กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 16-12-2022, 19:55
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,635
ได้ให้อนุโมทนา: 216,837
ได้รับอนุโมทนา 747,025 ครั้ง ใน 36,393 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 16-12-2022, 22:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,629
ได้ให้อนุโมทนา: 151,867
ได้รับอนุโมทนา 4,413,877 ครั้ง ใน 34,219 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ นอกจากรักษาตัวและวิ่งงานแล้ว กระผม/อาตมภาพยังต้องทำการประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ กับคณะกรรมการชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน และคณะกรรมการบริหารตลาดริมแควเมืองท่าขนุน ก็เลยไม่รู้ว่าวันนี้หวยออก ไม่อย่างนั้นอาจจะให้ใครสักคนก็ได้..!

เมื่อครู่ที่พวกท่านเห็น เป็นงานเอกสารรับรองให้ท่านอาจารย์เตชะ (เตชะพละ) ต่อวีซ่า ของท่านอาจารย์เตชะต้องบอกว่าการต่อวีซ่าที่ค่อนข้างจะง่าย คำว่าง่ายในที่นี้ก็คือ ท่านมีหลักฐานในการเข้ามาศึกษาในประเทศไทย ก็คือมีประกาศนียบัตรนักธรรมชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก แล้วก็ยังมีวุฒิบัตรรับรองการปฏิบัติธรรมของวัดท่าขนุนด้วย ถ้าเป็นที่อื่นก็จะไม่ง่ายอย่างนี้

แต่ว่าขนาดง่ายก็ยังต้องทำสำเนาทุกอย่างถึง ๓ ชุด ส่งถึงผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี แล้วก็ถึงผู้บังคับการกองตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดกาญจนบุรี เอกสารก็มีประวัติ การศึกษา หนังสือรับรองจากเจ้าอาวาส สำเนาหนังสือสุทธิของท่านเอง สำเนาหนังสือเดินทางของท่านเอง สำเนาหนังสือสุทธิของเจ้าอาวาส ทะเบียนวัด วิสุงคามสีมาของวัด แค่นี้เครียดพอหรือยัง ?

สรุปง่าย ๆ ว่าถ้าหากว่ามีแค่ลายเซ็น ก็ยังไม่แน่ว่าจะใช่หรือเปล่า ? เขาก็เลยต้องให้มีการลงลายมือชื่อรับรองเอกสารทุกหน้า แล้วยังต้องประทับตราวัดรับรองทุกหน้าด้วย

เหตุที่ต้องยุ่งยากขนาดนี้ เพราะว่าเคยมีการติดสินบน หรือว่าจ้างกันให้ออกเอกสารรับรอง เพื่อที่ท่านจะได้ต่อวีซ่าแล้วอยู่ในประเทศไทยกันได้ เนื่องจากว่าพระพม่าจำนวนมากเลยที่เข้ามา ไม่ได้เข้ามาในลักษณะธรรมทูตเหมือนกับท่านอาจารย์เตชะ แต่เข้ามาเพื่อหาเงินโดยตรง เพราะว่าเงินไทยใหญ่กว่ามาก ล่าสุดนี่ได้ยินว่าเงินไทย ๑ บาทเท่ากับเงินพม่าเกือบ ๕๐ จั๊ตแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-12-2022 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 16-12-2022, 23:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,629
ได้ให้อนุโมทนา: 151,867
ได้รับอนุโมทนา 4,413,877 ครั้ง ใน 34,219 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าท่านทั้งหลายอ่านกระโถนข้างธรรมาสน์ฉบับพิเศษที่กระผม/อาตมภาพไปพม่ามา จะเห็นว่าครั้งแรก ๆ ที่ไปนั้น เงินไทย ๑ บาทแลกเงินพม่าได้ ๖ จั๊ต แล้วหลังจากนั้นก็ขยับเป็น ๙ จั๊ต เป็น ๑๒ จั๊ต ไล่ไปเรื่อย แล้วอยู่ ๆ รัฐบาลพม่าที่ไม่เคยขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการมาทั้งปีทั้งชาติ ถ้าถามว่าเงินเดือนขนาดไหน ? ก็ขนาดครูจบปริญญาโทมาสอนโรงเรียนมัธยมที่พะอ๊อก เงินเดือน ๒๐๐ จั๊ต แล้วคุณลองเอา ๖ หารดู ว่าจะเหลือกี่บาท ?

ตอนแรกพอเขาบอกว่าเงินเดือน ๒๐๐ (Two Hundred)
กระผม/อาตมภาพก็งง ๆ ถามว่า "ดอลล่าร์หรือ ?" "ไม่ใช่" "บาทหรือ ?"" ไม่ใช่..๒๐๐ จั๊ต..!" ตอนแรกคุณครูบอกว่าจะลาออก เตรียมที่จะไปเป็นกรรมกรที่สิงคโปร์ กระผม/อาตมภาพก็งง ๆ ว่า เป็นครูวุฒิปริญญาโท จะไปเป็นกรรมกรทำอะไรวะ ? แต่พอได้ยินว่าเงินเดือน ๒๐๐ จั๊ต กระผม/อาตมภาพก็แทบจะยุให้ลาออกเดี๋ยวนั้นเลย เพราะว่าเอา ๖ หารแล้วเหลือแค่ ๓๐ กว่าบาท ?

แล้วรัฐบาลที่ไม่เคยขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการเลยมาตลอดระยะยาวนานหลายสิบปี อยู่ ๆ ขึ้นพรวดเดียว ๕๐๐ เปอร์เซ็นต์..! ก็คือจาก ๒๐๐ จั๊ต ก็รับไป ๑,๐๐๐ จั๊ตเลย ปรากฏว่าเงินพม่าตกพรวด จากที่บาทหนึ่งแลก ๖ จั๊ต ๙ จั๊ต ก็รูดพรวดไปที่ ๒๒ จั๊ต..! ปัจจุบันนี้ ๔๗ จั๊ต มีตกไปมากกว่านี้หรือเปล่ายังไม่รู้ ?

ปี ๒๕๒๔ กระผม/อาตมภาพรับราชการอยู่ที่กองพลทหารราบที่ ๙ ค่ายกาญจนบุรี ปัจจุบันนี้เปลี่ยนเป็นค่ายสุรสีห์ ตอนนั้นเงินพม่า ๑ จั๊ตแลกเงินไทยได้ ๒ บาท เงินเขาใหญ่กว่าเราเท่าตัวเลย..! แล้วรัฐบาลทหารก็สามารถบริหารได้จนกระทั่งปัจจุบันนี้ เงินไทยบาทหนึ่งใหญ่กว่าพม่าเกือบ ๕๐ เท่า..! แล้วยังได้ยินว่าบ้านเรามีการหาเสียงกัน จะขึ้นเงินเดือนขั้นต่ำเป็น ๖๐๐ บาทต่อวัน ฟังแล้ว "น้ำตาจิไหล..!"

ถ้าดูจากของพม่า เราจะเห็นว่านั่นก็บ้าขนาดขึ้นไปที ๕๐๐ เปอร์เซ็นต์..! แต่ของเราขึ้น ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องหวังเลยว่าข้าวของจะไม่แพงขึ้น ก็มีแต่จะแพงหนักขึ้นอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-12-2022 เมื่อ 14:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 16-12-2022, 23:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,629
ได้ให้อนุโมทนา: 151,867
ได้รับอนุโมทนา 4,413,877 ครั้ง ใน 34,219 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องนี้ต้องชมรัฐบาลจีน สมัยก่อนทางบ้านกระผม/อาตมภาพ ถึงเวลาก็ต้องส่งเงินส่งทองให้กับทางบ้านแม่ใหญ่ที่อยู่เมืองจีน บรรดาญาติพี่น้องไปเที่ยวเมืองจีน เงินหนึ่งบาทห้าสิบสตางค์แลกได้ ๑ หยวน สิบปีต่อมาไปเมืองจีนก็เงินหนึ่งบาทห้าสิบสตางค์แลกได้ ๑ หยวน ข้าวปลาอาหารไม่เคยขยับราคาจากเดิมเลย นั่นคือลักษณะของรัฐบาลคอมมิวนิสต์ที่คุมประชาชนอยู่หมัดเลย

แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ เราก็จะเห็นว่ารัฐบาลจีนค่อนข้างจะเผด็จการ อย่างเช่นนโยบายโควิดเป็นศูนย์ เขาไม่ได้สนใจว่าผลกระทบต่อประเทศอื่น ๆ จะมีเท่าไร ถึงเวลาก็ล็อคดาวน์ไปเลย เมืองใหญ่ ๆ อย่างเซี่ยงไฮ้ก็ยังโดน แต่ว่าสิ่งที่เขาทำ จำเป็นต้องเด็ดขาด เพราะประชากรเป็นพันล้าน ถ้าไม่เด็ดขาด ไปอนุโลมให้ตรงโน้นตรงนี้ เดี๋ยวที่เหลือก็อาละวาดกัน..!

เพียงแต่ว่าทุกวันนี้ที่ประเทศจีนสามารถทำทุกอย่างได้สะดวกคล่องตัว เพราะว่าที่ดินทุกตารางนิ้วเป็นของรัฐบาล ประชาชนมีสิทธิ์แค่เช่าอยู่เท่านั้น ต่อให้สร้างบ้านสร้างเรือนเป็นตึก ๑๐๐ ชั้น ๒๐๐ ชั้น ถ้ารัฐบาลจีนต้องการที่คืนก็เวนคืนเดี๋ยวนั้นเลย ไม่ต้องจ่ายอะไรมากด้วย เพราะว่าเป็นที่ของรัฐบาล..!

ที่คนจีนสามารถประกอบกิจการงานต่าง ๆ แล้วฐานะดี มีมหาเศรษฐีติดระดับโลกเป็นร้อย ๆ คนหลังจากที่เปิดประเทศ เพราะว่าการลงทุนของจีนไม่ต้องลงทุนเรื่องที่ดิน สมมติว่าบ้านเราจะสร้างบ้านก็ต้องซื้อที่ก่อน อย่างรอบ ๆ วัดท่าขนุนนี่ก็ไร่ละเป็นล้านบาท..! แล้วยังต้องสร้างบ้านเองอีกเท่าไรกว่าที่จะมีบ้านอยู่ แต่ของประเทศจีนไม่ต้องลงทุนซื้อที่ดิน เพราะว่ารัฐบาลไม่ให้เด็ดขาด ก็เลยกลายเป็นว่าเขาไม่ต้องลงทุนในเรื่องของที่ดิน มีเงินเหลือเอาไปลงทุนในเรื่องการค้าขายได้อีกมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-12-2022 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 16-12-2022, 23:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,629
ได้ให้อนุโมทนา: 151,867
ได้รับอนุโมทนา 4,413,877 ครั้ง ใน 34,219 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ฟัง ๆ ดูก็เหมือนกับดีนะครับ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะดี เพราะว่าโบราณเขาบอกแล้วว่า "ลางเนื้อชอบลางยา" คือ คนบางคนเหมาะกับยาบางอย่าง เจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคเดียวกันแท้ ๆ ยังต้องจ่ายยาไม่เหมือนกัน เพราะว่าความแข็งแรงไม่เท่ากัน น้ำหนักร่างกายไม่เท่ากัน

กระผม/อาตมภาพโดนหมอจ่ายยา ต้องบอกว่าเกิดจากกรรมเก่าด้วย ได้ยาแก้มาลาเรียตัวใหม่มา หมอบอกว่าให้ฉันไปเลย ๓ เม็ด ฉันเข้าไปแล้วเมาไป ๓๓ วัน..! เมาชนิดเดินไม่ตรงทางเลย หมอก็ตกใจ แล้วก็มาถาม
กระผม/อาตมภาพว่าน้ำหนักตัวเท่าไร ตอนนั้นกระผม/อาตมภาพหนักแค่ ๕๓ กิโลกรัม หมอบอกว่า คิดว่าเกิน ๖๐ กิโลกรัมก็เลยจ่ายให้ ๓ เม็ด ถ้าต่ำกว่า ๖๐ กิโลกรัมต้องให้แค่เม็ดเดียว..!

กระผม/อาตมภาพก็มาดูว่าเคยไปทำกรรมเก่าอะไรไว้ ปรากฏว่าตอนออกรบ เอาเหล้าไปกรอกช้างเสียหลายไห..! คือถ้าไม่เมาแล้วช้างจะไม่กล้าสู้ พอเมาขึ้นมา ช้างก็ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมแแล้ว ลุยกระจายอย่างเดียว..! ไอ้โทษที่ไปกรอกเหล้าให้ช้างเมา ตัวเองก็เลยโดนไป ๓๓ วัน..!

พวกเราต้องเข้าใจนะว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาเกิดจากกรรมเก่าทั้งสิ้น ทำดีไว้ก็รับผลดีไป ทำชั่วไว้ก็รับผลชั่วไป ดังนั้น..ไอ้เรื่องที่เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ทุกวันนี้ กระผม/อาตมภาพไม่ได้กังวลอะไรเลย เพราะว่ารู้วีรกรรมของตัวเองดี..!

แม้กระทั่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง ท่านก็รับรองให้ว่า "แกเป็นทหารมาทุกชาติ ฆ่าเขาเอาไว้มาก ถึงเวลาเศษกรรมปาณาติบาตจะตามมา ทำให้เจ็บไข้ได้ป่วยบ่อย" ท่านให้กระผม/อาตมภาพไปปล่อยปลาทุกเดือน เดือนละตัวสองตัว เอาปลาที่เขาจะฆ่า ที่ภาษาตอนนี้เรียก "ปลาหน้าเขียง" แต่คราวนี้พอกระผม/อาตมภาพไปเห็นปลาตาปริบ ๆ อยู่ ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงต้องเหมาหมดทุกทีไป..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-12-2022 เมื่อ 14:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 16-12-2022, 23:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,629
ได้ให้อนุโมทนา: 151,867
ได้รับอนุโมทนา 4,413,877 ครั้ง ใน 34,219 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วใหม่ ๆ ก็ไม่รู้อะไร ไปซื้อปลาดุกมาเป็นปีบเลย ปรากฏว่าพอปล่อยลงตรงหน้าวัดท่าซุงบริเวณแพ พวกนี้ไปไหนไม่เป็น เพราะว่าเป็นปลาดุกเลี้ยง ได้แต่ม้วนกันอยู่เป็นก้อนนั่นแหละ หลายสิบตัว แล้วก็มีไอ้แสบก็คือปลากระแห ปลากระแหบางคนเรียกตะเพียนหางแดง ไอ้เจ้าพวกนี้ร้ายมาก เมียง ๆ เข้ามาดู พอได้จังหวะก็พุ่งเข้ากระชากหนวดปลาดุกไป ก็คือเอาไปกินนั่นแหละ..!

แต่ปลาดุกนี่ถ้าไม่มีหนวดก็หากินไม่ได้ เพราะว่าปลาดุกใช้หนวดคลำอาหาร ปรากฏว่าปลาที่กระผม/อาตมภาพปล่อยไปชุดแรก หนวดด้วนเกลี้ยงไม่เหลือสักตัว..!

หลังจากนั้น
กระผม/อาตมภาพก็เลยต้องมาพิจารณาว่า ปลาพื้นเมืองที่นี่คืออะไร ? ก็ปรากฏว่าส่วนใหญ่เป็นปลากระแห ซึ่งคนเก่าคนแก่เขาบอกว่า ไอ้พวกนี้แค่เห็นฟ้าก็ตกใจตายแล้ว จึงไม่สามารถที่จะหามาปล่อยได้ แล้วก็ศึกษาต่อไปว่ามีปลาอะไรบ้าง มีปลาเทโพ ปลาสวาย ก็เลยเปลี่ยนไปซื้อปลาเทโพ ปลาสวาย มาปล่อยแทน

สรุปว่าปล่อยอยู่ ๓ ปี กลายเป็นวังมัจฉาหน้าวัดท่าซุงอย่างที่พวกคุณเห็น เพราะฉะนั้น..ขอให้รู้ว่าไอ้วังมัจฉาหน้าวัดท่าซุงนั้น เป็นวีรกรรมของกระผม/อาตมภาพเอง..!

ภายหลังต้องไปยังตีกับชาวบ้านเขาอีกหลายยก ไอ้เรื่องที่ชาวบ้านเขามาจับปลาหน้าวัด คือปกติก็ไม่ได้หวงไม่ได้ห้ามอะไรหรอก แต่ตอนนั้นไปได้ยินเขาแล้วร้อนหู พวกนั้นเอาอวนมาตีปลาไปทีหนึ่งเป็นคันรถกระบะเลย แล้วมาพูดกันว่า "พระวัดนี้โง่..เลี้ยงปลาให้กูขาย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-12-2022 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 16-12-2022, 23:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,629
ได้ให้อนุโมทนา: 151,867
ได้รับอนุโมทนา 4,413,877 ครั้ง ใน 34,219 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พอได้ยิน กระผม/อาตมภาพก็ฟิวส์ขาด ลงเรือประกาศเลย "ให้เวลาจนถึงเย็นนี้ มึงเก็บเครื่องมือทุกชิ้นขึ้น ไม่อย่างนั้นกูจะเก็บให้เอง..!" ไม่มีใครสนใจเลยสักคน เพราะว่าไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้ พอ ๒ ทุ่ม กระผม/อาตมภาพลงไปกวาดเรียบเลย ไอ้เจ้าพวกนั้นก็ฟูมฟายมาฟ้องหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านบอกว่า "พระท่านทำหน้าที่รักษาของสงฆ์ อาตมายุ่งด้วยไม่ได้"

พอกระผม/อาตมภาพได้มาก็เผาทิ้งหมด เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะรู้ว่าเดี๋ยวก็มีไอ้พวกใจอ่อนเอาไปคืนเขา พวกคุณต้องเข้าใจว่า ตาข่ายดักปลาผืนหนึ่ง กว้าง ๒ เมตร ยาว ๑๐๐ เมตร เขาขึงเป็นรูปตัว Z ขวางแม่น้ำสะแกกรังหน้าวัด คนหนึ่งก็ ๓ ผืน
กระผม/อาตมภาพลากมากองพะเนินเทินทึก เผาเรียบ..!

จนกระทั่งตอนหลัง พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกว่า "ให้เหลือไว้บ้าง จะได้มีหลักฐานว่าพวกนี้มาทำชั่วหน้าวัด" แล้วท่านก็สร้างพิพิธภัณฑ์เครื่องมือจับปลาไว้ที่ใต้ถุนวิหารท้าวมหาราชทั้ง ๔ ไม่รู้ว่ายังเหลืออยู่หรือเปล่า ? ขอให้รู้ว่านั่นเป็นวีรกรรมของกระผม/อาตมภาพเองเช่นกัน

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องดีหรอก เพราะว่ามีสารพัดเรื่อง แล้วกระผม/อาตมภาพก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะแรงด้วย ไอ้พวกนั้นมันก็ขู่ว่า "จะขายที่ขายบ้านมาเอาพระสึกให้ได้..!"
กระผม/อาตมภาพบอกว่า "รีบทำเลย ตอนนี้กูบวชอยู่ กูทำได้แค่นี้ กูสึกเมื่อไร พวกมึงโดนหนักกว่านี้อีกหลายเท่า...!" เงียบสนิทไปเลย ก็ไม่มีอะไร..แค่มาเล่าความชั่วของตัวเองให้ฟังว่า ไอ้ที่ป่วยอยู่ทุกวันนี้ เกิดจากไอ้เรื่องที่ไปทำเอาไว้แบบนี้แหละ

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-12-2022 เมื่อ 14:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:51



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว