค้นคว้าจากตำราเล่มเดิม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-09-2012 เมื่อ 20:14 |
สมาชิก 222 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#15
|
||||
|
||||
ถาม : ผมเคยได้ยินหลวงพ่อพูดถึงวัดหรือสำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง ที่ฝึกปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ผู้ฝึกต้องอยู่ในห้องเล็ก ๆ มีทางเดินจงกรมแคบ ๆ ห้ามติดต่อโลกภายนอก อาหารจัดส่งถึงห้องตามเวลา ไม่ทราบว่าเป็นที่แห่งใด ? หลักการสอนสมาธิเป็นอย่างไร ? และมีข้อกำหนดใดบ้างในการขอเข้าไปปฏิบัติธรรมครับ ?
ตอบ : ไปหาดูในกูเกิ้ล วัดภัททันตะอาสภาราม ถ้าไม่แน่จริงอย่าไป เพราะนอกจากจะห้ามติดต่อกับคนแล้ว ห้ามพูดด้วย อยู่ได้สามวันโดยไม่บ้าเสียก่อน ถือว่าเจ๋งมากแล้ว..! ถาม : อยู่ในห้องเล็ก ๆ ที่มีแต่ทางเดินหรือครับ ? ตอบ : ไม่ต้องไปไหน อยู่แต่ในนั้นแหละ ถาม : เหมือนคุกขังเดี่ยวเลยครับ ตอบ : ประมาณนั้นเลย เข้าส้วมห้ามเกินสามนาที ถ้าถึงสามนาทีจะมีพี่เลี้ยงมาทุบประตูเรียก เขามีกล้องวงจรปิดติดอยู่ ยกเว้นในส้วม กลัวจะขี้เกียจไม่ภาวนา เริ่มปฏิบัติตีสอง นอนสี่ทุ่ม เดินจงกรมสลับกับภาวนาทั้งวันทั้งคืน อย่างน้อย ๑ ชั่วโมงต่อ ๑ บัลลังก์ ก็แปลว่า เดิน ๑ ชั่วโมง นั่ง ๑ ชั่วโมง สลับกันไป ถาม : ถ้าไปอยู่ก็โมทนาด้วยแล้วกัน ตอบ : อาตมาไปอยู่มา ๑๘ วัน ออกมาตัวขาวจ๋อง เพราะไม่โดนแดดเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-09-2012 เมื่อ 20:15 |
สมาชิก 224 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#16
|
||||
|
||||
ถาม : ผมมีเพื่อนผู้ชาย (เดิมนับถือศาสนาพุทธ) ต่อมาได้แต่งงานกับแฟนสาวซึ่งนับถืออีกศาสนา และเพื่อนผมก็เปลี่ยนเข้ารับอีกศาสนาตามแฟนสาว อยู่กินกันมาหลายปีจนมีลูก (แต่ในใจยังนับถือพุทธศาสนา เพียงแต่ปฏิบัติอย่างบุคคลทั่วไปไม่ได้ เนื่องจากอีกศาสนามีข้อห้ามไว้) เมื่อเขาเสียชีวิตแล้วร่างกายเขาก็ต้องเข้าทำตามพิธีในศาสนานั้น ขอถามว่าจิตวิญญาณของเขาซึ่งนับถือพุทธศาสนาจะไปสู่ภพภูมิใด ? พุทธหรืออีกศาสนาครับ ?
ตอบ : ร่างกายไม่ใช่สาระ เพราะร่างกายเป็นแต่ซากศพเท่านั้น สำคัญว่าก่อนตายจิตเกาะความดีได้หรือเปล่า ? ถ้าจิตเกาะความดีได้ก็ไปสุคติ สามารถเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหมได้ ถ้าจิตเกาะความดีไม่ได้ก็ไปทุคติ ไปเป็นสัตว์นรก ไปเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน ตามแต่กรรมที่ตนเองสร้างมา ไม่ว่าจะศาสนาใดก็ไปนรกเดียวกัน สวรรค์เดียวกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-09-2012 เมื่อ 20:16 |
สมาชิก 223 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#17
|
||||
|
||||
ถาม : ตะกรุดมหาสะท้อน มีผลสะท้อนต่อการถูกกระทำทางวาจาหรือไม่ ?
ตอบ : มี ถาม : มีข้อยกเว้นหรือข้อจำกัดใดบ้างที่ไม่แสดงผล ? ตอบ : ไม่มีข้อยกเว้น..ตะกรุดมหาสะท้อนขยัน จะมากจะน้อยให้ผลหมด ถาม : ผมแขวนมหาสะท้อนทั้งทองคำและเงินมาหลายปี แต่ยังไม่มีประสบการณ์เด่นชัดในทันทีทันใด แม้จะวางใจนิ่งต่อการกระทำ ไม่ทราบว่ามีเหตุผลอย่างใดครับ ? ตอบ : สงสัยแขวนแบบควาย..! เคยเห็นควายแขวนกระดึงไหม ? เจ้าของเอาแขวนให้ควายก็ติดตัวไปเรื่อย ไม่เคยอาราธนาเลย ต้องอาราธนาและภาวนาคาถามหาสะท้อนเอาไว้ทุกวัน จนอารมณ์ใจทรงตัว ถาม : ถ้าตะกรุดมหาสะท้อนลดความเข้มแข็งลง รบกวนหลวงพ่อส่งจิตอธิษฐานให้ด้วยครับ ตอบ : จ่ายค่าอธิษฐานมาก่อน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-09-2012 เมื่อ 20:17 |
สมาชิก 230 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#18
|
||||
|
||||
ถาม : ผมรื้อบ้านเสร็จแล้ว จะปลูกบ้านใหม่ เป็นฤกษ์อมฤตโชค ควรจะ..?
ตอบ : ตอนนี้เป็นช่วงเข้าพรรษา ปกติปลูกบ้านหรือวางศิลาฤกษ์ หรือลงเสาเอก เขาทำกันหลังจากออกพรรษาไปแล้ว ถาม : ช่วงนี้เข้าพรรษาอยู่ก็..? ตอบ : รอให้พ้นไปก่อน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2012 เมื่อ 02:48 |
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#19
|
||||
|
||||
ถาม : ตอนเช้าผมภาวนาจนกลายเป็นสมาธิ แล้วรู้สึกว่าหายใจไม่ออก และไปเห็น..(ไม่ได้ยิน).. แต่ว่าเรายังรู้สึกกลัว ไม่รู้ว่าหูอื้อไปหรือเปล่า หรือท่านมาเจอเราจริง ?
ตอบ : เจอเขาก็ถามเขา ไม่ใช่มาถามคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นเสียอย่างนี้ เจอแล้วไม่ถาม ดันมาถามคนที่ไม่เจอ เหมือนกับกินข้าวแล้วมาถามคนอื่นว่าผมอิ่มหรือยัง ? ถาม : พยายามถามแต่เขานิ่งมาก ได้แต่ยิ้มอย่างเดียว ตอบ : อย่างนั้นก็รอ...รอเขาตอบเมื่อไรก็จบ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 07-09-2012 เมื่อ 06:40 |
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#20
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "เพื่อน ๆ ที่เรียนปริญญาเอกอยู่ พอเขารู้ว่าอาตมาอยู่วัดท่าขนุน เขาก็ไปหาข้อมูลในกูเกิ้ล แล้วทุกคนก็มาถามว่า “ทำเว็บอย่างไรถึงมีข้อมูลใหม่อยู่ทุกวัน ?” อาตมาก็บอกว่า ไม่ได้ทำอย่างไรหรอก คนทำเขาตั้งใจทำและเขาทำด้วยใจจริง ๆ ถึงเวลามีคนช่วยกันลงข้อความ จึงมีของใหม่อยู่ทุกวัน
ส่วนใหญ่เขาไปเจอเว็บประเภทหน้าเดียวไม่เคยเปลี่ยนแปลง เขาก็เบื่อ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2012 เมื่อ 02:49 |
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|